20 ร้านอาหารเยาวราช อร่อยไม่หยุดตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน ฉบับปี 2023

ถ้าถามถึงย่านของกินบ้านเรา เยาวราชก็คือหนึ่งในโลเคชั่นที่ทุกคนจะต้องคิดถึง เพราะที่นี่คือสถานที่รวบรวมแหล่งของกินขึ้นชื่อเอาไว้มากมาย โดดเด่นด้วยอาหารรสเลิศที่เปิดขายพร้อมทั้งกลางวันและกลางคืนให้เราได้เข้ามาใช้บริการ

การันตีด้วยลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต่อคิวแน่นขนัดทุกร้าน และต่อไปนี้ก็คือพิกัดร้านอร่อยเยาวราช 2023 ที่คุณต้องไม่พลาดเด็ดขาดเลย

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

รวมร้านอาหารเยาวราชกลางวัน

เพราะจริง ๆ แล้ว เยาวราชไม่ได้มีดีแค่ร้านอาหารกลางคืนเท่านั้น แต่กลางวันเองก็บอกเลยว่าเด็ดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะร้านเจ้าเก่า ร้านในตำนานที่เปิดมานาน ซึ่งตอบโจทย์คนชอบอาหารที่มีความเป็นต้นตำรับสุด ๆ ไปดูกันว่ามีร้านไหนน่าโดนบ้าง

1. ไท้เฮง

ร้านอาหารเยาวราช, ไท้เฮง
Image : PookEats

ร้านเก่าแก่อายุกว่า 80 ปี ซึ่งเปิดเป็นภัตตาคารตั้งอยู่ภายในตรอกเต๊า แหล่งรวมความอร่อยหลากหลายเมนู ณ เยาวราชซอย 8 

  • เมนูห้ามพลาด : สุกี้โบราณ และ ข้าวมันไก่
  • เวลาเปิด-ปิด: จันทร์ – เสาร์ 10:00 – 17:00
  • ระดับราคา: ต่ำกว่า 100 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/Bpbddnu4XNyBe3R38
  • ช่องทางการติดต่อ : 093 – 656 – 5366

2. กู่หลงเปา

ร้านซาลาเปาสูตรแต้จิ๋ว ตำนานกว่า 100 ปีแห่งแยกหมอมี โดดเด่นด้วยเมนูซาลาเปาสูตรเฉพาะแต้จิ๋วโบราณ จัดเต็มไส้แน่น ๆ แป้งนุ่ม ๆ มาฟิน ชิม ความอร่อยสูตรโบราณกันได้เลย

  • เมนูห้ามพลาด : เปาไส้หมูสับไข่เค็ม
  • เวลาเปิด-ปิด: จันทร์ – เสาร์ 09:00 – 17:00
  • ระดับราคา: ต่ำกว่า 100 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/7thMftHqLrRfm5Yg8
  • ช่องทางการติดต่อ: 095-797-5747

3.เท็กซัสสุกี้

ร้านสุกี้สุดคงกระพัน แกร่งสุดในย่าน กับตำนานสุกี้ที่เปิดมานานกว่า 40 ปี ใครสายกินหนัก เน้นเยอะ และอร่อย ในราคามิตรภาพ มาลองกันได้เลย

  • เมนูห้ามพลาด: ลูกชิ้น ปลาสวรรค์ และ ข้าวอบสับปะรด
  • เวลาเปิด-ปิด: 11:00 – 21:00
  • ระดับราคา: 251 – 500 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/e3MSTS9zDjMkmNPs9
  • ช่องทางการติดต่อ: 02-623-3298, 02-223-9807 (สาขาเยาวราช), 02-115-4551 (สาขาเสนาเฟส เจริญนคร)

4.กั้งดอง ปูดอง เจ๊ดาเยาวราช

กั้งดอง ปูดอง เจ๊ดาเยาวราช
Image : Eh Nopphadon

ร้านทะเลดองในตำนานแห่งแรกที่เปิดอยู่คู่ย่านเยาวราชมานานมากกว่า 50 ปี เหมาะสำหรับคนที่เป็นสายของดองที่จะต้องมาตำให้ได้ หากใครหาไม่เจอให้มองหาป้ายร้านขายทองทองใบ ร้านเจ๊ดาจะอยู่หน้าร้านทองเลย

  • เมนูห้ามพลาด : กั้งดองไข่ กั้งดองเนื้อ
  • เวลาเปิด-ปิด: 08:30 – 18:00
  • ระดับราคา: 251 – 500 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/w2yCmuQDr2dvwKbK9
  • ช่องทางการติดต่อ: 088-495-0553, 099-152-5335, 089-219-2600

5.อุไร ห่านพะโล้ ทรงวาด

อุไร ห่านพะโล้ ทรงวาด (อุไร)
Image : NanNan

ร้านในตำนานบนถนนทรงวาดที่เปิดขายมานานกว่า 60 ปี กับเมนูห่านพะโล้ที่หมดไวจนเหมือนแจกฟรี ใครที่ชอบเมนูห่านพะโล้บอกเลยว่าชาตินี้ต้องไม่พลาดอุไร ห่านพะโล้ ทรงวาด

  • เมนูห้ามพลาด: ห่านพะโล้
  • เวลาเปิด-ปิด: 09:30 – 13:00 เปิดให้บริการทุกวัน
  • ระดับราคา: 120 – 380 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/dTX4UFTFoLFNzVjY9
  • ช่องทางการติดต่อ: 02-221-4413

6.เบญโอเดี้ยน

ร้านก๋วยเตี๋ยวผัดอร่อยเด็ดสุดในย่าน กับเมนูผัดงี่เง่าที่รสชาติไม่ธรรมดา และขอแนะนำว่าให้มาก่อนเวลาเปิด เพราะถ้าช้าได้ต่อคิวยาวแน่ ร้านเป็นร้านตั้งข้างทางหน้าเซเว่นนะคะ

  • เมนูห้ามพลาด : ผัดงี่เง่า ผัดหมี่ฮ่องกงรวมมิตร
  • เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 16:00
  • ระดับราคา: 100 บาททุกจาน
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/SMypKYXEAtcMgAg6A
  • ช่องทางการติดต่อ: 081-814-7479

7.โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย

โจ๊กเจ๊หมวยเกี้ย
Image : Anakin

ร้านโจ๊กชื่อดังที่ทุกคนต้องรู้จัก กับเมนูโจ๊กระดับตำนานที่เปิดมานานกว่า 60 ปี พร้อมให้คุณได้สัมผัสเมนูแสนอร่อยในราคาเบา ๆ รีบมานะ เพราะช้าหมดอดแน่

  • เมนูห้ามพลาด : โจ๊กใส่ทุกอย่างเพิ่มปาท่องโก๋
  • เวลาเปิด-ปิด: อังคาร – อาทิตย์ 04:30 – 10:00
  • ระดับราคา: ต่ำกว่า 100 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/Mhvr7Ft9XfiPFJPT9
  • ช่องทางการติดต่อ: 089-011-8802

8.Jok โต๊ะเดียว (เยาวราช)

ร้านในตำนานของเชฟจก การันตีความอร่อยด้วยรางวัล Michelin Guide ถ้าคุณเป็นสายล่าอาหารรางวัล มาที่นี่เลย เชฟจก จัดให้

  • เมนูห้ามพลาด: เกี๊ยวกุ้งลวก
  • เวลาเปิด-ปิด: 07:30 – 18:30 (เปิดทุกวัน)
  • ระดับราคา: ต่ำกว่า 100 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/v69vkY6QuMxZcqiE6
  • ช่องทางการติดต่อ: 062-947-6766, 099-629-2449

9.เล่าตั้งลือชื่อห่านพะโล้

เล่าตั้งลือชื่อห่านพะโล้
Image : TeakaDET

ร้านอาหารเปิดกลางวันชื่อดังย่านเยาวราช รางวัลการันตรีความอร่อยจากหลายสำนัก กับเมนูห่านพะโล้ที่ยากหาใครมาทัดเทียม

  • เมนูห้ามพลาด: ห่านพะโล้ และ ต้มซี่โครงหัวไชเท้า
  • เวลาเปิด-ปิด: 08:30 – 15:00 น.
  • ระดับราคา: 101 – 250 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/GzGBmDUnwVNwLDhg8
  • ช่องทางการติดต่อ: 02-221-6070, 089-215-8760, 085-155-5953

10.ไต่เซ๊งเยาวราช

ตำนานร้านอาหารจีน เปิดมากว่าสิบปี กับเมนูอาหารจีนเลิศรส เมนูระดับภัตตาคาร กับร้านอาหารจีนสไตล์ครอบครัวของแท้

  • เมนูห้ามพลาด : ขนมจีนกุ้ง ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง ขนมผักกาด(ที่เริ่มหากินยากทุกวัน)
  • เวลาเปิด-ปิด: 11:00 – 14:00 และ 17:00 – 22:00
  • ระดับราคา: 251 – 500 บาท
  • Map Location : https://maps.app.goo.gl/tucpvj3VfiYQEjSZ8
  • ช่องทางการติดต่อ: 02-639-5855, 02-639-4040, 085-409-9412
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

รวมร้านอาหารเยาวราชกลางคืน

มาต่อกันที่ร้านเปิดกลางคืนที่บอกเลยว่าเด็ดสุด ใครที่เป็นสายทัวร์กินแล้วอยากหาร้านอร่อย ๆ จะต้องไม่พลาดเด็ดขาด ปิดดีลหิวตอนดึกตามรายการร้านแนะนำของเราได้เลยที่นี่

1.เจ้เข่งหมึกย่าง-เยาวราช

เจ้เข่งหมึกย่าง-เยาวราช
Image : Luknam

ร้านปลาหมึกย่างรถเข็นลับ ย่างถ่านแบบออริจินัล พร้อมด้วยน้ำจิ้มรสเด็ดของจริงที่สายแซ่บห้ามพลาด

  • เมนูห้ามพลาด : หมึกย่าง
  • เวลาเปิด-ปิด: 18.00-02.00 (ปิดวันจันทร์)
  • ระดับราคา: 40-400 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/UXKZpAo2feuaRc5m7
  • ช่องทางการติดต่อ: 094-464-1155

2.เจ๊ลั้งก๋วยเตี๋ยวแคระ ลูกชิ้นปลา

ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอร่อยที่สุดในย่าน ที่จัดเต็มลูกชิ้นเน้น ๆ แน่น ๆ การันตีความเลิศรสด้วยประวัติร้านที่เปิดมานานกว่า 40 ปี

  • เมนูห้ามพลาด : ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวแห้ง
  • เวลาเปิด-ปิด: 18.00-22.00 (ปิดวันจันทร์)
  • ระดับราคา: ต่ำกว่า 100 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/u2aDWKVi7GNUc7tXA
  • ช่องทางการติดต่อ: 089-505-4736

3.ยิ้ม ยิ้ม ภัตตาคาร

ยิ้ม ยิ้ม ภัตตาคาร
Image : 8le

ร้านอาหารจีน การันตีความอร่อยมากอย่างยาวนานกว่า 100 ปี จัดเต็มความอร่อยด้วยเมนูอาหารจีนแต้จิ๋ว แบบดั้งเดิม รสเลิศ กินเพลินห้ามใจไม่อยู่

  • เมนูห้ามพลาด: กระเพาะปลาน้ำแดง ผัดหมี่ กระเพาะปลาผัดแห้ง
  • เวลาเปิด-ปิด: 11.00-14.00 และ 17.00-22.00
  • ระดับราคา: 200-400 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/bGe5UXSdMcPdRN4L7
  • ช่องทางการติดต่อ: 02-224-2205, 062-396-4255

4.Oyster bar by Sea Bah Bar

Oyster bar by Sea Bah Bar
Image : Ning Laksana

บาร์อาหารทะเลย่านเยาวราชบรรยากาศร้านสบาย ๆ ที่พร้อมยกทะเลมาไว้ที่เยาวราชให้คุณได้สัมผัสกับเมนูสุดฟินในยามค่ำคืน

  • เมนูห้ามพลาด : หอยเชลล์ญี่ปุ่นเนยกระเทียมอบชีส
  • เวลาเปิด-ปิด: 18.00-00.00 (ปิดวันจันทร์)
  • ระดับราคา: 100-1,799 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/2Qo6UGt6CFD3MZnK8
  • ช่องทางการติดต่อ: 096-879-7978

5.Claypot King

ร้านรูปแบบ Home Cook ครัวไทยเชื้อสายจีน ที่พิถีพิถันทุกเมนูด้วยความตั้งใจ ให้คุณได้สัมผัสกับความอร่อยพร้อมจิบบรรยากาศเยาวราชแบบสบาย ๆ

  • เมนูห้ามพลาด: ขาหมูจักรพรรดิ ไก่ดำตุ๋นยาจีน
  • เวลาเปิด-ปิด: 10.00-21.00
  • ระดับราคา: 90-500 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/zF8J1YPzJA8eiF3y6
  • ช่องทางการติดต่อ: 065-565-5835

6.Lucky Ngou 65

ร้านไอศกรีมเล็ก ๆ สัมผัสกับความเป็นเยาวราช ให้คุณได้ฟินไปกับความมินิมอลและความอบอุ่นแบบพิเศษที่ไม่เหมือนใคร

  • เมนูห้ามพลาด: ไอศกรีมเจลาโต้โฮมเมด
  • เวลาเปิด-ปิด: 12.00-22.00 (ปิดวันจันทร์)
  • ระดับราคา: 65-185 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/iHy8seEEERSkZPHWA
  • ช่องทางการติดต่อ: 093-926-5926

7.เกี๊ยวซ่าเยาวราช by เจ๊โอ๋

เกี๊ยวซ่าเยาวราช by เจ๊โอ๋
Image : Go Eat Chill

ร้านเกี๊ยวซ่าทอดเจ้าเก่าจากตลาดพลู พร้อมให้สาวกเมนูเกี๊ยวไปท้าประลองความอร่อยได้แล้วที่เยาวราชซอย 9

  • เมนูห้ามพลาด: เกี๊ยวซ่าทอดไส้หมู ไส้กุ้ง กุยช่าย
  • เวลาเปิด-ปิด: 15.00-23.00 (ปิดวันจันทร์)
  • ระดับราคา: 50-75 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/WCNd19WcoaN4JATD7
  • ช่องทางการติดต่อ: 087-516-1520

8.เซี้ยไชน่าทาวน์

ร้านอาหารจีนสไตล์พรีเมียม ขึ้นชื่อความอร่อยด้วยตำแหน่งต้นตำรับผัดหมี่ฮ่องกงเจ้าแรกในเยาวราชที่มีอายุมากกว่า 30 ปี

  • เมนูห้ามพลาด: กระเพาะปลาน้ำแดง ผัดหมี่ฮ่องกง
  • เวลาเปิด-ปิด: 15.30-00.30 (ปิดวันจันทร์)
  • ระดับราคา: 180-600 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/A3BThHCejKUnFF7y8
  • ช่องทางการติดต่อ: 096-915-6659

9.เซี่ยงกี่ข้าวต้มปลา

ร้านข้าวต้มปลาเตาถ่านในตำนานย่านเยาวราชมากกว่า 95 ปี กับการรังสรรค์ทุกเมนูด้วยความใส่ใจอย่างที่สุด

  • เมนูห้ามพลาด: ข้าวต้มปลาสไตล์จีน
  • เวลาเปิด-ปิด: 15.00-21.30
  • ระดับราคา: 300 – 500 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/wGpmBDCQWm57ARhR6
  • ช่องทางการติดต่อ: 089-968-6842

10.หมูสะเต๊ะแปลงนาม

หมูสะเต๊ะแปลงนาม
Image : Anakin

หมูสะเต๊ะร้านดังย่านเยาวราช ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย และคิวที่ยาวมาก บอกก่อนนะ ถ้าอยากกินต้องโทรจองคิวก่อนเท่านั้นนะ

  • เมนูห้ามพลาด: หมูสะเต๊ะ
  • เวลาเปิด-ปิด: 18.00-22.00 (ปิดวันจันทร์-วันพุธ)
  • ระดับราคา: ต่ำกว่า 100 บาท
  • Map Location: https://maps.app.goo.gl/FZGso7KemsRjSSZZ9
  • ช่องทางการติดต่อ: 086-548-4628
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

และทั้งหมดนั้นก็คือ 20 ร้านของกินเยาวราชกลางวันจนถึงกลางคืน 2023 ที่คุณสามารถทัวร์กินได้แบบยาว ๆ ไม่มีเบื่อเลย ร้านไหนยังไม่เคยไปลองก็ต้องรีบหน่อยแล้ว เพราะคิวยาวทุกร้านเลย

ที่มาของข้อมูล: wongnai, ryoiireview, chillpainai, bangkokbiznews

อ่านเพิ่มเติม

Boarding Pass คืออะไร สำคัญอย่างไรเมื่อเรามีเที่ยวบิน

Boarding Pass คือ กระดาษใบยาวๆ ที่เราได้รับหลังทำการเช็กอิน (check-in) เมื่อไปถึงสนามบิน มีใครเคยสงสัยกันบ้างไหมว่าคืออะไรกันแน่ ทำไมเวลาเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ต้องใช้ Boarding Pass อยู่เสมอ และที่สำคัญ คือ ทุกคนจะทำ Boarding Pass หาย ไม่ได้นะ ไม่งั้นไม่ได้ขึ้นเครื่องแน่ๆ

Boarding Pass คืออะไร

Boarding Pass คือ เอกสารสำคัญที่ควรถือไว้คู่กับหนังสือเดินทาง (Passport) เพราะเป็นเอกสารที่มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการบิน จึงมีไว้สำหรับยืนยันตัวตนของเราหลายระหว่างบิน โดยตัว Boarding Pass จะประกอบด้วยข้อมูลสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล หมายเลขเที่ยวบิน เวลาขึ้นเครื่อง เวลาถึงปลายทาง ประตูทางออกขึ้นเครื่อง ชั้นที่นั่งโดยสาร และเลขที่นั่งโดยสาร

จริงๆ แล้วถ้าเราทำ Boarding Pass หาย ไม่ใช่แค่เราจะไม่ได้ขึ้นเครื่อง แต่ยังเกิดความเสี่ยงต่างๆ ตามมาจากข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล เพราะ Boarding Pass นั้นมีบาร์โค้ดที่สามารถสแกนเข้าไปดูข้อมูลอื่นๆ ของเราได้เทียบเท่ากับตัวเล่ม Passport เลยนะ ดังนั้น เมื่อได้ Boarding Pass มาแล้ว ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหาย หรือ ถ่ายรูปโพสต์ลงบนโซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นอันขาด

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

Boarding Pass คืออะไร

passport

เมื่อเราไปถึงสนามบินแล้ว เราไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ในทันที สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำเหมือนกันเลย คือ การเช็กอิน (check-in) หรือ การลงทะเบียนยืนยันการเดินทาง ซึ่งปกติแล้วทางสายการบินจะมีเคาน์เตอร์เตรียมไว้รอรับเราอยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าอยู่แล้ว พอทำการเช็กอิน (check-in) เสร็จ ทุกคนจะได้รับกระดาษสีขาวใบยาวๆ ที่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางในเที่ยวบินนี้ของเรามา เจ้ากระดาษใบนี้แหละ คือ “Boarding Pass”

  • การเช็กอิน (check-in) แบบอัตโนมัติด้วยตัวเอง ผ่านเครื่อง kiosk ตามจุดที่สนามบินเตรียมเอาไว้ให้ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยลักษณะของตู้ประเภทนี้จะคล้ายๆ กับตู้ ATM เราสามารถตอบคำถามต่างๆ ที่ตู้นี้ถามให้ครบ เช่น ชื่อ-สกุลอะไร นั่งตรงไหน สายการบินอะไร ถ้าตอบถูกหมด ก็จะได้รับ “Boarding Pass” เช่นเดียวกัน
  • บางสายการบินก็มีบริการเช็กอินออนไลน์ (online-check-in) ผ่านเว็บไซต์ โดยเราสามารถทำการเช็กอินได้ภายระยะเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนเครื่องออก ซึ่งการเช็กอินประเภทนี้ เราจะได้ “Boarding Pass” ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถกดบันทึกไว้เป็นไฟล์รูปภาพภายในโทรศัพท์มือถือได้ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่สะดวกสบายมากที่สุด แถมยังช่วยรักษ์โลกผ่านการลดปริมาณการใช้กระดาษได้อีกด้วย

ข้อมูลใน Boarding Pass

ไม่ว่าเราจะทำการเช็กอินแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการเช็กอินหน้าเคาเตอร์ เช็กอินผ่านตู้ kiosk หรือเช็กอินผ่านช่องทางออนไลน์ Boarding Pass ที่ได้รับมา คือ Boarding Pass เดียวกัน สามารถใช้เป็นเอกสารในการขอขึ้นเครื่องบินได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระดาษสีขาวทรงแนวนอนแบบยาว หรือเป็นภาพไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะ Boarding Pass ที่เราได้รับมาจะมีข้อมูลสำคัญของตัวเรา ดังนี้

boarding pass

1.ชื่อ-นามสกุล ผู้โดยสาร

สำหรับชื่อ-นามสกุลของผู้โดยสารที่ปรากฎอยู่บน Boarding Pass นั้น อาจจะดูแปลกตาสำหรับคนไทย เพราะอย่างแรกเลย
คือ ชื่อ-นามสกุลผู้โดยสารที่ปรากฎอยู่บน Boarding Pass จะพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ และอย่างที่สอง คือ ชื่อ-นามสกุลบน Boarding Pass จะมีการสลับตำแหน่งกัน คือ นามสกุลจะปรากฎอยู่ข้างหน้า ส่วนชื่อจะอยู่ด้านหลังนามสกุลอีกที เช่น ถ้าคุณชื่อ Michel Jackson ชื่อ-นามสกุลที่ปรากฎอยู่บน Boarding Pass ของคุณ คือ Jackson Michel

โดยเราต้องตรวจทานให้ดีว่าชื่อ-นามสกุลของเรา มีการสะกดที่เหมือนกับชื่อ-นามสกุลที่ปรากฎอยู่บนหนังสือเดินทาง (Passport) หรือไม่ เพราะถ้าหากมีตัวอักษรสะกดแตกต่างกันแม้แต่ตัวเดียว เราก็อาจจะถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบินได้ และสำหรับใครที่ขึ้นเที่ยวบินภายในประเทศ อาจใช้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารยืนยันตัวตนแทนหนังสือเดินทาง (Passport) ได้เช่นกัน

2. หมายเลขเที่ยวบิน

ในส่วนของหมายเลขเที่ยวบินนั้น จะเป็นโค้ดตัวอักษรภาษาอังกฤษจำนวน 2 ตัว ตามด้วยตัวเลขอีก 3-4 หลักต่อท้าย ทุกคนจึงควรจำตัวอักษร 2 หลักแรกบน Boarding Pass ให้ดี เพราะตัวอักษรนั้น คือ รหัสที่จะบอกสายการบินที่ต้องขึ้น เช่น AK1234 ตัวอักษร AK ที่ปรากฎอยู่ด้านหน้า จะบอกให้รู้ว่าเที่ยวบินที่ต้องขึ้นเป็นเที่ยวบินของสายการบินใด ซึ่งแต่ละสายการบินจะมีรหัสตัวอักษรนำคู่ที่แตกต่างออกไป

3. เวลาขึ้นเครื่อง

สำหรับใครที่ได้รับ Boarding Pass มาแล้ว จะเห็นตัวเลข 3-4 หลัก ที่เขียนติดกันเอาไว้ โดยมีตัวอักษร A หรือ P ต่อท้าย มักปรากฎอยู่บริเวณที่ส่วนกลางของขอบกระดาษ เช่น 300A หรือ 1010P โดยเจ้าตัวโค้ด A หรือ P นี้ คือ ตัวเลขบอกเวลาขึ้นเครื่อง โดย 300A หมายถึง เวลา ตี 3 ส่วน 1010P หมายถึง เวลา 4 ทุ่ม 10 นาที

  • ตัวอักษร A นั้น ย่อมาจากคำว่า AM (Ante Meridiem) หมายถึง เวลา 12 ชั่วโมงหลังเที่ยงคืน
  • ตัว P นั้น ย่อมาจากคำว่า PM (Post Meridiem) หมายถึง เวลา 12 ชั่วโมงหลังเที่ยงวัน

นอกจากนี้ เราควรเผื่อเวลาก่อนขึ้นเครื่องสักเล็กน้อย หากเวลาขึ้นเครื่องบน Boarding Pass คือ 1130A หรือ 11 โมงครึ่ง เราก็ควรจะไปรอที่เกต (Gate) ตั้งแต่ 10 โมงครึ่ง หรือหากมาสาย ถ่ายรูป กินข้าว ช็อปปิงเพลินไปหน่อย ก็ควรมาถึงเกตอย่างช้าสุดตอน 11 โมงเช้า ไม่งั้นอาจตกเครื่องได้ เพราะไม่ใช่ว่ามาถึงเกตแล้วจะได้ขึ้นเครื่องทันที พี่ๆ แอร์โฮสเตสและสจ๊วต เขาจะเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องตามโซนและคลาสของที่นั่ง หากเราไปผิดเวลา อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าได้

check in
  • โดยผู้โดยสารชั้น First Class และ Business Class จะได้ขึ้นเครื่องก่อน
  • ผู้โดยสารขึ้น Economy Class โดยจะเรียกขึ้นเครื่องตามโซนที่นั่ง ซึ่งใครได้ที่นั่งเข้าออกยากๆ บริเวณตรงกลางด้านหลัง ก็มักจะถูกเรียกให้ขึ้นเครื่องก่อน

พูดง่ายๆ คือ หากเราไม่อยากมีปัญหาในการเดินทาง จนต้องมาลุ้นว่าจะขึ้นเครื่องทันก่อนเครื่องออกหรือไม่ ให้ดูเวลาขึ้นเครื่องใน Boarding Pass ให้ดี คือ เวลาเครื่องออกเท่าไหร่ ควรไปรอที่เกตก่อนหน้าเวลาที่ปรากฎสัก 30-60 นาที ซึ่งเวลาที่เขียนอยู่บน Boarding Pass คือ เวลาท้องถิ่นที่สนามบินนั้นๆ ตั้งอยู่

4. เวลาถึงปลายทาง

ในส่วนของเวลาถึงปลายทาง คือ เวลาคาดการณ์โดยประมาณที่ครื่องบินจะลงจอดยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งมีหลักการในการเขียนตัวเลขลงใน Boarding Pass เหมือนกันกับการเขียนบอกเวลาขึ้นเครื่อง คือ ตัวเลข 3-4 หลัก แล้วตามด้วยตัวอักษร A หรือ P เช่น 1010A คือ 10 โมงเช้ากับอีก 10 นาที นั่นเอง

นอกจากนี้ เราควรปรับนาฬิกาให้เวลาตรงตามเวลาท้องถิ่นของปลายทางนั้นๆ โดยสามารถดูเวลาจาก Time Zone สากลได้ เช่น เมืองไทยมีรหัสโซนเวลาเป็น GMT+7:00 BKK นั่นหมายความว่า โซนเวลาของประเทศไทย ที่มีเมืองหลวง คือ กรุงเทพมหานครนั้น จะมีเวลาเร็วกว่าโซนเวลามาตรฐาน คือ เมืองกรีนิชประเทศอังกฤษ (Greenwich Mean Time) อยู่ 7 ชั่วโมง หากเราเดินทางไปจากเมืองไทยไปถึงประเทศอังกฤษ ก็ต้องปรับเวลาให้เร็วขึ้น 7 ชั่วโมง เช่น เวลาเครื่องลงจอดที่อังกฤษ นาฬิกาเราบอกเวลา 10 โมงเช้า เราก็ต้องปรับลดเวลาลง 7 ชั่วโมง ให้เป็นเวลา ตี 3 แทน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5. ประตูทางออกขึ้นเครื่อง

อีกสิ่งสำคัญที่ Boarding Pass สามารถบอกเราได้ คือ ประตูทางออกขึ้นเครื่อง หรือ Gate นั่นเอง เพราะเครื่องบินโดยสารนั้นมีขนาดที่ใหญ่ ทำให้มีประตูทางออกขึ้นเครื่อง หรือ Gate หลายประตู แยกตามโซนและคลาสที่นั่ง เมื่อเราได้ Boarding Pass มาแล้ว ก็ต้องตรวจดูว่า เราได้ขึ้นเครื่องบินที่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง หรือ Gate ไหน และจำหมายเลข Gate เอาไว้ให้ดี แต่บางครั้งอาจมีตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ด้านบน คล้ายกับโซนของที่จอดรถ เช่น Gate B12 เป็นต้น

6. เลขที่นั่งโดยสาร

Boarding Pass คือ สิ่งที่สามารถบอกเลขที่นั่งโดยสารของเราได้ โดยมีเลขบอกแถวและที่นั่ง จะมีลักษณะคล้ายเลขที่นั่งเวลาไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเราต้องดูที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษในหลักแรกก่อน ว่าเราได้นั่งแถวไหน และตามปกติแล้ว แถวหน้าสุดจะเป็นรหัส A แถวที่ 2 เป็น B แถวที่ 3 เป็น C เรียงตามลำดับ A-Z แล้วหลังจากนั้น ค่อยดูเลขที่นั่งต่อท้าย ว่าเราได้เลขที่นั่งอะไร โดยจะนับ 1 ที่ตำแหน่งซ้ายสุด เช่น A1 คือ ที่นั่งแถวหน้าสุด ติดริมหน้าต่างฝั่งซ้ายของตัวเครื่องบิน

7. ชั้นที่นั่งโดยสาร

สำหรับชั้นที่นั่งโดยสาร จะมีโค้ดเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษต่อท้ายเลขที่นั่ง ซึ่งเป็นตัวอักษรแบ่งเอาไว้ตามหลักสากลให้ดูบน Boarding Pass เหมือนกันทุกสายการบิน คือ รหัส P J และ Yโดยรหัสทั้ง 3 มีความหมายดังต่อไปนี้

  • P หมายถึง First Class
  • J หมายถึง Business Class
  • Y หมายถึง Economy Class

ยกตัวอย่างเช่น Boarding Pass ระบุว่าคุณได้ที่นั่ง A1Y คือ คุณได้นั่งที่นั่งชั้นประหยัด (Economy Class) แถวแรก ติดหน้าต่างด้านซ้ายสุดนั่นเอง

boarding pass ทำอะไรได้บ้าง

Boarding Pass ทำอะไรได้บ้าง

อย่างที่กล่าวไป Boarding Pass คือ เอกสารที่สำคัญที่สุดแล้วในการเดินทางโดยเครื่องบิน ดังนั้น คุณต้องระวังไม่ให้ Boarding Pass หาย เพราะคุณต้องใช้ Boarding Pass เป็นเอกสารประกอบการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนระหว่างที่อยู่ในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการตรวจสอบ และโหลดกระเป๋า การโชว์ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางออกขึ้นเครื่องดู และโชว์ให้พนักงานต้อนรับดูตอนหาที่นั่ง

ตรวจสอบและโหลดกระเป๋า

การโหลดกระเป๋า

สำหรับใครที่ถึงสนามบินเร็ว และอยากเดินช็อปปิงสินค้าปลอดภาษีในสนามบินระหว่างรอขึ้นเครื่อง แต่ไม่อยากลากกระเป๋าไปมาให้พะรุงพะรัง สามารถนำกระเป๋าฝากกับ AIRPORTELs ก่อนได้ พอถึงเวลาค่อยกลับมานำกระเป๋าไปโหลดทีหลัง โดยใช้ Boarding Pass เป็นเอกสารในการยืนยันตัวตนว่าเราคือผู้โดยสารคนเดียวกับคนที่ได้เช็กอินไปก่อนหน้านี้ ของที่โหลดเพิ่มจะได้เอาไปรวมกับของเก่าที่โหลดเอาไว้ก่อนหน้าได้ถูกคน

โดยหลายคนเลือกที่จะมาช็อปปิงสินค้าในสนามบินกันค่อนข้างมาก เพราะนอกจากราคาจะถูกกว่าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปแล้ว ยังสามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ฟรี เพิ่มเติมจากน้ำหนักมาตรฐานที่สายการบินแจ้ง หรือผู้โดยสารได้ซื้อน้ำหนักเอาไว้

โชว์ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางออกขึ้นเครื่องดู

เราจำเป็นต้องแสดง Boarding Pass โชว์ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางออกขึ้นเครื่องดู เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าเราคือผู้โดยสารของสายการบินนั้นๆ และเราขึ้นเครื่องบินถูก Gate เพราะอย่างที่บอกไว้ข้างต้น ว่าเครื่องบินโดยสารนั้นมีขนาดใหญ๋ และมีหลาย Gate หากขึ้นผิด Gate จะสร้างความลำบากให้กับเรา รวมถึงแอร์โฮสเตส และสจ๊วตบนเครื่องบินเวลาต้องหาที่นั่ง อีกทั้งยังเป็นการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งว่าเราเป็นผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเครื่องบินมาอย่างถูกต้อง

โชว์ให้พนักงานต้อนรับดู

สาเหตุสำคัญที่ต้องโชว์ Boarding Pass ให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องดูอีกรอบ คือ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ให้จัดหาที่นั่งให้เราได้อย่างสะดวก และจะได้มีหลักฐานยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของที่นั่งนั้นๆ หากมีคนอื่นมานั่งที่นั่งของเราบนเครื่องบิน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

Boarding Pass คือ เอกสารที่สำคัญที่สุดในการเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะมีข้อมูลสำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งชื่อ-นามสกุล หมายเลขเที่ยวบิน เวลาขึ้นเครื่อง เวลาถึงปลายทาง ประตูทางออกขึ้นเครื่อง เลขที่นั่ง และชั้นโดยสาร แถมยังมีบาร์โค้ดที่สามารถเข้าไปแก้ไขชื่อ-นามสกุล และเที่ยวบินต่างๆ แบบออนไลน์ได้ด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่ทางเรานำมาฝาก ว่า Boarding Pass มีความสำคัญมากแค่ไหน ก่อนออกจากบ้านไปสนามบิน อย่าลืมเช็คกันน้า และทุกคนต้องเก็บรักษา และห้ามทำ Boarding Pass หาย ตลอดจนห้ามโพสต์ข้อมูลบน Boarding Pass ลงบนโซเชียลเป็นอันขาด

อ่านเพิ่มเติม

วิธีไปเยาวราช แผนที่เยาวราชพร้อมพิกัดที่จอดรถ ใกล้ MRT

เยาวราช เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่เหล่าสายกินต่างยกให้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ แต่ว่าการจะไปเยาวราชแต่ละทีก็เป็นเรื่องที่คิดแล้วคิดอีกไม่รู้จะเดินทางยังไงให้ง่ายและสะดวกที่สุด

บล็อกนี้เราเลยอยากจะมาแชร์พิกัดลายแทงที่เที่ยวเยาวราชและวิธีการเดินทาง รับรองว่าอ่านจบสามารถเดินเที่ยวเยาวราชได้ครบไม่หลงไม่งงแน่นอน

เยาวราช

แผนที่เที่ยวเยาวราช จุดไหนน่าไปบ้าง

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ผดุงด้าว (ซอยเท็กซัส)

ถนนผดุงด้าวหรือที่เรียกติดปากกันว่าซอยเท็กซัสตามชื่อของโรงหนังเท็กซัสที่เคยตั้งอยู่ในซอยนี้  ซึ่งเป็นโรงหนังที่เน้นฉายหนังอินเดียหรือหนังแขกก่อนที่จะเลิกกิจการไป ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินเยาวราชที่มีร้านเด็ดร้านอร่อยเพียบ

ร้านอาหารเยาวราช

ร้านเด็ดในซอย

  • เท็กซัสสุกี้
  • ป้าจินหอยแครงลวก ซอยเท็กซัส
  • ข้าวหมูแดงเท็กซัสเยาวราช
  • T&K Seafood
  • Ba Hao Tian Mi (ปา เฮ่า เถียน มี่)

เมนูห้ามพลาดในซอย

  • หอยแครงลวก
  • ผัดไทยห่อไข่
  • พุดดิ้งร้าน Ba Hao Tian Mi (ปา เฮ่า เถียน มี่)

ซอยแปลงนาม

อีกหนึ่งโซนในเยาวราชที่รวมร้านเด็ดร้านอร่อยเอาไว้ เรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเต็มไปด้วยร้านรวงของอร่อยให้เลือกละลานตาเต็มไปหมด

หมูสะเต๊ะ

ร้านเด็ดในซอย

  • หมูสะเต๊ะแปลงนาม 
  • Nam Dao Huu น้ำเต้าหู้
  • ครัวพรละไม
  • น้ำปลาหวานเจ๊แป๊ว
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

เมนูห้ามพลาดในซอย

  • หมูสะเต๊ะ
  • ร้านหน้ากระทะร้อนที่ครัวพรละไม
  • มะม่วงน้ำปลาหวาน

บนถนนเยาวราช

ไฮไลต์เด็ดก็คือตลอดสองฟากฝั่งของถนนเยาวราชในยามค่ำคืนที่จะมีร้านของกินของอร่อยเรียงรายมากมายให้ได้เลือกชิมเลือกช้อปแบบจุใจ

ของกินเยาวราช

ร้านเด็ดในซอย

  • กวยจั๊บนายเอ๊ก 
  • ขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช 
  • ยู้ ลูกชิ้นปลาเยาวราช
  • น้องกาย & น้องเก้า ปลาหมึกย่าง

เมนูห้ามพลาด

  • ปลาหมึกย่าง
  • ขนมปังไส้ทะลัก
  • กวยจั๊บ
  • ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเยาวราช

การเดินทางไปเยาวราช

การเดินทางไปเยาวราช

วิธีการเดินทางไปเยาวราชมีด้วยกันหลายวิธี แนะนำว่าให้ใช้ขนส่งสาธารณะจะสะดวกกว่า เพราะที่เยาวราชหาที่จอดรถยากมาก แต่ถ้าจะขับรถมาจริง ๆ สามารถนำไปจอดได้ที่ห้างแอมไชน่าทาวน์ (15 นาทีแรกจอดฟรี) อาคารเท็กซัสสุกี้ (ชั่วโมงละ 20 บาท) โรงแรมรอยัล แบ็งคอก ไชน่าทาวน์ (ชั่วโมงละ 50 บาท) วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร (วัดเกาะ) (ชั่วโมงละ 30 บาท) โรงงิ้วเก่าเยาวราช (ชั่วโมงละ 60 บาท) ส่วนวิธีเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะก็มีหลายวิธี ดังนี้

  • MRT ลงสถานีวัดมังกร (วัดเล่งเน่ยยี่)
  • Taxi/Delivery Applications
  • Tuk Tuk 
  • Boat ลงท่าเรือราชวงศ์ เดินผ่านย่านตลาดสำเพ็งทะลุมายังเยาวราช
  • Bus รถเมล์สาย 1, 4, 7, 8, 25, 35, 40, 53, 501 
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

เสน่ห์ของเยาวราชก็คือผู้คนและของกินของอร่อย รวมถึงบรรยากาศที่ยังคงมีกลิ่นไอของย่านการค้าโบราณของคนไทยเชื้อสายจีน แนะนำว่าให้เตรียมล้างท้องให้พร้อมก่อนมาตะลุยกินจะได้ไม่พลาดของอร่อย ๆ จากหลาย ๆ ร้าน 

ที่มาข้อมูล

อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยวทะเลไทยช่วงไหนปังสุด ด้วยปฏิทินเที่ยวทะเลไทย 12 เดือน

แน่นอนว่าประเทศไทยนั้น มีจุดเด่นเรื่องการท่องเที่ยว โดยเฉพาะทะเลไทยที่สวยงามไม่แพ้ชาติใดในโลก ทำให้ทะเลของไทยเป็นที่นิยมตลอดทั้งปี เนื่องจากมีน้ำทะเลสีฟ้าสดใส สภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้คุณพร้อมออกเดินทางศึกษาโลกใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด  

ปฏิทินเที่ยวทะเล 12 เดือน เที่ยวยังไงให้เจอทะเลสวย

ปฏิทินเที่ยวทะเล 12 เดือน เที่ยวยังไงให้เจอทะเลสวย 

เที่ยวทะเลช่วงไหนดี? หลายคนกว่าจะได้ไปเที่ยวในแต่ละครั้ง ต้องทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อมีโอกาสเที่ยวเลยต้องการผ่อนคลายด้วยบรรยากาศริมทะเล แน่นอนว่าทะเลไทยสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ต้องเลือกฝั่งทะเลที่จะไปให้เหมาะสมในแต่ละเดือนก่อน เพราะช่วงมรสุมของทะเลแต่ละฝั่งนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน 

ดังนั้นควรเช็กดูสภาพอากาศของทะเลที่จะไปว่าเป็นอย่างไร มีลม พายุ ฝนฟ้าคะนองหรือไม่? เพื่อให้เที่ยวทะเลได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้ ทาง Airpostels ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้เรียบร้อยแล้วว่าในแต่ละเดือนควรเที่ยวทะเลที่ไหนดี

ทะเลไทยแบ่งออกเป็นกี่โซน

ทะเลไทยแบ่งออกเป็นกี่โซน 

ทะเลของไทย เป็นที่นิยมทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อนที่มีแดดส่องตลอดทั้งวัน อีกทั้งมีหาดทรายเม็ดละเอียดสีขาวจนถึงสีเหลืองอร่าม น้ำทะเลของไทยก็มีสีสว่างเป็นประกาย ทำให้ทะเลไทยติดอันดับทะเลที่สวยอันดับต้นๆ ของโลก โดยทะเลของไทยนั้น แบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆ ได้แก่ 

  1. ทะเลฝั่งอันดามัน เช่น เกาะพีพี เกาะหลีเป๊ะ เกาะราชา
  2. ทะเลฝั่งอ่าวไทย เช่น เกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย
  3. ทะเลฝั่งตะวันออก เช่น พัทยา เกาะล้าน เกาะเสม็ด เกาะช้าง เกาะกูด
  4. ทะเลฝั่งตะวันตก หรือฝั่งอ่าวไทยตอนบน เช่น  ทะเลชะอำ หัวหิน

ซึ่งทะเลทั้ง 4 โซนของไทยนั้น จะมีช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามา โดยลมมรสุมตัวนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ลมฝน’ เมื่อลมฝนพัดผ่านเข้ามาบริเวณทะเลไทย ทำให้ ทะเลบริเวณนั้นมีฝนตก ฟ้าคะนอง ลมแรง ถือเป็นช่วงมรสุม จึงควรศึกษาสภาพอากาศให้ดีก่อน 

1.ทะเลอ่าวไทย

ทะเลอ่าวไทย

เที่ยวทะเลอ่าวไทยช่วงไหนดี? ทะเลอ่าวไทย เป็นทะเลที่มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำทะเลใสไม่แพ้กับโซนอันดามัน แต่แตกต่างกันตรงที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยจะเป็นทรงแบบยกตัว ทำให้ชายฝั่งจะค่อนข้างเรียบตรงมากกว่า แต่เนื้อทรายยังคงมีความละเอียด อีกทั้งน้ำทะเลสีฟ้า มองลงไปก็เห็นฝูงปลา และปะการังชัดเจน 

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

ช่วงเดือนที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวทะเลอ่าวไทย คือ ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายน

  • จังหวัดที่ติดทะเล

จังหวัดของไทยที่ติดอยู่กับทะเลอ่าวไทย มีทั้งหมด 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช

  • ที่เที่ยวแนะนำ

ที่ทะเลอ่าวไทย อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกับ ‘เกาะพะงัน’ กันดู เพราะเกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากกับงานฟูลมูนปาร์ตี้ (Full Moon Party) ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแวะมา นอกจากงานฟูลมูนปาร์ตี้แล้ว เกาะพะงันยังมีชายหาดสวยๆ อีกมากมายทั้งหาดยาว หาดแม่หาด หาดริ้น ให้คุณได้สัมผัสน้ำทะเลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

2.ทะเลอันดามัน 

จังหวัดพังงา ทะเลอันดามัน

เที่ยวทะเลอันดามันช่วงไหนดี? ทะเลอันดามันมีชื่อเสียงอย่างมาก เนื่องจากเกาะหลายๆ เกาะนั้น เกิดการยุบตัวของชายฝั่ง เกิดเป็นอ่าวใหญ่น้อยและเกาะต่างๆ มากมาย มีหาดทรายขาวสะอาด พร้อมน้ำทะเลสีฟ้าเข้มแต่ดูใสเป็นประกาย ทำให้เห็นฝูงปลา สีของปะการังชัดเจน จึงทำให้ทะเลอันดามันเลื่องชื่อไปไกลถึงต่างประเทศ

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

ช่วงเดือนที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวทะเลอันดามัน คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ขอบอกก่อนเลยว่าใครที่จะไปช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน หรือปลายเดือนเมษายนให้ระวังฝนตก

  • จังหวัดที่ติดทะเล

ทะเลอันดามัน ประกอบด้วยจังหวัดโดยรอบทั้งหมด 6 จังหวัดด้วยกัน คือ จังหวัดสตูล จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดระนอง และจังหวัดตรัง

  • ที่เที่ยวแนะนำ

ที่เที่ยวแนะนำของทะเลอันดามันมีมากมาย สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย แนะนำให้เลือกไปเที่ยวที่ ‘เกาะไข่’ เนื่องจากเกาะไข่เป็นเกาะขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับเกาะยาวน้อย โดยเกาะไข่สามารถแบ่งย่อยๆ ออกได้อีก 3 เกาะ คือ เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน และเกาะไข่นุ้ย (ไม่ได้เปิดให้เข้าชม) และใครที่ได้แวะมาเกาะไข่ต้องอย่าลืมแวะออกแรงด้วยการเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวเกาะไข่นอก ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศวิวทะเลแสนสวยได้จากมุมสูง 

3.ทะเลตะวันออก 

koh samaesarn

ทะเลตะวันออก เป็นโซนที่ใกล้กับกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก ใช้เวลาขับรถเพียงเล็กน้อยก็สามารถถึงที่หมายได้ง่าย โดยทะเลตะวันออกนั้น มีจุดเด่นในเรื่องของการเดินทาง ให้คุณได้พักชมวิวทะเล ว่ายน้ำเพื่อความผ่อนคลาย ทานอาหารแสนอร่อย เติมแรงก่อนกลับไปทำงาน

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

เที่ยวทะเลตะวันออกช่วงไหนดี? เดือนที่เหมาะสมที่จะไปทะเลตะวันตก คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน 

  • จังหวัดที่ติดทะเล

ทะเลตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดโดยรอบ คือ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี

  • ที่เที่ยวแนะนำ

สำหรับที่เที่ยวทะเลตะวันออกนั้น ขอแนะนำเกาะแสมสาร ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ‘เกาะแสมสาร’ เป็นเกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่จะมีเวลาเปิด-ปิดเกาะชัดเจน ทำให้เกาะมีสภาพดี หาดสวย น้ำใส อีกทั้งมีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำดูปะการัง, การนั่งเรือท้องกระจก, พายเรือคายัก ฯลฯ ให้คุณสามารถเห็นธรรมชาติและความสวยงามจากโลกใต้ท้องทะเล

4.ทะเลตะวันตก

หัวหิน ประเทศไทย

ทะเลตะวันตก เป็นทะเลที่อาจจะไม่ได้สวยเท่าทะเลอันดามัน หรือโซนอื่นๆ แต่มีข้อดีที่การเดินทางไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก เพียงขับรถ 2-3 ชั่วโมง สามารถชมทะเลสวยๆ ได้แล้ว สำหรับใครที่มีแพลนไปทะเลตะวันตก แนะนำให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเลย

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

เดือนที่เหมาะสมที่จะไปทะเลตะวันตก คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม โดยแนะนำให้เริ่มไปทะเลตะวันตกในช่วงต้นเมษายน ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะมีโอกาสที่ฝนตกค่อนข้างน้อย

  • จังหวัดที่ติดทะเล

จังหวัดที่ติดทะเลฝั่งตะวันตกนั้น ประกอบด้วย 2 จังหวัด คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี

  • ที่เที่ยวแนะนำ

ที่เที่ยวแนะนำของทะเลฝั่งตะวันตก คงหนีไม่พ้นจุดยอดฮิตอย่าง ‘หัวหิน’ ไม่ได้เลย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตอบโจทย์ทั้งสายชอบไปเที่ยว สายชอปปิง สายคาเฟ่ เดินรับบรรยากาศริมทะเล ชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น นับว่าหัวหินเป็นเมืองที่มีความเจริญไม่แพ้กับกรุงเทพเลยทีเดียว! 

พามาดูไปเที่ยวทะเลเดือนไหนดี

เที่ยวทะเลเดือนมกราคมที่ไหนดี ?

เที่ยวทะเลเดือนมกราคมที่ไหนดี ? 

มกราคมเที่ยวทะเลไหนดี? ในเดือนแรกของปีนั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีแพลนไปทะเล เพราะสภาพอากาศดีเกือบทุกที่ ยกเว้นฝั่งอ่าวไทย ขอแนะนำให้เลือกไปทะเลฝั่งอันดามันที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวย น้ำใส หาดทรายสีขาว รีบกางแผนที่แล้วเลือกทะเลที่สนใจได้เลย! 

  • เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ถือเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด เพราะช่วงเดือนมกราคมเป็นช่วงที่น้ำทะเลสีสวยมาก อีกทั้งอากาศกำลังดี ให้คุณได้ดำน้ำดูปะการัง นั่งชมวิวทะเลสวยๆ พร้อมชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น เพียงเท่านี้แล้วเรียกว่าคุ้มในคุ้ม

  • เกาะราชา จังหวัดภูเก็ต

เกาะราชา มีทรายเม็ดละเอียดสีขาวสะอาด พร้อมน้ำทะเลสีฟ้า-ฟ้าเข้มที่มีความใสสะอาด เหมาะกับผู้ที่ต้องการดำน้ำดูปะการัง เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมของปะการังหายาก รวมถึงสัตว์น้ำหายากอีกด้วย ให้คุณได้เห็นปะการังเขากวาง ปลาไหลทะเล ปลาปักเป้า ปลากระเบนด้วยสายตาตนเอง

  • เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต 

ห่างจากเกาะราชาไปไม่ไกล จะเจอกับเกาะไม้ท่อน โดยเกาะไม้ท่อนเป็นเกาะส่วนตัว เลยทำให้นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่มาก เหมาะกับผู้ที่อยากสัมผัสบรรยากาศความสงบของทะเล แถมยังสามารถดำน้ำดูปะการังที่หน้าเกาะได้เลย ไม่ต้องนั่งเรือต่อ

เที่ยวทะเลเดือนกุมภาพันธ์ที่ไหนดี ?

มกราผ่านไป แล้วกุมภาพันธ์เที่ยวทะเลไหนดี? ด้วยสภาพอากาศของเดือนนี้ ต้องบอกว่าสามารถไปเที่ยวทะเลได้ทุกที่ โดยให้ระวังฝั่งอ่าวไทยเหมือนเดิม เพราะฝั่งอ่าวไทยอาจมีมรสุมในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

  • เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะเต่า ถือว่าเป็นเกาะยอดนิยมสำหรับนักดำน้ำ สามารถฝึกดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้น น้ำลึก และแบบฟรีไดฟ์ เนื่องจากมีจุดดำน้ำมากกว่า 20 จุดรอบเกาะ โดยเกาะเต่าเป็นเกาะที่มีลักษณ์โค้งเว้าคล้ายเมล็ดถั่ว ตั้งอยู่ห่างจากเกาะพะงันออกไปประมาณ 45 กิโลเมตร มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด พร้อมสูดอากาศดีๆ จากธรรมชาติโดยตรง

  • เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี

เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี เดินทางง่ายๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพ พร้อมชมหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสวยๆ จากหาดตาแหวน หาดเทียน หาดนวล และหาดอื่นๆ ได้ตามต้องการ

  • หาดเขาตะเกียบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หาดเขาตะเกียบ เป็นชายหาดหัวหินที่มีแลนมาร์กอันโดดเด่น ชัดเจน ด้วยองค์พระพุทธรูปปางสมุทรที่ตั้งอยู่บนเขาริมชายหาด หันหน้าออกสู่ทะเล เป็นหาดกว้างให้ทุกท่านได้เดินริมทะเลอย่างเพลิดเพลิน

เที่ยวทะเลเดือนมีนาคมที่ไหนดี ?

มีนาคมเที่ยวทะเลไหนดี? เดือนมีนาคมเป็นเดือนที่ควรหลีกเลี่ยงทะเลฝั่งอ่าวไทย เพราะถือเป็นช่วงที่กำลังจะมีมรสุม แนะนำให้เลือกเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน ฝั่งตะวันออก หรือฝั่งตะวันตกก็ยังได้เห็นวิวทะเลสวยๆ อยู่

เที่ยวทะเลเดือนเมษายนที่ไหนดี ?
  • หาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

หาดชะอำเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว หลายๆ คนคงชินตาไปกับเตียงผ้าใบจำนวนมากที่ตั้งอยู่ริมทะเล อีกทั้งหาดชะอำมีกิจกรรมให้ทำมากมายทั้งขี่ม้า เล่นเจ็ตสกี ให้คุณได้ใช้เวลากับทะเลให้เต็มที่

  • หาดหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หาดหัวหิน ตั้งอยู่ในอำเภอหัวหิน เป็นหาดชื่อดังที่ทุกคนต้องเคยได้ยิน มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำทั้งการขี่ม้า เล่นน้ำทะเล แต่ที่หาดนี้จะไม่มีการเล่นกีฬาทางน้ำที่เสียงดัง เช่น เจ็ตสกี ทำให้บรรยากาศของหาดนี้จะค่อนข้างเงียบสงบ ได้ยินเสียงลมทะเลได้ชัดเจน

  • เกาะกูด จังหวัดตราด

เกาะกูดเป็นเกาะที่มีความเงียบสงบ มีชายหาดที่สวยงามพร้อมกับน้ำใสสะอาด เป็นศูนย์รวมธรรมชาติมากมายทั้งน้ำตก ลำธาร ให้คุณสามารถผ่อนคลายความเครียดไปกับเกาะแห่งนี้

เที่ยวทะเลเดือนเมษายนที่ไหนดี ?

ในช่วงเมษายนเที่ยวทะเลไหนดี? เดือนนี้ถือเป็นช่วงหน้าร้อนที่หลายๆ คนอยากเดินทางไปสัมผัสน้ำทะเล ขอแนะนำให้ไปทะเลฝั่งตะวันออก และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปทะเลฝั่งอ่าวไทย เพราะช่วงนี้อ่าวไทยกำลังมีมรสุมอยู่

phuket
  • เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต

เกาะเฮเป็นเกาะเล็กๆ ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีชื่อเสียงเรื่องหาดทรายขาว น้ำใส สามารถเห็นฝูงปลาได้จากผิวน้ำ อีกทั้งยังสามารถทำกิจกรรมทางน้ำได้หลากหลาย เช่น ขี่เจ็ตสกี ดำน้ำชมปะการัง เล่นเรือลากร่ม เป็นต้น

  • หาดเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับใครที่อยากหลบหนีความวุ่นวาย มาเน้นความสงบจากธรรมชาติต้องมาที่หาดเขาเต่าเลย เพราะหาดแห่งนี้มีน้ำทะเลที่ไม่ลึกมาก เหมาะกับการว่ายน้ำเล่น หรือเดินเล่นริมชายหาดเพื่อสูดบรรยากาศริมทะเล

  • หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี

ผลัดเปลี่ยนบรรยากาศจากความสงบอย่างเขาเต่า มาสู่บรรยากาศริมทะเล แต่ใกล้กรุงเทพกันบ้าง หาดบางแสนเป็นสถานที่ยอดนิยมของคนไทยเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเดือนไหนๆ หาดบางแสนก็จะเต็มไปด้วยผู้คนเสมอ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ เดือนเมษายน จะมีงานสงกรานต์ให้ผู้คนได้มาเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน

เที่ยวทะเลเดือนพฤษภาคมที่ไหนดี ?

เดือนพฤษภาคมเริ่มมีฝนตก ไปเที่ยวทะเลไหนดี? เดือนนี้ถือเป็นเดือนที่ประเทศไทยนั้น เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ จะมีฝนฟ้าคะนองจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณริมทะเล คลื่นจะขึ้นสูง ลมพัดแรง ทำให้ทะเลที่พอจะไปเที่ยวได้อยู่ คือ ทะเลฝั่งตะวันตก นั่นเอง

หาดเจ้าสำราญ
  • หาดหว้าขาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

คำว่า ‘หาดสวย น้ำใส ได้ชมวาฬ’ ถือเป็นสโลแกนของหาดแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นหาดเล็กๆ ในหมู่บ้านชาวประมงที่หลายๆ คนอาจยังไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่ขอบอกว่าทะเลที่นี่มักพบวาฬบรูด้าบ่อยๆ ด้วย

  • หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี

หาดเจ้าสำราญเป็นชายหาดที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีร่มมาตั้งบังวิวทะเล อีกทั้งหาดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการมาพักผ่อนหย่อนใจ ให้คุณได้นั่งเล่นน้ำชิลๆ พร้อมกับแวะทานอาหารทะเลอร่อยๆ ก่อนกลับ

  • หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี

ใครที่เคยอ่านวรรณคดีไทยต้องรู้จักกับรูปปั้นที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ด้วยการนำรูปตัวละครจากเรื่องพระอภัยมณีที่มีทั้งนางผีเสื้อสมุทร พระอภัยมณี นางเงือก และสินสมุทรมาวางที่หาดปึกเตียน ให้ทุกคนได้กลับสู่โลกแห่งวรรณคดีไทย พร้อมชมวิวทะเลอันกว้างใหญ่

เที่ยวทะเลเดือนมิถุนายนที่ไหนดี ?

อยากไปเที่ยวเดือนมิถุนายนเที่ยวทะเลไหนดี? ในช่วงนี้ถือว่าเป็นฤดูฝนของไทย ทะเลฝั่งอันดามัน ฝั่งตะวันออก และตะวันตกโดยส่วนใหญ่จะมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นหลัก แนะนำให้เลือกไปทะเลฝั่งอ่าวไทยจะดีกว่า

เกาะพะงัน Full Monn Party
  • หาดยาว เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

ใครที่อยากจะแวะเกาะพะงันต้องมาที่นี่เลย หาดยาว ซึ่งเป็นหาดที่มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเกาะ ให้คุณได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ราวกับว่าหายไปที่ผืนน้ำได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง

  • เกาะกุลา จังหวัดชุมพร

ขึ้นชื่อในเรื่องน้ำใสสะอาดของทะเลฝั่งอ่าวไทย ต้องเคยได้ยินชื่อ ‘เกาะกุลา’ ที่เกาะแห่งนี้สามารถมองเห็นปะการังและฝูงปลาจากผิวน้ำเลย เพราะตัวน้ำมีความใสมาก สามารถดำน้ำดูปะการังได้ตั้งแต่หน้าหาดเลยทีเดียว

  • เกาะนุัยนอก จังหวัดนครศรีธรรมราช

เกาะนุ้ยนอก เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เกาะแห่งนี้มีจุดไฮไลต์ที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย ก็คือ บ่อน้ำจืดที่มีรูปเท้าขนาดประมาณ 30 นิ้ว ซึ่งจะมองเห็นรอยเท้านี้ได้ในช่วงที่น้ำทะเลลดลงเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดกำเนิดของ ‘หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด’ อีกทั้งตัวเกาะนุ้ยนอกเองมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สามารถนั่งเรือชมปลาโลมาสีชมพูรอบเกาะได้เลย

เที่ยวทะเลเดือนกรกฏาคมที่ไหนดี ?

เดือนกรกฎาคมเที่ยวทะเลไหนดี? นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับการวางแผนไปเที่ยวทะเล ขอแนะนำให้เลือกทะเลฝั่งอ่าวไทยไปก่อน เพื่อลดโอกาสการเจอลมมรสุม

เที่ยวทะเลเดือนสิงหาคมที่ไหนดี ?
  • เกาะพิทักษ์ จังหวัดชุมพร

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะของชุมชนชาวประมงขนาดเล็ก แต่มีกิจกรรมให้ทำแบบไม่เหมือนใคร ให้ทุกท่านได้ลองศึกษาชีวิตแบบชาวประมง ด้วยการรับประทานอาหารทะเลแบบสดๆ พร้อมกับปั่นจักรยานชมเกาะ หรือล่องเรือชมปะการัง ก็สามารถเลือกได้ตามสะดวก

  • เกาะมัดสุม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะมัดสุมหรือเกาะหมู เป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวสะอาด พร้อมกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใส ให้คุณได้ใช้เวลาภายในเกาะได้อย่างเต็มที่ เพราะมีทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

  • เกาะง่าม จังหวัดชุมพร

เกาะง่ามแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เกาะเดียว ยังมีทั้งเกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย เกาะหลักง่ามให้คุณได้ดำน้ำชมปะการัง ซึ่งเกาะแห่งนี้ปะการังจะไม่ได้มีสีสันสวยงามมากแต่มีการพบปะการังสีดำ ซึ่งถือว่าเป็นปะการังที่หาเจอได้ยาก

เที่ยวทะเลเดือนสิงหาคมที่ไหนดี ?

เดือนสิงหาคมเที่ยวทะเลไหนดี? สภาพอากาศเดือนสิงหาคมยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงมรสุม จึงควรวางแผนเที่ยวทะเลโซนอ่าวไทยไปก่อน

เกาะมะพร้าว จังหวัดชุมพร
  • เกาะหลักแรด จังหวัดชุมพร

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะหินปูนที่มีลักษณะคล้ายกับตัวแรด ไม่มีชายหาด แต่นิยมมาดำน้ำชมปะการัง เพื่อชมสีสันของโลกใต้ท้องทะเล ทั้งดอกไม้ทะเล สัตว์ทะเลนานาชนิด โดยเฉพาะปลิงทะเลสร้อยไข่มุก หรืองูทะเลก็มักพบที่บริเวณนี้

  • เกาะมะพร้าว จังหวัดชุมพร

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะสัมปทานรังนก จะต้องมีการขออนุญาตก่อนเข้าชม ซึ่งบนเกาะแห่งนี้มีหาดทรายสีขาวนวล พร้อมทรัพยากรธรรมชาติอย่างครบครัน เนื่องจากมีต้องขออนุญาตก่อนถึงจะเข้าได้ ทำให้พื้นน้ำตรงนี้เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์

  • เกาะมาตรา จังหวัดชุมพร

เกาะมาตราหรือมัตรา เป็นเกาะที่มีทรายขาวสะอาดสลับกับกองโขดหิน มีจุดเด่นในเรื่องของปะการัง ให้คุณได้ดำน้ำชมปะการังสวยๆ พร้อมกับชมความงามของกลุ่มฝูงปลา

เที่ยวทะเลเดือนมกันยายนที่ไหนดี ?

เดือนกันยายนเที่ยวทะเลไหนดี? เข้าสู่เดือนที่ 9 ของปีกันแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้ทะเลโซนอื่นๆ ยังคงอยู่ในช่วงมรสุม แต่โซนอ่าวไทยยังถือว่าสภาพอากาศดีกว่าโซนอื่นๆ  

  • เกาะทะลุ จังหวัดชุมพร

เกาะทะลุ ตัวเกาะแห่งนี้เป็นเกาะหินปูนที่มีโพรงถ้ำขนาดใหญ่คร่อมอยู่ที่ผิวน้ำ มีทั้งจุดดำน้ำตื้นและน้ำลึกให้คุณได้ชมบรรยากาศใต้ทะเล ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และสัตว์น้ำอีกมากมาย

  • เกาะกะโหลก จังหวัดชุมพร

เกาะกะโหลก เป็นเกาะหินปูนขนาดใหญ่ คล้ายกับเกาะทะลุ เพียงแต่เกาะกะโหลกจะมีรูปร่างเป็นก้อนใหญ่ๆ โดดเด่นในเรื่องของกิจกรรมดำน้ำชมปะการัง ให้คุณได้พบปะกับฝูงปลามากมาย โดยเฉพาะฝูงปลาโทงเทงร่มตัวโตที่ถือเป็นไฮไลต์ของเกาะแห่งนี้เลยก็ว่าได้

  • เกาะลังกาจิว จังหวัดชุมพร

เกาะลังกาจิว เป็นเกาะที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ ทั้งหาดทรายสีขาวเม็ดละเอียด น้ำทะเลสีฟ้า พร้อมกับพื้นที่แนวปะการังที่สมบูรณ์กว่า 0.025 ตารางกิโลเมตร

เที่ยวทะเลเดือนตุลาคมที่ไหนดี ?

ตุลาคมเที่ยวทะเลไหนดี? ในเดือนนี้ยังคงเป็นฤดูฝนอยู่ แนะนำให้ไปเที่ยวทะเลฝั่งอ่าวไทย จะมีโอกาสเจอฝนน้อยกว่าทะเลอื่น หรือสามารถเลือกไปทะเลฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ก็กำลังเข้าสู่ช่วงปลายมรสุม

เกาะช้าง เที่ยวทะเลภาคใต้
  • หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับหาดวนกร เป็นชายหาดที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติวนกร ทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีหาดสวย น้ำใส พร้อมเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้มาเล่นน้ำ และนอนเต็นท์ค้างแรม

  • เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะนางยวน เป็นเกาะเล็กๆ จำนวน 3 เกาะเชื่อมต่อกัน โดยที่สามารถเห็นหาดทรายเชื่อมถึงกันในช่วงที่เวลาน้ำลง เกาะนางยวนโดดเด่นเรื่องการดำน้ำดูปะการังเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเกาะขนาดเล็ก ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นสมบัติจากธรรมชาติที่แท้จริง

  • เกาะช้าง จังหวัดตราด

ขึ้นชื่อว่า ‘เกาะช้าง’ ก็จะต้องเป็นเกาะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในจังหวัดตราด ภายในเกาะมีทั้งหาดทรายขาว หาดคลองพร้าว ให้คุณได้เล่นน้ำทะเลอย่างจุใจ พร้อมทำกิจกรรมมากมาย ทั้งการดำน้ำดูปะการัง  นั่งเรือชมธรรมชาติ พายเรือคายัก ฯลฯ 

เที่ยวทะเลเดือนพฤศจิกายนที่ไหนดี ?

เที่ยวทะเลช่วงไหนดี? ต้องบอกเลยว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่มีสภาพอากาศที่ดีขึ้นชัดเจน ท้องฟ้าโปร่งขึ้น มีฝนน้อยลงมาก แต่ทะเลบางแห่งยังคงเป็นช่วงมรสุมหรือยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง แนะนำให้เลือกทะเลฝั่งอ่าวไทย หรือฝั่งทะเลอันดามันจะปลอดภัยมากกว่า

เที่ยวทะเลเดือนธันวาคมที่ไหนดี ?
  • เกาะห้อง จังหวัดกระบี่

เกาะห้อง หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า เกาะเหลาบิเละ ซึ่งเกาะห้องแห่งนี้ เป็นอ่าวรูปทรงโค้ง 2 อ่าวและหันหน้าเข้าหากัน เมื่อมองดูจากด้านบนจะเห็นเหมือนรูปปีกนก ถือเป็นธรรมชาติที่หาดูได้ยาก อีกทั้งมีแนวปะการังอยู่รอบเกาะห้องอีกด้วย

  • เกาะรอกนอก จังหวัดกระบี่

เกาะรอกจะประกอบไปด้วยเกาะรอกนอก และเกาะรอกใน โดยเกาะรอกนอกจะมีจุดเด่นในเรื่องของหาดทรายสีขาวละเอียด และสัตว์น้ำนานาชนิด ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับสัตว์โลกใต้ท้องทะเล

  • เกาะพะลวย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่นี่คือเกาะพลังงานสะอาดต้นแบบของประเทศไทย โดยจะเห็นกังหันลมจำนวนกว่า 68 ต้น กำลังทำงานอยู่ ขอบอกว่าที่นี่หาดสวย น้ำใส อีกทั้งยังใช้พลังงานทดแทนแบบครบ 100% เต็ม

เที่ยวทะเลเดือนธันวาคมที่ไหนดี ?

เดือนสุดท้ายของปีมาแล้ว ใครที่มีแพลนไปทะเลช่วงสิ้นปี สามารถเลือกได้เลย เพราะสภาพอากาศในเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่เหมาะกับการไปทะเลทั่วไทย ให้คุณได้เตรียมแพ็กกระเป๋าแล้วไปรับลมทะเลกันเลย 

  • หมู่เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล

หมู่เกาะตะรุเตา เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว อีกทั้งมีหาดเล็กหาดน้อยอยู่เพียบ สำหรับใครที่ชอบการผจญภัยคงพลาดไม่ได้ เพราะที่นี่มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ ถือว่าได้เล่นน้ำทะเลด้วย แล้วยังได้รู้ความเป็นมาของเกาะแห่งนี้อีกด้วย

  • หาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี

หาดเจ้าหลาว เป็นหาดขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรี มีน้ำทะเลใสสะอาด พร้อมกับหาดทรายสีเหลืองที่มีเม็ดละเอียด อีกทั้งมีร้านค้าค่อนข้างน้อย ทำให้สามารถชมความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

  • หาดสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หลายๆ คนอาจยังไม่รู้จักหาดสามร้อยยอดแต่จะคุ้นเคยกับเขาสามร้อยยอดมากกว่า หาดสามร้อยยอดแห่งนี้เป็นหาดที่เงียบสงบ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำทะเลใสสะอาด เมื่อลงไปเดินริมชายหาดจะเห็นเปลือกหอยและปลาดาวมากมาย

ไปเที่ยวทะเลอย่าลืมเตรียมอะไรไปบ้าง

ไปเที่ยวทะเลต้องเตรียมอะไรไปบ้าง มัดรวมสิ่งของที่จำเป็นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลย!

ไปเที่ยวทะเลอย่าลืมเตรียมอะไรไปบ้าง
  • กระเป๋าเดินทาง สำหรับใส่เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ต้องการนำไปด้วย
  • ชุดว่ายน้ำ แน่นอนว่าเป็นการไปเที่ยวทะเล จะขาดไม่ได้เลยกับชุดว่ายน้ำ
  • รองเท้าแตะ ควรเลือกรองเท้าแตะที่สามารถโดนน้ำได้ ไม่ลื่นจนเกินไป แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีพื้นยึดเกาะกับพื้นพอสมควร เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม
  • ครีมกันแดด ไอเทมหลักสำหรับทริปทะเล ออกไปรับแสงแดด ต้องดูแลผิวให้ดีด้วย ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันรังสียูวี
  • ผ้าเช็ดตัว ถึงแม้ว่าโรงแรมส่วนใหญ่จะมีเตรียมผ้าขนหนูผืนใหญ่และผืนเล็กไว้ให้แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ชอบว่ายน้ำ หรือมีแพลนจะเดินทางไปเกาะต่างๆ ควรมีผ้าเช็ดตัวอีกผืนติดเผื่อไปด้วย
  • โทรศัพท์มือถือหรือกล้อง ใช้สำหรับถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ 
  • ถุงซิปกันน้ำ สำหรับใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จ แบตเตอรี่สำรอง โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ

สรุป

เที่ยวทะเลช่วงไหนดี? แล้วหากอยากไปเที่ยวทะเลอันดามันช่วงไหนดี? เชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ คงมีทะเลที่เล็งไว้ในใจแล้วแน่ๆ และสำหรับใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวทะเลเร็วๆ นี้ แนะนำให้ดูปฏิทินเที่ยวทะเลที่ทาง Airportels รวมรวมไว้ให้แบบจบครบทั้ง 12 เดือน เพื่อให้ทุกคนได้ไปเที่ยวทะเลอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสภาพอากาศดี ทะเลสวย น้ำใส อีกทั้งอย่าลืมเช็กสิ่งที่ควรเตรียมก่อนไปเที่ยวด้วย เมื่อทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ก็ออกเดินทางสู่ชายหาดสวย เกาะอันงดงาม และโลกใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่กันได้เลย!

9 คาเฟ่และบาร์ลับ ที่ไม่ลับอีกต่อไปย่านเยาวราช 2023

หากนึกถึงเยาวราชภาพแรกที่ผุดขึ้นก็คงไม่พ้นแหล่งท่องเที่ยวที่มี Street Food และของกินแบบละลานตา แต่จริง ๆ แล้วที่เยาวราชยังมีคาเฟ่และบาร์ลับซุกซ่อนตัวตามตรอกซอกซอยอีกเพียบ

วันนี้เราเลยจะแอบมาบอกพิกัดคาเฟ่และบาร์ลับในเยาวราชให้คุณได้ไปแวะเช็กอินตามกันดู จะมีที่ไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลย

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

9 พิกัดคาเฟ่เยาวราชบรรยากาศดีมุมถ่ายรูปสวย

Wallflowers Cafe

ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่และบาร์ บรรยากาศตกแต่งไปด้วยหมู่มวลของแมกไม้และดอกไม้นานาพรรณบรรยากาศดีมาก ๆ มุมสวย ๆ ชิค ๆ เพียบ

  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน Cafe 11.00 – 18.00 น. และ Bar 17.30 – 24.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/wallflowerscafe.th
  • ที่อยู่ : 31-33 ซอยนานา (วงเวียน 22 กรกฎาคม) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ : 094 671 4433

 Wanderlust BKK

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอล เมนูกาแฟของที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย พร้อมกับเมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ให้คุณเลือกสั่งได้ตามความชอบ ด้านบนของร้านก็เปิดเป็นโฮสเทลสุดชิคไว้รองรับนักท่องเที่ยว

  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/wanderlustbkk.th
  • ที่อยู่ :  149-151 ถนนพระรามที่ 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  089 757 7770

 Akirart Cafe

Akirart
Image : Akirart

ร้านกาแฟที่ตกแต่งแนวออฟฟิศสุดวินเทจ ให้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบกาแฟอยู่ในออฟฟิศยุค 80-90 ที่รายล้อมด้วยอุปกรณ์สำนักงานที่ชวนย้อนความทรงจำ น่าไปถ่ายรูปเช็กอินสุด ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 18.00 น. หยุดทุกวันอังคาร
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/AkirartCafe
  • ที่อยู่ :  138 ซอยประดู่ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ : 086 814 3834

Woodbrookbkk

Woodbrookbkk
Image : Woodbrookbkk

คาเฟ่ลับติดริมน้ำเจ้าพระยา มีทั้งโซน in door และโซน out door ที่เป็นระเบียงมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและรับลมเย็น ๆ บรรยากาศดีสุด ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด :  ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/woodbrookbkk/
  • ที่อยู่ :  1222/1 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  064 424 2929

Jadeoldtown

Jadeoldtown
Image : Jadeoldtown

คาเฟ่ในตึกแถวสไตล์จีนโมเดิร์น ผสมความลอฟท์และความวินเทจ ให้ความรู้สึกเหมือนโรงน้ำชาสมัยก่อน น่าไปนั่งชิลล์ถ่ายรูปเช็กอินสุด ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด :  ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/profile.php?id=100031961816461
  • ที่อยู่ :  86 ถนนพระรามสี่ แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   065 549 4924

NAHIM CAFE

NAHIM CAFE
Image : NAHIM CAFE

คาเฟ่สุดคิวท์สไตล์โฮมเมดเหมาะกับสายหวานสุด ๆ ที่นี่ตกแต่งสไตล์บ้านให้ฟีลอบอุ่น ๆ แถมเขายังโรงเรียนสอนทำขนมมีกิจกรรม workshop ให้ร่วมด้วย

  • เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – พุธ 12.00 – 20.00 น. พฤหัสบดี – อาทิตย์ 11.00 – 19.00 น.
  • เว็บไซต์ www.facebook.com/nahimcafe.handncraft/
  • ที่อยู่ : 78 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   095 989 9839

CHATA Specialty Coffee

ใครที่เป็นสายกาแฟดริปต้องห้ามพลาดที่นี่ เขาคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพ อีกทั้งยังใช้ Dripper แบบแก้ว และ Grinder บดกาแฟใช้มือหมุน ให้ความรู้สึกโฮมเมดและดึงเสน่ห์กาแฟออกมาได้เป็นเอกลักษณ์

  • เวลาเปิด-ปิด 09.00-18.00 น. (หยุดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/chataspecialtycoffee/
  • ที่อยู่ :   98 ถนนพาดสาย แขวง/ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  084 625 2324

Ti Bangkok

ร้านคาเฟ่บรรยากาศสุดมินิมอล นอกจากเครื่องดื่มแล้วที่ร้านยังขึ้นชื่อเรื่องพุดดิ้ง มีให้เลือกชิมกันหลายรสชาติเลย

  • เวลาเปิด-ปิด :   09.00 – 16.30 น. (หยุดวันพุธ)
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/ti.bangkok.thailand
  • ที่อยู่ :  768 ถนนมังกร เขตป้อมปราบ แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  094 452 5649

La Cabra

ร้านกาแฟสัญชาติเดนมาร์กสาขาแรกของไทย เมล็ดกาแฟคัดสรรและส่งตรงจาก Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก ใครที่อยากลองห้ามพลาด

  • เวลาเปิด-ปิด :   09.00 – 18.00 น. (หยุดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/lacabra.thailand
  • ที่อยู่ :   813 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  084 149 6495
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

9 พิกัดบาร์ลับเยาวราชบรรยากาศสุดชิลล์

Widdershins

Widdershins
Image : Widdershins

บาร์ลับที่ตั้งอยู่ในร้านอาหารจีน บรรยากาศคลาสสิกที่แฝงความหรูหรา เหมาะกับการไปนั่งชิล ๆ ปล่อยใจในวันสบาย ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด :   18.00-01.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/widdershinsyaowarat/
  • ที่อยู่ :  ชั้น 3 ของร้าน Laoteng ปากซอยเยาวราช 9 ถนนเยาวราช สัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   095 987 9239

 TEP BAR

TEP BAR
Image : TEP BAR

บาร์ที่ตกแต่งด้วยการผสานความเป็นไทยประยุกต์ บรรยากาศสลัว ๆ เครื่องดื่มของที่นี่ก็เน้นค็อกเทลที่ผสมผสานความเป็นไทยเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ต้องไปลอง

  • เวลาเปิด-ปิด : 18.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/TEPBARBKK/
  • ที่อยู่ :   69/71 ซอยยี่สิบสองกรกฎาคม 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   098 467 2944

 Rabbit Hill

Rabbit Hill
Image : Rabbit Hill

บาร์สไตล์จีนร่วมสมัยให้ความรู้สึกเหมือนโรงเตี๊ยมโรงน้ำชาสุด ๆ เครื่องดื่มก็ดีกับแกล้มก็เด็ด เหมาะกับการไปนั่งแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ๆ 

  • เวลาเปิด-ปิด :  17.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/rabbithillbangkok
  • ที่อยู่ :  1 ถนนสันติภาพ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   061 663 9565

Melts

Melts
Image : Melts

บาร์ลับที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของโฮสเทล บรรยากาศดี ที่ร้านมีอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาด้วย ก่อนไปต้อง inbox หน้าเพจเพื่อขอรหัสเข้าร้าน

  • เวลาเปิด-ปิด :   18.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   https://www.facebook.com/meltschinatownbkk
  • ที่อยู่ :   135/9 ถนนเยาวพานิช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   099 332 0049

Pijiu Bar

Píjiǔ Bar
Image : Píjiǔ Bar

ที่นี่เด่นเรื่องคราฟต์เบียร์มาก บรรยากาศร้านก็ชิค ใครที่เป็นสายคราฟต์เบียร์ต้องห้ามพลาด

  • เวลาเปิด-ปิด :   18.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   https://www.facebook.com/pijiubar
  • ที่อยู่ :  16 ซอยนานา ถนนเยาวราช แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   095 660 2636

 Ba Hao

บาร์แนวจีนโมเดิร์นให้ความรู้สึกคล้ายโรงน้ำชา เครื่องดื่มและอาหารที่นี่เป็นสไตล์จีน แถมยังมีห้องพักไว้บริการด้วย

  • เวลาเปิด-ปิด :   17.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/8bahao
  • ที่อยู่ :   8 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  062 464 5468

 Teens of Thailand

บาร์ลับบรรยากาศแบบดิบ ๆ ตกแต่งด้วยสติกเกอร์สเกตบอร์ดเท่ ๆ เมนูของที่หลายก็หลากหลายรับรองถูกใจสายแฮงเอาต์แน่นอน

  • เวลาเปิด-ปิด :  18.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/teensofthailand
  • ที่อยู่ :  76 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   097 003 1173

Charoenkrung Bar & Bistro

บาร์กึ่งร้านอาหารสไตล์จีนร่วมสมัย อาหารและเครื่องดื่มครบ เหมาะกับการไปนั่งชิล ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ ร่วมกับกลุ่มเพื่อน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า
  • เวลาเปิด-ปิด :   16.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/Charoenkrungbarandbistro
  • ที่อยู่ :  609 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   099 448 5646

El Chiringuito

ที่นี่เป็นร้านอาหารสเปนและมีบาร์ตกแต่งสวยงามสวยถูกใจสายวินเทจ ให้ฟีลย้อนยุคหน่อย ๆ เครื่องดื่มและอาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย เป็นอีกหนึ่งร้านที่เหมาะไปนั่งชิลล์

  • เวลาเปิด-ปิด :  18.00 – 23.00 น. (ปิดวันจันทร์-พุธ)
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/elchiringuitobangkok
  • ที่อยู่ :   221 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  098 996 5479

จบไปแล้วกับ 9 พิกัดคาเฟ่และบาร์ลับย่านเยาวราช อย่าพลาดรีบตามไปเช็คอินกัน แต่ละร้านอาหารและเครื่องดื่มเด็ด ๆ ทั้งนั้น แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ รับรองเลยว่าจะติดใจจนอยากกลับไปซ้ำอีกแน่นอน 

ที่มาข้อมูล

รู้ไว้กันพลาด!! ขนาดกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่องพร้อมค่าโหลด 2023

เมื่อจำเป็นต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน ไม่ว่าเป็น เที่ยวบินภายในประเทศหรือเที่ยวบินระหว่างประเทศ “กระเป๋าสัมภาระ” ถือเป็นอีกหนึ่งเพื่อนร่วมทางที่ทุกคนต้องนำไปด้วยเสมอ แม้เคยเดินทางบ่อยหรือเพิ่งขึ้นเครื่องบินครั้งแรก หลายๆ คนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักกระเป๋า ค่าใช้จ่ายในการโหลดกระเป๋าหรือแม้แต่ขนาดของกระเป๋า

บทความนี้ ได้รวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการนำกระเป๋าขึ้นเครื่องและการโหลดกระเป๋าไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขนาดกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวนกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง และอัตราค่าโหลดกระเป๋าแต่ละสายการบิน เช่น การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย ไทยเวียตเจ็ท และไลอ้อนแอร์

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ขนาดไซส์ทั่วไปของกระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก 

แม้ว่าสายการบินต่างๆ มีรายละเอียดของข้อกำหนดหรือนโยบายเกี่ยวกับการสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องและโหลดขึ้นเครื่องที่แตกต่างกันอยู่บ้าง

แต่กระเป๋าล้อลากบางขนาดสามารถโหลดขึ้นเครื่องได้เพียงอย่างเดียว เพราะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของช่องสัมภาระเหนือศีรษะในห้องโดยสาร ทั้งนี้ ในท้องตลาดยังมีกระเป๋าให้เลือกซื้อหลายขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องจึงมีดังนี้  

ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่อง

1. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 16 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 16 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×41 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 43 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 1-2 วัน 

2. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 18 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 18 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×46 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 46 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิด จึงเหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 2-3 วัน

3. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 22 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 22 นิ้ว ถือเป็นขนาดของกระเป๋าที่ใหญ่ที่สุด ที่สายการบินต่างๆ ยังอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องและใส่ในช่องสัมภาระเหนือศีรษะในห้องโดยสารได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 23×40 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 55 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 2-4 วัน 

4. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 24 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 24 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่องแทนการถือ เพราะมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่นโยบายของสายการบินส่วนใหญ่อนุญาต โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×45 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 61 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 5 วัน – 1 สัปดาห์ 
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 26 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 26 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่องแทนการถือ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 27×40 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 67 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางตั้งแต่ 1 สัปดาห์ – 10 วัน 

6. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 28 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 28 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่อง โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 30×46 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 78 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางไม่เกิน 2 สัปดาห์

กระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องแบบไหนได้บ้าง

โดยทั่วไป สัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางที่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง หรือกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง สามารถใช้ได้ทั้งกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋ามีล้อลาก 

นอกจากเรื่องนโยบายในส่วนของน้ำหนักและขนาดกระเป๋าแล้ว บางสายการบินอาจมีการกำหนดจำนวนของสัมภาระร่วมด้วย ซึ่งรายละเอียดของการถือกระเป๋าขึ้นเครื่องและการโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้ 

กระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง

1. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง คือ สัมภาระที่ผู้โดยสารสามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ เช่น กระเป๋าถือหรือกระเป๋าเดินทางที่มีล้อลากไซส์ 12-22 นิ้ว ซึ่งต้องเก็บไว้บนช่องใส่กระเป๋าเหนือศีรษะหรือช่องใส่ของด้านหน้าเก้าอี้

โดยมักกำหนดน้ำหนักไว้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน นอกจากนี้ ต้องไม่มีของต้องห้ามต่างๆ เช่น

  • ของเหลวปริมาณเกิน 50 มิลลิลิตร
  • ของมีคมหรืออาวุธต่างๆ เช่น มีด ปืน หรือกรรไกร
  • สัตว์ที่มีชีวิตหรือซากของสัตว์
  • อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ทุเรียน ปลาร้า หรือขนุน
  • เพาว์เวอร์แบงก์ความจุต้องไม่เกิน 20,000 mAh

2. กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage) 

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง คือ กระเป๋าเดินทางที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 24 นิ้วขึ้นไป โดยส่วนใหญ่ การเดินทางภายในประเทศ ไม่เกิน 15 กิโลกรัม ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศ ไม่เกิน 20 กิโลกรัม ซึ่งของที่ไม่ควรใส่หรือต้องห้าม มีดังนี้

  • ของต้องห้ามตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ เช่น ของผิดกฎหมาย หรือยารักษาโรคบางชนิด
  • ของมีค่า เช่น แล็ปท็อป เงินสด หรือเครื่องประดับ
  • อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี เช่น บุหรี่ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี หรือเพาว์เวอร์แบงก์
  • อาวุธและวัตถุไวไฟ

ทั้งนี้ ของมีค่าและอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยเพาว์เวอร์แบงก์ความจุต้องไม่เกิน 32,000 mAh และบุหรี่ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรีความจุไม่เกิน 100Wh ซึ่งไม่อนุญาตให้ชาร์จบนเครื่องบิน

ขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดของแต่ละสายการบิน

แต่ละสายการบินมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่อง ไปจนถึงมีค่าบริการในการโหลดกระเป๋าที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งผู้ที่ต้องการเดินทางด้วยการโดยสารเครื่องบิน ควรศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อให้ง่ายต่อการเตรียมตัว หมดปัญหาการต้องแกะสัมภาระมาแพ็กใหม่ที่สนามบินหรือต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 

สำหรับใครที่กำลังจะบินหรือกำลังเปรียบเทียบสายการบินที่ใช้บริการ แต่ละสายการบินมีนโยบายเกี่ยวกับขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดสัมภาระ ดังนี้

ขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง

1. การบินไทย (Thai Airway)

การบินไทย (Thai Airway) เป็นสายการบินสัญชาติไทยที่ให้บริการทั้งจุดหมายปลายทางภายในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 35 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมันนี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าการบินไทย

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทย กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 25x45x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้

นอกจากนี้ยังสามารถพกสิ่งของเหล่านี้ขึ้นเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

  • กระเป๋าใส่ของมีค่า เช่น กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าใส่เงิน โดยมีขนาดกระเป๋าไม่เกิน 12.5x25x37.5 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือแล็ปท็อป
  • ไม้ค้ำยัน ในกรณีที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือผู้ที่ทุพพลภาพ
  • กล้องหรือกล้องส่องทางไกลขนาดเล็ก
  • อาหารเด็กเล็ก

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทย กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ 

  • ชั้นหนึ่ง ระหว่างประเทศ 50 กิโลกรัม
  • ชั้นธุรกิจ ในประเทศ 40 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัดพิเศษ  ในประเทศ 30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัด  ในประเทศ 20-30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 20-35 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยบาท โดยคิดเป็น 1.5% ของค่าบัตรโดยสารชั้นประหยัด แบบบินตรงเที่ยวเดียว ปกติสูงสุด หรือประมาณ 55-125 บาทต่อ 1 กิโลกรัม 
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามโซนของประเทศจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 12-70 ดอลลาร์สหรัฐ การแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้ออย่างน้อย 5 กิโลกรัม และไม่เกิน 50 กิโลกรัม โดยต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยบาท อยู่ระหว่าง 50-60 บาท
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ อยู่ระหว่าง 8-56 ดอลลาร์สหรัฐ การแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ

2. ไทยสมายล์ (Thai Smile)

ไทยสมายล์ (Thai Smile) เป็นสายการบินสัญชาติไทยที่มีเส้นทางการบินภายในประเทศและจุดหมายปลายทางต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น อินเดีย เวียดนาม ศรีลังกา จีน และมาเลเซีย

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าไทยสมายล์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยสมายล์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 25x45x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้ 

นอกจากนี้ยังสามารถพกสิ่งของเหล่านี้ขึ้นเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

  • กระเป๋าใส่ของมีค่า เช่น กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าใส่เงิน โดยมีขนาดกระเป๋าไม่เกิน 12.5x25x37.5 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือแล็ปท็อป
  • ผ้าคลุมไหล่ หรือผ้าห่ม จำนวนไม่เกิน 1 ผืน
  • ร่ม จำนวนไม่เกิน 1 ด้าม
  • กล้องถ่ายภาพหรือกล้องส่องทางไกลขนาดเล็ก จำนวน 1 ตัว
  • หนังสือจำนวนที่เหมาะสม
  • อาหารของเด็กทารกในปริมาณที่เหมาะสม
  • อุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อนไหวหรือการเดิน เช่น ไม้ค้ำยัน เก้าอี้วีลแชร์ หรือกายอุปกรณ์เทียม สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้
  • สุนัขนำทางสำหรับคนตาบอดหรือหูหนวก
  • สินค้าปลอดภาษี ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของประเทศ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือบุหรี่

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยสมายล์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ

  • ชั้นพรีเมียม  ในประเทศ 30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัด  ในประเทศ 20 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 30 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 180 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ บาทไทย หรือรูปีอินเดีย ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางหรือจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 12-15 ดอลลาร์สหรัฐ 405-540 บาทไทย และ 1400 รูปีอินเดีย

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมีอัตราค่าใช้จ่ายเท่ากันทั้งในกรณีบินภายในประเทศและบินระหว่างประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้

  • 5 กิโลกรัม = 600 บาท
  • 10 กิโลกรัม = 900 บาท
  • 15 กิโลกรัม = 1,350 บาท
  • 20 กิโลกรัม = 1,800 บาท
  • 25 กิโลกรัม = 2,250 บาท
  • 30 กิโลกรัม = 2,700 บาท
  • 40 กิโลกรัม = 3,600 บาท 

3. สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways)

บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) เป็นสายการบินเชิงพาณิชย์ของไทยที่ให้บริการครอบคลุมหลายจังหวัดในประเทศไทย เช่น สุโขทัย ภูเก็ต เชียงใหม่ และตราด

โดยมีท่าอากาศยานหลักในประเทศหลายแห่ง ไม่ว่าเป็น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และท่าอากาศยานสมุย นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางการบินต่างประเทศ เช่น ลาว ฮ่องกง และมัลดีฟส์ อีกด้วย สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าบางกอกแอร์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องบินที่โดยสาร มีรายละเอียดดังนี้ 

  • ประเภทเครื่องบิน ATR72 ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องไม่เกิน 23x36x50 เซนติเมตร
  • ประเภทเครื่องบิน Airbus 319 และ Airbus 320 ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ

  • ชั้นธุรกิจบลูริบบิน  น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัด  น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง 20 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 180 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 11-60 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

  • กรณีที่บินภายในประเทศ
    • 5 กิโลกรัม = 600 บาท
    • 10 กิโลกรัม = 900 บาท
    • 15 กิโลกรัม = 1,350 บาท
    • 20 กิโลกรัม = 1,800 บาท
    • 25 กิโลกรัม = 2,250 บาท
    • 30 กิโลกรัม = 2,700 บาท
    • 40 กิโลกรัม = 3,600 บาท 
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ อยู่ระหว่าง 8-48 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราคามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางและจุดหมายปลายทาง โดยต้องซื้อน้ำหนักอย่างน้อย 5 กิโลกรัม

4. นกแอร์ (Nok Air)

นกแอร์ (Nok Air) เป็นสายการบินราคาประหยัดของไทย ให้บริการพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศไทยและภายในทวีปเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน อินเดีย และญี่ปุ่น

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋านกแอร์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินนกแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม  โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้ 

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินนกแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ แบ่งตามประเภทของบัตรโดยสาร คือ

  • บินเบาๆ (Nok Lite) ไม่มี
  • บินสบาย (Nok X-tra) ในประเทศ 15 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 20 กิโลกรัม
  • บินเพลิดเพลิน (Nok MAX) ในประเทศ 25 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 30 กิโลกรัม
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 400 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 500 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยมีอัตราแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรโดยสาร จุดหมายปลายทาง จำนวนน้ำหนักที่ซื้อเพิ่ม และช่วงเวลาที่ซื้อน้ำหนักเพิ่ม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • กรณีซื้อพร้อมบัตรโดยสาร ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท
  • กรณีซื้อเพิ่มหลังซื้อบัตรโดยสารแล้ว ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 250 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท

5. ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air) เป็นสายการบินในเครือเวียตเจ็ทแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำจากประเทศเวียดนาม โดยเป็นสายการบินที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในประเทศไทยและเมืองสำคัญของประเทศเวียดนาม เช่น เกิ่นเทอ และดานัง นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางบินระหว่างประเทศในแถบเอเชีย อาทิ กัมพูชา สิงคโปร์ และไต้หวัน อีกด้วย

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าเวียตเจ็ทแอร์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่ง 

นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าถือใบเล็กหรือกระเป๋าแล็ปท็อปอีก 1 ใบขึ้นเครื่องได้

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์  กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 32 กิโลกรัม และแต่ละชิ้นต้องมีขนาดไม่เกิน 81x119x119 เซนติเมตร 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ  ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 320 บาท 
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ  ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 450-650 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการเดินทาง

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 

  • น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ภายในประเทศ 355 บาท และบินระหว่างประเทศ 540-1050 บาท
  • น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ภายในประเทศ 395 บาท และบินระหว่างประเทศ 715-1,400 บาท
  • น้ำหนัก 25 กิโลกรัม ภายในประเทศ 495 บาท และบินระหว่างประเทศ 923-1,650 บาท
  • น้ำหนัก 30 กิโลกรัม ภายในประเทศ 795 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,260-1,980บาท
  • น้ำหนัก 35 กิโลกรัม ภายในประเทศ 955 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,512-2,310 บาท
  • น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ภายในประเทศ 1,195 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,875-2,800 บาท

6. แอร์เอเชีย (Air Asia)

แอร์เอเชีย (Air Asia) เป็นสายการบินข้ามชาติต้นทุนต่ำระหว่างไทยกับมาเลเซีย ให้บริการเส้นทางการบินในหลายจังหวัดของประเทศไทย เช่น ขอนแก่น ตรัง และเชียงใหม่ รวมถึง จุดหมายปลายทางในภูมิภาคเอเชียอีกหลายแห่ง เช่น จีน ฮ่องกง และอินเดีย

โดยมีฐานการบินอยู่ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าแอร์เอเชีย

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้จำนวน 2 ใบ โดยต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

  • กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ใบ ต้องมีขนาดไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร และต้องสามารถเก็บในช่องใส่สัมภาษณ์เหนือศีรษะได้
  • กระเป๋าใส่ทรัพย์สินจำนวน 1 ใบ โดยอาจเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าขนาดเล็ก หรือกระเป๋าใส่แล็ปท็อป ที่มีขนาดไม่เกิน 10x30x40 เซนติเมตร และต้องสามารถจัดเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าได้

ในกรณีของเที่ยวการบินแอร์เอเชียอินเดีย จากจัมมู หรือ ศรีนาการ์ ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง เนื่องจากข้อกำหนดการรักษาความปลอดภัยของสนามบิน

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่น้ำหนักรวมของกระเป๋าสัมภาระต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด โดยแบ่งตามประเภทของบัตรโดยสาร คือ

  • Low Fare ไม่มี
  • Value Pack และ Premium Flex น้ำหนัก 20 กิโลกรัม
  • Premium Flatbed น้ำหนัก 40 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน 

  • กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ในกรณีที่น้ำหนักของกระเป๋าเกิน ค่าใช้จ่ายในส่วนของ 15 กิโลกรัมแรก คิดเป็น 1,300 บาท และในกิโลกรัมต่อไปกิโลกรัมละ 455 บาท รวมถึง หากกระเป๋าสัมภาระมีขนาดใบใหญ่กว่าช่องเก็บของเหนือศีรษะ มีค่าใช้จ่าย 2,210 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยซื้อได้ไม่เกิน 40 กิโลกรัม

  • กรณีซื้อพร้อมบัตรโดยสาร ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 468 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,368 บาท
  • กรณีซื้อเพิ่มหลังซื้อบัตรโดยสารแล้ว ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 520 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,533 บาท

7. ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air)

ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) เป็นสายการบินต้นทุนต่ำระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั้งภายในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน เนปาล ไต้หวัน และเวียดนาม

โดยมีฐานการบินอยู่ทั้งท่าอากาศยานดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 20x30x40 เซนติเมตร

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ

  • กรณีบินภายในประเทศ  จำนวน 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม
  • กรณีบินระหว่างประเทศ  จำนวนไม่เกิน 2 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน 

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 300 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 500 บาท แต่ถ้าเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ ราคา 400 บาทต่อ 1 กิโลกรัม 

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ซึ่งซื้อได้ไม่เกิน 45 กิโลกรัม และน้ำหนักสัมภาระแต่ละชิ้นต้องไม่เกิน 32 กิโลกรัม มีอัตราค่าใช้จ่ายเท่ากันทั้งในกรณีบินภายในประเทศและบินระหว่างประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้

  • เพิ่ม 5 กิโลกรัม ภายในประเทศ 200 บาท และระหว่างประเทศ 325 บาท
  • เพิ่ม 10 กิโลกรัม ภายในประเทศ 275 บาท และระหว่างประเทศ 475 บาท
  • เพิ่ม 15 กิโลกรัม ภายในประเทศ 375 บาท และระหว่างประเทศ 625 บาท
  • เพิ่ม 20 กิโลกรัม ภายในประเทศ 405 บาท และระหว่างประเทศ 775 บาท
  • เพิ่ม 25 กิโลกรัม ภายในประเทศ 495 บาท และระหว่างประเทศ 1,000 บาท
  • เพิ่ม 30 กิโลกรัม ภายในประเทศ 645 บาท 
  • เพิ่ม 35 กิโลกรัม ภายในประเทศ 795 บาท 

ขึ้นเครื่อง แบบไม่ต้องสนใจเรื่องขนาด น้ำหนัก ทำได้ไหม?

หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับข้อจำกัดของน้ำหนักกระเป๋าที่ถือหรือโหลดขึ้นเครื่อง รวมถึง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการโหลดกระเป๋า ในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน หลายๆ คนอาจสงสัยว่า สามารถเดินทางโดยสารเครื่องบิน แบบไม่ต้องสนใจเรื่องขนาดหรือน้ำหนักของสัมภาระได้ไหม? 

คำตอบ คือ สามารถทำได้ เพราะ AIRPORTELs มีบริการรับฝากกระเป๋าตามจุดต่างๆ และบริการขนส่งสัมภาระไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าเป็น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ใช้บริการอะไรได้บ้าง

AIRPORTELs พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น โดยมีบริการหลักๆ ดังนี้

บริการขนส่งสัมภาระกระเป๋า

บริการขนส่งกระเป๋า

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งสัมภาระ ทั้งภายในกรุงเทพฯ และการขนส่งข้ามจังหวัด ไม่ว่าเป็น ท่าอากาศยาน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่พัก

โดยไม่จำกัดทั้งขนาดและน้ำหนักของสัมภาระ รวมถึง ระยะทางการขนส่ง มีอัตราค่าบริการขนส่งสัมภาระกระเป๋าเริ่มต้นที่ 299 บาท พร้อมระบบติดตามสถานะของสัมภาระ 

บริการฝากของ ฝากกระเป๋า 

บริการฝากกระเป๋า

บริการรับฝากสัมภาระของแอร์พอเทลล์ นั้นครอบคลุมตั้งแต่ กระเป๋าสัมภาระ อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แล็ปท็อป จักรยาน หรือถุงกอล์ฟ มีอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 100 บาท ต่อสัมภาระ 1 ชิ้น

ซึ่งไม่มีการจำกัดน้ำหนักหรือขนาด โดยมีบริการจุดบริการที่สนามบิน และห้างสรรพสินค้า ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้แก่

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดให้บริการระหว่างเวลา 06.00 – 24.00 น.
  • เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • เทอร์มินอล 21 อโศก เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • เทอร์มินอล 21 พัทยา เปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 11.00 – 22.00 น. และวันศุกร์-วันอาทิตย์(วันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 11.00 – 2300 น.
  • เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • ไอคอนสยาม เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • มิกซ์จตุจักร เปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 10.00 – 20.00 น. และวันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 21.00 น.
  • เยาวราช เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น. และวันเสาร์ เวลา 10.00 – 14.00 น.

นอกจากนี้ ยังมีบริการรับฝากระยะยาว รับประกันมูลค่าของสูงสุดถึง 50,000 บาทอีกด้วย 

ส่งกระเป๋าดีกว่าการโหลดหรือนำขึ้นเครื่องเองอย่างไร

สำหรับข้อดีของบริการจาก Airportels ที่โดดเด่นกว่าการนำกระเป๋าถือหรือโหลดขึ้นเครื่อง มีด้วยกันมากมาย เช่น

  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับแผนการท่องเที่ยว หลายๆ คนจำเป็นต้องนำสัมภาระไปเก็บยังที่พักก่อน ถึงเริ่มการท่องเที่ยวได้ หรือหากบินไฟล์ตดึก หลังจากเช็กเอาต์แล้วไม่สามารถฝากกระเป๋าไว้กับที่พักได้ แต่บริการขนส่งกระเป๋าของ AIRPORTELs สามารถนำสัมภาระไปส่งให้ยังโรงแรม สนามบิน หรือห้างสรรพสินค้าใกล้รถไฟฟ้า BTS 
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดและน้ำหนักของกระเป๋า แม้ว่าสายการบินต่างๆ มีบริการโหลดกระเป๋าและการซื้อน้ำหนักเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ก็ยังจำกัดน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 40-50 กิโลกรัมต่อคน รวมถึงยังมีการจำกัดขนาดของกระเป๋าที่สามารถใช้ได้อีกด้วย
  • ไม่ต้องแกะและแพ็กสัมภาระใหม่ เนื่องจากสายการบินต่างๆ ได้กำหนดปริมาณของของเหลว เช่น แชมพู ครีมนวดผม หรือน้ำหอม รวมถึง ลิสต์รายการสัมภาระที่ไม่สามารถโหลดได้ แต่จำเป็นต้องถือขึ้นเครื่อง ซึ่งทำให้หลายๆ คนต้องประสบปัญหาการแกะและแพ็กสัมภาระใหม่
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ก่อนการโดยสารเครื่องบิน ไม่ว่าเป็น การเดินทางท่องเที่ยวภายในและระหว่างประเทศ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง และอัตราค่าบริการโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องก่อน เพราะแต่ละสายการบินมีนโยบายสัมภาระที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องแกะสัมภาระและแพ็กใหม่ที่สนามบิน หรือเสียเงินเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน แต่สำหรับใครที่อยากออกทริปภายในประเทศไทย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเกณฑ์สัมภาระและยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับแผนการท่องเที่ยว บริการฝากของและขนส่งสัมภาระของ AIRPORTELs คือคำตอบ

อ่านเพิ่มเติม

เปิดประสบการณ์การนอนในสนามบิน อัพเดตที่พักในสุวรรณภูมิ 2023

ห้องพักรายวันแถว สนามบินสุวรรณภูมิ มีอยู่หลายสิบแห่ง เดินทางเพียง 5 นาทีถึง ราคาหลักร้อย ประหยัดและพักสบายเหมาะสำหรับคนที่รอขึ้นเครื่องข้ามวัน ส่วนคนที่ต้องการแค่ที่พักเอนหลังสักสองสามชั่วโมง ไม่อยากตกเครื่อง และไม่อยากนอนรอตามเก้าอี้สนามบิน ไม่ควรพลาดเช็คอินโรงแรมลับในสนามบิน เช็คอินเวลาไหนก็ได้ จ่ายค่าห้องรายชั่วโมงหรือรายวัน สะดวกมากและราคาไม่แพง รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็กเกอร์โดยเฉพาะ มาดูกันว่าพักที่ไหนได้บ้าง

 

1.Boxtel Suvarnabhumi Airport

โรงแรมในสนามบินที่ว่ากันว่าเป็นโรงแรมลับแห่งนั้นคือ “Boxtel” โรงแรมรายชั่วโมงที่อยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมินั่นเอง ไฮไลท์ของโรงแรมแคปซูลคือห้องพักส่วนตัวขนาดเล็กสำหรับนอนพักผ่อนช่วงสั้น ๆ ระหว่างรอขึ้นเครื่องหรือเปลี่ยนเครื่องเนื่องจากเที่ยวบินมีปัญหา ได้นอนพักในห้องสะอาดสักงีบประหยัดแรงหายเหนื่อยดีกว่านอนตามเก้าอี้เหนื่อย ๆ ง่วง ๆ โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกสนามบิน ไม่ต้องเสี่ยงกับรถติดกลับมาขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา สามารถเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้โดยไม่ต้องต่อรถใดๆ ไม่ต้องเสี่ยงกับรถติดกลับมาขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา สามารถเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้โดยไม่ต้องต่อรถใด ๆ 

 
 

โรงแรม Boxtel สำหรับนักท่องเที่ยวเป็นห้องเตียงเดี่ยวสำหรับนอนคนเดียว มีระบบปรับอากาศ คำนวณราคาค่าห้องเป็นรายชั่วโมง จ่ายสบายกระเป๋าราคาถูกกว่าอัตราค้างคืนโรงแรมทั่วไป พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี ค่าบริการ 925-972 บาท/ห้อง/คืน จองโปรโมชั่นพักนาน 12 ช.ม. เหมาจ่าย 2,100 บาท สามารถจองห้องพักทางออนไลน์หรือโทรสอบถามข้อมูลโปรโมชั่นได้ตลอดเวลา นอกจากบริการห้องพักแล้วยังมีบริการรับฝากกระเป๋า ค่าบริการเริ่มต้นที่ 80 บาท/วัน หรือนำกระเป๋ามาฝากกับเราAIRPORTELs ในราคา 100บาท/วัน สามารถจองห้องพักผ่านอินเทอร์เน็ต รวมถึงในเว็บไซต์ Traveloka.com

 

รีวิวห้องพักที่ Boxtel 

ใครสนใจใช้บริการห้องพักรายชั่วโมงของโรงแรม BOXTEL ในสนามบินสุวรรณภูมิ เดินหาไม่ยาก เพราะตั้งอยู่บริเวณชั้น B หรือชั้นใต้ดินตรงโซนแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีสุวรรณภูมิ เหมาะแก่การเดินทางรถสาธารณะอย่างมาก รีวิวห้องพักจากนักเดินทางหลายคนที่ลองไปบริการกันมาแล้ว ห้องพักมีลักษณะเป็นห้องไม้ทรงกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดประมาณ 4 ตารางเมตร มีความเป็นส่วนตัว พื้นที่ไม่กว้างใหญ่แต่ไม่คับแคบเกินไป ภายในห้องพักมีเตียงเดี่ยวและเครื่องนอนคุณภาพเยี่ยมเทียบเท่ามาตรฐานโรงแรม 5 ดาว มีกระจกเงาด้วย ผู้ใหญ่นอนคนเดียวสบายหรือมีเด็กเล็กนอนด้วยได้อีกคน (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร) แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ต้องนอนแยกเดี่ยวเท่านั้น ประตูห้องพักเป็นระบบสมาร์ทคีย์ ในห้องมีปลั๊กไฟ และรหัส Wi-Fi ให้ใช้ฟรี มีโต๊ะพับเอาไว้เขียน นั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือก็ได้

ในห้องพักแบบ BOXTEL ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ด้วยขนาดพื้นที่จำกัด ห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนออกไปก็เป็นเรื่องดี เดินไปไม่ไกลใช้ห้องน้ำส่วนกลางของแอร์พอร์ตลิงก์ได้ มีปุ่มกดเรียกพนักงานเมื่อ ต้องการความช่วยเหลือและบริการโทรปลุกแขกที่อยู่ในห้องพัก (Wake Up Call) ไม่ต้องกังวลว่าจะนอนหลับเพลินจนตื่นมาขึ้นเครื่องไม่ทัน บริเวณใกล้เคียงห้องพักมีตู้ ATM และบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ห้องพักของ BOXTEL เปิดบริการมานานกว่า 6 ปีแล้ว มั่นใจในบริการที่มีคุณภาพได้แน่นอน

 

2. Avagard Capsule Hotel

อวกาศ แคปซูล โฮเทล เป็น โรงแรมในสนามบิน อีกแห่งที่หลายคนสนใจเข้ามาเช็คอิน สัมผัสประสบการณ์นอนชิล ๆ ในโรงแรมแคปซูลสักครั้ง ให้บริการห้องพักส่วนตัวสุดชิค บรรยากาศห้องพักสะอาดมากและเรียบง่าย ห้องพักของที่นี่มีล็อกเกอร์ให้เก็บกระเป๋าสัมภาระ 1 ช่องด้วย โรงแรมอวกาศ แคปซูลตั้งอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิสะดวกมาก ๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อนระยะสั้นรอต่อเครื่อง ค่าบริการ 589-1,439 บาท/ห้อง/คืน ปัจจุบันโรงแรมแคปซูลได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ไม่ได้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น คนไทยที่เดินทางขึ้นเครื่องตอนเช้ามืดหรือลงเครื่องกลางดึกสำรองห้องพักเข้าใช้บริการพักค้างคืนได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่เสี่ยงอันตรายตอนกลางคืน

  

รีวิวห้องพักที่ Avagard Capsule Hotel

โรงแรมแคปซูลสำหรับนอนหลับพักผ่อนมีลักษณะเป็นห้องเล็กกะทัดรัดดีไซน์ล้ำสมัยเหมือนยุคอวกาศ มีเครื่องใช้บริการในแคปซูลสำหรับ 1 คน เป็นเตียงควีนไซส์และชุดเครื่องนอนสะอาดคุณภาพดี ในห้องแคปซูลมีที่เก็บกระเป๋าเดินทาง ช่องชาร์จ USB พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี และไฟอ่านหนังสือ ด้านในยังมีกล้องวงจรปิดคอยรักษาความปลอดภัยไว้ให้ด้วย แต่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ใช้ห้องน้ำส่วนกลางของแอร์พอร์ตลิงก์ได้ ใกล้ ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ร้านอาหารและคาเฟ่หลายแห่งใกล้ที่พักเพียงไม่กี่ก้าว ใครอยากรู้จักโรงแรมแคปซูล อย่าพลาดเข้าไปสำรองห้องพักกัน

  

บริการโรงแรมในสนามบินสุวรรณภูมิเหมาะกับใครบ้าง

ถ้าบ้านไกลต้องบินเช้ามืด ไม่คิดจะเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ แต่ก็ไม่อยากพลาดเที่ยวบิน เพียงจองห้องพักแบบส่วนตัวเข้ามาเอนหลังรอก่อนขึ้นเครื่องได้ที่ Boxtel และ Avagard Capsuleไม่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ รอเครื่องตามเก้าอี้สนามบินเป็นเวลานาน ๆ ไปนอนรอที่สนามบินเลยทั้งสะดวกและประหยัดเงินกว่าค่าห้องพักของโรงแรมใกล้สนามบิน เนื่องจากแอร์พอร์ตลิงก์สุวรรณภูมิเปิดเที่ยวแรกเวลา 05.30 น. และเที่ยวสุดท้ายเวลาประมาณเที่ยงคืน หากกลับไฟล์ทดึก รถไฟฟ้าหมดและเรียกแท็กซี่ยาก แต่ลงเครื่องดึกแค่ไหนก็เข้าเช็คอินห้องพักที่นี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งต้องแบกสัมภาระเดินทางด้วย การพักโรงแรมใน สนามบินสุวรรณภูมิเป็นทางเลือกที่สะดวกมากเพราะไม่ต้องแบกกระเป๋าเดินทางออกนอกอาคารสนามบิน

เปรียบเทียบกับโรงแรมทั่วไปแล้ว โรงแรมในสนามบินทั้งสองแห่งให้ความสะดวกสบายสำหรับคนที่มีเที่ยวบินเช้าหรือรอต่อเครื่องนานหลายชั่วโมง ห้องพักสะอาดตาราคาหลักร้อยอาจดูย่อมเยากว่าค่าห้องนอนส่วนตัวในโรงแรมอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้สนามบินที่ให้ความสะดวกสบายและกว้างขวางกว่ามาก แต่ชดเชยกับความสบายใจว่าจะไม่พลาดเที่ยวบินสำคัญแน่นอน

 

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299 บาท/ชิ้น ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯ

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

โปรโมชั่นพิเศษ

ฝากกระเป๋าฟรี 4 ชั่วโมงแรก ที่MBK CENTER

ติดต่อเรา

หมายเลขโทรศัพท์ : +66 02 026 6927

Website: Luggage Delivery Bangkok

E-mail: [email protected]

Line: @AIRPORTELs

ที่มาข้อมูล : 

21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว

ในวันหยุดพักผ่อนทั้งทีแต่มีเวลาแสนน้อยนิด คุณลองมองหาที่เที่ยวที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลหลายกิโลก็สามารถเอนจอยได้ เป็นแพลนการเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว ไม่สะดวกเดินทางไปไหนมาไหนไกลแต่คุณสามารถไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ BTS ได้อย่างเพลิดเพลินกับ 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ต้องง้อรถส่วนตัว 

BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 

BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 

เริ่มต้นที่สถานีแรกก็ปังไม่ไหวกับสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดาย แต่คุณกลับได้พบกับสถานที่สุดพิเศษเสิร์ฟตรงหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดชิกอย่างหอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชวนเพื่อนมาถ่ายรูปแนวเก๋ ๆ แนวสวยก็มีหลายมุม หรือจะเป็นอุทยาน 100 ปี จุฬาจุดพักผ่อนชิลๆ รับลมเย็น ที่สำคัญใครที่อยากเดินเล่นด้วยความคล่องตัวที่นี่เขามีจุดฝากกระเป๋าด้วย 

  • บริการฝากสัมภาระ MBK CENTER : AIRPORTELs – ชั้น 6 , โซน บี
  • โปรโมชั่นฝากฟรี 2 ชั่วโมง

อุ่นใจเมื่อกระเป๋าสุดที่รักอยู่ในที่ปลอดภัย แล้วทีนี่ก็เดินเที่ยวอย่างไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะ       

1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

จุดเช็กอินแรกที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงสถานีนี้ก็คือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือเรียกสั้น ๆ ว่าหอศิลป์ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นที่หลงใหลในงานศิลป์ไปพร้อมๆ กับได้ถ่ายรูปเด็ดเก็บไว้ในอัลบั้มโปรดก็แจ่มเวอร์ โดยหอศิลป์จะเป็นสถานที่รวบรวมในการจัดแสดงงานศิลปะหลายแขนงเลย รับรองถูกใจสายอาร์ตแน่นอน สามารถเดินทางจาก BTS สนามกีฬาแห่งชาติเพียง 200 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึง

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/CyrHwyT7BfhydKQu8 
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น. 
  • เบอร์โทร : 02 – 2146630 

2. อุทยาน 100 ปี จุฬา 

อุทยาน 100 ปี จุฬา เป็นสวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวแสนโดดเด่นใจกลางเมือง โดยมีเนื้อที่กว่า 29 ไร่ สวนแห่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยนโยบายการสร้างเมือง Green & clean city ได้ทราบถึงที่มาที่ไปอันน่าทึ่งขนาดนี้แล้วจะพลาดได้ยังไงล่ะ ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัว อากาศดีปลอดโปร่ง และได้เห็นวิวธรรมชาติชิลๆ ซึ่งการเดินทางมาจาก BTS สนามกีฬาแห่งชาติห่างกัน 1.3 กิโลเมตร แนะนำให้เรียกวินจะได้ถึงที่หมายได้เร็วขึ้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/KaFm5ghSfiv9eyKy9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05:00 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : 022183590 
ที่เที่ยวใกล้ BTS หมอชิต

BTS หมอชิต 

สถานีต่อมาเป็นสถานี BTS ที่สร้างความตะลึงพรึงเพริดต่อคนเพิ่งมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งแรกได้ดี และเป็นหนึ่งสถานีที่แน่นไปด้วยผู้คน แต่ผู้คนเหล่านั้นล้วนตื่นเต้นที่จะไปต่อเพราะหนทางข้างหน้ามีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะมุมพักผ่อนอย่างสวนจตุจักร หรือสายชอปปิงก็ไปเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักรได้เลย แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับการลงจาก BTS หมอชิต แน่นอน 

3. สวนจตุจักร

ใครที่อยากปลีกความวุ่นวายชั่วครู่ แนะนำให้คุณมาเยือนสวนจตุจักรเลย ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางให้คุณได้มาเดินเล่นอย่างสบายใจ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับออกกำลังกายได้ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นเช้าหรือเย็นก็ดีทั้งนั้น จัดว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการความสงบ ร่มรื่น รายล้อมไปด้วยสีเขียวเย็นตา ซึ่งการเดินทางมาที่นี่จาก BTS หมอชิตก็ห่างกันเพียง 700 เมตรเท่านั้น 

  • บริการฝากสัมภาระ MIXT Chatuchak : AIRPORTELs – ชั้น 2 , โซน บี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/yfBKXx4VVzCEerFA9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 04:30 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : –

4. ตลาดนัดจตุจักร 

ใครที่ชื่นชอบการชอปปิงให้ลองมาเยือนตลาดนัดจตุจักรไม่มีผิดหวังแน่ ที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมการขายสินค้าขนาดใหญ่แบ่งเป็น 27 โครงการเลยทีเดียว สินค้ามีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ร้านอาหาร รวมไปถึงงานศิลป์งานฝีมือก็มีจัดแสดงและจำหน่ายด้วย  จัดว่าที่นี่เหมาะสำหรับสายเที่ยว กิน ชอป ครบจบในที่เดียว  ซึ่งการเดินทางจาก BTS หมอชิตห่างกันเพียง 450 เมตรเท่านั้น

  • บริการฝากสัมภาระ MIXT Chatuchak : AIRPORTELs – ชั้น 2 , โซน บี     
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/utjr1JpyNr7qfmXV7 
  • เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ 07:00 – 18:00 น.

                วันเสาร์ – อาทิตย์ 09:00 – 18:00 น.

  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS ชิดลม

BTS ชิดลม

มาต่อกันที่สถานี BTS ชิดลม สถานีใจกลางเมืองอีกหนึ่งแห่งที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร สามารถเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก นั่นคือ เซ็นทรัลชิดลม สำหรับใครที่ชอบเดินห้างเมื่อลงจากสถานีแล้วสามารถเดินต่อไปหน่อยหนึ่งก็ถึงศูนย์การค้าทันที

5. เซ็นทรัลชิดลม 

สำหรับเซ็นทรัลชิดลมถือเป็นห้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ใครที่ผ่านมาเห็นต่างก็สะดุดตากันทั้งนั้น ด้วยตัวห้างตั้งอยู่บริเวณแยกที่มีวิวของมุมตึกในรูปแบบสถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่น เรียกว่าเห็นปั๊ปอยากเอามือถือที่จับอยู่มาแชะรูปทันที ที่นี่เหมาะสำหรับสายเดินห้างรับลมเย็น เดินเล่นตากแอร์สบาย ๆ ที่สำคัญที่นี่ห่างจากตัว BTS ชิดลมเพียง 650 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/iQCjixS1yqKKWstp8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : 027937777  
ที่เที่ยวใกล้ BTS ศาลาแดง

BTS ศาลาแดง

ใครกำลังมองหาแหล่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟน่านั่งแล้วล่ะก็ลง BTS ศาลาแดงแล้วคุณจะเจอคำตอบที่ต้องการ สำหรับสถานีแห่งนี้มีคอมมอนส์ที่มีชื่อว่า the COMMONS จะเป็นยังไงนั้นตามไปดูกัน 

6. The Commons 

the COMMONS เป็นเซฟโซนสำหรับคนที่ต้องการหามุมทำงานสบายๆ แต่เดินทางได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เพราะที่นี่แห่งนี้มีทั้งโซนนั่งแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ รับรองเลยว่าจะสร้างความประทับใจในการมาเยือนให้กับคุณได้แน่ ภายในมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ ให้เลือกเยอะมาก แถมแอร์ก็เย็นฉ่ำเวอร์ เหมาะสำหรับคนอยากมาพักผ่อนสุด ๆ และที่นี่ห่างจาก BTS ศาลาแดงประมาณ 7 กิโล อาจจะไกลหน่อยแต่สามารถเรียกวินได้เลย ระยะทางแค่นี้ไม่แพงมาก

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/niMnPXmqDiCu5ZNn7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 08:00 – 01:00 น. 
  • เบอร์โทร : 0891522677 
ที่เที่ยวใกล้ BTS ช่องนนทรี

BTS ช่องนนทรี

หากกำลังมองหาแลนด์มาร์กที่มีความโดดเด่นในช่วงกลางคืนแล้วล่ะก็ที่ BTS ช่องนนทรีจัดว่าเป็นจุดเช็กอินที่จะทำให้คุณได้ร้องว้าวกับภาพตรงหน้าในยามค่ำคืนในมหานครได้ดี มีจุดไฮไลต์เป็นสะพานช่องนนทรี สะพานสีขาวชื่อดังที่ทั้งคนกรุงและคนต่างจังหวัดต่างก็คุ้นตาเป็นอย่างดี

7. สะพานช่องนนทรี 

สายถ่ายรูปต้องหลงรักที่แห่งนี้แน่ สะพานช่องนนทรี เป็นสกายวอล์กที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดปังที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหน ถ่ายยังไง ภาพที่ออกมาก็สวยเป๊ะปังทุกภาพแน่นอน ด้วยที่นี่มีตัวสะพานที่ขาวสุดโดดเด่นตั้งตระหง่านอย่างงดงาม เรียกว่าเห็นสิ่งนี้แต่ไกล ๆ ก็อยากรีบกระโจนเข้าไปใกล้ให้เร็วเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ชิดมากที่สุด การเดินทางจาก BTS ช่องนนทรีจากที่นี่ไม่ไกลมากห่างแค่  110 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/niMnPXmqDiCu5ZNn7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS ตลาดพลู

BTS ตลาดพลู

ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากกลางเมืองเท่าไรนัก และมีเสน่ห์ตรงมีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นไว้แต่กลับสามารถเดินทางสู่ CBD ได้ด้วยการเดินทางที่หลากหลาย และที่สำคัญ BTS ตลาดพลู มีแหล่งชอปปิงลับน่าสนใจที่ถูกซุกซ่อนในตลาดพลูหลายอย่าง อยากรู้แล้วตามมาเลย  

8. ตลาดพลู 

ที่ตลาดพลูแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของกินที่เยอะและดีที่สุดของย่านฝั่งธนแล้วล่ะ ใครที่เป็นสายกินอย่าได้พลาดเชียว เมื่อมาถึงนี่แล้วมีโลเคชั่นอยากให้มาเยือนกัน ที่นี่เหมาะสำหรับสายคูลๆ ที่สามารถลองได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของกินที่หลากหลายทั้งคาวและหวาน แอเรียใกล้เคียงก็เต็มไปด้วยวัดวามากมาย เรียกว่ากินอิ่มก็ไปทำบุญได้เลย ซึ่งการเดินทางจาก BTS ตลาดพลูห่างกัน 1.5 กิโล สามารถเรียกวินเพื่อไปตลาดได้เลย 

พิกัด : https://goo.gl/maps/ybnYfN17b9L4GFe59 

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
                วันพุธ – วันจันทร์เวลา 09:00 – 00:00 น.  

        วันอังคารเปิด 24 ชั่วโมง 

        เบอร์โทร : – 

ที่เที่ยวใกล้ BTS พร้อมพงษ์

BTS พร้อมพงษ์

สถานีถัดมา BTS พร้อมพงษ์ นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายแล้วยังมีสถานที่เดินเล่นชิลล์สุดพิเศษอยู่หนึ่งที่  จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจาก The Manor 39 เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็ก ๆ ที่บรรยากาศน่าเข้าไปหาสุด ๆ 

9. The Manor 39

ใครกำลังมองหาจุดแวะใกล้ BTS พร้อมพงษ์ กับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกวิเศษต้องลองได้แวะที่นี่คุณต้องถูกใจอย่างแน่นอน The Manor 39 เต็มไปด้วยความสนุก ความผ่อนคลายในที่เดียวกัน เปิดประสบการณ์มาคอมมูนิตี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 เป็นโครงการที่มีทั้งคาเฟ่ชิกๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดอร่อย ร้านเสริมสวย รวมไปถึงคาราโอเกะเร้าใจ เรียกว่าปาสุขปาใจได้ทั้งวัน อีกทั้งที่นี่หากจาก BTS พร้อมพงษ์เพียง 650 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/WAGvh6qv4ZPNobhh7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 11:30 – 00:00  น.
    เบอร์โทร : 026625541 
ที่เที่ยวใกล้ BTS สะพานตากสิน

BTS สะพานตากสิน

มาต่อกันด้วยสถานีที่จะทำให้คุณได้รับความสนุกสุดเหวี่ยงจัดเต็มไปทั้งวันอย่างที่คุณไม่เคยได้รับมหาศาลเท่านี้มาก่อน เพราะสถานีแห่งนี้พร้อมต้อนรับคุณด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตหลายที่ไม่ว่าจะเป็น ล้ง 1919, Warehouse 30, ตลาดน้อย, The Jam Factory, เอเชียทีค และไอคอนสยาม เป็นไงแต่ละที่มีแต่ปัง ๆ ใช่ไหมล่ะ รับรองงานนี้เที่ยวจนตัวแตกเพียงแค่ลงจาก BTS สะพานตากสิน ก็รับความสนุกได้เต็มแมกซ์ 

10. ล้ง 1919

ประเดิมด้วยสถานที่พักผ่อนสุดแนวเอาใจทุกเจน ที่นี่เดินทางมาได้ง่ายมากแค่ลง BTS ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อมาลงท่าเรือหวังหลีก็ถึงที่หมายแล้วล่ะ มาเยือนล้ง 1919 ทั้งทีคุณทำได้ทั้งเดินเล่นปล่อยใจ ทานอาหารอร่อยๆ กับร้านอาหารน่านั่ง ถ่ายรูปมุมสวยปังทุกช็อต พร้อมไหว้พระขอพรศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว เรียกว่าครบจบในที่เที่ยว ที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 2.5 กิโล แต่ระยะทางนี้เราเดินต่อกันด้วยเรือนะ แต่เดินหน่อยเดียวก็ถึงแล้วล่ะ 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/XFZvwf19PVQovJZW8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 18:00  น.
    เบอร์โทร : –

11. Warehouse 30

เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เที่ยววิวแม่น้ำมาต่อกันด้วยจุดเช็กอินที่เอาใจสายฮิปเปอร์ได้ดี เมื่อคุณลงจากสถานีแล้วเดินเท้าเปล่าอีกนิดไปทางไปรษณีย์กลางบางรัก เห็นเป็นโกดังเก่าติดกันยาวนั่นแหละถึงที่หมาย Warehouse 30 เรียบร้อย ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ หรือร้านเสื้อผ้าก็มีเหมือนกัน พร้อมมีโรงฉายหนังขนาดเล็กดูเพื่อผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสิน 1.3 กิโล ถือว่าไม่ไกลมากนั่งวินแป๊บเดียวถึง

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/pnoBuc1FZfyvYmQx5 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 18:00  น.
  • เบอร์โทร : 022375087 

12. ตลาดน้อย

สถานที่ต่อมาเป็นย่านจีนที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ลงมาจากสถานีเดินมาผ่านบางรักมาหน่อยนึงก็ถึงแล้ว หรือจะเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาก็ได้เหมือนกัน ที่นี่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่ตามแนวถนนเจริญกรุง ใครที่หลงใหลความคลาสสิคสไตล์จีนโบราณ หากได้มาเยือนที่ตลาดน้อยจะต้องชอบแน่ สายถ่ายรูปอย่าได้พลาด อีกทั้งยังห่างจาก BTS สะพานตากสิน 1.9 กิโล 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Snz396uah5qfSZiRA 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง 
  • เบอร์โทร : –

13. The Jam Factory

ที่ต่อมาจะพาทุกคนข้ามมาฝั่งธน เอาใจสายฮิปสเตอร์น ที่นี่ถูกเนรมิตจากโกดังเก่าให้กลายมาเป็นคาเฟ่สุดชิกที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น มีโคมไฟเท่ ๆ คลอด้วยเสียงเพลงน่าฟัง นั่งชิลล์ได้แฮปปี้สุดๆ สำหรับ The Jam Factory ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 1.7 กิโลก็ถึงที่หมาย 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/D3z61MxHJaHmSDb67 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 028610950 

14. เอเชียทีค

สถานที่ต่อมาเชื่อว่าเป็นจุดเช็กอินในใจที่หลายคนอยากมาเยือนให้ได้สักครั้ง เอเชียทีค เป็นแลนด์มาร์กสุดโรแมนติกในการมาเดตกับแฟน หรือมาเที่ยวกับผองเพื่อนก็สนุกได้เต็มที่ได้ทั้งนั้น ที่นี่ยืนหนึ่งในการเป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งยังมีโรงละครคาลิปโซ่ คุณสามารถดื่มด่ำกับการดูหนัง จิบกาแฟ กินอาหาร และชอปปิงพร้อมวิวแม่น้ำด้วยความเพลินตลอดค่ำคืน ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสิน 2.2 กิโล อาจไกลนิดนึงแต่คุ้มกับความฟิน 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/N1RqxnDS9iSttJ7N8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 11:00 – 00:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0922460812 

15. ไอคอนสยาม (Iconsiam)

ปิดที่เที่ยวจาก BTS สะพานตากสินด้วยศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ตระการตาใจกลางมหานคร มาที่นี่คุณจะได้พบกับคนเกือบทุกมุมโลกในที่เดียว ใครที่เข้ากรุงเทพ ฯ มาต่างก็อยากมาเยือนที่นี่ ไอคอนสยามสามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่น่ารัก ร้านค้าแบรนด์ดังครบ รับรองคุณจะตื่นตาตื่นใจทุกฝีก้าวที่ได้เดิน ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 1.3 กิโลเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/kFfTjxVSyn7MxrWK9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น.  
  • เบอร์โทร : 024957080 
ที่เที่ยวใกล้ BTS ราชเทวี

BTS ราชเทวี

สถานี BTS ราชเทวีเป็นทำเลที่รายล้อมด้วยศูนย์การค้ามากมาย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวแนวฮิปเอาใจวัยรุ่นได้ทุกยุค ด้วยตัวสถานีเชื่อมต่อกับย่าน BTS พญาไทและไม่ไกลจาก BTS อนุสาวรีย์เท่าไร อีกทั้งที่นี่ยังมี สวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี เป็นจุดที่เอาใจสายสตรีทอาร์ตได้ดี 

16. สวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี

สำหรับใครที่หลงใหลกับภาพวาดบนกำแพง ก็มาเยือนสวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี คุณจะสะกดคำว่าผิดหวังไม่เป็นแน่นอน ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพแนวภาพวาดฝาผนัง หรือสตรีทอาร์ต รูปภาพที่ถูกแต่งแต้มบนผนังมีความโดดเด่นสูง สีสันสวยสะดุดตา เรียกว่าถ่ายรูปยังไงก็ออกมาสวยหล่อทั้งนั้น และที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 180 เมตรเท่านั้น โหใกล้ ๆ เลยนะเนี่ย 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/qukQtB2igJUNgtdW7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05:30 – 19:00 น.  
  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS สยาม

BTS สยาม

ต่อเนื่องกันที่สถานี BTS ที่ฮิตฮอตเหล่าวัยรุ่นตั้งแต่ยุคก่อนจนถึงปัจจุบัน และดูทีท่าว่าเสน่ห์ความฮิตก็ไม่อาจลดละหายไปไหนได้ง่ายๆ ที่นี่เป็นทำเลของคนที่ชื่นชอบวิถีคนเมืองที่หรูหรา มองไปทางไหนก็มีแต่ความเจริญพุ่งเข้าใส่ ที่สำคัญมีอควาเรียมกลางมหานครอีกด้วย จะเป็นที่ไหนได้นอกจาก Sea Life Bangkok Ocean World เป็นโอเชี่ยนที่เหมาะสำหรับมากันทุกความสัมพันธ์จริงๆ 

17. Sea Life Bangkok Ocean World

มีเวลาว่างไปเที่ยวแค่นิดเดียวแต่กลับอยากไปเห็นทะเล มาที่นี่ Sea Life Bangkok Ocean World คุณก็สามารถสัมผัสของความทะเลได้แล้วล่ะ แนะนำให้คุณชมปลาใต้ท้องทะเลด้วยความเพลินจัดเต็ม พร้อมลอดอุโมงค์ทางเดินใต้น้ำสร้างความตื่นเต้นสุด ๆ มาแล้วไม่มีผิดหวัง ที่นี่ห่างจาก BTS สยามเพียง 100 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Kr2eUQ2Y56dEP6HB9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 026872000 
ที่เที่ยวใกล้ BTS อารีย์

BTS อารีย์

สำหรับสถานีนี้เป็นหนึ่งย่านที่เหมาะสำหรับการมาใช้ชีวิตมากๆ ไม่ได้เป็นย่านที่วุ่นวายจนเกินไป และสามารถพบความสงบได้ด้วย ถึงแม้ BTS อารีย์ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่รอบข้างก็ล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมที่เที่ยวเอาใจทั้งสายคาเฟ่และคอมมูนี้ตี้มอลล์  

18. Kid Mai Death Cafe

คาเฟ่แห่งนี้มาในคอนเซปต์ที่แปลกแหวกแนวกว่าหลายๆ ที่ แค่ชื่อก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของความตาย เมื่อมาถึงนี่สิ่งที่คุณต้องไม่พลาดนั่นคือ ทดลองตาย ก่อนตาย ในโลงศพที่ถูกปูด้วยผ้าผืนสีชมพู นอกจากคุณจะได้ดื่มรสชาติกาแฟแสนอร่อยก็ยังได้ดื่มด่ำกับสัจธรรมชีวิตอีกด้วย ที่นี่ห่างจาก BTS อารีย์ เพียง 77 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/cDWE2YSbvw7WQRYu8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 21:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0633244519  

19. GUMP’s Ari Community Space

ต่อเนื่องกันที่คาเฟ่สุดน่ารักที่เอาใจสาว ๆ ที่หลงใหลกับอะไรที่เห็นแล้วจะต้องตาแป๋วทนความน่ารักไม่ไหว เป็นคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์มินิมอลหวาน ๆ มุมถ่ายรูปเยอะมาก แถมกาแฟสดก็รสชาติดีมาก ห่างจาก BTS อารีย์เพียง 400 เมตรเท่านั้น

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/FwsT4uY5V4MgG8sX8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : –
BTS สุรศักดิ์ - วัดแขก

BTS สุรศักดิ์

มาต่อกันที่สถานีรองสุดท้ายด้วย BTS สุรศักดิ์ เป็นสถานีทำเลดี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่นี่มีเส้นคมนาคมหลายรูปแบบ ล้อมด้วยอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ร้านอาหาร คอนโด และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวเอาใจสายชิลล์เพียบ 

20. Roots BKK

ใครกำลังมองหากาแฟสดรสชาติดี คุณภาพเยี่ยม ให้คุณได้ลองก้าวมาร้านนี้แล้วคุณจะเจอคำตอบที่ใช่ สำหรับร้าน Roots BKK ไม่ได้เป็นแค่ร้านกาแฟธรรมดา ๆ แต่มันมากกว่านั้น มีเรื่องราวของกาแฟไทยเกรดดีคัดสรรทุกเมล็ดให้คุณได้ดื่มอย่างสุขใจ ภายในร้านหอมฟุ้งด้วยกลิ่นกาแฟ ร้านตกแต่งได้สวย สะอาด น่ามองน่านั่ง ที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS สุรศักดิ์เพียง 170 เมตรเท่านั้นเอง 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/5FkYqPqZLSudoo2p9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 07:00 – 19:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0820916175 

21. วัดแขก

ปิดท้ายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจสายมู ใครที่เลื่อมใสในพระแม่อุมาเทวี มาที่นี่คุณสามารถสักการะท่านแม่ได้โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงอินเดีย วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านสีลม ย่านชื่อดังใจกลางเมืองกรุง วัดนี้ตกแต่งได้สวยงามให้บรรยากาศเหมือนอยู่อินเดียได้ดีมาก ไปเหอะอย่าพลาดเลย และที่นี่ห่างจาก BTS สุรศักดิ์เพียง 800 เท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/ZBgDuB99zabdcho58 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0973159569 

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าที่มีสาขาในสนามบิน และห้างชั้นนำในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีบริการส่งสัมภาระไปยังโรงแรม-ห้าง-สนามบิน ราคาเริ่มต้น 299 บาท/ใบ รวมถึงบริการส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัด

สาขาของแอร์พอเทลล์

  • สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ 
  • สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 
  • MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)
  • Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)
  • Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)
  • MIXT Chatuchak ชั้น2, โซนบี
  • Terminal 21 Pattaya ชั้น 1 , โซนปารีส (บริเวณใกล้อีฟแอนด์บอย)

สรุป

จบกันไปแล้วสำหรับ 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับจุดเช็กอินที่ทางเราได้มาแนะนำให้กับทุกคน เรียกว่าถูกใจสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถเที่ยวได้หลากรูปแบบ หลายรสชาติได้จัดเต็มเลยใช่ไหมล่ะครับ BTS จะไม่ได้เป็นแค่การเดินทางเพื่อไปเรียนหรือไปที่ทำงานอีกต่อไป เพราะคุณสามารถเปลี่ยนทิศทางที่เคยเดินไปประสบกับที่ใหม่ ๆ ได้ง่ายแสนง่าย และห่างจากสถานีไม่ไกลมากเท่าไรก็ถึงที่เที่ยวได้เลย และสำหรับใครที่อยู่ต่างจังหวัดต้องการเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพแล้วล่ะก็ทางเราอยากแนะนำ Airportels  บริการส่งกระเป๋าจากสนามบินถึงที่พักได้ทันที เรียกว่ามาถึงกรุงเทพสามารถออกเดินทางไปเที่ยวทั้ง 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว รู้แบบนี้รีบ ๆ ตามรอยให้ได้เลย 

รวม 21 สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ ให้พร้อมไปแอ่วกันเจ้า

จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย จัดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อยากจะมีโอกาสไปเยือนสักครั้ง โดยปี 2564 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Travel and Leisure ให้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับที่ 9 ของโลก 

สถานที่เที่ยวเชียงใหม่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนจากความศิวิไลช์ตามสไตล์วิถีคนเมืองไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบเต็มรูปแบบ แค่ใช้เวลาเดินทางออกจากตัวเมืองเพียงไม่กี่อึดใจ สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่หรืออยากจะมาเยือน มาลองดูกันว่าสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ทั้งในเมืองและนอกเมืองนั้น มีที่ไหนที่น่าสนใจและห้ามพลาดบ้าง ทั้งหมดนี้เราได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว 

ประตูท่าแพ

1. ประตูท่าแพ

ประตูท่าแพถือเป็นที่เที่ยวเชียงใหม่ในตัวเมืองที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สามารถเดินทางไปมาได้สะดวกเนื่องจากมีรถโดยสารสาธารณะผ่านตลอด กิจกรรมยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องทำคือการถ่ายรูปสวยๆ กับประตูอิฐที่เรียงตัวอย่างสวยงาม และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปกับนกพิราบที่อยู่บริเวณนั้น หากได้จังหวะดีๆ อาจได้รูปสวยๆ ที่มีนกพิราบกำลังบินติดอยู่ในเฟรมด้วยก็ได้

  • ที่อยู่: ถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: ประตูท่าแพ  Tha Phae Gate 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดเวลา
คลองแม่ข่า

2. คลองแม่ข่า

คลองแม่ข่าถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม จากเดิมที่เป็นเพียงลำคลองเล็กๆ หลังจากได้รับการปรับปรุงทัศนียภาพและตกแต่งอย่างสวยงาม มีการเปิดร้านค้าและร้านอาหารของคนในชุมชนบริเวณเลียบลำคลอง จนทำให้บรรยากาศดูคล้ายกับประเทศญี่ปุ่น จึงกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินเล่น ถ่ายรูป โดยแนะนำให้มาในช่วงเย็นเพราะอากาศจะไม่ร้อนมาก สามารถเดินเล่น ถ่ายรูป หรือนั่งทานอาหารตามร้านต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินและสบายใจ

  • ที่อยู่: 9 ถนนศรีดอนไชย ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: คลองแม่ข่า Khlong Mae Kha 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 15:00 – 20:00 น. 
One Nimman วันนิมมาน

3. One Nimman วันนิมมาน

One Nimman หรือ วันนิมมาน เป็น Community Mall สุดชิค ซึ่งตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ชื่อดัง ด้วยโครงสร้างอาคารที่ออกแบบสไตล์ยุโรปผสานกลิ่นอายความเป็นล้านนาและการตกแต่งที่ทันสมัย จึงมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย นอกจากนั้นยังมีลานกว้างที่ใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีหรือผลงานศิลปะ เรียกได้ว่าสามารถเดินเล่น ชอปปิง ถ่ายรูป หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

  • ที่อยู่: เลขที่ 1 ซอย 1 ถนนนิมมานเหมินท์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: One Nimman วันนิมมาน One Nimman 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 22:00 น.
สวนสาธารณะหนองบวกหาด

4. สวนสาธารณะหนองบวกหาด

สวนสาธารณะหนองบวกหาด เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ที่อยู่ใจกลางเมือง ภายในสวนมีการจัดแต่งให้ทัศนียภาพดูสวยงาม มีต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ มีสระน้ำ น้ำพุ และสนามเด็กเล่น รวมทั้งพื้นที่สำหรับการออกกำลังกาย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการไปพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวในวันว่าง

  • ที่อยู่: ถนนอารักษ์ ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: สวนสาธารณะหนองบวกหาด Nong Buak Haad Public Park 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวันเวลา 05:00-21:00 น.
ตลาดวโรรส

5. ตลาดวโรรส

ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง ถือเป็นตลาดชื่อดังขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์รวมร้านขายเสื้อผ้า อาหาร ของฝาก และของที่ระลึกต่างๆ โดยเฉพาะอาหารพื้นเมือง เช่น ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผลไม้อบแห้ง นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาที่ตลาดนี้เพื่อเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึกและของฝาก เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้สินค้าทุกอย่าง ครบทุกความต้องการอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่:  ถนนวิชยานนท์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300
  • Google Map: ตลาดวโรรส Warorot Market (Kad Luang) 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 05:00 – 18:00 (ทุกวัน)
ถนนคนเดินวัวลาย

6. ถนนคนเดินวัวลาย

ถนนคนเดินวัวลาย เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ในยามค่ำคืน โดยตลาดนัดจะเปิดเฉพาะคืนวันเสาร์ ตั้งอยู่เส้นถนนวัวลาย ใกล้กับประตูเชียงใหม่ มีระยะทางเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ถนนคนเดินจะมีร้านค้าต่างๆ ให้ได้เลือกซื้ออย่างมากมายในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ของใช้ เสื้อผ้า ของฝากของที่ระลึก นอกจากนั้นยังมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองให้ได้ฟังกันเพลินๆ อีกด้วย

  • ที่อยู่: ถนนวัวลาย ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: ถนนคนเดินวัวลาย Wua Lai Walking Street 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 17:00 น.-23:00 น. เฉพาะวันเสาร์
สวนสัตว์เชียงใหม่

7. สวนสัตว์เชียงใหม่

สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่เอาใจคนรักสัตว์ ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่น มีส่วนแสดงสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ สามารถเดินชมความน่ารักและศึกษาธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ Chiangmai Zoo Aquarium ซึ่งเป็นอุโมงค์น้ำที่จัดแสดงสัตว์น้ำทั้งสายพันธุ์น้ำจืดและน้ำเค็ม หรือสามารถเข้าไปเล่นหิมะภายใต้อากาศติดลบแห่งเดียวในภาคเหนือที่ Snow Buddy Winter Land ที่กำลังจะกลายเป็นสถานที่เช็กอินใหม่ของเชียงใหม่

  • ที่อยู่: 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: สวนสัตว์เชียงใหม่ https://goo.gl/maps/Y3i7NSKP74RoMDNV9 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
อ่างแก้ว มช.

8. อ่างแก้ว มช.

อ่างแก้ว เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ด้วยบรรยากาศรอบอ่างน้ำที่โอมล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เรียงรายอย่างสวยงาม บวกกับดอยสุเทพที่เป็นฉากหลัง ตัดกับภาพท้องฟ้ากว้าง จึงทำให้อ่างแก้วกลายเป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่นอกจากจะเป็นจุดพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือเอาไว้ชมบรรยากาศยามเย็นแล้ว ยังกลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพความสวยงามกันอีกด้วย

  • ที่อยู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: อ่างแก้ว มช. Angkaew Reservoir 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 06.00-22.00 น.
วัดพระธาตุดอยคำ

9. วัดพระธาตุดอยคำ

วัดพระธาตุดอยคำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ ที่เชื่อว่าเหล่าสายมูตัวจริงต้องรู้จักอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อทันใจ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการขอพร โดยมีความเชื่อว่าคนที่มาขอพรที่นี่มักจะสมหวัง จึงทำให้มีผู้คนมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อมทั้งขอพรเป็นจำนวนมาก สำหรับการขึ้นไปวัดพระธาตุดอยคำนั้น สามารถขับรถขึ้นไปเองได้

แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเขาจึงมีเส้นทางค่อนข้างลาดชัน

  • ที่อยู่: 108 ถนนเชียงใหม่-หางดง ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: วัดพระธาตุดอยคำ Wat Phra That Doi Kham 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น.
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

10. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์ฯ ถือเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ พระสิงห์ มาจากการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มาประดิษฐานที่นี่นั่นเอง ภายในวัดจะมีทั้งวิหารหลวง วิหารลายคำ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ มีการตกแต่งด้วยลายคำที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในล้านนา 

ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่หาชมได้ยากในประเทศไทย 

มีหอธรรมที่งดงามที่สุดในภาคเหนือ และพระเจดีย์ประธานประจำปีมะโรงตามคติของชาวล้านนา ซึ่งคนที่เกิดปีมะโรงก็มักจะเดินทางมาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ ที่มาใครมาแล้วก็จะรับบุญกลับไปกันอย่างถ้วนหน้า

  • ที่อยู่: 2 ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50280
  • Google Map: วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร Wat Phra Singh Woramahawihan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. – 17:00 น.
วัดศรีสุพรรณ

11. วัดศรีสุพรรณ

วัดศรีสุพรรณขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของอุโบสถที่ทำจากเงินหลังแรกของโลก มีการแกะสลักลวดลายจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของสล่าพื้นบ้านอย่างวิจิตรงดงาม และยังแสดงเอกลักษณ์ของชุมชนวัวลาย ซึ่งมีการทำหัตถกรรมเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัด 

นอกจากนั้นยังมีองค์พระพุทธรูป พระพิฆเนศ และท้าวเวสสุวรรณคู่ที่ทำมาจากเงินอยู่ภายในบริเวณวัดด้วย วัดศรีสุพรรณจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทั้งมาเพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมความสวยงามของอุโบสถเงิน

  • ที่อยู่: 100 ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: วัดศรีสุพรรณ Wat Sri Suphan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. – 17:00 น.
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

12. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

วัดเจดีย์หลวง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่และมีความสำคัญมาก เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์หลวงที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ โดยคาดว่าเริ่มต้นสร้างสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา พระเจดีย์มีฐานเป็นสี่เหลี่ยม มีทางขึ้นสี่ด้าน มีรูปปั้นช้างล้อมรอบ วัดเจดีย์หลวงยังเป็นที่ประดิษฐานของเสาอินทขิล ซึ่งถือเป็นเสาหลักเมือง สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง โดยจะมีการจัดพิธีใส่ขันดอกเพื่อบูชาเสาอินทขิลเป็นประจำทุกปีด้วย

  • ที่อยู่: 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดเจดีย์หลวง Wat Chedi Luang 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
วัดพันเตา

13. วัดพันเตา

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของวัดพันเตา คือ พระวิหารหอคำหลวงที่ทำจากไม้สักทั้งหลังตามศิลปะแบบเชียงแสน มีซุ้มประตูที่เรียกว่า หน้าบันเป็นรูปนกยูงรำแพนหางแกะสลักอย่างสวยงาม นอกจากนี้วัดพันเตายังมีชื่อเสียงในเรื่องการจุดผางประทีป 

หากใครอยากมายังสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่แห่งนี้ แนะนำให้มาช่วงเทศกาลลอยกระทง เพราะในช่วงเทศกาลนี้ของทุกปี จะมีการจุดผางประทีปบนพื้นดินบริเวณลานต้นโพธิ์จำนวนมาก เมื่อเหล่าพระสงฆ์และสามเณรมารวมกันเพื่อนั่งสมาธิและบรรยายธรรมบริเวณนี้ ประกอบการการประดับโคมไฟโดยรอบ ทำให้ได้ภาพที่สวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

  • ที่อยู่: ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดพันเตา Wat Phantao 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. -17:00 น.
วัดหมื่นล้าน

14. วัดหมื่นล้าน

วัดหมื่นล้าน ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่ความโดดเด่นด้วยศิลปะแบบพม่า บริเวณวิหารมีหน้าบันที่ตกแต่งด้วยนกยูงรำแพนหางประดับกระจกสี มีหอไตรหรือหอธรรมซึ่งเป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่ดูสวยแปลกตา เหล่าสายมูทั้งหลายยังนิยมมาสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอพรโดยเฉพาะทางด้านการเงิน เนื่องด้วยชื่อของวัดที่มีชื่อว่าหมื่นล้านซึ่งบ่งบอกถึงจำนวนเงินนั่นเอง

  • ที่อยู่: 14 ถนน ราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดหมื่นล้าน Wat Muen Lan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. -17:00 น.

15. บ้านข้างวัด

สายศิลปะ ชอบงานคราฟต์หรือของแฮนด์เมดต้องไม่พลาดที่นี่ บ้านข้างวัดเป็นโครงการที่ออกแบบร้านค้าแนวย้อนยุคให้ผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ร้านค้าส่วนใหญ่จึงเป็นแบบกึ่งไม้กึ่งปูน ให้อารมณ์เหมือนบ้านยุคเก่า บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ 

ภายในโครงการมีร้านค้า ของฝาก ของที่ระลึก ของแต่งบ้านดีไซน์น่ารัก เป็นเอกลักษณ์  ไม่ซ้ำใคร นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ ให้ได้เลือกนั่งชิล และยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ จึงสามารถเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเพลิดเพลิน

  • ที่อยู่: 191 ถนนบ้านร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: บ้านข้างวัด https://goo.gl/maps/N1DnbZsizxQYZAUV7 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 10:00-18:00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
บ้านม้งดอยปุย

16. บ้านม้งดอยปุย

บ้านม้งดอยปุย เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่อยู่เลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปไม่ไกล ภายในหมู่บ้านจะมีร้านขายของที่ระลึก เครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า ซึ่งเป็นสินค้างานฝีมือที่ชาวบ้านทำเองมาจำหน่าย จึงมีความสวยงามไม่ซ้ำแบบใคร 

เป็นสถานที่เที่ยวของเชียงใหม่ ที่ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าอย่างใกล้ชิด ได้เห็นชนเผ่าม้งแต่งชุดประจำเผ่าหลากสี ซึ่งหากใครต้องการใส่ชุดเผ่าม้งไว้ถ่ายรูปสวยๆ ก็มีร้านให้เช่าชุดได้ และด้วยหมู่บ้านขึ้นอยู่บนเขาสูงจึงมองเห็นวิวภูเขาชัดเจน อากาศเย็นสบาย มีลมพัดเย็​น ทำให้สามารถเดินเที่ยวเล่นเพลินจนลืมเวลาเลยทีเดียว

  • ที่อยู่: หมู่ที่ 11 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: บ้านม้งดอยปุย Hmong Doi Pui Village 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
บ้านป่าบงเปียง

17. บ้านป่าบงเปียง

สำหรับใครที่เป็นสายท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ก็ยังมีบ้านป่าบงเปียงที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่แห่งหนึ่งที่ต้องลองมาพักผ่อนสักครั้ง โดยหากมาในช่วงฤดูฝน จะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดเขียวขจีกว้างขวางสุดตา โอบล้อมด้วยภูเขาสูงที่เรียงตัวสลับซับซ้อน 

ถ้าโชคดีอาจจะได้เจอหมอกหนาในตอนเช้าด้วย จึงเหมาะมากกับการมาพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบ slow life ปล่อยใจไปกับความสวยงามของธรรมชาติ โดยจะเลือกพักแบบโฮมเตย์ของชาวบ้านหรือจะกางเต้นท์ก็มีพื้นที่ให้บริการเช่นกัน

  • ที่อยู่: บ้านป่าบงเปียง ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 50270
  • Google Map: บ้านป่าบงเปียง Ban Rabiang Na Pa Bong Piang 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 22:00 น.
บ้านแม่กำปอง

18. บ้านแม่กำปอง

บ้านแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าที่อุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกล เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่แห่งนี้แบบไปกลับ เพื่อเดินเล่นชมธรรมชาติรอบหมู่บ้านหรือถ่ายรูปที่คาเฟ่เก๋ๆ ริมน้ำ จิบกาแฟอันเป็นสินค้าเกษตรที่ปลูกและผลิตเองในหมู่บ้าน ชิมอาหารท้องถิ่น หรือหากต้องการพักค้างคืนก็สามารถเลือกพักตามโฮมเสตย์ของชาวบ้านในหมู่บ้านได้

  • ที่อยู่: หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแก้ว กิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ 50130
  • Google Map: บ้านแม่กำปอง Mae Kampong Village 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 06:00 – 18:00 น.
สวนสนบ่อแก้ว

19. สวนสนบ่อแก้ว

สวนสนบ่อแก้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดฮิตอีกที่หนึ่ง อยู่ติดกับถนนสายหลักจึงหาได้ง่าย บริเวณสวนสนมีต้นสนสูงใหญ่จำนวนมาก ปลูกเป็นแนวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงาม จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ยิ่งทิวต้นสนตัดกับแสงแดดที่สาดส่องในช่วงเช้าหรือตอนเย็น จะยิ่งทำให้ได้ภาพที่แปลกตาแต่สวยงามมากๆ 

  • ที่อยู่: ถนนฮอด-แม่สะเรียง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 50240
  • Google Map: สวนสนบ่อแก้ว Bo Kaeo Pine Tree Garden 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น.
ดอยหลวงเชียงดาว

20. ดอยหลวงเชียงดาว

ดอยหลวงเชียงดาวเป็นสถานที่เที่ยวเชิงธรรมชาติแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ที่สำคัญมาก โดยจัดเป็นดอยที่มีความสูงเป็นอันดับที่สามของประเทศไทย เป็นเขตพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย จน UNESCO ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล 

ดังนั้นจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการผจญภัยอยากจะไปพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวพร้อมทั้งศึกษาธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้ได้สักครั้ง แต่หากใครไม่ใช่สายลุย ขึ้นเขาไม่ไหว  ก็สามารถเลือกพักตามโฮมสเตย์ที่สามารถเห็นวิวดอยหลวงได้อย่างชัดเจนได้เช่นกัน

  • ที่อยู่: ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 50170
  • Google Map: ดอยหลวงเชียงดาว Chiang Dao 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
ดอยแม่โถ

21. ดอยแม่โถ

สายแคมปิงต้องไม่พลาดกับการตั้งแคมป์พร้อมชมวิว 360 องศา ที่ดอยแม่โถหรือที่เรียกกันว่าทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นสถานที่เที่ยวในเชียงใหม่ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนม่อนดอยสูงต่ำสลับกัน และเนื่องจากเป็นที่ราบโล่งจึงสามารถเห็นดาวบนท้องฟ้าในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน ข้อควรระวังสำหรับการตั้งแคมป์คือ ลมค่อนข้างแรงทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เนื่องจากเป็นที่โล่ง จึงควรเตรียมอุปกรณ์สำหรับการป้องกันลมให้พร้อม 

  • ที่อยู่: 109 ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 50240
  • Google Map: ดอยแม่โถ Savannah Grassland (Doi Mae Tho) 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มีความโดดเด่นทั้งทางด้านภูมิประเทศ วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีความปลอดภัยสูง สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ สำหรับใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าต้องเตรียมเสื้อผ้าพร้อมพร็อปต่างๆ มาเต็มกระเป๋าเพื่อเอาไว้ใช้ในการเก็บภาพความประทับใจอย่างแน่นอน 

AIRPORTELs Luggage Delivery Service

หากมาถึงแล้วอยากออกไปเที่ยวเล่นเลยหรือยังไม่ถึงเวลาเช็กอินเข้าโรงแรม ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระพะรุงพะรัง ลองใช้บริการของ Airportels บริการรับส่งสัมภาระไปยังที่พัก ลงเครื่องปุ๊บ เดินตัวปลิวไปท่องเที่ยวตามสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ได้ทันที 

AIRPORTELs Luggage Delivery Service

ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Airportels ในการจัดส่งสัมภาระ ให้ไปถึงยังที่พักอย่างปลอดภัยด้วยการบริการที่มีมาตรฐานในระดับสากล ราคาเริ่มต้นเพียง 349บาท/ใบ ทีนี้ก็จดลิสต์รายการสถานที่เที่ยวเชียงใหม่แล้วออกเดินทางอย่างคล่องตัวได้ทันที พร้อมรอรับสัมภาระที่โรงแรมที่พักได้เลย

15 ที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ สัมผัสไอหนาวได้ ไม่ต้องไปไกล 2023

พอเข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนก็คงจะเริ่มตั้งคำถามว่า หน้าหนาวเที่ยวไหนดี เพราะหลายที่ต้องวางแผนจองตั๋ว จองที่พักล่วงหน้า แต่สำหรับใครที่มีเวลาว่างแค่วันสองวันหรือไม่อยากเดินทางไกลๆ ก็สามารถสัมผัสไอหนาวได้เหมือนกัน เพราะใกล้กรุงเทพก็ยังมีที่เที่ยวหน้าหนาวสวยๆ บรรยากาศดีๆ อีกมากมาย และกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ก็ฟินได้เหมือนกัน !

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

หน้าหนาวเป็นช่วงเวลาเดียวของปีที่จะได้ไปชมวิวสวยๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บนดอย บนภูเขาต่างๆ อุณหภูมิจะลดต่ำลงจนมีไอหมอกจางๆ ในยามเช้า ในขณะที่บางจุดหมอกก็หนามากจนกลายเป็นทะเลสีขาว ซึ่งไม่ใช่ภาพที่จะหาชมได้บ่อยๆ โดยจุดที่เที่ยวหน้าหนาวที่สามารถจะชมทะเลหมอกได้มีดังนี้ 

1. จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง นครราชสีมา 

จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนลำตะคองเพียง 15 นาที ใครที่มาเที่ยวเขื่อนลำตะคองก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเที่ยวจุดนี้ด้วย เพราะวิวสวยมาก สามารถมองเห็นภูเขา เขื่อนลำตะคองและทุ่งกังหันลมได้แบบ 360 องศา อากาศเย็นสบาย จะปั่นจักรยานชมวิวเพลินๆ หรือนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกก็โรแมนติก การเดินทางสะดวกสบาย มีที่จอดรถ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ ให้บริการครบ

  • ที่อยู่: ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 30340
  • พิกัด: กังหันลม เขายายเที่ยง
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น.

2. จุดชมวิวเขากระโจม ราชบุรี 

จุดชมวิวเขากระโจมนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ แต่เส้นทางจะสมบุกสมบันหน่อย จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับสายลุย แต่พอขึ้นไปเห็นทิวทัศน์สวยๆ ด้านบนแล้ว เชื่อว่าความเหนื่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยอลังการมาก มองเห็นได้ไกลถึงประเทศพม่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะกางเต็นท์พักแรม เพื่อตื่นมาชมวิวแต่เช้าตรู่ มองดูพระอาทิตย์สีส้มค่อยๆ โผล่พ้นทะเลหมอกสีขาว แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม

  • ที่อยู่: ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
  • พิกัด: จุดชมวิวเขากระโจม
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (นำรถยนต์เสียค่าบริการขึ้นเขาคันละ 50 บาท)
  • เวลาปิด-เปิด: ขึ้นเวลา 04:00-07:00 น.
    ลงเวลา 07:00-09:00 น. / 09:00-19:00 น. ขึ้นและลงได้ตลอด

3. ผาหินกูบ จันทบุรี

ชื่อผาหินกูบอาจจะฟังดูแปลก แต่สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะจุดชมวิวด้านบนมีลักษณะโค้งลาดลงทั้ง 2 ข้าง จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกูบหรือที่นั่งบนหลังช้าง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่วิวสวยและบรรยากาศดีมาก ตลอดเส้นทาง 8-9 กม. นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งถ้ำ น้ำตก ลำธาร และหินรูปร่างแปลกตา การค้างแรมที่นี่ไม่มีเต็นท์ให้ แต่ใช้วิธีผูกเปลหรือนอนใต้ผาหิน ใครที่อยากออกจากเซฟโซน อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องถูกใจแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี 22210
  • พิกัด: ผาหินกูบ
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี มีค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์
เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

4. เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

เขาพะเนินทุ่ง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวยอดนิยม เพราะช่วงที่อากาศเย็นจัด หมอกจะหนา จนกลายเป็นทะเลสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เส้นทางค่อนข้างชัน แต่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ด้านบนมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง จึงสามารถกางเต็นท์ได้อย่างสะดวกสบาย มีห้องอาบน้ำและร้านค้าสวัสดิการให้บริการ ถ้าใครเป็นสายลุย ก็สามารถเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาพะเนินทุ่งได้เลย ซึ่งที่ยอดเขานี้เป็นแหล่งดูนกป่าหายากด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด: จุดชมวิวทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
  • อัตราค่าเข้า: ค่าเข้าคนละ 100 บาท ค้างคืนเพิ่มอีกคนละ 30 บาท / คืน
  • เวลาปิด-เปิด: รถขึ้นได้เวลา 05:30-07:30 น. และ 13:00-15:00 น. ลงเวลา 09:00 – 10:00 น. และ 16:00 – 17:00 น.

5. สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ชลบุรี

สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก มีลักษณะเป็นทางเดินทอดยาว 226 เมตร สูงจากพื้นดิน 25 เมตร หรือประมาณตึก 8 ชั้น ถึงจะไม่ใช่คนกลัวความสูง แต่มองลงมาก็ต้องมีหวั่น ยิ่งช่วงที่เป็นพื้นกระจกมีระยะทาง 50 เมตร เรียกว่าเป็นช่วงวัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มองเห็นวิวของผืนป่าและอ่างเก็บน้ำได้แบบเต็มตา ถ่ายรูปออกมาสวยมาก และยังสามารถลงมาทำบุญที่วัดต่อได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ครบครันจริงๆ

6. ผาเก็บตะวัน นครราชสีมา 

ผาเก็บตะวันไม่เพียงแต่จะเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำด้วย คือการปลูกป่าโดยใช้หนังสติ๊กยิงเมล็ดพันธุ์พืช เช่น เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการยิงเล่นๆ แต่เติบโตได้จริงถึง 80% ดังนั้นนอกจากได้นอนกางเต็นท์ ชมวิวทะเลหมอกสวยๆ ก็ยังได้คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าเป็นการตอบแทนด้วย 

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

อุทยาน เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนนิยมมาก เพราะแม้จะมีต้นไม้คอยให้ความร่มรื่น แต่ถ้าลองมาเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ก็จะรู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว เหนื่อยง่าย ในขณะที่ช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เดินชมนกชมไม้ได้เพลินๆ วิวทิวทัศน์สวยงาม ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นช่วงที่แมลงน้อยด้วย โดยอุทยานที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ มีดังนี้

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย และเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ขับรถออกจากกรุงเทพไม่นาน ก็จะได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่น เย็นสบาย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมพืชพรรณและสัตว์หายาก โดยเฉพาะนกที่มีมากกว่า 280 ชนิด มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย เช่น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ส่องนกในตอนกลางวัน ส่องสัตว์ป่าในยามค่ำคืน เล่นน้ำตก ฯลฯ 

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

8. อุทยานแห่งชาติทับลาน นครราชสีมา 

นอกจากอุทยานแห่งชาติทับลานจะมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีป่าลานธรรมชาติที่ถือว่าเป็นป่าลานผืนสุดท้ายของเมืองไทย มีต้นลานขึ้นอย่างหนาแน่นบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด และด้านในก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น อ่างเก็บน้ำทับลาน น้ำตกบ่อทอง น้ำตกสวนห้อม เขามะค่า ฯลฯ จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมและกางเต็นท์พักแรม

  • ที่อยู่: 520 หมู่ที่ 1 ถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี 25220
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติทับลาน
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
อุทยานหินเขางู ราชบุรี

9. อุทยานหินเขางู ราชบุรี

อุทยานหินเขางู เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่แตกต่างจากอุทยานอื่นๆ เพราะเป็นเหมือนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน เดิมที่พื้นที่นี้เป็นแหล่งระเบิดและย่อยหิน แต่ต่อมาถูกยกเลิกไปและกลายเป็นพื้นที่ร้าง จึงพัฒนาให้กลายเป็นสวนสวยๆ  โดยที่ยังอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบเอาไว้ บรรยากาศจึงสวยงามแปลกตา หาชมยาก กิจกรรมที่นิยมก็จะเป็นการเดินเล่น ถีบเรือเป็ด ชมถ้ำ และแวะถ่ายรูปที่จุดเช็กอินยอดฮิตบนสะพานข้ามลำน้ำ

  • ที่อยู่: ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 70000
  • พิกัด: อุทยานหินเขางู
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น.

10. อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี 

อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนสุพรรณและจังหวัดใกล้เคียงนิยมกันมาก เหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสกับความสวยงามที่เงียบสงบ เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ นอนกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืน ตื่นมาจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ พร้อมชมทะเลหมอกยามเช้า และเดินเที่ยวชมน้ำตกสวยๆ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี 

  • ที่อยู่: ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฤดูหนาวก็คือ ทุ่งนาสีทองที่พร้อมเก็บเกี่ยวและดอกไม้สีสันสดใสที่แข่งกันอวดโฉม ช่วงนี้จึงถือเป็นเวลาทองของการไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะใน 1 ปี มีเพียงแค่ 1 ครั้ง พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอไปถึงปีหน้า ที่เที่ยวหน้าหนาวบางแห่งจึงเปิดให้เข้าชมเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยสามารถไปชมได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้

11. สะพานไม้ร้อยปี นครราชสีมา 

สะพานไม้ร้อยปี เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูปชิลๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้แคบๆ ขนาด 1-2 คนเดิน ระยะทางประมาณ 1 กม. เท่านั้น เดิมทีชาวบ้านร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามทุ่งนาระหว่างหมู่บ้าน แต่ด้วยความที่บรรยากาศดี วิวสวย ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ ในช่วงหน้าหนาว จะมีการตกแต่งไฟสวยงามเป็นพิเศษ และยังชมวิวทะเลหมอกยามเช้าได้ด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 30250
  • พิกัด: สะพานไม้ 100 ปี
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 05:00-19:00 น.

12. ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร นครราชสีมา 

ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหมาะที่จะแวะเดินเล่น ชมความสวยงาม เพราะช่วงปลายปี ทั่งทั้งอาณาบริเวณพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ จะถูกเติมเต็มด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองแทบทุกตารางเมตร ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องกลัวผิวไหม้ นอกจากนี้ด้านในยังมีร้านขายของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น. 

13. สะพานทุ่งนามุ้ย นครนายก 

สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานที่ทำจากไม้ไผ่คดเคี้ยวอยู่เหนือทุ่งนา ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม ทุ่งนาบริเวณรอบๆ จะเป็นสีเขียวขจี แต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง บรรยากาศต่างกันแต่สวยทั้งคู่ 

จุดประสงค์หลักสร้างขึ้นเพื่อที่เวลาน้ำท่วมชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม แต่ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่นอกจากจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวสวยๆ ได้แล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานรับลมแบบเพลินๆ เลือกซื้อสินค้าจากชาวบ้าน หรือตักบาตรบนสะพานได้ด้วย 

  • ที่อยู่: ตำบล สาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก 26000
  • พิกัด: สะพานทุ่งนาน้อยเขาหล่น
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-19:00 น.
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

14. ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่สามารถชมดอกทานตะวันขนาดใหญ่ยักษ์นับพันได้ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาว แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางชมบรรยากาศรอบทุ่งแบบชิลๆ ได้ด้วย ไม่ต้องเดินให้เมื่อย หรือจะเป็นการขี่ม้าชมทุ่ง ขับ ATV ชมทุ่งก็มี ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือมาเป็นครอบครัว มีทั้งเด็ก และผู้สูงอายุ ก็สนุกกันได้เต็มที่

  • ที่อยู่: ทางหลวงหมายเลข 3017 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000
  • พิกัด: ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล 
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (ไม่รวมค่าบริการรถราง และกิจกรรมอื่นๆ)
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.

15. ทุ่งคอสมอส น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม สระบุรี

คอสมอสเป็นดอกไม้ที่จะบานเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทุ่งคอสมอส จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาด เพราะมีวิวสวยมากเหมือนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้ว ที่นี่เป็นฟาร์มแพะ แต่แบ่งพื้นที่มาปลูกดอกคอสมอส 25 ไร่ พอถึงช่วงฤดูหนาว เลยกลายเป็นสีชมพูไปทั้งทุ่ง นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด มีมุมสวยๆ ที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ให้นั่งพักกินของอร่อยด้วย

  • ที่อยู่: 37/3 หมู่ 6 ซอย 7 ซ้าย ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 18240
  • พิกัด: น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังที่พัก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบตัวเปล่า ไม่ต้องขนสัมภาระเอง หรือคอยกังวลว่าจะวางลืมไว้ที่ไหน 

วิธีใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่กดจองผ่านแอปพลิเคชัน และเลือกว่าต้องการให้ไปรับ-ส่งสัมภาระที่ไหน เวลาใด แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AIRPORTELs ช่วยดูแลขนสัมภาระทั้งหมดแทนได้เลย 

ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังอุ่นใจไม่ต้องกลัวของหาย เพราะมีระบบติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และประกันค่าเสียหายสูงสุดถึง 50,000 บาท

สรุป

อากาศเย็นสบายแบบนี้อย่ามัวแต่อยู่บ้าน เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวสวยๆ อีกมากมายที่รอทุกคนอยู่ ถึงจะมีเวลาน้อยก็ไม่เป็นไร เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพก็ฟินได้เหมือนกัน มีทั้งจุดชมวิวสวยๆ อุทยาน ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ และกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ถ้าใครไม่อยากขนสัมภาระเองให้เหนื่อย หรือขากลับซื้อของฝากเยอะ ก็ไม่ต้องหิ้วเองให้เปลืองแรง AIRPORTELs มีบริการขนกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดไปส่งให้ถึงที่พัก เดินทางกลับได้แบบชิลๆ จะแวะคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือที่เที่ยวอื่นๆ ระหว่างทางก็ยังได้ ไม่ต้องวนกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมอีก ตรงกลับที่พักได้เลย ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา และยังปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.