4 ที่เที่ยว ณ แม่ฮ่องสอน สวรรค์ของคนรักธรรมชาติที่คุณต้องไปแอ่ว!

แม่ฮ่องสอน เป็นเมืองที่เรียกว่าโรแมนติกที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย แถมเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติ และอากาศดี โดยเฉพาะคนที่รักธรรมชาติ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิม ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต อาหารการกิน และประเพณี หรือจะเป็นวัดที่มีความงดงามทางศิลปะตามแบบฉบับชาวเหนือ รวมไปถึงธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ และวันนี้เรามี 4 สถานที่ท่องเที่ยวที่มาแม่ฮ่องสอนแล้วต้องไปแอ่ว!

ถ้ำลอด

ถ้ำลอด

ถ้ำลอด เป็นจุดเช็คอินที่มาเที่ยวแม่ฮ่องสอนแล้วต้องแวะ ถ้ำลอดตั้งอยู่ที่อำเภอปางมะผ้า ห่างจากอำเภอปายไม่มากนัก ไฮไลท์ที่นี่คือการนั่งแพไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวจะชมความสวยงามของถ้ำ โดยมีไกด์ท้องถิ่นเป็นคนแนะนำ บอกเล่าเรื่องราวภายในถ้ำว่ามีความเป็นมาอย่างไร ภายในจะมีภาชนะดินเผา โรงศพ และเครื่องใช้ในยุคนั้น ทั้งนี้ยังมีหินงอกหินย้อยให้พบเห็นอีกด้วย

วัดพระธาตุดอยกองมู

 วัดพระธาตุดอยกองมู

วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นจุดที่เรียกว่าสวยที่สุดและควรมามากที่สุดหากมาเที่ยว แม่ฮ่องสอนเพราะเป็นเจดีย์แบบทรงมอญสีขาวแบบดั้งเดิม มีฐานแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์แบบปูนปั้น ประดับด้วยซุ้มพระอยู่บริเวณฐาน บนยอดพระธาตุสามารถมองเห็นวิวตัวเมืองทั้งเมือง ทั้งกลางวันและกลางคืน มีพระธาตุองค์เล็กโดยพระยาสิงหนาทราชา เป็นผู้ก่อสร้าง องค์ใหญ่บรรจุพระโมคคัลลานะเถระ ที่นำมาจากประเทศพม่า ทำให้เป็นที่เคารพและศรัทธาของคนที่นี่ 

สะพานซูตองเป้

 สะพานซูตองเป้

สะพานซูตองเป้ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยทอดยาวผ่านทุ่งนา เราจะเห็นภาพสวย ๆ ที่ใครมาแม่ฮ่องสอนต้องแวะชักภาพที่นี่เสียหน่อย เพราะสะพานแห่งนี้มีที่มาที่ไป สร้างด้วยการร่วมแรงร่วมใจจากชาวบ้าน เพื่อให้พระเณรเดินผ่านเพื่อมาบิณฑบาต ตัวสะพานสร้างด้วยไม้และไม้ไผ่ที่หาได้ในท้องถิ่น ทำให้สะพานแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นสะพานไม้แห่งศรัทธา

ปางอุ๋ง

 ปางอุ๋ง

ปางอุ๋ง คือโครงการในพระราชดำริ ปางตอง 2 เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอนที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย อ่างเก็บน้ำที่รายล้อมไปด้วยป่าสน ช่วงเช้าจะมีหมอกลอยเหนือผิวน้ำ บรรยากาศดีมาก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมาแคมป์ปิ้งที่นี่ และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการมีโอกาสได้พบกับหงส์ขาวหงส์ดำ เจ้าถิ่นของที่นี่

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดเล็ก ๆ เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อน สูดโอโซนและชาร์จแบตให้กับตัวเอง การเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ปัจจุบันมาได้ค่อนข้างสะดวก มีรถโดยสารไปถึงทุกที่และมีสายการบินที่ช่วยให้การเดินทางมาเที่ยวเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น เรียกว่าหากมีเวลาว่าง ที่นี่แหละเป็นอีกแห่งที่เราอยากแนะนำ

บริการของแอร์พอเทลล์

แอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร พัทยา และบริเวณภูเก็ต

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

  • สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
  • สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

  • MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)
  • Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)
  • Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)
  • Terminal 21 Pattaya ชั้น 1, โซนปารีส
  • ICONSIAM ชั้น B2 โซนสยามทาคาชิมายะ
  • เยาวราช ไชน่าทาวน์ ชั้น 2 , อาคารพิชัยญาติ
  • Mixt Chatuchak ชั้น 2 , โซน B
  • Central Pattaya ชั้น 1 , ใกล้ประตูโรงแรมฮิลตันพัทยา 

ติดต่อเรา

อ่านเพิ่มเติม

17 ที่เที่ยวหน้าฝน สัมผัสกลิ่นไอดิน ละอองฝนชุ่มฉ่ำ อัปเดต 2023

หน้าฝนเที่ยวไหนดี? แจกที่เที่ยวหน้าฝน เอาใจนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ พร้อมรับบรรยากาศดีๆ เมื่อเอ่ยถึงหน้าฝน หลายๆ คน ก็คงจะนึกถึง ดอย อุทยาน น้ำตก เพราะฉะนั้นหากใครต้องการพักผ่อน ต้องตามไปปักหมุดกับ 17 ที่เที่ยวหน้าฝน สัมผัสกลิ่นไอดิน เลือกเที่ยวได้ตามสไตล์ เอาใจครอบครัว เพื่อน และคนรัก อัปเดตใหม่ปี 2023

เที่ยวดอยหน้าฝน ชมวิวทะเลหมอก

เที่ยวดอยหน้าฝน ชมวิวทะเลหมอก

เที่ยวดอยหน้าฝน สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ ชมวิวทะเลหมอกกันแบบเต็มอิ่ม ซึมซับบรรยากาศจัดเต็ม ไปดูกันเลย

1. ดอยหลวงเชียงดาว เชียงใหม่

หลวงเชียงดาว จุดชมวิวทะเลหมอกสูงสุดถึง 2,225 เมตร ชมวิวหลักล้าน นอนกางเต็นท์แบบชิลๆ กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก ก็ฟินไม่แพ้กัน

  • ที่อยู่: อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/DQq93hxYsXp9wDrQA
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00 – 16.00 น.
ดอยอ่างขาง เชียงใหม่

2. ดอยอ่างขาง เชียงใหม่

ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติสวยๆ เหมาะแก่การเที่ยวหน้าฝน เพราะจะได้พบกับทะเลหมอกที่มีลักษณะคล้ายปุยนุ่นล่องลอยไปมา แถมบรรยากาศเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว โรแมนติกสุดๆ 

  • ที่อยู่: ถนนเชียงใหม่ – ฝาง แม่งอน บ้านฝาง เชียงใหม่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/7dC7qKfH3hCFCtTVA
  • อัตราค่าเข้า: –
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00 – 18.00 น. 

3. ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่

ดอยอินทนนท์ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเชียงใหม่ที่ไม่ควรพลาด ดอยมีจุดชมวิวเยอะมาก ดูทะเลหมอกได้เต็มอิ่ม และมีพื้นที่กว้างสุดๆ เป็นที่เที่ยวหน้าฝน โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติเขียวขจี แบบจัดเต็มสุด ๆ

  • ที่อยู่: อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/dJxqyNHzLWE3BFqp8
  • อัตราค่าเข้า: เด็ก 30 บาท  ผู้ใหญ่ 60 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 06:00 น. – 18:00 น.
เดินอุทยานหน้าฝน ท่ามกลางธรรมชาติ เน้นกิจกรรม

เดินอุทยานหน้าฝน ท่ามกลางธรรมชาติ เน้นกิจกรรม

ที่เที่ยวหน้าฝน สำหรับสายเดินอุทยาน ชมธรรมชาติ สัมผัสอากาศชื้นฉ่ำๆ สูดกลิ่นไอดิน กลิ่นไอต้นไม้ใบหญ้าเข้าเต็มปอด และมีกิจกรรมอีกมากมายให้ได้ทำร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว จะมีที่ไหนกันบ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่า 

4. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม สัมผัสกับทะเลหมอก ผสมผสานธรรมชาติสีเขียวขจี และสัตว์ป่าอีกหลายชนิด พร้อมสถานที่กางเต็นท์ สำหรับสายแคมปิ้งอีกด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/pUJCaGbQ2hJQZT8e8
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 06.00 – 18.00 น.

5. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวฤดูฝน ที่สามารถเดินชมธรรมชาติ มองดูความเขียวขจี ฉ่ำๆ ต้นไม้และมอส ตัดกับแนวพื้นดินพื้นหิน รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวย ได้ลงโซเชียลอวดเพื่อนแน่นอน

  • ที่อยู่: 125 หมู่ 10 ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
  • พิกัด:  https://goo.gl/maps/zzmgQPuYJxVtMZ4c6
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 40 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00 – 16.00 น.
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เพชรบูรณ์

6. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เพชรบูรณ์

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีเทือกเขาสูง อุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์สวยงาม เหมาะแก่การไปเที่ยวหน้าฝน รับรองได้ว่าใครได้ไปเยือน จะต้องปลื้มใจอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/3kB2HFxiv7KQfAqw9
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 8:00 – 16:30 น.

7. อุทยานแห่งชาติปางสีดา สระแก้ว

อุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวมาดื่มด่ำกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แบบจัดเต็ม เข้าไปชมสัตว์ป่าได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กระทิง หมูป่า ช้างป่า กวาง เก้ง และกิจกรรมไฮไลต์ ที่ไม่ควรพลาด ก็คือ กิจกรรมดูผีเสื้อ ตอบโจทย์การเที่ยวหน้าฝนแบบสุดๆ มีผีเสื้อมารวมตัวกันมากกว่า 350 ชนิดกันเลยทีเดียว

  • ที่อยู่: ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/YCwiSfKpLbQoGMfb7
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00-17.00 น.

8. อุทยานแห่งชาติแม่ยม แพร่

อุทยานแห่งชาติแม่ยม ที่เที่ยวหน้าฝนสุดยอดฮิตของจังหวัดแพร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยป่าสักที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งในภาคเหนือ  นักท่องเที่ยวมักแห่กันไปชมดอกสัก ที่ผลิบานในช่วงหน้าฝน แถมยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่ง ปีนเขา แคมป์ปิ้ง เป็นต้น

  • ที่อยู่: ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/iPhXPVsmvuEHoBmL6
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 09.00 – 17.00 น.
อุทยานแห่งชาติภูซาง พะเยา

9. อุทยานแห่งชาติภูซาง พะเยา

อุทยานแห่งชาติภูซาง เต็มไปด้วยสัตว์ป่า และป่าไม้ พร้อมให้ฟีลพักผ่อนที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวขจี และไม่ควรพลาดไปเช็กอิน ที่น้ำตกภูซาง ยิ่งถ้าหากได้ลงไปแช่น้ำ รับรองว่าผ่อนคลาย ฟินสุดๆ 

  • ที่อยู่: ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/DZGRQRm8Rq8d7349A
  • อัตราค่าเข้า: 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 06.00 – 17.00 น.

10. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เพชรบูรณ์

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่า และพันธุ์ไม้ นานาชนิด เงียบสงบ ยิ่งช่วงหน้าฝนยิ่งบรรยากาศดี เหมาะแก่การพาครอบครัว แฟน และเพื่อน ไปท่องเที่ยวพักผ่อนสุดๆ 

  • ที่อยู่: หนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/rcd7pSmMXWKkjQmt6
  • อัตราค่าเข้า: 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 24 ชั่วโมง

11. อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ชัยภูมิ

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม นักท่องเที่ยวหรือคนท้องถิ่นมักจะไปชมทุ่งดอกกระเจียวที่กำลังผลิบาน สีโดดเด่นชมพูอมม่วง ตัดกับพื้นหญ้าสีเขียวได้ดี พร้อมกับสัมผัสพื้นป่า สบายตาสุดๆ สดชื่นไปกับไอหมอก และสายฝน แบบฟินๆ สายแชะต้องเตรียมกล้องถ่ายรูป รับรองว่าได้ภาพสวยๆ อัปลงโซเชียลแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/y4FbGUcczRpL3PFs6
  • อัตราค่าเข้า: ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 6:00–18:00 น.
เล่นน้ำตกหน้าฝน ชุ่มฉ่ำ น้ำเย็นสะใจ

เล่นน้ำตกหน้าฝน ชุ่มฉ่ำ น้ำเย็นสะใจ

เมื่อถึงหน้าฝนแล้ว ที่เที่ยวฤดูฝนที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ น้ำตก เพราะน้ำตกในช่วงหน้าฝน จะมีปริมาณมากและอากาศเย็น เหมาะกับการเล่นน้ำในประเทศที่ร้อนเกือบจะทั้งปีอย่างประเทศไทย หรือจะนั่งชิลฟังเสียงน้ำไหล ปล่อยใจให้ผ่อนคลายในวันหยุด ให้ธรรมชาติบำบัดก็เป็นตัวเลือกที่ดี

12. น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี

น้ำตกเอราวัณ มีน้ำสีเขียวมรกต แบบไม่ปรุงแต่ง เป็นธรรมชาติสรรค์สร้าง โดยน้ำตกแต่ละชั้นเต็มไปด้วยความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป เหมาะแก่การไปเที่ยวช่วงหน้าฝนสุดๆ สัมผัสบรรยากาศเย็นสบายกับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น

  • ที่อยู่: อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/wd3aiPfdoi11b9Gq5
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 07.00 – 16.30 น.

13. น้ำตกปาโจ นราธิวาส

น้ำตกปาโจ ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว สัมผัสน้ำเย็นสบาย มีสัตว์ป่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น นกกาฝากท้องสีส้ม ค่างแว่นถิ่นใต้ และมีพันธุ์ไม้ที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกของโลก ก็คือ ใบไม้สีทอง หรือ ย่านดาโอ๊ะ

  • ที่อยู่: ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/AJua5p4gLwq46NEEA 
  • อัตราค่าเข้า: 9:00–16:30
  • เวลาปิด-เปิด: 09.00 – 16.30 น.
น้ำตกกรุงชิง นครศรีธรรมราช

14. น้ำตกกรุงชิง นครศรีธรรมราช

น้ำตกกรุงชิง มีความสูง 7 ชั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ป่าดิบชื้นแน่นทึบ มีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเล่นน้ำตกและกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น

  • ที่อยู่: อุทยานแห่งชาติเขาหลวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/KaFjK8GRRs3WCwYA8
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 08.30-16.30 น.

15. น้ำตกเปรโต๊ะลอซู น้ำตกรูปหัวใจ ตาก

น้ำตกเปรโต๊ะลอซู หัวใจแห่งขุนเขา รูปร่างน้ำตกมีความสวยงาม คล้ายกับรูปหัวใจ ความสูงเทียบเท่าตึกใบหยกกันเลยทีเดียว  ที่เที่ยวหน้าฝน ที่จะต้องถูกใจสายลุยแน่นอน เพราะต้องเดินเท้าเข้าป่า 4 – 5 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมากางเต็นท์ เพื่อสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติกลางป่า

  • ที่อยู่: ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/eJC79S9fVU1AwPsZ8
  • อัตราค่าเข้า: –
  • เวลาปิด – เปิด: –

น้ำตกวังตะไคร้ นครนายก

น้ำตกวังตะไคร้ ที่เที่ยวหน้าฝนที่สำคัญ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีสายน้ำไหลผ่าน เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมชมธรรมชาติ และการล่องแก่ง ยิ่งช่วงหน้าฝน กิจกรรมล่องแก่งจะสนุกมากๆ เนื่องจากจะมีน้ำไหลเชี่ยว รวมถึงมีบริการห้องพักอีกด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/BipGVnXwZ5dgQPyU9
  • อัตราค่าเข้า: 150 / คัน หากเกิน 8 ท่าน เพิ่มท่านละ 10 บาท เดินเข้า 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: ทุกวัน 08.00 – 17.00 น.
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สระบุรี

17. น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สระบุรี

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกชื่อดังของสระบุรี แม้จะเป็นน้ำตกสายเล็กๆ แต่วิวหลักล้าน พร้อมพาไปสัมผัสบรรยากาศที่บริสุทธิ์ อุดมสมบูรณ์สีเขียวขจี น้ำสีเขียวใสไหลผ่านตลอดทั้งปี

  • ที่อยู่: ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/8YKhSKVY9QmW8MTTA
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท / เด็ก 10 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 8:00 – 17:00 น.

ข้อระวังในการท่องเที่ยวธรรมชาติหน้าฝน

  • เที่ยวหน้าฝน ห้ามเล่นน้ำตกตอนฝนตก และน้ำไหลเชี่ยว ในบางบริเวณจะติดป้ายห้ามเล่นน้ำ เนื่องจากมีน้ำวน ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • การเดินป่าช่วงที่หินเยอะ ควรระมัดระวังหินที่ลื่นเป็นพิเศษ ควรใส่เสื้อผ้า และรองเท้าให้คล่องตัว 
  • การตั้งแคมป์กลางป่า ควรตั้งให้สูงจากลำน้ำ เพื่อป้องกันน้ำ จากการเกิดน้ำป่าไหลหลากแบบกะทันหัน
  • ควรปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสถานที่ เช่น กฎของอุทยานแห่งชาติ เป็นต้น

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs พร้อมเปิดให้บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด เพื่อช่วยทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาเดินทาง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกระเป๋า เนื่องจากทาง AIRPORTELs จะส่งกระเป๋าไปยังโรงแรมให้ เริ่มต้น 299 บาท และบริการฝากกระเป๋า เริ่มต้น 100 บาทต่อวัน สามารถเที่ยวได้อย่างอิสระ ทางเรามีกล้องวงจรปิดที่ห้องเก็บกระเป๋าตลอด 24 ชั่วโมง ไว้วางใจทุกความปลอดภัยได้ชัวร์ 100%

สรุปจบไปแล้วสำหรับ 17 ที่เที่ยวหน้าฝน ล้วนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดยอดฮิต ทั้งดอย อุทยาน น้ำตก ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติได้เต็มอิ่ม ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว คนรัก ก็ฟินสุดๆ แม้การเที่ยวช่วงหน้าฝนบรรยากาศดีก็จริง แต่ต้องระวังอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ที่สำคัญเมื่อเที่ยวจนจบทริป กลับกรุงเทพฯ สามารถใช้บริการของ AIRPORTELs ได้ หากเกิดอาการเหนื่อยล้าไม่อยากขนกระเป๋าสัมภาระของตนเองหรือครอบครัวในปริมาณเยอะๆ เพราะ  AIRPORTELs มีบริการส่งกระเป๋าให้ถึงที่พัก

รวม 21 สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ ให้พร้อมไปแอ่วกันเจ้า

จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย จัดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อยากจะมีโอกาสไปเยือนสักครั้ง โดยปี 2564 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Travel and Leisure ให้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับที่ 9 ของโลก 

สถานที่เที่ยวเชียงใหม่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนจากความศิวิไลช์ตามสไตล์วิถีคนเมืองไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบเต็มรูปแบบ แค่ใช้เวลาเดินทางออกจากตัวเมืองเพียงไม่กี่อึดใจ สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่หรืออยากจะมาเยือน มาลองดูกันว่าสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ทั้งในเมืองและนอกเมืองนั้น มีที่ไหนที่น่าสนใจและห้ามพลาดบ้าง ทั้งหมดนี้เราได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว 

ประตูท่าแพ

1. ประตูท่าแพ

ประตูท่าแพถือเป็นที่เที่ยวเชียงใหม่ในตัวเมืองที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สามารถเดินทางไปมาได้สะดวกเนื่องจากมีรถโดยสารสาธารณะผ่านตลอด กิจกรรมยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องทำคือการถ่ายรูปสวยๆ กับประตูอิฐที่เรียงตัวอย่างสวยงาม และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปกับนกพิราบที่อยู่บริเวณนั้น หากได้จังหวะดีๆ อาจได้รูปสวยๆ ที่มีนกพิราบกำลังบินติดอยู่ในเฟรมด้วยก็ได้

  • ที่อยู่: ถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: ประตูท่าแพ  Tha Phae Gate 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดเวลา
คลองแม่ข่า

2. คลองแม่ข่า

คลองแม่ข่าถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม จากเดิมที่เป็นเพียงลำคลองเล็กๆ หลังจากได้รับการปรับปรุงทัศนียภาพและตกแต่งอย่างสวยงาม มีการเปิดร้านค้าและร้านอาหารของคนในชุมชนบริเวณเลียบลำคลอง จนทำให้บรรยากาศดูคล้ายกับประเทศญี่ปุ่น จึงกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินเล่น ถ่ายรูป โดยแนะนำให้มาในช่วงเย็นเพราะอากาศจะไม่ร้อนมาก สามารถเดินเล่น ถ่ายรูป หรือนั่งทานอาหารตามร้านต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินและสบายใจ

  • ที่อยู่: 9 ถนนศรีดอนไชย ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: คลองแม่ข่า Khlong Mae Kha 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 15:00 – 20:00 น. 
One Nimman วันนิมมาน

3. One Nimman วันนิมมาน

One Nimman หรือ วันนิมมาน เป็น Community Mall สุดชิค ซึ่งตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ชื่อดัง ด้วยโครงสร้างอาคารที่ออกแบบสไตล์ยุโรปผสานกลิ่นอายความเป็นล้านนาและการตกแต่งที่ทันสมัย จึงมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย นอกจากนั้นยังมีลานกว้างที่ใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีหรือผลงานศิลปะ เรียกได้ว่าสามารถเดินเล่น ชอปปิง ถ่ายรูป หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

  • ที่อยู่: เลขที่ 1 ซอย 1 ถนนนิมมานเหมินท์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: One Nimman วันนิมมาน One Nimman 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 22:00 น.
สวนสาธารณะหนองบวกหาด

4. สวนสาธารณะหนองบวกหาด

สวนสาธารณะหนองบวกหาด เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ที่อยู่ใจกลางเมือง ภายในสวนมีการจัดแต่งให้ทัศนียภาพดูสวยงาม มีต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ มีสระน้ำ น้ำพุ และสนามเด็กเล่น รวมทั้งพื้นที่สำหรับการออกกำลังกาย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการไปพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวในวันว่าง

  • ที่อยู่: ถนนอารักษ์ ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: สวนสาธารณะหนองบวกหาด Nong Buak Haad Public Park 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวันเวลา 05:00-21:00 น.
ตลาดวโรรส

5. ตลาดวโรรส

ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง ถือเป็นตลาดชื่อดังขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์รวมร้านขายเสื้อผ้า อาหาร ของฝาก และของที่ระลึกต่างๆ โดยเฉพาะอาหารพื้นเมือง เช่น ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผลไม้อบแห้ง นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาที่ตลาดนี้เพื่อเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึกและของฝาก เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้สินค้าทุกอย่าง ครบทุกความต้องการอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่:  ถนนวิชยานนท์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300
  • Google Map: ตลาดวโรรส Warorot Market (Kad Luang) 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 05:00 – 18:00 (ทุกวัน)
ถนนคนเดินวัวลาย

6. ถนนคนเดินวัวลาย

ถนนคนเดินวัวลาย เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ในยามค่ำคืน โดยตลาดนัดจะเปิดเฉพาะคืนวันเสาร์ ตั้งอยู่เส้นถนนวัวลาย ใกล้กับประตูเชียงใหม่ มีระยะทางเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ถนนคนเดินจะมีร้านค้าต่างๆ ให้ได้เลือกซื้ออย่างมากมายในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ของใช้ เสื้อผ้า ของฝากของที่ระลึก นอกจากนั้นยังมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองให้ได้ฟังกันเพลินๆ อีกด้วย

  • ที่อยู่: ถนนวัวลาย ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: ถนนคนเดินวัวลาย Wua Lai Walking Street 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 17:00 น.-23:00 น. เฉพาะวันเสาร์
สวนสัตว์เชียงใหม่

7. สวนสัตว์เชียงใหม่

สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่เอาใจคนรักสัตว์ ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่น มีส่วนแสดงสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ สามารถเดินชมความน่ารักและศึกษาธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ Chiangmai Zoo Aquarium ซึ่งเป็นอุโมงค์น้ำที่จัดแสดงสัตว์น้ำทั้งสายพันธุ์น้ำจืดและน้ำเค็ม หรือสามารถเข้าไปเล่นหิมะภายใต้อากาศติดลบแห่งเดียวในภาคเหนือที่ Snow Buddy Winter Land ที่กำลังจะกลายเป็นสถานที่เช็กอินใหม่ของเชียงใหม่

  • ที่อยู่: 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: สวนสัตว์เชียงใหม่ https://goo.gl/maps/Y3i7NSKP74RoMDNV9 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
อ่างแก้ว มช.

8. อ่างแก้ว มช.

อ่างแก้ว เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ด้วยบรรยากาศรอบอ่างน้ำที่โอมล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เรียงรายอย่างสวยงาม บวกกับดอยสุเทพที่เป็นฉากหลัง ตัดกับภาพท้องฟ้ากว้าง จึงทำให้อ่างแก้วกลายเป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่นอกจากจะเป็นจุดพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือเอาไว้ชมบรรยากาศยามเย็นแล้ว ยังกลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพความสวยงามกันอีกด้วย

  • ที่อยู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: อ่างแก้ว มช. Angkaew Reservoir 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 06.00-22.00 น.
วัดพระธาตุดอยคำ

9. วัดพระธาตุดอยคำ

วัดพระธาตุดอยคำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ ที่เชื่อว่าเหล่าสายมูตัวจริงต้องรู้จักอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อทันใจ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการขอพร โดยมีความเชื่อว่าคนที่มาขอพรที่นี่มักจะสมหวัง จึงทำให้มีผู้คนมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อมทั้งขอพรเป็นจำนวนมาก สำหรับการขึ้นไปวัดพระธาตุดอยคำนั้น สามารถขับรถขึ้นไปเองได้

แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเขาจึงมีเส้นทางค่อนข้างลาดชัน

  • ที่อยู่: 108 ถนนเชียงใหม่-หางดง ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: วัดพระธาตุดอยคำ Wat Phra That Doi Kham 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น.
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

10. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์ฯ ถือเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ พระสิงห์ มาจากการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มาประดิษฐานที่นี่นั่นเอง ภายในวัดจะมีทั้งวิหารหลวง วิหารลายคำ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ มีการตกแต่งด้วยลายคำที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในล้านนา 

ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่หาชมได้ยากในประเทศไทย 

มีหอธรรมที่งดงามที่สุดในภาคเหนือ และพระเจดีย์ประธานประจำปีมะโรงตามคติของชาวล้านนา ซึ่งคนที่เกิดปีมะโรงก็มักจะเดินทางมาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ ที่มาใครมาแล้วก็จะรับบุญกลับไปกันอย่างถ้วนหน้า

  • ที่อยู่: 2 ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50280
  • Google Map: วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร Wat Phra Singh Woramahawihan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. – 17:00 น.
วัดศรีสุพรรณ

11. วัดศรีสุพรรณ

วัดศรีสุพรรณขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของอุโบสถที่ทำจากเงินหลังแรกของโลก มีการแกะสลักลวดลายจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของสล่าพื้นบ้านอย่างวิจิตรงดงาม และยังแสดงเอกลักษณ์ของชุมชนวัวลาย ซึ่งมีการทำหัตถกรรมเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัด 

นอกจากนั้นยังมีองค์พระพุทธรูป พระพิฆเนศ และท้าวเวสสุวรรณคู่ที่ทำมาจากเงินอยู่ภายในบริเวณวัดด้วย วัดศรีสุพรรณจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทั้งมาเพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมความสวยงามของอุโบสถเงิน

  • ที่อยู่: 100 ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: วัดศรีสุพรรณ Wat Sri Suphan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. – 17:00 น.
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

12. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

วัดเจดีย์หลวง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่และมีความสำคัญมาก เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์หลวงที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ โดยคาดว่าเริ่มต้นสร้างสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา พระเจดีย์มีฐานเป็นสี่เหลี่ยม มีทางขึ้นสี่ด้าน มีรูปปั้นช้างล้อมรอบ วัดเจดีย์หลวงยังเป็นที่ประดิษฐานของเสาอินทขิล ซึ่งถือเป็นเสาหลักเมือง สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง โดยจะมีการจัดพิธีใส่ขันดอกเพื่อบูชาเสาอินทขิลเป็นประจำทุกปีด้วย

  • ที่อยู่: 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดเจดีย์หลวง Wat Chedi Luang 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
วัดพันเตา

13. วัดพันเตา

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของวัดพันเตา คือ พระวิหารหอคำหลวงที่ทำจากไม้สักทั้งหลังตามศิลปะแบบเชียงแสน มีซุ้มประตูที่เรียกว่า หน้าบันเป็นรูปนกยูงรำแพนหางแกะสลักอย่างสวยงาม นอกจากนี้วัดพันเตายังมีชื่อเสียงในเรื่องการจุดผางประทีป 

หากใครอยากมายังสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่แห่งนี้ แนะนำให้มาช่วงเทศกาลลอยกระทง เพราะในช่วงเทศกาลนี้ของทุกปี จะมีการจุดผางประทีปบนพื้นดินบริเวณลานต้นโพธิ์จำนวนมาก เมื่อเหล่าพระสงฆ์และสามเณรมารวมกันเพื่อนั่งสมาธิและบรรยายธรรมบริเวณนี้ ประกอบการการประดับโคมไฟโดยรอบ ทำให้ได้ภาพที่สวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

  • ที่อยู่: ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดพันเตา Wat Phantao 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. -17:00 น.
วัดหมื่นล้าน

14. วัดหมื่นล้าน

วัดหมื่นล้าน ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่ความโดดเด่นด้วยศิลปะแบบพม่า บริเวณวิหารมีหน้าบันที่ตกแต่งด้วยนกยูงรำแพนหางประดับกระจกสี มีหอไตรหรือหอธรรมซึ่งเป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่ดูสวยแปลกตา เหล่าสายมูทั้งหลายยังนิยมมาสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอพรโดยเฉพาะทางด้านการเงิน เนื่องด้วยชื่อของวัดที่มีชื่อว่าหมื่นล้านซึ่งบ่งบอกถึงจำนวนเงินนั่นเอง

  • ที่อยู่: 14 ถนน ราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดหมื่นล้าน Wat Muen Lan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. -17:00 น.

15. บ้านข้างวัด

สายศิลปะ ชอบงานคราฟต์หรือของแฮนด์เมดต้องไม่พลาดที่นี่ บ้านข้างวัดเป็นโครงการที่ออกแบบร้านค้าแนวย้อนยุคให้ผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ร้านค้าส่วนใหญ่จึงเป็นแบบกึ่งไม้กึ่งปูน ให้อารมณ์เหมือนบ้านยุคเก่า บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ 

ภายในโครงการมีร้านค้า ของฝาก ของที่ระลึก ของแต่งบ้านดีไซน์น่ารัก เป็นเอกลักษณ์  ไม่ซ้ำใคร นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ ให้ได้เลือกนั่งชิล และยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ จึงสามารถเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเพลิดเพลิน

  • ที่อยู่: 191 ถนนบ้านร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: บ้านข้างวัด https://goo.gl/maps/N1DnbZsizxQYZAUV7 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 10:00-18:00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
บ้านม้งดอยปุย

16. บ้านม้งดอยปุย

บ้านม้งดอยปุย เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่อยู่เลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปไม่ไกล ภายในหมู่บ้านจะมีร้านขายของที่ระลึก เครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า ซึ่งเป็นสินค้างานฝีมือที่ชาวบ้านทำเองมาจำหน่าย จึงมีความสวยงามไม่ซ้ำแบบใคร 

เป็นสถานที่เที่ยวของเชียงใหม่ ที่ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าอย่างใกล้ชิด ได้เห็นชนเผ่าม้งแต่งชุดประจำเผ่าหลากสี ซึ่งหากใครต้องการใส่ชุดเผ่าม้งไว้ถ่ายรูปสวยๆ ก็มีร้านให้เช่าชุดได้ และด้วยหมู่บ้านขึ้นอยู่บนเขาสูงจึงมองเห็นวิวภูเขาชัดเจน อากาศเย็นสบาย มีลมพัดเย็​น ทำให้สามารถเดินเที่ยวเล่นเพลินจนลืมเวลาเลยทีเดียว

  • ที่อยู่: หมู่ที่ 11 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: บ้านม้งดอยปุย Hmong Doi Pui Village 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
บ้านป่าบงเปียง

17. บ้านป่าบงเปียง

สำหรับใครที่เป็นสายท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ก็ยังมีบ้านป่าบงเปียงที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่แห่งหนึ่งที่ต้องลองมาพักผ่อนสักครั้ง โดยหากมาในช่วงฤดูฝน จะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดเขียวขจีกว้างขวางสุดตา โอบล้อมด้วยภูเขาสูงที่เรียงตัวสลับซับซ้อน 

ถ้าโชคดีอาจจะได้เจอหมอกหนาในตอนเช้าด้วย จึงเหมาะมากกับการมาพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบ slow life ปล่อยใจไปกับความสวยงามของธรรมชาติ โดยจะเลือกพักแบบโฮมเตย์ของชาวบ้านหรือจะกางเต้นท์ก็มีพื้นที่ให้บริการเช่นกัน

  • ที่อยู่: บ้านป่าบงเปียง ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 50270
  • Google Map: บ้านป่าบงเปียง Ban Rabiang Na Pa Bong Piang 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 22:00 น.
บ้านแม่กำปอง

18. บ้านแม่กำปอง

บ้านแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าที่อุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกล เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่แห่งนี้แบบไปกลับ เพื่อเดินเล่นชมธรรมชาติรอบหมู่บ้านหรือถ่ายรูปที่คาเฟ่เก๋ๆ ริมน้ำ จิบกาแฟอันเป็นสินค้าเกษตรที่ปลูกและผลิตเองในหมู่บ้าน ชิมอาหารท้องถิ่น หรือหากต้องการพักค้างคืนก็สามารถเลือกพักตามโฮมเสตย์ของชาวบ้านในหมู่บ้านได้

  • ที่อยู่: หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแก้ว กิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ 50130
  • Google Map: บ้านแม่กำปอง Mae Kampong Village 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 06:00 – 18:00 น.
สวนสนบ่อแก้ว

19. สวนสนบ่อแก้ว

สวนสนบ่อแก้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดฮิตอีกที่หนึ่ง อยู่ติดกับถนนสายหลักจึงหาได้ง่าย บริเวณสวนสนมีต้นสนสูงใหญ่จำนวนมาก ปลูกเป็นแนวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงาม จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ยิ่งทิวต้นสนตัดกับแสงแดดที่สาดส่องในช่วงเช้าหรือตอนเย็น จะยิ่งทำให้ได้ภาพที่แปลกตาแต่สวยงามมากๆ 

  • ที่อยู่: ถนนฮอด-แม่สะเรียง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 50240
  • Google Map: สวนสนบ่อแก้ว Bo Kaeo Pine Tree Garden 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น.
ดอยหลวงเชียงดาว

20. ดอยหลวงเชียงดาว

ดอยหลวงเชียงดาวเป็นสถานที่เที่ยวเชิงธรรมชาติแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ที่สำคัญมาก โดยจัดเป็นดอยที่มีความสูงเป็นอันดับที่สามของประเทศไทย เป็นเขตพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย จน UNESCO ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล 

ดังนั้นจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการผจญภัยอยากจะไปพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวพร้อมทั้งศึกษาธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้ได้สักครั้ง แต่หากใครไม่ใช่สายลุย ขึ้นเขาไม่ไหว  ก็สามารถเลือกพักตามโฮมสเตย์ที่สามารถเห็นวิวดอยหลวงได้อย่างชัดเจนได้เช่นกัน

  • ที่อยู่: ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 50170
  • Google Map: ดอยหลวงเชียงดาว Chiang Dao 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
ดอยแม่โถ

21. ดอยแม่โถ

สายแคมปิงต้องไม่พลาดกับการตั้งแคมป์พร้อมชมวิว 360 องศา ที่ดอยแม่โถหรือที่เรียกกันว่าทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นสถานที่เที่ยวในเชียงใหม่ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนม่อนดอยสูงต่ำสลับกัน และเนื่องจากเป็นที่ราบโล่งจึงสามารถเห็นดาวบนท้องฟ้าในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน ข้อควรระวังสำหรับการตั้งแคมป์คือ ลมค่อนข้างแรงทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เนื่องจากเป็นที่โล่ง จึงควรเตรียมอุปกรณ์สำหรับการป้องกันลมให้พร้อม 

  • ที่อยู่: 109 ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 50240
  • Google Map: ดอยแม่โถ Savannah Grassland (Doi Mae Tho) 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มีความโดดเด่นทั้งทางด้านภูมิประเทศ วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีความปลอดภัยสูง สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ สำหรับใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าต้องเตรียมเสื้อผ้าพร้อมพร็อปต่างๆ มาเต็มกระเป๋าเพื่อเอาไว้ใช้ในการเก็บภาพความประทับใจอย่างแน่นอน 

AIRPORTELs Luggage Delivery Service

หากมาถึงแล้วอยากออกไปเที่ยวเล่นเลยหรือยังไม่ถึงเวลาเช็กอินเข้าโรงแรม ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระพะรุงพะรัง ลองใช้บริการของ Airportels บริการรับส่งสัมภาระไปยังที่พัก ลงเครื่องปุ๊บ เดินตัวปลิวไปท่องเที่ยวตามสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ได้ทันที 

AIRPORTELs Luggage Delivery Service

ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Airportels ในการจัดส่งสัมภาระ ให้ไปถึงยังที่พักอย่างปลอดภัยด้วยการบริการที่มีมาตรฐานในระดับสากล ราคาเริ่มต้นเพียง 349บาท/ใบ ทีนี้ก็จดลิสต์รายการสถานที่เที่ยวเชียงใหม่แล้วออกเดินทางอย่างคล่องตัวได้ทันที พร้อมรอรับสัมภาระที่โรงแรมที่พักได้เลย

15 ที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ สัมผัสไอหนาวได้ ไม่ต้องไปไกล 2023

พอเข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนก็คงจะเริ่มตั้งคำถามว่า หน้าหนาวเที่ยวไหนดี เพราะหลายที่ต้องวางแผนจองตั๋ว จองที่พักล่วงหน้า แต่สำหรับใครที่มีเวลาว่างแค่วันสองวันหรือไม่อยากเดินทางไกลๆ ก็สามารถสัมผัสไอหนาวได้เหมือนกัน เพราะใกล้กรุงเทพก็ยังมีที่เที่ยวหน้าหนาวสวยๆ บรรยากาศดีๆ อีกมากมาย และกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ก็ฟินได้เหมือนกัน !

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

หน้าหนาวเป็นช่วงเวลาเดียวของปีที่จะได้ไปชมวิวสวยๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บนดอย บนภูเขาต่างๆ อุณหภูมิจะลดต่ำลงจนมีไอหมอกจางๆ ในยามเช้า ในขณะที่บางจุดหมอกก็หนามากจนกลายเป็นทะเลสีขาว ซึ่งไม่ใช่ภาพที่จะหาชมได้บ่อยๆ โดยจุดที่เที่ยวหน้าหนาวที่สามารถจะชมทะเลหมอกได้มีดังนี้ 

1. จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง นครราชสีมา 

จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนลำตะคองเพียง 15 นาที ใครที่มาเที่ยวเขื่อนลำตะคองก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเที่ยวจุดนี้ด้วย เพราะวิวสวยมาก สามารถมองเห็นภูเขา เขื่อนลำตะคองและทุ่งกังหันลมได้แบบ 360 องศา อากาศเย็นสบาย จะปั่นจักรยานชมวิวเพลินๆ หรือนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกก็โรแมนติก การเดินทางสะดวกสบาย มีที่จอดรถ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ ให้บริการครบ

  • ที่อยู่: ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 30340
  • พิกัด: กังหันลม เขายายเที่ยง
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น.

2. จุดชมวิวเขากระโจม ราชบุรี 

จุดชมวิวเขากระโจมนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ แต่เส้นทางจะสมบุกสมบันหน่อย จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับสายลุย แต่พอขึ้นไปเห็นทิวทัศน์สวยๆ ด้านบนแล้ว เชื่อว่าความเหนื่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยอลังการมาก มองเห็นได้ไกลถึงประเทศพม่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะกางเต็นท์พักแรม เพื่อตื่นมาชมวิวแต่เช้าตรู่ มองดูพระอาทิตย์สีส้มค่อยๆ โผล่พ้นทะเลหมอกสีขาว แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม

  • ที่อยู่: ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
  • พิกัด: จุดชมวิวเขากระโจม
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (นำรถยนต์เสียค่าบริการขึ้นเขาคันละ 50 บาท)
  • เวลาปิด-เปิด: ขึ้นเวลา 04:00-07:00 น.
    ลงเวลา 07:00-09:00 น. / 09:00-19:00 น. ขึ้นและลงได้ตลอด

3. ผาหินกูบ จันทบุรี

ชื่อผาหินกูบอาจจะฟังดูแปลก แต่สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะจุดชมวิวด้านบนมีลักษณะโค้งลาดลงทั้ง 2 ข้าง จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกูบหรือที่นั่งบนหลังช้าง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่วิวสวยและบรรยากาศดีมาก ตลอดเส้นทาง 8-9 กม. นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งถ้ำ น้ำตก ลำธาร และหินรูปร่างแปลกตา การค้างแรมที่นี่ไม่มีเต็นท์ให้ แต่ใช้วิธีผูกเปลหรือนอนใต้ผาหิน ใครที่อยากออกจากเซฟโซน อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องถูกใจแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี 22210
  • พิกัด: ผาหินกูบ
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี มีค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์
เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

4. เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

เขาพะเนินทุ่ง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวยอดนิยม เพราะช่วงที่อากาศเย็นจัด หมอกจะหนา จนกลายเป็นทะเลสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เส้นทางค่อนข้างชัน แต่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ด้านบนมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง จึงสามารถกางเต็นท์ได้อย่างสะดวกสบาย มีห้องอาบน้ำและร้านค้าสวัสดิการให้บริการ ถ้าใครเป็นสายลุย ก็สามารถเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาพะเนินทุ่งได้เลย ซึ่งที่ยอดเขานี้เป็นแหล่งดูนกป่าหายากด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด: จุดชมวิวทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
  • อัตราค่าเข้า: ค่าเข้าคนละ 100 บาท ค้างคืนเพิ่มอีกคนละ 30 บาท / คืน
  • เวลาปิด-เปิด: รถขึ้นได้เวลา 05:30-07:30 น. และ 13:00-15:00 น. ลงเวลา 09:00 – 10:00 น. และ 16:00 – 17:00 น.

5. สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ชลบุรี

สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก มีลักษณะเป็นทางเดินทอดยาว 226 เมตร สูงจากพื้นดิน 25 เมตร หรือประมาณตึก 8 ชั้น ถึงจะไม่ใช่คนกลัวความสูง แต่มองลงมาก็ต้องมีหวั่น ยิ่งช่วงที่เป็นพื้นกระจกมีระยะทาง 50 เมตร เรียกว่าเป็นช่วงวัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มองเห็นวิวของผืนป่าและอ่างเก็บน้ำได้แบบเต็มตา ถ่ายรูปออกมาสวยมาก และยังสามารถลงมาทำบุญที่วัดต่อได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ครบครันจริงๆ

6. ผาเก็บตะวัน นครราชสีมา 

ผาเก็บตะวันไม่เพียงแต่จะเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำด้วย คือการปลูกป่าโดยใช้หนังสติ๊กยิงเมล็ดพันธุ์พืช เช่น เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการยิงเล่นๆ แต่เติบโตได้จริงถึง 80% ดังนั้นนอกจากได้นอนกางเต็นท์ ชมวิวทะเลหมอกสวยๆ ก็ยังได้คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าเป็นการตอบแทนด้วย 

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

อุทยาน เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนนิยมมาก เพราะแม้จะมีต้นไม้คอยให้ความร่มรื่น แต่ถ้าลองมาเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ก็จะรู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว เหนื่อยง่าย ในขณะที่ช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เดินชมนกชมไม้ได้เพลินๆ วิวทิวทัศน์สวยงาม ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นช่วงที่แมลงน้อยด้วย โดยอุทยานที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ มีดังนี้

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย และเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ขับรถออกจากกรุงเทพไม่นาน ก็จะได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่น เย็นสบาย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมพืชพรรณและสัตว์หายาก โดยเฉพาะนกที่มีมากกว่า 280 ชนิด มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย เช่น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ส่องนกในตอนกลางวัน ส่องสัตว์ป่าในยามค่ำคืน เล่นน้ำตก ฯลฯ 

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

8. อุทยานแห่งชาติทับลาน นครราชสีมา 

นอกจากอุทยานแห่งชาติทับลานจะมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีป่าลานธรรมชาติที่ถือว่าเป็นป่าลานผืนสุดท้ายของเมืองไทย มีต้นลานขึ้นอย่างหนาแน่นบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด และด้านในก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น อ่างเก็บน้ำทับลาน น้ำตกบ่อทอง น้ำตกสวนห้อม เขามะค่า ฯลฯ จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมและกางเต็นท์พักแรม

  • ที่อยู่: 520 หมู่ที่ 1 ถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี 25220
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติทับลาน
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
อุทยานหินเขางู ราชบุรี

9. อุทยานหินเขางู ราชบุรี

อุทยานหินเขางู เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่แตกต่างจากอุทยานอื่นๆ เพราะเป็นเหมือนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน เดิมที่พื้นที่นี้เป็นแหล่งระเบิดและย่อยหิน แต่ต่อมาถูกยกเลิกไปและกลายเป็นพื้นที่ร้าง จึงพัฒนาให้กลายเป็นสวนสวยๆ  โดยที่ยังอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบเอาไว้ บรรยากาศจึงสวยงามแปลกตา หาชมยาก กิจกรรมที่นิยมก็จะเป็นการเดินเล่น ถีบเรือเป็ด ชมถ้ำ และแวะถ่ายรูปที่จุดเช็กอินยอดฮิตบนสะพานข้ามลำน้ำ

  • ที่อยู่: ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 70000
  • พิกัด: อุทยานหินเขางู
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น.

10. อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี 

อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนสุพรรณและจังหวัดใกล้เคียงนิยมกันมาก เหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสกับความสวยงามที่เงียบสงบ เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ นอนกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืน ตื่นมาจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ พร้อมชมทะเลหมอกยามเช้า และเดินเที่ยวชมน้ำตกสวยๆ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี 

  • ที่อยู่: ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฤดูหนาวก็คือ ทุ่งนาสีทองที่พร้อมเก็บเกี่ยวและดอกไม้สีสันสดใสที่แข่งกันอวดโฉม ช่วงนี้จึงถือเป็นเวลาทองของการไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะใน 1 ปี มีเพียงแค่ 1 ครั้ง พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอไปถึงปีหน้า ที่เที่ยวหน้าหนาวบางแห่งจึงเปิดให้เข้าชมเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยสามารถไปชมได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้

11. สะพานไม้ร้อยปี นครราชสีมา 

สะพานไม้ร้อยปี เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูปชิลๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้แคบๆ ขนาด 1-2 คนเดิน ระยะทางประมาณ 1 กม. เท่านั้น เดิมทีชาวบ้านร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามทุ่งนาระหว่างหมู่บ้าน แต่ด้วยความที่บรรยากาศดี วิวสวย ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ ในช่วงหน้าหนาว จะมีการตกแต่งไฟสวยงามเป็นพิเศษ และยังชมวิวทะเลหมอกยามเช้าได้ด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 30250
  • พิกัด: สะพานไม้ 100 ปี
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 05:00-19:00 น.

12. ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร นครราชสีมา 

ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหมาะที่จะแวะเดินเล่น ชมความสวยงาม เพราะช่วงปลายปี ทั่งทั้งอาณาบริเวณพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ จะถูกเติมเต็มด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองแทบทุกตารางเมตร ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องกลัวผิวไหม้ นอกจากนี้ด้านในยังมีร้านขายของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น. 

13. สะพานทุ่งนามุ้ย นครนายก 

สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานที่ทำจากไม้ไผ่คดเคี้ยวอยู่เหนือทุ่งนา ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม ทุ่งนาบริเวณรอบๆ จะเป็นสีเขียวขจี แต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง บรรยากาศต่างกันแต่สวยทั้งคู่ 

จุดประสงค์หลักสร้างขึ้นเพื่อที่เวลาน้ำท่วมชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม แต่ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่นอกจากจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวสวยๆ ได้แล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานรับลมแบบเพลินๆ เลือกซื้อสินค้าจากชาวบ้าน หรือตักบาตรบนสะพานได้ด้วย 

  • ที่อยู่: ตำบล สาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก 26000
  • พิกัด: สะพานทุ่งนาน้อยเขาหล่น
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-19:00 น.
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

14. ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่สามารถชมดอกทานตะวันขนาดใหญ่ยักษ์นับพันได้ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาว แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางชมบรรยากาศรอบทุ่งแบบชิลๆ ได้ด้วย ไม่ต้องเดินให้เมื่อย หรือจะเป็นการขี่ม้าชมทุ่ง ขับ ATV ชมทุ่งก็มี ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือมาเป็นครอบครัว มีทั้งเด็ก และผู้สูงอายุ ก็สนุกกันได้เต็มที่

  • ที่อยู่: ทางหลวงหมายเลข 3017 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000
  • พิกัด: ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล 
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (ไม่รวมค่าบริการรถราง และกิจกรรมอื่นๆ)
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.

15. ทุ่งคอสมอส น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม สระบุรี

คอสมอสเป็นดอกไม้ที่จะบานเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทุ่งคอสมอส จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาด เพราะมีวิวสวยมากเหมือนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้ว ที่นี่เป็นฟาร์มแพะ แต่แบ่งพื้นที่มาปลูกดอกคอสมอส 25 ไร่ พอถึงช่วงฤดูหนาว เลยกลายเป็นสีชมพูไปทั้งทุ่ง นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด มีมุมสวยๆ ที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ให้นั่งพักกินของอร่อยด้วย

  • ที่อยู่: 37/3 หมู่ 6 ซอย 7 ซ้าย ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 18240
  • พิกัด: น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังที่พัก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบตัวเปล่า ไม่ต้องขนสัมภาระเอง หรือคอยกังวลว่าจะวางลืมไว้ที่ไหน 

วิธีใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่กดจองผ่านแอปพลิเคชัน และเลือกว่าต้องการให้ไปรับ-ส่งสัมภาระที่ไหน เวลาใด แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AIRPORTELs ช่วยดูแลขนสัมภาระทั้งหมดแทนได้เลย 

ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังอุ่นใจไม่ต้องกลัวของหาย เพราะมีระบบติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และประกันค่าเสียหายสูงสุดถึง 50,000 บาท

สรุป

อากาศเย็นสบายแบบนี้อย่ามัวแต่อยู่บ้าน เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวสวยๆ อีกมากมายที่รอทุกคนอยู่ ถึงจะมีเวลาน้อยก็ไม่เป็นไร เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพก็ฟินได้เหมือนกัน มีทั้งจุดชมวิวสวยๆ อุทยาน ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ และกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ถ้าใครไม่อยากขนสัมภาระเองให้เหนื่อย หรือขากลับซื้อของฝากเยอะ ก็ไม่ต้องหิ้วเองให้เปลืองแรง AIRPORTELs มีบริการขนกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดไปส่งให้ถึงที่พัก เดินทางกลับได้แบบชิลๆ จะแวะคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือที่เที่ยวอื่นๆ ระหว่างทางก็ยังได้ ไม่ต้องวนกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมอีก ตรงกลับที่พักได้เลย ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา และยังปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

รวม 15 จุดชมวิวทะเลหมอก เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอหน้าหนาว!

สำหรับใครที่ชื่นชอบการขึ้นเขา เพื่อไปสัมผัสธรรมชาติ จุดชมวิวทะเลหมอกนับเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู เพียงแค่เลือกไปให้ถูกจังหวะของที่เที่ยวทะเลหมอกสถานที่นั้นเป็นพอ เพราะการไปชมทะเลหมอกไม่จำเป็นที่จะต้องรอหน้าหนาวเสมอไป ทาง AIRPORTELs จึงได้รวบรวมจุดชมวิวทะเลหมอกทั่วไทย เที่ยวได้ตลอดทั้งปีมา มีที่ไหนบ้างไปดูกัน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าร้อน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าร้อน

เหมาะสำหรับใครที่อยากจะเที่ยวทะเลหมอกหน้าร้อน เพื่อสัมผัสธรรมชาติผ่านจุดชมวิวที่สูง จนสามารถเห็นบรรยากาศได้โดยรอบ 

ซึ่งการเที่ยวฤดูร้อนเพื่อชมทะเลหมอกมีจุดเด่นตรงที่ไม่ต้องรอหน้าฝนหรือหน้าหนาว ทุกคนก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศเหล่านั้นได้ หากใครเบื่อแล้วที่ฤดูร้อนต้องเอาแต่เที่ยวทะเล ไปทีไรก็ร้อนเกินไป ไม่ช่วยให้คลายร้อนสักเท่าไร ขอให้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในหน้าร้อนด้วยการชมทะเลหมอกกันดีกว่า

1. เขาพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

จุดชมวิวทะเลหมอก เขาพะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นับว่าเป็นจุดชมวิวที่เหมาะแก่การมารับไอเย็นๆ ชมทะเลหมอกไกลๆ อย่างสุดลูกหูลูกตา เพราะแก่งกระจานขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีบรรยากาศที่ดีตลอดทั้งปี แม้มาในฤดูร้อนก็ไม่หวั่น ในส่วนของสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 900 เมตร แต่ถ้าอยากไปจุดสูงสุดของเขาจะอยู่ที่ 1,207 เมตร

จุดเด่นของเขาพะเนินทุ่ง นับว่าเป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่ดี ใครหลายคนต่างมากันแล้วได้ความประทับใจกลับไป เนื่องด้วยอากาศที่สดชื่นและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ หากมาจุดชมวิวในตอนเช้าก็สามารถเห็นทะเลหมอกได้ไม่ยาก จะมีทั้งเส้นทางที่เหมาะแก่การขับรถ และเส้นทางที่เหมาะกับการเดินขึ้นเขา

  • ที่ตั้ง – อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด – Khao Phanoen Thung
  • เวลาเปิด-ปิด –  ช่วงเวลา 05:30 – 07:30 น. และช่วงเวลา 13:00 – 15:00 น.

2. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา

สำหรับใครที่กำลังมองหาทะเลหมอกหน้าร้อน ที่สามารถลอยตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้แบบ 360 องศา ขอให้แวะมาที่จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่จะมีพื้นที่ที่เป็นสกายวอล์ค ที่ทุกคนสามารถมายืนและชมวิวรอบทิศได้ โดยความสูงมากกว่า 2,038 ฟุต

จุดเด่นของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง นับว่าเป็นจุดที่มีการสร้างสกายวอล์คขึ้นมา เพื่อให้มีบรรยากาศที่แตกต่างจากเวลาไปเที่ยวเขาที่อื่นๆ เพราะตัวสกายวอล์คจะเป็นทางเดินที่ทอดยาวไปด้วยกระจก และเมื่อไปถึงปลายทางก็ทำให้ชมทะเลหมอกได้ชัดเจน และที่แห่งนี้ก็มีอีกหลายชั้นให้ขึ้นชมทะเลหมอกได้อีกด้วย

อุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

3. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องบอกเลยว่าไม่ไกลจากกรุงเทพ นั่นก็คืออุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ นับว่าเป็นที่เที่ยวทะเลหมอกยอดฮิต ที่ใครหลายคนเลือกมา แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนก็สามารถสัมผัสบรรยากาศไอเย็นและรับชมทะเลหมอกได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เนื่องจากว่าเป็นอุทยานดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากการชมทะเลหมอกแล้วยังมีอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชมถ้ำ น้ำตก หน้าผา รวมไปถึงธรรมชาติที่มีความหลากหลาย จึงเหมาะมากกับคนที่ชื่นชอบการเดินป่า

  • ที่ตั้ง – 67 ม.1 ต ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67270
  • พิกัด – อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:30 น. – 19:00 น

4. ภูตาจอ จังหวัดพังงา

ถ้าหากใครไปภาคใต้คงจะนึกถึงทะเลก่อน แต่ก็ต้องบอกว่าจุดชมทะเลหมอกหน้าร้อนอย่างภูตาจอ จังหวัดพังงาก็มีความโดดเด่นไม่แพ้ที่อื่นๆ ด้วยความสูงกว่า 1,350 เมตร ที่สามารถชมทะเลหมอกแม้อยู่ในช่วงฤดูร้อน หากใครมาพังงาแต่ไม่มาที่นี่ต้องบอกเลยว่าพลาดมาก

สำหรับจุดเด่นของที่นี่จะมีดีในเรื่องจุดชมวิวที่สามารถเห็นธรรมชาติสุดลูกหูลูกตา แถมบริเวณภูตาจอยังสามารถมากางเต็นท์ค้างคืน เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกได้ ซึ่งเหมาะแก่การมาเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักได้เป็นอย่างดี

5. กุนุงซิลิปัต จังหวัดยะลา

สุดท้ายสำหรับจุดชมวิวทะเลหมอกที่เหมาะแก่การเที่ยวในหน้าร้อน ขอแนะนำกุนุงซิลิปัต จังหวัดยะลา เป็นภูเขาหินที่มีความสูงประมาณ 21 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าความสูงน้อยกว่าจุดชมวิวในจังหวัดอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ต้องบอกว่าถึงแม้จะไม่สูงแต่ของเขาก็ดีจริงๆ เพราะมาฤดูร้อนก็ยังสามารถเห็นหมอกได้โดยง่าย

จุดชมวิวกุนุงชิลิปัต จุดเด่นจะอยู่ที่เป็นเขาหินที่สามารถหมุนได้รอบทิศแบบ 360 องศา หากใครอยากจะมาไขว่คว้าหาความเย็นก็เหมาะมากที่จะมาในช่วงกุมภาพันธ์และเมษายน ถ้าหากใครสนใจที่จะไปเตรียมเสบียงไปให้พร้อมแล้วลุยได้เลย

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าฝน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าฝน

เชื่อเลยว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะมีจุดชมวิวทะเลหมอกหลายจุดมากๆ โดยบรรยากาศนั้นจะได้ความชื้นแต่ไม่หนาวจนเกินไป ได้กลิ่นอายและใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างชัดเจน ถ้าหากใครไปตอนฝนตกก็อาจจะเซ็งๆ ที่ไม่ได้ออกไปไหน แต่ถ้าการขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อชมทะเลหมอกหน้าฝน นับเป็นที่ถูกใจของคนไม่น้อยเลยทีเดียว ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง

6. ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวทะเลหมอก ไม่ว่าจะปีไหนๆ ก็ยังเป็นที่นิยมเสมอ อย่างม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มียอดเขาที่สูงราว 1,350 เมตร ที่ทุกคนสามารถนั่งรถเพื่อไปยังจุดชมวิวที่สูงที่สุดเพื่อให้ทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน เมื่อผ่านป่าเขาจะสามารถสัมผัสถึงความเย็นของไอหมอกได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของม่อนแจ่ม นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ใครหลายคนต่างนิยมมาท่องเที่ยวกัน ดังนั้นที่พักจึงมีหลากหลายแบบ ใครสะดวกแบบไหนเลือกพักแบบนั้นได้เลย นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่เป็นตลาด พร้อมกับสวนดอกไม้สวยๆ ที่ผลิดอก และกิจกรรมท้าทายอื่นๆ อีกมากมาย

  • ที่ตั้ง – ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180
  • พิกัด – ม่อนแจ่ม
  • เวลาเปิด-ปิด – 07:00 – 20:00 น.

7. เนินช้างศึก จังหวัดกาญจนบุรี

หากใครที่ชื่นชอบมาเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี ถามหาถึงทะเลหมอกหน้าฝน ก็ขอแนะนำเนินช้างศึกซึ่งเป็นภูเขาสูงราว 1,053 เมตร วิวที่ทุกคนจะได้เห็นเป็นวิวที่มีภูเขาสลับทับซ้อนกันไปมาไกลๆ ทำให้เห็นวิวกว้างที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับทะเลหมอกได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของที่นี่จะเห็นบรรยากาศที่ไกลสุดลูกหูลูกตาในช่วงหน้าฝน นอกจากนี้ยังได้เห็นเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ที่เชื่อมกับทางไทยเราได้อีกด้วย นอกจากนี้ที่แห่งนี้เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ได้ทั้งตอนขึ้นและตอนตกดิน สามารถนำเต็นท์มากางนอนได้ด้วย

  • ที่ตั้ง – ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180
  • พิกัด – เนินช้างศึก
  • เวลาเปิด-ปิด – 05:30-18:30 น.
ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

8. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

สำหรับแลนด์มาร์กจุดชมวิวทะเลหมอก ในช่วงหน้าฝนที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นภูทับเบิก ที่ในปัจจุบันนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นเลิศที่ให้เราได้สัมผัสกับลมหนาวและไอชื้นในช่วงหน้าฝนได้เป็นอย่างดี โดยที่ภูทับเบิกมีความสูงอยู่ที่ 1,768 เมตร

จุดเด่นของภูทับเบิก ที่นี่มีชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ ทำให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น และที่สำคัญยังมีพื้นที่ปลูกกะหล่ำยาวเหยียดที่สามารถมองเห็นได้แบบสุดลูกหูลูกตา หากใครได้มาที่นี่รับรองติดใจแน่นอน เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ร้านอาหาร ตลาด แต่ยังมีจุดที่สามารถกางเต็นท์ได้อีกด้วย

  • ที่ตั้ง – หมู่ที่ 14 ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ 42120
  • พิกัด – ภูทับเบิก
  • เวลาเปิด-ปิด – 

9. ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

การไปโซนภาคเหนือช่วงหน้าฝน สถานที่ที่เหมาะแก่การเป็นที่เที่ยวทะเลหมอก ก็ขอแนะนำกับดอยผาตั้งที่มีความสูงอยู่ที่ 1,800 เมตร โดยแนะนำว่าให้ขับรถไปกัน เพื่อให้ได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดชมวิวต่างๆ ในมุมที่แตกต่างกัน

จุดเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้นการที่ได้อยู่เหนือสุดของวิวทิวทัศน์ แม้แต่ทะเลหมอกก็ยังอยู่ใต้เท้าเราได้ ทำให้ได้ฟิลลิ่งอีกแบบที่แตกต่างจากที่อื่นๆ

  • ที่ตั้ง –  17 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย 57310
  • พิกัด – ดอยผาตั้ง
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:00 น. – 18:30 น.

10. ภูทอก จังหวัดเลย

ที่สุดท้ายกับการแนะนำจุดชมวิวทะเลหมอกในช่วงหน้าฝน ขอแนะนำให้รู้จักกับภูทอก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความน่าสนใจ เพราะเป็นภูเขาที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บริเวณนั้น เมื่อได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด มองลงมาจึงเห็นทะเลหมอกที่อยู่เบื้องล่าง

จุดเด่นของที่นี่จะได้วิวที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะไม่มีภูเขาลูกอื่นๆ มาโดดเด่นเหนือภูทอกแห่งนี้ ถ้าใครอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นผ่านสายหมอกขอแนะนำให้มาที่นี่เลย นอกจากนี้ยังเป็นดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างไทย – ลาวด้วยนะ

  • ที่ตั้ง – ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย 42110
  • พิกัด – Phu Thok
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:00-17:00 น.
จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าหนาว

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าหนาว

แน่นอนว่าฤดูหนาวนับว่าเป็นฤดูที่ฮอตฮิตที่สุดแก่การขึ้นเขา เพราะทุกคนจะได้สัมผัสบรรยากาศหนาวๆ กับวิวธรรมชาติสวยๆ โดยเฉพาะทะเลหมอกหน้าหนาวที่ใครหลายคนถึงกับยกนิ้วให้ ไม่เพียงแต่มีบรรยากาศที่ดีเลิศ แต่เพราะการขึ้นเขาในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดด้วย และหากอยากเก็บภาพความประทับใจของทะเลหมอกหนา พระอาทิตย์ขึ้น หรือพระอาทิตย์ตก แนะนำว่าให้มาฤดูนี้ มีครบอย่างแน่นอน ว่าแต่จะแนะนำที่ไหนบ้างนั้น ตามไปอ่านกัน

11. อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า นับว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอก ที่ใครหลายคนต่างรู้จัก เพราะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก มีความสูงตั้งแต่ 1,200-1,628 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่สูงมากๆ จึงทำให้เห็นหมอกได้อย่างชัดเจน

จุดเด่นของที่นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มีบางส่วนชี้ขึ้นฟ้าเลยถูกเรียกว่าภูชี้ฟ้า หากใครอยากอยู่เหนือหมอก และมองไปเบื้องล่างเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา รับรองว่าประสบการณ์นี้จะเป็นที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง – 3/1 หมู่ที่ 24 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย 57160
  • พิกัด – Phu Chifa
  • เวลาเปิด-ปิด – 04:30 – 18:00 น.

12. กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ทะเลหมอกหน้าหนาวที่โดดเด่นในเชียงใหม่ขอแนะนำให้ลองมาที่กิ่วแม่ปาน ความสูงประมาณ 2,200 เมตร ที่เหมาะแก่การมาเที่ยวและชมทะเลหมอกเป็นอย่างมาก โดยที่นี่ก็มีหลายจุดให้ได้ไปชมทะเลหมอกด้วยกัน สามารถเลือกหามุมดีๆ และถ่ายรูปกลับไปรับรองประทับใจไม่รู้ลืม

จุดเด่นของกิ่วแม่ปาน นับเป็นที่ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จึงทำให้มีพื้นที่เที่ยวที่หลากหลาย แต่ที่สุดแล้วคงหนีไม่พ้นการเดินขึ้นเขา ที่จะต้องใช้พละกำลังของตัวเอง เพื่อไปชมวิวทะเลหมอกที่ด้านบนสุดเหนือตัวเองได้

  • ที่ตั้ง – อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตู้ ป.ณ.2 หมู่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 50160
  • พิกัด – กิ่วแม่ปาน
  • เวลาเปิด-ปิด – 06:00-16:00 น.
ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

13. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

สำหรับใครที่อยากจะหาที่เที่ยวทะเลหมอก เพื่อมองวิวท้องฟ้าและมองทะเลหมอกได้ในเวลาเดียวกัน ขอแนะนำให้รู้จักดอยเสมอดาว ที่มีความสูงอยู่ที่ 888 เมตร ที่ถือว่าไม่สูงมากกว่าที่อื่นๆ สักเท่าไรแต่ต้องบอกว่าเป็นดอยที่มีเสน่ห์เหลือล้น

ดอยเสมอดาว เหมาะกับการมาค้างคืนเพื่อชมดาวยามค่ำคืนแบบใกล้ชิด ในขณะเดียวกันยามเช้าก็จะเห็นทะเลหมอก พร้อมกับเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้แบบ 360 องศา

  • ที่ตั้ง – ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150
  • พิกัด – ดอยเสมอดาว
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดตลอด

14. ภูลังกา จังหวัดพะเยา

สำหรับใครที่กำลังมองหาทะเลหมอกหน้าหนาว ที่อยู่ใกล้กับแหล่งแม่น้ำ ขอแนะนำให้ลองมาเที่ยวที่ภูลังกา ที่มีความสูงอยู่ที่ 1,720 เมตร ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายหลายอย่าง

จุดเด่นของการมาที่นี่เหมาะมากแก่การเดินป่า เดินขึ้นเขาเพื่อชมธรรมชาติที่ลายล้อม ดอกไม้นานาชนิด และสัตว์ป่าต่างๆ เหมาะกับสายผจญถัยเป็นอย่างมาก

  • ที่ตั้ง – วนอุทยานภูลังกา ตำบลช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา 56140
  • พิกัด – วนอุทยานภูลังกา
  • เวลาเปิด-ปิด – 06:00 – 18:00 น.

15. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับที่สุดท้ายที่นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างดอยอ่างขางที่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกมีความสูงโดยค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 1,400 เมตร ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะไปยังจุดไหนๆ เพื่อไปรับชมความงามของทะเลหมอก

จุดเด่นของดอยอ่างขาง ให้คุณได้สามารถมาสัมผัสลมหนาว สวนดอกไม้ พืชผัก ผลไม้ เหมือนได้มาต่างประเทศ สำหรับที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ใครหลายคนเลือกมา เพราะมีความสะดวกสบาย และสิ่งต่างๆ ที่ครบครันกว่าที่อื่นๆ

  • ที่ตั้ง – ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาว ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320
  • พิกัด – ดอยอ่างขาง 
  • เวลาเปิด-ปิด – 
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

สำหรับใครที่มีแพลนจะเที่ยวล่วงหน้าภายในประเทศไทย ไม่ว่าจะภาคกลาง เหนือ ใต้ หรือจะไปอีสาน ทาง AIRPORTELs  มีบริการส่งกระเป๋าล่วงหน้าไปยังจุดหมาย เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่จำเป็นต้องรีบเตรียมกระเป๋าหรือต้องแบกกระเป๋าอย่างเร่งรีบ 

หากมีการวางแผนล่วงหน้าและเลือกชุดที่ต้องการใส่ไปเที่ยวแพ็กลงกระเป๋าเรียบร้อย สามารถนำกระเป๋ามาฝากไว้ที่เรา เรายินดีพร้อมส่งกระเป๋าไปล่วงหน้า เพื่อให้เพิ่มความสะดวกสบายแก่การท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น 

สรุป

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะได้คำตอบแล้วว่าควรไปดูทะเลหมอกที่ไหนดี เพราะไม่ว่าจะไปฤดูไหนก็มี จุดชมวิวทะเลหมอก บรรยากาศชั้นเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องไปเฉพาะฤดูหนาวแต่อย่างใด ส่วนใครต้องการเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องแบกกระเป๋าให้เหนื่อย ให้เมื่อย สามารถมาลองใช้บริการ AIRPORTELs พร้อมส่งกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทางได้แบบล่วงหน้า บอกเลยว่าสามารถขึ้นเขาแบบตัวโล่งๆ ได้เลย

13 ที่เที่ยวของคนโสด เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ลุยเดี่ยวมีข้อดีกว่าที่คิด

หากใครที่เป็นคนโสดแล้วอยากไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหรือไม่อยากรอเพื่อนว่าง บทความนี้จะมาแนะนำ 13 ที่เที่ยวในไทยสำหรับคนโสดที่อยากไปพักใจ อยากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ลุยเดี่ยวคนเดียวชิลๆ ท้าทายตัวเองว่าเที่ยวคนเดียวสามารถไปเที่ยว และการไปเที่ยวคนเดียวนั้นมีข้อดีมากกว่าที่เราคิด เพราะจะได้ใช้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่ สามารถโฟกัสกับสิ่งรอบตัว ซึมซับบรรยากาศได้มากขึ้นและยังมีข้อดีของการเที่ยวคนเดียวอื่นๆ อีกมากมายอยู่ในช่วงท้ายของบทความ

13 ทริปคนโสด ลุยเดี่ยว คนเดียวชิลๆ

13 ทริปคนโสดทั่วประเทศไทย ที่ได้คัดสรรมาแล้ว เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้ทั้งหญิงและชาย ปลอดภัยไม่อันตราย ท่องเที่ยว พักผ่อนได้อย่างสบายใจ คลายกังวล กลับจากทริปด้วยใจฟูๆ 

ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

1. ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

สัมผัสเมืองเหนือ อากาศเย็นๆ และผู้คนที่อัธยาศัยดี การเดินทางที่สะดวก อาหารการกินก็ไม่แพง เหมาะแก่การมาเที่ยวคนเดียว บางทีเราอาจจะไม่กล้ากินเยอะเพราะว่าไม่มีคนหารด้วย แต่ที่นี่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้แบบจุใจ และบรรยากาศสดชื่น อยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และไปคนเดียวก็ไม่เหงา เพราะมีหลายอย่างสนุกๆ ให้ได้ลองทำมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวก็เยอะ 

โดยที่ห้ามพลาดเลย เมื่อไปถึงก็คือ ‘ทะเลหมอกหยุนไหล’ เมื่อมาปายแล้ว การชมทะเลหมอกก็นับว่าถ้าไม่ได้มาก็เหมือนมาไม่ถึงก็ว่าได้ เพราะที่ปายคือสถานที่ที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก เพราะไม่ว่าจะมาตอนไหนก็จะพบหมอกทุกครั้งที่ได้มาเยือน เมื่อมองออกไปภาพที่เห็นคือทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และรายล้อมไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ต่างๆ และยังมีเสน่ห์ของบ้านเรือนเมืองปายที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอกอีกด้วย ที่เมื่อได้มาเที่ยวคนเดียวเหมือนได้สัมผัสความสงบ และดื่มด่ำให้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่ 

  • ที่อยู่ : หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/hQiREWHZGzcxqHvw8
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 5.30-18.00 น. (ค่าเข้าชม 20 บาท)
  • เบอร์โทร : –
เชียงคาน จ.เลย

2. เชียงคาน จ.เลย

เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมโบราณดั้งเดิม ให้ได้ซึมซับบรรยากาศวันวาน เดินเล่นคนเดียวได้ชิวๆ แถมยังมีกิจกรรมให้ทำ เช่น ไปปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขง ได้สัมผัสธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้การมาเที่ยวคนเดียวนั้นไม่เหงาอีกมากมาย เช่น ‘สกายวอล์ค เชียงคาน’ หรือ ‘สกายวอล์ค ภูคกงิ้ว’ สูงเทียบเท่ากับตึก 30 ชั้น จุดเด่นคือมีทางเดินที่ทำด้วยกระจก เป็นการปลดล็อคความกล้า เพราะจุดนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และน่าหวาดเสียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดที่วิวสวยงามมากเลยทีเดียว

  • ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/inPvyiqBeMfBwi9V7
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดทั้งวัน
  • เบอร์โทร : –

หรือจะเป็น ‘ถนนคนเดินเชียงคาน’ ที่เหมาะแก่การเดินชิล มีทั้งของกิน ของอาร์ตต่างๆ สินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด มีกิจกรรมให้ทำมากมายสำหรับคนมาเที่ยวคนเดียว บ้างก็มีการเพ้นหน้า สัก เป็นต้น ด้วยอากาศเย็นๆ และบรรยากาศดี จนติดใจอยากมาอีกรอบเลยก็ได้

  • ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/R3XgyifiuXidhv5Z9
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดทั้งวัน (ถนนคนเดินเปิดช่วง 17.00-22.00 น.)
  • เบอร์โทร : –
บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

3. บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

ไปเติมความสดชื่นกับธรรมชาติแบบเต็มเหนี่ยว รอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว เดินทางง่าย นั่ง BTS ไปได้ จุดเด่นของที่นี่เลยคือ การปั่นจักรยานเที่ยวสัมผัสบรรยากาศรอบด้าน ทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งหากมาเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแล้วเกิดหลงทาง ก็สามารถถามคุณลุงคุณน้าตามชุมชน 

เมื่อมาถึงคุ้งบางกระเจ้าแล้ว พลาดไม่ได้เลยที่จะไป ‘สวนศรีนครเขื่อนขันธ์’ หรือ ‘สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์’ ภายในสวนจะเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ เย็นสบาย พักผ่อนหย่อนใจจากกายที่เหนื่อยล้าได้อย่างเต็มที่ ถ่ายรูปสวยโพสต์ลงโซเชียล และยังสามารถให้อาหารปลาได้อีกด้วย ซึ่งจะมีจำหน่ายอยู่ด้านหน้าของสวน และจุดไฮไลต์ในสวนคือ ‘หอดูนก’ ที่มีความสูง 7 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับนกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอีกด้วย 

  • สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์
  • ที่อยู่ : 73 ซ.วัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7uaBbVzLzJiV947q7?g_st=il
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 05.00 – 19.00 น. ทุกวัน
  • เบอร์โทร : 02 461 0972
สิมิลัน จ.พังงา

4. สิมิลัน จ.พังงา

บรรยากาศทะเลสวยๆ ที่ภาคใต้ น้ำทะเลใสสีฟ้า และเต็มไปด้วยหากทรายขาวละเอียด มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ที่จะมาช่วยทำให้การมาเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้นเต็มไปด้วยเรื่องสนุก ไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำดูปะการัง จุดว่ายน้ำ ดำน้ำ มุมถ่ายรูปสวยๆ โพสต์อวดลงโซเซียล จุดไฮไลท์ที่คนชอบมาถ่ายรูปคือ ‘หินเรือใบ’ หรือ ’Sailing Rock’ เป็นหินที่เกิดจากกัดเซาะพังทลายจากน้ำทะเล เลยเกิดเป็นหินรูปร่างแปลกตา ผู้คนจึงชอบมาถ่ายรูปกัน

  • ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/32L4izpNCpnf99Ze6
  • เปิดให้เข้าชม : 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี
  • เบอร์โทร : 0-7645-3272
ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย

5. ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย

ไร่ชาสีเขียว เพื่อให้ได้นั่งจิบชาพักผ่อนให้จิตใจสงบ สถานที่ก็สวยงาม ถ่ายรูปกันได้กับวิวสีเขียว และท้องฟ้าสีคราม ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่ และรอบๆ ยังมีคาเฟ่เล็กๆ ให้นักเดินทางท่องเที่ยว ให้ได้อร่อยไปพร้อมกับเค้ก และจิบชาในบรรยากาศดีดี

ถ้าเราอยากมาเที่ยวคนเดียวเพื่อพักผ่อนจิตใจ การมาที่ไร่ชาจะช่วยทำให้สดชื่น ลดความเหนื่อย คลายความตีงเครียดได้ดี เพราะว่าในไร่ชานั้นล้อมรอบไปด้วยสีเขียว ซึ่งสีเขียวเป็นสีที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้จิตใจภายในสงบได้ และยังช่วยเรื่องการมองเห็น ทำให้มีสมาธิได้ดี 

  • ที่อยู่ : 97 หมู่ 8 อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/S7JvTSCBPQ5ZPkyc6
  • เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.30 น.
  • เบอร์โทร : 0-5377-1563
แพกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 

6. แพกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 

สัมผัสธรรมชาติแท้ๆ ให้เราได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ที่แพกาญจนบุรี จะมีอะไรฟินไปกว่าการได้นอนบนแพมองท้องฟ้า แล้วปล่อยใจไหลไปกับสายน้ำ บางทีการมาเที่ยวคนเดียวนั่นก็เพราะอยากสลัดความวุ่นวายต่างๆ การได้มองดูสายน้ำไหลผ่านก็ทำให้เพลิดเพลินจิตใจได้ แลได้ซึมซับบรรยากาศไปอีกด้วย หรือถ้าเริ่มรู้สึกเบื่อ ที่แพกาญจนบุรีก็มีกิจกรรมให้ทำตลอด 

ยกตัวอย่างเช่น ครอส ริเวอร์ แคว (Cross River Kwai) ที่พักที่ตกแต่งให้ดูคล้ายรถไฟที่เชื่อมกับประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีกิจกรรมที่ห้ามพลาด อย่างเรือคายัคที่มีให้ทุกห้อง ไม่ทำให้คุณต้องเบื่อแน่นอน

  • ที่อยู่ : 138 หมู่ 4 ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/pQhkTnbrzmGb5tRv6
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดเวลา
  • เบอร์โทร : 09-3120-7832
แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

7. แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

ถ้าใครที่อยากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ต้องได้ลองมาที่แปดริ้ว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย กิจกรรมที่หลากหลาย มาเที่ยวคนเดียวได้แบบมันส์ ไม่เหงา เป็นการได้พักผ่อนจากความเหนื่อยทั้งหลาย ซึ่งมีสถานที่ที่เป็นจุดไฮไลท์มากมายที่เหมาะกับทั้งชายและหญิง เช่น อาจจะเริ่มด้วยการมาทำบุญที่ ‘วัดหลวงพ่อโสธร’ ที่เมืองแปดริ้ว เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล เพื่อให้จิตใจสงบ ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกง เป็นทริปการท่องเที่ยวที่ช่วยทำให้อยู่กับความสงบ สลัดความวุ่นวายภายในจิตใจออกได้อย่างเต็มที่

  • วัดหลวงพ่อโสธร
  • ที่อยู่ : ถนนเทพคุณากร ตำบลหน้าเมือง อำเถอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/eaK6JRvySsNTPEc38
  • เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 7.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด 7.00-17.00 น.
  • เบอร์โทร : 038-511-048

หรือหากอยากได้ความชุ่มชื้นสักหน่อย ให้คลายร้อน ก็แวะมาเล่นน้ำที่ ‘น้ำตกบ่อทราย’ อยู่ในกลางป่า เป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บนร่องน้ำขออ่างเก็บน้ำคลองสียัด นอกจากจะได้เล่นน้ำเย็นๆ แล้ว บรรยากาศรอบๆ นั้นก็สวยงาม แสงแดดที่กระทบกับกับสายน้ำที่ไหลผ่าน เป็นการเอาใจที่เหนื่อยมาชะล้างให้ผ่อนคลาย

  • น้ำตกบ่อทราย
  • ที่อยู่ : หมู่ 18 บ้านคลองสียัด ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Se4kYBURMxHTdqFdA?g_st=ic
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 7.00-18.00 น. ทุกวัน
  • เบอร์โทร : 09-6817-9906 , 06-3684-8669
Coro Field สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

8. Coro Field สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

ฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หากมาเที่ยวคนเดียวไม่น่าเบื่อแน่นอน เพราะมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำ เช่น ชมผัก ปลูกผัก แถมยังได้กินผักออร์แกนิค ตอบโจทย์สายออร์แกนิคสุดๆ ถ้าไม่อยากทำอะไร ที่นี่มีบริเวณพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม เป็นมุมพักผ่อนชั้นยอด และถ้าหากหิวก็ยังมีโซนร้านอาหาร คาเฟ่ ให้ได้เพลิดเพลินไปกับอาหารออร์แกนิคอีกด้วย บรรยากาศภายในร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่น

  • ที่อยู่ : ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CZ6CK4W69HoJ4xvp7?g_st=ic
  • เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 9.00-18.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด 9.00-21.00 น.
  • เบอร์โทร : 0-92569-4791
เกาะขาม สัตหีบ จ.ชลบุรี

9. เกาะขาม สัตหีบ จ.ชลบุรี

เกาะขามเป็นเกาะยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะมีน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว หาดทรายสีขาว ท้องฟ้าสีคราม ที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน หรือจะได้รูปสวยๆ กลับมาแน่นอน ด้วยวิวสวยๆ จะทำให้คุณลืมไปเลยว่าอากาศร้อน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทริปมาเที่ยวคนเดียวที่สนุดสุดเหวี่ยงไปกับการดำน้ำดูปะการัง หรือจะพายเรือคายัค

  • ที่อยู่ : สำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/x6mBvksmFXFfme186
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตามรอบเรือ จุดจำหน่ายตั๋ว ท่าเรือเขาหมอจอ
  • เบอร์โทร : 0-3312-4848, 09-3397-1342 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-11.30 น. และ 13.00-16.30 น.)
อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

10. อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดที่รู้จักกันดีในสมุทรสงคราม มีชื่อเสียงทั้งในเรื่องของอร่อย รวมไปถึงการนั่งเรือล่องแม่น้ำ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพ เดินทางได้ง่าย มาเที่ยวคนเดียวได้สบาย 

ที่ที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวกันมากที่สุดก็คงไม่พ้น ‘ตลาดน้ำอัมพวา’ เป็นตลาดที่ทรงเสน่ห์เหลือล้น เพราะจะมีพ่อค้า แม่ค้าที่พายเรือขายอาหาร และเครื่องดื่มกันมากมาย มีทั้งขนมไทย ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดดไทย และอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าถึงแม้ว่าจะมาเที่ยวคนเดียวก็เจริญอาหารสุดๆ แถมบรรยากาศยังเหมือนได้กลับไปอดีต พักผ่อนได้อย่างเต็มที่

  • ที่อยู่ : อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
  • พิกัด : https://g.page/amphawa?share
  • เปิดให้เข้าชม : วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00-21.00 น
  • เบอร์โทร : –

หรือถ้าเป็นสายรักสัตว์ที่อัมพวามี ‘บ้านแมวไทย’ เป็นสถานที่ที่จะรวบรวมแมวพันธุ์ไทยโบราณต่างๆ ไว้ ซึ่งจะมีโซนให้เราได้ไปเล่นกับน้องๆ ได้อย่างใกล้ชิด น้องจะเดินเข้ามาอ้อน กระโดดขึ้นตัก หรือถ้าจะอุ้มก็ได้ เป็นสวรรค์ของทาสแมวจริงๆ ซึ่งหากมาเที่ยวคนเดียวแล้วเหงา ก็สามารถแวะมาที่นี่ น้องแมวจะช่วยเยียวยาจิตใจให้เราได้

  • ที่อยู่ : ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/sHdY3dZD12HaBV7P9
  • เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.
  • เบอร์โทร : 0-3470-2068
โบราณสถาน จ.อยุธยา

11. โบราณสถาน จ.อยุธยา

เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ และโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เหมือนได้มาสัมผัสกับอดีตต่างๆ เป็นการมาเที่ยวคนเดียวที่ครบรสชาติ สถานที่ที่ได้สัมผัสธรรมชาติ พร้อมกับประวัติศาสตร์ และได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ

ซึ่งมีวัดที่สำคัญมากมาย โดยจะเริ่มกันที่ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของอยุธยาเลย เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีนักท่องเที่ยวมากันมากมาย หากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว นอกจากได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังได้ความรู้ และเพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกด้วย

  • ที่อยู่ : 40/3 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/PdTxx23ZYHJ3g29
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.00-17.00 น. 
  • เบอร์โทร : –

และต่อกันด้วย ‘วัดมหาธาตุ’ เป็นอีกวัดที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ และเป็นศูนย์กลางเมืองในการจัดพระราชพิธีต่างๆ และยังมีเศียร์พระพุทธรูปหน้าวิหารเล็กที่ปกคลุมไปด้วยรากไม้ใหญ่ ที่ถ้าหากมาเที่ยวที่นี่และได้เห็นเป็นครั้งแรกจะต้องรู้สึกว่าดูน่าหลงใหล เหมือนถูกดึงเข้าไปในอดีตเลยก็ว่าได้ 

  • ที่อยู่ : เชิงสะพานป่าถ่าน ถนนนเรศวร ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/uUCriY2vTZCaLKQC6
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.30-16.30 น. มีค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท 
  • เบอร์โทร : –

ซึ่งหากได้เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะนอกจากโบราณสถานที่ให้ความรู้ และได้สัมผัสบรรยากาศต่างๆ แล้วยังมีคาเฟ่มากมายให้ได้ไปลิ้มลอง

เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

12. เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

เกาะสีชังเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีความสวยงาม แถมยังใกล้กรุงเทพ การเดินทางนั้นก็ไม่ยากมาเที่ยวคนเดียวก็สามารถเดินทางได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวหลง มีเรือข้ามไปเกาะสีชัง โดยเรือข้ามไปเกาะสีชังเที่ยวแรก 6.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.00 น. มีเรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง และเมื่อไปถึงก็มีมอเตอร์ไซต์ให้เช่าบริการ ขับรับลมฟินๆ รอบเกาะ หรือถ้าหากไม่อยากขับก็มีพี่วินมอเตอร์ไซต์ให้รับจ้าง และรถสกายแล็บให้ใช้บริการ

จุดที่เป็นไฮไลท์ที่ต้องแวะมาถ่ายรูปด้วยคือ ‘ช่องอิศริยาภรณ์’ หรือ ‘ช่องเขาขาด’ ความงามที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาชม เป็นช่องเขาขาดที่มีลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ และยังมีกิจกรรมให้ทำอีก นั่นคือการตกปลา เนื่องจากที่นี่มีโขดหินมากมาย เลยเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาหลายชนิด ซึ่งถ้าหากไม่อยากตกปลา เราก็สามารถนั่งชมปลาอย่างเดียวได้ เพราะปลาแต่ละชนิดที่นี่นั้นมีลวดลายที่สวยงาม หาดูได้ยาก 

  • ที่อยู่ : 231/1 ถนนท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/g1VWfQwZLQvoRCL36
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.00-18.00 น.
  • เบอร์โทร : –
ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

13. ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

เมื่อพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว หลายคนคงเคยคิดอยากลองหนีขึ้นดอย ไปสัมผัสอากาศเย็นๆ บรรยากาศเมืองเหนือ ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น และไปเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นของชาวเหนือ ซึ่งที่ดอยอินทนนท์มีที่ให้เที่ยวมากมาย กิจกรรมให้ทำก็เยอะ ของกินก็อร่อย ผู้คนในชุมชนก็น่ารัก 

ซึ่งมาถึงดอยสิ่งแรกที่นึกถึงก็คงเป็นการชมวิวระดับพระเจ้าสร้าง โดยเริ่มที่ ‘จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน’ เป็นวิวที่สวยขนาดยอมทนตื่นเช้ามาให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเข้า และบรรยากาศของทะเลหมอก แถมเส้นทางในการขึ้นมาจุดชมวิวนั้นก็ได้สัมผัสธรรมชาติได้อย่างเต็มปอด ร่มเงาของต้นไม้ และมีแสงแดดส่องรำไรตามพื้นป่า มีเฟิร์นหลายชนิด มอสสีเขียวขึ้นคลุมโคนต้นไม้มากมาย แม้ว่าจะเดินไกลแค่ไหนก็คงต้องหายเหนื่อยเลยทีเดียวเดียว เมื่อได้ชมวิวสวยงามตามข้างทางแบบนี้ เป็นทริปมาเที่ยวคนเดียวที่คุ้มสุดๆ แล้วกับสิ่งสวยงามที่ได้พบเจอ

  • ที่อยู่ : เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณกม.ที่ 43 ใกล้กับพระมหาธาตุ นถทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ถนนจองทอง-ดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง สันป่าตอง และแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/tfkjFPX4YGbzRWAC9
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 6.00-16.00 น.
  • เบอร์โทร : 09-3146-9682
ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ต้องง้อใคร

ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ต้องง้อใคร

การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้นไม่ได้แย่อย่างที่เราคิดเสมอไป บางคนอาจจะกลัวเหงา  แต่จริงๆ การเที่ยวคนเดียวมีข้อดีมากมายหลายอย่าง ซึ่งถ้าหากเราไม่อยากไปคนเดียว มัวแต่รอให้เพื่อนว่าง รอใครสักคนไปด้วย อาจทำให้เราพลาดไปสถานที่ที่เราชอบ ไปพักผ่อน ฮีลลิ่งจิตใจเลยก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นนิทรรศการที่มีวันมากำหนดด้วยอีก จริงๆ การไปเที่ยวไม่จำเป็นต้องไปเป็นแก๊งก็สนุกได้ ข้อดีของการท่องเที่ยวคนเดียวจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

เป็นการเปิดโลก ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับอิสระที่แท้จริง

บางครั้งการไปเที่ยวหลายคนอาจจะเกิดความวุ่นวายหลายอย่าง เช่น รอคนครบ  ไปเลท การตัดสินใจร่วมกัน กิจกรรมที่ทำ สถานที่พัก ฯลฯ การมาเที่ยวคนเดียวสามารถตัดสินใจเองได้เลยโดยไม่ต้องรอความเห็น และในระหว่างเดินทางเราจะได้มีเวลาคิดอะไรได้มากมาย สลัดความวุ่นวาย ได้อยู่กับตัวเอง และได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ประหยัดพลังงานร่างกายจากการใช้กับผู้คน และยังได้โฟกัสกับสิ่งรอบตัวได้อย่างเต็มที่ 

ได้เจอคนใหม่ เพื่อนใหม่ และอาจจะพบรักใหม่ในที่ใหม่ๆ

การไปเที่ยวคนเดียว นอกจากจะได้ลองทำอะไรกิจกรรมใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองทำคนเดียวแล้ว ยังได้เจอกับคนใหม่ๆ อีกด้วย เพื่อนในแก๊งอาจจะไม่เหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวในแบบของเราก็ได้ การได้มาเที่ยวคนเดียว ทำให้เราได้เจอคนแบบเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนกัน จึงมีในหลายเหตุการณ์ที่การท่องเที่ยวนั้นนำพารักมาหาเราและส่วนใหญ่นั้นเป็นคนโสด  และได้เพื่อนใหม่ที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน 

ออกจากเซฟโซน กล้าตัดสินใจเอง คิดเองแบบ 300%

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเราจะสามารถตัดสินใจได้เลยโดยไม่ต้องรอความเห็น ซึ่งในจุดนี้จะช่วยทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิด กล้าทำ เป็นการหลุดออกจากเซฟโซนอย่างนึง ในตอนเริ่มต้นเราอาจจะยังไม่กล้าสนทนากับใคร หรือไม่กล้าเริ่มทำอะไรมากนัก แต่ในบางสถานการณ์จะบังคับให้เราต้องทำอะไรสักอย่าง เช่น เมื่อต้องการความช่วยเหลือในการเดินทาง เราอาจจะต้องถามคนที่อยู่แถวนั้น

และในกรณีที่อยู่คนเดียวต้องตัดสินใจ ณ ตอนนั้น เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการตัดสินใจของเรา แม้ว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ ในภายหลังเราจะสามารถนำประสบการณ์ตรงนี้ขึ้นมาใช้ได้เอง

ค้นหาตัวเอง พบเจอตัวตนใหม่ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

ในบางครั้งเราก็ยังไม่รู้จักตัวเองไปซะทั้งหมดหรอก การมาเที่ยวคนเดียวจะทำให้เรามองเห็นตัวเองในหลายมุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มุมที่กล้าหาญ มุมที่บ้าได้หลุดโลก หรือมุมที่เราได้เห็นวิวสวยๆ นั้นทำให้มีความสุขได้มากขนาดไหน จนทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ที่เราชอบมากกว่าเดิม 

หลายคนอาจจะไม่กล้าเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว จากเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น อาจจะกลัวเหงา หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองอย่างไรเวลาเห็นเราอยู่คนเดียว หรือไม่กล้าที่จะทำกิจกรรมคนเดียว บทความนี้จะเชิญชวนให้กล้าออกไปใช้เวลากับตัวเอง เที่ยวคนเดียวแบบไม่ต้องรอใคร กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าลองทำอะไรคนเดียว เป็นการปลดล็อคตัวเองในอีกขั้น นั่นเลยเป็นหนึ่งในข้อดีของการมาท่องเที่ยวคนเดียว

ซึ่งบางครั้งการไปเที่ยวคนเดียวก็ต้องการความสะดวกสบาย เพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง ทั้งกระเป๋าและสัมภาระ ที่อาจจะสร้างความลำบากให้กับการเดินทาง เป็นอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ซึ่งเพื่อลดภาระการเดินทาง เพื่อให้เดินทางได้อย่างสบายใจ สบายหลัง สามารถเลือกใช้บริการรับส่ง-ฝากกระเป๋ากับ Airportels เป็นสายงานบริการที่จะช่วยบริการขนส่งกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว ช่วยให้การเดินทางของเรานั้นสะดวกสบายมากขึ้น มีหลายสาขาให้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นสาขาสุวรรณภูมิ สาขาเซนทรันเวิล์ด สนามบินดอนเมืองก็สามารถฝากสัมภาระไว้ได้เลย แล้วไปเที่ยวคนเดียวได้โดยไม่ต้องพกกระเป๋าหนักๆ และวันสุดท้ายของทริปก็สามารถฝากสัมภาระ ไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วออกไปเที่ยวได้เช่นกัน ทริปไปเที่ยวคนเดียวจะสนุกมากขึ้น

หนาวนี้ไปไหนดี 2565 ปักหมุดไปเช็กอินกัน

หน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว ยังงี้ก็ต้องเตรียมจัดทริปไปชมทะเลหมอกสัมผัสกับลมหนาวกันสักหน่อย ถ้าหากใครยังไม่มีไอเดียว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในช่วงหน้านี้เรามี เที่ยวหน้าหนาว 10 ที่มาฝากกัน จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่า

  

1. ดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของการเที่ยวหน้าหนาว เพราะเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน ประเทศไทย สูงจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบชื้นที่มีต้นไม้นานาพันธุ์ บนยอดดอยอากาศหนาวเย็นมากถึงขั้นที่ว่าเกิดแม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็งก็มีมาแล้ว ใครที่อยากจะออกไปสัมผัสทะเลหมอกท้าความหนาวพลาดไม่ได้เลย ด้านบนมีที่พักหลากหลายแบบทั้งลานกางเต็นท์ โฮมสเตย์ รีสอร์ต และที่พักของอุทยาน คุณสามารถเลือกได้ตามรสนิยม

พิกัด : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตู้ ปณ.2 119 หมู่7 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160

(อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่)

เวลาเปิด – ปิด อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

เวลา : 05:00 – 16:00

 

2. ปาย

สถานที่ท่องเที่ยวคลาสสิคที่ฮอตฮิตตลอดกาล ไม่ว่าเวลาผ่านไปไหนแค่ไหนมนต์เสน่ห์ของปายก็ไม่เคยเหือดหาย ที่นี่เป็นหมู่บ้านในหุบเขาที่อากาศเย็นสบายทั้งปียิ่งในหน้าหนาวยิ่งอากาศดีมาก ๆ แถมยังมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายให้ไปเปิดประสบการณ์ ยามเย็นก็มีถนนคนเดินเป็นตลาดขายของกินของที่ระลึกให้ได้เลือกชิมเลือกช้อปมากมาย 

 

3. ดอยเสมอดาว

สถานที่ท้าลมหนาวชมทะเลหมอกที่มาแรงในจังหวัดน่าน ที่นี่เป็นยอดดอยที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ สามารถหมอกเห็นทะเลหมอกยามเช้าได้แบบเต็มตา ที่นี่มีบ้านพักให้บริการ นอกจากนั้นยังมีลานกางเต็นท์ให้บริการสำหรับคนลุย ๆ  ด้านบนมีร้านอาหารไว้บริการไฮไลท์เด็ดเลยก็คือการนั่งกินหมูกระทะท้าลมหนาวพร้อมกับนอนดูแสงดาวยามค่ำคืนฟินสุด ๆ ไปเลย

พิกัด : อช.ศรีน่าน ดอยเสมอดาว อ.นาน้อย จ.น่าน

เต็นท์ของอุทยานกางไว้ให้แล้วทั้งสองจุด ไม่ต้องเข้าไปจองในเว็บไซต์ของอุทยานฯ

 

4. ภูทับเบิก

แลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่มีพืชที่ทางการเกษตรปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย ยิ่งในช่วงหน้าหนาวตั้งแต่ตุลาคม – ธันวาคม เป็นช่วงที่กะหล่ำปลีกำลังสวยเลย คุณจะได้เห็นไร่กะหล่ำปลีแบบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แถมตอนเช้า ๆ ยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกหนาตาได้แบบพาโนรามาเลยทีเดียว

พิกัด : ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่บ้านทับเบิก ตำบลวังบาล จังหวัดเพชรบูรณ์

 

5. เชียงคาน

อีกหนึ่งสถานที่ เช็คอิน ช่วงหน้าหนาวสุดคลาสสิคอีกที่หนึ่ง เป็นการท่องเที่ยวประเภทเสพวิถีชีวิตของคนพื้นที่ ชุมชนที่นี่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ริมฝั่งโขง อากาศเย็นสบายตลอดปีแต่ให้บรรยากาศอบอุ่นของรอยยิ้มผู้คน ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าหนาวยิ่งเย็นสบาย สามารถมองเห็นทะเลหมอกเหนือแม่น้ำโขงในยามเช้า ไฮไลท์สำคัญก็คือการได้ตักบาตรข้าวเหนียวริมฝั่งโขง ใครอยากไปใช้ชีวิตช้า ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ที่นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด

 

6. เขาใหญ่

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงหน้าหนาวไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งเลยทั้งยังเป็นมรดกโลกด้วย ที่สำคัญคือเดินทางสะดวก เดินทางออกจากกรุงเทพที่พอถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวขวาใช้ถนนเส้นมิตรภาพเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ถึงเขาใหญ่แล้ว อากาศเย็นสบาย ยามเช้าสามารถออกมาชมหมอกบาง ๆ พร้อมสูดรับโอโซนกันให้เต็มปอด ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เยี่ยมชมไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้ สวนสัตว์แบบ Exotic ไร่องุ่น ร้านอาหารอร่อยๆ เพียบ แถมที่พักก็มีหลากหลายสไตล์ทั้งแบบขาลุยนอนกางเต็นท์ใกล้ชิดธรรมชาติไปจนถึงรีสอร์ทหรูที่ให้บรรยากาศราวกับอยู่ต่างประเทศ

พิกัด : จังหวัดนครราชสีมา

 

7. ดอยช้าง

ดอยช้างเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งของการไปเที่ยวหน้าหนาว เพราะค่อนข้างสะดวกสบายเดินทางง่าย ต่างจากยอดดอยอื่น ๆ ที่มักต้องเดินทางสมบุกสมบันและยังมีไฟฟ้าใช้จำกัด ที่ดอยช้างยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ดีที่สุดในประเทศ จึงเหมาะกับการไปเที่ยวชิลล์ ๆ ทั้งครอบครัว ด้านบนมีที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟให้บริการหลากหลายร้าน พิเศษตรงที่คุณจะได้ดื่มกาแฟที่ปลูกสด ๆ กันบนนี้เลย กาแฟนทุกแก้วผ่านการคั่วบดด้วยวิธีแบบดั้งเดิม รับรองเลยว่าฟินสุด

พิกัด : จังหวัดเชียงราย

 

8. ม่อนแจ่ม

ใครที่อยากไปนอนเต็นท์สัมผัสกับอากาศหนาวม่อนแจ่มเป็นที่ที่ไม่ควรพลาด เพราะมีลานกางเต็นท์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ให้คุณได้นอนชมดาวได้เต็มตาทั่วทั้งฟ้ายามค่ำคืน เช้ามาก็มีทะเลหมอกมาให้ชมถึงที่ วิวก็สวยงามมากมองเห็นนาขั้นบันได ไร่ส้ม สวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานแข่งสีสันกันตระการตา เหมาะกับการไปถ่ายรูป เช็คอิน อัพลงโซเชียลก็เรียกยอดไลค์ยอดแชร์ได้ไม่น้อย

พิกัด : ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ 50180

เวลาเปิด – ปิด : 7.00 – 19.00

ตั๋วเข้าชมม่อนแจ่ม : มอนแจ่มไม่เก็บค่าเข้าชม แต่เข้าชมไร่สตรอเบอรี่ ปลายฟ้าต้องเก็บค่าเข้าชม 20 บาท

 

9. ปางอุ๋ง

สถานที่ท่องเที่ยว unseen ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่อว่าสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย เพราะบรรยากาศเป็นอ่างเก็บที่โอบรอบไปด้วยป่าสนเขาบริเวณกว้าง ราวกับทะเลสาบในแถบยุโรปยังไงยังงั้น ซึ่งสามารถไปนอนกางเต็นท์บนลานสนสัมผัสความหนาวได้แบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ นั่งดูหงส์คลอเคลียกันอยู่บนเหนือน้ำแบบชิลล์ ๆ หรือใครจะล่องแพชมความงามของธรรมชาติก็น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย

พิกัด : โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านรวมไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

 

10. บ้านนาคูหา จังหวัดแพร่

แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดแพร่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ที่นี่อากาศดีมากเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ในประเทศไทย หมุดหมายแรกเลยก็คือวัดนาคูหาที่มีพระพุทธองค์ใหญ่สีทองตั้งตระหง่านโอบล้อมไปด้วยนาข้าวและภูเขา มีสะพานไม้ไผ่เดินข้ามนาข้าวให้แวะเวียนไปถ่ายรูป ไฮท์ไลต์ของที่นี่ก็คือการมาเก็บสาหร่ายเทาซึ่งเป็นสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่งนำไปประกอบอาหาร นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมการย้อมผ้าครามและทำผ้ามัดย้อมให้ได้ลงมือทำด้วย

พิกัด : บ้านนาคูหา หมู่5 ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 18.00 น.

 

เป็นอย่างไรบ้างกับ 10 ที่ เที่ยวหน้าหนาว ที่เรานำมาฝาก ยังไงหนาวนี้ก็ตามไปเช็คอินกันให้ได้นะ เหน็ดเหนื่อยทำงานมาทั้งปีก็ถึงเวลาออกไปท่องเที่ยวให้รางวัลตัวเองกันบ้างแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะได้ชาร์จพลังใจท่ามกลางธรรมชาติและไอหมอกได้อย่างเต็มที่

 

ที่มาข้อมูล : 

ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ชมทะเลหมอก เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2565

การท่องเที่ยวในเมืองไทยนั้น เรียกได้ว่าสามารถเที่ยวได้ทั้งปีจริง ๆ เพราะในแต่ละเดือน แต่ละฤดูกาล ประเทศไทยของเราก็มีสถานที่เที่ยวมากมาย เพื่อรองรับและตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้อย่างดีเสมอ และเมื่อมาถึงอีกหนึ่งฤดูของการเชื่อมต่อที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างช่วงเดือนตุลาคม ที่ใคร ๆ เรียกว่าปลายฝนต้นหนาว อากาศเย็นอ่อน ๆ แบบยังมีกลิ่นอายของ หน้าฝน ที่ผ่านพ้นไป ทำให้มี ทะเลหมอกที่สวยงามเกิดขึ้นระหว่างฤดูแบบนี้อีกด้วย วันนี้จึงขอแนะนำที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ชมทะเลหมอก เดือนตุลาคม 2565 กัน ที่กำลังรอให้ทุกท่านออกไปเก็บความทรงจำดี ๆ ในฤดูแห่งความโรแมนติกนี้ด้วยกัน

 

1. สวนป่าดอยบ่อหลวง

เที่ยวเดือนตุลาคม 2565 ที่แรกที่อยากแนะนำให้หาโอกาสมาเยือน ทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่ไม่ได้อยู่ยอดดอย แต่อยู่ที่ยอดสน ทะเลหมอกยามเช้าที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางป่าสนสูงใหญ่ ที่ต้องแหงนหน้ามองสุดปลายตา หมอกสีขาวแทรกตัวกลมกลืนได้อย่างงดงาม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าลึกของต่างประเทศกันเลยทีเดียว ภูมิทัศน์และลักษณะของพื้นที่ของสวนป่าดอยบ่อหลวงแห่งนี้ ออกแบบให้ธรรมชาติโอบล้อมที่พัก ซึ่งดูเข้ากันได้ดี โดยมีบ้านพักหลากหลายรูปแบบให้เลือกเข้าพักตามที่ชอบและยังมีพื้นที่ลานกว้างแบ่งเป็นโซนสำหรับการกางเต็นท์ เป็นอีกตัวเลือกสำหรับการเข้าพัก ซึ่งบ้านพักที่ได้รับความนิยมคือแบบไม้สนทรงหลังคาจั่วแหลมและมีห้องนอนใต้หลังคา แบบบ้านในนิทานฝรั่งที่ใครหลายคนเคยอ่านในวัยเด็ก บ้านหลังน้อยกลางป่าสนสูงใหญ่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ที่เขียวชอุ่ม เหมาะกับการมาใช้เวลาพักผ่อนเก็บความทรงจำดี ๆ ใช้ชีวิตช้า ๆ เนิบ ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง บ้านองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ริมถนนสาย 108 เส้นทางเดียวกับสวนสนบ่อแก้วและออบหลวง ซึ่งสามารถจองก่อนเข้าพักได้ตามกำหนดที่มีการแจ้งไว้ทางเฟซบุ๊ก

  • ตั้งอยู่ในอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ริมถนนสาย 108
 
 

2. บ้านป่าบงเปียง

เป็นท้องทุ่งนาข้าวแบบขั้นบันได ที่ปลูกไว้โดยลดหลั่นตามความลาดของพื้นที่ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นวิถีการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่เพาะปลูกข้าวและพืชผัก หากแต่กลายเป็นภาพที่งดงาม ประกอบกับภูเขาเขียวขจีที่โอบล้อมหมู่บ้านและท้องนา เป็นสถานที่ซึ่งขอแนะนำให้หาโอกาสไปลองพักและใช้ชีวิตช้า ๆ ที่นี่ดู จะดีแค่ไหนหากตื่นเช้ามาแล้วสิ่งแรกที่มองเห็นตรงหน้าที่พักคือทะเลหมอกที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางนาขั้นบันไดที่เขียวขจี โอบล้อมไปด้วยภูเขาที่รายล้อมเหมือนการโอบกอดจากธรรมชาติ เป็นภาพประทับใจที่ต้องไปเก็บความทรงจำด้วยตาของตัวเอง เพราะนอกจากภาพความงดงามตรงหน้าแล้ว บรรยากาศเย็นชุ่มฉ่ำของปลายฝนต้นหนาวที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากภาพถ่ายใด ๆ คืออีกความมีเสน่ห์ของการออกไปท่องเที่ยว เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เพราะนี่คือแหล่งพลังงานที่สามารถเติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจชั้นดีทีเดียว

  • ที่อยู่ : ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
 
Ban pa bong piang in Chiang mai, Thailand.
 

3. บ้านอีต่อง ตำบลปิล๊อก

เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ร่วมกันของคนไทยเชื้อสายพม่าและมอญ ที่มีมนต์เสน่ห์สำหรับผู้มาเยือน ทำเลที่ตั้งของหมู่บ้านซึ่งเคยเป็นเหมืองเก่าและถูกปิดมาก่อน อยู่ท่ามกลางการโอบล้อมของภูเขา โดยมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางหมู่บ้าน ทำให้ในยามเช้ามีทะเลหมอกเป็นรางวัลให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมบรรยากาศทุกเช้า ยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ยิ่งสวยมากเป็นพิเศษ หมอกสีขาวแทรกตัวอยู่กับแมกไม้สีเขียวสดและบ้านเรือนของชาวบ้าน วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ก็น่ารักและเรียบง่าย บรรยากาศร้านกาแฟยามเช้า ให้ผู้มาเยือนได้นั่งจิบเครื่องดื่มร้อน ๆ พร้อมกับทอดสายตาได้จนสาย สะพานเล็ก ๆ ที่หลายคู่รักมาคล้องกุญแจเหมือนที่สถานที่ชื่อดังของเกาหลี เป็นจุดที่ต้องถ่ายรูปบอกให้ชาวโลกรู้หากมีโอกาสมากับคู่รัก เป็นอีกกิจกรรมน่ารัก ๆ ท่ามกลางหมอกขาว ๆ ที่ลอยละล่องอยู่เป็นฉากหลังของภาพถ่ายที่งดงาม

  • อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
 
E-Tong Pilok village in Kanchanaburi
 

4.สะพานมอญสังขละบุรี

เป็นที่ท่องเที่ยวอีกที่ซึ่งงดงามมากในยามเช้าที่ ทะเลหมอก ปกคลุม ซึ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างเดือนตุลาคมนั้น ทะเลหมอกยามเช้ามีให้ชมแบบไม่ต้องลุ้นกันเลยทีเดียว สะพานไม้แห่งนี้คือสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความศรัทธาของชุมชนชาวมอญที่มีต่อพระพุทธศาสนา โดยได้มีการยกย่องว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โดยมีความยาว 850 เมตร ด้วยทำเลที่ตั้งของสะพานที่ล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวขจีและพื้นน้ำด้านล่าง ทำให้บรรยากาศรื่นรมย์เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งวิถีชีวิตของชาวมอญที่อาศัยอยู่นั้นมีความน่าสนใจและเป็นมิตรกับแขกผู้มาเยี่ยมเยือน อีกทั้งรีสอร์ทน้อยใหญ่ก็มีให้เลือกเข้าพักในราคาที่เหมาะสมให้ได้ตื่นเช้ามาชมความสวยงามของทะเลหมอก ณ จุดเช็คอินที่สะพานมอญ

  • สะพานอุตตมานุสรณ์ กาญจนบุรี
 
 

5. เขาช่องลม

เป็นอีกสถานที่สำหรับชมทะเลหมอกยามเช้า ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกแห่งหนึ่งที่ควรหาโอกาสไปสักครั้งในวันหยุด ลำธารน้ำทอดยาวที่ไหลผ่านช่องเขาที่สองข้างโอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่เขียวขจี ทำให้หลายคนเรียกที่แห่งนี้ว่าสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ช่วงปลายฝนต้นหนาวท้องฟ้าสีสดใส อากาศเย็นอ่อน ๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจี มองไปสุดปลายตา ความงดงามของธรรมชาติที่ต้องไปเก็บเป็นความทรงจำด้วยสายตาตัวเองเท่านั้น ลำธารน้ำไหลเอื่อยและโขดหินรูปทรงหลากหลายมีให้ปีนป่ายอย่างเพลิดเพลิน ต้นไม้ดอกไม้แปลกตาระหว่างทางเดินที่เกิดจากธรรมชาติที่สมบูรณ์ของที่นี่ ก็เป็นภาพถ่ายสวย ๆ ให้ใครหลาย ๆ คนมักลงอวดผู้คนในโลกโซเชี่ยล อารมณ์การมาเที่ยวที่นี่จะเหมือนการไปแคมป์ปิ้งของชาวต่างประเทศ บางคนก็เลือกหาทำเลกางเต็นท์หรือหาที่พักใกล้ ๆ เพื่อมาชื่นชมและเก็บภาพถ่ายบรรยากาศยามเช้า ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับเพื่อน คู่รัก และครอบครัว อีกแห่งหนึ่งที่ขอแนะนำ

  • เขาช่องลม เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก
 
khao chong lom
 

เสน่ห์ของฤดูกาลปลายฝนต้นหนาว ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมนั้น ถือเป็นช่วงที่ธรรมชาติอิ่มตัวและเตรียมพร้อมแล้วหลังจากใกล้จบ หน้าฝน ต้นไม้น้อยใหญ่อิ่มน้ำและงดงาม พร้อมอวดโฉมให้ผู้คนได้ออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและชาร์จพลังงานกัน อากาศเย็น ๆ กับการนั่งจิบกาแฟหรือชา ชมสายหมอก นั่งดูความงดงามของธรรมชาติรอบ ๆ ตัว บางคนเรียกว่าการใช้ชีวิตอย่างสโลว์ไลฟ์หรือใช้ชีวิตให้ช้าลง ให้ธรรมชาติโอบล้อม ปลอบโยน เติมเต็ม ให้พลัง หนุนใจ เพื่อกลับมาใช้ชีวิตต่ออย่างมีคุณภาพต่อไป พร้อมต้อนรับฤดูกาลต่อไป

 

ที่มาข้อมูล

รวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวในไทยสุดฮิตที่ไม่เคยตกเทรนด์

ว่ากันด้วยเรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์ ในประเทศไทยและเห็นคนนิยมไปเที่ยวกันอยู่บ่อย ๆ ไปแล้วอยากไปอีกไม่ตกเทรนด์มีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย

1. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

ฤดูหนาวมีไม่กี่สถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนนึกถึง ภูทับเบิกคือชื่อแรก ๆ ที่ติดอันดับอย่างแน่นอนด้วยสถิติของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนภูทับเบิกแห่งนี้เฉพาะวันที่ 17 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมากถึง 12,000 คนที่ไปสัมผัสบรรยากาศความหนาวของที่นี่

โดยเฉพาะหนาวแรกของปีด้วยบรรยากาศและวิวทะเลหมอกในยามเช้าที่สวยงาม ประกอบกับสถานที่เที่ยวโดยรอบมากมาย สามารถที่จะดึงดูดนักเที่ยวให้ไปเยือนได้เป็นอย่างดี ถือเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์ เลยทีเดียว

2. โครงการป่าสน วัดจันทร์ อ.อ.ป. จังหวัดเชียงใหม่

โครงการป่าสน วัดจันทร์ อยู่ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ อ.อ.ป. จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ราคาที่พักไม่แพง จึงทำให้นักท่องเที่ยวนิยมผลัดเปลี่ยนกันมาชมความงามตามธรรมชาติโดยเฉพาะฤดูหนาวในช่วงเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์

คุณจะได้สัมผัสกับความสวยงามของใบเมเปิ้ล แม้ในยามฤดูร้อนก็สามารถนอนชมท้องฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวได้เช่นกัน สำหรับใครที่รักความสงบและสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริงต้องไม่พลาดสถานที่แห่งนี้

3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์

สถานที่ทางประวัติศาสตร์เป็นอีก สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์
ปราสาทหินพนมรุ้งมีสถาปัตยกรรมที่มหัศจรรย์และสวยงามแห่งหนึ่งด้วยศิลปะเขมรโบราณที่งดงามและยิ่งใหญ่ กล่าวกันว่าที่นี่มีความมหัศจรรย์คือ ในวันที่ 3 – 5 เมษายน และ 8 – 10 กันยายนของทุกปี แสงจากดวงอาทิตย์จะขึ้นลอดผ่านช่องประตูทั้ง 15 บาน และในขณะที่วันที่ 6 – 8 มีนาคม และ 6 – 8 ตุลาคมของทุกปี

แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตกลงก็จะลอดผ่านช่องประตูทั้ง 15 บานเช่นกัน ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่คนโบราณสามารถคำนวณทิศทาง และการก่อสร้างให้แสงจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านตัวปราสาททั้งตอนขึ้นและลงได้อย่างเหลือเชื่อ ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดในการไปชมความอัศจรรย์ในครั้งนี้

4. เขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรี

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ความเสียวที่ไม่เหมือนใครขอแนะนำเขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรีกับ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์ เพราะสถานที่แห่งนี้จำกัดจำนวนคนขึ้นไปเที่ยวชมเพียงวันละไม่เกิน 60 คนเท่านั้น และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน

เพราะด้วยระยะทางการเดินเท้าที่มากกว่า 8 กิโลเมตร แต่ใช้เวลามากถึง 6 ชั่วโมง ใครจะรู้ได้ว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไรกับการเดินทางบนสันเขาที่สูงและหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่งรับรองถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน

5. ภูกระดึง จังหวัดเลย

ว่ากันว่าหนาวนี้ต้องไปเยือนสักครั้งสำหรับผู้พิชิตภูกระดึงกับเส้นทางเดินเท้าขึ้นไปบนยอดภูกระดึงที่สูงชันท้าทายนักท่องเที่ยวแม้จะขึ้นไปถึงยอดภูและถ่ายรูปคู่ป้ายผู้พิชิตแล้วยังต้องเดินเท้าต่อไปยังที่พักอีกกว่า 3 กิโลเมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้บนภูกระดึงยังมีน้ำตก หน้าผาและดอกไม้ป่าที่สวยงามรอให้คุณไปสัมผัส ด้วยบรรยากาศและยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์ทำให้คนมักแวะเวียนไปอยู่เสมอ ๆ

6. เส้นทางการขับรถชมวิว 4 จังหวัด กับ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต

อีก 1 ไฮไลท์ของการไปเยือนจังหวัดทางภาคตะวันออกกับธรรมชาติสองข้างทางที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร กับเส้นทางถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
ที่สามารถแวะชมจุดท่องเที่ยวได้ตลอดการเดินทาง ตั้งแต่ชลบุรี ระยอง
จันทบุรี และสิ้นสุดที่ ตราด

ก่อนจะข้ามไปเกาะช้างก็ยังได้กับธรรมชาติสองข้างทาง ทั้งจุดชมเนินนางพญา หาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกมาก ด้วยระยะทาง 111 เมตร เลียบชายฝั่งที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินตลอดเส้นทาง

7. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

ถือเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์ เลยสำหรับเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้ ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้นที่ต้องการมาเยือนสวรรค์บนดินแห่งนี้ แต่ยังมีชาวต่างชาติมากหน้าหลายตาสลับกันมาเยือนไม่ขาดสายด้วยทะเลที่สวย น้ำที่ใส หาดทรายที่ขาว น่านอนเป็นอย่างยิ่งพร้อมกิจกรรมอีกมากมายให้คุณได้เข้าร่วมทั้งดำน้ำรอบเกาะตกปลาฤดูร้อนจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะมาเยือนสถานที่แห่งนี้

สำหรับใครที่กำลังมองหา สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยตกเทรนด์และคนนิยมไป ต้องไม่พลาดกับ 7 สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำรับรองได้เลยว่าไปเที่ยวครั้งนี้ไม่มีเอ้าท์อย่างแน่นอน

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น ปลายทาง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร พัทยา และบริเวณภูเก็ต

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ชั้นจี, ตรงข้าม Tourist Lounge

Terminal 21 Pattaya ชั้น 2, โซนโตเกียว

เซ็นทรัล ป่าตอง ภูเก็ต ชั้น 1, โซนบริการ

โปรโมชั่นพิเศษ

บริการส่งกระเป๋าภายในกรุงเทพฯ, พัทยา และภูเก็ต เริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น บริการส่งกระเป๋าระหว่างจังหวัด เริ่มต้นที่ 299 บาท/ชิ้น

ติดต่อเรา

หมายเลขโทรศัพท์ : +66 6321-666-99

Website: Luggage Delivery Bangkok

E-mail: [email protected]

Line: @AIRPORTELs

WeChat: AIRPORTELs

Kakao Talk: AIRPORTELs

Facebook: www.facebook.com/airportels

ให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นได้ที่นี่! airportels.asia