Boarding Pass คืออะไร สำคัญอย่างไรเมื่อเรามีเที่ยวบิน

Boarding Pass คือ กระดาษใบยาวๆ ที่เราได้รับหลังทำการเช็กอิน (check-in) เมื่อไปถึงสนามบิน มีใครเคยสงสัยกันบ้างไหมว่าคืออะไรกันแน่ ทำไมเวลาเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ต้องใช้ Boarding Pass อยู่เสมอ และที่สำคัญ คือ ทุกคนจะทำ Boarding Pass หาย ไม่ได้นะ ไม่งั้นไม่ได้ขึ้นเครื่องแน่ๆ

Boarding Pass คืออะไร

Boarding Pass คือ เอกสารสำคัญที่ควรถือไว้คู่กับหนังสือเดินทาง (Passport) เพราะเป็นเอกสารที่มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการบิน จึงมีไว้สำหรับยืนยันตัวตนของเราหลายระหว่างบิน โดยตัว Boarding Pass จะประกอบด้วยข้อมูลสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล หมายเลขเที่ยวบิน เวลาขึ้นเครื่อง เวลาถึงปลายทาง ประตูทางออกขึ้นเครื่อง ชั้นที่นั่งโดยสาร และเลขที่นั่งโดยสาร

จริงๆ แล้วถ้าเราทำ Boarding Pass หาย ไม่ใช่แค่เราจะไม่ได้ขึ้นเครื่อง แต่ยังเกิดความเสี่ยงต่างๆ ตามมาจากข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล เพราะ Boarding Pass นั้นมีบาร์โค้ดที่สามารถสแกนเข้าไปดูข้อมูลอื่นๆ ของเราได้เทียบเท่ากับตัวเล่ม Passport เลยนะ ดังนั้น เมื่อได้ Boarding Pass มาแล้ว ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหาย หรือ ถ่ายรูปโพสต์ลงบนโซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นอันขาด

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

Boarding Pass คืออะไร

passport

เมื่อเราไปถึงสนามบินแล้ว เราไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ในทันที สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำเหมือนกันเลย คือ การเช็กอิน (check-in) หรือ การลงทะเบียนยืนยันการเดินทาง ซึ่งปกติแล้วทางสายการบินจะมีเคาน์เตอร์เตรียมไว้รอรับเราอยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าอยู่แล้ว พอทำการเช็กอิน (check-in) เสร็จ ทุกคนจะได้รับกระดาษสีขาวใบยาวๆ ที่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางในเที่ยวบินนี้ของเรามา เจ้ากระดาษใบนี้แหละ คือ “Boarding Pass”

  • การเช็กอิน (check-in) แบบอัตโนมัติด้วยตัวเอง ผ่านเครื่อง kiosk ตามจุดที่สนามบินเตรียมเอาไว้ให้ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยลักษณะของตู้ประเภทนี้จะคล้ายๆ กับตู้ ATM เราสามารถตอบคำถามต่างๆ ที่ตู้นี้ถามให้ครบ เช่น ชื่อ-สกุลอะไร นั่งตรงไหน สายการบินอะไร ถ้าตอบถูกหมด ก็จะได้รับ “Boarding Pass” เช่นเดียวกัน
  • บางสายการบินก็มีบริการเช็กอินออนไลน์ (online-check-in) ผ่านเว็บไซต์ โดยเราสามารถทำการเช็กอินได้ภายระยะเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนเครื่องออก ซึ่งการเช็กอินประเภทนี้ เราจะได้ “Boarding Pass” ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถกดบันทึกไว้เป็นไฟล์รูปภาพภายในโทรศัพท์มือถือได้ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่สะดวกสบายมากที่สุด แถมยังช่วยรักษ์โลกผ่านการลดปริมาณการใช้กระดาษได้อีกด้วย

ข้อมูลใน Boarding Pass

ไม่ว่าเราจะทำการเช็กอินแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการเช็กอินหน้าเคาเตอร์ เช็กอินผ่านตู้ kiosk หรือเช็กอินผ่านช่องทางออนไลน์ Boarding Pass ที่ได้รับมา คือ Boarding Pass เดียวกัน สามารถใช้เป็นเอกสารในการขอขึ้นเครื่องบินได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระดาษสีขาวทรงแนวนอนแบบยาว หรือเป็นภาพไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะ Boarding Pass ที่เราได้รับมาจะมีข้อมูลสำคัญของตัวเรา ดังนี้

boarding pass

1.ชื่อ-นามสกุล ผู้โดยสาร

สำหรับชื่อ-นามสกุลของผู้โดยสารที่ปรากฎอยู่บน Boarding Pass นั้น อาจจะดูแปลกตาสำหรับคนไทย เพราะอย่างแรกเลย
คือ ชื่อ-นามสกุลผู้โดยสารที่ปรากฎอยู่บน Boarding Pass จะพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ และอย่างที่สอง คือ ชื่อ-นามสกุลบน Boarding Pass จะมีการสลับตำแหน่งกัน คือ นามสกุลจะปรากฎอยู่ข้างหน้า ส่วนชื่อจะอยู่ด้านหลังนามสกุลอีกที เช่น ถ้าคุณชื่อ Michel Jackson ชื่อ-นามสกุลที่ปรากฎอยู่บน Boarding Pass ของคุณ คือ Jackson Michel

โดยเราต้องตรวจทานให้ดีว่าชื่อ-นามสกุลของเรา มีการสะกดที่เหมือนกับชื่อ-นามสกุลที่ปรากฎอยู่บนหนังสือเดินทาง (Passport) หรือไม่ เพราะถ้าหากมีตัวอักษรสะกดแตกต่างกันแม้แต่ตัวเดียว เราก็อาจจะถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบินได้ และสำหรับใครที่ขึ้นเที่ยวบินภายในประเทศ อาจใช้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารยืนยันตัวตนแทนหนังสือเดินทาง (Passport) ได้เช่นกัน

2. หมายเลขเที่ยวบิน

ในส่วนของหมายเลขเที่ยวบินนั้น จะเป็นโค้ดตัวอักษรภาษาอังกฤษจำนวน 2 ตัว ตามด้วยตัวเลขอีก 3-4 หลักต่อท้าย ทุกคนจึงควรจำตัวอักษร 2 หลักแรกบน Boarding Pass ให้ดี เพราะตัวอักษรนั้น คือ รหัสที่จะบอกสายการบินที่ต้องขึ้น เช่น AK1234 ตัวอักษร AK ที่ปรากฎอยู่ด้านหน้า จะบอกให้รู้ว่าเที่ยวบินที่ต้องขึ้นเป็นเที่ยวบินของสายการบินใด ซึ่งแต่ละสายการบินจะมีรหัสตัวอักษรนำคู่ที่แตกต่างออกไป

3. เวลาขึ้นเครื่อง

สำหรับใครที่ได้รับ Boarding Pass มาแล้ว จะเห็นตัวเลข 3-4 หลัก ที่เขียนติดกันเอาไว้ โดยมีตัวอักษร A หรือ P ต่อท้าย มักปรากฎอยู่บริเวณที่ส่วนกลางของขอบกระดาษ เช่น 300A หรือ 1010P โดยเจ้าตัวโค้ด A หรือ P นี้ คือ ตัวเลขบอกเวลาขึ้นเครื่อง โดย 300A หมายถึง เวลา ตี 3 ส่วน 1010P หมายถึง เวลา 4 ทุ่ม 10 นาที

  • ตัวอักษร A นั้น ย่อมาจากคำว่า AM (Ante Meridiem) หมายถึง เวลา 12 ชั่วโมงหลังเที่ยงคืน
  • ตัว P นั้น ย่อมาจากคำว่า PM (Post Meridiem) หมายถึง เวลา 12 ชั่วโมงหลังเที่ยงวัน

นอกจากนี้ เราควรเผื่อเวลาก่อนขึ้นเครื่องสักเล็กน้อย หากเวลาขึ้นเครื่องบน Boarding Pass คือ 1130A หรือ 11 โมงครึ่ง เราก็ควรจะไปรอที่เกต (Gate) ตั้งแต่ 10 โมงครึ่ง หรือหากมาสาย ถ่ายรูป กินข้าว ช็อปปิงเพลินไปหน่อย ก็ควรมาถึงเกตอย่างช้าสุดตอน 11 โมงเช้า ไม่งั้นอาจตกเครื่องได้ เพราะไม่ใช่ว่ามาถึงเกตแล้วจะได้ขึ้นเครื่องทันที พี่ๆ แอร์โฮสเตสและสจ๊วต เขาจะเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องตามโซนและคลาสของที่นั่ง หากเราไปผิดเวลา อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าได้

check in
  • โดยผู้โดยสารชั้น First Class และ Business Class จะได้ขึ้นเครื่องก่อน
  • ผู้โดยสารขึ้น Economy Class โดยจะเรียกขึ้นเครื่องตามโซนที่นั่ง ซึ่งใครได้ที่นั่งเข้าออกยากๆ บริเวณตรงกลางด้านหลัง ก็มักจะถูกเรียกให้ขึ้นเครื่องก่อน

พูดง่ายๆ คือ หากเราไม่อยากมีปัญหาในการเดินทาง จนต้องมาลุ้นว่าจะขึ้นเครื่องทันก่อนเครื่องออกหรือไม่ ให้ดูเวลาขึ้นเครื่องใน Boarding Pass ให้ดี คือ เวลาเครื่องออกเท่าไหร่ ควรไปรอที่เกตก่อนหน้าเวลาที่ปรากฎสัก 30-60 นาที ซึ่งเวลาที่เขียนอยู่บน Boarding Pass คือ เวลาท้องถิ่นที่สนามบินนั้นๆ ตั้งอยู่

4. เวลาถึงปลายทาง

ในส่วนของเวลาถึงปลายทาง คือ เวลาคาดการณ์โดยประมาณที่ครื่องบินจะลงจอดยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งมีหลักการในการเขียนตัวเลขลงใน Boarding Pass เหมือนกันกับการเขียนบอกเวลาขึ้นเครื่อง คือ ตัวเลข 3-4 หลัก แล้วตามด้วยตัวอักษร A หรือ P เช่น 1010A คือ 10 โมงเช้ากับอีก 10 นาที นั่นเอง

นอกจากนี้ เราควรปรับนาฬิกาให้เวลาตรงตามเวลาท้องถิ่นของปลายทางนั้นๆ โดยสามารถดูเวลาจาก Time Zone สากลได้ เช่น เมืองไทยมีรหัสโซนเวลาเป็น GMT+7:00 BKK นั่นหมายความว่า โซนเวลาของประเทศไทย ที่มีเมืองหลวง คือ กรุงเทพมหานครนั้น จะมีเวลาเร็วกว่าโซนเวลามาตรฐาน คือ เมืองกรีนิชประเทศอังกฤษ (Greenwich Mean Time) อยู่ 7 ชั่วโมง หากเราเดินทางไปจากเมืองไทยไปถึงประเทศอังกฤษ ก็ต้องปรับเวลาให้เร็วขึ้น 7 ชั่วโมง เช่น เวลาเครื่องลงจอดที่อังกฤษ นาฬิกาเราบอกเวลา 10 โมงเช้า เราก็ต้องปรับลดเวลาลง 7 ชั่วโมง ให้เป็นเวลา ตี 3 แทน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5. ประตูทางออกขึ้นเครื่อง

อีกสิ่งสำคัญที่ Boarding Pass สามารถบอกเราได้ คือ ประตูทางออกขึ้นเครื่อง หรือ Gate นั่นเอง เพราะเครื่องบินโดยสารนั้นมีขนาดที่ใหญ่ ทำให้มีประตูทางออกขึ้นเครื่อง หรือ Gate หลายประตู แยกตามโซนและคลาสที่นั่ง เมื่อเราได้ Boarding Pass มาแล้ว ก็ต้องตรวจดูว่า เราได้ขึ้นเครื่องบินที่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง หรือ Gate ไหน และจำหมายเลข Gate เอาไว้ให้ดี แต่บางครั้งอาจมีตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ด้านบน คล้ายกับโซนของที่จอดรถ เช่น Gate B12 เป็นต้น

6. เลขที่นั่งโดยสาร

Boarding Pass คือ สิ่งที่สามารถบอกเลขที่นั่งโดยสารของเราได้ โดยมีเลขบอกแถวและที่นั่ง จะมีลักษณะคล้ายเลขที่นั่งเวลาไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเราต้องดูที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษในหลักแรกก่อน ว่าเราได้นั่งแถวไหน และตามปกติแล้ว แถวหน้าสุดจะเป็นรหัส A แถวที่ 2 เป็น B แถวที่ 3 เป็น C เรียงตามลำดับ A-Z แล้วหลังจากนั้น ค่อยดูเลขที่นั่งต่อท้าย ว่าเราได้เลขที่นั่งอะไร โดยจะนับ 1 ที่ตำแหน่งซ้ายสุด เช่น A1 คือ ที่นั่งแถวหน้าสุด ติดริมหน้าต่างฝั่งซ้ายของตัวเครื่องบิน

7. ชั้นที่นั่งโดยสาร

สำหรับชั้นที่นั่งโดยสาร จะมีโค้ดเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษต่อท้ายเลขที่นั่ง ซึ่งเป็นตัวอักษรแบ่งเอาไว้ตามหลักสากลให้ดูบน Boarding Pass เหมือนกันทุกสายการบิน คือ รหัส P J และ Yโดยรหัสทั้ง 3 มีความหมายดังต่อไปนี้

  • P หมายถึง First Class
  • J หมายถึง Business Class
  • Y หมายถึง Economy Class

ยกตัวอย่างเช่น Boarding Pass ระบุว่าคุณได้ที่นั่ง A1Y คือ คุณได้นั่งที่นั่งชั้นประหยัด (Economy Class) แถวแรก ติดหน้าต่างด้านซ้ายสุดนั่นเอง

boarding pass ทำอะไรได้บ้าง

Boarding Pass ทำอะไรได้บ้าง

อย่างที่กล่าวไป Boarding Pass คือ เอกสารที่สำคัญที่สุดแล้วในการเดินทางโดยเครื่องบิน ดังนั้น คุณต้องระวังไม่ให้ Boarding Pass หาย เพราะคุณต้องใช้ Boarding Pass เป็นเอกสารประกอบการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนระหว่างที่อยู่ในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการตรวจสอบ และโหลดกระเป๋า การโชว์ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางออกขึ้นเครื่องดู และโชว์ให้พนักงานต้อนรับดูตอนหาที่นั่ง

ตรวจสอบและโหลดกระเป๋า

การโหลดกระเป๋า

สำหรับใครที่ถึงสนามบินเร็ว และอยากเดินช็อปปิงสินค้าปลอดภาษีในสนามบินระหว่างรอขึ้นเครื่อง แต่ไม่อยากลากกระเป๋าไปมาให้พะรุงพะรัง สามารถนำกระเป๋าฝากกับ AIRPORTELs ก่อนได้ พอถึงเวลาค่อยกลับมานำกระเป๋าไปโหลดทีหลัง โดยใช้ Boarding Pass เป็นเอกสารในการยืนยันตัวตนว่าเราคือผู้โดยสารคนเดียวกับคนที่ได้เช็กอินไปก่อนหน้านี้ ของที่โหลดเพิ่มจะได้เอาไปรวมกับของเก่าที่โหลดเอาไว้ก่อนหน้าได้ถูกคน

โดยหลายคนเลือกที่จะมาช็อปปิงสินค้าในสนามบินกันค่อนข้างมาก เพราะนอกจากราคาจะถูกกว่าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปแล้ว ยังสามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ฟรี เพิ่มเติมจากน้ำหนักมาตรฐานที่สายการบินแจ้ง หรือผู้โดยสารได้ซื้อน้ำหนักเอาไว้

โชว์ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางออกขึ้นเครื่องดู

เราจำเป็นต้องแสดง Boarding Pass โชว์ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางออกขึ้นเครื่องดู เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าเราคือผู้โดยสารของสายการบินนั้นๆ และเราขึ้นเครื่องบินถูก Gate เพราะอย่างที่บอกไว้ข้างต้น ว่าเครื่องบินโดยสารนั้นมีขนาดใหญ๋ และมีหลาย Gate หากขึ้นผิด Gate จะสร้างความลำบากให้กับเรา รวมถึงแอร์โฮสเตส และสจ๊วตบนเครื่องบินเวลาต้องหาที่นั่ง อีกทั้งยังเป็นการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งว่าเราเป็นผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเครื่องบินมาอย่างถูกต้อง

โชว์ให้พนักงานต้อนรับดู

สาเหตุสำคัญที่ต้องโชว์ Boarding Pass ให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องดูอีกรอบ คือ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ให้จัดหาที่นั่งให้เราได้อย่างสะดวก และจะได้มีหลักฐานยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของที่นั่งนั้นๆ หากมีคนอื่นมานั่งที่นั่งของเราบนเครื่องบิน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

Boarding Pass คือ เอกสารที่สำคัญที่สุดในการเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะมีข้อมูลสำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งชื่อ-นามสกุล หมายเลขเที่ยวบิน เวลาขึ้นเครื่อง เวลาถึงปลายทาง ประตูทางออกขึ้นเครื่อง เลขที่นั่ง และชั้นโดยสาร แถมยังมีบาร์โค้ดที่สามารถเข้าไปแก้ไขชื่อ-นามสกุล และเที่ยวบินต่างๆ แบบออนไลน์ได้ด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่ทางเรานำมาฝาก ว่า Boarding Pass มีความสำคัญมากแค่ไหน ก่อนออกจากบ้านไปสนามบิน อย่าลืมเช็คกันน้า และทุกคนต้องเก็บรักษา และห้ามทำ Boarding Pass หาย ตลอดจนห้ามโพสต์ข้อมูลบน Boarding Pass ลงบนโซเชียลเป็นอันขาด

อ่านเพิ่มเติม

วิธีอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และอัปเกรดห้องพัก ให้สะดวกสะบายเกินราคาจ่ายจริง

ทุกวันนี้การเดินทางไปยังจุดหมายมีตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รถโดยสาร รถไฟ หรือแม้แต่การเดินทางด้วยเครื่องบิน ที่ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงในเรื่องของการจองที่พักจุดหมายปลายทางก็มีตัวเลือกมากมายเช่นกัน  แต่จะดีกว่าไหม? ถ้าเราสามารถอัปเกรดการเดินทางของเราให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน รวมถึงการอัปเกรดห้องพักที่จะทำให้การพักผ่อนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย บทความนี้ ขอแนะนพการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่จ่าย

การอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก คืออะไร 

การอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และการอัปเกรดห้องพัก คือ การเพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมให้มากขึ้น เช่น เรื่องของการอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือแม้แต่การให้บริการ ทำให้การเดินทาง และเข้าพักในแต่ละทริป สะดวก สบายมากยิ่งขึ้น และการอัปเกรดก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่นกัน

ทำไมจึงต้องอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก

ทำไมจึงต้องอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก

ในทุกการเดินทางและการเข้าพัก หากมีโอกา หรือมีความต้องการการอัปเกรด ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน หรือแม้แต่การอัปเกรดห้องพักก็ควรทำอย่างไม่ลังเล เพราะการอัปเกรดมีข้อดีมากมาย ที่นอกจาก เพิ่มความสะดวก สบาย ในราคาที่คุ้มค่า แต่ก็ยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น เช่น

  • สิทธิพิเศษในการเช็กอิน
  • น้ำหนักกระเป๋าที่เพิ่มมากขึ้น
  • ที่นั่งสะดวกสบาย เหมาะกับทุกการเดินทางไม่ว่าจะใกล้ หรือไกล
  • บริการห้องรับรอง หรือเลานจ์ภายในสนามบิน

รวมไปถึงการอัปเกรดห้องพักด้วย เช่น

  • บริการของว่างรอต้อนรับ
  • ขยายเวลาเช็กอิน และเช็กเอาท์
  • ฟรีบริการในเรื่องของอาหาร
  • การใช้บริการอย่างมินิบาร์ หรือเลานจ์ เป็นต้น

เพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบอัปเกรดในราคาประหยัด

เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้คุ้มค่าด้วยสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น โดยการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินและการอัปเกรดห้องพัก ที่จะทำให้การเที่ยวมีความสุขมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ช่วยให้ได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี จากการรับการอำนวยความสะดวกในเรื่องของบริการ ทำให้ทุกการเดินทาง หรือการไปพักผ่อนไม่มีสะดุด และเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย

เพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบอัปเกรดในราคาประหยัด

วิธีการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน

เพื่อให้การเดินทางไปยังจุดหมายด้วยความสะดวก สบายมากยิ่งขึ้น การอัปเกรดตั๋วเครื่องบินจึงเป็นที่นิยม ซึ่งสำหรับคนที่อยากจะอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นทำอย่างไรดี หรือทำวิธีนี้จะได้รับการอัปเกรดที่ถูกต้องหรือไม่  วันนี้ AIRPORTELs จึงมีวิธีการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน ที่สามารถทำตามได้ ดังนี้

ติดต่อกับสายการบินโดยตรง

การติดต่อกับสายการบินโดยที่เดินทางโดยตรง เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว เพราะนอกจากทำให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับการซื้อ หรือการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินแล้ว ในบางครั้งสายการบินอาจมีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน เช่น การแลกไมล์สะสม เพื่ออัปเกรดตั๋วเครื่องบิน หรือการใช้เงินสดและไมล์สะสม เพื่อทำการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน ทำให้ได้ในตั๋วเครื่องบินอัปเกรดในราคาที่คุ้มค่า

ใช้เครื่องมือออนไลน์

การจองตั๋วออนไลน์ ถือเป็นอีกวิธีในการจองที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะให้ทั้งความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และอยู่ที่ไหนก็จองได้ อีกทั้งยังมีตัวเลือก และการเปรียบเทียบราคาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน นอกจากนี้ การจองออนไลน์สามารถทำได้จากเว็บไซต์สำหรับการจองตั๋ว หรือการเข้าร่วมโปรแกรมสมาชิกของสายการบิน และอีกวิธี คือ การจองผ่านแอปพลิเคชันสำหรับการจองตั๋วเครื่องบิน

ยกตัวอย่าง เช่น Traveloka แอปพลิเคชันการจองตั๋ว ที่มีตัวเลือกหลากหลายในทุกการเดินทางทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ อีกทั้งยังมีเครื่องมือตัวช่วยที่หลากหลาย เช่น การจองการค้นหาเส้นทางบิน การเลือกเที่ยวบิน และฟีเจอร์อย่าง Flight Upgrade ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มสิทธิพิเศษอย่างการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และยังมีวิธีการใช้งานที่ง่าย ตามวิธีต่อไปนี้

  1. ค้นหาเส้นทางบินที่ต้องการ ค้นหาเส้นทางการบินได้ง่ายดาย เพียงเลือกจากจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ วันเวลาเดินทาง มีให้เลือกทั้งสายการบินในประเทศ และระหว่างประเทศ ทั้งยังมีการเดินทางให้เลือกไม่ว่าจะเป็น ขาเดียว/ไป-กลับ หรือแม้แต่การเดินทางไปยังหลายเมือง
  2. กดเลือกเที่ยวบินที่ต้องการ การเลือกเที่ยวบินที่ต้องการ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดเลือก ก็จะมีข้อมูลเบื้องต้นของเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเป็นเวลาการเดินทาง น้ำหนักสัมภาระ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สรุปมาให้อย่างง่ายดาย
  3. กดแบนเนอร์ไฟล์ทอัปเกรด ไฟล์ทอัปเกรด สามารถใช้กับสายการบินที่ร่วมรายการเท่านั้น เช่น Thai Lion Air (ไทยไลอ้อนแอร์), Thai Vietjet Air (ไทยเวียตเจ็ทแอร์) รวมไปถึงบางสายการบินนอกประเทศ ไฟล์ทอัปเกรดสามารถช่วยยืดหยุ่นเรื่องของการเดินทาง เพราะเราสามารถเลือกเวลาการเดินทางเองได้ตามต้องการ หรือแม้แต่การเปลี่ยนเที่ยวบินที่สามารถเลื่อนได้ตลอดเวลา แต่ระยะเวลาการเปลี่ยนเที่ยวบิน ต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
  4. เลือกคลาสที่ต้องการอัปเกรด ในการเดินทางที่ไม่ว่าใกล้หรือไกล การเลือกที่นั่งเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ฟีเจอร์นี้จึงมีให้เลือกอัปเกรดที่นั่งของตั๋วเครื่องบิน ถึง 3 แบบ ได้แก่ Eco, Deluxe และ SkyBoss ที่สามารถเลือกได้ทั้งขาไป และขากลับ โดยสามารถเลือก และเปรียบเทียบได้ตามต้องการ และในแต่ละครั้งที่เลือกอัปเกรดตั๋วเครื่องบินก็จะได้รับสิทธิประโยชน์แตกต่างกันออกไป

ใช้บริการบุคคลที่สาม หรือเอเจนซี่

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการค้นหา หรือเปรียบเทียบราคาเที่ยวบินแต่ละสายการบิน สามารถใช้บริการจากบริษัทจองตั๋วที่มีความเชี่ยวชาญได้เช่นกัน ข้อดี คือ สะดวก รวดเร็ว เพราะรวมสายการบินมาไว้ในที่เดียว ทำให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบ และช่วยค้นหาโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินได้ แต่ก็มีข้อเสีย เพราะทุกครั้งในการจองอาจมีค่าธรรมเนียมในการบริการ

ใช้แต้มสะสม

บางครั้งสายการบินอาจมีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน คือ การใช้แต้มสะสมการเดินทางจากสายการบินเดิม หรือที่เรียกกันว่า ไมล์สะสม ให้กับคนที่เดินทางเป็นประจำ โดยสามารถนำแต้มสะสมเหล่านี้มาใช้ในการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินได้ และการใช้แต้มสะสมของแต่ละสายการบินก็จะมีจุดเด่น หรือการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดตั๋วเครื่องบินอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่ว่าการเดินทางในประเทศ ระหว่างประเทศ หรือแม้แต่ละสายการบินเองก็ตาม ดังนั้น คุณควรตรวจสอบข้อกำหนด และเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจอัปเกรดตั๋วเครื่องบินของคุณ

วิธีการอัปเกรดห้องพัก

วิธีการอัปเกรดห้องพัก

การอัปเกรดห้องพัก นอกจากจะช่วยเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก หรือบรรยากาศภายในห้องแล้ว ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนวิวทิวทัศน์เดิมๆ ให้ดูสวยงาม อย่างเช่น วิวภูเขา ทะเล หรือสวน ที่จะทำให้การพักผ่อนมีความสุข และผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การอัปเกรดห้องพักมักได้ใช้บริการต่าง ๆ จากที่พักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บริการอาหารเช้า บริการดินเนอร์ หรือแม้แต่บริการนวดผ่อนคลาย เป็นต้น จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักเลือกบริการอัปเกรดห้องพัก ซึ่งการขออัปเกรดห้องพัก มีวิธีดังนี้

ติดต่อโรงแรมโดยตรง

ในกรณีที่อยากขออัปเกรดห้องพัก วิธีที่ง่ายและได้ข้อมูลที่ครบถ้วน คือ การติดต่อโรงแรมที่จะเข้าพัก เพื่อขออัปเกรดห้องพักได้โดยตรง การติดต่อสามารถทำได้ทั้งทางเบอร์โทรศัพท์ หรือ Reception ซึ่งบางครั้งโรงแรมอาจมีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับการอัปเกรดห้องพักให้คุณได้เลือกอีกด้วย

ใช้เครื่องมือออนไลน์ 

นอกจากการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์แล้ว การค้นหาที่พักออนไลน์ และการจองที่พักออนไลน์ก็มีให้บริการเช่นกัน เช่น การใช้เว็บไซต์การจองโรงแรม หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับโรงแรม เช่น AGODA เว็บไซต์ และแอปจองห้องพักที่สามารถระบุปลายทาง วันเดินทาง และยังมีตัวเลือกการจองเพิ่มเติม เช่น การค้นหาตามราคา จำนวนดาวของที่พัก หรือประเภทของที่พัก รวมไปถึงข้อเสนอพิเศษอย่าง เช่น อัปเกรดห้องพัก และโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดห้องพักอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้น คุณควรตรวจสอบข้อกำหนด และเงื่อนไขก่อนที่จะตัดสินใจอัปเกรดห้องพักของคุณ

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระที่สนามบิน

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เริ่มต้นที่ 100 บาท/ใบ/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299บาท/ใบ ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ (บริเวณใกล้กับซุปเปอร์ริช)

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

สรุป

ในการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และการอัปเกรดห้องพัก นอกจากทำให้การเดินทาง และการเข้าพักสะดวก สบายแล้ว ก็ยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากจากการอัปเกรด และในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ เวลาคุณลงจากเครื่อง แล้วอยากไปนั่งชิลต่อที่คาเฟ่ หรือไปเที่ยวรอบๆ โดยไม่อยากแวะเข้าที่พักหรือโรงแรมก่อน คุณสามารถใช้บริการจาก Airportels ที่ให้บริการรับฝากของที่สนามบิน หรือส่งสัมภาระจากสนามบินไปยังโรงแรมของคุณได้ เพื่อช่วยประหยัดเวลา และค่าเดินทาง อีกทั้งยังสามารถเรียกใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงอีกด้วย

เตรียมตัวให้พร้อม check list ให้ดี ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

เตรียมตัวก่อนเดินทางต่างประเทศ

การเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวหรือทำธุระก็ตาม ทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ใบรับรองต่างๆ และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการไปพักในต่างประเทศ ซึ่งในบทความนี้ได้ลิสต์ทุกอย่างที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนการเดินทางไว้แล้ว เพื่อให้ทริปเดินทางไปยังต่างประเทศของทุกคนราบรื่นไม่ติดขัด หากพร้อมแล้วสามารถเช็กลิสต์ได้ตามนี้เลย

vaccine passport

เอกสารสำคัญ

แม้จะสิ้นสุดภาวะระบาดของโรค COVID-19 แล้ว แต่การเดินทางไปต่างประเทศบางประเทศ อาจจะต้องเตรียมตัวแสดงเอกสารใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 ที่นอกเหนือจากเอกสารปกติด้วย เพื่อความปลอดภัยของคนในประเทศ เอกสารสำคัญๆ ได้แก่

Vaccine Passport

การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ต้องศึกษาว่าประเทศปลายทางนั้น จำเป็นต้องแสดงหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิค-19 หรือเรียกสั้นๆ ว่า “Vaccine Passport” หรือไม่ ซึ่งการขอ Vaccine Passport จะต้องเตรียมทั้งเอกสารตัวจริงและสำเนาให้ครบก่อน ได้แก่ เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง และค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองฯ 50 บาท โดยมีทั้งแบบรูปเล่ม และแบบดิจิทัล สามารถยื่นขอที่หน่วยงานสาธารณสุข หรือจะยื่นขอผ่านแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ก็ได้ทั้งสองช่องทางเลย

ใบรับรองแพทย์ Fit to Fly

ใบรับรองแพทย์ Fit to Fly (Fit to Fly Health Certificate) เป็นเอกสารทางการแพทย์อีกหนึ่งประเภทที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เป็นการแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิค-19 ภายในระยะเวลา 36-72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ทั้งนี้ เงื่อนไขเรื่องของระยะเวลานั้น ขึ้นอยู่กับสายการบินและเกณฑ์ของประเทศปลายทาง

passport

หนังสือเดินทางหรือ Passport

หนังสือเดินทาง หรือ Passport เป็นเอกสารชิ้นแรกที่ต้องมีการเตรียมตัวเมื่อจะไปต่างประเทศ และเป็นเอกสารสำคัญที่สุดที่ต้องติดตัวไว้ตลอดระยะเวลาที่เดินทางหรืออยู่ในต่างประเทศ เพราะ Passport เปรียบเสมือนเอกสารที่แสดงตัวตนและสถานภาพของบุคคลนั้นๆ การเตรียมตัวก่อนการเดินทางไปต่างประเทศจะต้องตรวจสอบวันหมดอายุ และสภาพความเสียหายของเล่ม Passport ด้วยทุกครั้ง 

ตั๋วเครื่องบิน

ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศจะต้องเช็กตั๋วเครื่องบินให้พร้อมเสมอ เบื้องต้น คือ การตรวจสอบเวลาเช็กอินและเคาท์เตอร์เช็กอินที่เป็นข้อมูลล่าสุด เพราะในบางครั้งสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนในช่วงเวลากระชั้นชิด สามารถตรวจสอบในเว็บไซต์หรือตรวจสอบ ณ สนามบินได้เลย แต่ว่าผู้เดินทางต้องเตรียมเอกสารสำหรับการเช็กอินให้พร้อม 

การเช็กอิน หากไม่มีสัมภาระที่ต้องโหลดสามารถเช็คอินล่วงหน้าในเว็บไซต์ได้ แต่หากมีสัมภาระก็จะต้องนำไปโหลดที่เคาท์เตอร์ก่อน ดังนั้น ผู้เดินทางจึงควรเตรียมตัวเผื่อเวลาสำหรับการทำธุรกรรมต่างๆ เหล่านี้ไว้ล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ

เอกสารจองเดินทาง

เอกสารจองที่พัก

การเตรียมตัวก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ ควรจองที่พักไปก่อนล่วงหน้า ตามระยะเวลาที่พักในต่างประเทศ และเตรียมเอกสารจองที่พักไว้ด้วยตอนเดินทาง เพื่อเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ว่าเป็นการเข้าประเทศไปอย่างถูกต้องถูกกฎหมาย มีที่พักที่แน่นอนในประเทศนั้นๆ 

ประกันการเดินทาง

ประกันการเดินทางเป็นสิ่งที่บางคนอาจจะละเลยไปหรือมองว่าไม่จำเป็น ในการเตรียมตัวก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ จึงไม่สนใจที่จะทำประกันการเดินทาง แต่การทำประกันการเดินทางไปต่างประเทศนั้นมีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นสิ่งที่คุ้มครองผู้เดินทางเมื่อมีเหตุไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ กระเป๋าเดินทางล่าช้าสูญหาย ไฟลต์บินล่าช้า หรือในการยื่นขอวีซ่าบางประเทศจำเป็นต้องทำประกันการเดินทางด้วย เป็นต้น 

sim card

สิ่งอำนวยความสะดวก

การเตรียมตัวไปต่างประเทศ จะต้องเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไปให้พร้อม เพราะจะทำให้การดำรงชีวิตในต่างประเทศง่ายขึ้นมาก ตัวช่วยอำนวยความสะดวกจะประกอบไปด้วย

ซิมเพื่อใช้งานต่างประเทศ

ปัจจุบันเครือข่ายโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศได้สะดวกขึ้น การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปต่างประเทศควรจะเตรียมเรื่องของการใช้งานเครือข่ายการสื่อสารระหว่างการเดินทางด้วย ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยเองมีหลายบริษัทที่รองรับการใช้งานซิมในต่างประเทศ หรือในบางกรณีไม่ต้องเปลี่ยนซิม สามารถใช้เบอร์เดิมในต่างประเทศได้เลย เพียงแค่สมัครแพคเกจสำหรับเปิดใช้งานในต่างประเทศเท่านั้น 

translate

แอปแปลภาษา

ควรเตรียมโหลดตัวช่วยที่ดีนี้ไว้ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวที่ราบรื่น สามารถใช้แอปแปลภาษาช่วยในการสื่อสารกับคนท้องถิ่น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เดินทางและคนท้องถิ่นภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง หรือกรณีที่การพูดภาษาในแต่ละสำเนียงที่ไม่คุ้นเคย อาจทำให้การสื่อสารผิดพลาดได้ ดังนั้นการเตรียมโหลดแอปแปลภาษาไว้จะเป็นสิ่งที่ช่วยนักเดินทางได้เป็นอย่างดี

ที่ชาร์จแบตสำรอง

การเตรียมตัวไปต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมเลยคือที่ชาร์จแบตสำรอง เพราะจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เป็นปัจจัยที่ห้าเลยก็ว่าได้ ข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ การค้นหาข้อมูลสถานที่ต่างๆ การถ่ายรูป การเล่นโซเซียล ดังนั้นควรเตรียมที่ชาร์จแบตสำรองไปด้วยทุกครั้ง เพื่อจะได้ใช้โทรศัพท์ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลาฉุกเฉิน แต่การพกที่ชาร์ตแบตสำรองนั้น ต้องศึกษากฎของสายการบินต่างๆ ด้วย ว่าจะสามารถพกที่ชาร์จแบตสำรองประเภทไหนขึ้นเครื่องบินได้บ้าง

หัวแปลง

ที่แปลงหัวปลั๊ก

แต่ละประเทศนั้นจะใช้ปลั๊กแตกต่างกัน รวมถึงกระแสไฟก็ยังไม่เท่ากันด้วย ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ได้รับความเสียหาย เช่น การเสียบสายชาร์ตโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผมต่างๆ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการเตรียมที่แปลงหัวปลั๊กติดตัวไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเสียบอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ใดๆ ได้เลย อีกทั้งการไปหาซื้อตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในต่างประเทศนั้นอาจจะไม่มีจำหน่ายหรือมีจำหน่ายในราคาแพงก็ได้ 

บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต

การเตรียมตัวเกี่ยวกับการเงินก่อนเดินทางไปต่างประเทศนั้น นอกจากควรเตรียมเงินสดไปตามความเหมาะสมแล้ว ยังควรเตรียมบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตติดตัวไปด้วย เพราะการเดินทางไปต่างประเทศ มักมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถใช้เงินสดได้หรือเงินสดไม่พอจ่าย การพกบัตรเครดิตบัตรเดบิตต่างๆ ไปด้วย จะเป็นตัวช่วยในกรณีฉุกเฉินได้

ยาประจำตัว

สิ่งของจำเป็น

แต่ละคนมีสิ่งของที่จำเป็นสำหรับร่างกายไม่เหมือนกัน ซึ่งการไปต่างประเทศจะต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้พร้อมที่สุด เพราะบางสิ่งบางอย่างเป็นความจำเป็นเฉพาะตัว จึงต้องเตรียมไว้ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

ยาประจำตัว

การเตรียมตัวก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ ต้องคำนึงถึงยาที่ควรจะพกไปด้วย โดยทั่วไปสามารถพกไปได้หากเป็นยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาพาราเซตามอล ยาลดไข้ แก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาลดกรด แก้ท้องอืดท้องเสีย เป็นต้น แต่หากเป็นยาเฉพาะโรคบางชนิดที่เป็นยาห้ามเข้าประเทศนั้นๆ จะต้องกรอกแบบฟอร์มขออนุญาตการนำยาเข้าประเทศ และจะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ระบุถึงโรคประจำตัวและยาที่จำเป็นต้องใช้ด้วย

ชุดปฐมพยาบาล

ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญที่ต้องเตรียมตัวไว้ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บ จะได้สามารถหยิบมาใช้ได้ทันที ซึ่งหากสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นทั้งตนเองและเพื่อนร่วมเดินทางได้โดยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ก็จะทำให้การเดินทางราบรื่นมากขึ้น

covid 19 kit

COVID-19 Kit

ทุกการเดินทางไปต่างประเทศควรเตรียมชุด COVID-19 Kit ติดตัวไปด้วย โดยมีอุปกรณ์สำคัญ เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ สเปย์แอลกอฮอล์ เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและป้องกันเชื้อโรค เนื่องจากไวรัสโควิดยังสามารถติดต่อกันได้ง่ายอยู่ในปัจจุบัน

สิ่งของส่วนตัว

สิ่งของส่วนตัว

สิ่งของส่วนตัวที่ต้องมีการเตรียมให้ครบก่อนการเดินทาง ประเภทเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวต่างๆ นั้น ควรเตรียมให้เรียบร้อย ครบจำนวนวันที่ต้องเดินทางไปและอาศัยในต่างประเทศ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลเมื่อไปเที่ยวหรือทำธุระ

เสื้อผ้า

การเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวก่อนการเดินทางไปต่างประเทศนั้น ควรจะเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับฤดูกาลของประเทศนั้นๆ พร้อมทั้งคำนึงถึงจุดประสงค์ของการเดินทางด้วย เช่น การเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการไปเที่ยวย่อมแตกต่างจากการเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการไปทำธุระ เป็นต้น อีกทั้งการเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมยังช่วยให้สามารถจัดการน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางได้ด้วย

ถุงมือและถุงเท้า

ในกรณีที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวนั้น นอกจากเสื้อผ้า การแต่งตัวที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมถุงมือและถุงเท้าด้วย ซึ่งจะต้องเป็นถุงมือถุงเท้าที่ใส่ในฤดูหนาวโดยเฉพาะ เพราะจะมีเนื้อผ้าที่หนา กันลมหนาวได้ ที่แตกต่างจากวัสดุทั่วไป 

รองเท้า

รองเท้าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการแต่งตัว การเตรียมรองเท้าไปเที่ยวต่างประเทศจะต้องพิจารณาถึงสภาพอากาศและภูมิประเทศของประเทศนั้นๆ ด้วย เช่น รองเท้าที่ใส่สำหรับเดินบนหิมะ รองเท้าสำหรับประเทศเขตร้อน และรองเท้าที่เหมาะกับการเดินในพื้นที่ที่เป็นเนินสูงต่ำ เป็นต้น ซึ่งต้องเตรียมรองเท้าให้เหมาะสม โดยที่ตัวผู้สวมใส่ต้องรู้สึกสบายเท้า เพราะจะส่งผลถึงสุขภาพในด้านอื่นๆ ด้วย

ของใช้ประจำวัน

การเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ควรเตรียมของใช้ส่วนตัวที่ต้องในชีวิตประจำวันสำหรับทำความสะอาดไปด้วย เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า เครื่องสำอางค์ ผ้าเช็ดตัว ซึ่งควรแบ่งเป็นเซ็ตเล็กสำหรับถือขึ้นเครื่องบินอีกหนึ่งเซ็ต เพื่อที่จะได้ใช้ทำความสะอาดร่างกายระหว่างทาง ในกรณีที่เดินทางระยะเวลายาวนานหรือต้องเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ที่สนามบินใดสนามบินหนึ่ง โดยการพกพาสิ่งของเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามกฎของการบิน คือ การพกของเหลวชิ้นเล็กไม่เกินชิ้นละ 100 มิลลิลิตร

ข้อมูลต่างประเทศ

ข้อมูลของประเทศนั้น

ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวหาข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ ของประเทศปลายทางด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้อห้ามปฏิบัติ วัฒนธรรม สภาพอากาศ และระบบขนส่งมวลชน เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยดี ดังนี้

ข้อห้ามของประเทศนั้น และวัฒนธรรมของประเทศปลายทาง

แต่ละประเทศมีวัฒนธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกัน การออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศคือการไปค้นพบโลกในอีกด้านหนึ่ง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศที่จะเดินทางไป โดยเฉพาะข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งบางประเด็นจะต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ หากเป็นประเด็นอ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและศาสนา 

สภาพอากาศ

สภาพอากาศเป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศ ดังนั้นก่อนจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศจึงต้องศึกษาเรื่องของสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นๆ ที่จะเดินทางไปถึง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเตรียมตัวในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น การเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสม การเตรียมยาป้องกันไข้หวัด การเตรียมอุปกรณ์ที่สำคัญ การเตรียมแผนการเดินทาง และการเตรียมสภาพร่างกายให้มีความพร้อมที่จะเผชิญกับอากาศที่ไม่คุ้นเคยในต่างประเทศ

ข้อมูลระบบขนส่งมวลชน

เพื่อให้การเดินทางไปต่างประเทศมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา ควรเตรียมตัวไว้ก่อน โดยการศึกษาข้อมูลระบบขนส่งมวลชนของประเทศนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน จะช่วยให้วางแผนการเดินทางได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น เช่น ตารางเวลารถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถบัส เป็นต้น การเตรียมข้อมูลในเรื่องของระบบขนส่งมวลชนเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนจะเดินทางไปถึงประเทศปลายทาง เพราะการท่องเที่ยวจะได้ไม่เสียเวลาไปกับการหลงทางหรือการหาเส้นทาง

อาหาร

ก่อนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ควรเตรียมตัวหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารประจำชาติ หรืออาหารประจำถิ่นต่างๆ ที่ควรไปจะลองรับประทานดู เป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วย การวางแผนเกี่ยวกับอาหารการกินนั้นก็จะกลายเป็นอีกเรื่องสนุกของการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียว  

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางไปต่างประเทศให้พร้อมเสมอ ได้แก่ การเตรียมเอกสารสำคัญ การเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก สิ่งของจำเป็น สิ่งของส่วนตัว ตลอดจนข้อมูลของประเทศปลายทาง ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งสิ่ง คือ การบริหารจัดการเวลาและความคล่องตัวในการเดินทาง ซึ่ง Airportels เป็นบริการที่ตอบโจทย์ของนักเดินทางในเรื่องการรับฝากกระเป๋าสัมภาระทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ลดความกังวลใจในการต้องดูแลสัมภาระระหว่างรอในสนามบิน เพียงนำไปฝากไว้ นักเดินทางก็สามารถจัดการธุระในส่วนอื่นๆ ได้อย่างสบายใจก่อนการเช็กอิน และยังมีความปลอดภัย รวดเร็ว ใช้งานง่ายอีกด้วย

ขึ้นเครื่องไม่ทัน ไม่ต้องกังวล มาดูกันว่าต้องทำยังไง

หลายคนที่มีประสบการณ์เดินทางด้วยเครื่องบิน อาจเคยพบกับเหตุการณ์ที่เช็กอินไม่ทัน ขึ้นเครื่องไม่ทันหรือเฉียดฉิวตกเครื่องกันมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เผื่อในอนาคตมีโอกาสเจอเหตุการณ์ขึ้นเครื่องไม่ทันแบบนี้ จะได้ไม่ตื่นตระหนกตกใจกันไปเสียก่อน บทความนี้ ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้มาไว้หมดแล้ว ทั้งสาเหตุที่เกิดขึ้นของปัญหา ควรทำอย่างไรเมื่อขึ้นเครื่องไม่ทัน และการป้องกันไม่ให้ตกเครื่อง เตรียมพร้อมกับการเดินทางได้แบบไม่ต้องกังวล

ขึ้นเครื่องไม่ทัน ไม่ต้องกังวล
เช็กอินไม่ทัน

ขึ้นเครื่องไม่ทัน เช็กอินไม่ทัน คืออะไร

เหตุการณ์ขึ้นเครื่องไม่ทัน เช็กอินไม่ทัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายคนอาจเคยผ่านประสบการณ์มาบ้าง ซึ่งอาจเจอได้ทั้งเที่ยวบินขาไป หรือขากลับ โดยสาเหตุมักเกิดจากการที่ไปถึงเกตไม่ทันเวลา หรือการไปไม่ทันตามกำหนดเวลาเช็กอิน ทำให้ไม่สามารถขึ้นเครื่องเดินทางในเที่ยวบินนั้นๆ ได้ นอกจากนี้ การขึ้นเครื่องไม่ทันอาจเกิดจากปัญหาการเดินทาง สภาพการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้การเดินทางล่าช้า กว่าจะถึงสนามบินก็ไปเช็กอินไม่ทันเสียแล้ว รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ เช่น พาสปอร์ตหาย การจำวันเดินทางผิดวัน หรือเดินทางไปผิดสนามบิน เป็นต้น

ขึ้นเครื่องไม่ทัน

ขึ้นเครื่องไม่ทันแน่นอน หากยังทำแบบนี้

การขึ้นเครื่องไม่ทันอาจทำให้เสียเวลา เสียเงินโดยไม่จำเป็น และอาจจะทำให้ตารางนัดต้องเสียหายจากการเดินทางที่ล่าช้าด้วย เพราะฉะนั้น หากรู้ถึงสาเหตุของการที่ทำให้ไปเช็กอินไม่ทัน หรือการไปขึ้นเครื่องไม่ทัน ก็จะทำให้ทุกคนเตรียมความพร้อม และลดข้อผิดพลาดในการเดินทางได้ แล้วสาเหตุที่ทำให้ทุกคนขึ้นเครื่องบินไม่ทันมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

เช็กอินไม่ทัน

การเช็กอินไม่ทันอาจเกิดขึ้นได้ 2 กรณี กรณีแรก คือ เดินทางไปสนามบินล่าช้าด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ตื่นสาย เตรียมตัวไม่ทัน รถติด หรือมีธุระบางอย่างที่กว่าจะเดินทางมาถึงสนามบิน ก็ไปเคาเตอร์เช็กอินไม่ทันเสียแล้ว เพราะฉะนั้น การเผื่อเวลาเดินทางจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ และกรณีที่สอง คือ เช็กอินทัน แต่ขึ้นเครื่องไม่ทันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเช่นกัน หลายคนอาจโล่งใจหลังจากที่ไปเช็กอิน และได้รับ Boarding Pass สำหรับขึ้นเครื่องเรียบร้อย เลยแอบไปหาของกิน เดินเล่น ช็อปปิง หรือเข้าห้องน้ำอย่างเพลิดเพลิน จนอาจทำให้เดินทางไปขึ้นเครื่องไม่ทันในที่สุด

เข้าแถวเช็กอิน

ติดอยู่ในแถวเช็กอิน

การติดอยู่ในแถวเช็กอินเป็นเวลานานก็ไม่อาจวางใจได้เลย หากแถวที่ยาวเหยียดเป็นแถวที่อยู่ในช่วงที่ใกล้เวลาปิดเคาท์เตอร์เช็กอินของเที่ยวบินที่ต้องการเดินทาง ทางที่ดีควรรีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ว่าง และอยู่ใกล้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจทำให้ทุกคนเช็กอินไม่ทัน และเดินทางไปขึ้นเครื่องไม่ทันอย่างแน่นอน

เดินซื้อของเพลินจนลืมเวลา

หลังจากเช็กอินเรียบร้อยแล้ว แต่เวลายังเหลือให้ได้ไปเดินซื้อของ โดยเฉพาะใน Duty Free ที่สามารถซื้อของได้มากขึ้น แต่ใช้เงินน้อยลง เพราะเหล่าสินค้าใน Duty Free เป็นสินค้าปลอดภาษีทั้งหมด ทำให้บางคนสนุกกับการเดินเลือกซื้อของจนลืมดูเวลา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ขึ้นเครื่องไม่ทัน เพราะฉะนั้น หากอยากเดินเลือกซื้อของควรต้องระวังในเรื่องของระยะเวลาในการเดินเลือกซื้อ และเผื่อเวลาสำหรับเดินทางไปขึ้นเครื่องด้วย

บอกลาครอบครัวก่อนขึ้นเครื่อง

บอกลาครอบครัว เพื่อน แฟน หรือคนที่มาส่ง

ก่อนการเดินทางมักมีการบอกลาคนที่มาส่ง เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือแฟน โดยหลายคนอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ได้ร่ำลากันไว้ให้นานที่สุด บางคนอาจมีการร่ำลาคนที่มาส่งหลายคน ใช้เวลาพูดคุย กับบุคคลเหล่านั้นให้นานเท่านาน ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ขึ้นเครื่องไม่ทันได้ ดังนั้น ควรใช้เวลาในการบอกลาแบบสั้นๆ หรือมีความพอดี เพื่อให้ความคิดถึงได้ทำงาน และเดินทางไปถึงจุดหมายโดยไม่มีอะไรผิดพลาด

ไม่เผื่อเวลา

สิ่งสำคัญที่ควรพึงระลึกไว้เสมอเวลาเดินทาง โดยเฉพาะการขึ้นเครื่องบิน คือ การเผื่อเวลา ทุกคนไม่ควรชะล่าใจให้กับทุกสถานการณ์ เช่น เวลาเดินทางไปสนามบิน การจราจร อุปสรรค สภาพอากาศ หรือการเช็กสนามบินที่ต้องไปให้ดี หลายคนอาจมีประสบการณ์เดินทางไปผิดสนามบินมาแล้ว นอกจากนี้ การจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง ครบถ้วนก่อนเดินทาง และการทำธุระส่วนตัวก็ควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางทุกครั้ง เพราะการไม่เผื่อเวลาไว้สำหรับข้อผิดพลาด อาจทำให้ทุกคนเดินทางไปเช็กอินไม่ทันเวลา รวมไปการขึ้นเครื่องไม่ทันในที่สุด

ขึ้นเครื่องไม่ทันต้องทำไง

ขึ้นเครื่องไม่ทัน ควรทำอย่างไร

เมื่อขึ้นเครื่องไม่ทันไปแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น โดยเราได้รวบรวมวิธีรับมือกับสถานการณ์ขึ้นเครื่องไม่ทันไว้ให้แล้ว ไปดูกันเลย

ตั้งสติและทำใจให้นิ่ง

สติมา ปัญญาเกิด ใช้ได้เสมอกับทุกสถานการณ์ เพราะการไปเช็กอินไม่ทัน หรือขึ้นเครื่องไม่ทัน อาจทำให้ใจเสีย วิตกกังวล ลนลานทำอะไรไม่ถูก สิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นอย่างแรกเลย คือ การตั้งสติ และควบคุมอารมณ์ เพื่อหาทางออกของปัญหาต่อไป

รีบติดต่อกับทางสายการบิน

หลังจากที่ตั้งสติแล้ว ทุกคนควรรีบติดต่อกับเจ้าหน้าที่ หรือทางสายการบินให้เร็วที่สุด พร้อมกับบอกถึงสาเหตุที่ทำให้ไปขึ้นเครื่องไม่ทันอย่างมีเหตุผลกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยจัดการปัญหาตามสมควร

สอบถามรายละเอียดกับทางสายการบิน

พูดคุยสอบถามรายละเอียดกับทางสายการบิน

พูดคุยสอบถามด้วยความสุภาพ และใจเย็น เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ สำหรับเที่ยวบิน และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ เพราะแต่ละสายการบินมีมาตรการที่ต่างกัน หากขึ้นเครื่องไม่ทัน แต่อาจมีบางเที่ยวบินที่มีที่นั่งว่าง และสามารถออกตั๋วใหม่ให้ได้ โดยเสนอเที่ยวบินที่เร็วที่สุด และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่สูงกว่าปกติ หรือบางกรณีอาจได้ตั๋วบินฟรี ทั้งนี้ต้องสอบถามสายการบินให้ชัดเจนถึงข้อมูล และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

แจ้งให้ปลายทางทราบถึงเหตุสุดวิสัย

หากแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเที่ยวบินได้แล้ว ในกรณีที่ทำการจองที่พัก หรือจองอะไรต่างๆ เอาไว้ แต่เดินทางขึ้นเครื่องไม่ทัน กำหนดการถึงปลายทางอาจล่าช้าจากเดิม จึงควรแจ้งให้ปลายทางได้รู้ไว้ เพื่อทำการแก้ไขข้อมูลอีกทีว่าสามารถดำเนินการอย่างไรต่อไปได้บ้าง

ป้องกันไม่ให้ตกเครื่อง

วิธีป้องกันการขึ้นเครื่องไม่ทัน

เมื่อรู้สาเหตุของการขึ้นเครื่องไม่ทันแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ การนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์
เช็กอินไม่ทัน หรือขึ้นเครื่องไม่ทันในอนาคต

ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด

การตรวจสอบข้อมูลในการเดินทางทุกอย่างให้ละเอียด เช่น เที่ยวบิน สนามบิน เกต วันที่-เวลา ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องไม่เพียงแค่พาสปอร์ต กับตั๋วเครื่องบินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงใบจองที่พัก แผนการเดินทาง ทุกคนควรตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้ผิดพลาดจนทำให้ขึ้นเครื่องไม่ทัน

เผื่อเวลาล่วงหน้าก่อนเดินทางไปสนามบิน

การเผื่อเวลาในการเดินทาง คือ สิ่งที่เราย้ำเตือนไว้เสมอ ควรถึงสนามบินล่วงหน้าให้เกิน 1 ชั่วโมงขึ้นไป สำหรับใครที่ยังไม่ชินกับการเดินทาง หรือหากต้องเดินทางในช่วงเทศกาลยิ่งต้องเผื่อเวลาให้มากขึ้นไปอีก เพื่อลดความเสี่ยงของการเช็กอินไม่ทัน และการขึ้นเครื่องไม่ทันได้มากขึ้น

เช็กอินล่วงหน้า

เช็กอินล่วงหน้า

ปัจจุบันมีการเช็กอินทางออนไลน์ (Online Check-in) แล้ว หากใครกลัวว่าจะมาเช็กอินไม่ทันเมื่อถึงสนามบิน ก็สามารถเช็กอิน
ออนไลน์มาก่อนล่วงหน้าได้ เมื่อมาถึงสนามบินจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปคอยต่อแถวนานๆH3: สำรวจน้ำหนักกระเป๋า
น้ำหนักกระเป๋า เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียเวลาได้ หากน้ำหนักกระเป๋าเกินก็ต้องมาคอยจัดการปัญหาว่าจะตัดสินใจทิ้งอะไรออกไปบ้าง เสียเวลาและเสียความรู้สึก เพราะของบางชิ้นก็ตัดสินใจเลือกยาก แต่หากตัดสินใจยังไม่ได้ ทุกคนสามารถฝากสัมภาระของตัวเองกับ AIRPORTELs ไว้ก่อน ขากลับค่อยมารับของก็ได้ หมดห่วงเรื่องสัมภาระในกระเป๋าที่ทำให้น้ำหนักเกิน

เก็บเอกสารสำคัญไว้อย่างปลอดภัย

ขึ้นเครื่องไม่ทันเพราะเอกสารหายมีอยู่จริง โดยเฉพาะเอกสารที่สำคัญ และจำเป็นต้องใช้ เช่น พาสปอร์ต Boarding Pass สำหรับขึ้นเครื่อง ดังนั้น ควรมีกระเป๋า หรือซองเก็บเอกสารสำคัญที่สามารถจัดเก็บ และเปิดใช้งานได้ง่าย จะได้ไม่เสียเวลาหาให้นานเวลาต้องการใช้ และลดความเสี่ยงที่เอกสารจะหล่นหายระหว่างเดินทาง

การเช็กอินไม่ทัน หรือการขึ้นเครื่องไม่ทันล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง บางคนอาจเคยเจอเหตุการณ์นี้แล้ว หรือบางคนอาจยังไม่เคยเจอ ดังนั้น จึงควรรู้ถึงสาเหตุ และวิธีแก้ไขปัญหาเมื่อขึ้นเครื่องไม่ทัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนการเดินทาง ลดความผิดพลาด และเดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ

รวม 11 เว็บจองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมราคาถูก อัปเดตล่าสุดปี 2023 

เคยเป็นไหม? เลื่อนดูโซเชียลมีเดียเมื่อไหร่ ก็เจอแต่เพื่อนๆ ชีวิตดี ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวจนน่าอิจฉา เห็นแล้วก็อยากจะเก็บกระเป๋าเดินทาง แล้วออกไปเผชิญโลกกว้างแบบคนอื่นๆ แต่เงินในบัญชีก็ยังไม่อำนวย วันนี้ Airportels จึงได้ทำการรวบรวม 11 เว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก และ เว็บจองโรงแรมราคาถูก มาเอาใจนักเดินทางสายประหยัด ให้สายเที่ยวได้จองทั้งตั๋วเครื่องบินและโรงแรมในราคาแบบสบายกระเป๋า พร้อมโปรโมชันสุดปังที่จะทำให้รู้ว่าของถูกและดีมีอยู่จริง ข้อมูลอัปเดตล่าสุดในปี 2023 ที่สายเที่ยวไม่ควรพลาด จะมีเว็บอะไรบ้างตามไปดูกันเลย

1. Agoda

เว็บไซต์ OTA (Online Traveling Agency) รุ่นเก๋าที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2005 และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย หากถามถึงเว็บจองตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาถูกแล้วละก็ Agoda จะเป็นหนึ่งในชื่อที่ผู้คนมักจะต้องนึกถึงอย่างแน่นอน เพราะเป็นเว็บที่ช่วยค้นหาได้ทั้งที่พักและโรงแรมราคาถูกในเวลาเดียวกัน และยังครอบคลุมทั่วโลก สามารถใช้ค้นหาเที่ยวบินและที่พักทั้งภายในและนอกประเทศได้อย่างง่ายดายในราคาที่เหมาะสม 

นอกจากนี้การใช้งานเว็บไซต์ก็ตรงไปตรงมา มีตัวกรองที่ไม่ซับซ้อนแต่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังมีแอปพลิเคชันมือถือสำหรับทั้ง iOS และ Android อีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Agoda ยังคงครองใจนักท่องเที่ยวสายประหยัดหลายๆ คน ในฐานะ เว็บจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินราคาถูก อันดับต้นๆ ของเอเชีย

ข้อดี

  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีตัวกรองที่มีประสิทธิภาพ
  • สะดวกสบาย สามารถจองที่พักและไฟล์ทได้ในเวลาเดียวกัน
  • มีห้องพักที่หลากหลาย ครอบคลุมหลายประเทศทั่วโลก
  • สามารถเลือกได้ว่าจะชำระเงินทันที หรือจ่ายทีหลัง

ข้อเสีย

  • มีการแบ่งที่พักออกเป็นหลายระดับ ซึ่งเงื่อนไขในการยกเลิกการจองในแต่ละระดับก็แตกต่างกันออกไป อาจทำให้เกิดการสับสน และทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อทำการยกเลิกในบางกรณี
  • หากทำการค้นหาที่พักในช่วงที่มีผู้ใช้งานเยอะ อาจทำให้ราคาพุ่งสูงได้
  • มีการคิดภาษีและค่าบริการซึ่งอาจทำให้ราคาแพงกว่าปกติ

2. Airasia.com

สายการบินโลว์คอสต์เชื้อสายมาเลเซีย ที่ครองใจเหล่านักเดินทางสายประหยัดมาเป็นเวลาช้านาน หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า เว็บไซต์ของ Airasia นั้น นอกจากบริการในการจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังมีบริการจองโรงแรมราคาถูก และจองรถเช่าอีกด้วย โดยเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วง ตุลาคมของปี พ.ศ. 2565 ซึ่งได้มีการปล่อย แอปพลิเคชัน airasia Super App ออกมา โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้ Airasia กลายเป็น เว็บ OTA อันดับหนึ่งในเขตอาเซียน ในเรื่องของการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม  

ข้อดี

  • มีโปรโมชันราคาพิเศษออกมาเรื่อยๆ ทำให้สามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ในราคาที่คุ้มค่า
  • เว็บไซต์มีความเรียบง่าย ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
  • มีแอปพลิเคชัน จึงสามารถทำการค้นหาและจองตั๋วได้เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน

ข้อเสีย 

  • อาจไม่ได้ตั๋วที่ราคาถูกเสมอไปหากไม่ได้จองในช่วงโปรโมชัน
  • เว็บล่มหรือมีปัญหาบ่อยในช่วงปล่อยโปรโมชัน เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการเป็นจำนวนมาก
  • หากจองเที่ยวบินอื่นๆ ผ่านเว็บของ Airasia เมื่อเกิดปัญหา อาจทำให้เกิดความสับสน และความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหา หรือหาผู้รับผิดชอบ

3. Airpaz

เว็บ OTA สัญชาติอินโดนีเซีย ซึ่งเริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา Airpaz เป็นเว็บจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมราคาถูก ที่มีรูปแบบการใช้งานที่ตรงไปตรงมา โดยสามารถเลือกจองได้ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พัก โดยระบบจะทำการค้นหาไฟล์ทหรือที่พัก และเรียงลำดับจากราคาน้อยไปราคาที่สูงที่สุด นอกจากนี้ยังมีแท็บโปรโมชันที่รวบรวมส่วนลดเด็ดๆ จากบัตรเครดิตต่างๆ เรียกได้ว่าแจกส่วนลดกันแบบชัดๆ เน้นๆ ไม่มีกั๊กอย่างแน่นอน 

ข้อดี

  • เว็บใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการใช้ตัวกรองขั้นสูงเหมือนเว็บอื่นๆ
  • นอกจากการชำระเงินจากบัตรเครดิต แอปธนาคาร เคาน์เตอร์เซอร์วิส และการโอนเงินแล้ว ยังมีช่องทางการชำระเงินอื่นๆ เช่น ผ่าน Alipay Cenpay บุญเติม หรือ rabbit Line Pay อีกด้วย 

ข้อเสีย

  • ช่องทางการติดต่อหลักต้องทำผ่านอีเมล ทำให้การติดต่อประสานงานเป็นไปอย่างยากลำบาก
  • ต้องทำการจองไฟล์ทและที่พักแยกกัน ไม่มีบริการจองแบบ Bundle เหมือน OTA เจ้าอื่น
  • ไม่มีบริการจองรถเช่า

4. Cheap Flights

Cheapflights คือ เว็บไซต์ค้นหาเที่ยวบินและที่พัก ที่ในปี 2023 นี้จะมีอายุครบ 27 ปีพอดี โดยในปัจจุบัน ได้ถูกซื้อหุ้นและกลายเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม Booking Holdings เป็นที่เรียบร้อย ทำให้เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ตัวกลางในการหาตั๋วเครื่องบิน หรือเว็บจองโรงแรมราคาถูกที่สามารถไว้วางใจได้ ตัวเว็บไซต์มีความเรียบง่าย ดูสะอาดตา ไม่มีแถบโฆษณาหรือหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมารบกวน ทำให้มีเวลาโหลดไทม์ที่ค่อนข้างไว สามารถใช้เปรียบเทียบราคาของตั๋วเครื่องบินและที่พักได้เหมือนกับเว็บ Meta Search Engine อื่นๆ และยังมีแอปพลิเคชันทั้งบน iOS และ Android ทำให้การค้นหาที่พักและตั๋วเดินทางราคาถูกกลายเป็นเรื่องง่าย  

ข้อดี

  • เว็บไซต์มีความเรียบง่าย ไม่มีหน้าต่าง Pop-up หรือ โฆษณามารบกวน
  • มีเวลาโหลดไทม์ที่ค่อนข้างไว
  • ตัว Interface ของเว็บเหมาะกับการใช้งานบนแอปพลิเคชันมือถือ 

ข้อเสีย

  • ไม่มีสาขาในประเทศไทย การติดต่อต้องทำผ่านอีเมล ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือผิดพลาดในการสื่อสาร
  • ไม่มีบริการ Bundle Pack ที่จองทั้งที่พักและเที่ยวบินพร้อมกัน
  • ต้องทำการกดลิงก์เพื่อจองที่พักหรือเที่ยวบินเอง ไม่ได้เป็น OTA ที่สามารถจองผ่านเว็บได้

5. Expedia

Expedia คือ เว็บเอเจนซี่ท่องเที่ยวที่ให้บริการ Meta Search Engine มาตั้งแต่ปี 2001 เว็บไซต์ชื่อดังจาก อเมริกานี้ยังคงเป็นเว็บจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมราคาถูก ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางทั่วโลก โดยให้บริการที่ครอบคลุมทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และบริการเช่ารถ นอกจากนี้ยังมีแท็บ Things to do ซึ่งเป็นการรวบรวมทริปทัวร์หรือกิจกรรมที่สามารถเข้าร่วมได้ในช่วงที่ต้องการเดินทาง เรียกได้ว่าเป็น one-stop-service ที่จะทำให้การวางแผนในการเดินทางกลายเป็นเรื่องง่ายและน่าสนุกไปพร้อมๆ กัน

ข้อดี

  • เว็บไซต์มีความเรียบง่าย ใช้งานสะดวก มีปุ่มเมนูที่ดูสะอาดตา
  • สามารถกดเลือกจองตั๋วเครื่องบินและที่พักแบบแพ็คเกจ ทำให้ประสบการณ์การจองตั๋วและโรงแรมมีความสะดวกและราบรื่นขึ้น
  • มีการแจกโค้ดส่วนลด ผ่าน Expedia คูปอง ออกมาเรื่อยๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น
  • มีช่องทางการติดต่อทางโทรศัพท์ภายในประเทศ 

ข้อเสีย

  • ในช่วงที่โรงแรมมีโปรโมชันพิเศษ การจองผ่านโรงแรมโดยตรง อาจได้ราคาที่ถูกกว่าการจองผ่าน Expedia
  • การขอยกเลิกและขอเงินคืนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก โดยเฉพาะในส่วนของโรงแรมและที่พัก ซึ่งมักจะมีนโยบายในการคืนเงินที่แตกต่างกันออกไป ในกรณีที่แย่ที่สุดก็คือมีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินคืน

6. Google Flight

Google Flight คือบริการย่อยในเครือของ Google ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 โดยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาเที่ยวบินราคาถูก และในปัจจุบันยังครอบคลุมไปถึงการค้นหาที่พักและโรงแรมอีกด้วย ซึ่งแตกต่างจากบางเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วๆ ไป Google Flight นั้นไม่ได้มีบริการในการจองตั๋วหรือที่พักผ่านตัวเว็บโดยตรง แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการเปรียบเทียบราคา ในวันเวลา และตำแหน่งที่ต้องการเท่านั้น 

ข้อดีก็คือตัวเว็บไซต์จะมีการระบุค่าเฉลี่ยราคาเที่ยวบินในแต่ละวัน ทำให้สามารถวางแผนและจองการเดินทางในวันที่ราคาตั๋วไม่สูงมาก ถือเป็นเครื่องมือคู่ใจนักเดินทาง ที่จะช่วยให้สามารถประหยัดงบประมาณ และประหยัดเวลาในการค้นหาตั๋วและที่พักได้เป็นอย่างดี  

ข้อดี

  • มีกราฟและราคาเฉลี่ยของราคาตั๋วในแต่ละวัน ทำให้สามารถหาช่วงเวลาที่ตั๋วถูกที่สุดได้
  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • เป็นการจองกับสายการบิน หรือที่พักโดยตรง หากเกิดปัญหาขึ้นก็สามารถติดต่อกับสายการบินหรือที่พักได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง

ข้อเสีย

  • ราคาอาจไม่ได้ถูกที่สุดเสมอไป หากเทียบกับการจองตั๋วโปรโมชันผ่านสายการบินโดยตรง
  • ไม่สามารถจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ได้ ผู้โดยสารต้องทำการจองตั๋วผ่านสายการบินเอง ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการจบทุกกระบวนการในเว็บเดียว

7. Kayak

หนึ่งในบริษัทลูกในเครือ Booking Holdings เช่นเดียวกับ Booking.com และ Cheapflights โดย Kayak นั้น ให้บริการในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาของสายการบินและที่พักเช่นเดียวกับ Meta Search Engine อื่นๆ แต่ความพิเศษอยู่ที่ความสามารถในการค้นหาไฟล์ทราคาถูกของต่างสายการบิน และนำมาจัดไฟล์ทขาไปและกลับในราคาที่ถูกที่สุด 

ข้อดี

  • สามารถเลือกการเดินทาง ขาไปและกลับโดยใช้คนละสายการบิน
  • มีตัวเลือก และตัวคัดกรองผลการค้นหาให้เลือกใช้มากมาย

ข้อเสีย

  • ไม่ใช่สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้โดยตรง เว็บจะทำการลิงก์ไปยังเพจของสายการบิน OTA หรือโรงแรม และผู้ใช้งานต้องทำการจองด้วยตัวเอง
  • อาจไม่ได้ไฟล์ทที่ถูกที่สุดเสมอไป เพราะมีการแอบแฝงแท็บโฆษณาปะปนมากับผลลัพธ์การค้นหาทั่วไป

8. Skyscanner

เว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกสัญชาติสกอตแลนด์ ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 โดยครอบคลุมการค้นหาไปถึงโรงแรมที่พัก และบริการเช่ารถอีกด้วย เว็บไซต์ Skyscanner นั้นมีตัวแอปพลิเคชันมือถือที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ทำให้การค้นหาเที่ยวบินกลายเป็นเรื่องง่าย สามารถเลือกเส้นทางบินต่างสายการบินในทริปเดียวได้ ทำให้ได้ตั๋วในราคาที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบ Price Alert เพื่อแจ้งเตือนหากมีตั๋วราคาพิเศษหลุดมาในวันที่ต้องการเดินทาง ถือเป็นแอปพลิเคชันมือถือที่นักเดินทางทุกคนควรมี 

ข้อดี

  • มีตัวเลือกคัดกรองเยอะ สามารถปรับแต่งการค้นหาให้เหมาะสมตามความต้องการ
  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน

ข้อเสีย

  • ไม่มีบริการจองตั๋วหรือที่พักผ่านเว็บ เป็นเพียงเว็บค้นหาเท่านั้น
  • มีโฆษณาและ Pop-up Window แทรกอยู่ระหว่างผลลัพธ์การค้นหา อาจทำให้เกิดความสับสน

9. Traveloka

Traveloka คือ OTA ยักษ์ใหญ่จากประเทศอินโดนีเซียที่เชื่อว่านักเดินทางทุกคนจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟังก์ชันของเว็บ Traveloka นั้นมีความคล้ายคลึงกับ Expedia เป็นอย่างมาก โดยสามารถใช้แพลตฟอร์มในการค้นหาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และรถเช่า และทำการจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย เรียกได้ว่าสามารถทำทุกอย่างได้ครบจบในที่เดียว นอกจากนี้ ยังมีการแจกโค้ดโปรโมชันผ่านแท็ป Hot Fare ซึ่งจะเป็นการรวบรวมตั๋วราคาพิเศษจากเคมเปญต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดงบเดินทางเอาไว้ ช็อป ชิม ชิวได้แบบจุใจ 

ข้อดี

  • เป็น one-stop-service สามารถวางแผนการเดินทาง และทำการจองทุกอย่างภายในที่เดียว
  • เว็บไซต์ดูเรียบง่าย สบายตา
  • มีการแจกโค้ดส่วนลดอยู่เสมอ ซึ่งช่วยประหยัดงบในการเดินทาง
  • มีเบอร์ศูนย์ Call Center ในไทย

ข้อเสีย

  • โหลดไทม์ของเว็บไซต์ค่อนข้างช้า
  • หากเกิดปัญหาขึ้น การติดตามเรื่องจะเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะเป็นการสั่งจองผ่านกับตัวกลาง

10. Tripadvisor

นักเดินทางรุ่นเก๋า โดยเฉพาะในยุค 2000 คงไม่มีใครไม่รู้จัก Tripadvisor เว็บไซต์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการรีวิวที่พักและร้านอาหารชื่อดังจากประเทศอเมริกา ซึ่งในปัจจุบันได้กลายมาเป็นเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกและ เว็บจองโรงแรมราคาถูกอันดับต้นๆ ของโลก ที่ช่วยให้นักเดินทางสามารถหาตั๋วเครื่องบินและที่พักในราคาที่เหมาะสม รวมถึงอ่านรีวิวของสถานที่แต่ละแห่งได้ภายในไม่กี่คลิก 

นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาร้านอาหาร หรือจองกิจกรรมที่น่าสนใจ ในระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างของแพลตฟอร์มก็คือ ข้อความเตือนภัยสำหรับที่พักที่เคยเกิดการก่ออาชญากรรมทางเพศ โดยป้ายคำเตือนนี้จะหายไป หากไม่มีเหตุอาชญากรรมอื่นๆ เกิดขึ้นหลังจาก 3 เดือน

ข้อดี

  • มีฟีเจอร์เตือนภัยเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเพิ่มความระมัดระวังตัว หรือหลีกเลี่ยงบริเวณที่พักที่เคยเกิดเหตุอาชญากรรม
  • โดดเด่นในเรื่องของรีวิวที่พักและร้านอาหาร ที่สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจก่อนจอง
  • มีอ็อปชันการเลือกจองเรือครูซ ซึ่งคู่แข่งไม่มี

ข้อเสีย

  • การติดต่อหลักต้องทำผ่านอีเมล อาจทำให้เกิดความล่าช้า และเกิดความผิดพลาดในการติดต่อสื่อสาร
  • รีวิวอาจจะไม่ได้แม่นยำเสมอไป เพราะฉะนั้นอาจต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย

11. Trip.com

ออนไลน์ทราเวลเอเจนซี่ อันดับต้นๆ จากประเทศสิงค์โปร์ ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวสายประหยัด ด้วยความสามารถในการค้นหาเที่ยวบิน ที่พัก รถเช่า และแม้กระทั่งตั๋วรถไฟในบางประเทศ ทำให้ Trip.com เป็นหนึ่งในเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก และเว็บจองโรงแรมราคาถูกคู่ใจสายเดินทางหลายคน มาพร้อมกับแอปพลิเคชันมือถือที่ทำให้การค้นหาและจองตั๋วและที่พักกลายเป็นเรื่องง่าย และยังมีการแจกดีลเด่นประจำวัน ซึ่งเป็นการให้ส่วนลดเพิ่มเติม หรือเป็นการเพิ่มของแถมให้กับผู้ใช้งานอีกด้วย 

ข้อดี

  • เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
  • มีบริการให้เลือกหลากหลาย นอกจาก ไฟล์ท โรงแรม และรถ ก็ยังสามารถจองตั๋วรถไฟในบางพื้นที่ได้อีกด้วย
  • มีการแจกโปรโมชันส่วนลดอยู่เรื่อยๆ ทำให้สามารถเซฟงบการเดินทางไปได้อีกเยอะ
  • มีช่องทางการติดต่อผ่าน แชท โทรศัพท์ และอีเมล

ข้อเสีย

  • เนื่องจากเป็นองค์กรใหญ่ การเข้าถึงตัวพนักงานเพื่อขอความช่วยเหลืออาจทำได้ยากและอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ในหลายๆ จุด
  • อาจต้องใช้เวลานานในการของเงินคืน ในกรณีที่เกิดปัญหาในการจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก

สรุป

ปี 2023 นี้ มีเว็บจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก และเว็บจองโรงแรมราคาถูกให้เลือกมากมาย โดยแต่ละเว็บต่างก็มีข้อดีและข้อด้อยเป็นของตนเอง หวังว่าเว็บไซต์เหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยในการเติมเต็มความฝันของเหล่านักเดินทางทุกคน ในการออกไปเที่ยวพักผ่อน หรือใช้เวลากับคนพิเศษ ในราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋า จะได้เก็บเงินเอาไว้ช๊อปกันต่อได้แบบชิวๆ

ที่สำคัญ ได้ตั๋วเดินทางและห้องพักราคาดีแล้ว ก็อย่าลืมใช้บริการของ Airportels บริการขนส่งสัมภาระระหว่างที่พักและสนามบิน ที่สะดวกสบายตลอด 24 ชั่วโมง ให้คุณเที่ยวได้แบบสบายตัว สบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระ เดินตัวปลิว ชมวิวสุดฟิน และอินไปกับบรรยากาศได้อย่างสบายใจ

เทคนิคจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูก ปี 2023 ที่สายท่องเที่ยวต้องรู้

หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มเบาบางลง หลายประเทศเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ผู้คนก็อยากออกไปท่องเที่ยวกันมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาคือราคาตั๋วเครื่องบินที่แสนแพง จนทำให้หลายคนหมดไปกับค่าเครื่องบินมากกว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการท่องเที่ยว หรือบางคนก็ถอดใจไปเสียก่อน แต่จะดีกว่าไหมถ้าสามารถจองตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกกว่า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วเหลือเงินไปเที่ยวแบบสบายๆ บทความนี้จะมาแชร์เทคนิคการจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูกในปี 2023 ที่สายเที่ยวต้องรู้ มีอะไรบ้างไปดูกัน

1. ค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน

ในการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก สิ่งที่ทุกคนควรทำเป็นอันดับแรกคือ เริ่มจากการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน เพจ หรือเอเจนซี่ต่างๆ ในทุกรูปแบบ เพื่อนำมาเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน และสายการบินที่ให้ราคาสมเหตุสมผล หรือถูกที่สุด เพื่อเพิ่มทางเลือกในการตัดสินใจ โดยในปัจจุบันก็มีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น Traveloka, Expedia, KAYAK, Trip.com, Agoda, Skyscanner, Google Flights เป็นต้น

2. คำนึงถึงส่วนลดและโปรโมชัน

 สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงในการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกนั่นคือโปรโมชันและส่วนลด เพราะเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยให้ได้ราคาตั๋วที่ถูกลงได้ โดยสามารถตามหาโปรโมชันและส่วนลดต่างๆ ได้จากหลายวิธีด้วยกัน

เพจรวมส่วนลดและโปรโมชัน

ปัจจุบันมีเพจรวมส่วนลดและโปรโมชันเกี่ยวกับราคาตั๋วเครื่องบินมากมายแชร์กันในช่องทาง Social Media อย่าง Facebook, Instagram, Twitter หรือตามเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบิน แอปพลิเคชัน และเอเจนซี่ ที่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา รวมถึงมีการอัปเดตโปรโมชันและส่วนลดใหม่ๆ เช่น เพจติดโปร, Pro Addict, เพจเพื่อนติดโปร ฯลฯ แต่อาจต้องอาศัยจังหวะหรือดวงร่วมด้วย เนื่องจากส่วนลดและโปรโมชันมักมีช่วงเวลาและจำนวนสิทธิที่จำกัด เป็นแบบ fisrt come, first serve เพราะฉะนั้นการจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูก บอกได้เลยว่าจังหวะและความเร็วในการจองถือเป็นสิ่งจำเป็น 

ส่วนลดและโปรโมชันจากสายการบิน

วิธีต่อมาเป็นการเช็กราคาส่วนลดหรือโปรโมชันผ่านเว็บไซต์ เพจ หรือแอปพลิเคชันของทางสายการบินโดยตรง ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะมีการจัดโปรโมชันหรือส่วนลดต่างๆ แตกต่างกันไป อาจจะมีราคาพิเศษ ราคานักศึกษา หรืออื่นๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่สายการบินเลือกจัดโปรโมชัน หากได้มีการติดตามเพจ เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของทางสายการบินไว้ ก็จะทำให้สามารถเห็นโปรโมชันได้ก่อน ทั้งยังสามารถจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินที่ตัวเองนิยมและสนใจได้อย่างรวดเร็วในราคาที่ถูกลง 

สะสมไมล์ หรือเครดิตการจอง เพื่อนำมาเป็นส่วนลด

ตามเว็บไซต์ของทางสายการบินนอกจากจะมีการจัดโปรโมชันอยู่เป็นช่วงๆ แล้ว ก็ยังมีในเรื่องของการสะสมไมล์ หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วและยิ่งเป็นคนที่เดินทางบ่อย บางสายการบินอาจมีการสะสมเครดิตการจองตั๋วเครื่องบินหรือสะสมไมล์เดินทาง ซึ่งสามารถนำมาแลกเป็นส่วนลดในเที่ยวบินถัดๆ ไปได้ บางครั้งอาจจะได้เที่ยวบินฟรีจากการแลกไมล์สะสมเลยก็ได้ หรือหากมีการสมัครเป็นสมาชิกใหม่ อาจจะมีสิทธิพิเศษบางอย่างสำหรับสมาชิกใหม่เป็นส่วนลดได้เช่นกัน วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจองตั๋วเครื่องบินลงได้

ซื้อตั๋วเครื่องบิน พร้อมโรงแรมหรือที่พัก

อีกวิธีที่สามารถทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินถูกลงกว่าปกติได้ นั่นก็คือการซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมโรงแรมหรือที่พัก  เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายลง โดยเมื่อนำมาคำนวณราคาแล้วมักจะได้ราคารวมของแพ็กเกจที่ถูกกว่าการแยกจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พักต่างหาก แต่อาจจะต้องอาศัยความเร็วในการจองหรือพึ่งดวงกันเล็กน้อย เพราะมักมีจำนวนจำกัด ยิ่งหากเป็นแพ็กเกจดีๆ น่าสนใจก็จะยิ่งหมดเร็ว รวมถึงอาจต้องมีการพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบการตัดสินใจร่วมด้วย เช่น อาจมีข้อจำกัดในการเลือกที่พักหรือสายการบินที่ต้องการ ตัวเลือกที่มีอาจจะยังไม่ถูกใจ แต่หากต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกลง การเลือกใช้วิธีนี้ก็ถือเป็นวิธีที่คุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอน

3. เลือกเวลาการบินในช่วงที่ไม่ได้รับความนิยม

การเลือกช่วงเวลาในการบินก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาตั๋วเครื่องบินอย่างมาก ควรเลือกจองตั๋วเครื่องบินในช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่นิยมเดินทางท่องเที่ยวกัน เพราะหากเป็นช่วง high season ค่าตั๋วเครื่องบินมักมีราคาสูงกว่าช่วง low season

การเลือกเดินทางในช่วงเวลาเช้า

ช่วงเวลาที่ควรเลือกเดินทางคือช่วงเช้าตรู่หรือเช้ามืด เนื่องจากคนมักจะเดินทางกันในช่วงเวลานี้ค่อนข้างน้อย ทำให้มีตั๋วที่นั่งเหลือเยอะ ราคาจึงถูกลง และยังมีโอกาสเลือกที่นั่งดีๆ ได้ในราคาที่ไม่แพงมาก แต่อาจจะมีข้อเสียคือต้องตื่นแต่เช้ามากๆ หรืออาจจะต้องอดนอนเพื่อไปขึ้นเครื่องให้ทันรอบเช้า

การเลือกเดินทางในช่วงเวลากลางคืน

อีกช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยนิยมเดินทางกันคือช่วงกลางคืนดึกๆ ทำให้มีโอกาสจองตั๋วเครื่องบินได้ในราคาที่ถูกลง แต่อาจจะต้องแลกมากับการเดินทางไปสนามบินที่อาจจะไม่สะดวก และอาจเกิดความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการนั่งเครื่องบินและพักผ่อนไม่เพียงพอได้

4. เลือกเดินทางในวันธรรมดา

นอกจากช่วงเวลาในการเดินทางที่มีผลต่อราคาตั่วเครื่องบินแล้ว วันที่เลือกเดินทางก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกเดินทางในวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะเป็นวันที่คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนกัน ดังนั้นปริมาณความต้องการจองตั๋วในวันหยุดพิเศษเหล่านี้จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งสูงขึ้นไป การเลือกจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์โดยเฉพาะในวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากต้องการซื้อตั๋วราคาถูก 

5. จองตั๋วเครื่องบินในช่วง Low season

หากต้องการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก ควรเลือกจองตั๋วเครื่องบินในช่วง low season ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมไปเที่ยวกัน ข้อดีคือนอกจากราคาตั๋วถูก ราคาที่พัก ร้านอาหาร ของกินของใช้ต่างๆ ก็จะถูกลงเช่นกัน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไร สายการบิน ที่พัก ร้านค้าต่างๆ จึงมักมีโปรโมชันดีๆ หรือส่วนลดมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า อีกทั้งยังไม่ต้องไปเบียดเสียดกับปริมาณนักท่องเที่ยวเยอะๆ อย่างในช่วง high season แต่อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของความสวยงามของบรรยากาศที่ไม่ได้สวยเท่าช่วง high season หรือสภาพอากาศที่อาจจะร้อนหรือหนาวเกินไป โดยแต่ละประเทศแต่ละโซนก็จะมีช่วง low season ที่ต่างกันออกไป เช่น

  • เกาหลี – ช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง กันยายน
  • ญี่ปุ่น – ช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง กันยายน
  • ออสเตรเลีย – ช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม
  • ยุโรป – ช่วงฤดูหนาว ปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นเดือนเมษายน
  • อเมริกา, แคนาดา – ช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน ถึง ปลายเดือนมีนาคม
  • อเมริกาใต้ – ช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม

6. จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า

การจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่าการจองตั๋วในวันใกล้วันเดินทาง เพราะตั๋วที่นั่งที่ราคาถูกมักจะถูกขายออกไปก่อน อีกทั้งการซื้อตั๋วแบบใกล้วันเดินทางอาจจะทำให้มีการปรับราคาตั๋วแพงขึ้นได้ เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่วางแผนเดินทางล่วงหน้าและรู้วันที่ต้องเดินทางแล้วควรรีบจองตั๋วเครื่องบินก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงนั่นเอง

7. เลือกจองตั๋วเครื่องบินแบบต่อเครื่อง

การจองตั๋วเครื่องบินแบบต่อเครื่อง คือการจองตั๋วเครื่องบินที่มีการแวะจอดที่สนามบินกลางทางก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังปลายทาง ทำให้ได้ราคาที่ถูกลง เหมาะกับคนที่ไม่ได้เร่งรีบหรือมีเวลาจำกัด เนื่องจากการบินแบบต่อเครื่องจะทำให้เสียเวลาในการต่อเครื่องเพิ่มขึ้น และควรระวังเรื่องระยะเวลาในการต่อเครื่องเพราะอาจเกิดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ทำให้ต่อเครื่องไม่ทันได้

8. เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในสนามบินที่ต่างกัน

การจองตั๋วเครื่องบินแบบเลือกสนามบินในการลงจอด ในกรณีที่บางเมืองหรือบางประเทศมีสนามบินมากกว่า 1 แห่ง การเลือกสนามบินเพื่อเปรียบเทียบราคาก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ได้ตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกลง แต่อาจจะต้องมีการสังเกตหรือเตรียมตัว เช่น ค่าเดินทางจากสนามบินไปที่พักหรือปลายทาง หากได้ไม่คุ้มเสียก็ควรเลือกใช้วิธีอื่นๆ แทน

9. การเลือกจับคู่สายการบินแบบผสม

การจองตั๋วเครื่องบินแบบจับคู่ หรือผสมสายการบิน อาจได้ในราคาที่ถูกกว่าการเลือกสายการบินเดียวกัน ควรลองเปรียบเทียบราคาดูก่อน โดยเฉพาะการบินแบบไปกลับ การเลือกตั๋วเครื่องบินขาไปกับขากลับเป็นคนละสายการบินก็จะทำให้มีโอกาสได้เลือกสายการบินที่มีราคาถูกกว่าการจองตั๋วแบบไปกลับพร้อมกัน

10. เลือกสายการบินแบบ Low cost

การเลือกสายการบินแบบ Low cost เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดงบประมาณในการเดินทาง เนื่องจากจะมีการตัดการให้บริการบางอย่างออกไป ซึ่งหากต้องการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพิ่มเติม เช่น เลาจน์สำหรับรอขึ้นเครื่อง การโหลดกระเป๋า อาหาร-เครื่องดื่มบนเครื่อง การเลือกที่นั่ง การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน เป็นต้น จึงเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น หรือผู้ที่มีสัมภาระน้อย และต้องการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลง

11. เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในสกุลเงินอื่นๆ

การจองตั๋วเครื่องบินโดยใช้วิธีการนี้ เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้ตั๋วราคาถูกกว่า โดยสายการบินเดียวกัน เที่ยวเดียวกัน ที่นั่งแบบเดียวกัน แต่สกุลเงินที่แตกต่างกันอาจทำให้ได้ราคาที่ต่างกันออกไปตามอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงิน หากอยากได้ตั๋วราคาถูกอาจต้องลองเปรียบเทียบราคาดู การเลือกซื้อตั๋วโดยใช้สกุลเงินอื่นอาจทำให้ได้ราคาที่ดีกว่า

12. จองตั๋วเครื่องบินแบบคนเดียว

การจองตั๋วแบบคนเดียวหรือแยกกันจอง ทำให้ได้ถูกกว่าการจองพร้อมกันหลายๆ ที่ เพราะแต่ละเที่ยวบินจะมีที่นั่งราคาถูกอยู่จำกัด บางครั้งก็จะอาจมีโปรโมชันให้เลือกแค่สำหรับบางที่นั่ง และการจองตั๋วแบบเป็นกลุ่มมักมีราคาตั๋วที่แพงกว่า ข้อเสียคืออาจไม่ได้นั่งด้วยกัน แต่ก็แลกมาในราคาที่ถูกกว่านั่นเอง

สรุป

บางคนอาจสงสัยว่าจองตั๋วเครื่องบินยังไงให้ถูก การจองตั๋วเครื่องบินสามารถจองในราคาที่ถูกลงได้ หากลองเลือกเทคนิคข้างต้นนี้ นำเอาไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่ตัดสินใจจองทันที เมื่อได้ดีลหรือส่วนลดที่ต้องการ เพราะคนอื่นๆ หลายคนต่างต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินเมื่อมีโปรโมชันเหมือนกัน

นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องตั๋วเครื่องบินแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเตรียมสัมภาระ แนะนำบริการของ Airportels ที่เหมาะสำหรับคนไม่ต้องการพกสัมภาระไปทุกที่ให้วุ่นวาย โดยเฉพาะคนที่อยากไปท่องเที่ยว แล้วต้องมีกระเป๋าสัมภาระเยอะๆ หรือต้องพักในโรงแรม และไม่สะดวกในการขนของ เป็นต้น 

บางคนหากลงจากเครื่องแล้วอยากไปกินข้าว ชอปปิง ทำธุระ หรือยังไม่ถึงเวลาบินอยากฝากสัมภาระไว้ซัก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งทาง Airportels ก็มีบริการฝากสัมภาระในสนามบินด้วยเช่นกัน หรือใครน้ำหนักกระเป๋าเกิน ไม่อยากโหลดกระเป๋า ฝากไว้กับ Airportels ก็มีราคาที่ถูกกว่า