รวม 13 เว็บจองโรงแรม และเว็บจองที่พักราคาถูก อัปเดตล่าสุดปี 2023

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจท่องเที่ยวซบเซาลงไปเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่ในปี 2023 นี้ โลกกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ ธุรกิจท่องเที่ยวจึงเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ด้วยความที่ไม่ได้ท่องเที่ยวมานาน หลายๆ คนจึงติดปัญหาตรงที่ไม่รู้ว่าจะจองที่พักโรงแรมแบบไหนให้ได้ราคาถูกหรือคุ้มค่าที่สุด บทความนี้จึงพามาดูว่าจองที่พักเว็บไหนถูก โดยรวบรวมมาทั้ง 13 เว็บไซต์จองโรงแรมและที่พักราคาถูกมาให้เลือกกันตามความต้องการ พร้อมทั้งบอกข้อดี-ข้อเสียของแต่ละเว็บไซต์ จะมีเว็บไซต์ไหนบ้าง มาดูกันเลย

1. Agoda

มาเริ่มต้นกันที่เว็บจองโรงแรมยอดนิยมในประเทศไทยอย่าง Agoda ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ครบครันไปด้วยห้องพักทั้งจากโรงแรม และที่พักรายย่อยอีกมากมาย ในตอนแรก Agoda นั้นเน้นการจองห้องพักในแถบเอเชียเป็นหลัก แต่ต่อมาก็ได้ขยายการจองไปทั่วโลก โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจของเว็บไซต์นี้ คือ มีโปรโมชันราคาพิเศษและดีลต่างๆ ให้เลือกมากมาย นอกจากนั้นยังมีบริการค้นหาเที่ยวบิน รถโดยสาร รถไฟ เช่ารถ จองรถรับส่งสนามบิน รวมไปถึงจองกิจกรรมต่างๆ และยังมีฟีเจอร์จองที่พักพร้อมเที่ยวบินอีกด้วย ช่วยให้นักท่องเที่ยวทั้งมือใหม่และมือโปรสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น

ข้อดี

  • มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย
  • มีโปรโมชันและดีลต่างๆ มากมาย
  • มีส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิก
  • มีตัวกรองการค้นหาที่ดี
  • ใช้งานง่าย สะดวกสบาย
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าที่เป็นภาษาไทย

ข้อเสีย

  • ราคายังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม ทำให้ดูราคาถูกกว่าปกติ
  • ผลลัพธ์การค้นหายังไม่ดีเท่าที่ควรในแถบอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือแถบเอเชีย

2. Airbnb

Airbnb คือเว็บจองที่พักที่จะเปิดประสบการณ์ที่พักแบบใหม่ โดยปกติแล้วการจองที่พักมักจะเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ต ที่สร้างขึ้นเพื่อให้มีคนเข้าพักโดยเฉพาะ แต่ที่ Airbnb สามารถจองที่พักที่เป็นบ้านส่วนบุคคลหรือคอนโดที่เจ้าของปล่อยให้เข้าพักได้ ให้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นั้นๆ ทำให้ที่พักในเว็บไซต์นี้มีรูปแบบและสไตล์การตกแต่งที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบบรรยากาศแบบคนท้องถิ่น ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปพักที่บ้านญาติหรือบ้านเพื่อนนั่นเอง

ข้อดี

  • ได้ราคาที่ถูกกว่าการจองโรงแรม
  • ที่พักที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า เช่น มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ฯลฯ
  • มีฟีเจอร์ที่ให้เลือกความเป็นส่วนตัว เช่น เลือกที่พักแบบมีห้องน้ำส่วนตัวหรือห้องน้ำรวมได้
  • ได้พูดคุยกับโฮสต์และได้รู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับท้องถิ่นที่เข้าพัก
  • ที่พักที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเองเหมือนพักบ้านคนรู้จัก

ข้อเสีย

  • ตำแหน่งที่พักระบุเป็นรัศมี ทำให้ไม่ค่อยชัดเจน
  • รูปถ่ายและรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักมีค่อนข้างน้อย
  • โฮสต์สามารถปฏิเสธการจองได้
  • ต้องพูดคุยกับโฮสต์ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ภาษาท้องถิ่นในการสื่อสาร

3. Booking.com

มาต่อกันที่เว็บไซต์จองที่พักเจ้าใหญ่ที่หลายๆ คนคุ้นตา นั่นก็คือ Booking.com ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับบริษัท Agoda ทำให้มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ อย่าง โดยสามารถจองที่พักที่เป็นโรงแรม บ้านพัก อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า ได้ทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงสามารถจองเที่ยวบิน รถไฟ รถโดยสาร เช่ารถ และยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ Booking.com แตกต่างจาก Agoda คือ เน้นการจองที่พักในแถบยุโรปเป็นหลัก ทำให้เว็บไซต์นี้มีข้อเสนอที่พักในแถบยุโรปที่มีราคาถูกมากกว่านั่นเอง นอกจากนั้นยังใช้งานง่าย สะดวกสบาย จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ

ข้อดี

  • สามารถจองที่พักได้หลายรูปแบบ ทั้งโรงแรม อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า ฯลฯ
  • มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย
  • มีตัวกรองการค้นหาที่ดี
  • มีรูปภาพและรายละเอียดที่พักอย่างชัดเจน
  • มีบริการข้อมูลการจองมากถึง 43 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย
  • สามารถยกเลิกการจองได้ฟรี

ข้อเสีย

  • หากจองที่พักในแถบเอเชียหรือซื้อแพ็กเกจเหมารวม อาจมีราคาสูง
  • ด้วยความที่ลูกค้าสามารถยกเลิกการจองห้องพักได้ฟรี ทำให้ที่พักอาจปฏิเสธการจองผ่าน Booking.com และเลือกสำรองที่พักให้กับเว็บไซต์อื่นก่อน

4. Expedia

Expedia ก็เป็นอีกหนึ่งเว็บจองโรงแรมที่เรียกได้ว่าครบครันทุกการเดินทางเลยก็ว่าได้ แม้ว่า Expedia จะมีชื่อเสียงในเรื่องการจองเที่ยวบิน แต่เว็บไซต์นี้ยังให้บริการทั้งจองเที่ยวบินพร้อมที่พัก โดยที่พักก็จะมีตั้งแต่ที่พักเล็กๆ ไปจนถึงโรงแรมใหญ่ๆ นอกจากนั้นยังมีบริการเช่ารถ ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยว หรือจองกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย ทำให้ Expedia เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ได้วางแผนการเดินทางตามที่ต้องการได้

ข้อดี

  • มีฟีเจอร์การจองที่หลากหลาย
  • มีตัวเลือกที่พักหลากหลาย ทั้งที่พักเล็กๆ อพาร์ตเมนต์ โรงแรม ฯลฯ
  • มีตัวกรองการค้นหาที่ค่อนข้างดี
  • มีการแสดงราคาที่พักที่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมแล้ว
  • สามารถยกเลิกที่พักได้ฟรี

ข้อเสีย

  • ราคาที่พักอยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ย หรือบางครั้งอาจมีราคาสูงกว่าเจ้าอื่น

5. Google.com/travel/hotels

อย่างที่หลายๆ คนเคยได้ยินกันว่า “นึกอะไรไม่ออก บอก Google” และแน่นอนว่า Google ก็สามารถช่วยหาที่พักดีๆ ราคาถูกได้ด้วยเช่นกัน เข้าไปที่ Google.com/travel/hotels จะพบกับผลการค้นหาโรงแรมและที่พักในราคาสุดคุ้มมากมายที่ทาง Google คัดมาให้แล้ว อีกทั้งยังสามารถค้นหาเที่ยวบิน กิจกรรมต่างๆ และบอกจุดท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียงกับที่พักอีกด้วย

ข้อดี

  • ค้นหาที่พักได้อย่างรวดเร็ว
  • ใช้งานง่าย สะดวกสบาย
  • Google คำนวณให้แล้วว่าจองที่พักในเว็บไซต์ใดให้ราคาที่ดีที่สุด
  • มีตัวเลือกให้ดูราคาที่พักพร้อมภาษีและค่าธรรมเนียม
  • มีตัวกรองการค้นหาที่ดี

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์การค้นหาที่พักค่อนข้างน้อยกว่าเว็บไซต์อื่น
  • Google จะแสดงผลลัพธ์ของพาร์ทเนอร์ที่ซื้อโฆษณาก่อนเสมอ อาจทำให้ไม่พบที่พักที่ตรงตามความต้องการ

6. HotelsCombined.com

เว็บจองโรงแรมสัญชาติออสเตรเลียอย่าง HotelsCombined.com ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นเว็บที่สามารถเปรียบเทียบราคากับเว็บจองที่พักของเจ้าอื่นได้ พร้อมทั้งมีเครื่องมือติดตามราคาให้คุณไม่พลาดการจองที่พักในราคาที่ดีที่สุด นอกจากนั้นยังมีบริการจองตั๋วเครื่องบินและรถเช่า อีกทั้งในส่วนของหน้าเว็บไซต์ดูสะอาดสะอ้าน มีตัวกรองการค้นหาที่ละเอียด ทำให้ใช้งานได้ง่ายอีกด้วย

ข้อดี

  • มีเครื่องมือติดตามและแจ้งเตือนราคา
  • มีตัวกรองการค้นหาที่ดีเยี่ยม
  • มีตัวเลือกดูราคาแบบมีหรือไม่มีภาษี

ข้อเสีย

  • ตัวเลือกที่พักค่อนข้างน้อยกว่าเว็บไซต์อื่น
  • บางครั้งราคาก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อกดซื้อจริงกับผู้ขาย

7. Hotels.com

Hotels.com เป็นเว็บจองที่พักที่มีจุดประสงค์เพื่อจองที่พักโดยเฉพาะ ไม่มีการบริการอย่างอื่น ด้วยความที่เป็นเว็บจองที่พักอย่างเดียว เว็บจึงใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีตัวเลือกที่พักค่อนข้างหลากหลาย ทั้งโฮสเทล รีสอร์ต อพาร์ตเมนต์ โรงแรม ฯลฯ อีกทั้งยังมีรายละเอียดของที่พักอย่างชัดเจน ดังนั้นใครที่อยากจะจองที่พักอย่างเดียว เว็บไซต์นี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการแน่นอน

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
  • ค้นหาได้เร็วและแสดงตัวเลือกที่พักได้อย่างหลากหลาย
  • มีตัวกรองการค้นหาและการเรียงลำดับที่ดี
  • มีรายละเอียดที่พักชัดเจน

ข้อเสีย

  • สามารถจองที่พักได้เพียงอย่างเดียว ไม่มีบริการเสริม
  • ราคาที่พักอยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ย

8. Kayak

Kayak คือเว็บจองโรงแรมที่ให้บริการค้นหารายละเอียดการเดินทาง ทั้งที่พัก ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า รวมไปถึงให้บริการข้อมูลแพ็กเกจเที่ยวบิน+ที่พัก โดยมุ่งเน้นเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เปรียบเทียบข้อมูลและวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ ซึ่งในหน้าเว็บไซต์นั้นใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีตัวกรองการค้นหาที่หลากหลาย ใครที่ต้องการวางแผนการเดินทางหรืออยากค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่พักที่ต้องการ ก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมที่เว็บไซต์นี้ได้เลย

ข้อดี

  • มีตัวเลือกแสดงราคาแบบรวมภาษีและค่าธรรมเนียม
  • มีตัวกรองการค้นหาที่ดี
  • มีเครื่องมือติดตามและแจ้งเตือนราคา
  • สามารถค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่พักได้โดยตรง

ข้อเสีย

  • ราคาที่เห็นในหน้าเว็บไซต์อาจไม่ใช่ราคาต่ำสุดเสมอไป
  • รายการที่พักค่อนข้างน้อยกว่าเว็บไซต์อื่น

9. Klook

Klook เป็นอีกหนึ่งเว็บจองที่พักสำหรับวางแผนการเดินทางที่น่าสนใจ เพราะมีบริการทั้งจองที่พัก เที่ยวบิน รถโดยสาร รวมไปถึงจองกิจกรรม บัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือจะจองเป็นแพ็กเกจทัวร์เลยก็ทำได้ เรียกได้ว่าเว็บเดียวครบ จบทุกการท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถใช้งานได้ครอบคลุมทั่วโลก ดังนั้นไม่ว่าจะมีจุดหมายปลายทางที่ใด Klook ก็สามารถให้บริการได้แน่นอน

ข้อดี

  • มีการบริการที่หลากหลาย ทั้งเรื่องที่พัก การเดินทาง กิจกรรมต่างๆ ฯลฯ
  • สามารถรับเครดิตเพื่อเป็นส่วนลดในการเดินทางครั้งถัดไป
  • มีโปรโมชันและดีลส่วนลดมากมาย
  • ใช้งานง่าย สะดวกสบาย

ข้อเสีย

  • บางครั้งไม่สามารถใช้ voucher ที่ได้รับมาได้
  • การติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้าค่อนข้างลำบาก เนื่องจากใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก

10. Traveloka

Traveloka เป็นเว็บจองที่พักที่ครบครันทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ไม่ว่าจะจองที่พัก ซึ่งมีให้เลือกทุกระดับ ตั้งแต่ที่พักเล็กๆ ไปจนถึงโรงแรมหรู หรือจะค้นหารถเช่า เที่ยวบิน รถรับส่งสนามบิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังมีบริการจองกิจกรรม ร้านอาหาร สปาเพื่อสุขภาพ หรือแม้กระทั่งคลาสเรียนอีกด้วย โดย Traveloka จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดท้องถิ่น โดยเฉพาะในอินโดนีเซียและไทย ทำให้เป็นเว็บไซต์ที่เข้าใจในความต้องการของนักเดินทางชาวไทยนั่นเอง

ข้อดี

  • มีการบริการท่องเที่ยวที่ครบครัน ทั้งจองที่พัก ตั๋วโดยสาร บัตรเข้างาน ฯลฯ
  • มีส่วนลดและโปรโมชันค่อนข้างเยอะ
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าที่เป็นภาษาไทย

ข้อเสีย

  • อาจไม่ได้ราคาการจองที่ถูกที่สุด 
  • หากยกเลิกการจอง อาจต้องใช้เวลานานในการคืนเงิน

11. Trip.com

มาถึงเว็บที่เพิ่งเปิดให้บริการด้านท่องเที่ยวในไทยอย่าง Trip.com มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายและชัดเจน สามารถค้นหาที่พักพร้อมเปรียบเทียบราคาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีบริการที่ครบครัน ทั้งจองโรงแรมที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ รถเช่า หรือจะค้นหาทัวร์ เที่ยวบิน+โรงแรม ก็ทำได้เป็นอย่างดี และมีฟีเจอร์การค้นหาสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนใกล้บ้าน ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลหรือลาหยุดงานให้ได้อีกด้วย

ข้อดี

  • ให้บริการแบบครบครันทุกการท่องเที่ยวและพักผ่อน
  • มีฟีเจอร์ที่ช่วยแก้ไขแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น
  • มีแจ้งเตือนราคาพิเศษ
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และชัดเจน

ข้อเสีย

  • ฝ่ายบริการลูกค้าค่อนข้างดำเนินการช้า และไม่ค่อยยืดหยุ่น
  • เพิ่งเข้าไทยได้ไม่นาน อาจทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือ
  • การให้บริการในแถบยุโรปยังค่อนข้างน้อย

12. Tripadvisor.com

เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะคุ้นหูกับเว็บจองโรงแรม Tripadvisor.com กันมาบ้าง เพราะเว็บนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการเขียนบล็อกและมีรีวิวของนักท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลกให้ได้อ่านกัน ใครที่อยากจองที่พักพร้อมกับอ่านรีวิวที่น่าเชื่อถือและมาจากประสบการณ์จริง ก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์นี้ นอกจากนั้น Tripadvisor ยังมีฟีเจอร์เปรียบเทียบราคาที่พัก ซึ่งจัดวางอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นและเปรียบเทียบได้อย่างรวดเร็วด้วย

ข้อดี

  • มีรีวิวมากมายที่มาจากประสบการณ์จริงและมีประโยชน์ต่อการเดินทาง
  • เว็บไซต์ออกแบบมาสวยงามและใช้งานง่าย
  • เก่งในเรื่องการค้นหาห้องพักที่มีราคาถูกที่สุด

ข้อเสีย

  • ตัวกรองการค้นหายังไม่ค่อยเสถียร
  • บางรีวิวอาจเป็นรีวิวที่หลอกลวงหรือไม่น่าเชื่อถือ

13. Trivago

มาถึงเว็บไซต์สุดท้ายที่เป็นเว็บจองที่พักเจ้าใหญ่ที่สุดอย่าง Trivago ซึ่งรวบรวมราคาที่พักทั้งในและต่างประเทศมากถึง 5 ล้านแห่งใน 190 ประเทศทั่วโลก โดยจุดเด่นของเว็บไซต์คือสามารถเปรียบเทียบราคาที่พักจากหลายแหล่งข้อมูลได้ โดยฐานข้อมูลของ Trivago ก็มาจากเว็บไซต์ชั้นนำมากมาย ทั้ง Agoda, Booking.com, Expedia และอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงข้อมูลจากเว็บไซต์ของที่พักโดยตรงอีกด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพรวมราคาที่พักได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบที่อยากวางแผนการเดินทางอย่างรวดเร็ว

ข้อดี

  • เว็บไซต์ดูเรียบง่ายและสะอาดตา พร้อมออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย
  • เปรียบเทียบราคาที่พักจากเว็บไซต์อื่นๆ ได้
  • สามารถค้นหาราคาจากเว็บไซต์ของที่พักได้โดยตรง
  • รายละเอียดที่พักชัดเจน

ข้อเสีย

  • ตัวเลือกที่พักค่อนข้างน้อย
  • ราคาที่เห็นอาจไม่ใช่ราคาจริง เพราะยังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม
  • แสดงผลลัพธ์เฉพาะที่พักที่ตรงตามเกณฑ์ที่เว็บไซต์กำหนด

สรุป

มาถึงตรงนี้ คงจะพอทราบกันแล้วว่าจองที่พักเว็บไหนถูกบ้าง ซึ่งปี 2023 นี้มีเว็บจองโรงแรมราคาถูกให้เลือกมากมาย โดยแต่ละเว็บไซต์ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป ดังนั้น หากเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง ก็จะได้ที่พักในราคาสุดคุ้มอย่างแน่นอน แต่หลังจากได้ที่พักราคาดีๆ แล้ว อย่าลืมเลือกใช้บริการขนส่งสัมภาระ ที่จะช่วยให้การเดินทางเป็นเรื่องง่าย สบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระ อย่างที่ Airportels มีบริการขนส่งสัมภาระที่สะดวกสบายตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมดูแลสัมภาระให้ถึงที่พักอย่างปลอดภัยหายห่วง

รวม 11 เว็บจองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมราคาถูก อัปเดตล่าสุดปี 2023 

เคยเป็นไหม? เลื่อนดูโซเชียลมีเดียเมื่อไหร่ ก็เจอแต่เพื่อนๆ ชีวิตดี ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวจนน่าอิจฉา เห็นแล้วก็อยากจะเก็บกระเป๋าเดินทาง แล้วออกไปเผชิญโลกกว้างแบบคนอื่นๆ แต่เงินในบัญชีก็ยังไม่อำนวย วันนี้ Airportels จึงได้ทำการรวบรวม 11 เว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก และ เว็บจองโรงแรมราคาถูก มาเอาใจนักเดินทางสายประหยัด ให้สายเที่ยวได้จองทั้งตั๋วเครื่องบินและโรงแรมในราคาแบบสบายกระเป๋า พร้อมโปรโมชันสุดปังที่จะทำให้รู้ว่าของถูกและดีมีอยู่จริง ข้อมูลอัปเดตล่าสุดในปี 2023 ที่สายเที่ยวไม่ควรพลาด จะมีเว็บอะไรบ้างตามไปดูกันเลย

1. Agoda

เว็บไซต์ OTA (Online Traveling Agency) รุ่นเก๋าที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2005 และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย หากถามถึงเว็บจองตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาถูกแล้วละก็ Agoda จะเป็นหนึ่งในชื่อที่ผู้คนมักจะต้องนึกถึงอย่างแน่นอน เพราะเป็นเว็บที่ช่วยค้นหาได้ทั้งที่พักและโรงแรมราคาถูกในเวลาเดียวกัน และยังครอบคลุมทั่วโลก สามารถใช้ค้นหาเที่ยวบินและที่พักทั้งภายในและนอกประเทศได้อย่างง่ายดายในราคาที่เหมาะสม 

นอกจากนี้การใช้งานเว็บไซต์ก็ตรงไปตรงมา มีตัวกรองที่ไม่ซับซ้อนแต่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังมีแอปพลิเคชันมือถือสำหรับทั้ง iOS และ Android อีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Agoda ยังคงครองใจนักท่องเที่ยวสายประหยัดหลายๆ คน ในฐานะ เว็บจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินราคาถูก อันดับต้นๆ ของเอเชีย

ข้อดี

  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีตัวกรองที่มีประสิทธิภาพ
  • สะดวกสบาย สามารถจองที่พักและไฟล์ทได้ในเวลาเดียวกัน
  • มีห้องพักที่หลากหลาย ครอบคลุมหลายประเทศทั่วโลก
  • สามารถเลือกได้ว่าจะชำระเงินทันที หรือจ่ายทีหลัง

ข้อเสีย

  • มีการแบ่งที่พักออกเป็นหลายระดับ ซึ่งเงื่อนไขในการยกเลิกการจองในแต่ละระดับก็แตกต่างกันออกไป อาจทำให้เกิดการสับสน และทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อทำการยกเลิกในบางกรณี
  • หากทำการค้นหาที่พักในช่วงที่มีผู้ใช้งานเยอะ อาจทำให้ราคาพุ่งสูงได้
  • มีการคิดภาษีและค่าบริการซึ่งอาจทำให้ราคาแพงกว่าปกติ

2. Airasia.com

สายการบินโลว์คอสต์เชื้อสายมาเลเซีย ที่ครองใจเหล่านักเดินทางสายประหยัดมาเป็นเวลาช้านาน หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า เว็บไซต์ของ Airasia นั้น นอกจากบริการในการจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังมีบริการจองโรงแรมราคาถูก และจองรถเช่าอีกด้วย โดยเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วง ตุลาคมของปี พ.ศ. 2565 ซึ่งได้มีการปล่อย แอปพลิเคชัน airasia Super App ออกมา โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้ Airasia กลายเป็น เว็บ OTA อันดับหนึ่งในเขตอาเซียน ในเรื่องของการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม  

ข้อดี

  • มีโปรโมชันราคาพิเศษออกมาเรื่อยๆ ทำให้สามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ในราคาที่คุ้มค่า
  • เว็บไซต์มีความเรียบง่าย ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
  • มีแอปพลิเคชัน จึงสามารถทำการค้นหาและจองตั๋วได้เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน

ข้อเสีย 

  • อาจไม่ได้ตั๋วที่ราคาถูกเสมอไปหากไม่ได้จองในช่วงโปรโมชัน
  • เว็บล่มหรือมีปัญหาบ่อยในช่วงปล่อยโปรโมชัน เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการเป็นจำนวนมาก
  • หากจองเที่ยวบินอื่นๆ ผ่านเว็บของ Airasia เมื่อเกิดปัญหา อาจทำให้เกิดความสับสน และความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหา หรือหาผู้รับผิดชอบ

3. Airpaz

เว็บ OTA สัญชาติอินโดนีเซีย ซึ่งเริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา Airpaz เป็นเว็บจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมราคาถูก ที่มีรูปแบบการใช้งานที่ตรงไปตรงมา โดยสามารถเลือกจองได้ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พัก โดยระบบจะทำการค้นหาไฟล์ทหรือที่พัก และเรียงลำดับจากราคาน้อยไปราคาที่สูงที่สุด นอกจากนี้ยังมีแท็บโปรโมชันที่รวบรวมส่วนลดเด็ดๆ จากบัตรเครดิตต่างๆ เรียกได้ว่าแจกส่วนลดกันแบบชัดๆ เน้นๆ ไม่มีกั๊กอย่างแน่นอน 

ข้อดี

  • เว็บใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการใช้ตัวกรองขั้นสูงเหมือนเว็บอื่นๆ
  • นอกจากการชำระเงินจากบัตรเครดิต แอปธนาคาร เคาน์เตอร์เซอร์วิส และการโอนเงินแล้ว ยังมีช่องทางการชำระเงินอื่นๆ เช่น ผ่าน Alipay Cenpay บุญเติม หรือ rabbit Line Pay อีกด้วย 

ข้อเสีย

  • ช่องทางการติดต่อหลักต้องทำผ่านอีเมล ทำให้การติดต่อประสานงานเป็นไปอย่างยากลำบาก
  • ต้องทำการจองไฟล์ทและที่พักแยกกัน ไม่มีบริการจองแบบ Bundle เหมือน OTA เจ้าอื่น
  • ไม่มีบริการจองรถเช่า

4. Cheap Flights

Cheapflights คือ เว็บไซต์ค้นหาเที่ยวบินและที่พัก ที่ในปี 2023 นี้จะมีอายุครบ 27 ปีพอดี โดยในปัจจุบัน ได้ถูกซื้อหุ้นและกลายเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม Booking Holdings เป็นที่เรียบร้อย ทำให้เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ตัวกลางในการหาตั๋วเครื่องบิน หรือเว็บจองโรงแรมราคาถูกที่สามารถไว้วางใจได้ ตัวเว็บไซต์มีความเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่มีแถบโฆษณาหรือหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมารบกวน ทำให้มีเวลาโหลดไทม์ที่ค่อนข้างไว สามารถใช้เปรียบเทียบราคาของตั๋วเครื่องบินและที่พักได้เหมือนกับเว็บ Meta Search Engine อื่นๆ และยังมีแอปพลิเคชันทั้งบน iOS และ Android ทำให้การค้นหาที่พักและตั๋วเดินทางราคาถูกกลายเป็นเรื่องง่าย  

ข้อดี

  • เว็บไซต์มีความเรียบง่าย ไม่มีหน้าต่าง Pop-up หรือ โฆษณามารบกวน
  • มีเวลาโหลดไทม์ที่ค่อนข้างไว
  • ตัว Interface ของเว็บเหมาะกับการใช้งานบนแอปพลิเคชันมือถือ 

ข้อเสีย

  • ไม่มีสาขาในประเทศไทย การติดต่อต้องทำผ่านอีเมล ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือผิดพลาดในการสื่อสาร
  • ไม่มีบริการ Bundle Pack ที่จองทั้งที่พักและเที่ยวบินพร้อมกัน
  • ต้องทำการกดลิงก์เพื่อจองที่พักหรือเที่ยวบินเอง ไม่ได้เป็น OTA ที่สามารถจองผ่านเว็บได้

5. Expedia

Expedia คือ เว็บเอเจนซี่ท่องเที่ยวที่ให้บริการ Meta Search Engine มาตั้งแต่ปี 2001 เว็บไซต์ชื่อดังจาก อเมริกานี้ยังคงเป็นเว็บจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมราคาถูก ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางทั่วโลก โดยให้บริการที่ครอบคลุมทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และบริการเช่ารถ นอกจากนี้ยังมีแท็บ Things to do ซึ่งเป็นการรวบรวมทริปทัวร์หรือกิจกรรมที่สามารถเข้าร่วมได้ในช่วงที่ต้องการเดินทาง เรียกได้ว่าเป็น one-stop-service ที่จะทำให้การวางแผนในการเดินทางกลายเป็นเรื่องง่ายและน่าสนุกไปพร้อมๆ กัน

ข้อดี

  • เว็บไซต์มีความเรียบง่าย ใช้งานสะดวก มีปุ่มเมนูที่ดูสะอาดตา
  • สามารถกดเลือกจองตั๋วเครื่องบินและที่พักแบบแพ็คเกจ ทำให้ประสบการณ์การจองตั๋วและโรงแรมมีความสะดวกและราบรื่นขึ้น
  • มีการแจกโค้ดส่วนลด ผ่าน Expedia คูปอง ออกมาเรื่อยๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น
  • มีช่องทางการติดต่อทางโทรศัพท์ภายในประเทศ 

ข้อเสีย

  • ในช่วงที่โรงแรมมีโปรโมชันพิเศษ การจองผ่านโรงแรมโดยตรง อาจได้ราคาที่ถูกกว่าการจองผ่าน Expedia
  • การขอยกเลิกและขอเงินคืนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก โดยเฉพาะในส่วนของโรงแรมและที่พัก ซึ่งมักจะมีนโยบายในการคืนเงินที่แตกต่างกันออกไป ในกรณีที่แย่ที่สุดก็คือมีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินคืน

6. Google Flight

Google Flight คือบริการย่อยในเครือของ Google ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 โดยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาเที่ยวบินราคาถูก และในปัจจุบันยังครอบคลุมไปถึงการค้นหาที่พักและโรงแรมอีกด้วย ซึ่งแตกต่างจากบางเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วๆ ไป Google Flight นั้นไม่ได้มีบริการในการจองตั๋วหรือที่พักผ่านตัวเว็บโดยตรง แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการเปรียบเทียบราคา ในวันเวลา และตำแหน่งที่ต้องการเท่านั้น 

ข้อดีก็คือตัวเว็บไซต์จะมีการระบุค่าเฉลี่ยราคาเที่ยวบินในแต่ละวัน ทำให้สามารถวางแผนและจองการเดินทางในวันที่ราคาตั๋วไม่สูงมาก ถือเป็นเครื่องมือคู่ใจนักเดินทาง ที่จะช่วยให้สามารถประหยัดงบประมาณ และประหยัดเวลาในการค้นหาตั๋วและที่พักได้เป็นอย่างดี  

ข้อดี

  • มีกราฟและราคาเฉลี่ยของราคาตั๋วในแต่ละวัน ทำให้สามารถหาช่วงเวลาที่ตั๋วถูกที่สุดได้
  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • เป็นการจองกับสายการบิน หรือที่พักโดยตรง หากเกิดปัญหาขึ้นก็สามารถติดต่อกับสายการบินหรือที่พักได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง

ข้อเสีย

  • ราคาอาจไม่ได้ถูกที่สุดเสมอไป หากเทียบกับการจองตั๋วโปรโมชันผ่านสายการบินโดยตรง
  • ไม่สามารถจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ได้ ผู้โดยสารต้องทำการจองตั๋วผ่านสายการบินเอง ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการจบทุกกระบวนการในเว็บเดียว

7. Kayak

หนึ่งในบริษัทลูกในเครือ Booking Holdings เช่นเดียวกับ Booking.com และ Cheapflights โดย Kayak นั้น ให้บริการในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาของสายการบินและที่พักเช่นเดียวกับ Meta Search Engine อื่นๆ แต่ความพิเศษอยู่ที่ความสามารถในการค้นหาไฟล์ทราคาถูกของต่างสายการบิน และนำมาจัดไฟล์ทขาไปและกลับในราคาที่ถูกที่สุด 

ข้อดี

  • สามารถเลือกการเดินทาง ขาไปและกลับโดยใช้คนละสายการบิน
  • มีตัวเลือก และตัวคัดกรองผลการค้นหาให้เลือกใช้มากมาย

ข้อเสีย

  • ไม่ใช่สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้โดยตรง เว็บจะทำการลิงก์ไปยังเพจของสายการบิน OTA หรือโรงแรม และผู้ใช้งานต้องทำการจองด้วยตัวเอง
  • อาจไม่ได้ไฟล์ทที่ถูกที่สุดเสมอไป เพราะมีการแอบแฝงแท็บโฆษณาปะปนมากับผลลัพธ์การค้นหาทั่วไป

8. Skyscanner

เว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกสัญชาติสกอตแลนด์ ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 โดยครอบคลุมการค้นหาไปถึงโรงแรมที่พัก และบริการเช่ารถอีกด้วย เว็บไซต์ Skyscanner นั้นมีตัวแอปพลิเคชันมือถือที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ทำให้การค้นหาเที่ยวบินกลายเป็นเรื่องง่าย สามารถเลือกเส้นทางบินต่างสายการบินในทริปเดียวได้ ทำให้ได้ตั๋วในราคาที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบ Price Alert เพื่อแจ้งเตือนหากมีตั๋วราคาพิเศษหลุดมาในวันที่ต้องการเดินทาง ถือเป็นแอปพลิเคชันมือถือที่นักเดินทางทุกคนควรมี 

ข้อดี

  • มีตัวเลือกคัดกรองเยอะ สามารถปรับแต่งการค้นหาให้เหมาะสมตามความต้องการ
  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ไม่มีบริการจองตั๋วหรือที่พักผ่านเว็บ เป็นเพียงเว็บค้นหาเท่านั้น
  • มีโฆษณาและ Pop-up Window แทรกอยู่ระหว่างผลลัพธ์การค้นหา อาจทำให้เกิดความสับสน

9. Traveloka

Traveloka คือ OTA ยักษ์ใหญ่จากประเทศอินโดนีเซียที่เชื่อว่านักเดินทางทุกคนจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟังก์ชันของเว็บ Traveloka นั้นมีความคล้ายคลึงกับ Expedia เป็นอย่างมาก โดยสามารถใช้แพลตฟอร์มในการค้นหาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และรถเช่า และทำการจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย เรียกได้ว่าสามารถทำทุกอย่างได้ครบจบในที่เดียว นอกจากนี้ ยังมีการแจกโค้ดโปรโมชันผ่านแท็ป Hot Fare ซึ่งจะเป็นการรวบรวมตั๋วราคาพิเศษจากเคมเปญต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดงบเดินทางเอาไว้ ช็อป ชิม ชิวได้แบบจุใจ 

ข้อดี

  • เป็น one-stop-service สามารถวางแผนการเดินทาง และทำการจองทุกอย่างภายในที่เดียว
  • เว็บไซต์ดูเรียบง่าย สบายตา
  • มีการแจกโค้ดส่วนลดอยู่เสมอ ซึ่งช่วยประหยัดงบในการเดินทาง
  • มีเบอร์ศูนย์ Call Center ในไทย

ข้อเสีย

  • โหลดไทม์ของเว็บไซต์ค่อนข้างช้า
  • หากเกิดปัญหาขึ้น การติดตามเรื่องจะเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะเป็นการสั่งจองผ่านกับตัวกลาง

10. Tripadvisor

นักเดินทางรุ่นเก๋า โดยเฉพาะในยุค 2000 คงไม่มีใครไม่รู้จัก Tripadvisor เว็บไซต์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการรีวิวที่พักและร้านอาหารชื่อดังจากประเทศอเมริกา ซึ่งในปัจจุบันได้กลายมาเป็นเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกและ เว็บจองโรงแรมราคาถูกอันดับต้นๆ ของโลก ที่ช่วยให้นักเดินทางสามารถหาตั๋วเครื่องบินและที่พักในราคาที่เหมาะสม รวมถึงอ่านรีวิวของสถานที่แต่ละแห่งได้ภายในไม่กี่คลิก 

นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาร้านอาหาร หรือจองกิจกรรมที่น่าสนใจ ในระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างของแพลตฟอร์มก็คือ ข้อความเตือนภัยสำหรับที่พักที่เคยเกิดการก่ออาชญากรรมทางเพศ โดยป้ายคำเตือนนี้จะหายไป หากไม่มีเหตุอาชญากรรมอื่นๆ เกิดขึ้นหลังจาก 3 เดือน

ข้อดี

  • มีฟีเจอร์เตือนภัยเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเพิ่มความระมัดระวังตัว หรือหลีกเลี่ยงบริเวณที่พักที่เคยเกิดเหตุอาชญากรรม
  • โดดเด่นในเรื่องของรีวิวที่พักและร้านอาหาร ที่สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจก่อนจอง
  • มีอ็อปชันการเลือกจองเรือครูซ ซึ่งคู่แข่งไม่มี

ข้อเสีย

  • การติดต่อหลักต้องทำผ่านอีเมล อาจทำให้เกิดความล่าช้า และเกิดความผิดพลาดในการติดต่อสื่อสาร
  • รีวิวอาจจะไม่ได้แม่นยำเสมอไป เพราะฉะนั้นอาจต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย

11. Trip.com

ออนไลน์ทราเวลเอเจนซี่ อันดับต้นๆ จากประเทศสิงค์โปร์ ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวสายประหยัด ด้วยความสามารถในการค้นหาเที่ยวบิน ที่พัก รถเช่า และแม้กระทั่งตั๋วรถไฟในบางประเทศ ทำให้ Trip.com เป็นหนึ่งในเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก และเว็บจองโรงแรมราคาถูกคู่ใจสายเดินทางหลายคน มาพร้อมกับแอปพลิเคชันมือถือที่ทำให้การค้นหาและจองตั๋วและที่พักกลายเป็นเรื่องง่าย และยังมีการแจกดีลเด่นประจำวัน ซึ่งเป็นการให้ส่วนลดเพิ่มเติม หรือเป็นการเพิ่มของแถมให้กับผู้ใช้งานอีกด้วย 

ข้อดี

  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • มีบริการให้เลือกหลากหลาย นอกจาก ไฟล์ท โรงแรม และรถ ก็ยังสามารถจองตั๋วรถไฟในบางพื้นที่ได้อีกด้วย
  • มีการแจกโปรโมชันส่วนลดอยู่เรื่อยๆ ทำให้สามารถเซฟงบการเดินทางไปได้อีกเยอะ
  • มีช่องทางการติดต่อผ่าน แชท โทรศัพท์ และอีเมล

ข้อเสีย

  • เนื่องจากเป็นองค์กรใหญ่ การเข้าถึงตัวพนักงานเพื่อขอความช่วยเหลืออาจทำได้ยากและอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ในหลายๆ จุด
  • อาจต้องใช้เวลานานในการของเงินคืน ในกรณีที่เกิดปัญหาในการจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก

สรุป

ปี 2023 นี้ มีเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก และเว็บจองโรงแรมราคาถูกให้เลือกมากมาย โดยแต่ละเว็บต่างก็มีข้อดีและข้อด้อยเป็นของตนเอง หวังว่าเว็บไซต์เหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยในการเติมเต็มความฝันของเหล่านักเดินทางทุกคน ในการออกไปเที่ยวพักผ่อน หรือใช้เวลากับคนพิเศษ ในราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋า จะได้เก็บเงินเอาไว้ช๊อปกันต่อได้แบบชิวๆ

ที่สำคัญ ได้ตั๋วเดินทางและห้องพักราคาดีแล้ว ก็อย่าลืมใช้บริการของ Airportels บริการขนส่งสัมภาระระหว่างที่พักและสนามบิน ที่สะดวกสบายตลอด 24 ชั่วโมง ให้คุณเที่ยวได้แบบสบายตัว สบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระ เดินตัวปลิว ชมวิวสุดฟิน และอินไปกับบรรยากาศได้อย่างสบายใจ

13 ที่เที่ยวของคนโสด เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ลุยเดี่ยวมีข้อดีกว่าที่คิด

หากใครที่เป็นคนโสดแล้วอยากไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหรือไม่อยากรอเพื่อนว่าง บทความนี้จะมาแนะนำ 13 ที่เที่ยวในไทยสำหรับคนโสดที่อยากไปพักใจ อยากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ลุยเดี่ยวคนเดียวชิลๆ ท้าทายตัวเองว่าเที่ยวคนเดียวสามารถไปเที่ยว และการไปเที่ยวคนเดียวนั้นมีข้อดีมากกว่าที่เราคิด เพราะจะได้ใช้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่ สามารถโฟกัสกับสิ่งรอบตัว ซึมซับบรรยากาศได้มากขึ้นและยังมีข้อดีของการเที่ยวคนเดียวอื่นๆ อีกมากมายอยู่ในช่วงท้ายของบทความ

13 ทริปคนโสด ลุยเดี่ยว คนเดียวชิลๆ

13 ทริปคนโสดทั่วประเทศไทย ที่ได้คัดสรรมาแล้ว เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้ทั้งหญิงและชาย ปลอดภัยไม่อันตราย ท่องเที่ยว พักผ่อนได้อย่างสบายใจ คลายกังวล กลับจากทริปด้วยใจฟูๆ 

ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

1. ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

สัมผัสเมืองเหนือ อากาศเย็นๆ และผู้คนที่อัธยาศัยดี การเดินทางที่สะดวก อาหารการกินก็ไม่แพง เหมาะแก่การมาเที่ยวคนเดียว บางทีเราอาจจะไม่กล้ากินเยอะเพราะว่าไม่มีคนหารด้วย แต่ที่นี่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้แบบจุใจ และบรรยากาศสดชื่น อยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และไปคนเดียวก็ไม่เหงา เพราะมีหลายอย่างสนุกๆ ให้ได้ลองทำมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวก็เยอะ 

โดยที่ห้ามพลาดเลย เมื่อไปถึงก็คือ ‘ทะเลหมอกหยุนไหล’ เมื่อมาปายแล้ว การชมทะเลหมอกก็นับว่าถ้าไม่ได้มาก็เหมือนมาไม่ถึงก็ว่าได้ เพราะที่ปายคือสถานที่ที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก เพราะไม่ว่าจะมาตอนไหนก็จะพบหมอกทุกครั้งที่ได้มาเยือน เมื่อมองออกไปภาพที่เห็นคือทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และรายล้อมไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ต่างๆ และยังมีเสน่ห์ของบ้านเรือนเมืองปายที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอกอีกด้วย ที่เมื่อได้มาเที่ยวคนเดียวเหมือนได้สัมผัสความสงบ และดื่มด่ำให้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่ 

  • ที่อยู่ : หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/hQiREWHZGzcxqHvw8
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 5.30-18.00 น. (ค่าเข้าชม 20 บาท)
  • เบอร์โทร : –
เชียงคาน จ.เลย

2. เชียงคาน จ.เลย

เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมโบราณดั้งเดิม ให้ได้ซึมซับบรรยากาศวันวาน เดินเล่นคนเดียวได้ชิวๆ แถมยังมีกิจกรรมให้ทำ เช่น ไปปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขง ได้สัมผัสธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้การมาเที่ยวคนเดียวนั้นไม่เหงาอีกมากมาย เช่น ‘สกายวอล์ค เชียงคาน’ หรือ ‘สกายวอล์ค ภูคกงิ้ว’ สูงเทียบเท่ากับตึก 30 ชั้น จุดเด่นคือมีทางเดินที่ทำด้วยกระจก เป็นการปลดล็อคความกล้า เพราะจุดนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และน่าหวาดเสียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดที่วิวสวยงามมากเลยทีเดียว

  • ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/inPvyiqBeMfBwi9V7
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดทั้งวัน
  • เบอร์โทร : –

หรือจะเป็น ‘ถนนคนเดินเชียงคาน’ ที่เหมาะแก่การเดินชิล มีทั้งของกิน ของอาร์ตต่างๆ สินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด มีกิจกรรมให้ทำมากมายสำหรับคนมาเที่ยวคนเดียว บ้างก็มีการเพ้นหน้า สัก เป็นต้น ด้วยอากาศเย็นๆ และบรรยากาศดี จนติดใจอยากมาอีกรอบเลยก็ได้

  • ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/R3XgyifiuXidhv5Z9
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดทั้งวัน (ถนนคนเดินเปิดช่วง 17.00-22.00 น.)
  • เบอร์โทร : –
บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

3. บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

ไปเติมความสดชื่นกับธรรมชาติแบบเต็มเหนี่ยว รอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว เดินทางง่าย นั่ง BTS ไปได้ จุดเด่นของที่นี่เลยคือ การปั่นจักรยานเที่ยวสัมผัสบรรยากาศรอบด้าน ทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งหากมาเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแล้วเกิดหลงทาง ก็สามารถถามคุณลุงคุณน้าตามชุมชน 

เมื่อมาถึงคุ้งบางกระเจ้าแล้ว พลาดไม่ได้เลยที่จะไป ‘สวนศรีนครเขื่อนขันธ์’ หรือ ‘สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์’ ภายในสวนจะเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ เย็นสบาย พักผ่อนหย่อนใจจากกายที่เหนื่อยล้าได้อย่างเต็มที่ ถ่ายรูปสวยโพสต์ลงโซเชียล และยังสามารถให้อาหารปลาได้อีกด้วย ซึ่งจะมีจำหน่ายอยู่ด้านหน้าของสวน และจุดไฮไลต์ในสวนคือ ‘หอดูนก’ ที่มีความสูง 7 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับนกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอีกด้วย 

  • สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์
  • ที่อยู่ : 73 ซ.วัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7uaBbVzLzJiV947q7?g_st=il
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 05.00 – 19.00 น. ทุกวัน
  • เบอร์โทร : 02 461 0972
สิมิลัน จ.พังงา

4. สิมิลัน จ.พังงา

บรรยากาศทะเลสวยๆ ที่ภาคใต้ น้ำทะเลใสสีฟ้า และเต็มไปด้วยหากทรายขาวละเอียด มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ที่จะมาช่วยทำให้การมาเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้นเต็มไปด้วยเรื่องสนุก ไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำดูปะการัง จุดว่ายน้ำ ดำน้ำ มุมถ่ายรูปสวยๆ โพสต์อวดลงโซเซียล จุดไฮไลท์ที่คนชอบมาถ่ายรูปคือ ‘หินเรือใบ’ หรือ ’Sailing Rock’ เป็นหินที่เกิดจากกัดเซาะพังทลายจากน้ำทะเล เลยเกิดเป็นหินรูปร่างแปลกตา ผู้คนจึงชอบมาถ่ายรูปกัน

  • ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/32L4izpNCpnf99Ze6
  • เปิดให้เข้าชม : 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี
  • เบอร์โทร : 0-7645-3272
ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย

5. ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย

ไร่ชาสีเขียว เพื่อให้ได้นั่งจิบชาพักผ่อนให้จิตใจสงบ สถานที่ก็สวยงาม ถ่ายรูปกันได้กับวิวสีเขียว และท้องฟ้าสีคราม ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่ และรอบๆ ยังมีคาเฟ่เล็กๆ ให้นักเดินทางท่องเที่ยว ให้ได้อร่อยไปพร้อมกับเค้ก และจิบชาในบรรยากาศดีดี

ถ้าเราอยากมาเที่ยวคนเดียวเพื่อพักผ่อนจิตใจ การมาที่ไร่ชาจะช่วยทำให้สดชื่น ลดความเหนื่อย คลายความตีงเครียดได้ดี เพราะว่าในไร่ชานั้นล้อมรอบไปด้วยสีเขียว ซึ่งสีเขียวเป็นสีที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้จิตใจภายในสงบได้ และยังช่วยเรื่องการมองเห็น ทำให้มีสมาธิได้ดี 

  • ที่อยู่ : 97 หมู่ 8 อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/S7JvTSCBPQ5ZPkyc6
  • เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.30 น.
  • เบอร์โทร : 0-5377-1563
แพกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 

6. แพกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 

สัมผัสธรรมชาติแท้ๆ ให้เราได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ที่แพกาญจนบุรี จะมีอะไรฟินไปกว่าการได้นอนบนแพมองท้องฟ้า แล้วปล่อยใจไหลไปกับสายน้ำ บางทีการมาเที่ยวคนเดียวนั่นก็เพราะอยากสลัดความวุ่นวายต่างๆ การได้มองดูสายน้ำไหลผ่านก็ทำให้เพลิดเพลินจิตใจได้ แลได้ซึมซับบรรยากาศไปอีกด้วย หรือถ้าเริ่มรู้สึกเบื่อ ที่แพกาญจนบุรีก็มีกิจกรรมให้ทำตลอด 

ยกตัวอย่างเช่น ครอส ริเวอร์ แคว (Cross River Kwai) ที่พักที่ตกแต่งให้ดูคล้ายรถไฟที่เชื่อมกับประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีกิจกรรมที่ห้ามพลาด อย่างเรือคายัคที่มีให้ทุกห้อง ไม่ทำให้คุณต้องเบื่อแน่นอน

  • ที่อยู่ : 138 หมู่ 4 ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/pQhkTnbrzmGb5tRv6
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดเวลา
  • เบอร์โทร : 09-3120-7832
แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

7. แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

ถ้าใครที่อยากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ต้องได้ลองมาที่แปดริ้ว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย กิจกรรมที่หลากหลาย มาเที่ยวคนเดียวได้แบบมันส์ ไม่เหงา เป็นการได้พักผ่อนจากความเหนื่อยทั้งหลาย ซึ่งมีสถานที่ที่เป็นจุดไฮไลท์มากมายที่เหมาะกับทั้งชายและหญิง เช่น อาจจะเริ่มด้วยการมาทำบุญที่ ‘วัดหลวงพ่อโสธร’ ที่เมืองแปดริ้ว เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล เพื่อให้จิตใจสงบ ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกง เป็นทริปการท่องเที่ยวที่ช่วยทำให้อยู่กับความสงบ สลัดความวุ่นวายภายในจิตใจออกได้อย่างเต็มที่

  • วัดหลวงพ่อโสธร
  • ที่อยู่ : ถนนเทพคุณากร ตำบลหน้าเมือง อำเถอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/eaK6JRvySsNTPEc38
  • เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 7.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด 7.00-17.00 น.
  • เบอร์โทร : 038-511-048

หรือหากอยากได้ความชุ่มชื้นสักหน่อย ให้คลายร้อน ก็แวะมาเล่นน้ำที่ ‘น้ำตกบ่อทราย’ อยู่ในกลางป่า เป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บนร่องน้ำขออ่างเก็บน้ำคลองสียัด นอกจากจะได้เล่นน้ำเย็นๆ แล้ว บรรยากาศรอบๆ นั้นก็สวยงาม แสงแดดที่กระทบกับกับสายน้ำที่ไหลผ่าน เป็นการเอาใจที่เหนื่อยมาชะล้างให้ผ่อนคลาย

  • น้ำตกบ่อทราย
  • ที่อยู่ : หมู่ 18 บ้านคลองสียัด ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Se4kYBURMxHTdqFdA?g_st=ic
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 7.00-18.00 น. ทุกวัน
  • เบอร์โทร : 09-6817-9906 , 06-3684-8669
Coro Field สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

8. Coro Field สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

ฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หากมาเที่ยวคนเดียวไม่น่าเบื่อแน่นอน เพราะมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำ เช่น ชมผัก ปลูกผัก แถมยังได้กินผักออร์แกนิค ตอบโจทย์สายออร์แกนิคสุดๆ ถ้าไม่อยากทำอะไร ที่นี่มีบริเวณพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม เป็นมุมพักผ่อนชั้นยอด และถ้าหากหิวก็ยังมีโซนร้านอาหาร คาเฟ่ ให้ได้เพลิดเพลินไปกับอาหารออร์แกนิคอีกด้วย บรรยากาศภายในร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่น

  • ที่อยู่ : ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CZ6CK4W69HoJ4xvp7?g_st=ic
  • เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 9.00-18.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด 9.00-21.00 น.
  • เบอร์โทร : 0-92569-4791
เกาะขาม สัตหีบ จ.ชลบุรี

9. เกาะขาม สัตหีบ จ.ชลบุรี

เกาะขามเป็นเกาะยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะมีน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว หาดทรายสีขาว ท้องฟ้าสีคราม ที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน หรือจะได้รูปสวยๆ กลับมาแน่นอน ด้วยวิวสวยๆ จะทำให้คุณลืมไปเลยว่าอากาศร้อน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทริปมาเที่ยวคนเดียวที่สนุดสุดเหวี่ยงไปกับการดำน้ำดูปะการัง หรือจะพายเรือคายัค

  • ที่อยู่ : สำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/x6mBvksmFXFfme186
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตามรอบเรือ จุดจำหน่ายตั๋ว ท่าเรือเขาหมอจอ
  • เบอร์โทร : 0-3312-4848, 09-3397-1342 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-11.30 น. และ 13.00-16.30 น.)
อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

10. อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดที่รู้จักกันดีในสมุทรสงคราม มีชื่อเสียงทั้งในเรื่องของอร่อย รวมไปถึงการนั่งเรือล่องแม่น้ำ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพ เดินทางได้ง่าย มาเที่ยวคนเดียวได้สบาย 

ที่ที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวกันมากที่สุดก็คงไม่พ้น ‘ตลาดน้ำอัมพวา’ เป็นตลาดที่ทรงเสน่ห์เหลือล้น เพราะจะมีพ่อค้า แม่ค้าที่พายเรือขายอาหาร และเครื่องดื่มกันมากมาย มีทั้งขนมไทย ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดดไทย และอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าถึงแม้ว่าจะมาเที่ยวคนเดียวก็เจริญอาหารสุดๆ แถมบรรยากาศยังเหมือนได้กลับไปอดีต พักผ่อนได้อย่างเต็มที่

  • ที่อยู่ : อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
  • พิกัด : https://g.page/amphawa?share
  • เปิดให้เข้าชม : วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00-21.00 น
  • เบอร์โทร : –

หรือถ้าเป็นสายรักสัตว์ที่อัมพวามี ‘บ้านแมวไทย’ เป็นสถานที่ที่จะรวบรวมแมวพันธุ์ไทยโบราณต่างๆ ไว้ ซึ่งจะมีโซนให้เราได้ไปเล่นกับน้องๆ ได้อย่างใกล้ชิด น้องจะเดินเข้ามาอ้อน กระโดดขึ้นตัก หรือถ้าจะอุ้มก็ได้ เป็นสวรรค์ของทาสแมวจริงๆ ซึ่งหากมาเที่ยวคนเดียวแล้วเหงา ก็สามารถแวะมาที่นี่ น้องแมวจะช่วยเยียวยาจิตใจให้เราได้

  • ที่อยู่ : ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/sHdY3dZD12HaBV7P9
  • เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.
  • เบอร์โทร : 0-3470-2068
โบราณสถาน จ.อยุธยา

11. โบราณสถาน จ.อยุธยา

เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ และโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เหมือนได้มาสัมผัสกับอดีตต่างๆ เป็นการมาเที่ยวคนเดียวที่ครบรสชาติ สถานที่ที่ได้สัมผัสธรรมชาติ พร้อมกับประวัติศาสตร์ และได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ

ซึ่งมีวัดที่สำคัญมากมาย โดยจะเริ่มกันที่ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของอยุธยาเลย เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีนักท่องเที่ยวมากันมากมาย หากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว นอกจากได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังได้ความรู้ และเพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกด้วย

  • ที่อยู่ : 40/3 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/PdTxx23ZYHJ3g29
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.00-17.00 น. 
  • เบอร์โทร : –

และต่อกันด้วย ‘วัดมหาธาตุ’ เป็นอีกวัดที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ และเป็นศูนย์กลางเมืองในการจัดพระราชพิธีต่างๆ และยังมีเศียร์พระพุทธรูปหน้าวิหารเล็กที่ปกคลุมไปด้วยรากไม้ใหญ่ ที่ถ้าหากมาเที่ยวที่นี่และได้เห็นเป็นครั้งแรกจะต้องรู้สึกว่าดูน่าหลงใหล เหมือนถูกดึงเข้าไปในอดีตเลยก็ว่าได้ 

  • ที่อยู่ : เชิงสะพานป่าถ่าน ถนนนเรศวร ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/uUCriY2vTZCaLKQC6
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.30-16.30 น. มีค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท 
  • เบอร์โทร : –

ซึ่งหากได้เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะนอกจากโบราณสถานที่ให้ความรู้ และได้สัมผัสบรรยากาศต่างๆ แล้วยังมีคาเฟ่มากมายให้ได้ไปลิ้มลอง

เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

12. เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

เกาะสีชังเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีความสวยงาม แถมยังใกล้กรุงเทพ การเดินทางนั้นก็ไม่ยากมาเที่ยวคนเดียวก็สามารถเดินทางได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวหลง มีเรือข้ามไปเกาะสีชัง โดยเรือข้ามไปเกาะสีชังเที่ยวแรก 6.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.00 น. มีเรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง และเมื่อไปถึงก็มีมอเตอร์ไซต์ให้เช่าบริการ ขับรับลมฟินๆ รอบเกาะ หรือถ้าหากไม่อยากขับก็มีพี่วินมอเตอร์ไซต์ให้รับจ้าง และรถสกายแล็บให้ใช้บริการ

จุดที่เป็นไฮไลท์ที่ต้องแวะมาถ่ายรูปด้วยคือ ‘ช่องอิศริยาภรณ์’ หรือ ‘ช่องเขาขาด’ ความงามที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาชม เป็นช่องเขาขาดที่มีลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ และยังมีกิจกรรมให้ทำอีก นั่นคือการตกปลา เนื่องจากที่นี่มีโขดหินมากมาย เลยเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาหลายชนิด ซึ่งถ้าหากไม่อยากตกปลา เราก็สามารถนั่งชมปลาอย่างเดียวได้ เพราะปลาแต่ละชนิดที่นี่นั้นมีลวดลายที่สวยงาม หาดูได้ยาก 

  • ที่อยู่ : 231/1 ถนนท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/g1VWfQwZLQvoRCL36
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.00-18.00 น.
  • เบอร์โทร : –
ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

13. ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

เมื่อพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว หลายคนคงเคยคิดอยากลองหนีขึ้นดอย ไปสัมผัสอากาศเย็นๆ บรรยากาศเมืองเหนือ ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น และไปเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นของชาวเหนือ ซึ่งที่ดอยอินทนนท์มีที่ให้เที่ยวมากมาย กิจกรรมให้ทำก็เยอะ ของกินก็อร่อย ผู้คนในชุมชนก็น่ารัก 

ซึ่งมาถึงดอยสิ่งแรกที่นึกถึงก็คงเป็นการชมวิวระดับพระเจ้าสร้าง โดยเริ่มที่ ‘จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน’ เป็นวิวที่สวยขนาดยอมทนตื่นเช้ามาให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเข้า และบรรยากาศของทะเลหมอก แถมเส้นทางในการขึ้นมาจุดชมวิวนั้นก็ได้สัมผัสธรรมชาติได้อย่างเต็มปอด ร่มเงาของต้นไม้ และมีแสงแดดส่องรำไรตามพื้นป่า มีเฟิร์นหลายชนิด มอสสีเขียวขึ้นคลุมโคนต้นไม้มากมาย แม้ว่าจะเดินไกลแค่ไหนก็คงต้องหายเหนื่อยเลยทีเดียวเดียว เมื่อได้ชมวิวสวยงามตามข้างทางแบบนี้ เป็นทริปมาเที่ยวคนเดียวที่คุ้มสุดๆ แล้วกับสิ่งสวยงามที่ได้พบเจอ

  • ที่อยู่ : เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณกม.ที่ 43 ใกล้กับพระมหาธาตุ นถทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ถนนจองทอง-ดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง สันป่าตอง และแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/tfkjFPX4YGbzRWAC9
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 6.00-16.00 น.
  • เบอร์โทร : 09-3146-9682
ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ต้องง้อใคร

ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ต้องง้อใคร

การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้นไม่ได้แย่อย่างที่เราคิดเสมอไป บางคนอาจจะกลัวเหงา  แต่จริงๆ การเที่ยวคนเดียวมีข้อดีมากมายหลายอย่าง ซึ่งถ้าหากเราไม่อยากไปคนเดียว มัวแต่รอให้เพื่อนว่าง รอใครสักคนไปด้วย อาจทำให้เราพลาดไปสถานที่ที่เราชอบ ไปพักผ่อน ฮีลลิ่งจิตใจเลยก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นนิทรรศการที่มีวันมากำหนดด้วยอีก จริงๆ การไปเที่ยวไม่จำเป็นต้องไปเป็นแก๊งก็สนุกได้ ข้อดีของการท่องเที่ยวคนเดียวจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

เป็นการเปิดโลก ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับอิสระที่แท้จริง

บางครั้งการไปเที่ยวหลายคนอาจจะเกิดความวุ่นวายหลายอย่าง เช่น รอคนครบ  ไปเลท การตัดสินใจร่วมกัน กิจกรรมที่ทำ สถานที่พัก ฯลฯ การมาเที่ยวคนเดียวสามารถตัดสินใจเองได้เลยโดยไม่ต้องรอความเห็น และในระหว่างเดินทางเราจะได้มีเวลาคิดอะไรได้มากมาย สลัดความวุ่นวาย ได้อยู่กับตัวเอง และได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ประหยัดพลังงานร่างกายจากการใช้กับผู้คน และยังได้โฟกัสกับสิ่งรอบตัวได้อย่างเต็มที่ 

ได้เจอคนใหม่ เพื่อนใหม่ และอาจจะพบรักใหม่ในที่ใหม่ๆ

การไปเที่ยวคนเดียว นอกจากจะได้ลองทำอะไรกิจกรรมใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองทำคนเดียวแล้ว ยังได้เจอกับคนใหม่ๆ อีกด้วย เพื่อนในแก๊งอาจจะไม่เหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวในแบบของเราก็ได้ การได้มาเที่ยวคนเดียว ทำให้เราได้เจอคนแบบเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนกัน จึงมีในหลายเหตุการณ์ที่การท่องเที่ยวนั้นนำพารักมาหาเราและส่วนใหญ่นั้นเป็นคนโสด  และได้เพื่อนใหม่ที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน 

ออกจากเซฟโซน กล้าตัดสินใจเอง คิดเองแบบ 300%

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเราจะสามารถตัดสินใจได้เลยโดยไม่ต้องรอความเห็น ซึ่งในจุดนี้จะช่วยทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิด กล้าทำ เป็นการหลุดออกจากเซฟโซนอย่างนึง ในตอนเริ่มต้นเราอาจจะยังไม่กล้าสนทนากับใคร หรือไม่กล้าเริ่มทำอะไรมากนัก แต่ในบางสถานการณ์จะบังคับให้เราต้องทำอะไรสักอย่าง เช่น เมื่อต้องการความช่วยเหลือในการเดินทาง เราอาจจะต้องถามคนที่อยู่แถวนั้น

และในกรณีที่อยู่คนเดียวต้องตัดสินใจ ณ ตอนนั้น เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการตัดสินใจของเรา แม้ว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ ในภายหลังเราจะสามารถนำประสบการณ์ตรงนี้ขึ้นมาใช้ได้เอง

ค้นหาตัวเอง พบเจอตัวตนใหม่ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

ในบางครั้งเราก็ยังไม่รู้จักตัวเองไปซะทั้งหมดหรอก การมาเที่ยวคนเดียวจะทำให้เรามองเห็นตัวเองในหลายมุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มุมที่กล้าหาญ มุมที่บ้าได้หลุดโลก หรือมุมที่เราได้เห็นวิวสวยๆ นั้นทำให้มีความสุขได้มากขนาดไหน จนทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ที่เราชอบมากกว่าเดิม 

หลายคนอาจจะไม่กล้าเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว จากเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น อาจจะกลัวเหงา หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองอย่างไรเวลาเห็นเราอยู่คนเดียว หรือไม่กล้าที่จะทำกิจกรรมคนเดียว บทความนี้จะเชิญชวนให้กล้าออกไปใช้เวลากับตัวเอง เที่ยวคนเดียวแบบไม่ต้องรอใคร กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าลองทำอะไรคนเดียว เป็นการปลดล็อคตัวเองในอีกขั้น นั่นเลยเป็นหนึ่งในข้อดีของการมาท่องเที่ยวคนเดียว

ซึ่งบางครั้งการไปเที่ยวคนเดียวก็ต้องการความสะดวกสบาย เพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง ทั้งกระเป๋าและสัมภาระ ที่อาจจะสร้างความลำบากให้กับการเดินทาง เป็นอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ซึ่งเพื่อลดภาระการเดินทาง เพื่อให้เดินทางได้อย่างสบายใจ สบายหลัง สามารถเลือกใช้บริการรับส่ง-ฝากกระเป๋ากับ Airportels เป็นสายงานบริการที่จะช่วยบริการขนส่งกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว ช่วยให้การเดินทางของเรานั้นสะดวกสบายมากขึ้น มีหลายสาขาให้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นสาขาสุวรรณภูมิ สาขาเซนทรันเวิล์ด สนามบินดอนเมืองก็สามารถฝากสัมภาระไว้ได้เลย แล้วไปเที่ยวคนเดียวได้โดยไม่ต้องพกกระเป๋าหนักๆ และวันสุดท้ายของทริปก็สามารถฝากสัมภาระ ไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วออกไปเที่ยวได้เช่นกัน ทริปไปเที่ยวคนเดียวจะสนุกมากขึ้น

เทคนิคจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูก ปี 2023 ที่สายท่องเที่ยวต้องรู้

หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มเบาบางลง หลายประเทศเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ผู้คนก็อยากออกไปท่องเที่ยวกันมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาคือราคาตั๋วเครื่องบินที่แสนแพง จนทำให้หลายคนหมดไปกับค่าเครื่องบินมากกว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการท่องเที่ยว หรือบางคนก็ถอดใจไปเสียก่อน แต่จะดีกว่าไหมถ้าสามารถจองตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกกว่า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วเหลือเงินไปเที่ยวแบบสบายๆ บทความนี้จะมาแชร์เทคนิคการจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูกในปี 2023 ที่สายเที่ยวต้องรู้ มีอะไรบ้างไปดูกัน

1. ค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน

ในการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก สิ่งที่ทุกคนควรทำเป็นอันดับแรกคือ เริ่มจากการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน เพจ หรือเอเจนซี่ต่างๆ ในทุกรูปแบบ เพื่อนำมาเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน และสายการบินที่ให้ราคาสมเหตุสมผล หรือถูกที่สุด เพื่อเพิ่มทางเลือกในการตัดสินใจ โดยในปัจจุบันก็มีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น Traveloka, Expedia, KAYAK, Trip.com, Agoda, Skyscanner, Google Flights เป็นต้น

2. คำนึงถึงส่วนลดและโปรโมชัน

 สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงในการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกนั่นคือโปรโมชันและส่วนลด เพราะเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยให้ได้ราคาตั๋วที่ถูกลงได้ โดยสามารถตามหาโปรโมชันและส่วนลดต่างๆ ได้จากหลายวิธีด้วยกัน

เพจรวมส่วนลดและโปรโมชัน

ปัจจุบันมีเพจรวมส่วนลดและโปรโมชันเกี่ยวกับราคาตั๋วเครื่องบินมากมายแชร์กันในช่องทาง Social Media อย่าง Facebook, Instagram, Twitter หรือตามเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบิน แอปพลิเคชัน และเอเจนซี่ ที่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา รวมถึงมีการอัปเดตโปรโมชันและส่วนลดใหม่ๆ เช่น เพจติดโปร, Pro Addict, เพจเพื่อนติดโปร ฯลฯ แต่อาจต้องอาศัยจังหวะหรือดวงร่วมด้วย เนื่องจากส่วนลดและโปรโมชันมักมีช่วงเวลาและจำนวนสิทธิที่จำกัด เป็นแบบ fisrt come, first serve เพราะฉะนั้นการจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูก บอกได้เลยว่าจังหวะและความเร็วในการจองถือเป็นสิ่งจำเป็น 

ส่วนลดและโปรโมชันจากสายการบิน

วิธีต่อมาเป็นการเช็กราคาส่วนลดหรือโปรโมชันผ่านเว็บไซต์ เพจ หรือแอปพลิเคชันของทางสายการบินโดยตรง ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะมีการจัดโปรโมชันหรือส่วนลดต่างๆ แตกต่างกันไป อาจจะมีราคาพิเศษ ราคานักศึกษา หรืออื่นๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่สายการบินเลือกจัดโปรโมชัน หากได้มีการติดตามเพจ เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของทางสายการบินไว้ ก็จะทำให้สามารถเห็นโปรโมชันได้ก่อน ทั้งยังสามารถจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินที่ตัวเองนิยมและสนใจได้อย่างรวดเร็วในราคาที่ถูกลง 

สะสมไมล์ หรือเครดิตการจอง เพื่อนำมาเป็นส่วนลด

ตามเว็บไซต์ของทางสายการบินนอกจากจะมีการจัดโปรโมชันอยู่เป็นช่วงๆ แล้ว ก็ยังมีในเรื่องของการสะสมไมล์ หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วและยิ่งเป็นคนที่เดินทางบ่อย บางสายการบินอาจมีการสะสมเครดิตการจองตั๋วเครื่องบินหรือสะสมไมล์เดินทาง ซึ่งสามารถนำมาแลกเป็นส่วนลดในเที่ยวบินถัดๆ ไปได้ บางครั้งอาจจะได้เที่ยวบินฟรีจากการแลกไมล์สะสมเลยก็ได้ หรือหากมีการสมัครเป็นสมาชิกใหม่ อาจจะมีสิทธิพิเศษบางอย่างสำหรับสมาชิกใหม่เป็นส่วนลดได้เช่นกัน วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจองตั๋วเครื่องบินลงได้

ซื้อตั๋วเครื่องบิน พร้อมโรงแรมหรือที่พัก

อีกวิธีที่สามารถทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินถูกลงกว่าปกติได้ นั่นก็คือการซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมโรงแรมหรือที่พัก  เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายลง โดยเมื่อนำมาคำนวณราคาแล้วมักจะได้ราคารวมของแพ็กเกจที่ถูกกว่าการแยกจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พักต่างหาก แต่อาจจะต้องอาศัยความเร็วในการจองหรือพึ่งดวงกันเล็กน้อย เพราะมักมีจำนวนจำกัด ยิ่งหากเป็นแพ็กเกจดีๆ น่าสนใจก็จะยิ่งหมดเร็ว รวมถึงอาจต้องมีการพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบการตัดสินใจร่วมด้วย เช่น อาจมีข้อจำกัดในการเลือกที่พักหรือสายการบินที่ต้องการ ตัวเลือกที่มีอาจจะยังไม่ถูกใจ แต่หากต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกลง การเลือกใช้วิธีนี้ก็ถือเป็นวิธีที่คุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอน

3. เลือกเวลาการบินในช่วงที่ไม่ได้รับความนิยม

การเลือกช่วงเวลาในการบินก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาตั๋วเครื่องบินอย่างมาก ควรเลือกจองตั๋วเครื่องบินในช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่นิยมเดินทางท่องเที่ยวกัน เพราะหากเป็นช่วง high season ค่าตั๋วเครื่องบินมักมีราคาสูงกว่าช่วง low season

การเลือกเดินทางในช่วงเวลาเช้า

ช่วงเวลาที่ควรเลือกเดินทางคือช่วงเช้าตรู่หรือเช้ามืด เนื่องจากคนมักจะเดินทางกันในช่วงเวลานี้ค่อนข้างน้อย ทำให้มีตั๋วที่นั่งเหลือเยอะ ราคาจึงถูกลง และยังมีโอกาสเลือกที่นั่งดีๆ ได้ในราคาที่ไม่แพงมาก แต่อาจจะมีข้อเสียคือต้องตื่นแต่เช้ามากๆ หรืออาจจะต้องอดนอนเพื่อไปขึ้นเครื่องให้ทันรอบเช้า

การเลือกเดินทางในช่วงเวลากลางคืน

อีกช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยนิยมเดินทางกันคือช่วงกลางคืนดึกๆ ทำให้มีโอกาสจองตั๋วเครื่องบินได้ในราคาที่ถูกลง แต่อาจจะต้องแลกมากับการเดินทางไปสนามบินที่อาจจะไม่สะดวก และอาจเกิดความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการนั่งเครื่องบินและพักผ่อนไม่เพียงพอได้

4. เลือกเดินทางในวันธรรมดา

นอกจากช่วงเวลาในการเดินทางที่มีผลต่อราคาตั่วเครื่องบินแล้ว วันที่เลือกเดินทางก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกเดินทางในวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะเป็นวันที่คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนกัน ดังนั้นปริมาณความต้องการจองตั๋วในวันหยุดพิเศษเหล่านี้จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งสูงขึ้นไป การเลือกจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์โดยเฉพาะในวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากต้องการซื้อตั๋วราคาถูก 

5. จองตั๋วเครื่องบินในช่วง Low season

หากต้องการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก ควรเลือกจองตั๋วเครื่องบินในช่วง low season ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมไปเที่ยวกัน ข้อดีคือนอกจากราคาตั๋วถูก ราคาที่พัก ร้านอาหาร ของกินของใช้ต่างๆ ก็จะถูกลงเช่นกัน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไร สายการบิน ที่พัก ร้านค้าต่างๆ จึงมักมีโปรโมชันดีๆ หรือส่วนลดมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า อีกทั้งยังไม่ต้องไปเบียดเสียดกับปริมาณนักท่องเที่ยวเยอะๆ อย่างในช่วง high season แต่อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของความสวยงามของบรรยากาศที่ไม่ได้สวยเท่าช่วง high season หรือสภาพอากาศที่อาจจะร้อนหรือหนาวเกินไป โดยแต่ละประเทศแต่ละโซนก็จะมีช่วง low season ที่ต่างกันออกไป เช่น

  • เกาหลี – ช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง กันยายน
  • ญี่ปุ่น – ช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง กันยายน
  • ออสเตรเลีย – ช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม
  • ยุโรป – ช่วงฤดูหนาว ปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นเดือนเมษายน
  • อเมริกา, แคนาดา – ช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน ถึง ปลายเดือนมีนาคม
  • อเมริกาใต้ – ช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม

6. จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า

การจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่าการจองตั๋วในวันใกล้วันเดินทาง เพราะตั๋วที่นั่งที่ราคาถูกมักจะถูกขายออกไปก่อน อีกทั้งการซื้อตั๋วแบบใกล้วันเดินทางอาจจะทำให้มีการปรับราคาตั๋วแพงขึ้นได้ เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่วางแผนเดินทางล่วงหน้าและรู้วันที่ต้องเดินทางแล้วควรรีบจองตั๋วเครื่องบินก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงนั่นเอง

7. เลือกจองตั๋วเครื่องบินแบบต่อเครื่อง

การจองตั๋วเครื่องบินแบบต่อเครื่อง คือการจองตั๋วเครื่องบินที่มีการแวะจอดที่สนามบินกลางทางก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังปลายทาง ทำให้ได้ราคาที่ถูกลง เหมาะกับคนที่ไม่ได้เร่งรีบหรือมีเวลาจำกัด เนื่องจากการบินแบบต่อเครื่องจะทำให้เสียเวลาในการต่อเครื่องเพิ่มขึ้น และควรระวังเรื่องระยะเวลาในการต่อเครื่องเพราะอาจเกิดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ทำให้ต่อเครื่องไม่ทันได้

8. เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในสนามบินที่ต่างกัน

การจองตั๋วเครื่องบินแบบเลือกสนามบินในการลงจอด ในกรณีที่บางเมืองหรือบางประเทศมีสนามบินมากกว่า 1 แห่ง การเลือกสนามบินเพื่อเปรียบเทียบราคาก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ได้ตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกลง แต่อาจจะต้องมีการสังเกตหรือเตรียมตัว เช่น ค่าเดินทางจากสนามบินไปที่พักหรือปลายทาง หากได้ไม่คุ้มเสียก็ควรเลือกใช้วิธีอื่นๆ แทน

9. การเลือกจับคู่สายการบินแบบผสม

การจองตั๋วเครื่องบินแบบจับคู่ หรือผสมสายการบิน อาจได้ในราคาที่ถูกกว่าการเลือกสายการบินเดียวกัน ควรลองเปรียบเทียบราคาดูก่อน โดยเฉพาะการบินแบบไปกลับ การเลือกตั๋วเครื่องบินขาไปกับขากลับเป็นคนละสายการบินก็จะทำให้มีโอกาสได้เลือกสายการบินที่มีราคาถูกกว่าการจองตั๋วแบบไปกลับพร้อมกัน

10. เลือกสายการบินแบบ Low cost

การเลือกสายการบินแบบ Low cost เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดงบประมาณในการเดินทาง เนื่องจากจะมีการตัดการให้บริการบางอย่างออกไป ซึ่งหากต้องการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพิ่มเติม เช่น เลาจน์สำหรับรอขึ้นเครื่อง การโหลดกระเป๋า อาหาร-เครื่องดื่มบนเครื่อง การเลือกที่นั่ง การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน เป็นต้น จึงเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น หรือผู้ที่มีสัมภาระน้อย และต้องการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลง

11. เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในสกุลเงินอื่นๆ

การจองตั๋วเครื่องบินโดยใช้วิธีการนี้ เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้ตั๋วราคาถูกกว่า โดยสายการบินเดียวกัน เที่ยวเดียวกัน ที่นั่งแบบเดียวกัน แต่สกุลเงินที่แตกต่างกันอาจทำให้ได้ราคาที่ต่างกันออกไปตามอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงิน หากอยากได้ตั๋วราคาถูกอาจต้องลองเปรียบเทียบราคาดู การเลือกซื้อตั๋วโดยใช้สกุลเงินอื่นอาจทำให้ได้ราคาที่ดีกว่า

12. จองตั๋วเครื่องบินแบบคนเดียว

การจองตั๋วแบบคนเดียวหรือแยกกันจอง ทำให้ได้ถูกกว่าการจองพร้อมกันหลายๆ ที่ เพราะแต่ละเที่ยวบินจะมีที่นั่งราคาถูกอยู่จำกัด บางครั้งก็จะอาจมีโปรโมชันให้เลือกแค่สำหรับบางที่นั่ง และการจองตั๋วแบบเป็นกลุ่มมักมีราคาตั๋วที่แพงกว่า ข้อเสียคืออาจไม่ได้นั่งด้วยกัน แต่ก็แลกมาในราคาที่ถูกกว่านั่นเอง

สรุป

บางคนอาจสงสัยว่าจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูก การจองตั๋วเครื่องบินสามารถจองในราคาที่ถูกลงได้ หากลองเลือกเทคนิคข้างต้นนี้ นำเอาไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่ตัดสินใจจองทันที เมื่อได้ดีลหรือส่วนลดที่ต้องการ เพราะคนอื่นๆ หลายคนต่างต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินเมื่อมีโปรโมชันเหมือนกัน

นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องตั๋วเครื่องบินแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเตรียมสัมภาระ แนะนำบริการของ Airportels ที่เหมาะสำหรับคนไม่ต้องการพกสัมภาระไปทุกที่ให้วุ่นวาย โดยเฉพาะคนที่อยากไปท่องเที่ยว แล้วต้องมีกระเป๋าสัมภาระเยอะๆ หรือต้องพักในโรงแรม และไม่สะดวกในการขนของ เป็นต้น 

บางคนหากลงจากเครื่องแล้วอยากไปกินข้าว ชอปปิง ทำธุระ หรือยังไม่ถึงเวลาบินอยากฝากสัมภาระไว้ซัก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งทาง Airportels ก็มีบริการฝากสัมภาระในสนามบินด้วยเช่นกัน หรือใครน้ำหนักกระเป๋าเกิน ไม่อยากโหลดกระเป๋า ฝากไว้กับ Airportels ก็มีราคาที่ถูกกว่า 

สายช้อปต้องรู้ ภาษีแบรนด์เนมคืออะไร ใครบ้างที่ต้องจ่าย ?

ปกติแล้วเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ เรามักจะเจอสินค้าแบรนด์เนมของแท้ราคาถูกขายเต็มไปหมด ซึ่งเหตุผลที่มีราคาถูกนั้นไม่ได้แปลว่าเป็นของเลียนแบบ แต่เป็นเพราะสินค้าเหล่านั้นยังไม่ได้ถูกคิดภาษีนำเข้า จึงทำให้มีราคาถูกกว่าสินค้าแบรนด์เนมที่ขายในประเทศนั่นเอง แน่นอนว่าสายช้อปต้องไม่พลาด ที่จะซื้อของแบรนด์เนมติดไม้ติดมือหรือหิ้วกลับมาฝากคนรู้จักอย่างแน่นอน ซึ่งในไทยมียกเว้นภาษีให้สำหรับสินค้าแบรนด์เนมที่มีจุดประสงค์ในการซื้อมาใช้ส่วนตัว แต่ถ้าซื้อมาจำนวนมากเกินไป อาจโดนปรับภาษีนำเข้า จนมีราคาแพงกว่าสินค้าแบรนด์เนมที่ซื้อในประเทศไทยได้เลยทีเดียว

ดังนั้นบทความนี้จะพามารู้จักกับภาษีแบรนด์เนม หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าภาษีหิ้วของว่าคืออะไร สินค้าใดบ้างที่ต้องเสียภาษี มีอัตราเท่าไรบ้าง เพื่อให้สายช้อปไม่ถูกปรับภาษีนำเข้าจนต้องมาเสียใจภายหลังได้

ภาษีนำเข้าคืออะไร มีอัตราอย่างไร

ภาษีนำเข้า เป็นภาษีที่จัดเก็บโดยกรมศุลกากร โดยจะเก็บภาษีจากผู้ที่นำสินค้าเข้ามาในประเทศไทยเพื่อนำภาษีนั้นไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และเป็นการสร้างกำแพงไม่ให้สินค้าจากต่างประเทศมาทำลายการค้าภายในประเทศได้ เพราะถ้าหากไม่มีการเก็บภาษีนำเข้า ก็จะสามารถนำสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาขายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าลักษณะเดียวกันในประเทศขายได้ยากมากขึ้น 

องค์ประกอบของภาษีนำเข้าจะมี 2 ส่วน ได้แก่

1.ภาษีนำเข้า กรมศุลกากรมีหน้าที่จัดเก็บ โดยอัตราภาษีนำเข้าที่กรมศุลกากรกำหนดไว้จะแบ่งตามชนิดของสินค้า ดังนี้

  • คิดภาษี 30% สำหรับสินค้าประเภทเสื้อผ้า หมวก เข็มขัด รองเท้า เครื่องสำอาง น้ำหอม 
  • คิดภาษี 20% สำหรับสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนม 
  • คิดภาษี 10% สำหรับสินค้าที่เป็น CD DVD อัลบั้มเพลง ตุ๊กตา 
  • คิดภาษี 5% สำหรับสินค้านาฬิกาข้อมือ แว่นตา แว่นกันแดด 
  • ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าอุปกรณ์ไอทีต่างๆ แผงวงจรไฟฟ้า โทรศัพท์ กล้อง แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

2.ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% นอกจากจะจัดเก็บภาษีนำเข้าแล้ว กรมศุลกากรจะต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อนำส่งให้กรมสรรพสามิตด้วย โดยคำนวณตามราคาสินค้าที่บวกภาษีนำเข้าแล้ว

ตัวอย่างการคำนวณภาษีนำเข้า สมมุติว่าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมาในราคา 40,000 บาท 

  1. คิดภาษีนำเข้ากระเป๋าแบรนด์เนม 40,000×20% = 8,000 บาท 
  2. คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม (40,000+8,000)x7% = 3,360 บาท

รวมภาษีนำเข้าที่ต้องเสีย คือ 8,000+3,360 = 11,360 บาท

สิ่งของอะไรบ้างที่เสี่ยงโดนภาษี ? 

โดยปกติแล้วสิ่งของทั่วไป หรือของใช้ส่วนตัวที่เป็นไปตามข้อกำหนดจะไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าอยู่แล้ว แต่จะมีสินค้าบางอย่างที่ถูกกำหนดปริมาณการนำเข้าไว้ หรือสินค้าที่เป็นของต้องกำกัด ซึ่งต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สินค้าเหล่านี้จำเป็นต้องเสียภาษีอย่างแน่นอน โดยสินค้าที่ต้องเสียภาษีนำเข้าและสินค้าที่เป็นของต้องกำกัด มีดังนี้

ของต้องกำกัดมีอะไรบ้าง

  • อาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด
  • บุหรี่ ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • อาหาร ยา เครื่องสำอาง และอาหารเสริม
  • พืชและส่วนต่างๆ ของพืช
  • สัตว์มีชีวิตและซากสัตว์
  • ชิ้นส่วนยานพาหนะ
  • เครื่องมือวิทยุสื่อสาร อุปกรณ์โทรคมนาคม
  • ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ พระพุทธรูป

สินค้าอะไรบ้างที่ต้องเสียภาษีนำเข้า

  • งของที่นำไปจากประเทศไทยไว้ก่อนเดินทาง จะไม่ถูกคิดมูลค่าด้วย)
  • สิ่งของที่มีลักษณะทางการค้า แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่า 20,000 บาท
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่า 1 ลิตร
  • บุหรี่เกินกว่า 200 มวน รวมไปถึงยาสูบเกินกว่า 250 กรัม

ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ปกติก็ซื้อแบรนด์เนมทำไมไม่ต้องจ่ายภาษี ?

หลายๆ คนมีข้อสงสัยว่าปกติก็ซื้อของแบรนด์เนมจากต่างประเทศ แต่ไม่เห็นต้องจ่ายภาษี สรุปแล้วกรมศุลกากรคิดภาษีแบรนด์เนมอย่างไรกันแน่ คำตอบคือการเรียกปรับภาษีขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งส่วนมากเจ้าหน้าที่จะยกเว้นภาษีให้กับสินค้าที่ซื้อมาเพื่อใช้การส่วนตัว โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาจากลักษณะแพ็กเกจของสินค้า หากมีการแกะกล่องและนำออกมาใช้แล้ว เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะพิจารณาว่าเป็นของใช้ส่วนตัวและละเว้นการเสียภาษี แต่ในทางกลับกัน หากแพ็กเกจแบรนด์เนมที่ซื้อมายังสมบูรณ์ครบครัน ยังไม่มีการใช้งาน เจ้าหน้าที่อาจพิจารณาว่าเป็นสินค้านำเข้าในลักษณะค้าขายได้ เพราะสินค้าแบรนด์เนมที่ยังไม่แกะกล่องจะสามารถนำไปขายต่อในราคาสูงได้นั่นเอง นอกจากพิจารณาจากลักษณะแพ็กเกจแล้ว ยังพิจารณาจากจำนวนสินค้าอีกด้วย หากหิ้วของแบรนด์เนมมาจำนวนไม่มาก และไม่สำแดงพิรุธว่าจะนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาละเว้นภาษีได้

อย่างไรก็ตาม AIRPORTELs ขอแนะนำว่าหากหิ้วสินค้าแบรนด์เนมมาจำนวนมาก และไม่สามารถแกะกล่องมาใช้เองได้ครบทุกชิ้น ก็ควรไปสำแดงกับเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้เสียค่าปรับแสนแพงจะดีกว่า

หากต้องชำระภาษีศุลกากรขาเข้า ต้องเตรียมตัวอย่างไร ? 

กรณีที่ไม่มีของต้องเสียภาษีนำเข้า สามารถเดินผ่านได้ที่ช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง หรือ ช่องเขียว (Nothing to declare) ได้เลย แต่ถ้าหากมีของที่ต้องเสียภาษีให้เดินผ่านช่องมีสิ่งของต้องสำแดงหรือ ช่องแดง (Goods to declare) เพื่อชำระภาษีศุลกากรขาเข้า โดยสิ่งที่ต้องเตรียมคือ หนังสือเดินทาง และใบเสร็จรับเงินสินค้า 

ใบเสร็จรับเงินถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ภาษีแบรนด์เนมที่ต้องเสียนั้นคำนวณออกมาได้อย่างถูกต้องที่สุด เพราะหากไม่มีใบเสร็จรับเงิน เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะตีราคาจากเว็บไซต์หรือฐานข้อมูลที่จำหน่ายสินค้านั้นๆ ซึ่งสินค้าอาจถูกตีราคาถูกกว่า หรือแพงกว่าราคาจริงที่ซื้อมาได้ ดังนั้นใบเสร็จรับเงินจึงเป็นหลักฐานยืนยันที่ช่วยให้จ่ายภาษีแบรนด์เนมในราคาที่ถูกต้องได้ แต่ในกรณีที่เป็นสินค้าประเภทของสะสมที่ไม่มีราคาที่แน่นอน และมีราคาสูงมาก อาจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าต้องเสียภาษีเท่าไร แต่โดยปกติแล้วจะเสียภาษีในราคาที่ไม่สูงมาก

ทำยังไงไม่ให้โดนภาษีแบรนด์เนม

วิธีการหิ้วของแบรนด์เนมโดยไม่ให้โดนภาษีแบรนด์เนม คือ พยายามซื้อไม่ให้มีมูลค่ารวมทั้งหมดเกินเกณฑ์ราคา 20,000 บาท รวมถึงไม่ซื้อจำนวนมากเกินไป เพราะถึงแม้ว่าจะหิ้วมามูลค่ารวมไม่ถึง 20,000 บาท แต่การซื้อจำนวนมากอาจเข้าข่ายลักษณะเพื่อค้าขายและเสียภาษีได้ นอกจากนั้นควรแสดงเจตนาให้ชัดเจนว่าซื้อมาเพื่อใช้เป็นของส่วนตัว อย่างการแกะกล่องออกมาใช้เลย รวมไปถึงไม่ซื้อของแบรนด์เนมรุ่นเดิมซ้ำๆ กันหลายชิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อเพื่อเป็นของฝากให้กับคนรู้จัก แต่เจตนานั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้

คุ้มไหมที่ไม่สำแดงสินค้าเพื่อเลี่ยงภาษี

หากคิดจะไม่สำแดงสินค้าเพื่อเลี่ยงภาษีล่ะก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะหากหลีกเลี่ยงไม่สำแดงสินค้า และเดินผ่านเข้าช่องเขียว อาจถูกสุ่มตรวจสัมภาระ เมื่อพบว่ามีของที่ต้องเสียภาษีอยู่ด้วย จะถูกปรับเงินสูงสุด 4 เท่าของราคาสินค้าที่รวมภาษี หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งยังถูกยึดสินค้าที่นำเข้ามาด้วย เรียกได้ว่าทั้งเสียเงิน เสียของ เสียเวลา ไม่คุ้มอย่างมาก หากรู้ตัวว่ามีสินค้าที่ต้องเสียภาษีแบรนด์เนมก็ควรสำแดงต่อเจ้าหน้าที่และจ่ายภาษีอย่างถูกต้องจะดีกว่า

ภาษีนำเข้า ภาษีแบรนด์เนม หรือภาษีหิ้วของ คือภาษีที่กรมศุลกากรต้องจัดเก็บกับผู้ที่นำสินค้าเข้ามาในประเทศไทย โดยของที่ต้องเสียภาษีคือของใช้ส่วนตัวที่มีมูลค่าเกิน 20,000 บาท หรือสินค้าที่มีจำนวนมากที่เข้าข่ายลักษณะค้าขาย รวมไปถึงแอลกอฮอล์ บุหรี่ หรือยาสูบที่มีปริมาณหรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ ส่วนของที่ไม่ต้องเสียภาษีคือของใช้ส่วนตัวที่มีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท หรือแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบที่ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด รวมถึงไม่ใช่ของต้องห้ามหรือของกำกัด และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ แผงวงจรไฟฟ้า โทรศัพท์ กล้อง ที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อยู่ดี 

ส่วนใครที่ซื้อของแบรนด์เนมแต่ไม่อยากเสียภาษีนำเข้า ให้ซื้อของที่มูลค่าไม่มากและไม่ซื้อจำนวนมากเกินไป หรือใช้วิธีแกะกล่องแล้วใช้งานเลยเพื่อแสดงเจตนาว่าเป็นของใช้ส่วนตัว แต่ AIRPORTELs ไม่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสำแดงสินค้าเพื่อเลี่ยงภาษี เพราะไม่คุ้มค่า อาจเสียค่าปรับหรือถูกจำคุกได้

เอาของเหลวขึ้นเครื่องได้ไหม ปริมาณเท่าไร

ขณะการเตรียมกระเป๋าเชื่อเลยว่าหลายๆ คนจะต้องเตรียมของอย่างสบู่ แชมพู ครีมนวดหรือของเหลวอื่นๆ ใส่กระเป๋า แต่พอไปสนามบินกลับพบว่ามีข้อห้าม ห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องในจำนวนจำกัด เลยจำเป็นที่จะต้องทิ้งของเหล่านั้นไว้ในสนามบิน แต่ถ้าหากเราได้รู้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำของเหลวขึ้นเครื่อง ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ โดยรายละเอียดที่สำคัญและจำเป็นต้องรู้มีดังต่อไปนี้

เอาของเหลวขึ้นเครื่องได้ไหม ปริมาณเท่าไร
ทำไมต้องกำหนดปริมาณของเหลวขึ้นเครื่อง

ทำไมต้องกำหนดปริมาณของเหลวขึ้นเครื่อง

การที่ไม่สามารถนำของของเหลวขึ้นเครื่องบินได้ เกิดจากการที่ของเหลวบางชนิดหากนำมารวมกัน ก็สามารถทำเป็นระเบิดและระเบิดเครื่องบินได้ ในส่วนนี้ถือว่าเป็นความปลอดภัยที่เน้นในกรณีเกิดเหตุร้ายขณะที่อยู่บนเครื่องบิน เพราะครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้ว จึงเป็นมาตรฐานทั่วโลกที่ผ่านองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ได้กำหนดไว้ โดยห้ามขึ้นห้องโดยสารเด็ดขาด จะสามารถทำได้แค่โหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น

ของเหลวหมายถึงอะไรได้บ้าง

ของเหลวหมายถึงอะไรได้บ้าง

สำหรับของเหลวขึ้นเครื่องบินโหลดลงกระเป๋าใต้ท้องเครื่อง จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าของเหลวเหล่านั้นสำหรับการบินหมายถึงอันไหนบ้าง ซึ่งการใช้คำว่าของเหลวก็แทบครอบคลุมทุกอย่าง โดยสามารถแยกเป็นประเภทได้ดังต่อไปนี้

  • อาหารที่มีของเหลวในปริมาณมาก ยกตัวอย่าง เครื่องดื่ม น้ำซุป น้ำเชื่อม ซอสชนิดต่างๆ น้ำพริก และอาหารชนิดอื่นๆ ที่มีน้ำมากมาย
  • เครื่องสำอาง ยกตัวอย่าง ครีมบำรุง โลชั่น น้ำหอม โทนเนอร์ หรืออื่นๆ ที่มาในรูปแบบน้ำ 
  • เครื่องสำอางที่มีของแข็งและของเหลวผสมกัน ยกตัวอย่าง มาสคาร่า ลิปกลอส และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • เจล ยกตัวอย่าง ยาสีฟัน ยาสระผม เจลอาบน้ำ ที่เซ็ตผม และอื่นๆ อีกมากมาย
  • สิ่งที่ต้องฉีดพ่น ยกตัวอย่าง สเปรย์ โฟม ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากทำบรรจุภัณฑ์แบบสเปรย์ก็สามารถตัดทิ้งได้เลย
ของเหลวขึ้นเครื่องได้กี่ ml.

ของเหลวขึ้นเครื่องได้กี่ ml.

สำหรับปริมาณของเหลวขึ้นเครื่องจะมีการกำหนดชัดเจนว่าสามารถนำขึ้นได้จำนวนเท่าไหร่ และสามารถนำขึ้นได้กี่มิลลิลิตร ซึ่งเนื้อหาในส่วนนี้จะมีคำตอบให้ทุกคนทำความเข้าใจ และสามารประเมินได้ว่าควรจะเอาของเหลวชนิดไหนขึ้นเครื่องได้บ้าง และสามารถนำเครื่องได้ในปริมาณที่เท่าไหร่ เพื่อที่ว่าทุกคนจะสามารถแพ็กกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ถูก โดยมีคำตอบดังต่อไปนี้

กรณีคนทั่วไป

  • การกำหนดปริมาณต่อชิ้น นับเป็นเรื่องสำคัญที่คนทั่วไปจำเป็นต้องรู้เพื่อที่จะไม่พลาดระหว่างการโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง เบื้องต้นใน 1 บรรจุภัณฑ์ จะสามารถนำขึ้นเครื่องได้ใน 100 มิลลิลิตร ที่จะต้องมีระบุตัวเลขข้างขวดชัดเจน
  • การกำหนดจำนวนต่อชิ้น โดยปกติคนทั่วไปสามารถนำขึ้นไปสูงสุดได้ 1,000 มิลลิลิตร ดังนั้นจึงสามารถแบ่งออกเป็นขวดละ 100 มิลลิลิตรให้ได้สูงสุด 10 ขวด ซึ่งห้ามเกินมากกว่านี้ โดยจำนวนนี้รวมของเหลวทุกประเภทแล้ว
  • สำหรับของเหลวที่ได้มีการนำขึ้นเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นกี่ขวดก็ตามขวดใส่ลงในกระเป๋าพลาสติกใสใส่รวมกัน ที่มีขนาดไม่เกิน 20 x 20 เซนติเมตร และต้องปิดผนึกให้เรียบร้อย
  • ในส่วนของของเหลวขึ้นเครื่องบินโหลดกระเป๋าได้อย่างเจล และสเปรย์ จำเป็นที่จะต้องซื้อของจากสนามบิน ณ ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตให้ขายและสามารถนำขึ้นเครื่องได้ หากใครที่จำเป็นต้องใช้ของเครื่องใช้อย่างเจลหรือสเปรย์แนะนำว่าซื้อที่สนามบินจะชัวร์กว่า และต้องปิดผนึกให้เรียบร้อย

กรณีคนที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ป่วยที่ต้องพกยา

  • ในกรณีที่มีผู้โดยสารที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องพกยา จะมีเงื่อนไขไม่ตรงกับบุคคลทั่วไป นั่นก็คือกา่รนำของเหลวขึ้นเครื่อง อย่างเจล สเปรย์หรือยาในรูปแบบอื่น จะต้องมีการระบุประเภทของยา มีใบแพทย์รับรอง มีฉลากข้อมูลของยาครบพร้อม และต้องมีการระบุชื่อผู้โดยสารที่เป็นเจ้าของยาชนิดนั้นๆ ด้วย โดยจะพกได้แค่จำนวนที่เหมาะแก่การเดินทางบนน่านฟ้าเท่านั้น
  • ข้อยกเว้นในการพกยา หากเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีการใช้อยู่ทั่วไปสามารถพกพาได้ ตามจำนวนที่ได้มีการระบุไว้ตามเงื่อนไขของสายการบิน ทั้งนี้ยาบางประเภทที่อาจจะถูกกฎหมายในไทย แต่ผิดกฎหมายทางต่างประเทศ หรือเป็นยาที่ไม่อนุญาตให้ข้ามประเทศก็ควรจำเป็นต้องรู้ก่อนนำขึ้นเครื่อง เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาได้

กรณีผู้ปกครองที่เดินทางกับเด็กเล็กหรือทารก

  • สำหรับผู้ปกครองที่เดินทางกับเด็กเล็กหรือทารก ที่จะเป็นจะต้องมีอาหารทางโภชนาการเพื่อให้ลูกน้อยสามารถทานได้อย่างครบถ้วน ในจุดนี้สามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่จำเป็นจะต้องตรงตามข้อกำหนดทางการแพทย์
  • ในส่วนของอาหารของเด็กเล็กและทารกก็สามารถนำขึ้นเครื่องได้ด้วยเช่นกัน โดยปริมาณเบื้องต้นก็สามารถดูได้จากระยะที่ต้องเดินทาง แต่ทั้งนี้ในเรื่องของน้ำหรือนมจำเป็นจะต้องเตรียมไปให้พร้อม เพื่อให้ถูกสุขอนามัยของเด็กเล็กและทารกให้ได้มากที่สุด
  • ในส่วนข้าวของเครื่องใช้ของทารก ก็สามารถนำพกขึ้นเครื่องได้แต่จำเป็นที่จะต้องมีปริมาณของเหลว ขึ้นเครื่อง 100 มิลลิลิตรเท่านั้น โดยข้างของเครื่องใช้ได้แก่ โลชั่นสำหรับทาผิว ครีมกันผื่นสำหรับเด็ก และอื่นๆ ที่จะเป็นต้องใช้ตลอดการเดินทางในทริปนั้นๆ 

กรณีสินค้าจากร้านปลอดภาษี

  • อีกเงื่อนไขหนึ่งที่นับว่าเป็นเรื่องน่าสนใจจากการซื้อสินค้าจากร้านปลอดภาษีในสนามบิน จะสามารถนำของเหลวขึ้นเครื่องได้ แต่จะต้องบรรจุในถุงซิปล็อคเพื่อให้ง่ายแก่การตรวจสอบ พร้อมกันนั้นยังจำเป็นอย่างยิ่งที่ตัวสินค้าที่เป็นของเหลวจะต้องไม่มีร่องรอยของการแกะใช้งาน ถึงจะสามารถนำขึ้นเครื่องได้
ข้อห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเพิ่มเติม

ข้อห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเพิ่มเติม

  • สำหรับการเดินทางภายในประเทศที่แต่เดิมมีนโยบายว่า ของเหลวขึ้นเครื่องสามารถนำน้ำพริก แกง น้ำจิ้ม และอาหารพื้นเมืองขึ้นเครื่องได้เป็นอันว่าไม่สามารถทำได้แล้ว แต่ใช่ว่าจะนำขึ่นเครื่องไม่ได้เลย เพราะสามารถนำอาหารเหล่านั้นโหลดใต้ท้องเครื่องแทนได้
การปิดผนึกถุง

การปิดผนึกถุง

  • สำหรับของเหลวขึ้นเครื่องที่ได้มีการระบุขนาดขวดว่าจะต้องเป็น 100 มิลลิกรรม ไม่ว่าผู้โดยสารจะพกอะไรมาจำเป็นที่จะต้องนำขวดที่เป็นของเหลว 100 มิลลิกรัม นำมาปิดผนึกลงในถุงพลาสติกแบบใส เพื่อง่ายแก่การตรวจสอบ
  • สำหรับการเลือกใช้ถุงพลาสติกแบบใส แนะนำว่าให้เลือกแบบซิปล็อคที่จะช่วยง่ายต่อการตรวจว่าตรงกับเงื่อนไขที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้หรือไม่ และสามารถพกได้ถุงเดียวเท่านั้น สำหรับกรณีที่จะต้องบรรจุของเหลวขึ้นเครื่องบิน โดยขนาดถุงจะอยู่ที่ 20 x 20 เซนติเมตรเท่านั้น
มาตรการเมื่อพบว่าผู้โดยสารพกของเหลวขึ้นเครื่องเกินกำหนด

มาตรการเมื่อพบว่าผู้โดยสารพกของเหลวขึ้นเครื่องเกินกำหนด

เมื่อผู้โดยสารได้ไปถึงในส่วนของการตรวจสอบของเหลวขึ้น ของเหลวขึ้นเครื่อง ทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดและถี่ถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากพบว่าปริมาณของเหลวที่พกมานั้นเกินกว่าที่กำหนด หรือไม่ตรงตามเงื่อนไขข้อยกเว้นต่างๆ จำเป็นที่จะต้องทิ้งของเหลวเหล่านั้นก่อนขึ้นเครื่องทันที

การกำหนดปริมาณของเหลว ขึ้นเครื่อง นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ โดยเบื้องต้นจะสามารถพกของเหลวได้ในจำนวน 100 มิลลิตรต่อ 1 ขวด โดยสามารถพกได้มากสุด 1,000 มิลลิตร หรือมากสุด 10 ขวด ซึ่งของเหลวพวกนี้สามารถเป็นได้ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง ข้าวของเครื่องใช้ หรืออื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องนำมารวมกันใส่ถุงซิปล็อคอย่างดีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ง่ายๆ และสามารถรู้ได้ว่าของเหลวขึ้นเครื่อง ชนิดนั้น ๆ ถูกต้องกับข้อกำหนดหรือไม่

8 เคล็ดลับ เอาถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินยังไงให้ปลอดภัยไม่เสียหาย

‘กอล์ฟทริป’ หรือการจัดทริปไปตีกอล์ฟที่สนามดังๆ ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ อย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บัลแกเรีย ตุรกี สเปน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ นิวซีแลนด์ สกอตแลนด์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มผู้ชื่นชอบการเล่นกอล์ฟในปัจจุบัน 

เหตุผลเพราะสนามกอล์ฟของแต่ละประเทศล้วนมีลักษณะสนาม เนินหญ้า ลม และอากาศแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การได้ไปวัดฝีมือบนแฟร์เวย์สนามทั่วโลก เป็นหนึ่งในภารกิจสุดท้ายที่คนรักกอล์ฟทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ตั้งเป้าจะพิชิตให้ได้มากที่สุด 

8 เคล็ดลับเอาถุงกอล์ฟขึ้นเครื่อง

แต่ถึงอย่างนั้นมั่นใจว่าอุปสรรคที่สร้างความหนักใจให้กับคนรักกอล์ฟส่วนใหญ่เวลาเดินทางด้วยเครื่องบินคือ การนำถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบิน เรียกว่าแค่เริ่มหลายคนก็บ่นปวดหัวเอามือกุมขมับแล้ว โดยเฉพาะนักกอล์ฟมือใหม่ที่เพิ่งไปกอล์ฟทริปครั้งแรก เนื่องจากไม่รู้ว่าควรเลือกถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินแบบไหน ควรใส่ถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินหรือไม่ หรือควรจัดวางอุปกรณ์กอล์ฟในถุงอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่แตกหักระหว่างการเดินทาง 

ดังนั้นเพื่อช่วยให้นักกอล์ฟทุกคนทำตามฝันได้โดยไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องเซ็ตอุปกรณ์กอล์ฟ วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ ว่าถ้าอยากจะพาหัวไม้คู่ใจไปลุยนอกประเทศ ต้องเตรียมตัวอย่างไรมาฝาก

1. อย่างกค่าโหลด

ปกติแล้วถุงกอล์ฟที่บรรจุอุปกรณ์กอล์ฟครบเซ็ตมีน้ำหนักมากกว่า 15 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะฉะนั้นจึงทำให้ไม่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ ต้องโหลดถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินอย่างเดียว สำหรับการคิดน้ำหนักสัมภาระประเภทอุปกรณ์กอล์ฟจะคิดรวมกับสัมภาระทั้งหมดที่โหลดขึ้นเครื่องหรือ Checked baggage ซึ่งแต่ละสายการบินจะแสดงกำหนดน้ำหนักสัมภาระไว้อย่างชัดเจน โดยแตกต่างกันระหว่างประเภทตั๋วเดินทางและกลุ่มประเทศปลายทาง 

อย่างการเดินทางกับสายการบินไทยด้วยตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง หากเดินทางไปกลับกลุ่มประเทศเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป  แอฟริกา และตะวันออกกลาง สามารถโหลดสัมภาระได้น้ำหนักรวมสูงสุด 50 กิโลกรัม ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัดพิเศษน้ำหนักรวมสูงสุด 40 กิโลกรัม แต่กรณีชั้นประหยัดน้ำหนักรวมสูงสุด 20 -35 กิโลกรัม ส่วนการเดินทางไปกลับประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา สามารถโหลดสัมภาระได้จำนวน 2 ใบ ชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจน้ำหนักรวมสูงสุด 32 กิโลกรัม ส่วนชั้นประหยัดกำหนดน้ำหนักรวมเพียง 23 กิโลกรัม 

ดังนั้นไม่ว่าทริปไกลหรือใกล้ควรคำนวณน้ำหนักสัมภาระทั้งหมดของตัวเองทั้งขาไปและขากลับให้ละเอียด หากรู้สึกว่าน้ำหนักน่าจะเกินกว่ากำหนดให้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มล่วงหน้าเพื่อลดความยุ่งยากวันเดินทาง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ห้ามทำคือ การลดน้ำหนักสัมภาระด้วยการเลือกถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินราคาถูกที่มีน้ำหนักเบา เพื่อที่จะได้จ่ายค่าน้ำหนักกระเป๋าน้อยลง แต่เชื่อเถอะว่าไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องซื้อไม้กอล์ฟใหม่ทั้งหมด หากเกิดความเสียหายระหว่างการเดินทาง ส่วนคนรักกอล์ฟที่ยังไม่มีถุงกอล์ฟไว้ใช้เดินทาง แนะนำให้เลือกแบบ Travel Bag ที่มาพร้อมถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินและออกแบบให้เหมาะกับการนำขึ้นเครื่องบิน รับรองว่าปลอดภัยมากขึ้น 

ห่อถุงกอล์ฟด้วยพลาสติก

2. ห่อถุงกอล์ฟด้วยพลาสติกหรือห่อบับเบิ้ล

นอกจากเลือกใช้ถุงกอล์ฟที่มีถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินแล้ว อีกขั้นตอนที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ การห่อถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินด้วยพลาสติกหรือบับเบิ้ลกันกระแทก เพราะนอกจากปกป้องถุงกอล์ฟจากกระเป๋าเดินทางใบอื่นที่อาจเคลื่อนกระแทกหรือทับจนถุงกอล์ฟและอุปกรณ์ข้างในได้รับความเสียหายแล้ว 

การห่อถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินด้วยพลาสติกหรือบับเบิ้ลยังเป็นวิธีง่ายๆ ที่ใช้ตรวจสอบว่าถุงกอล์ฟไม่ได้ถูกรื้อค้นระหว่างเดินทางอีกด้วย หากเห็นว่าพลาสติกหรือบับเบิ้ลส่วนนอกมีร่องรอยการเปิดออก ควรรีบตรวจสอบอุปกรณ์กอล์ฟทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่าอยู่ครบถ้วนหรือได้รับความเสียหายหรือไม่

3. อย่าลืมทำให้กระเป๋าของเราเด่น

การหยิบกระเป๋าเดินทางผิดหรือหยิบสลับกัน เป็นหนึ่งในปัญหาคลาสสิกที่พบได้บ่อยทุกสนามบิน เหตุผลนอกจากกระเป๋าสัมภาระส่วนใหญ่จะมีรูปร่างลักษณะคล้ายกันแล้ว ยังเกิดจากความเร่งรีบอยากได้สัมภาระของตัวเองเร็วๆ 

โดยเฉพาะถุงกอล์ฟที่มีไม้กอล์ฟคู่ใจราคาแพงอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แค่เห็นถุงกอล์ฟสีเดียวหรือมีลักษณะคล้ายกับของตัวเองเคลื่อนมาตามสายพานหลายคนก็รีบวิ่งไปหยิบไว้ทันที ซึ่งหากไหวตัวทันอาจนำกลับไปเปลี่ยนที่สายพานได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีไม่น้อยที่ชะล่าใจถือติดมือไปถึงที่พัก กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนเปิดออกมาพบว่าอุปกรณ์กอล์ฟทั้งหมดไม่ใช่ของตัวเอง ทำให้ต้องเสียเวลาย้อนกลับมายื่นคำร้องต่อสายการบินที่สนามบินเพื่อตามหาถุงกอล์ฟของตัวเองอีกรอบ เสียทั้งเวลาและเสี่ยงต่อการสุญหายด้วย 

ดังนั้นเพื่อตัดความปัญหาเรื่องนี้ ควรเลือกถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินที่มีสีและลวดลายที่โดดเด่นหรือนำผ้ามาผูกไว้ที่หูหิ้วเพื่อช่วยให้เห็นได้ง่ายขึ้นและรู้ได้ทันทีว่าเป็นถุงกอล์ฟของตัวเอง รวมทั้งยังป้องกันไม่ให้คนอื่นหยิบผิดได้อีกด้วย

ถุงกอล์ฟไม่โดดเด่น

4. ถอดหัวออกจากไม้

ข้อดีของไม้กอล์ฟรุ่นใหม่คือ สามารถถอดหัวไม้กอล์ฟหรือ Club Head ออกจากด้ามไม้กอล์ฟได้ ทำให้ง่ายต่อการจัดวางอุปกรณ์กอล์ฟทั้งหมดในถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินมากขึ้น ซึ่งนอกจากช่วยลดโอกาสเกิดความเสียหายกับอุปกรณ์เวลาเคลื่อนย้ายน้อยลงแล้ว ยังสามารถพันบับเบิ้ลได้ครอบคลุมทุกส่วน แม้ว่าจะต้องเสียเวลาแกะ แต่ปลอดภัยไม้กอล์ฟคู่ใจไม่เป็นรอยแน่นอน

5. ใช้ Stiff Arm สำหรับถุงกอล์ฟ

ถึงแม้ว่าคนรักกอล์ฟส่วนใหญ่จะเลือกใช้ถุงกอล์ฟที่มีความแข็งแรง พันด้วยพลาสติก และใส่ถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินเพื่อให้อุปกรณ์กอล์ฟที่อยู่ด้านในปลอดภัย แต่หลังจากถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินแล้ว ไม่อาจการันตีได้ว่าถุงกอล์ฟจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างที่คิดไว้ 

เนื่องจากเมื่อถุงกอล์ฟไปอยู่รวมกับสัมภาระอื่นๆ อาจโดนทับหรือกระแทกจนเสียรูปทรง และก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ที่อยู่ภายในถุงกอล์ฟ 

อย่างไรก็ตามปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการอุปกรณ์ที่เรียก Stiff Arm หรืออุปกรณ์ค้ำเพื่อให้ถุงกอล์ฟอยู่ทรง มีลักษณะเป็นแท่งอลูมิเนียมอัลลอยด์และด้านบนมีหัวก้านหกเหลี่ยม แต่แนะนำว่าควรเลือก Stiff Arm ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาสูง แต่มาพร้อมความแข็งแรงทนทาน ปรับระดับได้ง่าย น้ำหนักเบา และไม่เป็นสนิมใช้งานนานขึ้น

จุถุงกอล์ฟไม่ให้มีช่องว่าง

6. จุถุงกอล์ฟให้เต็ม ไม่ให้เหลือช่องว่าง

เวลาใส่อุปกรณ์ทั้งหมดลงในถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบิน ควรตรวจสอบพื้นที่ว่างภายในถุงกอล์ฟ หากมีพื้นที่เหลือแนะนำให้ใส่โฟม กระดาษ หรือนุ่นเข้าไปให้เต็มช่องว่างให้แน่น เนื่องจากอุปกรณ์กอล์ฟส่วนใหญ่เป็นของแข็ง หากเกิดการกระทบกันในถุงกอล์ฟระหว่างการขนย้ายอาจก่อให้เกิดการความเสียหายกับอุปกรณ์ได้ ซึ่งการลดช่องว่างด้วยโฟม กระดาษ หรือนุ่นให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากช่วยลดโอกาสเกิดการกระแทกแล้ว ยังเป็นการลดการขยับหรือเคลื่อนที่ของอุปกรณ์กอล์ฟที่อยู่ด้านในด้วย

7. บินด้วย Direct Flight ถ้าเป็นไปได้

แน่นอนว่าการเดินทางด้วยกระเป๋าเดินทางแบบลากเพียง 1 – 2 ใบ อาจไม่มีปัญหากับการ Transfer Flight แต่สำหรับคนรักกอล์ฟที่เดินทางไปพร้อมถุงกอล์ฟที่อัดแน่นไปด้วยไม้กอล์ฟแบบครบชุด 14 อัน การ Transfer Flight อาจไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะนอกจากต้องไปลุ้นเพื่อรอถุงกอล์ฟของตัวเองสายพานหลายรอบแล้ว ยังต้องเหนื่อยถือถุงกอล์ฟน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 15 กิโลกรัม เดินข้ามเกทหลายกิโลเมตรเพื่อต่อเครื่อง หรือถ้าเกิดปัญหาเครื่องบินดีเลย์ ไม่สามารถนำถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินได้ในทันที ต้องลากถุงกอล์ฟไปมา หาที่รอกว่าจะถึง เล่นเอาหลายคนอยากนอนมากกว่าตีกอล์ฟ ทางที่ดีหากเลือกได้ควรเป็น Direct Flight ที่ได้ทั้งความสะดวกและไม่เสียเวลา 

8. ส่งถุงกอล์ฟไปก่อน

การใช้บริการจัดส่งสัมภาระของทางสนามบินหรือ 3rd Party อย่าง Airportels ในการจัดส่งถุงกอล์ฟไปยังจุดที่ต้องการล่วงหน้า ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักกอล์ฟที่จำเป็นต้อง Transfer Flight อย่างการไปกับกอล์ฟทริปกับกรุ๊ปทัวร์หรือการใช้บริการกับสายการบินที่ไม่มี Direct Flight ซึ่งข้อดีคือ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ไ่ม่ต้องมานั่งกังวลใจเรื่องการโหลดถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินในวันเดินทาง

ส่งถุงกอล์ฟขึ้นเครื่อง

ส่งถุงกอล์ฟด้วย AIRPORTELs ดีอย่างไร ?

เนื่องจาก AIRPORTELs เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บและจัดส่งสัมภาระภายในประเทศที่มาพร้อมบริการที่หลากหลาย ทั้งการจัดสัมภาระระหว่างสนามบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้าภายในจังหวัดเดียวกัน การจัดส่งสัมภาระไปทั่วประเทศภายใน 1-2 วัน และบริการที่เก็บสัมภาระแบบไม่จำกัดขนาดและน้ำหนัก ช่วยให้นักเดินทางมีความสะดวก คล่องตัว ในระหว่างท่องเที่ยวหรือทำธุระมากขึ้น 

ถือว่าเป็นบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักกอล์ฟทั้งเดินทางในประเทศและต่างประเทศ เพราะกรณีเดินทางไปกอล์ฟทริปสามารถใช้บริการจัดส่งถุงกอล์ฟตรงไปยังสนามบิน โรงแรมที่พัก หรือนัดรับที่ห้างสรรพสินค้า โดยไม่ต้องถือติดตัวไปไหนมาไหนให้หมดสนุกหรือกังวลเรื่องความปลอดภัย ด้วยทางAIRPORTELs มีระบบแจ้งสถานะผ่านภาพถ่ายทาง SMS ให้ลูกค้าทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมการรับประกันอีก 50,000 บาท 

สำหรับนักกอล์ฟที่เดินทางไปต่างประเทศ สามารถใช้บริการฝากสัมภาระกับทาง AIRPORTELs ในระหว่างรอโหลดถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินได้เช่นกัน เนื่องจาก AIRPORTELs มีสาขาเปิดให้บริการทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง รวมทั้ง 3 สาขาในห้างดัง อย่างสาขาเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ สาขาเทอร์มินอล 21 อโศก สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมให้บริการภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 

ในส่วนการใช้บริการ AIRPORTELs สามารถทำได้ทั้งแบบ  WalK-in และจองผ่านช่องทางออนไลน์ ชำระค่าบริการผ่านทางบัตรเครดิต เดบิต หรือ Alipay เพิ่มความสะดวกในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น 

จะเห็นได้ว่าการจัดการกับถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบินเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ตั้งแต่การเลืองชนิดถุงกอล์ฟ ถุงคลุมถุงกอล์ฟขึ้นเครื่องบิน การจัดวางอุปกรณ์ภายในถุงกอล์ฟ การใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มความปลอดภัยการเลือก Direct Flight และที่สำคัญอย่าลืมซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม เพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่สำหรับคนรักกอล์ฟที่ไม่อยากเป็นกังวลการใช้บริการจัดส่งสัมภาระอย่าง Airportels เป็นอีกทางหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะมั่นใจได้เลยว่าไม้กอล์ฟสุดรักสุดหวงถึงที่หมายอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องเหนื่อยถือเองอีกด้วย

เอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้ไหม ต้องความจุกี่แอมป์

สำหรับใครที่กำลังเดินทางขึ้นเครื่องไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม การเอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องเพื่อที่จะชาร์จแบตมือถือนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่ว่าหากมือถือใกล้แบตหมดก็จะมีพาวเวอร์แบงค์สำรองใช้ได้ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าพาวเวอร์แบงค์นั้นมีหลายประเภท และบางประเภทก็ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ดังนั้นใครที่กำลังจะเดินทางไปไหนและไม่มั่นใจว่าพาวเวอร์แบงค์สามารถขึ้นเครื่องได้หรือไม่ ในบทความนี้มีคำตอบให้แน่นอน

เอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้ไหม ต้องความจุกี่แอมป์
พาวเวอร์แบงค์คือ

พาวเวอร์แบงค์คือ

พาวเวอร์แบงค์ คือ แบตเตอรี่สำรองที่สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ  โดยตัวเครื่องสามารถพกพาไปได้ทุกที่ สมาร์ทโฟนใกล้หมดเมื่อไหร่ก็จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ในทันที โดยพาวเวอร์แบงค์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

ชนิดลิเธียม ไอออน

พาวเวอร์แบงค์ชนิดลิเธียม ไอออน จัดว่าเป็นแบตเตอรี่สำรองที่เน้นในเรื่องของพลังงานที่สูง ในขณะเดียวกันก็จะปล่อยพลังงานที่ต่ำ ที่จะช่วยเซฟพลังงานได้เป็นอย่างดี แต่ขณะที่ไม่ได้ใช้งานก็จะมีการคายประจุไฟเสมอๆ จนในที่สุดแบตหมดได้ ข้อดีก็คือพาวแบงค์นี้มีราคาที่ถูก ในขณะที่ข้อเสียก็คือเสื่อมสภาพได้ไวมากๆ 

ชนิดเธียม โพลิเมอร์

พาวเวอร์แบงค์ชนิดลิเธียม โพลิเมอร์ นับว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ต้องบอกว่าคุณภาพสูงมากๆ เพราะแบตเตอรี่สามารถจุพลังงานได้ดี ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องยาวๆ  คายประจุไฟช้ากว่าแบบชนิดลิเธียม ไอออน มีน้ำหนักเบา และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ราคาจะสูง

ความจุและจำนวนพาวเวอร์แบงค์ที่ขึ้นเครื่องได้

ความจุและจำนวนพาวเวอร์แบงค์ที่ขึ้นเครื่องได้

 ในส่วนนี้นับว่าเป็นเนื้อหาสำคัญที่จะมาให้คำตอบเกี่ยวกับพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องกี่แอมป์ และจำนวนพาวเวอร์แบงค์ที่สามารถนำขั้นเครื่องบินได้ โดยข้อมูลนี้ถือว่านโยบายส่วนใหญ่ที่หลายๆ สายการบินใช้กันโดยสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่า 20,000 แอมป์ สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ ในส่วนของจำนวนได้แบบไม่มีจำกัด
  • ค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่า 20,000  – 32,000 แอมป์ สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ ในส่วนของจำนวนสามารถนำขึ้นได้แค่ 2 ก้อนเท่านั้น 

สำหรับความจุไฟฟ้าที่มากกว่า 32,000 แอมป์ จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ และในกรณีที่ตัวแบตเตอรี่ไม่ได้มีการระบุประเภทของแบตเตอรี่ก็ไม่สามารถเช่นกัน และพาวเวอร์แบงค์ที่จะนำขึ้นเครื่องจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อที่จะเช็คว่าเอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้ไหม

เอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องยังไง

เอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องยังไง

การเอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้ โดยปกติแล้วแต่ละสายการบินจะมีข้อกำหนดที่ชัดเจนโดยละเอียด และเมื่อถึงที่จะต้องตรวจเช็คจำเป็นที่จะต้องให้เจ้าหน้าที่ดูพาวเวอร์แบงค์ที่ตัวเองได้นำมา โดยหลัก ๆ แล้วการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มีดังนี้

  • พาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องกี่แอมป์ ถึงจะพกขึ้นเครื่องบินได้
  • การนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องสามารถนำขึ้นได้กี่ก้อน และไม่ควรเกินกี่ก้อน
  • การนำพาวเวอร์แบงค์ห้ามใส่กระเป๋าโหลดใต้เครื่อง ควรจะผ่านเจ้าหน้าที่ในการตรวจขึ้นไปที่นั่งด้วย
ทำไมห้ามโหลดพาวเวอร์แบงค์ใต้เครื่อง

ทำไมห้ามโหลดพาวเวอร์แบงค์ใต้เครื่อง

ปกติแล้วทุกๆ สายการบ้านมีข้อห้ามอย่างชัดเจนว่าห้ามทำการนำอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่โหลดใต้เครื่อง เนื่องมาจากว่าแบตเตอรี่เมื่อเกิดความร้อนที่สูงมากๆ จะสามารถเป็นตัวทำให้ติดไฟได้ หรือหากเลวร้ายกว่านั้นก็เกิดการระเบิดได้ เพราะในบริเวณที่โหลดใต้ท้องเครื่องจะไม่สามารถที่จะเช็คสภาพ ณ ตรงนั้นได้ทันทีหากเกิดเหตุร้ายขึ้น เลยการนำขึ้นเครื่องไปยังที่นั่งโดยสารนับเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

วิธีเลือกพาวเวอร์แบงค์ให้ปลอดภัย

วิธีเลือกพาวเวอร์แบงค์ให้ปลอดภัย

การเลือกพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องนับเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะประเด็นหลักๆ การจะเอาขึ้นได้หรือไม่อยู่ที่ความจุไฟฟ้าว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่ แต่ทางที่ดีสำหรับคนที่ใช้พาวเวอร์แบงค์อยู่แล้ว ก็ควรเลือกซื้อพาวเวอร์แบงค์ที่มีคุณภาพและสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย โดยวิธีการเลือกมีดังนี้

ซื้อพาวเวอร์แบงค์ ให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกซื้อพาวเวอร์แบงค์คือให้เหมาะกับการใช้งาน ถ้าหากพกพาวเวอร์แบงค์ที่สามารถใช้งานได้ในวันเดียว จะขอแนะนำพาวเวอร์แบงค์ที่มีความจุ 3,000 – 5,000 แอมป์ก็เพียงพอแล้ว เพราะด้วยความจุที่น้อยจึงทำให้สามารถพกพาสะดวก แต่ในกรณีที่จะเอาพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องก็แนะนำให้เลือกมากกว่า 20,000 แอมป์เพื่อที่จะสามารถสำรองแบตเตอรี่ได้หลายๆ วันได้

ไว้ชาร์จหลายเครื่อง

การกรณีที่เลือกพาวเวอร์แบงค์ที่สามารถชาร์จได้หลายๆ เครื่อง จะเหมาะกับคนที่มีทั้งสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่จะเป็นจะต้องชาร์จพร้อมๆ กัน การเลือกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเบื้องต้นจะต้องดูก่อนว่าตัวแบตเตอรี่ที่ซื้อมาจะมีการแชร์แบตเตอรี่กันหรือไม่ และมีจำนวนความจุไฟฟ้าอยู่ที่เท่านั้น และแน่นอนว่าในส่วนของความปลอดภัยจำเป็นต้องศึกษาให้ชัดเจน

เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน

สิ่งที่สามารถสร้างความมั่นใจในการเลือกซื้อแม้แต่ดูแบตเตอรี่ไม่เป็น ก็คือการเลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ หรือเป็นแบรนด์ที่นิยมใช้ เพราะจุดนี้จะสามารถการันตีความปลอดภัยขณะใช้งานได้เป็นอย่างดี และมีระบบป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร แบตเตอรี่มีความร้อนสูง รวมไปถึงการระเบิดได้

ใครที่อยากจะมีแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบิน สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ แต่ห้ามโหลดใส่กระเป๋าใต้ท้องเครื่องบิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจเช็คว่าพาวเวอร์แบงค์ที่แต่ละคนนำขึ้นเครื่องนั้น โดยดูในเรื่องของชนิดแบตเตอรี่ รวมทั้งความจุไฟฟ้าที่สามารถต่ำกว่า 20,000 จะสามารถพกได้ไม่จำกัดจำนวน และ 20,000 – 32,000 แอมป์จะพกได้เพียง 2 ก้อนเท่านั้น ดังนั้นการเลือกพาวเบอร์แบงค์สำหรับขึ้นเครื่องบินถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และควรใส่ใจในคุณภาพและความปลอดภัยขณะซื้อก่อนนำขึ้นเครื่อง

14 วิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้ประหยัดพื้นที่และเบาขึ้นแบบ 300%

ใกล้วันหยุดยาวเข้ามาทุกที หลายคนมีแพลนกลับบ้านต่างจังหวัด ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ บางคนอาจมีแพลนไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศในช่วงนี้ สิ่งที่สำคัญที่ต้องเตรียมตัวให้ดีคือการจัดกระเป๋า 

หลายคนอาจกำลังหาวิธีจัดกระเป๋าเดินทางที่ประหยัดเนื้อที่อยู่ เพราะนอกจากจะช่วยให้เก็บเสื้อผ้าของใช้ต่างๆ ได้เป็นระเบียบ เพิ่มพื้นที่ให้กับกระเป๋าเดินทางแล้ว ยังเป็นวิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบาลงได้อีกด้วย ซึ่งมีข้อดีหลายข้อ เหมาะมากๆ กับคนที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน 

14 วิธีการจัดกระเป๋าประหยัดพื้นที่

สำหรับเทคนิคการจัดกระเป๋าเดินทางทั้ง 14 วิธีที่จะเล่าให้ฟังนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ การจัดการกับเสื้อผ้าสิ่งของในกระเป๋าและการจัดการกับกระเป๋าเดินทาง ถ้าพร้อมแล้วมาดูวิธีพับผ้าจัดกระเป๋าเดินทางกันเลย

จัดกระเป๋าไม่ให้ผ้ายับ

7 เทคนิคจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋ายังไงให้ไม่ยับ พร้อมประหยัดพื้นที่

เมื่อต้องจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางหลายคนมักเจอกับปัญหาเสื้อผ้ายับเวลาที่ต้องอัดเสื้อผ้าหลายๆ ชุดลงกระเป๋า จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้จัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางโดยที่เสื้อผ้าไม่ยับ พร้อมใส่ได้เลยโดยไม่ต้องรีด นอกจากเป็นระเบียบ เสื้อผ้าไม่ยับแล้ว ยังเป็นวิธีจัดกระเป๋าเดินทางประหยัดเนื้อที่อีกด้วย ช่วยให้ใส่สัมภาระได้อย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว 

มาดู 7 วิธีพับผ้าจัดกระเป๋าเดินทางกันเลย

1. ม้วนเสื้อผ้าแทนการพับ 

วิธีจัดกระเป๋าเดินทางประหยัดพื้นที่ วิธีแรกคือการจัดการกับเสื้อผ้าด้วยการม้วนแทนการพับ เพราะการม้วนเสื้อผ้า นอกจากช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กระเป๋าเดินทางแล้ว ยังทำให้หยิบเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ ออกมาใช้ได้ง่าย ยังช่วยให้ผ้าไม่มีรอยยับอีกด้วย  

2. ใช้ถุง Zip Lock ช่วย

สำหรับใครที่จะไปเที่ยวหลายวันหรือไปเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะเมืองหนาว แน่นอนว่าเหล่าเสื้อผ้ากันหนาวตัวหนาๆ เสื้อขนสัตว์ต่างๆ มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ วิธีจัดกระเป๋าเดินทางประหยัดเนื้อที่คือวิธีการใช้ถุง Zip Lock เข้ามาช่วย เพราะโดยปกติเสื้อผ้าของเรามีอากาศแทรกอยู่ ทำให้กินพื้นที่ในกระเป๋าเดินทาง แต่เมื่อเราใช้ถุง Zip Lock แพ็กเสื้อผ้า จะทำให้เสื้อผ้าของเราเล็กลงได้เยอะมาก ทำให้เหลือพื้นที่ในกระเป๋าเพิ่มขึ้น จะใส่เสื้อผ้าหรือสัมภาระอื่นๆ เพิ่มก็มีพื้นที่ว่างเหลือๆ เลย

3. อะไรแตกง่ายห่อด้วยถุงเท้า

ส่วนการจัดเก็บถุงเท้าลงกระเป๋าเดินทาง เราสามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กระเป๋าเดินทางอีกนิด ด้วยการนำถุงเท้าห่อกับสัมภาระที่อาจแตกหักง่าย วิธีนี้นอกจากจะเพิ่มพื้นที่กระเป๋าเดินทางแล้ว ยังช่วยให้ป้องกันสัมภาระกระแทกและแตกหักง่ายให้ปลอดภัยอีกด้วย

4. รองเท้าใครว่าเกะกะ เอาไว้ช่วยเก็บของได้

ใครที่คิดว่าการเดินทางไปเที่ยวไม่ควรเอารองเท้าไปหลายคู่ เพราะเกะกะกระเป๋า บอกเลยว่าคุณต้องคิดใหม่ถ้ารู้เรื่องนี้ เพราะรองเท้าไม่ได้เกะกะพื้นที่กระเป๋าเดินทางอย่างที่คิด เพราะสามารถให้รองเท้าช่วยเก็บของได้ 

นำสิ่งของ สัมภาระชิ้นเล็กๆ อย่างถุงเท้า ขวดน้ำหอม ชุดชั้นใน แพ็กใส่ถุง Zip Lock ก่อน 1 ชั้น แล้วนำใส่เข้าไปในรองเท้า วิธีนี้ไม่ใช่เพียงวิธีจัดกระเป๋าเดินทางประหยัดพื้นที่เท่านั้น แต่ยังช่วยคงรูปทรงของรองเท้าไว้ได้อีกด้วย ทริปหน้าจะเอารองเท้าไปเปลี่ยนกี่คู่ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ลองใช้เทคนิคการจัดกระเป๋าเดินทางแบบนี้ดูกันเลย

5. เสื้อชั้นในผู้หญิง ให้ซ้อนกันไว้

วิธีการจัดกระเป๋าเดินทางให้ประหยัดพื้นที่ โดยเฉพาะสาวๆ สิ่งสำคัญที่ต้องจัดการเลยคือการจัดชุดชั้นในลงกระเป๋าเดินทาง วิธีนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่กระเป๋าและช่วยให้ชุดชั้นในปลอดภัย ไม่ถูกทับจนเสียรูปทรง ทำได้โดยจัดเรียงชุดชั้นในให้อยู่ในแนวเดียวกัน แล้วแพ็กลงถุงซิปล็อก ก่อนที่จะใส่ลงในกระเป๋าเดินทาง 

6. ใช้เข็มขัดจัดทรงเสื้อที่ต้องใส่ออกงาน

ส่วนการจัดชุดออกงาน เสื้อเชิ้ตหรือชุดที่ม้วนพับยากใส่กระเป๋าเดินทาง วิธีพับผ้าจัดกระเป๋าเดินทางที่ช่วยให้เสื้อผ้าไม่เสียทรง ให้ใช้เข็มขัดใส่ตามแนวทรงคอปกเสื้อหรือใส่ในบริเวณที่พับยาก แล้วจัดการม้วนเก็บเข้ากระเป๋าเดินทาง โดยวางไว้ด้านบนสุดของกระเป๋า เพราะเมื่อถึงที่พักแล้วจะได้รีบนำออกมาแขวนทันที แค่นี้ก็สามารถจัดชุดออกงานใส่กระเป๋าเดินทางได้แบบไม่กลัวเสียทรงแล้ว

เทคนิคจัดกระเป๋าให้เบา

7 เทคนิคจัดกระเป๋าให้เบาสบายตัว

แน่นอนว่าเรื่องน้ำหนักกระเป๋า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่นักเดินทางโดยเครื่องบินกังวลกันมาก จะทำอย่างไรดี ถ้ามีสัมภาระที่ต้องพกเดินทางเยอะแต่น้ำหนักโหลดกระเป๋าจำกัด มาดู 7 วิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบา ไม่เกินน้ำหนักกระเป๋าที่ซื้อไว้ จะได้ลองนำไปทำตามกันดูเลย

1. วางแผน Carry On ให้ดี

อย่างแรกเลย ไม่ว่าคุณจะซื้อน้ำหนักโหลดกระเป๋าไว้หรือไม่ก็ตาม อยากให้วางแผนกระเป๋าที่จะใช้ Carry On ให้ดี คุณสามารถนำกระเป๋าไปได้สูงสุด 2 ใบ แน่นอนว่าสัมภาระทุกชิ้นสำคัญแต่ไม่ควรแบกขึ้นเครื่องไปทุกชิ้น และไม่จำเป็นต้องนำของสำคัญใส่กระเป๋าโหลดใต้เครื่องทั้งหมดเพราะอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน อย่างกระเป๋าที่โหลดไว้อาจดีเลย์ จนทำให้มาช้าได้ ของสำคัญที่ควรนำ Carry On ไปด้วยมีอะไรบ้าง มาเช็กกันเลย

  • เอกสารประจำตัวและเอกสารสำคัญต่างๆ 
  • เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนในวันแรกเมื่อไปถึงยังที่หมาย
  • แล็ปท็อป แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
  • เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัวที่สำคัญ
  • อุปกรณ์  Gadget ต่างๆ 

ที่ต้องวางแผนการจัดสัมภาระ Carry On แบบนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแบกของหนักเกินไปและป้องกันหากเกิดเหตุกระเป๋าดีเลย์ คุณก็ยังมีสัมภาระสำคัญอยู่กับตัวเอง ทำให้แพลนเที่ยวนั้นยังดำเนินต่อไปได้แบบไม่มีสะดุดด้วย

2. วางแผนเสื้อผ้าแต่ละวันไปก่อน

เคยไหม แบกเสื้อผ้าไปก่อนเยอะๆ โดยที่ไม่ได้วางแผน เหมือนจะไปอยู่ยาวทั้งเดือน แต่ความจริงแพลนเที่ยวแค่ 3 วัน เมื่อถึงเวลาเดินทาง ต้องแบกกระเป๋าหนักหลาย 10 กิโล ซึ่งวิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบา สามารถทำได้ง่ายๆ แค่วางแผนการใส่เสื้อผ้าแต่ละวัน นับให้ดีว่าต้องนำเสื้อผ้าไปด้วยกี่ตัวหรือมีตัวไหนสามารถแมตช์กันได้ไหม รวมถึงใครที่ไปเที่ยวเมืองหนาว สามารถใส่เสื้อผ้าบางชิ้นซ้ำได้ อาจวางแผนเสื้อผ้าไปแบบเสื้อ 2 ต่อกางเกง 1 ตัว แบบนี้ก็นับเป็นวิธีจัดกระเป๋าเดินทางประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าและช่วยไม่ให้กระเป๋าหนักเกินไปด้วย3. โกงน้ำหนักด้วยการแต่งตัวหนา ๆ ไปเลย

3. โกงน้ำหนักด้วยการแต่งตัวหนา ๆ ไปเลย

แต่สำหรับใครที่ต้องเอาเสื้อผ้าไปเยอะจริงๆ คัดแล้วก็ยังเยอะอยู่ กลัวน้ำหนักกระเป๋าเกินแต่ก็ไม่มีพื้นที่จัดเก็บใส่กระเป๋าได้แล้ว แนะนำให้ใช้วิธีโกงน้ำหนักแบบนี้เลย ใส่เสื้อผ้าที่มีไปเลย 3-4 ตัว ต่อให้ใส่เยอะยังไงก็ไม่ได้ถูกคำนวณน้ำหนักอยู่แล้ว เป็นอีกวิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบาที่ไม่ผิดกฎของสายการบินด้วย 

4. ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำ

วิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบาและเพิ่มพื้นที่ให้กระเป๋าเดินทางได้ คือไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำไปด้วย เพราะอุปกรณ์ที่ใช้อาบน้ำ เครื่องใช้ส่วนตัวส่วนใหญ่เป็นของเหลว ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ และทางโรงแรมมักมีอุปกรณ์อาบน้ำให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพกไป

5. ทำ Checklist ของในกระเป๋า เพื่อกันหาย

 วิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบาต้องทำ Checklist เพื่อเตรียมสัมภาระที่จำเป็น วิธีนี้จะช่วยให้ไม่ลืมของสำคัญและยังช่วยป้องกันของหายได้ด้วย สัมภาระที่จำเป็นส่วนใหญ่มีอะไรบ้าง เช็กพร้อมกันตามนี้ได้เลย

  • สัมภาระสำคัญ ได้แก่ บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน บัตรเครดิต เงิน ใบจองที่พักอาจเป็นในรูปแบบอีเมล อุปกรณ์สื่อสาร สมาร์ทโฟน สายชาร์จ กล้องถ่ายรูป พาวเวอร์แบงค์ และแผนการเดินทางท่องเที่ยว (ถ้ามี) 
  • เครื่องแต่งกาย ได้แก่ เสื้อ กางเกง กระโปรง ชุดชั้นใน ชุดนอน ชุดกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ (เมื่อไปประเทศอากาศหนาว) รองเท้าแตะ หมวก รวมถึงแว่นตาเครื่องประดับต่างๆ ด้วย
  • ของใช้ส่วนตัว เช่น อุปกรณ์อาบน้ำ อุปกรณ์ทำผม อาหารเสริม รวมถึงผ้าอนามัย
  • ของใช้อื่นๆ เช่น ถุงพลาสติกสำหรับใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว กระดาษชำระ ยาทากันยุง

6. ของชิ้นใหญ่ ของหนัก วางไว้ใกล้ล้อ

อีกวิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบาคือจัดการเรียงสัมภาระที่มีน้ำหนักมากไว้ด้านล่างกระเป๋า ให้ใกล้กับล้อ และสัมภาระน้ำหนักเบาวางไว้ด้านบน จะช่วยให้รู้สึกไม่หนัก ลากกระเป๋าได้สบายมากขึ้น ไม่ต้องฝืนด้วย

7. ใช้กระเป๋า Soft Case เบากว่า จุได้เยอะกว่า

อย่าลืมว่าน้ำหนักทั้งหมดไม่ได้นับแค่สัมภาระภายในกระเป๋าเท่านั้นแต่ยังรวมน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางเข้าไปด้วย วิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบา ลดน้ำหนักกระเป๋าได้เยอะ คือ เปลี่ยนมาใช้กระเป๋าเดินทางแบบ Soft Case นอกจากถือกระเป๋าเบาลงแล้ว ยังเพิ่มพื้นที่ให้กับสัมภาระอีกด้วย

การจัดกระเป๋าเบาสบาย

ทำไมต้องจัดกระเป๋าให้เบา ?

การจัดการวางแผนสัมภาระและเสื้อผ้าก่อนจัดกระเป๋าไปเที่ยวเป็นวิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้เบาลงได้ ไม่ใช่เพียงแค่ให้มีน้ำหนักเบาลงเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีมากมายไม่ว่าเป็น 

  • ช่วยให้ไม่ต้องเสียเงินโหลดกระเป๋า 
  • ช่วยให้น้ำหนักกระเป๋าไม่เกินตามที่สายการบินกำหนด
  • ช่วยให้เตรียมสัมภาระได้ครบ
  • ช่วยให้หยิบสัมภาระได้สะดวก 
  • ช่วยให้เดินทางสะดวก 
  • กระเป๋าเดินทางไม่เป็นภาระเวลาเดินทาง
  • ช่วยเพิ่มพื้นที่ใส่สัมภาระอื่นๆ รวมถึงของฝากได้
  • ช่วยป้องกันสัมภาระสูญหายได้
ส่งกระเป๋าที่น้ำหนักเกิน

ถ้ากระเป๋าหนักเกินไป ส่งด้วย AIRPORTELs

หากสัมภาระเยอะ คัดเท่าที่จำเป็นแล้วยังมีน้ำหนักมากอยู่ดี แบบนี้ส่งผ่าน AIRPORTELs เลย บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋าเดินทางในประเทศไทย ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัย ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักสัมภาระ ให้คุณท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบไร้กระเป๋าเดินทาง ราคาขนส่งกระเป๋าเริ่มต้น 299 บาท ราคารับฝากกระเป๋าเริ่มต้น 100 บาท  

ก่อนเดินทางท่องเที่ยวที่ไหนก็ตาม หากได้ลองทำตามวิธีการจัดกระเป๋าเดินทางประหยัดพื้นที่ทั้ง 14 ข้อนี้ จะเห็นว่านอกจากช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างให้กระเป๋า ช่วยให้กระเป๋าเบาลง ไม่เสียเงินโหลดค่ากระเป๋าเพิ่ม ช่วยให้กระเป๋าเดินทางเป็นระเบียบ เตรียมสัมภาระได้ครบถ้วน เทคนิคการจัดกระเป๋าเดินทางนี้ยังช่วยให้เดินทางได้สะดวก ไม่ต้องแบกกระเป๋าหนักๆ ไปเที่ยวกับตัวตลอดเวลา ให้คุณท่องเที่ยวเดินทาง ทำธุระสำคัญได้อย่างคล่องตัวนั่นเอง ไม่หวั่นแม้เกิดเหตุไม่คาดคิด

เปิด Trick วิธีส่งของไปต่างประเทศ รวบลัด ครบจบใน 3 ขั้นตอน

Trick วิธีส่งของไปต่างประเทศ

ยุคปัจจุบันที่แต่ละประเทศทั่วโลกได้เชื่อมต่อเข้าหากัน ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารและการเดินทางที่สะดวกสบาย ทำให้การขนส่งสินค้าต่างๆ ก็เป็นไปได้อย่างง่ายดายขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแต่ในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่การส่งสินค้าส่วนตัวหลายอย่างก็สามารถทำได้ไม่ยาก หลายๆ คนที่อยากส่งของไปยังต่างประเทศ แต่ยังไม่แน่ใจในเรื่องของวิธีส่งของไปต่างประเทศผ่านการขนส่งต่างๆ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ในบทความนี้มีทริคง่ายๆ 3 ขั้นตอนการส่งสินค้าไปต่างประเทศ ง่ายๆ  ครบจบ เข้าใจง่าย ได้อย่างปลอดภัยมาแนะนำกัน

ส่งสินค้าไปต่างประเทศ

ส่งสินค้าไปต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

วิธีส่งของไปต่างประเทศนั้นทำได้ไม่ยาก โดยสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก่อนคือข้อมูลต่างๆ ของสินค้าหรือพัสดุที่ต้องการส่งรวมไปถึงกฏเกณฑ์ต่างๆ ของประเทศปลายทางที่ต้องการจะส่งของไป ในการเลือกขนส่งและวิธีการส่งของไปต่างประเทศจึงควรเตรียมตัวด้วย 3 ทริคดังต่อไปนี้

1. ศึกษากฎเกณฑ์ประเทศปลายทาง และเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย

อันดับแรกที่สำคัญที่สุดคือ ศึกษากฏเกณฑ์ของประเทศปลายทางและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน หลายประเทศจำเป็นที่จะต้องขอเอกสารหรือใบรับรองพัสดุ หรือสินค้าบางชนิดก่อนที่จะนำเข้าประเทศ รวมไปถึงต้องจ่ายภาษีด้วย

  • ประเทศในสหภาพยุโรปหรือ EU จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับพัสดุทุกชิ้นที่นำเข้าประเทศ โดยมีอัตราการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างกันออกไปจึงควรตรวจสอบอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศที่ต้องการส่งของ และจดทะเบียนภาษีเป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
  • หากเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการส่งออกสินค้า ควรจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อความน่าเชื่อถือ
  • ตรวจสอบว่าสินค้าที่ต้องการส่งออกนั้นเป็นสินค้าตามที่กฏหมายกำหนดหรือไม่ หากสินค้าเป็นสินค้าตามที่กฏหมายกำหนด ให้จดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกสินค้านั้นด้วย เช่น จดทะเบียนกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับผู้ที่ส่งออกผลไม้เป็นสินค้าไปยังต่างประเทศ
  • เตรียมเอกสารด้านศุลกากร ได้แก่ ใบขนส่งสินค้าขาออก ซึ่งมีข้อมูลทั่วไปของสินค้าอย่างผู้ส่งและผู้รับ ใบราคาสินค้าหรือใบแจ้งหนี้ จะต้องระบุราคาสินค้าตรงกับเอกสารอื่นๆ ใบกำกับการบรรจุหีบห่อสินค้า เป็นเอกสารที่ผู้ส่งออกให้ผู้ซื้อโดยจะต้องมีรายละเอียดทั่วไปของสินค้า เช่น น้ำหนักของสินค้า และเอกสารอย่างสุดท้ายคือคำร้องขอให้ตรวจสินค้าและบรรจุตู้สินค้า คือใบคำขอให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบสินค้าว่าถูกต้องตามกฏหมายและสามารถส่งออกได้หรือไม่

2. แพ็คสิ่งของให้หนาแน่น และจ่าหน้าระบุสิ่งของให้ชัดเจน

นอกจากการเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อทำการส่งออกสินค้าและการส่งพัสดุแล้ว ทริคข้อต่อมาที่ควรศึกษาคือการบรรจุหีบห่อของสินค้าและพัสดุให้หนาแน่น รวมไปถึงการจ่าหน้าพัสดุให้ชัดเจนเพื่อให้การขนส่งถูกต้องและป้องกันการสูญหาย

  • ซองเอกสารห้ามปิดด้วยกาวหรือเทปกาว ให้ใช้แม็กเย็บกระดาษ
  • การส่งพัสดุเป็นกล่องห้ามใช้กาวหรือเทปกาว ให้ใช้เชือกผูกเท่านั้น
  • หากเป็นสินค้าที่เสี่ยงต่อการแตกหักหรือเสียหายในระหว่างขั้นตอนการขนส่ง ควรห่อด้วยกันกระแทกอย่างแน่นหนา
  • ตรวจสอบการจ่าหน้าซอง จะต้องเห็นรายละเอียดชัดเจน ถูกต้อง และจะต้องระบุข้อมูลของที่อยู่ในกล่องอย่างครบถ้วน เพื่อให้มีความสะดวกรวดเร็วต่อการตรวจสอบของประเทศปลายทางและป้องกันการถูกตีกลับ

3. เลือกขนส่งให้เหมาะกับสิ่งของและติดตามพัสดุ

ทริคข้อสุดท้ายคือการเลือกวิธีส่งของไปต่างประเทศที่เหมาะสมกับสินค้าที่ต้องการส่งและจะต้องติดตามเส้นทางการขนส่งสินค้าด้วย ซึ่งในการขนส่งก็มีวิธีการขนส่งที่หลากหลายทั้งทางเรือขนส่ง ขนส่งพัสดุย่อย ขนส่งทางอากาศ หรือภาคพื้นดิน เพื่อความสะดวกสบายในการขนส่งสินค้า หากขนส่งสินค้าด้วย AIRPORTELs ที่ให้บริการการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศด้วยวิธีส่งของไปต่างประเทศที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การขนส่งสินค้าที่เหมาะสม รวมไปถึงการให้บริการอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกก็จะช่วยให้การขนส่งสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น

  • บริการหลักของ AIRPORTELs คือการส่งกระเป๋า ซึ่งมีความสะดวกสบายด้วยเคาเตอร์รับฝากส่งกระเป๋าหลายสาขา ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ห้างสรรพสินค้า Central World ห้างสรรพสินค้า MBK Center และห้างสรรพสินค้า Terminal21
  • AIRPORTELs ยังมีบริการขนส่งสินค้าและพัสดุต่างๆ นอกจากการขนส่งกระเป๋าไปยังต่างประเทศด้วยวิธีส่งของไปต่างประเทศทั้งทางอากาศ ภาคพื้นดิน ทางเรือขนส่งสินค้าและการขนส่งพัสดุย่อยอีกด้วย
รูปแบบขนส่ง

รูปแบบการขนส่ง 

เมื่อวิธีการส่งของไปต่างประเทศนั้นสามารถเลือกได้จากหลายเส้นทาง เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางได้อย่างเหมาะสมกับพัสดุและสินค้าที่ต้องการ จึงควรศึกษาวิธีส่งของไปต่างประเทศต่างๆ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

1. การขนส่งทางอากาศ (Airmail) 

วิธีส่งของไปต่างประเทศวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันมากคือการขนส่งทางอากาศ เพราะสามารถส่งของได้อย่างรวดเร็ว

วิธีการส่ง

การขนส่งสินค้าทางอากาศหรือการขนส่งสินค้าด้วยเครื่องบิน เป็นการขนส่งที่มีทั้งการดำเนินการโดยสายการบินต่างๆ หรือบริษัทรับขนส่งสินค้าทางอากาศที่ซื้อระวางจากสายการบินมาอีกทอดหนึ่ง โดยในปัจจุบันนั้นวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งทางอากาศมีความแพร่หลายมาก ทางการขนส่งทางอากาศจึงพัฒนาให้เครื่องบินสามารถบรรจุสินค้าได้มากขึ้นและมีอุปกรณ์และบริการในการจัดส่งสินค้าที่ครบครันมากขึ้น รวมไปถึงการขยายคลังสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการในการขนส่งสินค้าทางอากาศด้วย

ข้อดี 

ข้อดีของวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งสินค้าทางอากาศคือใช้เวลาในการขนส่งน้อย อาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีส่งของไปต่างประเทศที่รวดเร็วที่สุด ทำให้เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่งและเผยแพร่ออกสู่ตลาด รวมไปถึงสินค้าที่อาจเน่าเสียได้ง่ายด้วย

ข้อเสีย

ข้อเสียคือ การเป็นการขนส่งที่ใช้อัตราค่าบริการสูงหากเทียบกับการขนส่งแบบอื่นๆ และยังเป็นขนส่งที่อาจขึ้นอยู่กับสภาพอากาศได้ด้วย เช่น หากเกิดพายุอาจทำให้มีความล่าช้า เป็นต้น

หน่วยงานที่ให้บริการ Service นี้ในไทย

หน่วยงานที่ให้บริการขนส่งทางอากาศในประเทศไทย เช่น

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)
  • บริษัท ไทยสมายล์ แอร์เวย์ จำกัด

2. การขนส่งแบบผสม หรือแบบพัสดุย่อย SAL (Surface Air Lifted) 

เมื่อการส่งของไปต่างประเทศด้วยวิธีการขนส่งทางอากาศอาจเป็นการขนส่งที่ต้นทุนสูงไม่คุ้มค่ากับสินค้า จึงเกิดการขนส่งแบบผสมหรือแบบพัสดุย่อยที่เข้ามาช่วยผู้ส่งออกสินค้ารายย่อยหรือการขนส่งพัสดุขนาดเล็กขึ้น

วิธีการส่ง

การขนส่งแบบผสมหรือแบบพัสดุย่อย เป็นวิธีส่งของไปต่างประเทศที่พ่อค้าแม่ค้าหลายท่านนิยมใช้ เหมาะกับการส่งพัสดุขนาดเล็ก น้ำหนักเบา โดยเป็นวิธีส่งของไปต่างประเทศที่ผสมการเดินทางทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน คือจะจัดส่งโดยทางอากาศข้ามประเทศก่อนแล้วจึงจัดส่งด้วยรถยนต์เมื่อถึงประเทศปลายทาง

ข้อดี 

ข้อดีของวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งแบบพัสดุย่อย คือราคาที่ถูกกว่าการขนส่งทางอากาศและใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับพัสดุขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

ข้อเสีย

ข้อเสียของวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งแบบพัสดุย่อย คือไม่รวดเร็วเท่าการขนส่งทางอากาศ จึงอาจส่งผลเสียต่อสิ่งของที่เน่าเสียได้ง่ายหรือต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง

หน่วยงานที่ให้บริการ Service นี้ในไทย

หน่วยงานที่ให้การบริการขนส่งแบบพัสดุย่อยในประเทศไทย เช่น

  • ไปรษณีย์ไทย

3. การขนส่งแบบภาคพื้นดิน (Surface mail)

หากเป็นการขนส่งแบบดั้งเดิม หลายคนคงคุ้นเคยกับการขนส่งสินค้าภาคพื้นดิน เพราะเป็นวิธีส่งของไปต่างประเทศที่มีความยุ่งยากน้อยกว่าวิธีอื่นๆ แต่จะมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

วิธีการส่ง

การขนส่งสินค้าแบบภาคพื้นดิน คือวิธีส่งของไปต่างประเทศทางยานพาหนะภาคพื้นดินอย่างรถยนต์ เป็นวิธีขนส่งที่มาเป็นอันดับแรกๆ ในการอุตสาหกรรมการขนส่ง

ข้อดี 

ข้อดีของวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งแบบภาคพื้นดิน คือมีราคาถูกที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งแบบอื่นๆ

ข้อเสีย

ข้อเสียของวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งแบบภาคพื้นดิน คือมีระยะเวลาในการขนส่งที่ค่อนข้างนาน ไม่เหมาะกับของที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่งหรือของที่เน่าเสียได้อย่างอาหารหรือของสด

หน่วยงานที่ให้บริการ Service นี้ในไทย

หน่วยงานที่ให้การบริการขนส่งแบบภาคพื้นดินในประเทศไทย เช่น

  • บริษัทคาร์โก้

4. การขนส่งแบบผ่านเรือขนส่งสินค้า (Ocean Freight)

เมื่อพิจารณาจากวิธีส่งของไปต่างประเทศจะเห็นได้ว่ามีความหลากหลายทั้งวิธีขนส่งและระยะเวลาที่ใช้ในการขนส่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับการส่งออกสินค้าบางอย่างที่ต้องการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ การขนส่งสินค้าทางอากาศหรือทางรถยนต์อาจไม่ตอบโจทย์ จึงเกิดการขนส่งสินค้าผ่านเรือขนส่งสินค้าเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือปริมาณมากขึ้น

วิธีการส่ง

การขนส่งสินค้าแบบผ่านเรือขนส่งสินค้า เป็นวิธีส่งของไปต่างประเทศที่ใช้การขนส่งทางเรือขนส่งทางน้ำ โดยสามารถบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์หลากหลายขนาดได้ตามความต้องการของผู้ส่ง

ข้อดี 

ข้อดีของวิธีส่งของไปต่างประเทศด้วยการขนส่งแบบผ่านเรือขนส่งสินค้า คือสามารถส่งของไปต่างประเทศจำนวนมากต่อครั้งได้ สามารถเลือกตู้ขนส่งสินค้าที่เหมาะสมกับสินค้าได้ อีกทั้งยังต้นทุนค่อนข้างต่ำจึงทำให้มีค่าบริการไม่แพงด้วย

ข้อเสีย

ข้อเสียของการขนส่งแบบผ่านเรือขนส่งสินค้า คือใช้เวลาค่อนข้างนาน ต้องมีการถ่ายโอนสินค้าขึ้นบกอีกทอดหนึ่ง อีกทั้งไม่เหมาะกับการขนส่งพัสดุน้อยชิ้นเพราะจะทำให้ต้นทุนสูงและไม่คุ้มค่า

หน่วยงานที่ให้บริการ Service นี้ในไทย

หน่วยงานที่ให้การบริการขนส่งแบบผ่านเรือขนส่งสินค้าในประเทศไทย เช่น

  • บริษัท AGLT
  • บริษัท Ezyship
ปัญหาการขนส่งต่างประเทศ

เมื่อเกิดปัญหาในการขนระหว่างต่างประเทศทำอย่างไร ?

หากว่าสินค้าหรือพัสดุมีความเสียหาย ทางผู้ขนส่งจะมีการชดเชยโดย

  • ทั่วไปแล้วการขนส่งจะมีการชดเชยความเสียหายตามจริง หรือไม่เกินประมาณ 3,000-10,000 บาท ขึ้นอยู่กับน้ำหนักหรือกฏเกณฑ์ของขนส่งแต่ละบริษัท
  • หากเกิดความเสียหายแล้วเกิดการฟ้องร้อง จะต้องปฏิบัติตามกฏหมายของประเทศต้นทางหรือบริษัทที่ขนส่ง

วิธีส่งของไปต่างประเทศ แม้จะมีหลากหลายวิธีและหลากหลายขั้นตอนให้เตรียมตัว ไม่ว่าจะเป็นการศึกษากฏหมายการขนส่งของแต่ละประเทศหรือการเตรียมเอกสารเพื่อขอส่งออกสินค้าต่างๆ แต่หากเข้าใจทริคง่ายๆ ในการเตรียมตัวก็จะช่วยให้สามารถส่งออกสินค้าหรือส่งของไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ จุดที่สำคัญคือการศึกษาวิธีการขนส่งทั้งทางอากาศ การขนส่งแบบผสม การขนส่งภาคพื้นดินและการขนส่งทางเรือสินค้าให้ละเอียด เพื่อให้สามารถเลือกการขนส่งที่ตอบโจทย์กับสินค้าได้มากที่สุด