15 ที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ สัมผัสไอหนาวได้ ไม่ต้องไปไกล 2023

พอเข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนก็คงจะเริ่มตั้งคำถามว่า หน้าหนาวเที่ยวไหนดี เพราะหลายที่ต้องวางแผนจองตั๋ว จองที่พักล่วงหน้า แต่สำหรับใครที่มีเวลาว่างแค่วันสองวันหรือไม่อยากเดินทางไกลๆ ก็สามารถสัมผัสไอหนาวได้เหมือนกัน เพราะใกล้กรุงเทพก็ยังมีที่เที่ยวหน้าหนาวสวยๆ บรรยากาศดีๆ อีกมากมาย และกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ก็ฟินได้เหมือนกัน !

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

หน้าหนาวเป็นช่วงเวลาเดียวของปีที่จะได้ไปชมวิวสวยๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บนดอย บนภูเขาต่างๆ อุณหภูมิจะลดต่ำลงจนมีไอหมอกจางๆ ในยามเช้า ในขณะที่บางจุดหมอกก็หนามากจนกลายเป็นทะเลสีขาว ซึ่งไม่ใช่ภาพที่จะหาชมได้บ่อยๆ โดยจุดที่เที่ยวหน้าหนาวที่สามารถจะชมทะเลหมอกได้มีดังนี้ 

1. จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง นครราชสีมา 

จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนลำตะคองเพียง 15 นาที ใครที่มาเที่ยวเขื่อนลำตะคองก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเที่ยวจุดนี้ด้วย เพราะวิวสวยมาก สามารถมองเห็นภูเขา เขื่อนลำตะคองและทุ่งกังหันลมได้แบบ 360 องศา อากาศเย็นสบาย จะปั่นจักรยานชมวิวเพลินๆ หรือนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกก็โรแมนติก การเดินทางสะดวกสบาย มีที่จอดรถ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ ให้บริการครบ

  • ที่อยู่: ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 30340
  • พิกัด: กังหันลม เขายายเที่ยง
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น.

2. จุดชมวิวเขากระโจม ราชบุรี 

จุดชมวิวเขากระโจมนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ แต่เส้นทางจะสมบุกสมบันหน่อย จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับสายลุย แต่พอขึ้นไปเห็นทิวทัศน์สวยๆ ด้านบนแล้ว เชื่อว่าความเหนื่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยอลังการมาก มองเห็นได้ไกลถึงประเทศพม่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะกางเต็นท์พักแรม เพื่อตื่นมาชมวิวแต่เช้าตรู่ มองดูพระอาทิตย์สีส้มค่อยๆ โผล่พ้นทะเลหมอกสีขาว แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม

  • ที่อยู่: ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
  • พิกัด: จุดชมวิวเขากระโจม
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (นำรถยนต์เสียค่าบริการขึ้นเขาคันละ 50 บาท)
  • เวลาปิด-เปิด: ขึ้นเวลา 04:00-07:00 น.
    ลงเวลา 07:00-09:00 น. / 09:00-19:00 น. ขึ้นและลงได้ตลอด

3. ผาหินกูบ จันทบุรี

ชื่อผาหินกูบอาจจะฟังดูแปลก แต่สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะจุดชมวิวด้านบนมีลักษณะโค้งลาดลงทั้ง 2 ข้าง จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกูบหรือที่นั่งบนหลังช้าง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่วิวสวยและบรรยากาศดีมาก ตลอดเส้นทาง 8-9 กม. นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งถ้ำ น้ำตก ลำธาร และหินรูปร่างแปลกตา การค้างแรมที่นี่ไม่มีเต็นท์ให้ แต่ใช้วิธีผูกเปลหรือนอนใต้ผาหิน ใครที่อยากออกจากเซฟโซน อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องถูกใจแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี 22210
  • พิกัด: ผาหินกูบ
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี มีค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์
เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

4. เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

เขาพะเนินทุ่ง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวยอดนิยม เพราะช่วงที่อากาศเย็นจัด หมอกจะหนา จนกลายเป็นทะเลสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เส้นทางค่อนข้างชัน แต่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ด้านบนมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง จึงสามารถกางเต็นท์ได้อย่างสะดวกสบาย มีห้องอาบน้ำและร้านค้าสวัสดิการให้บริการ ถ้าใครเป็นสายลุย ก็สามารถเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาพะเนินทุ่งได้เลย ซึ่งที่ยอดเขานี้เป็นแหล่งดูนกป่าหายากด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด: จุดชมวิวทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
  • อัตราค่าเข้า: ค่าเข้าคนละ 100 บาท ค้างคืนเพิ่มอีกคนละ 30 บาท / คืน
  • เวลาปิด-เปิด: รถขึ้นได้เวลา 05:30-07:30 น. และ 13:00-15:00 น. ลงเวลา 09:00 – 10:00 น. และ 16:00 – 17:00 น.

5. สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ชลบุรี

สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก มีลักษณะเป็นทางเดินทอดยาว 226 เมตร สูงจากพื้นดิน 25 เมตร หรือประมาณตึก 8 ชั้น ถึงจะไม่ใช่คนกลัวความสูง แต่มองลงมาก็ต้องมีหวั่น ยิ่งช่วงที่เป็นพื้นกระจกมีระยะทาง 50 เมตร เรียกว่าเป็นช่วงวัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มองเห็นวิวของผืนป่าและอ่างเก็บน้ำได้แบบเต็มตา ถ่ายรูปออกมาสวยมาก และยังสามารถลงมาทำบุญที่วัดต่อได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ครบครันจริงๆ

6. ผาเก็บตะวัน นครราชสีมา 

ผาเก็บตะวันไม่เพียงแต่จะเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำด้วย คือการปลูกป่าโดยใช้หนังสติ๊กยิงเมล็ดพันธุ์พืช เช่น เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการยิงเล่นๆ แต่เติบโตได้จริงถึง 80% ดังนั้นนอกจากได้นอนกางเต็นท์ ชมวิวทะเลหมอกสวยๆ ก็ยังได้คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าเป็นการตอบแทนด้วย 

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

อุทยาน เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนนิยมมาก เพราะแม้จะมีต้นไม้คอยให้ความร่มรื่น แต่ถ้าลองมาเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ก็จะรู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว เหนื่อยง่าย ในขณะที่ช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เดินชมนกชมไม้ได้เพลินๆ วิวทิวทัศน์สวยงาม ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นช่วงที่แมลงน้อยด้วย โดยอุทยานที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ มีดังนี้

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย และเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ขับรถออกจากกรุงเทพไม่นาน ก็จะได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่น เย็นสบาย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมพืชพรรณและสัตว์หายาก โดยเฉพาะนกที่มีมากกว่า 280 ชนิด มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย เช่น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ส่องนกในตอนกลางวัน ส่องสัตว์ป่าในยามค่ำคืน เล่นน้ำตก ฯลฯ 

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

8. อุทยานแห่งชาติทับลาน นครราชสีมา 

นอกจากอุทยานแห่งชาติทับลานจะมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีป่าลานธรรมชาติที่ถือว่าเป็นป่าลานผืนสุดท้ายของเมืองไทย มีต้นลานขึ้นอย่างหนาแน่นบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด และด้านในก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น อ่างเก็บน้ำทับลาน น้ำตกบ่อทอง น้ำตกสวนห้อม เขามะค่า ฯลฯ จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมและกางเต็นท์พักแรม

  • ที่อยู่: 520 หมู่ที่ 1 ถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี 25220
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติทับลาน
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
อุทยานหินเขางู ราชบุรี

9. อุทยานหินเขางู ราชบุรี

อุทยานหินเขางู เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่แตกต่างจากอุทยานอื่นๆ เพราะเป็นเหมือนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน เดิมที่พื้นที่นี้เป็นแหล่งระเบิดและย่อยหิน แต่ต่อมาถูกยกเลิกไปและกลายเป็นพื้นที่ร้าง จึงพัฒนาให้กลายเป็นสวนสวยๆ  โดยที่ยังอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบเอาไว้ บรรยากาศจึงสวยงามแปลกตา หาชมยาก กิจกรรมที่นิยมก็จะเป็นการเดินเล่น ถีบเรือเป็ด ชมถ้ำ และแวะถ่ายรูปที่จุดเช็กอินยอดฮิตบนสะพานข้ามลำน้ำ

  • ที่อยู่: ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 70000
  • พิกัด: อุทยานหินเขางู
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น.

10. อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี 

อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนสุพรรณและจังหวัดใกล้เคียงนิยมกันมาก เหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสกับความสวยงามที่เงียบสงบ เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ นอนกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืน ตื่นมาจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ พร้อมชมทะเลหมอกยามเช้า และเดินเที่ยวชมน้ำตกสวยๆ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี 

  • ที่อยู่: ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฤดูหนาวก็คือ ทุ่งนาสีทองที่พร้อมเก็บเกี่ยวและดอกไม้สีสันสดใสที่แข่งกันอวดโฉม ช่วงนี้จึงถือเป็นเวลาทองของการไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะใน 1 ปี มีเพียงแค่ 1 ครั้ง พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอไปถึงปีหน้า ที่เที่ยวหน้าหนาวบางแห่งจึงเปิดให้เข้าชมเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยสามารถไปชมได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้

11. สะพานไม้ร้อยปี นครราชสีมา 

สะพานไม้ร้อยปี เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูปชิลๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้แคบๆ ขนาด 1-2 คนเดิน ระยะทางประมาณ 1 กม. เท่านั้น เดิมทีชาวบ้านร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามทุ่งนาระหว่างหมู่บ้าน แต่ด้วยความที่บรรยากาศดี วิวสวย ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ ในช่วงหน้าหนาว จะมีการตกแต่งไฟสวยงามเป็นพิเศษ และยังชมวิวทะเลหมอกยามเช้าได้ด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 30250
  • พิกัด: สะพานไม้ 100 ปี
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 05:00-19:00 น.

12. ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร นครราชสีมา 

ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหมาะที่จะแวะเดินเล่น ชมความสวยงาม เพราะช่วงปลายปี ทั่งทั้งอาณาบริเวณพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ จะถูกเติมเต็มด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองแทบทุกตารางเมตร ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องกลัวผิวไหม้ นอกจากนี้ด้านในยังมีร้านขายของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น. 

13. สะพานทุ่งนามุ้ย นครนายก 

สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานที่ทำจากไม้ไผ่คดเคี้ยวอยู่เหนือทุ่งนา ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม ทุ่งนาบริเวณรอบๆ จะเป็นสีเขียวขจี แต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง บรรยากาศต่างกันแต่สวยทั้งคู่ 

จุดประสงค์หลักสร้างขึ้นเพื่อที่เวลาน้ำท่วมชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม แต่ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่นอกจากจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวสวยๆ ได้แล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานรับลมแบบเพลินๆ เลือกซื้อสินค้าจากชาวบ้าน หรือตักบาตรบนสะพานได้ด้วย 

  • ที่อยู่: ตำบล สาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก 26000
  • พิกัด: สะพานทุ่งนาน้อยเขาหล่น
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-19:00 น.
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

14. ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่สามารถชมดอกทานตะวันขนาดใหญ่ยักษ์นับพันได้ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาว แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางชมบรรยากาศรอบทุ่งแบบชิลๆ ได้ด้วย ไม่ต้องเดินให้เมื่อย หรือจะเป็นการขี่ม้าชมทุ่ง ขับ ATV ชมทุ่งก็มี ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือมาเป็นครอบครัว มีทั้งเด็ก และผู้สูงอายุ ก็สนุกกันได้เต็มที่

  • ที่อยู่: ทางหลวงหมายเลข 3017 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000
  • พิกัด: ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล 
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (ไม่รวมค่าบริการรถราง และกิจกรรมอื่นๆ)
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.

15. ทุ่งคอสมอส น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม สระบุรี

คอสมอสเป็นดอกไม้ที่จะบานเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทุ่งคอสมอส จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาด เพราะมีวิวสวยมากเหมือนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้ว ที่นี่เป็นฟาร์มแพะ แต่แบ่งพื้นที่มาปลูกดอกคอสมอส 25 ไร่ พอถึงช่วงฤดูหนาว เลยกลายเป็นสีชมพูไปทั้งทุ่ง นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด มีมุมสวยๆ ที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ให้นั่งพักกินของอร่อยด้วย

  • ที่อยู่: 37/3 หมู่ 6 ซอย 7 ซ้าย ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 18240
  • พิกัด: น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังที่พัก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบตัวเปล่า ไม่ต้องขนสัมภาระเอง หรือคอยกังวลว่าจะวางลืมไว้ที่ไหน 

วิธีใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่กดจองผ่านแอปพลิเคชัน และเลือกว่าต้องการให้ไปรับ-ส่งสัมภาระที่ไหน เวลาใด แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AIRPORTELs ช่วยดูแลขนสัมภาระทั้งหมดแทนได้เลย 

ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังอุ่นใจไม่ต้องกลัวของหาย เพราะมีระบบติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และประกันค่าเสียหายสูงสุดถึง 50,000 บาท

สรุป

อากาศเย็นสบายแบบนี้อย่ามัวแต่อยู่บ้าน เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวสวยๆ อีกมากมายที่รอทุกคนอยู่ ถึงจะมีเวลาน้อยก็ไม่เป็นไร เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพก็ฟินได้เหมือนกัน มีทั้งจุดชมวิวสวยๆ อุทยาน ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ และกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ถ้าใครไม่อยากขนสัมภาระเองให้เหนื่อย หรือขากลับซื้อของฝากเยอะ ก็ไม่ต้องหิ้วเองให้เปลืองแรง AIRPORTELs มีบริการขนกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดไปส่งให้ถึงที่พัก เดินทางกลับได้แบบชิลๆ จะแวะคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือที่เที่ยวอื่นๆ ระหว่างทางก็ยังได้ ไม่ต้องวนกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมอีก ตรงกลับที่พักได้เลย ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา และยังปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

รวม 15 จุดชมวิวทะเลหมอก เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอหน้าหนาว!

สำหรับใครที่ชื่นชอบการขึ้นเขา เพื่อไปสัมผัสธรรมชาติ จุดชมวิวทะเลหมอกนับเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู เพียงแค่เลือกไปให้ถูกจังหวะของที่เที่ยวทะเลหมอกสถานที่นั้นเป็นพอ เพราะการไปชมทะเลหมอกไม่จำเป็นที่จะต้องรอหน้าหนาวเสมอไป ทาง AIRPORTELs จึงได้รวบรวมจุดชมวิวทะเลหมอกทั่วไทย เที่ยวได้ตลอดทั้งปีมา มีที่ไหนบ้างไปดูกัน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าร้อน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าร้อน

เหมาะสำหรับใครที่อยากจะเที่ยวทะเลหมอกหน้าร้อน เพื่อสัมผัสธรรมชาติผ่านจุดชมวิวที่สูง จนสามารถเห็นบรรยากาศได้โดยรอบ 

ซึ่งการเที่ยวฤดูร้อนเพื่อชมทะเลหมอกมีจุดเด่นตรงที่ไม่ต้องรอหน้าฝนหรือหน้าหนาว ทุกคนก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศเหล่านั้นได้ หากใครเบื่อแล้วที่ฤดูร้อนต้องเอาแต่เที่ยวทะเล ไปทีไรก็ร้อนเกินไป ไม่ช่วยให้คลายร้อนสักเท่าไร ขอให้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในหน้าร้อนด้วยการชมทะเลหมอกกันดีกว่า

1. เขาพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

จุดชมวิวทะเลหมอก เขาพะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นับว่าเป็นจุดชมวิวที่เหมาะแก่การมารับไอเย็นๆ ชมทะเลหมอกไกลๆ อย่างสุดลูกหูลูกตา เพราะแก่งกระจานขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีบรรยากาศที่ดีตลอดทั้งปี แม้มาในฤดูร้อนก็ไม่หวั่น ในส่วนของสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 900 เมตร แต่ถ้าอยากไปจุดสูงสุดของเขาจะอยู่ที่ 1,207 เมตร

จุดเด่นของเขาพะเนินทุ่ง นับว่าเป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่ดี ใครหลายคนต่างมากันแล้วได้ความประทับใจกลับไป เนื่องด้วยอากาศที่สดชื่นและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ หากมาจุดชมวิวในตอนเช้าก็สามารถเห็นทะเลหมอกได้ไม่ยาก จะมีทั้งเส้นทางที่เหมาะแก่การขับรถ และเส้นทางที่เหมาะกับการเดินขึ้นเขา

  • ที่ตั้ง – อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด – Khao Phanoen Thung
  • เวลาเปิด-ปิด –  ช่วงเวลา 05:30 – 07:30 น. และช่วงเวลา 13:00 – 15:00 น.

2. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา

สำหรับใครที่กำลังมองหาทะเลหมอกหน้าร้อน ที่สามารถลอยตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้แบบ 360 องศา ขอให้แวะมาที่จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่จะมีพื้นที่ที่เป็นสกายวอล์ค ที่ทุกคนสามารถมายืนและชมวิวรอบทิศได้ โดยความสูงมากกว่า 2,038 ฟุต

จุดเด่นของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง นับว่าเป็นจุดที่มีการสร้างสกายวอล์คขึ้นมา เพื่อให้มีบรรยากาศที่แตกต่างจากเวลาไปเที่ยวเขาที่อื่นๆ เพราะตัวสกายวอล์คจะเป็นทางเดินที่ทอดยาวไปด้วยกระจก และเมื่อไปถึงปลายทางก็ทำให้ชมทะเลหมอกได้ชัดเจน และที่แห่งนี้ก็มีอีกหลายชั้นให้ขึ้นชมทะเลหมอกได้อีกด้วย

อุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

3. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องบอกเลยว่าไม่ไกลจากกรุงเทพ นั่นก็คืออุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ นับว่าเป็นที่เที่ยวทะเลหมอกยอดฮิต ที่ใครหลายคนเลือกมา แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนก็สามารถสัมผัสบรรยากาศไอเย็นและรับชมทะเลหมอกได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เนื่องจากว่าเป็นอุทยานดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากการชมทะเลหมอกแล้วยังมีอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชมถ้ำ น้ำตก หน้าผา รวมไปถึงธรรมชาติที่มีความหลากหลาย จึงเหมาะมากกับคนที่ชื่นชอบการเดินป่า

  • ที่ตั้ง – 67 ม.1 ต ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67270
  • พิกัด – อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:30 น. – 19:00 น

4. ภูตาจอ จังหวัดพังงา

ถ้าหากใครไปภาคใต้คงจะนึกถึงทะเลก่อน แต่ก็ต้องบอกว่าจุดชมทะเลหมอกหน้าร้อนอย่างภูตาจอ จังหวัดพังงาก็มีความโดดเด่นไม่แพ้ที่อื่นๆ ด้วยความสูงกว่า 1,350 เมตร ที่สามารถชมทะเลหมอกแม้อยู่ในช่วงฤดูร้อน หากใครมาพังงาแต่ไม่มาที่นี่ต้องบอกเลยว่าพลาดมาก

สำหรับจุดเด่นของที่นี่จะมีดีในเรื่องจุดชมวิวที่สามารถเห็นธรรมชาติสุดลูกหูลูกตา แถมบริเวณภูตาจอยังสามารถมากางเต็นท์ค้างคืน เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกได้ ซึ่งเหมาะแก่การมาเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักได้เป็นอย่างดี

5. กุนุงซิลิปัต จังหวัดยะลา

สุดท้ายสำหรับจุดชมวิวทะเลหมอกที่เหมาะแก่การเที่ยวในหน้าร้อน ขอแนะนำกุนุงซิลิปัต จังหวัดยะลา เป็นภูเขาหินที่มีความสูงประมาณ 21 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าความสูงน้อยกว่าจุดชมวิวในจังหวัดอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ต้องบอกว่าถึงแม้จะไม่สูงแต่ของเขาก็ดีจริงๆ เพราะมาฤดูร้อนก็ยังสามารถเห็นหมอกได้โดยง่าย

จุดชมวิวกุนุงชิลิปัต จุดเด่นจะอยู่ที่เป็นเขาหินที่สามารถหมุนได้รอบทิศแบบ 360 องศา หากใครอยากจะมาไขว่คว้าหาความเย็นก็เหมาะมากที่จะมาในช่วงกุมภาพันธ์และเมษายน ถ้าหากใครสนใจที่จะไปเตรียมเสบียงไปให้พร้อมแล้วลุยได้เลย

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าฝน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าฝน

เชื่อเลยว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะมีจุดชมวิวทะเลหมอกหลายจุดมากๆ โดยบรรยากาศนั้นจะได้ความชื้นแต่ไม่หนาวจนเกินไป ได้กลิ่นอายและใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างชัดเจน ถ้าหากใครไปตอนฝนตกก็อาจจะเซ็งๆ ที่ไม่ได้ออกไปไหน แต่ถ้าการขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อชมทะเลหมอกหน้าฝน นับเป็นที่ถูกใจของคนไม่น้อยเลยทีเดียว ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง

6. ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวทะเลหมอก ไม่ว่าจะปีไหนๆ ก็ยังเป็นที่นิยมเสมอ อย่างม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มียอดเขาที่สูงราว 1,350 เมตร ที่ทุกคนสามารถนั่งรถเพื่อไปยังจุดชมวิวที่สูงที่สุดเพื่อให้ทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน เมื่อผ่านป่าเขาจะสามารถสัมผัสถึงความเย็นของไอหมอกได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของม่อนแจ่ม นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ใครหลายคนต่างนิยมมาท่องเที่ยวกัน ดังนั้นที่พักจึงมีหลากหลายแบบ ใครสะดวกแบบไหนเลือกพักแบบนั้นได้เลย นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่เป็นตลาด พร้อมกับสวนดอกไม้สวยๆ ที่ผลิดอก และกิจกรรมท้าทายอื่นๆ อีกมากมาย

  • ที่ตั้ง – ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180
  • พิกัด – ม่อนแจ่ม
  • เวลาเปิด-ปิด – 07:00 – 20:00 น.

7. เนินช้างศึก จังหวัดกาญจนบุรี

หากใครที่ชื่นชอบมาเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี ถามหาถึงทะเลหมอกหน้าฝน ก็ขอแนะนำเนินช้างศึกซึ่งเป็นภูเขาสูงราว 1,053 เมตร วิวที่ทุกคนจะได้เห็นเป็นวิวที่มีภูเขาสลับทับซ้อนกันไปมาไกลๆ ทำให้เห็นวิวกว้างที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับทะเลหมอกได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของที่นี่จะเห็นบรรยากาศที่ไกลสุดลูกหูลูกตาในช่วงหน้าฝน นอกจากนี้ยังได้เห็นเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ที่เชื่อมกับทางไทยเราได้อีกด้วย นอกจากนี้ที่แห่งนี้เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ได้ทั้งตอนขึ้นและตอนตกดิน สามารถนำเต็นท์มากางนอนได้ด้วย

  • ที่ตั้ง – ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180
  • พิกัด – เนินช้างศึก
  • เวลาเปิด-ปิด – 05:30-18:30 น.
ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

8. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

สำหรับแลนด์มาร์กจุดชมวิวทะเลหมอก ในช่วงหน้าฝนที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นภูทับเบิก ที่ในปัจจุบันนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นเลิศที่ให้เราได้สัมผัสกับลมหนาวและไอชื้นในช่วงหน้าฝนได้เป็นอย่างดี โดยที่ภูทับเบิกมีความสูงอยู่ที่ 1,768 เมตร

จุดเด่นของภูทับเบิก ที่นี่มีชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ ทำให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น และที่สำคัญยังมีพื้นที่ปลูกกะหล่ำยาวเหยียดที่สามารถมองเห็นได้แบบสุดลูกหูลูกตา หากใครได้มาที่นี่รับรองติดใจแน่นอน เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ร้านอาหาร ตลาด แต่ยังมีจุดที่สามารถกางเต็นท์ได้อีกด้วย

  • ที่ตั้ง – หมู่ที่ 14 ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ 42120
  • พิกัด – ภูทับเบิก
  • เวลาเปิด-ปิด – 

9. ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

การไปโซนภาคเหนือช่วงหน้าฝน สถานที่ที่เหมาะแก่การเป็นที่เที่ยวทะเลหมอก ก็ขอแนะนำกับดอยผาตั้งที่มีความสูงอยู่ที่ 1,800 เมตร โดยแนะนำว่าให้ขับรถไปกัน เพื่อให้ได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดชมวิวต่างๆ ในมุมที่แตกต่างกัน

จุดเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้นการที่ได้อยู่เหนือสุดของวิวทิวทัศน์ แม้แต่ทะเลหมอกก็ยังอยู่ใต้เท้าเราได้ ทำให้ได้ฟิลลิ่งอีกแบบที่แตกต่างจากที่อื่นๆ

  • ที่ตั้ง –  17 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย 57310
  • พิกัด – ดอยผาตั้ง
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:00 น. – 18:30 น.

10. ภูทอก จังหวัดเลย

ที่สุดท้ายกับการแนะนำจุดชมวิวทะเลหมอกในช่วงหน้าฝน ขอแนะนำให้รู้จักกับภูทอก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความน่าสนใจ เพราะเป็นภูเขาที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บริเวณนั้น เมื่อได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด มองลงมาจึงเห็นทะเลหมอกที่อยู่เบื้องล่าง

จุดเด่นของที่นี่จะได้วิวที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะไม่มีภูเขาลูกอื่นๆ มาโดดเด่นเหนือภูทอกแห่งนี้ ถ้าใครอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นผ่านสายหมอกขอแนะนำให้มาที่นี่เลย นอกจากนี้ยังเป็นดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างไทย – ลาวด้วยนะ

  • ที่ตั้ง – ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย 42110
  • พิกัด – Phu Thok
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:00-17:00 น.
จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าหนาว

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าหนาว

แน่นอนว่าฤดูหนาวนับว่าเป็นฤดูที่ฮอตฮิตที่สุดแก่การขึ้นเขา เพราะทุกคนจะได้สัมผัสบรรยากาศหนาวๆ กับวิวธรรมชาติสวยๆ โดยเฉพาะทะเลหมอกหน้าหนาวที่ใครหลายคนถึงกับยกนิ้วให้ ไม่เพียงแต่มีบรรยากาศที่ดีเลิศ แต่เพราะการขึ้นเขาในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดด้วย และหากอยากเก็บภาพความประทับใจของทะเลหมอกหนา พระอาทิตย์ขึ้น หรือพระอาทิตย์ตก แนะนำว่าให้มาฤดูนี้ มีครบอย่างแน่นอน ว่าแต่จะแนะนำที่ไหนบ้างนั้น ตามไปอ่านกัน

11. อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า นับว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอก ที่ใครหลายคนต่างรู้จัก เพราะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก มีความสูงตั้งแต่ 1,200-1,628 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่สูงมากๆ จึงทำให้เห็นหมอกได้อย่างชัดเจน

จุดเด่นของที่นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มีบางส่วนชี้ขึ้นฟ้าเลยถูกเรียกว่าภูชี้ฟ้า หากใครอยากอยู่เหนือหมอก และมองไปเบื้องล่างเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา รับรองว่าประสบการณ์นี้จะเป็นที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง – 3/1 หมู่ที่ 24 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย 57160
  • พิกัด – Phu Chifa
  • เวลาเปิด-ปิด – 04:30 – 18:00 น.

12. กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ทะเลหมอกหน้าหนาวที่โดดเด่นในเชียงใหม่ขอแนะนำให้ลองมาที่กิ่วแม่ปาน ความสูงประมาณ 2,200 เมตร ที่เหมาะแก่การมาเที่ยวและชมทะเลหมอกเป็นอย่างมาก โดยที่นี่ก็มีหลายจุดให้ได้ไปชมทะเลหมอกด้วยกัน สามารถเลือกหามุมดีๆ และถ่ายรูปกลับไปรับรองประทับใจไม่รู้ลืม

จุดเด่นของกิ่วแม่ปาน นับเป็นที่ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จึงทำให้มีพื้นที่เที่ยวที่หลากหลาย แต่ที่สุดแล้วคงหนีไม่พ้นการเดินขึ้นเขา ที่จะต้องใช้พละกำลังของตัวเอง เพื่อไปชมวิวทะเลหมอกที่ด้านบนสุดเหนือตัวเองได้

  • ที่ตั้ง – อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตู้ ป.ณ.2 หมู่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 50160
  • พิกัด – กิ่วแม่ปาน
  • เวลาเปิด-ปิด – 06:00-16:00 น.
ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

13. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

สำหรับใครที่อยากจะหาที่เที่ยวทะเลหมอก เพื่อมองวิวท้องฟ้าและมองทะเลหมอกได้ในเวลาเดียวกัน ขอแนะนำให้รู้จักดอยเสมอดาว ที่มีความสูงอยู่ที่ 888 เมตร ที่ถือว่าไม่สูงมากกว่าที่อื่นๆ สักเท่าไรแต่ต้องบอกว่าเป็นดอยที่มีเสน่ห์เหลือล้น

ดอยเสมอดาว เหมาะกับการมาค้างคืนเพื่อชมดาวยามค่ำคืนแบบใกล้ชิด ในขณะเดียวกันยามเช้าก็จะเห็นทะเลหมอก พร้อมกับเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้แบบ 360 องศา

  • ที่ตั้ง – ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150
  • พิกัด – ดอยเสมอดาว
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดตลอด

14. ภูลังกา จังหวัดพะเยา

สำหรับใครที่กำลังมองหาทะเลหมอกหน้าหนาว ที่อยู่ใกล้กับแหล่งแม่น้ำ ขอแนะนำให้ลองมาเที่ยวที่ภูลังกา ที่มีความสูงอยู่ที่ 1,720 เมตร ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายหลายอย่าง

จุดเด่นของการมาที่นี่เหมาะมากแก่การเดินป่า เดินขึ้นเขาเพื่อชมธรรมชาติที่ลายล้อม ดอกไม้นานาชนิด และสัตว์ป่าต่างๆ เหมาะกับสายผจญถัยเป็นอย่างมาก

  • ที่ตั้ง – วนอุทยานภูลังกา ตำบลช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา 56140
  • พิกัด – วนอุทยานภูลังกา
  • เวลาเปิด-ปิด – 06:00 – 18:00 น.

15. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับที่สุดท้ายที่นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างดอยอ่างขางที่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกมีความสูงโดยค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 1,400 เมตร ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะไปยังจุดไหนๆ เพื่อไปรับชมความงามของทะเลหมอก

จุดเด่นของดอยอ่างขาง ให้คุณได้สามารถมาสัมผัสลมหนาว สวนดอกไม้ พืชผัก ผลไม้ เหมือนได้มาต่างประเทศ สำหรับที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ใครหลายคนเลือกมา เพราะมีความสะดวกสบาย และสิ่งต่างๆ ที่ครบครันกว่าที่อื่นๆ

  • ที่ตั้ง – ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาว ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320
  • พิกัด – ดอยอ่างขาง 
  • เวลาเปิด-ปิด – 
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

สำหรับใครที่มีแพลนจะเที่ยวล่วงหน้าภายในประเทศไทย ไม่ว่าจะภาคกลาง เหนือ ใต้ หรือจะไปอีสาน ทาง AIRPORTELs  มีบริการส่งกระเป๋าล่วงหน้าไปยังจุดหมาย เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่จำเป็นต้องรีบเตรียมกระเป๋าหรือต้องแบกกระเป๋าอย่างเร่งรีบ 

หากมีการวางแผนล่วงหน้าและเลือกชุดที่ต้องการใส่ไปเที่ยวแพ็กลงกระเป๋าเรียบร้อย สามารถนำกระเป๋ามาฝากไว้ที่เรา เรายินดีพร้อมส่งกระเป๋าไปล่วงหน้า เพื่อให้เพิ่มความสะดวกสบายแก่การท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น 

สรุป

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะได้คำตอบแล้วว่าควรไปดูทะเลหมอกที่ไหนดี เพราะไม่ว่าจะไปฤดูไหนก็มี จุดชมวิวทะเลหมอก บรรยากาศชั้นเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องไปเฉพาะฤดูหนาวแต่อย่างใด ส่วนใครต้องการเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องแบกกระเป๋าให้เหนื่อย ให้เมื่อย สามารถมาลองใช้บริการ AIRPORTELs พร้อมส่งกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทางได้แบบล่วงหน้า บอกเลยว่าสามารถขึ้นเขาแบบตัวโล่งๆ ได้เลย

คำต้องห้ามในสนามบิน ถ้าไม่อยากเสี่ยงจำคุก ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด!

สนามบินในประเทศ และต่างประเทศถือเป็นสถานที่สาธารณะ และมีการรวมตัวของกลุ่มคนมากมายหลายประเทศที่มาใช้บริการในสายการบินต่างๆ อย่างประเทศไทยเองก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากมาย ความปลอดภัยจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณสนามบินที่เสี่ยงต่อการเกิดความแตกตื่นได้ง่ายจากการกระทำ หรือคำพูดในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น จึงมีการประกาศคำต้องห้ามในสนามบินออกมาบังคับใช้ บทความนี้ AIRPORTELs จะพาทุกคนไปดูคำต้องห้ามในสนามบิน ตัวอย่างสถานการณ์ และบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

คำต้องห้ามในสนามบิน คืออะไร

คำต้องห้ามในสนามบิน คืออะไร

คำต้องห้ามในสนามบิน คือ คำที่ห้ามพูด กล่าว หรือตะโกนในสนามบิน เพราะคำเหล่านี้เป็นคำที่อาจสร้างความไม่ปลอดภัย และสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสาร หรือเจ้าหน้าที่ในสนามบินได้ ซึ่งมาตรการนี้นับว่าเป็นมาตรการของท่าอากาศยานที่มีการใช้ร่วมกันอย่างเป็นสากล แม้เป็นภาษาต่างประเทศก็ไม่ควรพูด กล่าวถึง หรือตะโกนออกมาไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เพราะอาจส่งผลมั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติได้

ประเภทของกลุ่มคำต้องห้ามในสนามบิน

ทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลที่เป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของคำพูด ลักษณะท่าทาง หรือการสื่อสารที่ว่าด้วยเรื่องของคำต้องห้ามในสนามบิน หากมีการพูด หรือแสดงออกต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

คำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

คำต้องห้ามในสนามบินที่สร้างความเข้าใจผิด หรือทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจ ถือว่าเป็นคำต้องห้าม เพราะสนามบินเป็นพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ การใช้คำพูดเหล่านี้อาจสร้างความเข้าใจผิด หรือสร้างความตื่นตกใจ จนเกิดความโกลาหล และอาจเกิดเหตุจราจลจากการเข้าใจผิดภายในสนามบินได้ โดยกลุ่มคำต้องห้ามในสนามบินมีดังนี้

ระเบิด (Bomb, Explosive)

คำว่า ระเบิด หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับระเบิด ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่สามารถก่อเหตุอันตรายภายในสนามบินได้ ดังนั้น หากมีใครพูดขึ้นมา อาจสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนภายในสนามบินได้ คำว่า ระเบิด จึงถือเป็นคำห้ามพูดสนามบินที่ไม่ควรพูดออกมาเด็ดขาด

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่ามีระเบิดอยู่ในกระเป๋า, สนามบินจะระเบิด, ติดตั้งระเบิดเรียบร้อยแล้ว, ระเบิดสนามบิน, ระเบิดเครื่องบิน, แม้แต่การเรียกชื่อ บอมบ์ ก็ไม่ควรเป็นอันขาด

อาวุธ วัตถุอันตราย และสารเสพติด

กลุ่มคำที่เกี่ยวกับอาวุธ วัตถุอันตราย และสารเสพติด เป็นกลุ่มคำที่อาจสร้างความตื่นตระหนก และความไม่ปลอดภัยให้กับผู้คนในสนามบินได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือเหตุจลาจลในสนามบินได้ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคำที่ต้องระวังเป็นพิเศษ และถูกจัดว่าเป็นคำห้ามพูดในสนามบิน

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่ามีอาวุธอยู่ในมือ, มีปืนอยู่ในกระเป๋า, เมายาหรือเปล่าเนี่ย, เสพยามา เป็นต้น

การก่อการร้าย การปล้น หรือจี้เครื่องบิน

สำหรับเหตุการณ์ที่สามารถสร้างความสะพรึงกลัวในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่อการร้าย การปล้น หรือจี้เครื่องบิน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดเป็นอันขาด เพราะเป็นกลุ่มคำที่สามารถสร้างภาวะตื่นตกใจให้คนโดยรอบ จนทำให้เกิดความวุ่นวานในสนามบินได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่าเรามีตัวประกัน ไม่ทำตาม ตาย, นี่คือการปล้น, จี้เครื่องบิน, Hijack, ไม่ทำตามจะฆ่าให้หมด เป็นต้น

โรคระบาดร้ายแรง

กลุ่มคำพูดที่เกี่ยวกับโรคระบาดร้ายแรง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดในสนามบินเช่นกัน เพราะโรคระบาดมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส หรือโรคบางชนิดที่สามารถแพร่เชื้อให้กับคนในสนามบินได้ ไม่ว่าจะแพร่เชื้อผ่านการสัมผัส การพูดคุย การหายใจ หรือทางอากาศ โดยเฉพาะเชื้อโรคที่อันตรายต่อชีวิต และสร้างความหวาดกลัว นับว่าเป็นคำต้องห้ามในสนามบิน 

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ระวังเจอเชื้ออีโบล่า, คนนี้มีเชื้ออีโบล่า, โรคระบาดร้ายแรงชนิดใหม่ เป็นต้น
คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย

คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย

นอกจากคำพูดต้องห้ามในสนามบินแล้ว การแสดงออกด้วยวาจา การเขียนข้อความ หรือการกระทำอื่นๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย ก็นับว่าเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำเด็ดขาดในสนามบิน เพราะอาจสร้างความตื่นตระหนกตกใจ ความไม่ปลอดภัย รวมไปถึงความไม่มั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติ โดยพฤติกรรมที่ต้องห้ามในสนามบิน มีดังนี้

การพูด ตะโกน หรือเขียน

การพูด การตะโกน หรือการเขียน เป็นสิ่งที่สามารถสร้างอันตรายสำหรับผู้ที่อยู่ในสนามบิน ในกรณีที่มีการหลุดพูด หรือตะโกนคำต้องห้ามในสนามบินออกมาจนผู้คนในสนามบินได้ยินกันโดยทั่วไป หรือมีข้อความปริศนาที่มีวัตถุประสงค์ร้ายก็อาจสร้างความหวาดวิตก และกระทบต่อสภาพจิตใจได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การตะโกนว่าเครื่องบินลำนี้กำลังตะตก, การทิ้งข้อความในสนามบินว่ามีระเบิด, การป่าวประกาศไปทั่วว่าไฟกำลังไหม้สนามบิน เป็นต้น

การคุกคาม ข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกาย

นอกจากคำห้ามพูดสนามบินแล้ว พฤติกรรมที่เกิดในสนามบินไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง การตะโกนเสียงดังโวยวาย การข่มขู่ คุกคาม หรือแม้แต่การทำร้ายร่างกาย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีบทลงโทษอย่างหนักสำหรับผู้กระทำการฝ่าฝืน

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การข่มขู่ หรือคุกคามว่าเดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งเสียหรอก, อยากตายมากเหรอ, ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม, จะกลับไม่กลับหรือต้องโดนกระทืบก่อน, การลงมือทำร้ายร่างกาย เป็นต้น

การโยนกระเป๋า หรือสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือผู้โดยสาร

การโยนกระเป๋า หรือสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือผู้โดยสาร ถือเป็นพฤติกรรมต้องห้ามในสนามบิน เพราะการขว้างปา หรือโยนสิ่งของอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนก การบาดเจ็บ หรือร้ายแรงถึงขั้นส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่นได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ไม่พอใจเจ้าหน้าที่เลยโยนกระเป๋าใส่, ผู้โดยสารที่ทำการตรวจสัมภาระทำอะไรชักช้า โยนกระเป๋าใส่, แย่งที่วางกระเป๋า จนกระเป๋าไปกระแทกผู้โดยสารคนอื่น เป็นต้น
บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

  • ผู้ฝ่าฝืนแจ้งข้อความต้องห้ามในสนามบิน และเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรือ ระหว่างบินตื่นตกใจ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การกระทำนั้นสร้างอันตรายให้กับอากาศยาน และระหว่างการบิน จำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 200,000 – 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สรุป

คำต้องห้ามในสนามบิน และพฤติกรรมต้องห้ามในสนามบิน มีจุดประสงค์เพื่อลดความเข้าใจผิด ลดการสร้างความตื่นตระหนกตกใจ ป้องกันการเกิดเหตุร้ายที่อาจส่งผลต่อสวัสดิภาพของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจส่งผลต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงของประเทศชาติ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องระวังเกี่ยวกับการสื่อสาร การพูด และการกระทำเสมอ เมื่ออยู่ภายในบริเวณสนามบิน

แจ้งความประสงค์


หากมีความกังวลขณะอยู่ในสนามบินเกี่ยวกับกระเป๋าสัมภาระ หรือเมื่อเกิดการจลาจลแล้วกลัวว่าสัมภาระอาจสูญหาย ทาง AIRPORTELs มีบริการรับฝาก และส่งกระกระเป๋า โดยจะจองผ่านเว็บไซต์ หรือเดินมาใช้บริการที่เคาน์เตอร์ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท

23 ทะเลไทย เอาใจสายคอนเทนต์ ใส่บิกินี่เดินหาดชิลๆ อัปเดต 2023

ในช่วงวันหยุดหรือลาพักร้อน หลายๆคนก็ต้องมีการวางแผนในการไปเที่ยว หรือกำลังคิดว่าควรไปเที่ยวทะเลที่ไหนดี  ซึ่งทะเลสวยๆ ในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลายแห่ง หลายจังหวัด ทำให้กว่าจะเลือกเที่ยวทะเลให้ถูกใจได้ก็คิดแล้วคิดอีก 

ในบทความนี้จึงขอเป็นตัวเลือกที่ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยสวยๆ ให้กับคุณ เอาใจสายคอนเทนต์ ที่ชอบใส่บิกินี่เพื่อเก็บรูปสวยๆ เที่ยวทะเลกันแบบหมู่คณะ หรืออยากจะไปแบบคนเดียวเพื่อเดินหาดชิลๆ ก็ยังได้ โดยบทความนี้ได้รวบรวม 23 ที่เที่ยวทะเลไทย ฉบับอัปเดต 2023 ที่น่าเที่ยวมาแล้วดังนี้

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบ โดยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ตัวจังหวัดติดกับชายฝั่งอ่าวไทย จึงทำให้มีหาดสวยๆ หลายแห่ง 

เป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังส่งเสริมให้ทะเลไทยของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามตามสไตล์เอกลักษณ์ของภาคใต้ และยังเป็นจังหวัดที่เชื่อมระหว่างภาคใต้และภาคกลาง ไม่ไกลจากกรุงเทพมาก เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดหรือสามารถเดินชิลๆ ใส่บิกินี่ อาบแดดก็ได้ แต่จะมีหาดอะไรบ้างที่น่าเที่ยวบ้าง ไปดูกัน

1. หาดหัวหิน 

หาดหัวหิน หาดแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นสถานที่พักตากอากาศของชนชั้นสูง ขุนนางและพระญาติ อีกทั้งป้องกันไม่ให้มีผู้บุกรุกทางทะเลไทย  แต่ในปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้ได้ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

ควรเที่ยวหาดหัวหินช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการไปเที่ยวหาดหัวหินจะเป็นช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากมีบรรยากาศกำลังดี ฝนไม่ตก บรรยากาศของทะเลกำลังสวย สามารถเดินรับลมแดดได้อย่างชิลๆ เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลของใครหลายๆ คนและยังเป็นช่วงปิดเทอมสำหรับเด็กๆ เช่นกัน

จุดเด่นของหาดหัวหิน

เป็นหาดที่มีน้ำทะเลใส ทรายมีความขาวสะอาด ลมพัดเย็นสบาย บริเวณของชายหาดนั้นทอดยาวถึง 5 กิโลเมตร จึงทำให้มีพื้นที่ลานกว้าง เหมาะสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ริมชายหาด และยังมีที่พักตากอากาศ รีสอร์ท โรงแรมให้เลือกจนนับไม่ถ้วน พร้อมทั้งมีร้านอาหารอร่อยๆ ริมหาดและรอบนอกหาดให้นักท่องเที่ยวได้รับประทาน

กิจกรรมที่หาดหัวหิน

  • ขี่ม้าริมชายหาด 
  • เดินรับลม
  • เล่นไคท์เซิร์ฟ
  • ล่องเรือชมทะเล

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดหัวหินที่น่าสนใจ เช่น 

  • สถานีรถไฟหัวหิน ที่มีเอกลักษณ์ความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมสไตล์ย้อนยุค ตัวอาคารมีในบริเวณรอบๆ มีลวดลายที่สวยงามอีกด้วย
  • ตลาดโต้รุ่งหัวหินหรือถนนคนเดินหัวหิน เป็นตลาดที่เปิดตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยตลาดแห่งนี้มีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยข้อมือ เสื้อผ้า นาฬิกา ร้านอาหาร ร้านขนม ของหวาน ของทานเล่น อาหารทะเล เหมาะสำหรับเดินชอปปิงในยามค่ำคืนและเลือกซื้อของได้ตลอดสองข้างทาง
  • จุดชมวิว เขาหินเหล็กไฟ

เป็นจุดชมวิวภูเขาขนาดเล็ก ที่สามารถมองเห็นวิวทะเล ตัวอาคาร รีสอร์ท โรงแรมได้อย่างชัดเจนและสวยงาม ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 162 เมตร ยิ่งในช่วงตอนเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน จะมีบรรยากาศที่สวยงามมาก

การเดินทางไปยังหาดหัวหิน

  • นั่งรถทัวร์ ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน มาลงที่หอนาฬิกาหัวหิน
  • รถยนต์ส่วนตัว มาจากกรุงเทพฯ ขึ้นทางด่วน มาลงที่ดาวคะนอง แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรีและชะอำ มายังใต้อุโมงค์หัวหิน แล้วเข้าสู่เมืองหัวหิน
  • นั่งรถไฟ ลงที่สถานีหัวหิน แล้วต่อโดยวินมอเตอร์ไซค์หรือนั่งรถสองแถวมาที่หาดหัวหิน

ที่อยู่หาดหัวหิน : ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/v2aCdvLGnnsxbG6w9

เวลาเปิด-ปิด  : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

โทร  :       –

2. หาดบ้านกรูด 

หาดบ้านกรูดเป็นชายหาดทะเลไทยที่แบ่งออกเป็น 2 หาด คือหาดบ้านกรูดเหนือและหาดบ้านกรูดใต้ เนื่องจากเป็นชายหาดที่มีความยาวถึง 12 กิโลเมตร แต่ก่อนนั้นมีต้นมะกรูดขึ้นเป็นจำนวนในบริเวณรอบๆ ชายหาด จึงพากันเรียกว่าหาดบ้านกรูด

ควรเที่ยวหาดบ้านกรูดช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการไปเที่ยวหาดบ้านกรูดจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงเดือนวันหยุดยาว มีสภาพอากาศที่แจ่มใส สามารถรับบรรยากาศลมแดดได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของหาดบ้านกรูด

เป็นชายหาดที่มีความสวยงามสไตล์ธรรมชาติ บริเวณชายหาดล้อมรอบไปด้วยต้นมะพร้าวที่เขียวสดใส หาดทรายเป็นสีขาวสะอาด น้ำทะเลสีคราม โดยหาดบ้านกรูดเป็นชายหาดที่มีความยาวมาก จึงทำให้มีหาดบ้านกรูดเหนือและหาดบ้านกรูดใต้ซึ่งมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป 

โดยหาดบ้านกรูดเหนือเป็นหาดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีถนนกั้น ส่วนหาดบ้านกรูดใต้เป็นชายหาดที่มีถนนกั้นทอดยาวเลียบไปกับชายหาด มีรีสอร์ท โรงแรมริมทะเลหลายแห่งสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อน นักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นยอดเขาธงชัยที่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ภักดีประกาศและพุทธกิติสิริชัยในระหว่างเดินชมทะเลอีกด้วย 

นอกจากนี้ยังมีร้านคาเฟ่สไตล์น่ารัก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ จากป้ายสัญลักษณ์ของหาดบ้านกรูด รวมทั้งหลักกิโลสีขาว มากไปกว่านั้นการมาเที่ยวที่หาดบ้านกรูด นักท่องเที่ยวจะได้พบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีอาชีพการทำประมงบวกกับการแปรรูปอาหารนั่นเอง หากใครไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวทะเลที่ไหนดี ก็สามารถแวะมาที่หาดบ้านกรูดได้เลย

กิจกรรมที่หาดบ้านกรูด

  • ปั่นจักรยานบนถนนเลียบชายหาด
  • นอนผักผ่อนบริเวณริมชายหาด หรือนอนอาบแดด
  • เดินรับลม 
  • เล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำ
  • ถ่ายรูปเช็คอิน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดหัวบ้านกรูดที่น่าสนใจ เช่น

  • เขาธงชัย ที่อยู่บนยอดเขาสูงใหญ่ซึ่งกั้นระหว่างหาดบ้านกรูดและหาดทางสาย โดยเขาธงชัยยังเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศที่ประดิษฐานพระพุทธกิตติสิริชัยหรือหลวงพ่อใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล

การเดินทางไปยังหาดบ้านกรูด

  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-บางสะพานน้อย มาลงที่ปากทางเข้าบ้านกรูด แล้วต่อด้วยรถสองแถวหรือวินมอเตอร์ไซค์
  • รถไฟ นั่งรถไฟสายใต้วิ่งลัดเลาะไปยังหมู่บ้านของบ้านกรูด
  • รถยนต์ ขับมาที่ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ประมาณกิโลเมตรที่ 382 จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรเกษม-บ้านกรูด แล้วทางรถไฟไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะถึงถนนเลียบหาดบ้านกรูด

ที่อยู่หาดบ้านกรูด : หาดบ้านกรูด บ้านกรูด ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZACgPSa52UDTEnnf8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00น.

โทร : 032-513-854 

อ่าวมะนาว

3. อ่าวมะนาว

อ่าวมะนาวเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว

ทะเลไทยที่มีความสวยงามสไตล์ธรรมชาติ และมีชื่อเสียงในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยอ่าวมะนาวนั้น มีลักษณะเป็นชายหาดโค้งครึ่งวงกลม หากมองจากมุมสูงจะคล้ายกับมะนาวครึ่งผล จึงเรียกว่าอ่าวมะนาว

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อ่าวแห่งนี้เคยเป็นยุทธภูมิรบระหว่างกองทัพไทยและญี่ปุ่น

เมื่อนักท่องเที่ยวได้มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็จะได้เห็นความสวยงามของทะเล

พร้อมทั้งเห็นอนุเสาวรีย์ของวีรชนที่เสียสละชีวิตในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติความกล้าหาญของวีรชนที่เคยปกป้องรักษา จนทำให้มีอ่าวมะนาวมาจนถึงปัจจุบัน

ควรเที่ยวหาดอ่าวมะนาวช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาอ่าวมะนาว ควรเป็นช่วงซัมเมอร์ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนนั่นเอง เพราะว่าน้ำทะเลจะมีสีใส มีบรรยากาศดี ที่ทำให้รู้สึกร่มรื่น แสนเย็นสบายจากทิวสน และมีความคึกคักจากนักท่องเที่ยวอีกด้วย

จุดเด่นของอ่าวมะนาว

เป็นชายหาดทะเลไทยที่สะอาด มีน้ำทะเลสวยใส และยังเป็นหาดที่ความปลอดภัยเนื่องจากมีภูเขาที่ค่อยบังกระแสน้ำ กระแสลม บริเวณรอบอ่าวมีวิวทิวทัศน์ที่น่ามอง มีพื้นที่กว้างสำหรับเดินเล่นรับบรรยากาศที่เย็นสบาย เงียบสงบ 

โดยตรงข้ามกับหาดยังเป็นเขาล้อมหมวกที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและมีศาลเจ้าพ่อล้อมหมวกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ มีที่พักรีสอร์ท คอนโดมิเนียม โรงแรม  ทาวน์เฮ้าส์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้พักผ่อนอย่างสบายใจ

กิจกรรมที่อ่าวมะนาว

  • นอนพักผ่อนบนเตียงริมชายหาด
  • เดินรับลม ชมวิว
  • เล่นน้ำทะเล
  • ดำน้ำ
  • รับประทานอาหาร
  • ถ่ายรูป
  • ปูเสื่อนั่งเล่นริมชายหาด

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงอ่าวมะนาวที่น่าสนใจ เช่น

  • ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองบิน 5  เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ตรงข้ามชายหาดอ่าวมะนาว ภายในศูนย์เศรษฐกิจมีสัตว์ที่น่ารัก เช่น แพะ กว้าง ม้า ให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม และถ่ายรูปสัมผัสบรรยากาศสวยๆ เป็นที่ระลึก
  • เขาล้อมหมวก เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง และบริเวณเชิงเขามีศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้สักการะกราบไหว้

หากใครที่ชอบเที่ยวทะเลสวยที่สุดในไทย หรือกำลังคิดว่าอยากไปเที่ยวทะเลคนเดียวที่ไหนดี อ่าวมะนาวก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวสำหรับใครหลายๆคนที่ไม่ควรพลาด

การเดินทางไปยังอ่าวมะนาว

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้สายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมายังหัวหิน

หรือขึ้นรถตู้จากสถานีสายใต้ใหม่ไปลงที่อ่าวมะนาว

  • รถไฟ นั่งรถไฟสายใต้จากกรุงเทพไปลงที่ประจวบคีรีขันธ์
  • รถทัวร์ นั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ไปลงที่ประจวบคีรีขันธ์

ที่อยู่อ่าวมะนาว : อยู่ในเขตกองบิน 53 กองทัพอากาศ ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4AhcKQa9GECyLaTS9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3266-1088-9

4. หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี 

หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีเป็นหาดน่าเที่ยวอีกที่หนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยหาดแห่งนี้มีขนาดพื้นที่ชายหาดที่กว้าง และเป็นชายหาดที่ทอดยาวจนไปถึงอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 

ซึ่งหาดแห่งนี้เริ่มตั้งแต่ปากน้ำปราณที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งศาลกรมหลวงชุมพรไปถึงยังหาดนเรศวรตอนใต้ อีกทั้งบริเวณชายหาดเป็นถนนเลียบหาดยาวตลอดแนว มีความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย 

ควรเที่ยวหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากจะได้เห็นคลื่นน้ำทะเลที่สวยงาม มีบรรยากาศริมชายหาดที่กำลังดี

จุดเด่นของหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี

เป็นชายหาดทะเลไทยที่มีบรรยากาศร่มรื่น 

เย็นสบายเป็นธรรมชาติ น้ำทะเลมีสีครามสวย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ บริเวณรอบหาดมีวิวทะเลที่สวยงามและมีต้นตาล 3 ต้น ที่สัญลักษณ์อันโดดเด่นที่ชวนดึงดูดซึ่งอยู่คู่ชายหาด 

มีที่พักหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักผ่อน อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตด้านการประมงของชาวบ้าน มีอาหารทะเลและเครื่องประดับ ให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝาก

กิจกรรมที่หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี

  • เดินชมหาดทราย รับลมริมทะเล
  • นั่งชมวิวริมชายหาด
  • นอนพักผ่อน นอนอาบแดด
  • วิ่งเล่น ออกกำลังกาย
  • ปั่นจักรยานริมถนนเลียบชายหาด
  • เล่นเซิร์ฟสเก็ต
  • ถ่ายรูป
  • ล่องเรือชมทะเล

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีที่น่าสนใจ เช่น

  • อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ซึ่งบนยอดเขามีถ้ำพระยานคร โดยมีแสงแดดส่องมายังถ้ำพระนครทำให้เกิดความสวยงาม 
  • ทุ่งสามร้อยยอด (บึงบัวสามร้อยยอด)

เป็นทุ่งที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยบึงบัวจำนวนมาก โดยมีสะพานยาวให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมบรรยากาศที่เย็นสบาย เป็นธรรมชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่อันมีความอุดมสมบูรณ์ และมีนกหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่

  • ถนนคนเดินชายทะเล ปากน้ำปราณบุรี เป็นอีกที่เที่ยวที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบมานั่งชิลชมวิวทะเลสวยๆ โดยที่นี้มีอาหารหลากหลายให้ได้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสดๆ ของหวานของทานเล่น ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ หรือเดินชอปปิงกัน

ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศของทะเลไทยที่มีความเงียบสงบ ร่มรื่น ก็ควรแวะมาที่หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีสักครั้ง

การเดินทางไปยังหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี

  • รถไฟ ขึ้นรถไฟสายใต้ผ่านหัวหิน ปราณบุรีและประจวบคีรีขันธ์
  • รถยนต์ ขับรถยนต์โดยใช้เส้นทางเพชรเกษมทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพุทธมณฑลนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ถึง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ หน้าโลตัส สายอนุเสาวรีย์ชัยฯ-ปราณบุรี
  • รถทัวร์ สามารถเลือกไปขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ เอกมัย หรือสายใต้ใหม่ และสามารถเลือกลงที่สถานีขนส่งหัวหินหรือสถานีขนส่งประจวบคีรีขันธ์

ที่อยู่หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี : ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Jw1hqLMnhBibL16o9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

จังหวัดชลบุรี

จังหวัดชลบุรี

จังหวัดชลบุรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทะเลสีสวย บรรยากาศเย็นสบาย โดยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงทำให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวและมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งจังหวัดชลบุรีเป็นทะเลตะวันออกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอยากมาเยี่ยมชมหรือลงทุนทำธุรกิจนั่นเอง 

นอกจากนี้ยังมีบริการขนส่งสัมภาระกระเป๋าของ AIPPORTELs สาขา Terminal 21 Pattaya สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวแบบเดินสบาย ไร้กังวล กระเป๋าไม่หาย มีความปลอดภัย โดยสามารถใช้บริการขนส่งสัมภาระของ AIPPORTELs จากปลายทาง กรุงเทพ-พัทยา, พัทยา-พัทยา, พัทยา-กรุงเทพ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 100 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับการที่ไม่ต้องขนสัมภาระหนักๆ ด้วยตนเอง และหากใครยังไม่รู้ว่าเที่ยวทะเลที่ไหนดีในจังหวัดชลบุรี หรือมีที่ไหนบ้างให้น่าเที่ยว ก็ไปดูกันได้เลย

5. เกาะล้าน 

เกาะล้านเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงทางทะเลของพัทยา ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ในอ่าวไทยของจังหวัดชลบุรี โดยสมัยก่อนเกาะล้านเป็นแค่ตำบลเกาะล้าน มีระบบคมนาคมที่ไม่สะดวกและถูกโจรสลัดปล้น จึงทำให้มีการยุบเกาะล้าน 

ภายหลังเกาะล้านมีการขึ้นเป็นแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จึงทำให้เกาะล้านกลายเป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากและเป็นเกาะได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันในเรื่องของทะเลไทยน่าเที่ยวและมีทัศนียภาพที่สวยงาม

ควรเที่ยวเกาะล้านช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

ช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเกาะล้านแนะนำเป็นช่วงหน้าร้อนระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงทะเลสวย ฟ้าใส แดดกำลังดี

จุดเด่นของเกาะล้าน

เกาะล้านเป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียด มีน้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด ทำให้มีปลาและสัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยบริเวณรอบเกาะล้านยังมีเกาะเล็กๆ รายล้อม ทำให้มีบรรยากาศทางธรรมชาติที่น่ามอง และมีจุดชมวิวที่สวยงาม อีกทั้งเกาะล้านเป็นเกาะที่มีพื้นที่ใหญ่และกว้า งจึงทำให้มีหาดต่างๆบนเกาะล้านที่น่าดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งได้แก่

  • หาดตาแหวน เป็นหาดที่มีความกว้างและทอดยาวกว่าหาดอื่นๆ บนเกาะล้าน ประมาณ 750 เมตร โดยน้ำทะเลบนหาดตาแหวนนั้นมีสีฟ้าครามใสน่ามอง บวกกับหาดทรายสีขาว จึงทำให้มีความสวยงามอย่างตัวของหาดแห่งนี้ 

พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ที่พักหลากสไตล์ให้เลือก 

มีเครื่องเล่นสำหรับการทำกิจกรรม

  • หาดทองหลาง เป็นชายหาดขนาดเล็กเต็มไปด้วยเสียงคลื่น

ซึ่งมีทำให้มีกลิ่นอายของชายหาดสไตล์ธรรมชาติ  อีกทั้งหาดทองหลางยังมีความสวยงามแบบเงียบสงบและหาดทรายมีสีขาวนวล  เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบส่วนตัวและดำน้ำดูปะการัง ดูปลาตัวเล็ก แถมยังเป็นชายหาดที่อยู่ติดกับหาดตาแหวน ทำให้สะดวกต่อการมาเที่ยว พร้อมกับมีจุดชมวิวที่สวยงามบนหาดทองหลางอีกด้วย

  • หาดสังวาลย์ เป็นหาดที่มีความเงียบสงบ มีน้ำทะเลใสกว่าหาดอื่นๆ ซึ่งน้ำทะเลมีความใสสุดๆ จนสามารถมองเห็นโขดหินที่สวยงามได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้หาดสังวาลย์ยังมีสะพานไม้สีขาวที่มีความยาวถึง 150 เมตร ซึ่งเชื่อมต่อจากหาดตาแหวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวิวท่ามกลางบรรยากาศทะเลสีครามใสไล่ระดับ และถ่ายรูปกับโขดหินสวยๆ ได้อีกด้วย

กิจกรรมที่เกาะล้าน

  • เล่นเรือลากร่มชูชีพ
  • เล่นน้ำทะเล
  • เล่นเจ็ตสกี
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • เดินชมวิวบนชายหาด
  • นอนอาบแดด
  • ล่องเรือ
  • ถ่ายรูป
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะล้านที่น่าสนใจ เช่น

  • เกาะครก เป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับเกาะล้าน ซึ่งเกาะแห่งนี้มีขนาดเล็ก มีโขดหินที่สวยงามอยู่บริเวณรอบเกาะ อีกทั้งเป็นเกาะที่มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ มีปะการัง สัตว์ทะเลอาศัยอยู่ ทำให้เหมาะต่อการดำน้ำดูปะการังและล่องเรือดูน้ำทะเล หากใครที่ชอบบรรยากาศที่เงียบสงบก็สามารถมาที่เกาะแห่งนี้ได้ 
  • เกาะสาก เป็นเกาะที่มีขนาดเล็ก โดยรูปร่างของเกาะสากมีลักษณะรูปร่างคล้ายเกือกม้าหงาย อีกทั้งเกาะแห่งนี้มีปะการัง ฝูงปลา สัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำทะเลมีสีครามสวย ทำให้เกาะแห่งนี้เหมาะสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ดำน้ำ เล่นเจ็ตสกี เล่นบานาน่าโบ๊ท เป็นต้น

เกาะล้านนับว่าสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยยอดฮิต ที่ทุกคนควรมาสัมผัสบรรยากาศชายหาดทะเลสีขาวสวย น้ำทะเลสีครามใส สไตล์ธรรมชาติ

การเดินทางไปยังเกาะล้าน

  • นั่งเรือ ไปยังเกาะล้านได้จาก 2 ท่าเรือ คือ ท่าเรือหน้าบ้านและท่าเรือหาดตาแหวน
  • สปีดโบ๊ท นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปยังเกาะล้าน โดยเลือกลงได้ทั้งท่าเรือหน้าบ้านและท่าเรือหาดตาแหวน
  • รถตู้ เลือกขึ้นรถตู้ไปเกาะล้านได้จากสถานีขนส่งหมอชิตใหม่และสถานีขนส่งเอกมัย รถจะมาส่งที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย
  • รถทัวร์  ขึ้นรถทัวร์จากสถานีขนส่งหมอชิตใหม่และสถานีขนส่งเอกมัย
  • รถไฟ ขึ้นรถไฟขบวนเส้นทางพิเศษ กรุงเทพฯ – พัทยา – บ้านพลูตาหลวง

เมื่อเดินทางมาถึงพัทยาแล้ว จะต้องต่อรถสองแถวจากหน้าสถานีรถไฟไปยังท่าเรือแหลมบาลีฮายเพื่อไปที่เกาะล้าน

ที่อยู่เกาะล้าน : อยู่เลขที่ 222 หมู่ 7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองพัทยา

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZWKnEjw6JkBPihABA

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

6. หาดพัทยา 

เป็นชายหาดทะเลไทยที่เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางทะเล ซึ่งเป็นหาดหลักที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ โดยหาดแห่งนี้มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร จึงทำให้มีถนนเลียบชายหาดยาวไปตลอดทางสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ

ควรเที่ยวหาดพัทยาช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดพัทยาจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของหาดพัทยา

เป็นชายหาดที่สะอาดและมีขนาดของชายหาดที่กว้างขวาง บรรยากาศรอบหาดมีความสวยงาม เย็นสบาย คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว อีกทั้งมีวิวทิวทัศน์บริเวณรอบหาดที่น่ามอง มีที่พักผ่อนหลายแห่งให้เลือกและยังมีร้านอาหารที่แสนอร่อย รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับให้บริการ

กิจกรรมที่หาดพัทยา

  • เล่นเจ็ทสกี
  • เล่นน้ำทะเล
  • เล่นเครื่องร่อนพาราเซลลิ่ง
  • นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • วิ่งเล่น ออกกำลังกาย
  • ว่ายน้ำ
  • ถ่ายรูปริมชายหาด
  • ล่องเรือ

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียง

หาดพัทยาน่าสนใจ เช่น 

  • สวนนงนุช เป็นสวนที่มีขนาดใหญ่และสวยงาม บรรยากาศภายในสวนประดับไปด้วยดอกไม้ สวนกล้วยไม้ สวนพฤกษชาติ สวนกระบองเพชร ทำให้สวนแห่งนี้เป็นสวนที่สวยงามทั้งรูปแบบและรูปทรง ร่มรื่น เขียวขจี น่ามาเที่ยวชม
  • ดอลฟินนาเรียมพัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับการแสดงโชว์ปลาโลมาที่แสนน่ารักโดยเฉพาะ

การเดินทางไปยังหาดพัทยา

  • รถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีพัทยาและสถานีพัทยาใต้
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีคิวรถตู้ไปพัทยา 
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีคิวรถทัวร์ไปพัทยา 
  • รถยนต์  ขับมาเส้นทางหลวง 34 ทางบางนา-บางปะกง แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 3 เส้นสุขุมวิท จะผ่านเมืองชลบุรี บางแสน และศรีราชา จากนั้นให้ตรงไปที่พัทยา

ที่อยู่หาดพัทยา : เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WKNVpcJ2bokgLTGg8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร  :        

เกาะไผ่ พัทยา 

7. เกาะไผ่ พัทยา 

เกาะไผ่ พัทยา เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะไผ่ ซึ่งตั้งอยู่บนอ่าวพัทยา มีความห่างจากเกาะล้านประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเป็นเกาะลับของพัทยาซึ่งมีบรรยากาศที่สงบ น่าอยู่ เนื่องจากยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนั่นเอง อีกทั้งได้รับความดูแลและฟื้นฟูจากกองทัพเรือ ทำให้กลายเป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นอีกเกาะของทะเลไทยที่น่าท่องเที่ยวและไม่ไกลจากกรุงเทพ

ควรเที่ยวเกาะไผ่ พัทยาช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวพัทยาเกาะไผ่จะเป็นช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมนั่นเอง เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีวันหยุดพักร้อนหลายวันและมาพักผ่อนนอนอาบแดดรับวิตามินได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของเกาะไผ่ พัทยา

เป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวนุ่มละเอียด และมีน้ำทะเลสีใสสุดๆราวกับคริสตัลหรือกระจก

จนสามารถมองโขดหินสวยๆ อีกทั้งทำให้รู้สึกอยากนอนเล่นบนน้ำทะเล บรรยากาศรอบเกาะมีความเย็นสบาย เงียบสงบเหมือนอยู่บนเกาะส่วนตัว และนักท่องเที่ยวยังสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์อันสดชื่นได้อย่างเต็มปอด 

รวมถึงเป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์จึงทำให้มีฝูงปลา สัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เหมาะสำหรับการดำน้ำดูปะการัง ใต้ท้องทะเลไทยที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีหมูแคระที่น่ารัก รอตอนรับและทักทายนักท่องเที่ยวอีกด้วย เนื่องจากเกาะไม่อนุญาตให้พักค้างคืน จึงแนะนำให้มาเที่ยวที่เกาะไผ่แบบไปเช้าเย็นกลับจะดีที่สุด รวมถึงนักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งพักชิลๆ ได้ทั้งวัน พร้อมกับรับประทานอาหารทะเลที่อร่อยๆ จากหลากหลายเมนู

กิจกรรมที่เกาะไผ่ พัทยา

  • นั่งเรือสปีดโบ๊ทชมทะเล
  • ล่องทะเล
  • ตกปลา
  • นอนอาบแดด
  • ดำน้ำ ดูปะการัง
  • เล่นน้ำทะเล
  • พายเรือคายัค
  • ถ่ายรูปบรรยากาศรอบเกาะ
  • นั่งปิคนิค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะไผ่ พัทยาน่าสนใจ เช่น 

  • เกาะมารวิชัย เป็นเกาะที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีความสวยเป็นธรรมชาติ น้ำทะเลใสสะอาด หาดสวย น่าท่องเที่ยวโดยเกาะแห่งนี้มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร 
  • เกาะกลึงบาดาล เป็นเกาะที่มีหาดทรายเล็กๆ อยู่ด้านทิศตะวันออกของเกาะและมีก้อนหินหลากหลายสีสัน โดยเป็นเกาะที่ทีความเงียบสงบ

นักท่องเที่ยวไม่นิยมมาเกาะแห่งนี้

ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศทะเลสีใสราวกับคริสตัล บรรยากาศเงียบสงบ ให้ความรู้สึกแบบเป็นส่วนตัว หรืออยากเห็นความน่ารักของน้องหมูแคระ เกาะไผ่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวทะเลไทยที่รอตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลอยู่

การเดินทางไปยังเกาะไผ่ พัทยา

  • รถยนต์ ถ้ามาจากกรุงเทพ ให้ใช้ถนนเส้นบางนา-ตราด เข้าชลบุรีไปทางพัทยาใต้  จากนั้นขับรถไปจอดที่แหลมบาลีฮาย แล้วต่อด้วยการขึ้นท่าเรือแหลมบาลีฮายไปถึงเกาะไผ่
  • รถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีพัทยาและสถานีพัทยาใต้ จากนั้นต่อรถไปยังท่าเรือแหลมบาลีฮาย
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีคิวรถตู้ไปพัทยา

ที่อยู่เกาะไผ่ พัทยา : อ่าวพัทยา ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UWGFmvWByYExCWfN7

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 085-8879358

8. หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา 

หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา เป็นชายหาดในพัทยาเหนือของอ่าวไทย ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ 

เป็นส่วนตัว ไม่มีถนนเลียบชายหาด ซึ่งเมื่อก่อนมีที่พักแค่ที่เดียวตั้งอยู่บนหาดแห่งนี้ นั่นก็คือโรงแรมวงศ์อมาตย์ โดยชื่อของโรงแรมมาจากคนที่เป็นเจ้าของที่พัก ก็เลยพากันเรียกว่า หาดวงศ์อมาตย์มาจนถึงปัจจุบัน

ควรเที่ยวหาดวงศ์อมาตย์ พัทยาช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวหาดวงศ์อมาตย์ พัทยา จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เนื่องจากน้ำทะเลมีความใส หาดสวยสุดในช่วงนี้ รวมถึงเหมาะสำหรับการนอนอาบแดด

จุดเด่นของหาดวงศ์อมาตย์ พัทยา

เป็นหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาดมาก หาดทรายสวย มีความเงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนบรรยากาศในหาดมีความร่มรื่น นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากมีเชือกกั้นให้เล่นน้ำในเฉพาะบริเวณที่ปลอดภัยนั่นเอง ยิ่งในช่วงเย็นนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเล่นชิลๆ ชมความสวยงามจากพระอาทิตย์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีที่พักหลายแบบให้เลือกพักผ่อน มีร้านอาหารอร่อยให้รับประทาน รวมถึงเป็นทะเลไทยที่มีชื่อเสียง และควรแวะมาเที่ยวในช่วงวันหยุด

กิจกรรมที่หาดวงษ์อมาตย์ พัทยา

  • นอนพักผ่อน ตอนตากแดดริมทะเล
  • เดินชมวิว
  • นั่งปิคนิค
  • นัดพบปะเพื่อน
  • เล่นน้ำทะเล
  • ถ่ายรูป

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดวงษ์อมาตย์ พัทยาที่น่าสนใจ เช่น

  • อาร์บีบี พัทยา ไบกิ้งทัวร์ เป็นที่เที่ยวสำหรับล่องเรือชมทะเล
  • Pattaya and Bike Tours เป็นสถานที่เที่ยวสำหรับการขับรถมอเตอร์ไซค์ผจญภัย
  • อัลคาซ่าร์โชว์พัทยา เป็นที่เที่ยวสำหรับการแสดงโชว์คาบาเร่ต์ในยามค่ำคืน
  • Dive Station Pattaya เป็นที่เที่ยวสำหรับดำน้ำดูปะการัง ชมความสวยงามใต้ท้องทะเล

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศทะเลสไตล์ความงียบสงบ อยากนั่งชมวิวที่สวยงามจากพระอาทิตย์แบบชิลๆ

ที่อยู่หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา : หาดวงศ์อมาตย์ ซอยนาเกลือ18 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CGrkZhzQQmbfod697

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :         – 

เกาะสีชัง

9. เกาะสีชัง 

เกาะสีชังเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ทะเลสีครามสวย ซึ่งในอดีตเกาะแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นที่เสด็จประพาสและเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่3 ถึงรัชกาลที่ 6 โดยเกาะสีชังมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากมาเยี่ยมชมความงามของทะเลไทยตลอดทั้งปีและเป็นเกาะที่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพอีกด้วย

ควรเที่ยวเกาะสีชังช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเกาะสีชังคือปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคมหรือจะไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ตลอดทั้งปีก็ได้

จุดเด่นของเกาะสีชัง

เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพสวยงาม บรรยากาศดี มีกลิ่นอายทะเลธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ สามารถสูดอากาศอันสดชื่นได้อย่างเต็มที่ โดยนักท่องเที่ยวนิยมมาที่เกาะสีชังเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเป็นเกาะที่พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่4 ถึงรัชกาลที่ 6 เสด็จประพาสและทรงประทับ  

ซึ่งสถานที่สวยๆบนเกาะสีชัง มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

  • เดอ แองเคอร์ รีสอร์ท De’Anchor 

เป็นรีสอร์ทที่มีลักษณะเป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยม โทนสีขาวสวยสะอาดตา น่ามอง และเหมาะสำหรับการพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ริมชายหาดทะเล อีกทั้งรีสอร์ทแห่งนี้มีบรรยากาศดี นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมวิวทัศนียภาพ จากตัวรีสอร์ทไปยังชายหาดทะเล

  • สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานไม้สีขาวทอดยาวไปยังกลางทะเล 

เหมาะสำหรับเดินถ่ายรูปหรือถ่ายพรีเวดดิ้ง รวมทั้งเดิมชมทัศนียภาพ ท่ามกลางบรรยากาศน้ำทะเลสีครามสวย

  • ช่องเขาขาด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ โดยบริเวณรอบเต็มไปด้วยโขดหิน บรรยากาศดี เย็นสบาย เนื่องจากมีลมพัดอยู่ตลอดทั้งวัน และช่องเขายังมีสะพานทอดยาวไปยังแหลมหน้าผาด้านล่าง สำหรับเดินชมวิวและชมความสวยงามในยามเย็นของพระอาทิตย์ตก
  • มณฑปรอยพระพุทธบาท เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งรัชกาลที่5 ทรงอัญเชิญพระพุทธบาทมาประดิษฐานไว้ เพื่อเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการ

สักการะกราบไหว้และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

กิจกรรมที่เกาะสีชัง

  • ดำน้ำชมปะการัง
  • เดินชมวิวทิวทัศน์
  • ตกปลา
  • นั่งพักผ่อนริมทะเล
  • นอนอาบแดด
  • ถ่ายูป
  • ล่องเรือ

การเดินทางไปยังเกาะสีชัง 

  • รถยนต์  ขับรถยนต์จากกรุงเทพ

โดยใช้ถนนสายบางนา-ตราด ไปจนถึงบางแสน แล้วจากนั้นตรงไปยังโรบินสัน ศรีราชา และจอดรถไว้ที่ท่าเรือเกาะสีชัง จากนั้นนั่งเรือข้ามไปยังเกาะสีชัง

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่หมอชิต เพื่อมาลงที่หน้าโรบินสันศรีราชา แล้วต่อรถสองแถวหรือวินมอเตอร์ไซค์ไปที่ท่าเรือ
  • เรือสปีดโบ้ท นั่งเรือสปีดโบ้ทจากท่าเทียบเรือเกาะลอยไปยังเกาะสีชัง

ที่อยู่เกาะสีชัง :  ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/51PrNzL36tEsCB5r8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

10. เกาะขาม สัตหีบ 

เกาะขามเป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ บริเวณรอบเกาะมีทัศนียภาพที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมถึงเกาะขามยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลอีกด้วย

ควรเที่ยวเกาะขาม สัตหีบช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการเที่ยวเกาะขามจะอยู่ในระหว่างกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากมีความปลอดภัย ได้บรรยากาศที่ดีและไม่มีคลื่นลมแรงจากทะเล

จุดเด่นของเกาะขาม สัตหีบ

เป็นเกาะที่มีน้ำทะเลสีฟ้าครามใส หาดทรายขาวสวย บรรยากาศเงียบสงบ แหละพื้นที่ของเกาะมีถึง 83,000 ตารางเมตร จึงเหมาะต่อการดำน้ำดูปะการังที่มีหลากหลายสีสัน 

ภายใต้ท้องทะเลยังมีปลานีโม่หรือฝูงปลาต่างแวะมาทักทายนักท่องเที่ยวและมีสะพานไม้ของหาดที่ทอดยาวเลียบไปตามแนวเชิงเขาริมทะเล ทำให้สามารถไปถ่ายรูปเล่นได้ รวมถึงมีพันธ์ุไม้ต่างๆ บริเวณรอบเกาะ โดยเกาะแห่งนี้นักท่องเที่ยวไม่สามารถค้างคืนได้ ควรไปเที่ยวชมบรรยากาศสวยๆ ทั้งวันแบบไปเช้าเย็นกลับ

กิจกรรมที่เกาะขาม สัตหีบ

  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งเรือท้องกระจกชมปะการัง
  • นั่งรับลม
  • เดินชมพรรณไม้และทัศนียภาพ
  • ปลูกปะการัง
  • ถ่ายรูป
  • เล่นน้ำทะเล
  • พายเรือคายัค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะขาม สัตหีบที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดนางรำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งในสัตหีบที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดทะเลน้ำใส หาดทรายละเอียด บรรยากาศเงียบสงบ และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
  • เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ เป็นเรือที่ต่อจากประเทศสเปน ประจำการในส่วนกำลังรบของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่เคยบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเข้าชมบรรยากาศภายในได้

หากใครที่ไม่รู้ว่าควรเที่ยวทะเลที่ไหนดี ก็สามารถมาเที่ยวที่เกาะขาม สัตหีบ ซึ่งเป็น

ทะเลไทยที่มีความสวยงามจากน้ำทะเล หาดทรายขาว และมีทัศนียภาพที่อุดมสมบูรณ์นั่นเอง

การเดินทางไปยังเกาะขาม สัตหีบ

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้โดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-สัตหีบ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (เอกมัย) แล้วลงที่ กม.6 หรือ กม.10  จากนั้นต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปที่บริเวณท่าเรือเพื่อที่จะนั่งเรือไปยังเกาะขาม
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) แล้วนั่งรถกรุงเทพ – ระยอง (สายเก่า ) แล้วลงที่ตลาดสัตหีบ
  • รถยนต์  ขับรถยนต์จากกรุงเทพ 

ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี เข้าสู่ตำบลสัตหีบ แล้วเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3126 จากนั้นขับไปก็เข้าสู่บ้านช่องแสมสารและถึงท่าเทียบเรือ แล้วขึ้นเรือไปยังเกาะขาม

ที่อยู่เกาะขาม สัตหีบ : ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1ZUyHRWjwSiy93JaA

เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์- วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 033-124848

เกาะแสมสาร สัตหีบ 

11. เกาะแสมสาร สัตหีบ 

เกาะแสมสารเป็นเกาะที่มีรูปทรงยาวรี ในอดีตเกาะแห่งนี้มีชุมชนอาศัยอยู่ ต่อมาเป็นเกาะที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ซึ่งเกาะแห่งนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบ สวยงามสไตล์ธรรมชาติจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

ควรเที่ยวเกาะแสมสาร สัตหีบช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวเกาะแสมสาร คือสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หรือจะมาเที่ยวในช่วงซัมเมอร์ก็ได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีวันหยุดเยอะนั่นเอง

จุดเด่นของเกาะแสมสาร สัตหีบ

เป็นเกาะท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ โดยเกาะแสมสารมีหาดทรายสวย น้ำทะเลสีครามใส มีปะการังที่สวยงามและฝูงปลาจำนวนมากใต้ท้องทะเล รวมถึงนักท่องเที่ยวยังได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ที่พักติดริมทะเลสำหรับพักผ่อนได้อย่างชิลๆ

กิจกรรมที่เกาะแสมสาร สัตหีบ

  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งเรือท้องกระจก
  • นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • เล่นน้ำทะเล
  • พายเรือคายัค
  • ถ่ายรูป

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียง

เกาะแสมสาร สัตหีบที่น่าสนใจ เช่น

  • หลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร เป็นวัดช่องแสมสารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปบนยอดเขาเจดีย์ หรือเรียกกันว่า

หลวงพ่อดำ เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่บ้าน ให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวได้สักการะกราบไหว้ ขอพร

  • ฟาร์มปลาการ์ตูน เป็นฟาร์มปลาขนาดใหญ่ที่มีปลาการ์ตูนถึง 6 สายพันธุ์ โดยเป็นสถานที่แหล่งเรียนรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับปลาทะเลรวมถึงเป็นแหล่งทัศนศึกษาอีกด้วย 

การเดินทางไปยังเกาะแสมสาร สัตหีบ

  • รถตู้ เดินทางจากท่ารถตู้หมอชิต เส้นทาง : กรุงเทพ – สัตหีบ และต่อรถสองแถวมายังท่าเรือเขาหมาจอ
  • รถทัวร์ ขึ้นรถตู้ที่หมอชิต เส้นทางกรุงเทพ-สัตหีบ แล้วต่อด้วยรถสองแถวหรือวินเตอร์ไซต์มายังท่าเรือเขาหมาจอ
  • รถยนต์ ขับรถยนต์จากกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ (7) หรือทางพิเศษบูรพาวิถี(บางนา-ชลบุรี) ผ่านพัทยา มุ่งหน้าสัตหีบ แล้วไปที่ท่าเรือเพื่อข้ามฝากไปยังเกาะแสมสาร

ที่อยู่เกาะแสมสาร สัตหีบ : ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/QZjpD6nuhko8iJBD7

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น. 

เบอร์โทร : 0-3843-2475

12. หาดน้ำใส สัตหีบ 

หาดน้ำใส สัตหีบ เป็นหาดที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ใกล้เกาะชามและเกาะแสมสาร โดยชายหาดนั้นทอดยาวเลียบเลียบทะเลถึง 600 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสัมผัสความสวยงามที่หาดแห่งนี้ได้ง่าย ยังเป็นหาดของทะเลไทยที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สถานที่อื่นๆ

ควรเที่ยวหาดน้ำใส สัตหีบ ช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดน้ำใส สัตหีบ จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เนื่องจากไม่มีคลื่นลมแรงจากทะเล หรือสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีก็ได้

จุดเด่นของหาดน้ำใส สัตหีบ

เป็นชายหาดขนาดเล็กที่มีบรรยากาศเงียบสงบ น้ำทะเลใสสุดๆ หาดทรายเนียนสะอาด บรรยากาศรอบหากมีความร่มรื่นจากต้นสน และยังมีสิ่งที่อำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักผ่อนได้อย่างชิลๆ สบายใจ และที่สำคัญยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา

กิจกรรมที่หาดน้ำใส สัตหีบ

  • เล่นน้ำทะเล
  • นั่งปิกนิก
  • พายเรือคายัค
  • พายเรือแคนู
  • นอนพักผ่อน นอนตากแดด
  • ถ่ายรูป
  • ดำน้ำ
  • เดินชมวิว

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดน้ำใส สัตหีบที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดนางรำ เป็นชายหาดที่มีบรรยากาศร่มรื่น อากาศเย็นสบาย น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะสำหรับดำน้ำดูปะการัง
  • หาดนางรอง เป็นชายหาดที่มีพื้นที่กว้าง น้ำทะเลใสมาก เหมาะสำหรับการนอนพักผ่อนริมชายหาด 

หาดน้ำใสเป็นหาดที่มีน้ำใสสมชื่อ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวชมที่หาดแห่งนี้ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบาย

หากใครกำลังคิดว่าอยากมาเที่ยวทะเลสวยที่สุดในไทย ดังนั้นหาดน้ำใสก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาดนั่นเอง

การเดินทางไปยังหาดน้ำใส สัตหีบ

  • รถตู้   ขึ้นรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปลงตลาดสัตหีบ แล้วต่อรถสองแถวไปยังท่าเรือ 
  • รถยนต์ เดินทางจากเส้นทาง ถ.สุขุมวิท พัทยา – ระยอง หรือ มาจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 ตรงมาที่ ตำบลแสมสาร เข้าสู่จุดตรวจการณ์ผ่าน – เข้า ออกของ กรม.กสพ.ฐท.สส. และ เข้ามาอีกประมาณ 1.5 กม. เพื่อเข้าพื้นที่ของ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) ก็จะเห็นหาดน้ำใสจะอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของพื้นที่

ที่อยู่หาดน้ำใส สัตหีบ: หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/HxVBh2vP1CDi3UzZ9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :        –

หาดเตยงาม สัตหีบ

13. หาดเตยงาม สัตหีบ 

เป็นชายหาดที่อยู่ในความดูแลของกองบัญชานาวิกโยธิน โดยบริเวณของหาดแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยพรรณไม้จากธรรมชาติ และมีต้นเตยทะเลเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีชื่อว่าหาดเตยงามนั่นเอง และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สำหรับคนที่รักธรรมชาติ

ควรเที่ยวหาดเตยงามช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวหาดเตยงาม จะอยู่ในระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากจะเป็นช่วงทะเลที่มีความสวยงามที่สุดและน่าเที่ยวที่สุด

จุดเด่นของหาดเตยงาม

เป็นชายหาดทะเลไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์ หาดทรายสวยงาม สะอาด น้ำทะเลใส มีความเงียบสงบ โดยหาดแห่งนี้จะรับเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยดท่านั้น และยังเป็นหาดที่มีความปลอดภัยสุดๆ เนื่องจากจะต้องมีการตรวจสอบบัตรในการเข้าชมชายหาดจากเจ้าหน้าที่ อีกทั้งบริเวณริมทะเลมีความสวยงามของพระอาทิตย์ตกในยามเย็น

กิจกรรมที่หาดเตยงาม

  • เล่นน้ำทะเล
  • ปลูกปะการัง
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งพักผ่อนริมชายหาด
  • นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • ถ่ายรูป
  • พายเรือคายัค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดเตยงามที่น่าสนใจ เช่น

  • ศาลนายพลเรือเอก เป็นพระตำหนัก ศาลพระรูปของพลเรือเอก พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย ซึ่งเป็นสถานที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรือและตั้งอยู่บนบริเวณชายหาดทรายขาวสะอาด มีจุดชมวิวที่สวยงาม

การเดินทางไปยังหาดเตยงาม

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่บริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปลงที่ตลาดสัตหีบ จากนั้นต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
  • รถยนต์ ขับรถมาจากกรุงเทพ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์เข้าพัทยา-สัตหีบ จากนั้นให้สังเกตโรงเรียนสิงห์สมุทรซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ติดกับทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

ที่อยู่หาดเตยงาม สัตหีบ : หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hGe5zXsRwNhhfwiM6

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3843-8457

14. ทะเลบางแสน

ทะเลบางแสนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ซึ่งทะเลแห่งนี้ตั้งอยู่บนทะเลอ่าวไทยของจังหวัดชลบุรี รวมถึงเป็นทะเลไทยยอดฮิตที่คนนิยมไปเที่ยว เนื่องจากบรรยากาศรอบทะเลนั้นมีความสวยงาม บรรยากาศดี และใกล้กับกรุงเทพ เดินทางง่ายอีกด้วย

ควรเที่ยทะเลบางแสนช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวทะเลบางแสน จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม เนื่องจากเป็นช่วงที่มีลมกับกระแสน้ำที่ช่วยทำให้น้ำทะเลมีความใสแจ๋วและฝนไม่ตกนั่นเอง 

จุดเด่นของทะเลบางแสน

เป็นทะเลไทยที่สวย หาดทรายขาวเนียน ละเอียดน้ำทะเลใสราวกับกระจก เรียกได้ว่าใสแจ๋วสุด ๆ มีต้นมะพร้าวขึ้นอยู่ตลอดทั้งแนวชายหาด ซึ่งเป็นตัวช่วยทำให้บรรยากาศรอบทะเลร่มรื่น เย็นสบาย น่านอนพักผ่อนริมชายหาด และยังเป็นชายหาดที่มีถนนตัดเลียบชสยหาย จึงทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร เครื่องเล่น แถมยังมีความคึกคักจากนักท่องเที่ยว

กิจกรรมที่ทะเลบางแสน

  • เล่นว่าว
  • เดินชมวิว
  • นอนเล่นรับลม
  • นอนอาบแดด
  • ถ่ายรูป
  • เล่นบานาน่าโบ๊ท
  • ขี่เรือเจ็ตสกี
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงทะเลบางแสน เช่น

  • ตลาดปลาบางแสน เป็นตลาดปลาสไตล์ญี่ปุ่น โดยเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชลบุรีที่มีอาหารทะเลหลากหลาย เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งมีความสดสะอาด และยังมีอาหารญี่ปุ่น ของทานเล่นที่อร่อยๆ เหมาะสำหรับการแวะมาซื้อของฝากกลับบ้านอีกด้วย
  • เขาสามมุข เป็นนอดเขาชมวิวแห่งหนึ่งของชลบุรี ที่สามารถมองเห็นความสวยงามของทะเล แหลมแท่น และอ่างศิลา รวมถึงมีบรรยากาศที่เย็นสบาย น่ามอง เหมาะสำหรับการถ่ายรูปวิวทะเลสวยสีฟ้าครามสวย

การเดินทางไปยังทะเลบางแสน

  • รถยนต์ การเดินทางจากกรุงเทพไปจังหวัดชลบุรี ใช้เส้นทางสายบางนา – ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งเอกมัยสายกรุงเทพ-พัทยา , กรุงเทพ-ศรีราชา, กรุงเทพ-ระยอง ซึ่งจะต้องผ่านหนองมน แล้วไปลงที่แยกบางแสน จากนั้นต่อรถสองแถวไปยังทะเลบางแสน
  • รถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง ที่ผ่านไปยังจังหวัดชลบุรี จากนเห็นต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลือกรถตู้ที่มีเส้นทางไปยังชลบุรี-บางแสน

ที่อยู่ทะเลบางแสน :  ถ.บางแสนสาย 1 ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/3UCNaE3CzwnqCMtg8

เวลา เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-18:00 น.

เบอร์ โทร :           –

จังหวัดระยอง

จังหวัดระยอง

จังหวัดระยองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำทะเลสวยใสหลายแห่งและมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศจากธรรมชาติ

โดยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและเป็นแหล่งอาหารทะเลที่สำคัญของประเทศไทย 

นอกจากนี้จังหวัดระยองยังมีความงดงามของธรรมชาติที่เขียวขจีในบริเวณรอบเกาะ แถมรอบทะเลมีสีครามสวยให้คุณได้มาสัมผัส อีกทั้งการที่มาเที่ยวทะเลในจังหวัดระยองเป็นการช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวดีขึ้นด้วย รวมถึงยังเป็นการช่วยอุดหนุนคนในพื้นที่จังหวัดระยอง ที่มีอาชีพทำการประมงให้มีรายได้ในการขายอาหารทะเลนั่นเอง สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวทะเลไทยสวยๆในจังหวัดระยอง แต่ไม่รู้ว่าควรไปที่ไหนดี และมีที่เที่ยวตรงไหนบ้าง ดังนั้นก็ไปดูกันเลย 

15. เกาะเสม็ด

เกาะเสม็ดเป็นเกาะที่อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า โดยเกาะแห่งนี้มีชื่อเสียง ได้รับควมานิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางง่าย สะดวกต่อการมาสัมผัสบรรยากาศทะเลไทย

ควรเที่ยวเกาะเสม็ดช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเกาะเสม็ด จะอยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ บรรยากาศกำลังดี  มีความปลอดโปร่ง และยังเปิดให้มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หากนักท่องเที่ยวสะดวกช่วงไหน ก็แวะมาเที่ยวทะเลไทยที่เกาะเสม็ดได้เลย

จุดเด่นของเกาะเสม็ด

เป็นเกาะหาดทรายละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศร่มรื่น มีพื้นที่กว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยว ซึ่งบนเกาะเสม็ดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง แต่ละแห่งจะมีเอกลักษณ์ความสวยงามที่แตกต่างกันไป เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจและทำกิจกรรมต่างๆ อีกทั้งพื้นที่รอบเกาะล้อมรอบไปด้วยภูเขาจึงทำให้มีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติสวยงาม 

โดยสถานที่บนเกาะเสม็ดที่น่าเที่ยวมีดังนี้

  • อ่าวพร้าว เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว น้ำทะเลใส มีความสวยงามจากวิวทะเล นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนที่อ่าวพร้าวได้อย่างชิลๆ
  • อ่าววงเดือน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชายหาดมีลักษณะคล้ายโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว บริเวณรอบเกาะมีบรรยากาศร่มรื่นและเป็นธรรมชาติทำให้เป็นอ่าวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว

อีกด้วย

  • อ่าวหมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทีเม็ดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส บรรยากาศรอบอ่าวมีความเป็นส่วนตัว
  • หาดทรายแก้ว เป็นชายหาดที่มีสีขาวนุ่มละเอียด เป็นหาดที่สวยที่สุดในเกาะเสม็ด และเป็นหาดที่ความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยธรรมชาติ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

กิจกรรมที่เกาะเสม็ด

  • เล่นน้ำทะเล
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นอนพักผ่อน นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • ถ่ายรูป
  • พายเรือแคนู
  • พายเรือคายัค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะเสม็ดที่น่าสนใจ เช่น

  • อ่าวนวล  เป็นอ่าวขนาดเล็กที่มีน้ำทะเลใสแจ๋ว บรรยากาศเงียบสงบและบริเวณรอบอ่าวมีโขดหินเล็กๆ เป็นจำนวนมาก
  • อ่าวทับทิม  เป็นอ่าวขนาดเล็กที่น่า

พักผ่อน บรรยากาศ เงียบสงบและมีทรายหาดขาวสะอาด

การเดินทางไปยังเกาะเสม็ด

  • รถยนต์ ขับรถไปที่ทางหลวงหมายเลข 7 สายมอเตอร์เวย์ โดยเริ่มจากถนนพัฒนาการ เขตประเวศกรุงเทพ แล้วขับไปยังจังหวัดชลบุรี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 เพื่อขับไปจนถึงอ.เมือง จ.ระยอง
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกสายกรุงเทพ-ระยอง
  • รถตู้  ขึ้นรถตู้ที่อนุเสาวรีย์ที่อยู่ใกล้กับภัตตาคารพงหลี โดยเลือกรถตู้เส้นทางไปยังระยอง-บ้านเพ

ที่อยู่เกาะเสม็ด : เขตอุทยานแห่งชาติเขา แหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wb6BpFLv5MAXeYha8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์ :         –

หาดน้ำริน

16. หาดน้ำริน 

หาดน้ำรินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยในจังหวัดระยองที่มีลักษณะเป็นชายหาดทอดยาว มีโขดหินรอบๆ หาดนั่นเอง เนื่องจากหาดแห่งนี้มีน้ำไหลรินใต้ผิวดินอยู่ตลอดทั้งปีและยังเป็นหาดที่มีแนวลาดชัน ทำให้หาดแห่งนี้มีชื่อว่าหาดน้ำริน โดยหาดแห่งนี้เป็นที่รู้จักเฉพาะคนในท้องถิ่น จึงทำให้ชื่อของหาดยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ความสวยของหาดแห่งนี้ก็ไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ

ควรเที่ยวหาดน้ำรินช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดน้ำรินจะอยู่ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน

จุดเด่นของหาดน้ำริน

เป็นหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบเป็นธรรมชาติ นักท่องเที่ยวไม่แออัด มีทั้งต้นสนและต้นมะพร้าวที่ให้ความร่มรื่น เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนเป็นครอบครัวหรือมาเที่ยวคนเดียวแบบสายชิลก็ได้ นอกจาก นี้ยังมีรูปปั้นปลาพะยูนบนหินให้ได้ชม และยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ริมหาดอีกด้วย

กิจกรรมที่หาดน้ำริน

  • นั่งตกปลา
  • นั่งพักผ่อน
  • เดินชมวิว
  • ปิกนิก
  • เล่นน้ำทะเล
  • ชมพระอาทิตย์ตก

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดน้ำรินทีที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดพยูน เป็นหาดที่มีน้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายมีสีน้ำตาล บรรยากาศ

รอบหาดเงียบสงบ มีความร่มรื่นจากต้นสนที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก และยังหาดที่น่าท่องเที่ยว

  • หาดพลา เป็นชายหาดที่มีบรรยากาศเย็นสบาย น้ำทะเลสีเขียวใส และมีจุดชมวิวที่สวยงามอีกด้วย

การเดินทางไปยังหาดน้ำริน

  • รถยนต์  ขับรถยนต์ขึ้นทสงหลวงหมายเลข 3 สายสุขุมวิท ก่อนจะถึงอ.บ้านฉาง จะมีสะพานให้ข้ามไปยังอำเภอบ้านฉาง ให้ชิดซ้ายไปกลับรถใต้สะพาน ขับตรงไปอีก 5 กิโลเมตร ก็จะมีถนนเข้าสู่ชายหาด จากนั้นเลี้ยวขวาก็จะเจอหาดน้ำริน
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต แล้วเลือกรถตู้ที่มีป้ายเส้นทางหมอชิต-ระยอง

ที่อยู่หาดน้ำริน : หาดน้ำริน ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JWfZF5mwZ4nxGcQbA

เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

เบอร์โทร : 038-695233-5

หาดแสงจันทร์ 

17. หาดแสงจันทร์ 

หาดแสงจันทร์เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองระยองโดยหาดแห่งนี้มีการนำก้อนหินกรวดขนาดใหญ่มาวางทำเป็นแนวป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะหาดนั่นเอง อีกทั้งบรรยากาศรอบหาดเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก จึงทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ควรเที่ยวหาดแสงจันทร์ช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดแสงจันทร์จะอยู่ในช่วงซัมเมอร์ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของหาดแสงจันทร์

เป็นชายหาดทะเลไทยที่มีลักษณะโค้งเว้าคล้ายรูปเกือกม้ายาวกว่า 10 กิโลเมตรไปจนสุดถนน ทำให้มีจุดชมวิวที่สวยงามอยู่หลายจุด นอกจากนี้บรรยากาศรอบหาดนั้นเงียบสงบ น้ำทะเลใส มีความร่มรื่นจากต้นสน สามารถมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งช่วงตอนเย็นจะมีผู้คนมานั่งปิกนิกรับลมซึ่งทำให้รู้สึกสดชื่น หรือชมพระอาทิตย์ตก จึงทำให้มีบรรยากาศที่น่าอยู่

กิจกรรมที่หาดแสงจันทร์

  • นั่งปิกนิก
  • นั่งชมบรรยากาศริมทะเล
  • เล่นน้ำทะเล
  • ถ่ายรูป
  • นอนอาบแดด
  • ขับรถเล่นชมวิว
  • แค้มป์ปิ้งปีใหม่
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดแสงจันทร์ที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดแหลมเจริญ เป็นหาดโล่งๆ ที่มีบรรยากาศร่มรื่น น้ำทะเลใสน่าเที่ยว  สำหรับการมาพักผ่อนสบายๆ ชิลๆ
  • สวนพฤกษศาสตร์ระยอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ที่อนุรักษ์ทรัพยากรพันธ์ุพืชของระบบนิเวศให้นักท่องเที่ยวได้มาชมความงามแบบธรรมชาติ

การเดินทางไปยังหาดแสงจันทร์

  • รถยนต์  ขับรถยนต์จากกรุงเทพ โดยใช้ถนนเส้นสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองระยองให้เลี้ยวขวาตามป้ายไปยังหาดแสงจันทร์ สุดทางเป็นสามแยกที่มีรูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณี แล้วเลี้ยวขวาไปก็จะเจอหาดแสงจันทร์

ที่อยู่หาดแสงจันทร์ : ถนนเลียบชายฝั่ง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/FAhVXENKTvxsaoGd7

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :         

18. แหลมแม่พิมพ์ 

แหลมแม่พิมพ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยในจังหวัดระยองที่มีชื่อเสียง โดยหาดแห่งนี้มีความกว้างยาวกว่า 4 กิโลเมตรและยังมีถนนเลียบชายหาดตลอดแนวจึงเหมาะสำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวในการทำกิจกรรมบนหาด และยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปีไม่ขาดสาย

ควรเที่ยวแหลมแม่พิมพ์ช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวแหลมแม่พิมพ์จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน

จุดเด่นของแหลมแม่พิมพ์

เป็นชายหาดที่มีความกว้าง น้ำทะเลใส มีบรรยากาศทางทะเลที่สวยงาม ร่มรื่นไปด้วยต้นทิวสนและต้นหูกวาง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการมาพักผ่อน รวมทั้งมีสะพานเล็กไปยื่นออกไปยังแนวโขดหินสำหรับชมวิว นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้ประชาชนได้กราบไหว้

สักการะอีกด้วย

กิจกรรมที่แหลมแม่พิมพ์

  • เล่นน้ำทะเล
  • ปั่นจักรยาน
  • เดินชมวิว
  • นั่งพักผ่อน
  • นั่งปิกนิก
  • ถ่ายรูป
  • กางเต็นท์ริมชายหาด
  • เล่นบานาน่าโบ๊ท

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงแหลมแม่พิมพ์ที่น่าสนใจ เช่น

  • ชุมชนเกษตรบ้านชากมะกรูด เป็นสถานที่จัดบุพเฟต์ผลไม้  ซึ่งสามารถเก็บกินสดๆจากต้น โดยนักท่องเที่ยวจะรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับการเก็บผลไม้ไปด้วยและชมสวนผลไม้ไปพร้อมๆ กัน

การเดินทางไปยังแหลมแม่พิมพ์

  • รถยนต์ ขับรถจากกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิทไปทางทางระยอง ผ่านแยกเข้าบ้านเพ แล้วตรงมาถึงทางแยกเข้าแหลมแม่พิมพ์ ตามป้ายบอกทาง  ตรงมาถึงถนนเลียบชายหาด
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้สายระยอง – บ้านเพ-

แหลแม่พิมพ์ แล้วลงที่แหลมแม่พิมพ์

ที่อยู่แหลมแม่พิมพ์ : หาดแหลมแม่พิมพ์ หมู่ 3-4 ถ.เพ-แกลง-กร่ำ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/bQzBsZdN9hxJVhEr5

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3863-8789 

จังหวัดจันทบุรี

จังหวัดจันทบุรี

จังหวัดจันทบุรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีความสวยงามไม่แพ้จากจังหวัดอื่นๆ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทะเล น้ำตก ภูเขา โดยสภาพภูมิประเทศจังหวัดจันทบุรีนั้นด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ของป่าไม้ ภูเขาและเนินสูง ส่วนทางด้านทิศใต้จะเป็นชายฝั่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มบางแห่งก็เป็นทะเล อ่าว แหลม หาดทรายและมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ จึงทำให้จังหวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องทะเล ผลไม้ อาหารทะเล และป่าชายเลนอีกด้วย 

ซึ่งการมาท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีเป็นการช่วยส่งเสริมให้จังหวัดมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น และบอกกล่าวต่อๆกันให้มาเที่ยว เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย ให้เป็นที่รู้จักไปยังชาวต่างชาติ อีกทั้งช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ โดยสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆในจังหวัดจันทบุรีมีดังนี้

19. หาดเจ้าหลาว 

หาดเจ้าหลาวเป็นหาดที่มีชื่อเสียงในจังหวัดจันทบุรี เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ประมาณ 17 กิโลเมตร และอยู่ใกล้หาดแหลมสมเด็จ ที่มาของชื่อนั้น เกิดจากการที่ใช้หลาว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการหาปลามาปักลงที่หาด จึงพากันเรียกว่าหาดเจ้าหลาว  อีกทั้งผู้คนิยมมาพักผ่อนที่หาดแห่งนี้เป็นประจำและระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพ

ควรเที่ยวหาดเจ้าหลาวช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดเจ้าหลาว จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของหาดเจ้าหลาว

เป็นชายหาดทะเลไทยที่สวยที่สุดในจังหวัดจันทบุรี โดยมีน้ำทะเลสีฟ้าครามสดใส หาดทรายสีเหลืองละเอียด บรรยากาศดีและมีลมเย็นๆพัดรอบหาด ร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าว ยิ่งช่วงตอนเย็นพระอาทิตย์ตก บริเวณรอบหาดจะดูสวยสุดๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นดูโรแมนติก นอกจากนี้ยัมีจุดชมวิวและมีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายจุด

กิจกรรมที่หาดเจ้าหลาว

  • เล่นน้ำทะเล
  • ถ่ายรูป
  • เดินชมวิว
  • นอนอาบแดด
  • นอนพักผ่อนริมหาด
  • นั่งเรือท้องกระจก

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดเจ้าหลาวที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดแหลมสมเด็จ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นสนทะเลและพันธุ์ไม้หายาก อีกทั้งหาดทรายนั้นจะทอดยาว เป็นแนวเส้นโค้งเสี้ยวพระจันทร์อย่างสวยงาม

การเดินทางไปยังหาดเจ้าหลาว

  • รถทัวร์  ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี 
  • รถยนต์ ขับรถยนต์โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะเห็น

เส้นทางกิโลเมตรที่ 301 ซึ่งจะมีทางแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3399 เมื่อถึงบ้านหมูดุด จะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้าย แล้วก็จะเห็นป้ายบอกทางไปหาดเจ้าหลาว ระยะทาง 3 กิโลเมตร

ที่อยู่หาดเจ้าหลาว : หาดเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/8WqAZcCt4tzhsHHX8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :   –

หาดคุ้งวิมาน

20. หาดคุ้งวิมาน

หาดคุ้งวิมานเป็นชายหาดแห่งจังหวัดจันทบุรีที่มีชื่อเสียงและมีถนนเลียบหาดคุ้งวิมานที่สวยที่สุดในแถบภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 15 กิโลเมตร อีกทั้งบริเวณหาดมีบรรยากาศที่เงียบสงบ น่ามาสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก

ควรเที่ยวหาดคุ้งวิมานช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดคุ้งวิมาน จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมและยังเหมาะสำหรับการเดินทางมาเที่ยวชมหาดคุ้งวิมานซึ่งเป็นทะเลไทยที่สวยงาม

จุดเด่นของหาดคุ้งวิมาน

มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บริเวณรอบหาดรายล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติจากภูเขา บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นเย็นสบายไปด้วยต้นมะพร้าว น้ำทะเลมีศีลครามเหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเลหรือนั่งพักชิลๆริมชายหาด 

ซึ่งหาดคุ้งวิมานแห่งนี้แบ่งออกเป็น หาดช่วงเหนือและหาดช่วงใต้ โดยหาดช่วงเหนือมีหาดทรายสีเหลืองที่สวยงามสะอาด น้ำทะเลใสส่วนหาดช่วงใต้มีโขดหินและอยู่ใกล้จุดชมวิวนางพญา

กิจกรรมที่หาดคุ้งวิมาน

  • เล่นน้ำทะเล
  • ตกปลา
  • เดินชมวิว
  • นอนอาบแดด
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งปิกนิก
  • ถ่ายรูป
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดคุ้งวิมานที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดแหลมสิงห์ เป็นหาดที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น โดยหาดทรายของหาดนั้นมีสีน้ำตาลอมแดง มีบรรยากาศรอบหาที่ร่มรื่น เหมาะสำหรับการนั่งพักชิลๆ หรือเดินชมวิวก็ดีไม่แพ้กัน

การเดินทางไปยังหาดคุ้งวิมาน

  • รถยนต์  ขับรถยนต์โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท เมื่อถึงหลักกิโลเมตรเมตรที่301 จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 18 กิโลเมตร ก็จะถึงหาดคุ้งวิมาน
  • รถทัวร์  ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี

ที่อยู่หาดคุ้งวิมาน : หาดคุ้งวิมาน ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UHAKjHS9BGSrNqep9

เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :         –

21. จุดชมวิวหินโคร่ง 

จุดชมวิวหินโคร่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ทางด้านเหนือของหาดคุ้งวิมาน ซึ่งมีความเงียบสงบ และมีลานจอดรถกว้างสะดวกต่อการมาชมวิวบรรยากาศริมทะเลสวยๆ

ควรเที่ยวจุดชมวิวหินโคร่งช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวจุดชมวิวหินโคร่ง คือเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากบริเวณรอบจุดชมวิวมีคลื่นลมไม่แรง

จุดเด่นของจุดชมวิวหินโคร่ง

จุดชมวิวหินโคร่งนั้นจะมีก้อนโขดหินทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมากเรียงรายกัน รอบบริเวณทะเลท่ามกลางบรรยากาศน้ำทะเลสีฟ้าครามใส ซึ่งทำให้เป็นเอกลักษณ์ของสถานทีาแห่งนี้และยังมีบรรยากาศที่เย็นสบาย 

สามารถนั่งเล่นบนโขดหิน ฟังคลื่นทะเลหรือชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น

กิจกรรมที่จุดชมวิวหินโคร่ง

  • เล่นน้ำทะเล
  • ตกปลา
  • ถ่ายรูป
  • นั่งเล่นริมทะเล
  • เดินชมวิว

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงจุดชมวิวหินโคร่งที่น่าสนใจ เช่น

  • จุดชมวิวเนินนางพญา เป็นสถานที่มีบรรยากาศดีและมีทิวทัศน์ที่สวยงาม บริเวณรอบสถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยภูเขาและบนจุดชมวิวยังเปิดให้นักท่องเที่ยวมาคล้องกุญแจคู่แบบรักอีกด้วย

การเดินทางไปยังจุดชมวิวหินโคร่ง

  • รถยนต์ ขับรถยนต์โดยใช้เส้นถนนสุขุมวิท เพื่อวิ่งมาทางจังหวัดจันทบุรี ตรงมาเข้าอำเภอนายายอาม เจอแยกให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข1011แล้วขับตรงมาอีก 10 กิโลเมตร ก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4036 ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับมาตรงมาตามทางอีก 9 กิโลเมตร ถึงทางแยกบ้านาชา ให้เลี้ยวขวาไปหาดคุ้งวิมาน จนถึงสี่แยกค้างวิมานแล้ว ให้เลี้ยวขวาอีกครั้งไปหาดคุ้งวิมาน ก็จะเจอทางแยกริมหาด จากนั้นให้เลี้ยวขวามือไปจนสุดทาง จะถึงจุดชมวิวหินโคร่งพอดี
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกขึ้นรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี

ที่อยู่จุดชมวิวหินโคร่ง : จุดชมวิวหินโคร่ง ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/z8hVdkQVeDa2U7e49

เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน 07:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

อ่าวคุ้งกระเบน

22. อ่าวคุ้งกระเบน

อ่าวคุ้งกระเบนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพื่อส่งเสริมอ่าวแห่งนี้ให้เป็นแหล่งอาชีพการประมงของคนในพื้นที่ให้เกิดรายได้ให้กับครอบครัว

ควรเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบนช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบนนั้น นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีหรือจะมาเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของอ่าวคุ้งกระเบน

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะอ่าวคล้ายรูปร่างของปลากระเบนและมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศ ซึ่งมีทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ป่าชายเลน ปูแสม มีพันธุ์ไม้ที่ให้ความร่มรื่นรวมถึงบรรยากาศที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีสะพานไม้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาระบบป่าชายเลนท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวขจี เหมาะสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบป่านิเวศ หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสไตล์ธรรมชาตินั่นเอง

กิจกรรมที่อ่าวคุ้งกระเบน

  • นั่งเล่นบริเวณรอบอ่าว
  • ถ่ายรูป
  • เดินชมวิวธรรมชาติบนสะพานหรือเดินศึกษาระบบนิเวศ

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงอ่าวคุ้งกระเบน เช่น

  • สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 

เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่แหลมเสด็จอ่าวคุ้งกระเบน โดยบริเวณภายในมีสัตว์น้ำที่หาชมได้ยากและมีปลาชนิดต่างๆให้ได้เรียนรู้ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ ชมความสวยงามของปลาทะเลได้ตลอดทั้งปี

การเดินทางไปยังอ่าวคุ้งกระเบน

  • รถยนต์ ขับรถยนต์จากกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองจังหวัดจันทบุรี ให้เลี้ยวขวาจากนั้นขับไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3399 ขับไปเรื่อยไปก็จะเห็นป้ายบอกทางแยกหาดต่างๆ
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกขึ้นรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี

ที่อยู่อ่าวคุ้งกระเบน : ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่า ชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน 31 หมู่ที่4 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Q6Tc2KLd8Rqjkt4s9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3943-3216

23. ลานหินสีชมพู

ลานหินสีชมพูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทย ซึ่งอยู่ในการดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน โดยสถานที่แห่งนี้มีหินสีชมพูอมน้ำตาลแดงอยู่บริเวณริมชายหาด ทำให้เป็นลานหินที่ดูสยงาม น่ามอง อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนให้อยากมาเที่ยวชมเรื่อยๆ

ควรเที่ยวลานหินสีชมพูช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวลานหินสีชมพู จะอยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน แนะนำให้มาเที่ยวที่ลานหินสีชมพูในตอนกลางวันเนื่องจากเป็นช่วงน้ำลง ทำให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นความสวยงามของลานหินสีชมพูได้อย่างชัดเจน

จุดเด่นของลานหินสีชมพู

เป็นลานหินสีชมพูอมน้ำตาลขนาดใหญ่เรียงรายกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศน้ำทะเลสีครามใส มีบรรยากาศเย็นสบาย ยิ่งมีแสงตกกระทบกับลานหินแล้ว ก็ยิ่งทำให้ที่แห่งนี้ดูสวยงามมากๆ และในช่วงตอนเย็นลานหินสีชมพูจะมีบรรยากาศที่น่านั่งเล่น เงียบสงบ เนื่องจากมีพระอาทิตย์ตกทำให้รู้สึกอบอุ่นและรู้สึกผ่อนคลาย

กิจกรรมที่ลานหินสีชมพู

  • นั่งถ่ายรูปบนลานหิน
  • เดินชมวิว
  • เล่นน้ำริมลานหิน
  • ฟังคลื่นเสียงทะเล
  • ปิกนิก

การเดินทางไปยังลานหินสีชมพู

  • รถยนต์ : ขับรถยนต์ตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิต วิ่งมาทางหาดเจ้าหลาวแล้วตรงมาขึ้นเนินและลงเนินจะเห็นทางแยก จากนั้นให้เลียวขวาไป ก็จะเข้าสู่ลานหินสีชมพูในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน

ที่อยู่ลานหินสีชมพู : 31 หมู่4 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/qYShpAAkhyYciXdc9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-17:00 น.

เบอร์โทร :              –

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

แอร์พอเทลล์เป็นบริการที่รับฝากและขนส่งสัมภาระที่มีความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย ไร้กังวล อีกทั้งส่งกระเป๋าถึงที่พักของคุณได้อย่างรวดเร็ว 

โดยทางแอร์พอเทลล์มีบริการรับฝากและบริการขนส่งทั้งในกรุงเทพรวมถึงขนส่งไปยังต่างจังหวัด ได้แก่ปลายทางจากกรุงเทพ-พัทยา, พัทยา-กรุงเทพ, กรุงเทพ-ภูเก็ต, ภูเก็ต-กรุงเทพ

ซึ่งราคาของบริการฝากกระเป๋า ,ส่งกระเป๋าในกรุงเทพหรือส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ มีดังนี้ 

  • ราคาเริ่มต้นใบละ 299 บาทหรือต่อชิ้น (สำหรับจัดส่งในวันเดียว) ของต้นทาง-ปลายทางที่พัทยา – กรุงเทพ, กรุงเทพ – พัทยา  หรือส่งกระเป๋าจากกรุงเทพ ไปยังจังหวัดอื่นๆ รวมถึงบริการจากจังหวัดอื่นๆมายังกรุงเทพ 
  • ราคาเริ่มต้น 100 บาท ต่อชิ้น , ต่อวัน, ไม่จำกัดขนาด น้ำหนัก สำหรับบริการรับฝากกระเป๋ารวมทั้งสัมภาระ
  • ราคาเริ่มต้นใบละ 299 บาท สำหรับการส่งกระเป๋าภายในตัวเมืองไปยังปลายทางในจังหวัดเดียวกัน พัทยา – พัทยา

นอกจากนี้ยังมีบริการขนส่งสัมภาระอยู่ด้วยกันถึง 5 สาขาในกรุงเทพอีกด้วย ได้แก่

  • เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โซนกรูฟ ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ
  • เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 6โซนบีโดยติดทางออกลานจอดรถ
  • เทอร์มินอล 21 ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ทางออกลานจอดรถ
  • สนามบินดอนเมือง ตั้งอยู่ที่ชั้นจี อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ประตู 9
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ที่ชั้นบี โซนแอร์พอร์ตลิงต์
  • เทอร์มินอล 21 พัทยา ตั้งอยู่ที่ชั้นจี โซนปารีส

หากคุณอยู่ใกล้บริเวณนั้นๆ ของสาขาในกรุงเทพ ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้เลย

สรุป

การที่มาเที่ยวทะเลนั้น มีข้อดีมากมาย เช่น ช่วยคลายเครียด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย มีบรรยากาศที่เงียบสงบ หรือมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การมาเที่ยวทะเลนั้นเหมาะแก่การไปกับใครก็ได้ สามารถไปเที่ยวทะเลคนเดียวแบบชิลๆ ไปกับครอบครัว หรือแก๊งเพื่อนๆก็ดีอีกด้วย

เมื่อเที่ยวจนจบทริป หรือกำลังกลับกรุงเทพฯ ก็สามารถใช้บริการของ AIRPORTELs ได้ หากเกิดอาการเหนื่อยล้า ไม่อยากขนกระเป๋าสัมภาระของตนเองหรือครอบครัวในปริมาณเยอะๆ เพราะ AIRPORTELs มีบริการส่งกระเป๋าให้ถึงที่พักของคุณ รับรองได้ว่าคุณจะต้องประทับใจในการให้บริการ เนื่องจากการให้บริการ AIPPORTELs นั้น ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว ไม่จำกัด ขนาด ไซซ์ น้ำหนักของกระเป๋าหรือสัมภาระ อีกทั้งคุณยังมีเวลาในการไปทำสิ่งอื่นๆ ตามต้องการ และยังไม่ต้องปวดเมื่อยร่างกายอีกด้วย

How to ใช้ Google Maps แบบ Offline ไม่ต้องง้อเน็ต

ปกติเราจะใช้ Google Maps กันแบบออนไลน์ ทั้ง IOS และ Android  มาเป็นตัวช่วยในการเดินทาง แต่เดี๋ยวนี้สามารถดูได้แล้วแบบออฟไลน์ ซึ่ง Google Map Offline ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยการเดินทาง ที่ให้ความสะดวก และมีประโยชน์อย่างมาก ในเวลาที่เราเดินทางไปสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตและเราไม่ชำนาญทาง แต่จะนำแผนที่มาใช้อย่างไรนั้น สามารถมาดูพร้อมกันได้ในบทความนี้

Google Maps แบบ Offline คืออะไร

Google Maps แบบ Offline คืออะไร

Google Maps แบบ Offline คือ การดาวน์โหลดแผนที่การเดินทางล่วงหน้า โดยการดาวน์โหลดแผนที่จุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการไป ในการดาวน์โหลดจะสามารถโหลดแผนที่ได้มากกว่า 1 สถานที่ และสามารถบันทึกแผนที่ไว้ดูภายหลังได้ ในแง่ของการใช้งานแบบออฟไลน์ก็สะดวกกว่ามาก เพราะการใช้งานแผนที่แบบออฟไลน์ จะสามารถใช้งานได้แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต 

ส่วนการดาวน์โหลดแผนที่และการใช้งาน ก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ทั้งระบบ Google Map Offline ios และระบบ Google Map Offline Android ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า การใช้งานแบบออฟไลน์จะต่างจากการใช้งาน Google Maps แบบออนไลน์อย่างสิ้นเชิง โดยการใช้งานแบบออนไลน์ จะต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น หากไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณขัดคล่อง ก็จะไม่สามารถใช้งานได้

ประโยชน์ของ Google Maps Offline

ประโยชน์ของ Google Maps Offline

ในบางครั้ง เส้นทางการเดินทางของเราอาจจะไม่สามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ เช่น ในกรณีที่เราหลงทางไปในที่ที่ไม่มีสัญญาณ หลงอยู่ท่ามกลางผู้คนแออัด หรือหลงไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้น การดาวน์โหลดและบันทึก Maps Offline Google ไว้ล่วงหน้า จึงจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเดินทาง ซึ่งการใช้งาน จะใช้งานได้เหมือน Google Maps แบบออนไลน์ ใช้งานได้ง่าย แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต การใช้งานก็สามารถ เลือกจากแผนที่ที่เราทำการบันทึกไว้ล่วงหน้า หรือการค้นหาแผนที่แบบออฟไลน์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าการใช้งานแบบออฟไลน์ ถือเป็นเครื่องมือนำทางที่ดีและมีประโยชน์มากทีเดียว

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline

วิธีดาวน์โหลด  Google Maps Offline ง่ายกว่าที่คิด ในการดาวน์โหลด สามารถเลือกดาวน์โหลดแผนที่เพื่อใช้งานออฟไลน์ กับเลือกดาวน์โหลดแผนที่ของตัวเราเอง และสามารถแยกวิธีดาวน์โหลดตามระบบ Android และ IOS ได้ดังนี้

ระบบ  Android

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline 

  1. เปิดแอป  Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ลงชื่อเข้าใช้งาน Google Maps
  4. ค้นหาสถานที่ที่ต้องการไป เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือเลือกสถานที่อย่างเฉพาะเจาะจง เช่น แหลมพรหมเทพ
  5. แตะชื่อ หรือสถานที่ จากนั้นเลือกคำว่า เพิ่มเติม หรือจุดสามจุดมุมขวาบน
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ หรือจะปักหมุดสถานที่ที่เราต้องการไปแบบเฉพาะเจาะจงได้
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย

วิธีดาวน์โหลด แผนที่ของเราเอง

  1. เปิดแอป Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ลงชื่อเข้าใช้งาน Google Maps
  4. เลือกโปรไฟล์ด้านมุมขวาบน 
  5. เลือกคำว่าแผนที่ออฟไลน์ และกดคำว่าเลือกแผนที่ของคุณเอง
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ 
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย

ระบบ  IOS

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline 

  1. เปิดแอป Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่
  3. ตรวจสอบว่าไม่ได้อยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน จากนั้นลงชื่อเข้าใช้ Google Maps
  4. ค้นหาสถานที่ที่ต้องการไป เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือเลือกสถานที่อย่างเฉพาะเจาะจง เช่น แหลมพรหมเทพ
  5. แตะชื่อหรือสถานที่ จากนั้นเลือกคำว่า เพิ่มเติม หรือจุดสามจุดมุมขวาบน
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ หรือจะปักหมุดสถานที่ที่เราต้องการไปแบบเฉพาะเจาะจงได้
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย

วิธีดาวน์โหลด แผนที่ของเราเอง

  1. เปิดแอป Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ตรวจสอบว่าไม่ได้อยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน จากนั้นลงชื่อเข้าใช้ Google Maps
  4. เลือก โปรไฟล์ด้านมุมขวาบน 
  5. เลือกคำว่า แผนที่ออฟไลน์ และกดคำว่า เลือกแผนที่ของคุณเอง
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ 
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย
การบันทึก Google Maps Offline ใน SD สำหรับ Android

การบันทึก Google Maps Offline ใน SD สำหรับ Android

สำหรับ Android จะต่างจาก IOS ตรงที่ต้องโหลดแผนที่มาเก็บไว้ในการ์ด SD การดาวน์โหลดจะใช้ได้กับระบบ Android 6.0 ขึ้นไป โดยการบันทึกข้อมูล จะเป็นการบันทึกและการจัดเก็บข้อมูลแบบพกพา โดยจะมีวิธีการบันทึกลงการ์ด SD ได้ดังนี้

  1. ใส่การ์ด SD ลงในโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ลงชื่อเข้าใช้งาน Google Maps
  4. เลือก โปรไฟล์ด้านมุมขวาบน จากนั้นเลือกคำว่า แผนที่ออฟไลน์
  5. สังเกตมุมขวาบน จะมีรูปฟันเฟือง หรือการตั้งค่า กดเลือกได้เลย
  6. เมื่อเข้ามาหน้าตั้งค่าแล้วให้เลือกหัวข้อ ค่ากำหนดพื้นที่เก็บข้อมูล
  7. เลือกคำว่าอุปกรณ์ > เปลี่ยนการตั้งค่าจากอุปกรณ์ เป็นการ์ด SD
  8. เสร็จแล้ว ก็กดบันทึกการตั้งค่า
  9. จากนั้นเลือกแผนที่ที่ต้องการดาวน์โหลด และแผนที่จะถูกบันทึกลงในการ์ด SD

การเก็บข้อมูลในการ์ด SD ของ Android จะช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในโทรศัพท์ให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

วิธีใช้ Google Maps Offline

วิธีใช้ Google Maps Offline

เมื่อเราทำการดาวน์โหลด Google Maps Offline ลงในมือถือไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็มาดูวิธีใช้งานกัน

  1. เปิดแอป Google Maps ในโทรศัพท์ระบบ Android หรือ ios
  2. เลือก โปรไฟล์ด้านมุมขวาบน
  3. กดเลือกคำว่า แผนที่ออฟไลน์
  4. กดเลือก สถานที่ที่บันทึกไว้ เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง เช่น แหลมพรหมเทพ
  5. กดใช้งานสถานที่บันทึกไว้ และเริ่มเดินทาง

ในส่วนของการใช้งาน Google Maps Offline จะคล้ายกับการใช้งาน Google Maps Online แต่จะมีข้อจำกัดในการใช้งาน คือ ในการดาวน์โหลด Google Maps Offline จะต้องโหลดกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ข้อจำกัดการใช้งาน เรื่องของพื้นที่ จะสามารถใช้งานได้ในเฉพาะพื้นที่ที่เราบันทึกไว้เท่านั้น เช่น บันทึกพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต ก็จะสามารถใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ภูเก็ตเท่านั้น ข้อจำกัดของข้อมูลการจราจรที่จะไม่มีการอัปเดตอย่างเรียลไทม์ ข้อมูลการเดินทางที่มีเฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์ รวมถึงการคำนวณระยะเวลาในการเดินทาง ที่ไม่ใช่การคำนวณเวลาการเดินทางจากการจราจรในปัจจุบัน

Google Maps Offline เหมาะกับใคร

การใช้งาน Google Maps Offline เหมาะกับผู้ที่อาศัยหรือเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณแต่ไม่ชำนาญทาง หรือผู้มีอายุ ที่ไม่มีทักษะในการใช้ Google Maps ออนไลน์ เพื่อให้การเดินทางของเราสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถโหลด Google Maps Offline ไว้และกำหนดเส้นทางและปลายทางไว้เพื่อใช้งานได้

สรุป

Google Maps แบบ Offline คือ การใช้งานแผนที่การเดินทางแบบออฟไลน์ โดยการดาวน์โหลดแผนที่และจุดหมายที่ต้องการไปไว้ล่วงหน้า แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ยังสามารถใช้งานได้ ซึ่งจะต่างจาก Google Maps ออนไลน์ ที่จะต้องใช้งานกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น และใน Google Maps Offline ก็มีประโยชน์อย่างมากในการใช้งาน สำหรับผู้คนที่ไม่ชำนาญเส้น เพราะในบางครั้งที่เราเดินทาง ก็อาจจะเดินไปทางยังที่ที่ไม่มีสัญญาณ หรืออยู่ท่ามกลางผู้คนแออัด ทำให้สัญญาณขาดหาย จนไม่สามารถใช้งานแผนที่ได้ รวมถึงผู้สูงอายุ ที่ไม่มีทักษะการใช้งาน Google Maps ออนไลน์ ก็จะเป็นตัวช่วยในการเดินทางให้สะดวกขึ้นได้ 

ดังนั้น การดาวน์โหลดแผนที่ล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดี ที่นอกจากจะทำให้การเดินทางราบรื่นแล้ว ก็ยังเดินทางไปยังจุดหมายที่เราตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอน

23 จุดเช็คอิน แลนด์มาร์คในกรุงเทพ ที่นักสร้างคอนเทนต์ห้ามพลาด

กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่สามารถตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกเพศ และทุกวัยได้ อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวสุดโดดเด่นที่ห้ามพลาดอีกด้วย โดยบทความนี้ได้รวบรวมแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ต้องไปให้ได้ พร้อมทั้งบอกพิกัดสถานที่เพื่อให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย จะมีสถานที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถและระเบียงรอบวัดจะมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่งดงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ อีกมากมาย ทั้งพระศรีรัตนเจดีย์ นครวัดจำลอง ฯลฯ ให้ได้มาเก็บภาพความสวยงามและความประทับใจกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องมาเยี่ยมชม โดยวัดเปิดให้ชาวไทยเข้าชมฟรี และชาวต่างชาติซื้อบัตรเข้าชม 500 บาท

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดพระแก้ว
  • การเดินทาง:
    • โดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ต่อด้วยขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง (N9) 
    • โดยเรือ ขึ้นที่ท่าเรือท่าเตียน (N8)
    • โดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 43, 44, 47, 53, 59, 64, 80, 82, 91, 203, 503, 508, 512
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 15:30 น.

2. วัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ และเยี่ยมชมความสวยงามของพระปรางค์สีขาว สูง 82 เมตร ใครที่มายังวัดอรุณ เป็นต้องยืนโพสถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ หน้าพระปรางค์ที่ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องสีสันต่างๆ 

โดยที่วัดก็มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ที่สวยงาม นอกจากนี้วิวในยามค่ำคืนยังสวยสะดุดตา ด้วยภาพของพระปรางค์องค์ใหญ่ติดริมแม่น้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็พากันชื่นชมในความงามของวัดอรุณแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยชาวไทยสามารถเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชม 50 บาท

  • ที่ตั้ง: 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: วัดอรุณราชวราราม
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น
วัดสุทัศน์

3. วัดสุทัศน์

ถ้าพูดถึงวัดที่เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของวัดสุทัศนเทพวรารามอยู่ด้วยแน่นอน เพราะจุดเด่นของวัดนี้ก็คือเสาชิงช้าสูงสีแดงที่ตั้งอยู่หน้าวัดนั่นเอง นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมของวัดยังสะท้อนให้เห็นศิลปะสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีกด้วย ใครที่สนใจทำบุญก็สามารถมากันแต่เช้าได้ พร้อมกับเก็บภาพความสวยงามของเสาชิงช้าที่หน้าวัดสุทัศน์นี้ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 146 ถนนบำรุงเมือง วัดราชบพิธ พระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดสุทัศน์
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสามยอด ทางออกที่ 3
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:30 – 21:00 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

4. วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

มาดูอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยวัดนี้มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังคงอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยนั้นไว้อย่างดี โดยจุดเด่นของวัดนี้คือ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์และล้านนา และพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีความสูง 69 เมตร จึงทำให้มองเห็นได้แต่ไกลลิบ ไม่ว่าจะมาวัดนี้ในช่วงกลางวันให้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับพระพุทธรูปหรือมาช่วงเย็นที่มีแสงรำไร ก็สามารถได้ภาพถ่ายที่สวยงามทั้งหมด นับว่าวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ให้ทั้งความสงบและความสวยงามเหมาะแก่การมาเยือนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160
  • พิกัด: วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
เอเชียทีค

5. เอเชียทีค

ใครอยากเที่ยวแบบชิลๆ ลองมาที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์กันได้เลย เพราะที่นี่นับว่าเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินชิล ชิม ชอป และถ่ายรูปสวย ๆ กับชิงช้าสวรรค์อันเป็นจุดเด่นของที่นี่ รายล้อมไปด้วยการตกแต่งสไตล์เมืองท่า เป็นสถานที่ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน 

นอกจากนี้ในช่วงนี้ยังมีงานแสดง Disney 100 Village ที่ให้แฟนดิสนีย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาพบปะคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่ชื่นชอบกันอีกด้วย โดยงานเริ่มตั้งแต่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 นี้

  • ที่ตั้ง: 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: เอเชียทีค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือโดยสารของเอเชียทีคโดยตรง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 00:00 น.
มหานคร สกายวอล์ค

6. มหานคร สกายวอล์ค

ที่มหานคร สกายวอล์ค เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพสำหรับคนที่ต้องการความท้าทายและความเร้าใจด้วยการยืนชมวิวบนพื้นกระจกลอยฟ้าที่ความสูง 310 เมตร พร้อมทั้งมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ สามารถชมวิวเมืองหลวงอันสวยงามในเวลากลางวันและกลางคืนได้ 360 องศาเลยทีเดียว ใครที่อยากได้ความตื่นเต้นพร้อมเก็บภาพบรรยากาศเมืองกรุงเทพสวย ๆ ก็สามารถซื้อบัตรเยี่ยมชมที่นี่ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: มหานคร สกายวอล์ค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.
ท่ามหาราช

7. ท่ามหาราช

มาต่อกันที่จุดเช็คอินในกรุงเทพสุดชิคอย่างท่ามหาราช ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงให้กลิ่นอายของเมืองเก่าดั้งเดิมของไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครัน ไม่ว่าจะกิน ชอปปิง เดินชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือถ่ายรูปตามมุมสวยๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น มาตอนกลางวันก็ได้บรรยากาศแบบหนึ่ง มาตอนกลางคืนก็จะได้บรรยากาศอีกแบบ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญอีกมากมาย ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

  • ที่ตั้ง: 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่ามหาราช
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าช้าง (N9) หรือนั่งรถโดยสารประจำทาง ลงหน้าท่ามหาราช สาย 32, 53, 124, 203, 201, ปอ.32, ปอ.524
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 21:00 น.

8. สวนรถไฟ

ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศพื้นที่สีเขียวแบบสบาย ๆ ขอแนะนำให้มาที่สวนรถไฟ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและออกกำลังกายกัน ด้วยพื้นที่กว่า 375 ไร่ มีกิจกรรมให้ทำมากมายได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งปั่นจักรยาน เข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลง เมืองจราจรจำลองสำหรับเด็กๆ เป็นต้น ใครที่ชอบบรรยากาศร่มรื่นหรือหาพื้นที่สำหรับปิกนิก ก็แวะมาที่สวนรถไฟได้เลย

  • ที่ตั้ง: ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10900
  • พิกัด: สวนรถไฟ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนจตุจักร
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สวนลุมพินี

9. สวนลุมพินี

สวนลุมพินี เป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เปิดให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและทำกิจกรรมกันได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถมาปิกนิก ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือถ่ายรูปสวย ๆ โดยมีพื้นหลังเป็นสวนกว้างสีเขียวก็ทำได้ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สวนลุมพินี 
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 04:30 – 22:00 น.
สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

10. สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

สวนเบญจกิติได้เปิดพื้นที่แลนด์มาร์คในกรุงเทพใหม่อย่างสวนป่าเบญจกิติขึ้น เพื่อรองรับทุกกิจกรรมและทุกช่วงเวลาทั้งยามเช้าหรือยามเย็น สำหรับคนเมืองทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นปั่นจักรยาน พื้นที่เล่นกีฬา พื้นที่ศิลปะ และพื้นที่ทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังเป็นต้นแบบของสวนสาธารณะเชิงนิเวศเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็มีแต่ความร่มรื่นแน่นอน

  • ที่ตั้ง: ถนนรัชดา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือ MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สะพานเขียว

11. สะพานเขียว

สะพานเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างสวนเบญจกิติและสวนลุมพินีนั้น กลายเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินในกรุงเทพและจุดถ่ายรูปยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างมาก เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนเย็นที่แสงแดดสาดส่องลงที่สะพานเขียวนั้น เมื่อถ่ายรูปแล้วจะทำให้ได้บรรยากาศของภาพที่ดูอบอุ่นชวนให้นึกถึงญี่ปุ่นสุด ๆ

  • ที่ตั้ง: ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สะพานเขียว
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06:00 – 21:00 น.
หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

12. หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เหล่าคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะจะต้องรู้จักแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างหอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะต่างๆ และเป็นศูนย์รวมของคนรักงานศิลปะ ให้ได้มาแสดงออกกัน จึงกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ช่วงบ่ายจะเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่น ซึ่งมักจะมาถ่ายรูปตามมุมศิลปะสวย ๆ และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมนั่นเอง

นอกจากนี้หากใครไปเดินเล่นที่ MBK Center ซึ่งสามารถเดินเข้าทางเชื่อมBTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถนำสัมภาระไปฝากฟรี 2 ชั่วโมง  เดินเที่ยวดูงานศิลป์ ช้อปปิ้งเพลินๆเดินตัวปลิวกับ AIRPORTELs

ที่ตั้ง: 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330

MOCA Museum

13. MOCA Museum

MOCA Museum เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพที่เหล่าคนรักในงานศิลป์ต่างก็มาเพื่อชมงานศิลปะจากศิลปินชั้นครู และหามุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่บ่อยๆ จนทำให้เป็นที่โด่งดังในโลกโซเชียลถึงความสวยงามของสถานที่ในสไตล์มินิมอล 

โดยเฉพาะมุมบันไดสีขาวที่ดูโล่งและกว้างใหญ่แต่ก็ดูสวยในเวลาเดียวกัน หากใครกำลังมองหาโลเคชันถ่ายรูปแบบมินิมอลอยู่ ต้องลองไปในวันธรรมดาที่มีคนน้อย บอกเลยว่าที่นี่ถือว่าตอบโจทย์และได้รูปสวยดั่งใจแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
  • พิกัด: MOCA Museum 
  • การเดินทาง: รถโดยสารประจำทาง สาย 29, 69,134, 187, 191, 504, 510, 555 ลงป้ายสถานีปรมณู 1
  • เปิด-ปิด: วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น.

14. Terminal 21

ศูนย์การค้า Terminal 21 ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันและตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ ด้วยแนวคิดการชอปปิงแบบ Market Street ราวกับยกย่านการค้าชื่อดังของโลกมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะสายชิล สายกิน หรือสายชอป ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับที่นี่ได้แน่นอน ตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด 

นอกจากนี้ที่ Terminal 21 ยังมีที่รับฝากสัมภาระของ Airportels อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวให้เดินชอปปิงต่อได้อย่างสบายใจ 

  • ที่ตั้ง: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือขึ้น MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

15. Siam Scape

แลนด์มาร์คในกรุงเทพแห่งใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์  “LIFELONG LEARNING” การเรียนรู้ที่ต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาบันการศึกษา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เปิดตั้งแต่สายจนถึงดึก ทั้งร้านอาหาร สินค้าต่างๆ คลินิกเสริมความงาม และสเปซสำหรับนัดพบ อีกทั้งยังมี 

Installation Art อย่าง “ILLUSCAPE” ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินสุดเท่อย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 215 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: Siam Scape
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม หรือลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

16. อาคารไปรษณีย์กลาง

หนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับอาคารที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศแถบตะวันตกเลยทีเดียว 

ทำให้ที่นี่จึงเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินยอดนิยม โดยเฉพาะลานกว้างหน้าอาคารไปรษณีย์กลางที่มักจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนในยามกลางวันหรือยามที่พระอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว

  • ที่ตั้ง: 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: อาคารไปรษณีย์กลาง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หรือ MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด: วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09:30 – 17:30 น.
Iconsiam

17. ICONSIAM

ICONSAM แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดอลังการที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติต่างก็อยากมาเยี่ยมชม โดยในศูนย์การค้านี้ครบครันทุกความบันเทิง ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ และยังประดับไปด้วยศิลปะไทยในรูปแบบหรูหราอย่างลงตัว จุดถ่ายรูปสวยๆ มีให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำพุ น้ำตก ลานชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะมีการเล่นแสงสี ทำให้ยิ่งสวยมากขึ้น จะถ่ายมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 299 ซอยเจริญนคร 5 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: ICONSIAM
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานกรุงธน ออกประตูทางออก 3 ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีทอง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

18. บ้านบางเขน

ใครเป็นสายถ่ายรูปฮิปๆ แนะนำอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพอย่าง บ้านบางเขน เพราะที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ตกแต่งด้วยธีมวันวานยุค 90 และยังสะสมของโบราณหาดูได้ยากอีกมากมาย ทำให้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดชิคสไตล์โบราณ รวมทั้งยังมีอาหารพื้นเมืองให้ทานอีกอีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินเล่นถ่ายรูปชิล ๆ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน

  • ที่ตั้ง: 17 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220
  • พิกัด: บ้านบางเขน
  • การเดินทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 26, 34, 39, 59, 107, 114, 129, 185, 503, 512, 522, 543
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 02:00 น.
ช่างชุ่ย

19. ช่างชุ่ย

สายอาร์ตพลาดไม่ได้เลยกับแลนด์มาร์คในกรุงเทพชื่อดังอย่าง ช่างชุ่ย ที่เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นอาณาจักรแห่งความสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ บูธขายของ สินค้า ต่างก็ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และยังมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่าง “นาโอ” ร้านอาหารที่อยู่ในเครื่องบินลำใหญ่ใจกลางช่างชุ่ย ที่ใครเห็นเป็นสะดุดตาแน่นอน ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศของช่างชุ่ยที่สวยงามไม่แพ้กันเลย

  • ที่ตั้ง: 462 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10700
  • พิกัด: ช่างชุ่ย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 515, 539
  • เปิด-ปิด: โซน Creative​ Park ​เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 23:00 น. และโซน Plane Night Market เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 16:00 – 23:00 น.

20. ตลาดน้อย

อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่อยากแนะนำ คือ ตลาดน้อย ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 22 ซึ่งเป็นย่านเก่าของชาวจีน ทำให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย – จีน จึงเห็นภาพบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟสไตล์จีนเก่าอยู่มากมาย อีกทั้งมีสตรีตอาร์ตที่บอกเล่าชีวิตของคนในชุมชนนี้ ให้นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้ายันเย็น 

  • ที่ตั้ง: ถนนเจริญกรุง แขวงสุริยวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: ตลาดน้อย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 1, 35, 36, 75, 93
  • เปิด-ปิด: –
เยาวราช

21. เยาวราช

เยาวราช แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดฮิตที่จะเห็นคนเช็คอินในโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยป้ายไฟสีแดงจากร้านทองที่เนืองแน่น ยิ่งในช่วงกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและสตรีตฟู้ด ถือเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปและสายกิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมในโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ

  • ที่ตั้ง: ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10100
  • พิกัด: เยาวราช
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานีรถไฟหัวลำโพง

22. สถานีรถไฟหัวลำโพง

สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5 โดยตัวอาคารก่อสร้างเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะเรอเนซองส์ ทำให้มีความโดดเด่นราวกับสถาปัตยกรรมในยุโรป เพียงหาเวลาเหมาะ ๆ มาเดินชิล นั่งเล่น หรือถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งในและนอกสถานีก็ได้ทั้งหมด

  • ที่ตั้ง: ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สถานีรถไฟหัวลำโพง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด:

23. ท่าช้าง

มาถึงจุดเช็คอินในกรุงเทพที่สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ ท่าช้าง ซึ่งในย่านนี้ได้มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทำให้มีสีสันมากขึ้น แถมโปร่งโล่ง ดูสะอาดตาอีกด้วย โดยไฮไลต์ของที่นี่ คือ ตึกแถวแห่งท่าช้างสไตล์นีโอคลาสสิก ที่ได้รับการฟื้นฟูจนสวยงามและมีสีเหลืองสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปชิคๆ ยิ่งในช่วงเย็นที่มีแสงพระอาทิตย์ตกดินคู่กับตึกแถวสีเหลือง จะยิ่งทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สีสวยมากทีเดียว

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่าช้าง
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 18:00 น.

แลนด์มาร์คในกรุงเทพต่างก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ลองออกไปเที่ยวแล้วค้นหาตัวเองดูว่าชอบสถานที่แบบไหน แล้วอย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว

วิธีส่งสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินทำอย่างไร ราคาเท่าไหร่

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีสัตว์เลี้ยงคู่ใจเลี้ยงอยู่ที่บ้าน คอยให้ความรัก ความอบอุ่น และช่วยแก้เหงาให้ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับนักเดินทางตัวยงแล้วล่ะก็ การจะไปเที่ยว ทำธุระไกลๆ หรือเดินทางไกลไปไหนก็แล้วแต่นั้น คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วน้องหมาหรือน้องแมวล่ะ จะพาพวกเขาเดินทางไปด้วยกันได้อย่างไร? 

บทความนี้จะมาช่วยไขทุกข้อสงสัยของคนรักสัตว์ ที่กำลังอยากเดินทางไกล แต่ไม่อยากฝากสัตว์เลี้ยงไว้ให้ใครดูแลหรือกำลังย้ายที่อยู่ และมีความต้องการที่จะพาเจ้าสี่ขาขึ้นเครื่องบินไปด้วย มาดูกันว่าวิธีส่งสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินนั้นทำอย่างไร และมีค่าใช้จ่ายเท่าใดกัน

เริ่มต้นด้วยการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง

เริ่มต้นด้วยการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง

บอกเลยว่าทุกสายการบินจะมีข้อกำหนดไว้เลยว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพก่อน โดยไม่ควรเกิน 10 วันก่อนการเดินทาง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงด้วยว่าพวกเขาไม่ได้กำลังเจ็บป่วย หรือมีปัญหาทางสุขภาพที่เมื่อสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแล้ว ย่อมมีปัจจัยด้านความเครียดและความร้อนที่อาจจะไปกระตุ้นอาการเหล่านั้นให้แย่ลงไปอีกด้วย ซึ่งสายการบินจะไม่รับผิดชอบหากสัตว์เลี้ยงเสียชีวิต 

ดังนั้น เจ้าของจึงต้องดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพแข็งแรง สัตว์เลี้ยงที่จะขึ้นเครื่องต้องไม่ได้กำลังตั้งครรภ์หรือบาดเจ็บ ควรพาพวกเขาไปตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง พูดคุยกับสัตวแพทย์ถึงความพร้อมของร่างกายสัตว์เลี้ยงของเราสำหรับการขึ้นเครื่อง ฉีดวัคซีนให้ครบ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และนำสมุดรับรองสุขภาพไปเป็นหลักฐานในการพาสัตว์เลี้ยงเดินทางขึ้นเครื่องไปกับคุณได้

ตรวจสอบเงื่อนไขการขนส่งสัตว์เลี้ยงทางเครื่องบิน

ตรวจสอบเงื่อนไขการขนส่งสัตว์เลี้ยงทางเครื่องบิน

ก่อนนำสัตว์เลี้ยงเดินทางด้วยเครื่องบิน อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขการขนส่งสัตว์เลี้ยงทางเครื่องบินให้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากแต่ละสายการบินอาจมีข้อปฏิบัติ ข้อบังคับ หรือกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่แตกต่างกันไป 

รวมถึงต้องตรวจสอบเงื่อนไขการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับสัตว์เลี้ยงที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ/ภูมิภาคด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก และข้อผิดพลาดในการพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องในภายหลัง

อีกสิ่งสำคัญที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องตรวจสอบก็คือ ประเภทของสัตว์เลี้ยง ควรรู้ก่อนว่าสายพันธ์ุสัตว์เลี้ยงของเรานั้นอยู่ในบัญชีรายชื่อสายพันธุ์ต้องห้ามหรือไม่ เพราะถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณตกเป็นสัตว์ต้องห้าม ก็ไม่สามารถพาพวกเขาไปด้วยได้ 

สัตว์ส่วนมากที่ไม่สามารถขนส่งผ่านเครื่องบินได้จะเป็นสัตว์จำพวกที่มีพิษ สัตว์ดุร้าย สัตวที่มีจมูกสั้น เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น หรือในกรณีที่ไม่สามารถพาขึ้นเครื่องไปได้ จะได้หาแผนสำรองอื่นเตรียมไว้ทันท่วงที

รวมถึงเรื่องอายุของสัตว์เลี้ยงก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โปรดตรวจสอบอายุของสัตว์เลี้ยงที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้กับแต่ละสายการบิน

นอกจากนี้ ในส่วนของต่างประเทศก็ต้องตรวจสอบข้อกำหนดของประเทศนั้นๆ เรื่องสายพันธุ์สุนัขและแมวสายการบิน ซึ่งจะมีแจ้งไว้อยู่แล้วว่าสายพันธุ์ไหนบ้างที่ไม่สามารถพาขึ้นเครื่องได้ 

กรงของสัตว์เลี้ยง

กรงของสัตว์เลี้ยง

กรงหรือบรรจุภัณฑ์สำหรับพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไม่ใช่ว่าจะเป็นกรงขนาดใด ลักษณะใดก็ได้ หรือเห็นว่าเป็น กรงที่เคยพาสัตว์เลี้ยงเดินทางไปพบสัตวแพทย์เลยคิดว่าคงใช้ได้เหมือนกัน ความจริงแล้วจะใช้กรงที่มีอยู่แล้วก็ได้ แต่ต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าเป็นกรงที่มีมาตรฐาน และจะต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ซึ่งลักษณะของกรงที่เหมาะสมก็มีดังนี้

  • วัสดุพลาสติกแข็งตามข้อบังคับของ IATA
  • กรงแข็งแรง มีน็อตยึดแน่นหนา
  • กรงแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของสัตว์เลี้ยงได้
  • ประตูกรงแน่นหนา มีเพียงประตูเดียวสำหรับการเข้า-ออก
  • มีช่องระบายอากาศ สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นกรงสัตว์
  • มีความกว้างและความยาวเพียงพอ ให้สัตว์กลับตัว พลิกตัว และยืนได้สะดวก หลังไม่ชนกรง
  • ต้องจัดเตรียมขวดน้ำแบบหยดสำหรับสัตว์เลี้ยง

สายการบินที่ขนส่งสัตว์เลี้ยงได้

สายการบินที่ขนส่งสัตว์เลี้ยงได้

ก่อนจะทำการจัดส่งสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินนั้น เจ้าของจะต้องทำการบ้านโดยศึกษาข้อมูลของสายการบินต่างๆ เสียก่อนว่า สายการบินไหนบ้างที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเดินทางไปกับเครื่องบินได้ และอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยไปอีก อย่างการให้บริการเพียงบางจังหวัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อย่าลืมโทรสอบถามรายละเอียดกับสายการบินของจังหวัดนั้น ๆ ก่อนทุกครั้ง

สายการบินไทย (Thai Airways) 

สายการบินไทย (Thai Airways) มีบริการการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง แบบ Check Baggage (AVIH) สัตว์เลี้ยงจะต้องมีขนาดตามระเบียบของ IATA’s Live Animals Regulations (LAR) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในเรื่องการขนส่งสัตว์ที่มีชีวิตผ่านสายการบินต่างๆ 

ทางการบินไทยนั้น จะนำสัตว์เลี้ยงของเราไปโหลดไว้ยังห้องบรรทุกสัมภาระพิเศษใต้ท้องเครื่อง ที่ได้มีการออกแบบให้มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

สำหรับเที่ยวบินที่ทางสายการบินไทยไม่รับสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ Check Baggage (AVIH) มีดังต่อไปนี้

  • เที่ยวบินไปโอ๊กแลนด์ เดนปาซาร์ ดูไบ ฮ่องกง และ ลอนดอน
  • เที่ยวบิน ไป / กลับจากออสเตรเลีย (บริสเบน เมลเบิร์น เพิร์ท ซิดนีย์)
  • เที่ยวบินที่ให้บริการด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A320

ส่วนเรื่องของสายพันธุ์สุนัขที่การบินไทยขอสงวนสิทธิ์ในการให้บริการขนส่งสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง ก็มีทั้งหมด 25 สายพันธุ์ด้วยกัน 

REF

  1. อเมริกันบูลด็อก / บูลลี่ (American Bulldog / Bully)
  2. อเมริกันสแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียร์ (American Staffordshire Terrier)
  3. อเมริกันพิทบูลเทอร์เรียร์ (American Pit Bull Terrier)
  4. บอสตันเทอร์เรียร์ (Boston Terrier)
  5. บ็อกเซอร์ ( Boxer)
  6. บราสเซิลส์กริฟเฟิน (Brussels Griffon)
  7. บูลด็อก (Bulldog)
  8. ไชนีสปั๊ก (Chinese Pug)
  9. เชาเชา (Chow Chow)
  10. ดัชปั๊ก (Dutch Pug)
  11. อิงลิชบูลด็อก (English Bulldog)
  12. อิงลิชทอยสแปเนียล (English Toy Spaniel)
  13. เฟรนช์บูลด็อก (French Bulldog)
  14. ลาซาแอปโซ ( Lhasa Apso)
  15. เจแปนนีสบ็อกเซอร์ (Japanese Boxer)
  16. เจแปนนีสปั๊ก (Japanese Pug)
  17. เจแปนนีสชิน (Japanese Spaniel (Chin)
  18. มาสทิฟฟ์ (ทุกสายพันธุ์) Mastiff (All Breeds)
  19. ปักกิ่ง (Pekinese)
  20. พิทบูล (Pit Bull)
  21. ปั๊ก (Pug)
  22. ชาเป่ย (Shar Pei)
  23. ชิสุ (Shih Tzu)
  24. สแตฟเฟอร์ดไชร์บูลเทอร์เรียร์ (Staffordshire Bull Terrier)
  25. ทิเบตันสแปเนียล (Tibetan Spaniel)

ค่าใช้จ่าย

สำหรับการบินไทยแล้วการขนส่งสุนัขขึ้นเครื่องบินมีราคา 0 บาทเท่านั้น! เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นหรือทางการได้ยิน และจำเป็นจะต้องมีสุนัขนำทางหรือสุนัขที่ให้ความช่วยเหลืออยู่ข้างกาย 

โดยทางผู้โดยสารจะต้องติดต่อสำนักงานขายการบินไทยประจำท้องถิ่นของท่านอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ในส่วนของบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้ต้องมีสุนัขนำทาง มีการเสียค่าใช้จ่ายตามอัตราของการขนส่งทางอากาศ ซึ่งสามารถติดต่อสำนักงานการบินไทยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายได้

สายการบินนกแอร์ (Nok Air) 

ถ้าอยากจะพาสัตว์เลี้ยงขนส่งขึ้นเครื่องบินกับทางสายการบินนกแอร์ก็สามารถทำได้ โดยทางนกแอร์มีบริการขนส่งสินค้าและสัตว์เลี้ยงผ่านทางนกแอร์คาร์โก้ ซึ่งปฎิบัติการภายใต้ระเบียบมาตราฐานและข้อกำหนดของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association – IATA) และยังได้รับอนุญาตจากสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (Civil Aviation Authority of Thailand – CAAT) ซึ่งหลักเกณฑ์ในการขนส่งสินค้าและสัตว์เลี้ยงของสายการบินนกแอร์ ก็มีดังนี้

  • น้ำหนักจะต้องไม่เกิน 20-25 กิโลกรัม
  • ไม่เป็นสินค้าผิดกฏหมาย (อาวุธปืน, ยาเสพติด, ยุทธภัณฑ์)
  • ไม่เป็นวัตถุอันตราย
  • ไม่ตรงตามมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อการขนส่งทางอากาศ
  • การประกาศห้ามรับสินค้าที่เกินสมรรถนะของอากาศยาน
  • สัตว์มีชีวิตต้องไม่เป็นสัตว์ที่มีพิษ สุนัขที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวดุร้าย หรือสุนัขบางสายพันธ์ุ

ซึ่งสายพันธุ์สุนัขที่ไม่สามารถขนส่งผ่านสายการบินนกแอร์ ก็ประกอบไปด้วยสุนัขทั้งหมด 19 สายพันธุ์ ดังต่อไปนี้

  1. ปั๊ก ( Pug Breeds )
  2. เฟรนช์บูลด็อก ( French Bulldog )
  3. อิงลิชบูลด็อก ( English Bulldog )
  4. อเมริกันบูลด็อก / บูลลี่ ( American Bulldog / Bully )
  5. บรัสเซิลส์เทอร์เรียร์ ( Brussels Terrier )
  6. อิงลิชทอยสแปเนียล ( English Toy Spaniel )
  7. เจแปนนีสสแปเนียล ( Japanese Spaniel )
  8. ปักกิ่ง ( Pekingese )
  9. ทิเบตันสแปเนียล ( Tibetan Spaniel )
  10. ชาเป่ย ( Shar Pei )
  11. ลาซาแอปโซ ( Lhasa Apso )
  12. บอสตันเทอร์เรียร์ ( Boston Terrier )
  13. บ็อกเซอร์  ( Boxer Breeds )
  14. ด็อจเดบอร์โดซ์ ( Dogue de Bordeaux )
  15. เชาเชา ( Chow Chow )
  16. มาสทิฟฟ์บรีด ( Mastiff Breeds )
  17. อเมริกันพิทบูลเทอร์เรียร์ ( American Pit Bull Terrier )
  18. พิทบูล ( Pit Bull )
  19. สแตฟเฟอร์ดไชร์บูลเทอร์เรียร์ ( Staffordshire Bull Terrier)

นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทางนกแอร์ก็ยังมีกฎเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของสัตว์เลี้ยง นั่นก็คือ

  • กรงสัตว์เลี้ยงเป็นวัสดุพลาสติกแข็งตามข้อบังคับของ IATA
  • มีเพียงประตูเดียวสำหรับให้สัตว์เลี้ยงเข้า / ออก และสามารถป้องกันสัตว์เลี้ยงไม่ให้หลุดออกมาหรือป้องกันกรงเล็บของสัตว์เลี้ยงได้
  • ขันสกูรรอบด้านให้ครบ
  • มีช่องระบายอากาศที่เปิดออกได้มากกว่าหนึ่งด้าน มองเห็นได้ง่ายว่าเป็นกรงสัตว์ และมีวัสดุดูดซับความชื้นคลุมด้านล่างหรือพื้นของกรง
  • มีพื้นที่เพียงพอให้สัตว์เลี้ยงกลับตัวไปมาได้
  • หากส่งสุนัข แมว หรือ กระต่าย ต้องจัดเตรียมขวดน้ำแบบหยด และทำการยึดกับกรงให้แน่นหนา
  • หากกรงชำรุด ทางสายการบินไม่รับขนส่งเด็ดขาด โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สายการบิน

นกแอร์ให้บริการขนส่งสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องเฉพาะบนเครื่องบิน Boeing 737-800 เส้นทางภายในประเทศเท่านั้น รวมถึงบางครั้งอาจไม่มีที่ว่างให้บริการในบางเที่ยวบิน เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด และก็อย่าลืมพาเจ้าสี่ขาไปถึงยังนกแอร์คาร์โก้ก่อนเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงด้วย

ค่าใช้จ่าย

อัตราค่าบริการสำหรับบริการขนส่งสัตว์เลี้ยงเริ่มต้นที่ 440 บาท สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราค่าบริการขนส่งสัตว์เลี้ยงของสายการบินนกแอร์ได้ ที่นี่

สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ (Bangkok Airways) 

สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ (Bangkok Airways) มีบริการขนส่งสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน โดยจะมีทางเจ้าหน้าที่พาสัตว์เลี้ยงของเราไปโหลดไว้ที่ห้องบรรทุกสัมภาระ ที่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมและปลอดภัยกับพวกเขา ส่วนรายละเอียดกฎเกณฑ์ของสายการบินในการขนส่งสัตว์เลี้ยงประกอบไปด้วย

  • รับเพียงสุนัขและแมวเท่านั้น
  • ต้องแจ้งกับทางสายการบินผ่านทาง Call Center หรือสำนักงานออกบัตรโดยสาร ก่อนออกเดินทาง 24 ชั่วโมง
  • ในการเดินทางต่างประเทศเจ้าของจะต้องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน (ใบอนุญาตนำเข้าสัตว์ ใบอนุญาตการส่งออกสัตว์ ใบอนุญาตขนถ่ายสัตว์ ใบรับรองสุขภาพจากสัตวแพทย์ เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หนังสือเดินทางสัตว์เลี้ยง)
  • กรงสัตว์เลี้ยงต้องมีมาตรฐาน แข็งแรงตามข้อกำหนดของกรง
  • ต้องถอดปลอกคอ เสื้อกั๊ก สายรัด เสื้อผ้า และอุปกรณ์ติดตาม GPS 
  • เส้นทางในประเทศจะให้บริการเฉพาะเส้นทางเข้า-ออก เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุย และเส้นทางที่เดินทางโดยเครื่องบินประเภท AT72 โดยสุนัขหรือแมวต้องมีอายุอย่างน้อย 8 สัปดาห์
  • เส้นทางต่างประเทศสามารถให้บริการรับขนส่งสัตว์เลี้ยงได้ทุกเส้นทาง ยกเว้นเส้นทางมัลดีฟส์มีบริการรับขนส่งเฉพาะแมวเท่านั้น

ทางสายการบินยังมีข้อห้ามในการนำสุนัขบางสายพันธุ์ขึ้นเครื่องด้วย (ข้อกำหนดนี้รวมถึงสุนัขที่มีการผสมข้ามสายพันธุ์กับสายพันธุ์ต้องห้าม) ดังนี้

  1. อเมริกันบูลด็อก / บูลลี่ (American Bulldog/ Bully)
  2. อเมริกันสแตฟฟอร์ดเชียร์เทอร์เรียร์ (American Staffordshire Terrier)
  3. อเมริกันพิทบูลเทอร์เรียร์ (American Pit Bull Terrier)
  4. บอสตัน เทอร์เรียร์(Boston Terrier)
  5. บ็อกเซอร์ (Boxer)
  6. บราสเซิลส์กริฟเฟิน (Brussels Griffon)
  7. บูลด็อก (Bulldog)
  8. ไชนีสปั๊ก (Chinese Pug)
  9. เชา เชา (Chow Chow)
  10. ดัชปั๊ก (Dutch Pug)
  11. อิงลิชบูลด็อก (English Bulldog)
  12. อิงลิชทอยสแปเนียล (English Toy Spaniel)
  13. เฟรนช์บูลด็อก (French Bulldog)
  14. ลาซาแอปโซ (Lhasa Apso)
  15. เจแปนนีสบ็อกเซอร์ (Japanese Boxer)
  16. เจแปนนีสปั๊ก (Japanese Pug)
  17. เจแปนนีสชิน Japanese Spaniel (Chin)
  18. มาสทิฟฟ์ (ทุกสายพันธุ์) Mastiff (All Breeds)
  19. ปักกิ่ง (Pekinese)
  20. พิทบูล (Pit Bull)
  21. ปั๊ก (Pug)
  22. ชาเป่ย (Shar Pei)
  23. ชิสุ (Shih Tzu)
  24. สแตฟเฟอร์ดไชร์บูลเทอร์เรียร์ (Staffordshire Bull Terrier)
  25. ทิเบตันสแปเนียล (Tibetan Spaniel)

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายในการส่งสุนัข-ส่งแมวขึ้นเครื่องบิน ราคาเป็นไปตามค่าธรรมเนียมตามน้ำหนักสัมภาระเกินกำหนด (Excess Baggage) ซึ่งคิดจากน้ำหนักสัตว์เลี้ยงรวมกับน้ำหนักกรง เส้นทางในประเทศจะคิดอัตรากิโลกรัมละ 180 บาทต่อเที่ยวบิน และสำหรับเส้นทางต่างประเทศจะคิดตามอัตราของแต่ละเส้นทางโดยแบ่งตามโซน

ข้อควรระวังในการนำส่งสัตว์เลี้ยงทางเครื่องบิน

ข้อควรระวังในการนำส่งสัตว์เลี้ยงทางเครื่องบิน

ในการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง นอกจากเงื่อนไขหรือข้อกำหนดของแต่ละสายการบินที่ควรรู้ไว้แล้ว คุณควรศึกษาข้อห้ามและข้อควรระวังเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้มีแต่ความปลอดภัยกับชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก

  • ควรงดให้อาหารกับสัตว์เลี้ยงก่อนการเดินทาง เพื่อให้กระเพาะอาหารของสัตว์เลี้ยงว่าง ป้องกันสัตว์เลี้ยงขับถ่ายขณะอยู่บนเครื่อง
  • ถ้าช่วงนั้นมีสภาพอากาศที่ร้อน ควรเลือกเดินทางในเวลาเช้าตรู่หรือในเวลาดึก แต่ถ้าช่วงนั้นมีสภาพอากาศที่หนาว ควรเลือกเดินทางในเวลากลางวัน
  • ควรเลือกจองตั๋วเป็นสายการบินประเภทบินตรงและบินในช่วงกลางสัปดาห์ที่มีผู้โดยสารน้อย หลีกเลี่ยงการเดินทางในวันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันหยุดยาว
  • กรณีที่สายการบินไม่สามารถป้องกันการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่กระทบตัวสัตว์ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 45 องศาฟาเรนต์ไฮต์ เป็นเวลามากกว่า 45 นาที ระหว่างการขนถ่ายจากตัวเครื่องไปยังตัวอาคารผู้โดยสารได้ ห้ามสายการบินนั้นๆ รับสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องเด็ดขาด ยกเว้นว่าจะมีใบรับรองจากสัตวแพทย์ที่ระบุว่าสัตว์เลี้ยงของคุณสามารถทนต่อสภาพอุณหภูมิที่ต่ำ 45 องศาฟาเรนต์ไฮต์ (แต่ไม่เกิน 85 องศาฟาเรนต์ไฮต์) เป็นเวลามากกว่า 45 นาทีได้

จะเห็นได้ว่าการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินนั้นมีกฎเกณฑ์และข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปในแต่ละสายการบิน ดังนั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเดินทางทุกครั้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง เมื่อหมดห่วงเรื่องสัตว์เลี้ยงแล้ว ใครที่เดินทางคนเดียว แต่สัมภาระเยอะสามารถใช้บริการของ Airportels ที่มีบริการส่งกระเป๋าจากสนามบิน-ถึงที่พัก ตัดความกังวลเรื่องไม่มีรถส่วนตัวขนย้ายได้เลย

3 ขั้นตอน เอาจักรยานขึ้นเครื่องบิน แบบง่ายๆ ทำยังไง มาดูกัน

สำหรับใครที่เป็นสายปั่นจักรยาน เวลาเดินทางไปไหนมาไหนต้องมีกันและกันเสมอ ไม่ว่าใกล้ หรือไกล แต่ถ้าต้องการเดินทางข้ามจังหวัด หรือข้ามประเทศพร้อม ๆ กับเอาจักรยานขึ้นเครื่องบินด้วยล่ะ งานนี้หลายคนอาจไม่มั่นใจว่าสามารถเอาขึ้นได้จริงไหม ถ้าเอาขึ้นได้ต้องทำอย่างไร และสามารถทำวิธีไหนได้บ้าง ในบทความนี้มีคำตอบให้ทุกคนครบอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย

แจ้งความประสงค์

1. แจ้งความประสงค์

สำหรับใครที่ต้องการจะนำจักรยา ขึ้นเครื่อง จำเป็นจะต้องทำการแจ้งความประสงค์ตั้งแต่ตอนสำรองที่นั่ง เพื่อที่ทางสายการบินจะได้คำนวณพื้นที่โหลดจักรยาน เพราะพื้นที่มีจำกัด การบอกล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

แพ็กจักรยานลงกล่อง

2. แพ็กจักรยานลงกล่อง

สิ่งสำคัญในการเอาจักรยานขึ้นเครื่องบินจำเป็นที่ต้องนำจักรยานแพ็กลงกล่อง หรือไม่ก็กระเป๋าสำหรับการเก็บจักรยานโดยเฉพาะ ซึ่งคุณจำเป็นต้องถอดส่วนประกอบจักรยานคู่ใจออก เพราะไม่สามารถนำขึ้นไปทั้งคันได้ โดยวิธีการมีดังต่อไปนี้

วิธีแพ็กจักรยานลงกล่องที่ถูกต้อง

  • แฮนด์จักรยานจำเป็นต้องบิดให้ระนาบเดียวกับโครงรถ
  • แป้นถีบจำเป็นที่ต้องถอดออก และคลุมไว้ให้หนาแน่น
  • เฟืองจักรยานจำเป็นที่จะต้องหาอุปกรณ์กันกระแทกมาหุ้ม เพื่อป้องกันความเสียหาย
  • ยางรถจำเป็นอย่างยิ่งต้องระบายลมออก เพื่อความปลอดภัย
  • บังโคลนแนะนำให้ถอดออก หรือไม่ก็หาอุปกรณ์กันกระแทกหุ้มไว้
  • ส่วนอื่นๆ ที่เป็นอุปกรณ์เสริม ต้องทำการแพ็กให้ดี หรือแยกชิ้นใส่กระเป๋าก็ได้

ประเภทของอุปกรณ์ที่นำมาแพ็กจักรยาน

สำหรับใครที่เป็นสายปั่นทั้งที และต้องเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อย การเตรียมอุปกรณ์แพ็กจักรยานให้พร้อม นับเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ซึ่งอุปกรณ์ที่นำมาแพ็กเอาจักรยานขึ้นเครื่องบิน แบ่งได้ 4 ประเภทดังนี้

ซอฟต์เคส

ซอฟต์เคส คือ กระเป๋าจักรยานต์ที่ทำมาจากผ้าไนลอน บุด้วยโฟมกันกระแทก ซึ่งกระเป๋านี้มีแท่นโลหะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ขยับเขยื้อนได้

  • ข้อดี : มีน้ำหนักเบาประมาณ 6-8 กิโลกรัม แพ็กจักรยานลงได้โดยง่าย ใช้เวลาแพ็กไม่นาน
  • ข้อเสีย : เนื่องจากวัสดุเป็นผ้าไนลอน ทำให้ป้องกันได้แค่แรงกระแทกเบาๆ และรอยขีดข่วนเล็กๆ

ฮาร์ดเคส

ฮาร์ดเคส คือ กระเป๋าที่ออกแบบเพื่อบรรจุจักรยานโดยเฉพาะ มีทั้งแบบพลาสติกและโลหะ โดยภายในกระเป๋ามีช่องย่อยๆ ให้ใส่ส่วนประกอบของจักรยาน

  • ข้อดี : มีน้ำหนักเบาประมาณ 10 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถรับแรกกระแทกได้เป็นอย่างเดียว และสามารถใช้ในระยะยาวได้
  • ข้อเสีย : ยกย้ายลำบากเพราะว่ามีน้ำหนักมาก จัดเก็บได้ไม่สะดวก

ไฮบริดเคส

ไฮบริดเคส คือ การนำซอฟต์เคส และฮาร์ดเคสมารวมกัน มีลักษณะการขึ้นรูปกระเป๋า แต่ไม่ได้มีความแข็ง หรือหนาจนเกินไป ในขณะเดียวกันภายในกระเป๋ามีกันกระแทกอย่างดี นับว่าเหมาะสุดๆ สำหรับการเอาจักรยานขึ้นเครื่องบิน

  • ข้อดี : มีน้ำหนักเบาประมาณ 10 กิโลกรัม ป้องกันแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับการวางซ้อนทับได้ แพ็กได้ไว และสามารถใช้ในระยะยาวได้
  • ข้อเสีย : กระเป๋ามีขนาดใหญ่อาจเคลื่อนย้ายไม่สะดวกในบางครั้ง

ลังกระดาษ

ลังกระดาษ คือ ลังที่ใส่จักรยานมาแต่ละคัน หรือว่าง่ายๆ ก็คือแพ็กเกจจิงของจักรยานที่มีการถอดส่วนประกอบ และจัดเก็บให้เป็นสัดส่วน ก่อนส่งไปยังร้านจักรยานต่างๆ เพื่อทำการขาย

  • ข้อดี : น้ำหนักเบามากเนื่องจากว่าเป็นลังกระดาษ และขนาดของกล่องไม่ใหญ่ เพราะทำพาเพื่อให้มีการถอดจักรยานหลายๆ ส่วนใส่ลงไปในพื้นที่จำกัด
  • ข้อเสีย : ใช้เวลาในการถอดอะไหล่ที่เยอะ กล่องกระดาษสามารถเสียหายได้ระหว่างการเดินทางหรือใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้ง เคลื่อนย้ายลำบาก

เช็กอินวิธี Checked-baggage

3. เช็กอินวิธี Checked-baggage

เมื่อมาถึงวันที่ต้องเช็กอินก็สามารถเข้ามาเช็กอินได้ตามปกติ แต่จักรยานขึ้นเครื่องของคุณต้องแพ็กเรียบร้อย ซึ่งสายการบินจะมองว่าเป็นสัมภาระ หรือจัดประเภทว่าเป็นอุปกรณ์กีฬา ทำให้ดำเนินการได้ตามปกติเหมือนกับตอนนำกระเป๋าเดินทางเข้ามาเช็กอิน

เช็กอินจักรยานได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

เช็กอินจักรยานได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ในการเช็กอินเอาจักรยานขึ้นเครื่อง จัดอยู่ในโควต้าการขนสัมภาระขึ้นได้ หรือฟรี  โดย 1 คน สามารถนำจักรยานขึ้นได้ 1 คัน หากเป็นจักรยาน 2 คันขึ้นไป จำเป็นต้องเสียค่าบริการตามน้ำหนัก และกฎเกณฑ์ของแต่ละสายการบิน ทั้งนี้สามารถนำจักรยานขึ้นเครื่องเพื่อใช้เป็นการส่วนตัวเท่านั้น หากใช้ในเชิงพาณิชย์ด้วยการขนจักรยานหลายๆ คันจะไม่สามารถทำได้

สายการบินที่เช็กอินจักรยานฟรี

เนื่องจากการขนจักรยานข้ามไปยังพื้นที่ต่างๆ สำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบิน เทียบได้ว่าเป็น 1 สัมภาระที่ทุกคนสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ แต่จำเป็นต้องมีการแพ็กจักรยาน และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นอย่างดี อีกทั้งยังต้องดูเรื่องของน้ำหนักด้วย เบื้องต้นสายการบินที่อนุญาตให้นำจักรยานขึ้นเครื่องฟรี มีดังนี้

สายการบิน Bangkok Airways

  • ผู้โดยสาร 1 คน สามารถนำจักรยานขึ้นเครื่องได้ 1 คัน ซึ่งจะแยกกับสัมภาระ โดยไม่นำน้ำหนักสัมภาระมานับรวมกันกับจักรยาน
  • จักรยานจำเป็นต้องแพ็กลงกล่องขนาดไม่เกิน 145 x 160 x 110 เซนติเมตร หรือจัดใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย และจำเป็นที่ต้องเอาลมยางออก
  • ทั้งนี้ในการนำจักรยานขึ้นเครื่องบินจำเป็นต้องแจ้งตั้งแต่ตอนสำรองที่นั่งให้เรียบร้อย และเมื่อถึงเวลาเช็กอินก็สามารถเช็กอินได้ตามปกติ

สายการบิน Thai Airways

  • ผู้โดยสาร 1 คน สามารถนำจักรยานขึ้นเครื่องได้ 1 คัน โดยจักรบานต้องมีน้ำหนักน้อยกว่า 30 กิโลกรัม และจำเป็นต้องคิดน้ำหนักรวมกับสัมภาระอื่นๆ หากมีน้ำหนักเกิน หรือนำขึ้นมากกว่า 2 คัน จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม
  • จักรยานจำเป็นต้องแพ็กลงกล่อง หรือไม่ก็จัดใส่กระเป๋าสำหรับใส่จักรยานให้เรียบร้อย

สายการบิน Air Asia

  • การนำจักรยานขึ้นเครื่องอยู่ในหมวดของอุปกรณ์กีฬา จึงจำเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม ทั้งนี้หากจองก่อนอาจได้รับส่วนลดในราคาที่ประหยัดลงได้ และน้ำหนักของจักรยานต้องไม่เกิน 32 กิโลกรัม
  • จักรยานต้องแพ็กลงกล่อง หรือใส่กระเป๋าจักรยานให้เรียบร้อย

สายการบิน Thai Lion Air

  • จักรยานสามารถนำโหลดขึ้นเครื่องได้ฟรี โดยน้ำหนักอยู่ที่ 15 กิโลกรัม ถ้ามากกว่านี้ จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มตามสัมภาระ
  • จักรยานต้องแพ็กลงกล่อง หรือใส่กระเป๋าจักรยาน และปล่อยลมออกให้เรียบร้อยก่อนนำจักรยานขึ้นเครื่องบิน

1. บริการส่งสัมภาระไปต่างจังหวัด

บริการส่งสัมภาระไปต่างจังหวัด

แน่นอนว่าการนำจักรยานขึ้นเครื่องบินมีหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะต้องแจ้งความประสงค์ หรือแพ็กจักรยานลงกล่องซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก หรือหากมีจักรยานมากกว่า 2 คัน จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม์ เมื่อลองคิดดูแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่าหากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม บริการของ AIRPORTELs จะมาช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบายและราคาประหยัด เพียงแค่คุณจองบริการออนไลน์ รถก็ไปรับสัมภาระของคุณถึงหน้าบ้านส่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง ไม่ต้องเสียเวลาแพ็กของเนื่องจากเรามีบริการwrap และแพ็กสินค้าให้คุณ รวมถึงมีรับประกันความเสียหายถึง 50,000 บาท รู้แบบนี้ใช้บริการนานแล้ว ราคาเริ่มต้นเพียง 349 บาท/ใบ เท่านั้น

สรุป

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงหายห่วงเรื่องการนำจักรยานขึ้นเครื่องอย่างแน่นอน เพราะการเอาจักรยานขึ้นเครื่องบิน สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงทำตามข้อตกลงของสายการบินที่คุณต้องการนำจักรยานคู่ใจไปด้วยให้ถูกต้องตามกฎ และทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่ได้มีการแนะนำไป รับรองว่าไม่มีอะไรมาขวางการผจญภัย เมื่อถึงที่หมายแล้วหากคุณอยากไปเที่ยวต่อ โดยไม่อยากแวะเข้าไปเก็บของในที่พักก่อน คุณสามารถใช้บริการรับฝากสัมภาระ หรือส่งสัมภาระกับทาง AIRPORTELs ได้ หรือหากเดินทางในประเทศ กรณีที่ไม่อยากโหลดจักรยานขึ้นเครื่อง หรือจักรยานไม่สามารถพับได้ AIRPORTELs ก็มีบริการส่งสัมภาระ Special Luggage เช่น จักรยาน ถุงกอล์ฟ และอุปกรณ์กีฬาไปยังต่างจังหวัดทั่วประเทศไทยเช่นกัน

Q&A

จำเป็นต้องปล่อยลมยาง หรือโช้คอัพไหม?

จำเป็นต้องปล่อยลมยาง หรือโช้คอัพ เพราะว่าเนื่องจากห้องเครื่องโดยสารของเครื่องบินมีแรงกดอากาศต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 2,500 เมตร ทำให้อาจเกิดอันตรายได้ หรือความเสียหายได้

วิธีอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และอัปเกรดห้องพัก ให้สะดวกสะบายเกินราคาจ่ายจริง

ทุกวันนี้การเดินทางไปยังจุดหมายมีตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รถโดยสาร รถไฟ หรือแม้แต่การเดินทางด้วยเครื่องบิน ที่ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงในเรื่องของการจองที่พักจุดหมายปลายทางก็มีตัวเลือกมากมายเช่นกัน  แต่จะดีกว่าไหม? ถ้าเราสามารถอัปเกรดการเดินทางของเราให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน รวมถึงการอัปเกรดห้องพักที่จะทำให้การพักผ่อนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย บทความนี้ ขอแนะนพการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่จ่าย

การอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก คืออะไร 

การอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และการอัปเกรดห้องพัก คือ การเพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมให้มากขึ้น เช่น เรื่องของการอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือแม้แต่การให้บริการ ทำให้การเดินทาง และเข้าพักในแต่ละทริป สะดวก สบายมากยิ่งขึ้น และการอัปเกรดก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่นกัน

ทำไมจึงต้องอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก

ทำไมจึงต้องอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และห้องพัก

ในทุกการเดินทางและการเข้าพัก หากมีโอกา หรือมีความต้องการการอัปเกรด ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน หรือแม้แต่การอัปเกรดห้องพักก็ควรทำอย่างไม่ลังเล เพราะการอัปเกรดมีข้อดีมากมาย ที่นอกจาก เพิ่มความสะดวก สบาย ในราคาที่คุ้มค่า แต่ก็ยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น เช่น

  • สิทธิพิเศษในการเช็กอิน
  • น้ำหนักกระเป๋าที่เพิ่มมากขึ้น
  • ที่นั่งสะดวกสบาย เหมาะกับทุกการเดินทางไม่ว่าจะใกล้ หรือไกล
  • บริการห้องรับรอง หรือเลานจ์ภายในสนามบิน

รวมไปถึงการอัปเกรดห้องพักด้วย เช่น

  • บริการของว่างรอต้อนรับ
  • ขยายเวลาเช็กอิน และเช็กเอาท์
  • ฟรีบริการในเรื่องของอาหาร
  • การใช้บริการอย่างมินิบาร์ หรือเลานจ์ เป็นต้น

เพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบอัปเกรดในราคาประหยัด

เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้คุ้มค่าด้วยสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น โดยการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินและการอัปเกรดห้องพัก ที่จะทำให้การเที่ยวมีความสุขมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ช่วยให้ได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี จากการรับการอำนวยความสะดวกในเรื่องของบริการ ทำให้ทุกการเดินทาง หรือการไปพักผ่อนไม่มีสะดุด และเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย

เพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบอัปเกรดในราคาประหยัด

วิธีการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน

เพื่อให้การเดินทางไปยังจุดหมายด้วยความสะดวก สบายมากยิ่งขึ้น การอัปเกรดตั๋วเครื่องบินจึงเป็นที่นิยม ซึ่งสำหรับคนที่อยากจะอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นทำอย่างไรดี หรือทำวิธีนี้จะได้รับการอัปเกรดที่ถูกต้องหรือไม่  วันนี้ AIRPORTELs จึงมีวิธีการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน ที่สามารถทำตามได้ ดังนี้

ติดต่อกับสายการบินโดยตรง

การติดต่อกับสายการบินโดยที่เดินทางโดยตรง เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว เพราะนอกจากทำให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับการซื้อ หรือการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินแล้ว ในบางครั้งสายการบินอาจมีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน เช่น การแลกไมล์สะสม เพื่ออัปเกรดตั๋วเครื่องบิน หรือการใช้เงินสดและไมล์สะสม เพื่อทำการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน ทำให้ได้ในตั๋วเครื่องบินอัปเกรดในราคาที่คุ้มค่า

ใช้เครื่องมือออนไลน์

การจองตั๋วออนไลน์ ถือเป็นอีกวิธีในการจองที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะให้ทั้งความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และอยู่ที่ไหนก็จองได้ อีกทั้งยังมีตัวเลือก และการเปรียบเทียบราคาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน นอกจากนี้ การจองออนไลน์สามารถทำได้จากเว็บไซต์สำหรับการจองตั๋ว หรือการเข้าร่วมโปรแกรมสมาชิกของสายการบิน และอีกวิธี คือ การจองผ่านแอปพลิเคชันสำหรับการจองตั๋วเครื่องบิน

ยกตัวอย่าง เช่น Traveloka แอปพลิเคชันการจองตั๋ว ที่มีตัวเลือกหลากหลายในทุกการเดินทางทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ อีกทั้งยังมีเครื่องมือตัวช่วยที่หลากหลาย เช่น การจองการค้นหาเส้นทางบิน การเลือกเที่ยวบิน และฟีเจอร์อย่าง Flight Upgrade ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มสิทธิพิเศษอย่างการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และยังมีวิธีการใช้งานที่ง่าย ตามวิธีต่อไปนี้

  1. ค้นหาเส้นทางบินที่ต้องการ ค้นหาเส้นทางการบินได้ง่ายดาย เพียงเลือกจากจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ วันเวลาเดินทาง มีให้เลือกทั้งสายการบินในประเทศ และระหว่างประเทศ ทั้งยังมีการเดินทางให้เลือกไม่ว่าจะเป็น ขาเดียว/ไป-กลับ หรือแม้แต่การเดินทางไปยังหลายเมือง
  2. กดเลือกเที่ยวบินที่ต้องการ การเลือกเที่ยวบินที่ต้องการ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดเลือก ก็จะมีข้อมูลเบื้องต้นของเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเป็นเวลาการเดินทาง น้ำหนักสัมภาระ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สรุปมาให้อย่างง่ายดาย
  3. กดแบนเนอร์ไฟล์ทอัปเกรด ไฟล์ทอัปเกรด สามารถใช้กับสายการบินที่ร่วมรายการเท่านั้น เช่น Thai Lion Air (ไทยไลอ้อนแอร์), Thai Vietjet Air (ไทยเวียตเจ็ทแอร์) รวมไปถึงบางสายการบินนอกประเทศ ไฟล์ทอัปเกรดสามารถช่วยยืดหยุ่นเรื่องของการเดินทาง เพราะเราสามารถเลือกเวลาการเดินทางเองได้ตามต้องการ หรือแม้แต่การเปลี่ยนเที่ยวบินที่สามารถเลื่อนได้ตลอดเวลา แต่ระยะเวลาการเปลี่ยนเที่ยวบิน ต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
  4. เลือกคลาสที่ต้องการอัปเกรด ในการเดินทางที่ไม่ว่าใกล้หรือไกล การเลือกที่นั่งเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ฟีเจอร์นี้จึงมีให้เลือกอัปเกรดที่นั่งของตั๋วเครื่องบิน ถึง 3 แบบ ได้แก่ Eco, Deluxe และ SkyBoss ที่สามารถเลือกได้ทั้งขาไป และขากลับ โดยสามารถเลือก และเปรียบเทียบได้ตามต้องการ และในแต่ละครั้งที่เลือกอัปเกรดตั๋วเครื่องบินก็จะได้รับสิทธิประโยชน์แตกต่างกันออกไป

ใช้บริการบุคคลที่สาม หรือเอเจนซี่

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการค้นหา หรือเปรียบเทียบราคาเที่ยวบินแต่ละสายการบิน สามารถใช้บริการจากบริษัทจองตั๋วที่มีความเชี่ยวชาญได้เช่นกัน ข้อดี คือ สะดวก รวดเร็ว เพราะรวมสายการบินมาไว้ในที่เดียว ทำให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบ และช่วยค้นหาโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินได้ แต่ก็มีข้อเสีย เพราะทุกครั้งในการจองอาจมีค่าธรรมเนียมในการบริการ

ใช้แต้มสะสม

บางครั้งสายการบินอาจมีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน คือ การใช้แต้มสะสมการเดินทางจากสายการบินเดิม หรือที่เรียกกันว่า ไมล์สะสม ให้กับคนที่เดินทางเป็นประจำ โดยสามารถนำแต้มสะสมเหล่านี้มาใช้ในการอัปเกรดตั๋วเครื่องบินได้ และการใช้แต้มสะสมของแต่ละสายการบินก็จะมีจุดเด่น หรือการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดตั๋วเครื่องบินอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่ว่าการเดินทางในประเทศ ระหว่างประเทศ หรือแม้แต่ละสายการบินเองก็ตาม ดังนั้น คุณควรตรวจสอบข้อกำหนด และเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจอัปเกรดตั๋วเครื่องบินของคุณ

วิธีการอัปเกรดห้องพัก

วิธีการอัปเกรดห้องพัก

การอัปเกรดห้องพัก นอกจากจะช่วยเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก หรือบรรยากาศภายในห้องแล้ว ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนวิวทิวทัศน์เดิมๆ ให้ดูสวยงาม อย่างเช่น วิวภูเขา ทะเล หรือสวน ที่จะทำให้การพักผ่อนมีความสุข และผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การอัปเกรดห้องพักมักได้ใช้บริการต่าง ๆ จากที่พักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บริการอาหารเช้า บริการดินเนอร์ หรือแม้แต่บริการนวดผ่อนคลาย เป็นต้น จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักเลือกบริการอัปเกรดห้องพัก ซึ่งการขออัปเกรดห้องพัก มีวิธีดังนี้

ติดต่อโรงแรมโดยตรง

ในกรณีที่อยากขออัปเกรดห้องพัก วิธีที่ง่ายและได้ข้อมูลที่ครบถ้วน คือ การติดต่อโรงแรมที่จะเข้าพัก เพื่อขออัปเกรดห้องพักได้โดยตรง การติดต่อสามารถทำได้ทั้งทางเบอร์โทรศัพท์ หรือ Reception ซึ่งบางครั้งโรงแรมอาจมีโปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับการอัปเกรดห้องพักให้คุณได้เลือกอีกด้วย

ใช้เครื่องมือออนไลน์ 

นอกจากการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์แล้ว การค้นหาที่พักออนไลน์ และการจองที่พักออนไลน์ก็มีให้บริการเช่นกัน เช่น การใช้เว็บไซต์การจองโรงแรม หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับโรงแรม เช่น AGODA เว็บไซต์ และแอปจองห้องพักที่สามารถระบุปลายทาง วันเดินทาง และยังมีตัวเลือกการจองเพิ่มเติม เช่น การค้นหาตามราคา จำนวนดาวของที่พัก หรือประเภทของที่พัก รวมไปถึงข้อเสนอพิเศษอย่าง เช่น อัปเกรดห้องพัก และโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดห้องพักอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้น คุณควรตรวจสอบข้อกำหนด และเงื่อนไขก่อนที่จะตัดสินใจอัปเกรดห้องพักของคุณ

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระที่สนามบิน

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เริ่มต้นที่ 100 บาท/ใบ/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299บาท/ใบ ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ (บริเวณใกล้กับซุปเปอร์ริช)

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

สรุป

ในการอัปเกรดตั๋วเครื่องบิน และการอัปเกรดห้องพัก นอกจากทำให้การเดินทาง และการเข้าพักสะดวก สบายแล้ว ก็ยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากจากการอัปเกรด และในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ เวลาคุณลงจากเครื่อง แล้วอยากไปนั่งชิลต่อที่คาเฟ่ หรือไปเที่ยวรอบๆ โดยไม่อยากแวะเข้าที่พักหรือโรงแรมก่อน คุณสามารถใช้บริการจาก Airportels ที่ให้บริการรับฝากของที่สนามบิน หรือส่งสัมภาระจากสนามบินไปยังโรงแรมของคุณได้ เพื่อช่วยประหยัดเวลา และค่าเดินทาง อีกทั้งยังสามารถเรียกใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงอีกด้วย

31 ร้านเด็ด ที่ห้ามพลาด ของกิน ม.เกษตร (บางเขน) อัปเดต 2023

ปัจจุบันมีร้านอาหารมากมายให้ได้เลือกทานตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูปิ้งย่าง ชาบู เครื่องดื่ม และอื่นๆ ซึ่งความต้องการที่ทุกคนมีเหมือนกันเมื่อรับประทานอาหาร คือ ความอร่อย แต่บางครั้งอาจไม่รู้ว่าต้องเข้าร้านอาหารแบบไหนดี หรือมีร้านอาหารไหนบ้างที่รสชาติอร่อย ดังนั้น บทความนี้จะพาผู้ที่ชื่นชอบการกิน ไปรู้จักกับ 31 ร้านเด็ด ของกิน ม. เกษตร ที่อร่อยจนต้องบอกต่อ เอาใจนักศึกษา และคนทั่วไปที่มีใจรักในการกิน จัดเต็ม อิ่มเพลิน จะมีร้านไหนบ้างไปดูกันเลย

ปิ้งย่าง ชาบู ร้านอาหารของคาวสุดฮิต

ปิ้งย่าง ชาบู ร้านอาหารของคาวสุดฮิต

ที่ ม.เกษตรมีร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่าง ชาบู และของคาวมากมายหลายเชื้อชาติที่รอให้ทุกคนได้แวะมาชิม มาพร้อมกับความอร่อยที่ลงตัว ราคาประหยัด เหมาะสำหรับนักศึกษา และทุกๆ คน ดังนี้

1. Sam Steak and More

Sam Steak and More  เป็นร้านอาหารประเภทสเต็ก สัญชาติฝรั่งเศส เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสเป็นต้นกำเนิดของอาหารชนิดนี้ เรื่องราวจัดเต็มแบบนี้ จึงทำให้ Sam Steak and More เป็นร้านเด็ดของกิน ม.เกษตรที่น่าสนใจ

จุดเด่นของร้าน คือ สเต็กที่มีความอร่อย ราคาประหยัด ให้ปริมาณเยอะสุดคุ้ม มีเมนูให้เลือกมากมาย หากใครอยากรับประทานอาหารอร่อยๆ พร้อมกับเครื่องดื่มที่เย็นชื่นใจ หรือของทานเล่น บอกได้เลยว่าร้านเด็ด ม.เกษตรแห่งนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยที่ควรลอง คือ เมนูสเต็ก ซึ่งเมนูสเต็กเป็นเมนูหลักยอดฮิต ที่มาพร้อมซอสสุดพิเศษของทางร้าน เมื่อรับประทานไปพร้อมกับสเต็กแล้ว ทำให้ได้รสชาติอร่อยมากขึ้นไปอีก

  • สเต็กไก่พริกไทยดำ (ราคาเริ่มต้น 79 บาท) เป็นเมนูที่มาพร้อมกับความหอมของเครื่องเทศ และพริกไทยดำ คลุกเคล้าเข้ากับเนื้อสเต็กไก่ร้อนๆ ชิ้นใหญ่จุใจ
  • สเต็กไก่สไปซี่ (ราคาเริ่มต้น 79 บาท) มาพร้อมรสชาติความอร่อยลงตัวของไก่ย่างชุ่มช่ำ ชวนน่ารับประทาน บวกกับซอสรสชาติเผ็ดซี๊ด ที่ทุกคนต้องลอง

ร้าน Sam Steak and More ยังมีเมนูยอดฮิตอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้สเต็ก ได้แก่

  • มันบดอบชีส (ราคาเริ่มต้น 29 บาท) เนื้อมันบดเนียนละเอียด ผสมกับความหอมของชีส กินเป็นเครื่องเคียงกับเมนูอื่นๆ เพิ่มความอร่อยในราคาประหยัด
  • ผักโขมอบชีส (ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 100 บาท) เมนูผักโขมสารพัดประโยชน์  ที่เสิร์ฟพร้อมกับชีสยืดฟินๆ นุ่มละมุน ถือเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด
  • ซีซาร์สลัด (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เมนูยอดฮิตสำหรับคนที่รักสุขภาพ หากใครที่ไม่อยากอ้วน หรืออยากมีสุขภาพดี เลือกทานเมนูนี้ได้เลย 

ร้าน Sam Steak and More ไม่ได้มีแค่เพียงสาขาเดียวในย่าน ม. เกษตร (บางเขน) เท่านั้น แต่ยังมีอยู่หลายสาขาด้วยกัน หากใครอยู่ในบริเวณสาขาที่ใกล้เคียง ก็แวะไปลองชิมรสชาติความอร่อยกันได้เลย

  • ที่อยู่ : ถนนงามวงศ์วาน ลาดยาว กรุงเทพมหานคร 10900 (ปากซอยงามวงศ์วาน 60) 
Gorilla Grill

2. Gorilla Grill

Gorilla Grill ร้านอาหารประเภทสเต็ก ร้านเด็ดของกิน ม.เกษตรที่น่าลอง จุดเด่นของร้านแห่งนี้ คือ ความอร่อยพร้อมกับเมนูที่หลากหลายให้ได้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูสเต็ก และของทานเล่น ซึ่งสเต็กของร้านเด็ดแห่งนี้มีวัตถุดิบมาจาก ไก่ หมู เนื้อวัว ปลา เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกรับประทานอาหารได้ตามใจชอบ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อย ได้แก่

  • อกไก่สมุนไพร (ราคาเริ่มต้น 35 บาท ต่อ 1 ชิ้น) มาพร้อมรสชาติความอร่อยจากไก่ย่างหมักพริกไทยดำ และสมุนไพรไทย ทำให้มีกลิ่นหอมน่าทาน
  • ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (ราคาเริ่มต้น 145 บาท) ซี่โครงสไตล์หมูหัน 4 ชิ้น มีการตุ๋นจนนุ่ม ทำให้มีรสชาติอร่อย เคี้ยวง่าย และมีกลิ่นหอมจากการทาซอสบาร์บีคิวลงบนซี่โครงหมู 
  • หนังไก่ทอดปรุงรสฮอตแอนด์สไปซี่ (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เป็นเมนูหนังไก่ทอดกรุบกรอบแสนอร่อย คลุกเคล้าด้วยผงปรุงรสที่มีความเผ็ดปนหวาน
  • มาม่าชีสหม้อไฟ (ราคาเริ่มต้น 169-249) มาม่าชีสเข้มข้น ปรุงด้วยวัตถุดิบ และส่วนผสมที่หลากหลาย ทำให้มีรสชาติจัดจ้าน 

นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆให้ได้ลิ้มลอง หากใครมีความชื่นชอบเมนูที่หลากหลายสไตล์ เช่น ปิ้ง ย่าง ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมา Gorilla Grill ที่เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร แห่งนี้

  • ที่อยู่ :  2137/9  ซอยงามวงศ์วาน 64 ลาดยาว กรุงเทพมหานคร  10900 (อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตร (ซ.งามวงศ์วาน 64)
  • เบอร์โทร : 093-0088083
  • พิกัด : Gorilla Grill
  • เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 11:00-22:00 น.

3. ชาบูอินดี้ ม.เกษตร

ชาบูอินดี้ ม.เกษตร ร้านอาหารประเภทสุกี้ ชาบู และอาหารทะเล และยังเป็นร้านของกินม.เกษตรที่มีราคาประหยัดสุดคุ้ม จุดเด่นของร้าน คือ การตกแต่งร้านที่เน้นสไตล์ธรรมชาติ แลมีการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ปลาหมึก กุ้ง เบคอน หรือหอยแมลงภู่ พร้อมมีน้ำจิ้ม 2 แบบให้เลือก คือ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด และน้ำจิ้มแบบสุกี้ สูตรพิเศษจากทางร้าน

เมนูของร้านมีให้เลือกถึง 39 เมนู ได้แก่ ชาบูบุพเฟ่ต์จากเนื้อหมู สันคอหมูสไลด์ เนื้อวัว อาหารทะเล ผักสดที่หลากหลาย และวัตถุดิบอื่นๆ สามารถตักได้เรื่อยๆ จนอิ่มเพลินใจ และยังมีเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น พร้อมกับไอศกรีมแสนอร่อยอีกด้วย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 259 บาท ต่อคน และนั่งทานได้แบบไม่จำกัดเวลา

  • ที่อยู่ : 89 Home Village ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร ซ.งามวงศ์วาน 52 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร   

กรุงเทพมหานคร  10900

4. ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน

ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน เป็นร้านอาหารประเภทผัดกะเพรา และอาหารจานเดียว จุดเด่นของร้าน คือ เป็นร้านของกิน ม.เกษตรที่ให้ปริมาณเยอะ อร่อยแบบคุ้มจุใจ วัตถุดิบมีคุณภาพ และมีเมนูผัดกะเพราที่อร่อยๆ ให้เลือก เช่น กะเพราไก่ กะเพราหมู กะเพราปลาหมึก ฯลฯ แถมราคายังเป็นมิตรกับนักศึกษา และคนทั่วไปอีกด้วย

เมนูยอดฮิตที่ควรลอง ได้แก่

  • ข้าวกะเพราไก่ทอด เป็นเมนูที่ใครหลายคนชอบ เนื่องจากเมนูนี้มีรสชาติเผ็ดพอดี มีกลิ่นหอมของใบกะเพราสดบวกกับเนื้อไก่นุ่มๆ เมื่อได้รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ แล้ว บอกเลยว่าอร่อยเข้ากันสุดๆ
  • ข้าวกะเพราหมูกรอบ เป็นเมนูยอดฮิตที่นักศึกษา และคนทั่วไปชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความกรอบอร่อยของเนื้อหมู และมีรสชาติที่กลมกล่อม
  • ข้าวหมูทอดผัดพริกเกลือ เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อยแบบหวานนำ พร้อมกับมีกลิ่นหอมของใบมะกรูดชวนน่ารับประทาน
  • ข้าวกะเพราปลาหมึก เป็นเมนูที่มีความอร่อยมากเลยทีเดียว เนื่องจากมีความนุ่มอร่อยจากปลาหมึก ที่ผัดเข้ากันกับเครื่องปรุง พร้อมกลิ่นหอมของใบกะเพรา

หากใครที่ชื่นชอบเมนูอร่อยเผ็ดๆ แบบไทย หรืออยากอิ่มอร่อยแบบคุ้มค่า ก็ไม่ควรพลาดในการมาเช็กอิน แวะรับประทานอาหารที่ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน เพราะเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่รอเสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกๆ คน

  • ที่อยู่ : 8/49, ซอยงามวงศ์วาน 54 แยก 5 ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพมหานคร 
  • เบอร์โทร : 091-2217088
  • พิกัด : ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน 
  • เวลาเปิด-ปิด :  วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09:00-18:00 น.
Hotto Bun

5. Hotto Bun

Hotto Bun เป็นร้านอาหารประเภทกึ่งคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ถูกใจนักศึกษา และใครหลายๆ คน จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูอร่อยๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่หลากหลายให้ได้เลือกทาน มีการเลือกสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สะอาด และภายในร้านมีบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง ดูร่มรื่น สบายตา

เมนูยอดฮิตแสนอร่อย ได้แก่

  • เบอร์เกอร์สไตล์ญี่ปุ่น (ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 100 บาท) เป็นเบอร์เกอร์ที่มีความอร่อยไม่เหมือนใคร เพราะทำจากแป้งบันที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ไม่มีการใส่ผงฟู
  • บันไก่กรอบ (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เป็นเมนูไก่กรอบที่เต็มไปด้วยเนื้ออกไก่ และมีความนุ่มจากแป้งบันที่ห่ออกไก่ มีรสชาติความอร่อยที่ลงตัวแบบกรอบนอกนุ่มใน บวกกับซอสสูตรเข้มข้นของทางร้าน
  • บันหมูตุ๋น (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เป็นเมนูที่มีความนุ่มอร่อยจากหมูตุ๋น มีรสชาติที่หวาน มัน เข้ม เคี้ยวง่าย น่ารับประทาน
  • ซาลาเปาชีสยืด (มีราคาเริ่มต้น 39 บาท) เป็นซาลาเปาที่มีความนุ่มละมุน และมีชีสยืดยาวแบบร้อนๆ บอกได้คำเดียวว่าอร่อย
  • สลัดปูนิ่ม (ราคาเริ่มต้น 100 บาทขึ้นไป) เป็นเมนูยอดฮิตที่มีความอร่อยสไตล์คนที่รักสุขภาพ ใช้ผักสลัดที่สะอาด ปลอดภัย มาพร้อมมีความกรอบอร่อยของปูนิ่ม กับน้ำซอสรสชาติเปรี้ยวหวาน
  • ไก่ทอดดังโงะซอสเผ็ด (ราคาเริ่มต้น 100 บาทขึ้นไป) เป็นเมนูที่มีความอร่อยแบบกรอบนอกนุ่มในจากแป้งบัน เมื่อรับประทานควบคู่กับซอสสูตรเฉพาะของทางร้านแล้ว บอกได้เลยว่าลงตัวสุดๆ

นอกจากนี้ Hotto Bun  ยังมีเมนูของทานเล่นเครื่องดื่ม ของหวาน และมีอยู่อีกหลายสาขา หากใครที่อยู่ใกล้บริเวณสาขานั้นๆ ก็สามารถแวะรับประทานอาหารความอร่อยแบบสไตล์ญี่ปุ่นได้เลย

  • ที่อยู่ : 50 ซอย สุวรรณวาวกสิกิจ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 096-7171608, 086-3270271 
  • พิกัด : Hotto Bun ม.เกษตร
  • เวลาเปิด-ปิด :เปิดทุกวัน เวลา 09:00 -20:00 น.

6. Bar B.Q. Terrace

Bar B.Q. Terrace เป็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์หมูกระทะสัญชาติไทย ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่มีราคาประหยัดสุดคุ้ม และไม่ควรพลาดที่จะมาแวะรับประทาน จุดเด่นของร้านแห่งนี้ คือ มีวัตถุดิบหลากหลายให้เลือกตักได้ตามความพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ลูกชิ้น ไส้กรอก อาหารทะเล หอยแมลงภู่ กุ้ง พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดให้เลือกถึง 2 แบบ ได้แก่ น้ำจิ้มรสหวานนิดๆ ทั่วไป และน้ำจิ้มซีฟู้ด อีกทั้งมีเมนูยำ ของทอด ขนมจีน ของหวาน ไอติม เครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหายความร้อน รวมถึงบรรยากาศร้านที่ดูสวย สะอาด ไม่แออัด อากาศถ่ายเทได้สะดวก 

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อย ได้แก่

  • บุฟเฟ่ต์หมูกระทะ (ราคาเริ่มต้น 239 บาท) ลูกค้าสามารถเลือกน้ำจิ้มรสเด็ดได้ถึง 2 แบบ และเลือกตักวัตถุดิบตามใจชอบ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ
  • ของหวาน เช่น น้ำแข็งใส สาคู ลอดช่อง ไอติม ขนมโตเกียว และผลไม้ 
  • เครื่องดื่ม น้ำอัดลม ให้ได้ดื่มเพื่อดับกระหาย 
  • ยำ ส้มตำแซ่บๆ รับประทานควบคู่กับบุฟเฟต์

หากใครรักการกินหมูกระทะมากๆ ควรแวะมาที่ร้าน Bar B.Q. Terrace สักครั้ง เพราะเป็นร้านบุฟเฟต์หมูกระทะราคาประหยัดสุดคุ้ม มีของว่าง และอาหารทานเล่นอื่นๆ ให้ได้รับประทานมากมาย ถ้าคุณมาทานกับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว รับรองว่าคุ้ม อิ่ม อร่อยจนต้องบอกต่อ 

  • ที่อยู่ : ซอย พหลโยธิน 41 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (ร้านอยู่ในซอยพหลโยธิน 41 เข้าในซอยเพียง 20 เมตร) 
  • เบอร์โทร : 082-855-6644 
  • พิกัด : Bar B.Q. Terrace
  • เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 16:00-23:00 น.
Shinkanzen Sushi

7. Shinkanzen Sushi

Shinkanzen Sushi เป็นร้านอาหารประเภทซูชิ แซลมอน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรสไตล์ญี่ปุ่นที่มีรสชาติอร่อย จุดเด่นของร้าน Shinkanzen Sushi คือ มีราคาประหยัดถูกใจใครหลายๆ คน เพียงแค่คุณมีเงิน 11 บาท ก็เริ่มรับประทานอาหารที่ร้านนี้ได้ทันที แถมยังมีเมนูให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นซูชิปูอัด ราเมน ซูชิโรล ยำแซลมอนซีฟู้ด สลัดแซลมอน เป็นต้น

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อย ได้แก่

  • ซูชิแบบคำ (ราคาเริ่มต้นคำละ 11 บาท) เป็นเมนูที่ประหยัดมากๆ สามารถเลือกจำนวนชิ้นได้ตามใจชอบ เช่น ซูชิไข่กุ้ง ซูชิเต้าหู้ทอด ซูชิสลัดทูน่า ซูชิมายองเนสปูอัด ซูชิแมงกะพรุนปรุงรส ซูชิปูอัด ซูชิไข่หวาน  ซูชิยำสาหร่าย ซูชิครีมหอยเชลล์ปรุงรส และซูชิสลัดไข่หวาน
  • ซาชิมิแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) แซลมอนชิ้นโต 6 ชิ้น รสชาติอร่อย กลมกล่อม มาพร้อมขิงดองและซอสโชยุ เหมาะกับคนที่ชอบทานซาซิมิในราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไป
  • ซาชิมิปูอัด (ราคาเริ่มต้น 55 บาท) เมนูอร่อยกำลังดี และมีราคาประหยัด
  • แซลมอนสไปซี่โรล (ราคาเริ่มต้น 149 บาท) เมนูยอดฮิตของทางร้าน มาพร้อมรสชาติอร่อยแบบแซ่บคำโต อิ่มจุใจ

นอกจากนี้ Shinkanzen Sushi มีอยู่ถึง 30 สาขา หากใครอยู่ใกล้สาขาไหน อย่าลืมไปลิ้มลองรสชาติความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกติดใจ อร่อยจนต้องบอกต่อ

  • ที่อยู่ : 85 ถนน งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 097-1314634
  • พิกัด : Shinkanzen Sushi
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

8. MaxBeef Yakiniku

MAXBeef Yakiniku ร้านอาหาร ของกินม.เกษตรประเภทชาบู และปิ้งย่าง จุดเด่นของร้าน คือ เป็นร้านสไตล์ชาบู ปิ้งย่างที่มีวัตถุดิบหลากหลาย และมีคุณภาพระดับพรีเมียม เช่น เนื้อหมู สันคอหมู เนื้อวัว เนื้อสะโพกนอกไทยวากิว ไส้กรอก ผักต่างๆ เป็นต้น อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มรสเด็ด และน้ำซุปจากทางร้านที่อร่อยถูกใจ

เมนูยอดฮิตของทางร้านเป็นประเภทของเนื้อ ลูกค้าสามารถเลือกตามความชอบ โดยทางร้านจะบริการเนื้อเป็นแพ็ก ทำให้ราคาจะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำหนักของเนื้อ ได้แก่

  • เนื้อสะโพกนอกไทยวากิว (170 กรัม ราคา 119 บาท )
  • ซี่โครงวากิว (130 กรัม ราคา 286 บาท)
  • เนื้อหมู (100 กรัม มีราคา 100 บาท)
  • ริบอาย (250 กรัม มีราคา 238 บาท)
  • สันสะโพก( 180 กรัม มีราคา 126 บาท

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีบริการเนื้อให้เลือกแบบบุฟเฟต์ ซึ่งเน้นเนื้อโคขุนเป็นหลัก โดยมีราคาอยู่ที่ 369 บาท/ 699 บาท/ และ 1,299 บาท และยังมีขนมหวานให้ได้รับประทาน หากใครอยากมาสัมผัสรสชาติความอร่อย ก็อย่าพลาดที่จะมาร้าน MaxBeef Yakiniku เพราะถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ควรลอง

  • ที่อยู่ : 50 ถนนงามวงษ์วาน, KU Avenue มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร  
  • เบอร์โทร : 088-2492322
  • พิกัด : MaxBeef Yakiniku
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-21:00 น.

9. Salmon King Sushi Bar

Salmon King Sushi Bar เป็นร้านอาหารประเภทแซลมอน และซูชิ สไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของร้านเด็ด ม.เกษตรแห่งนี้ คือ มีเมนูให้เลือกมากมาย วัตถุดิบคุณภาพดี แซลมอนเนื้อแน่นราคาประหยัด และไม่แพงจนเกินไป เริ่มต้นเพียงแค่ 12 บาท เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาสุดๆ

เมนูยอดฮิตของร้านอาหารแห่งนี้ได้แก่

  • ซูชิแบบคำ (ราคาเริ่มต้น 12 บาท) เป็นเมนูที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นอย่างมาก สามารถเลือกจำนวนชิ้นได้ตามความพอใจ เช่น ซูชิไข่หวาน ซูชิไข่กุ้ง ซูชิปลาแซลมอน เป็นต้น
  • แซลมอนโรล อโวคาโดครีมชีส (ราคาเริ่มต้น 140 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากแตงกวา อะโวคาโด แซลมอน ไข่ปลา ไข่หวาน พร้อมเพิ่มความอร่อยด้วยครีมซอส
  • แซลมอนคิงสไปซี่สลัด (ราคาเริ่มต้น 180 บาท ) เมนูสลัดแซลมอนแบบหั่นเต๋า บวกกับอะโวคาโด มะม่วงสุกอมเปรี้ยว ราดด้วยน้ำยำทำให้มีรสชาติเปรี้ยวหวาน น่ารับประทาน
  • แซลมอนโรลซอสสไปซี่ (ราคาเริ่มต้น 120 บาท) ข้างในโรลมีแตงกวา ไข่หวาน และแซลมอนห่ออยู่ด้านนอก 5 ชิ้นใหญ่ พร้อมเพิ่มความอร่อยด้วยซอสสไปซี่

หากใครชื่นชอบเมนูอร่อยๆ สไตล์ญี่ปุ่น ไม่ควรพลาดมาลิ้มลองแซลมอน และซูชิที่ร้าน Salmon King Sushi Bar ซึ่งเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ

  • ที่อยู่ : อาคารจอดรถงามวงศ์วาน 1 มหาลัยเกษตรศาสตร์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 083-2508715
  • พิกัด : Salmon King Sushi Bar 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-20:00 น.
ย่างเนย

10. ย่างเนย

ย่างเนยเป็นร้านอาหารของกิน ม.เกษตรประเภทชาบู บุฟเฟต์ จุดเด่นของร้าน คือ มีความอร่อย ราคาไม่แพงมาก ประหยัดเงินในกระเป๋า มีวัตถุดิบให้เลือกตามใจชอบ เช่น เบคอน เนื้อโคขุน อาหารทะเล เนื้อหมูสไลด์ ผักสด และมีน้ำจิ้มรสเด็ดให้เลือกถึง 4 รส พร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆ บรรยากาศภายในร้านมีความเย็นสบาย ลูกค้าสามารถเติมวัตถุดิบได้ตลอดจนอิ่ม หากรับประทานเหลือทางร้านก็ไม่มีการปรับอีกด้วย

เมนูยอดฮิตของร้านจะเป็นการที่ลูกค้าเลือกประทานอาหารในชุดบุฟเฟต์ ราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาท ซึ่งวัตถุดิบที่ลูกค้าเลือกได้ คือ

  • เนื้อหมูสไลด์ หมูสามชั้น หมูเด้ง เนื้อโคขุน เนื้อของทางร้านที่มีความนุ่ม และมีความอร่อย
  • เครื่องใน เพิ่มความอิ่มในบุฟเฟต์
  • ปลาหมึก กุ้ง ปูอัด อาหารทะเลของทางร้านสำหรับคนที่ชอบรับประทาน
  • เบคอน ไส้กรอก เต้าหู้ เพิ่มความหลากหลายให้กับบุพเฟต์
  • กะหล่ำปลี แครอท คะน้า ผักบุ้ง เห็ดเข็มทอง ผักสดที่ขาดไม่ได้ในการทานบุฟเฟต์
  • ไข่ไก่ เสริมความอร่อยในน้ำซุป
  • เนย เพิ่มความหอมอร่อย

นอกจากนี้ทางร้านยังมีของหวาน ไอศครีม ยำบะหมี่ เฟรนช์ฟรายส์ ให้ลูกค้ารับประทานเพื่อดับความเผ็ดร้อนอีกด้วย ทำให้ร้านย่างเนยเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่น่ามาลิ้มลอง

  • ที่อยู่ : 1979/2 ตลาดมดแดง ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 089-3542566
  • พิกัด : ย่างเนย ม.เกษตรบางเขน
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 15:00-23:30 น.
โอยั๊วะ Homemade

11. โอยั๊วะ Homemade

โอยั๊วะเป็นร้านอาหารประเภทข้าวแกงแบบไทยๆ ที่น่าสนใจ และเป็นร้านเด็ดม.เกษตร ที่น่าทานสุดๆ จุดเด่นของร้าน โอยั๊วะ Homemade คือ มีเมนูอร่อยให้ได้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้มยำ ลาบ ข้าวแกง ข้าวผัด ข้าวต้ม น้ำพริก และมีเมนูเครื่องดื่ม ของหวานให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าอิ่มอร่อย ครบครัน ในที่เดียว อีกทั้งบรรยากาศภายในร้านก็เย็นสบาย ปลอดโปร่ง มีความสวยงามสไตล์ย้อนยุค

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อย ได้แก่

  • แกงเลียงกุ้งสด (ราคาเริ่มต้น 159 บาท) เมนูที่มีความหอมอร่อยจากเครื่องสมุนไพรไทย บวกกับกุ้งชิ้นโตๆ เต็มคำ และความเข้มข้นของน้ำแกง รับประกันความอร่อยแบบเผ็ดนัวไม่ควรพลาด
  • น้ำพริกแจ๋วโอยั๊วะ (ราคาเริ่มต้น 159 บาท ) เป็นน้ำพริกสูตรเฉพาะจากทางร้าน เสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม ผักสด และผักลวกปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพสุดๆ
  • ข้าวราดกะเพราหมูคั่วแห้งไข่ข้น (ราคาเริ่มต้น 129 บาท ) เมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อหมูคั่ว บวกกับมีความหอมจากใบกะเพรา และไข่ข้นวางอยู่ข้างบนข้าวสวยร้อนๆ
  • เมี่ยงคำ (ราคาเริ่มต้น 159 บาท) เมนูความอร่อยจากเครื่องสมุนไทย ถั่วลิสง กุ้งแห้ง หมี่ขาว มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด หวาน มัน เมื่อรับประทานควบคู่กับใบชะพลูแล้วยิ่งดีต่อร่างกาย เพราะช่วยขับลม
  • ไข่พะโล้คุณยาย (ราคาเริ่มต้น 129 บาท) เมนูหอมหวานอร่อยจากเครื่องปรุงเข้มข้น และเนื้อหมูนุ่มๆ พร้อมกับไข่ต้มลูกโตเต็มคำ

เห็นเมนูกันไปแล้วคงเรียกได้ว่า โอยั๊วะ Homemade เป็นร้านเด็ดม.เกษตรที่มีความอร่อยไม่เหมือนใคร และทุกคนควรแวะมาลองกันสักครั้ง

  • ที่อยู่ : 47/1 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 
  • เบอร์โทร : 083-9425888
  • พิกัด : โอยั๊วะ Homemade 
  • เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 08:30-23:00 น.

12. ข้าวมันไก่เจ้อ้วน

ข้าวมันไก่เจ้อ้วน เป็นร้านอาหารประเภทจานเดียว และอาหารตามสั่ง จุดเด่นของร้านข้าวมันไก่เจ้อ้วน คือ มีเมนูให้เลือกรับประทานหลากหลาย ราคาประหยัด ข้าวมีความหอมมัน เนื้อไก่มีความสดใหม่ เนื้อแน่น และนุ่ม น้ำซุปของทางร้านก็อร่อย กลมกล่อม น้ำจิ้มมีรสชาติดี รวมทั้งเป็นร้านที่ได้รับความนิยมจากนักศึกษาม.เกษตร ถูกใจใครหลายๆคน  และที่สำคัญทางร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ถ้ารู้สึกหิวตอนไหน ก็สามารถแวะไปได้ตลอด

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ข้าวมันไก่ธรรมดา (ราคาเริ่มต้น 35-50 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยแบบไม่ธรรมดา เนื่องจากเนื้อไก่มีความนุ่ม บวกกับข้าวหอมมันพอดี จึงทำให้มีรสชาติที่ลงตัว อร่อยเกินคุ้ม
  • ข้าวมันไก่ทอด (มีราคาเริ่มต้น 35-50 บาท) เป็นเมนูมีความอร่อยจากเนื้อไก่แน่นๆ กรอบนอกนุ่มใน ยิ่งราดน้ำจิ้มลงไป ยิ่งทำให้รู้สึกกรอบอร่อย

ข้าวมันไก่เจ้อ้วนเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่ทุกคนควรมารับประทาน เนื่องจากให้ปริมาณคุ้มราคา อร่อย มีคุณภาพดี จึงเป็นร้านถูกใจสำหรับนักศึกษานั่นเอง

  • ที่อยู่ : ซอย พหลโยธิน 32/1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 089-7712145, 094-9595956 
  • พิกัด : ข้ามมันไก่ เจ้อ้วน
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

13. Kuma Shabu

Kuma Shabu เป็นร้านอาหารประเภทสุกี้ ชาบู และบุฟเฟต์ จุดเด่นของร้าน คือ ความอร่อย ราคาไม่แพง มีวัตถุดิบให้เลือกรับประทานได้ตามใจชอบ มีน้ำซุปรสชาติอร่อยให้เลือกถึง 2 แบบ คือ ซุปน้ำดำ และซุปน้ำใส อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มรสชาติกำลังดี เป็นร้านที่นิยมสำหรับใครหลายๆ คน เรียกได้ว่าเป็นร้านชาบูของกิน ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด

เมนูยอดฮิตของทางร้านเป็นชุดบุฟเฟต์ชาบูในราคา 199 บาท และ 299 บาท โดยสามารถเลือกวัตถุดิบได้ ดังนี้

  • หมูสามชั้น เป็นเนื้อหมูที่มีความอร่อยแบบติดมัน
  • เนื้อหมูสไลด์ เป็นเนื้อหมูแผ่นบาง แต่มีความอร่อยนุ่มละมุนลิ้น
  • สันคอหมู เป็นชิ้นเนื้อที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับบุฟเฟต์ 
  • หมูเด้ง เป็นเนื้อหมูที่มีความนุ่ม เด้ง เคี้ยวง่าย
  • ตับหมู เครื่องในหมูสำหรับคนที่ชอบทาน
  • ไก่นุ่ม เนื้อไก่เน้นๆ เต็มคุณภาพ
  • ปลาหมึก กุ้ง วัตถุดิบอาหารทะเลที่มีความอร่อย และขาดไม่ได้ในชุดบุฟเฟต์ชาบู 
  • วุ้นเส้น อร่อยแบบนุ่มๆ เคี้ยวง่าย เมื่อราดกับน้ำจิ้มรสเด็ดของทางร้านก็ยิ่งอร่อย
  • ลูกชิ้นปลา ไส้กรอก วัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มความอิ่มอร่อย
  • ผักต่างๆ เช่น แครอท ผักบุ้ง คะน้า กะหล่ำปลี เห็ด ช่วยเพิ่มความอร่อย และสีสันของบุฟเฟต์ให้น่าทาน

นอกจากนี้ ทางร้าน Kuma Shabu ยังมีเมนูของทานเล่น เช่น ไอศกรีม ทาโกะยากิ ที่มาช่วยให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่สายบุฟเฟต์ชาบูต้องลอง

  • ที่อยู่  :  2137/10-11 64 ซอยงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 065-6038066
  • พิกัด : Kuma Shabu 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:30-22:00 น.
FitB - Fuel in the Blank

14. FitB – Fuel in the Blank

FitB – Fuel in the Blank เป็นร้านอาหารประเภทคาเฟ่ เบเกอรี ขนมหวาน จุดเด่นของร้าน คือ การใช้วัตถุดิบคุณภาพในการทำเครื่องดื่ม และเบเกอรี จึงทำให้เมนูต่างๆ ของทางร้านมีรสชาติที่อร่อย ชวนน่ารับประทาน ถูกใจนักศึกษา และใครอีกหลายคน รวมถึงบรรยากาศของร้านที่เงียบสงบ ร่มรื่น ภายในร้านมีการดีไซน์ตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์ธรรมชาติ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • Caramel Macchiato – คาราเมล มัคคิอาโต (ราคาเริ่มต้น 115 บาท) เครื่องดื่มกาแฟรสชาติอร่อยเข้มข้น มีส่วนผสมของนมสด น้ำเชื่อมวานิลลา ซอสคาราเมล และเอสเปรสโซ่ เมื่อผสมเข้ากันแล้วทำให้มีรสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่หวานจนเกินไป แถมยังมีกลิ่นหอมจากคาราเมล
  • Strawberry Smoothies – สตรอเบอร์รี่ สมูทตี้ (ราคาเริ่มต้น 95 บาท) เครื่องดื่มผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยว หวาน จากเนื้อสตรอเบอร์รี่ ปั่นเย็นแบบฉ่ำๆ ด้านบนตกแต่งด้วยลูกสตรอเบอร์รี่สีแดงสด
  • Cappuccino – คาปูชิโน่ (ราคาเริ่มต้น 75 บาท) เครื่องดื่มกาแฟรสชาติอร่อยหวานมัน เข้มข้น มีกลิ่นหอมกรุ่น บวกกับฟองนมสีขาวอุ่นๆ ถือเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตถูกใจใครหลายๆ คน
  • Mocha – มอคค่า (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เครื่องดื่มกลิ่นหอมช็อกโกแลต รสชาติกลมกล่อม หวานละมุนจากส่วนผสมของนมสด และช็อกโกแลต
  • Latte – ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เครื่องดื่มที่มีความขมเพียงเล็กน้อยจากกาแฟ แต่มีความอร่อยแบบหวานมัน กลมกล่อม และเข้มข้น มีฟองนมด้านบนชวนให้น่าดื่ม

FitB – Fuel in the Blank เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่มีเครื่องดื่ม และเบเกอรีสุดอร่อยไม่เหมือนใคร ใครที่เป็นสายคาเฟ่ต้องไม่พลาดแวะมาลิ้มลอง

  • ที่อยู่ : 8, 88 ถนน งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 02-9413341, 086-6565169 
  • พิกัด : FitB – Fuel in the Blank
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-20:00 น.

15. Kumaden Sushi

Kumaden  Sushi เป็นร้านอาหารประเภทซูชิ แซลมอน จุดเด่นของร้าน Kumaden Shshi คือ มีวัตถุดิบระดับคุณภาพดีเยี่ยม มีเมนูหลากหลายให้เลือก ราคาประหยัด อิ่มเกินคุ้ม สมราคา อีกทั้งยังมีบรรยากาศภายในร้านที่สะอาด โล่งสบาย จึงเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่ถูกใจนักศึกษา

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ซูชิแบบคำ (ราคาเริ่มต้น 12 บาท) เมนูที่มีราคาประหยัด และอิ่มเกินคุ้ม เช่น ซูชิไข่กุ้ง ซูชิปูอัด ซูชิแมงกะพรุน ซูชิหอยเซลล์ 
  • แซลมอนซาชิมิ (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) เมนูที่มีความนุ่ม หวาน อร่อยของแซลมอน เมื่อรับประทานกับซอสโซยุก็ยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น
  • ข้าวหน้าแซลมอนอิคุระ (ราคาเริ่มต้น 159) เป็นเมนูที่มีความอร่อย กลมกล่อม
  • ข้าวหน้าแซลมอนไข่กุ้ง  (ราคาเริ่มต้น 139 บาท) เมนูที่มีความอร่อย หวาน นุ่มลิ้น
  • โรลแซลมอนครีมชีส (ราคาเริ่มต้น 159 บาท) มีความอร่อยของเกล็ดเทมปุระ บวกกับรสชาติของชีส ที่ละมุนเข้ากันดีมากๆ

ร้าน Kumaden Sushi เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่เหมาะกับคนที่รักการทานซูชิ เพราะมาตรฐานของทางร้านมีความสดใหม่ และสะอาด หากใครที่อยากลองซูชิอร่อยๆ ก็อย่าลืมแวะมาที่ Kumaden Sushi กัน เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด

  • ที่อยู่  : 89 ซอยงามวงศ์วาน 52 แยก 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 096-7375249
  • พิกัด : Kumaden  Sushi
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:30-21:30 น.
Nori Sushi Bar

16. Nori Sushi Bar

Nori Sushi Bar เป็นร้านอาหารประเภทซูชิ แซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของร้านอยู่ที่วัตุดิบคุณภาพดี มีความสดอร่อยราคาประหยัด และมีเมนูให้เลือกหลากหลาย อร่อยถูกใจใครหลายคน ส่วนบรรยากาศภายในร้านมีความสวยงามสไตล์ญี่ปุ่น ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ต้องไปลอง

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • สลัดหนังปลาแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 200-300 บาท ) เมนูอร่อยจากหนังปลาคลุกน้ำมันงา ตัวหนังปลาอร่อยกำลังดี น้ำสลัดมีรสชาติเปรี้ยวหวาน ยิ่งทานได้ทานกับแซลมอน บวกกับผักสด และราดด้วยน้ำสลัด ยิ่งอร่อยเข้ากันสุดๆ
  • ข้าวผัดแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 130 บาท) เมนูข้าวญี่ปุ่นผัดกับแซลมอน ทำให้มีรสชาติอร่อยแบบกลมกล่อม มีความหอมไปด้วยเครื่องปรุง ชวนน่ารับประทาน
  • ข้าวหน้าไก่ย่างซีอิ๊ว (มีราคาเริ่มต้น 130 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยข้าวญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความหอมจากงาคั่ว และเนื้อไก่ย่างสุกเกรียม พร้อมอร่อยขึ้นด้วยการราดซอสเทริยากิ

Nori Sushi Bar เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความอร่อย ทุกคนควรแวะมาทานสักครั้ง รับรองว่าต้องติดใจ

  • ที่อยู่ : 50, ซอยสุวรรณวาจกกสิกิจ ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพมหานคร
  • เบอร์โทร : 085-0616633
  • พิกัด : Nori Sushi Bar
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

17. Yuujou Ramen Kaset

Yuujou Ramen Kaset เป็นร้านอาหารประเภทราเมนสไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของร้าน คือ มีวัตถุดิบคุณภาพดี มีเมนูที่หลากหลายให้เลือกรับประทาน จนคุณอาจเลือกไม่ถูก แถมยังมีราคาที่ย่อมเยาว์ อีกทั้งน้ำซุปของทางร้านมีรสชาติกำลังดี รับรองได้ว่าอิ่มอร่อยเกินคุ้ม

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ราเมนปลาแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 100 บาท) มีความอร่อยด้วยเนื้อปลาแซลมอน และเส้นราเมนนุ่มๆ  ราดด้วยน้ำซอสเข้าไป ทำให้มีความอร่อยกลมกล่อม
  • ราเมนหมูเกาหลี (ราคาเริ่มต้น 72 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อหมูบวกกับเส้นราเมนนุ่มๆ มีกลิ่นหอมจากงา และผักทำให้มีรสชาติ และสีสันน่ารับประทาน
  • ราเมนหมูตุ๋น (ราคาเริ่มต้น 85บาท) รสชาติหวานมัน หอมอร่อยจากหมูตุ๋น และเส้นนุ่มๆ ของราเมน
  • เทริยากิรสเมน (ราคาเริ่มต้น 82 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเส้นราเมนนุ่มๆ บวกกับผักแครอท กะหล่ำปลี ราดด้วยน้ำซอส เพิ่มความอร่อยได้อย่างลงตัว
  • ราเมนแกงกะหรี่กุ้งเทมปุระ (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) มาพร้อมความอร่อยของกุ้งทอดกรอบคำโต บวกกับน้ำซุปจากเครื่องปรุงรสเน้นๆ อร่อยจนติดใจ

หากใครอยากมารับประทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่นน่ารักๆ และราคาประหยัดเงินในกระเป๋า ก็แวะมาที่ร้าน Youujou Ramen Kaset ยกให้เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่พร้อมมอบความอร่อยให้คุณ

  • ที่อยู่ : 177 ถนน งามวงศ์วาน (ปากซอยงามวงศ์วาน 58), ลาดยาว, จตุจักร 10900
  • เบอร์โทร : 095-2922565
  • พิกัด : Youujou Ramen Kaset 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-20:00 น.
ชาบู ชาบู นางใน

18. ชาบู ชาบู นางใน

ชาบู ชาบู นางใน เป็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ชาบู จุดเด่นของร้าน คือ มีความอร่อย น่ารับประทาน มีวัตถุดิบหลากหลายให้เลือก พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด และน้ำซุป 3 รส ได้แก่ ซุปน้ำดำ น้ำใส และน้ำข้น แถมราคาสบายกระเป๋า ทานได้จนรู้สึกอิ่มแบบไม่จำกัดเวลา

เมนูยอดฮิตของทางร้านเป็นชุดบุฟเฟต์ชาบูในราคาเริ่มต้น 299 บาท โดยสามารถเลือกวัตถุดิบในทานได้ ดังนี้

  • ชีส เพิ่มความอร่อยฟิน แบบยืดๆ ให้กับชาบู
  • หมูสามชั้นสไลด์ เนื้อบางๆ ที่มีความนุ่ม เคี้ยวเพลิน
  • สันคอหมู ชิ้นเนื้อแน่นๆ อร่อย น่ารับประทาน
  • หมูเด้ง เนื้อหมูที่มีความนุ่ม เด้ง ทานง่าย อร่อยมากๆ เมื่อทานกับน้ำจิ้ม
  • เนื้อลาย เป็นเนื้อที่มีความอร่อย ยิ่งได้ทานกับน้ำจิ้มของทางร้านก็ยิ่งอร่อย
  • เบคอน เนื้อมีความนุ่ม อร่อยติดมัน 
  • กุ้งสด กุ้งคำโตๆ อร่อยเน้นๆ เป็นวัตถุดิบที่ต้องมีในชุดบุฟเฟต์
  • วุ้นเส้น มีความเหนียว นุ่ม
  • เต้าหู้ เพิ่มรสชาติความอร่อย และความกลมกล่อมให้กับน้ำซุป
  • ลูกชิ้น เพิ่มความอิ่มอร่อย
  • ไข่ไก่ ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับน้ำซุปมากยิ่งขึ้น
  • ผักสด ช่วยเพิ่มสีสันความอร่อย ให้กับบุฟเฟต์

ร้านชาบู ชาบู นางใน เป็นอีกหนึ่งร้านของกิน ม.เกษตร ที่มีความอร่อยแตกต่างจากที่อื่น และควรแวะมาลิ้มลองความอร่อยที่อาจทำให้คุณติดใจสักครั้ง

  • ที่อยู่ : ถนน วิภาวดี-รังสิต กรุงเทพมหานคร (เข้าจากซอยวิภาวดี 42 ประมาณ 300 เมตร ร้านอยู่ขวามือ)
  • เบอร์โทร : 096-1921328, 094-8595155 
  • พิกัด : ชาบู ชาบู นางใน 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

19. ข้าวผัดปูเมืองทอง 

ข้าวผัดปูเมืองทอง เป็นร้านอาหารประเภทข้าวผัด หมูย่าง อาหารจานเดียว จุดเด่นของร้าน คือ มีสูตรความอร่อยเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร มีเมนูที่อร่อยๆ ให้เลือกจากทางร้านมากมายในราคาประหยัดเกินคุ้ม บรรยากาศภายในร้านโล่ง สบาย และสะอาดตา 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ข้าวผัดปู (ราคาเริ่มต้น 55-75 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อปูแน่นๆ เนื้อปูมีความสดใหม่
  • กระเพาะปลาน้ำแดง (ราคาเริ่มต้น 45-75 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยน้ำแดงหนืดสูตรของทางร้าน มีรสชาติหวานกำลังดี กลมกล่อมอย่างลงตัว
  • กุ้งอบวุ้นเส้น (ราคาเริ่มต้น 130 บาท ) เป็นเมนูที่มีความหอม อร่อย เส้นนุ่มอบร้อนๆ ทานง่าย  
  • สุกี้แห้ง (มีราคาเริ่มต้น 55-75 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเส้นนุ่มๆ บวกกับน้ำจิ้มสุกี้ที่มีรสชาติอร่อย เข้มข้น ทานแล้วต้องติดใจ
  • หมูสะเต๊ะ 10 ไม้ (มีราคาเริ่มต้น 55 บาท ) เมนูเนื้อหมูหมักด้วยเครื่องปรุงรสสูตรของทางร้าน ปิ้งจนเหลืองสุก ทำให้มีกลิ่นหอม รสชาติหวานมัน อร่อยน่ารับประทาน

ร้านข้าวผัดปูเมืองทอง เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่มีสูตรความอร่อยแบบราคาประหยัด อิ่มเกินคุ้ม และเป็นร้านที่ได้รับความนิยมของใครหลายๆคน เเพราะมีความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

  • ที่อยู่ : 369 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
  • เบอร์โทร : 082-9720880 
  • พิกัด : ข้าวผัดปูเมืองทอง
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:30-22:00 น. 

20. T&N Steak P’โหน่ง

T&N Steak P’โหน่ง เป็นร้านอาหารประเภทสเต็ก จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูหลากหลายให้ได้เลือกรับประทานจนคุณรู้สึกอิ่ม ราคาไม่แพง อีกทั้งวัตถุดิบทางร้านสด สะอาด คุณภาพดี ถูกใจนักศึกษาและใครอีกหลายๆคน

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • มันบด (ราคาเริ่มต้น 50 บาท) มันบดละเอียด เนื้อเนียนนุ่ม เพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้นด้วยการราดน้ำเกรวี่ลงไป
  • สเต็กหมู (ราคาเริ่มต้น 100 บาท) เป็นเมนูสเต็กหมูเนื้อนุ่ม และมีความหอมอร่อยสุกกำลังพอดี 
  • สเต็กไก่ (ราคาเริ่มต้น 100 บาท) เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม ด้วยเนื้อไก่หมักนุ่ม 
  • สเต็กไก่แซนด์คิง (ราคาเริ่มต้น 140 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากสเต็กไก่ย่างหอมๆ บวกกับชีส และเบคอนที่ช่วยเพิ่มความอร่อยแบบควบคู่กัน
  • ไก่บาร์บีคิว (ราคาเริ่มต้น 100บาท ) อิ่มอร่อยด้วยสะโพกไก่ชิ้นโต เนื้อไก่มีความนุ่มละมุน สุกกำลังดี อร่อยชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสบาร์บีคิว
  • มิกซ์กริล (ราคาเริ่มต้น 135 บาท) สเต็กไก่ทอดแบบกรอบนอกนุ่มใน บวกกับไส้กรอก แฮม ราดด้วยน้ำซอสเข้มข้นอร่อยเข้ากัน
  • ผักโขมอบชีส (มีราคาเริ่มต้น 100 บาท) เมนูชีสยืดฟินๆ เนื้อชีสนุ่ม บวกกับครีมซอสที่หวานละมุน และกลิ่นหอมจากเนย

T&N Steak P’โหน่ง เป็นร้านอาหารที่มีอร่อย เกินคุ้ม และมีเมนูของทานเล่นฟรีให้กับลูกค้า จึงไม่แปลกที่เป็นร้านยอดฮิตถูกใจนักศึกษา และคนทั่วไป

  • ที่อยู่ : 19/36, ซอยงามวงศ์วาน 62 แขวงลาดยาว กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 02-5797500 
  • พิกัด : T&N Steak P’โหน่ง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) เวลา 11:30-21:30 น.

21. Seoul zaab

Seoul Zaab เป็นร้านอาหารเกาหลี จุดเด่นของร้าน คือ มีความอร่อยสไตล์เกาหลีแบบโฮมเมด วัตถุดิบของทางร้านสดใหม่ สะอาด มีเมนูที่หลากหลายให้เลือก อร่อยถูกปาก แถมยังประหยัดคุ้มค่า

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่ 

  • ซุปกิมจิ (ราคาเริ่มต้น 89-99 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยน้ำซุปเข้มข้น มีรสชาติ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็มแบบครบเครื่อง
  • ข้าวหน้าหมูสามชั้นโคชูจัง (ราคาเริ่มต้น 89-99 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อหมูนุ่มละมุน รสชาติของเมนูมีความหวาน เผ็ด เค็ม
  • มาม่าเกาหลีหม้อไฟ (ราคาเริ่มต้น 199 บาท) เมนูที่มีความอร่อยด้วยรสชาติของน้ำซุปที่ เผ็ด เข้มข้น เส้นมาม่าในหม้อไฟมีความนุ่ม บวกกับสีสันของผักที่น่ารับประทาน อร่อยจนต้องติดใจ
  • ต๊อกโบกิ (ราคาเริ่มต้น 89-99 )เมนูที่มีรสชาติเผ็ดนิด หวานหน่อย เนื้อแป้งมีความเหนียวนุ่ม 
  • ข้าวยำเกาหลี (ราคาเริ่มต้น 89-99 บาท) มาพร้อมความอร่อยด้วยเครื่องปรุงรส และวัตถุดิบแน่นๆ  ไม่ว่าจะเป็นความหอมจากน้ำมันงา รสชาติที่เข้มข้นจากโคชูจัง เต็มอิ่มด้วยเนื้อหมู ผักต่างๆ และไข่ไก่ เมื่อคลุกเคล้าเข้ากัน ทำให้มีสีสัน และรสชาติกำลังดี

หากใครที่ชอบรับประทานอาหารสไตล์เกาหลี อย่าลืมแวะมาที่ร้าน Seoul Zaap ที่ถือเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตร ที่รอเสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกคน

  • ที่อยู่ : ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร (ข้างร้านตัดผม tommy hair ถนนงามวงศ์วาน หน้า ม.เกษตรศาสตร์)
  • เบอร์โทร : 098-1054922 
  • พิกัด : Seoul Zaab
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-22:00 น.

22. Daily Steak

Daily Steak เป็นร้านอาหารประเภทสเต็กสัญชาติไทย และเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด จุดเด่นของร้านอยู่ที่ราคาประหยัดสุดคุ้ม มีวัตถุดิบคุณภาพดี และมีเมนูให้เลือกตามใจชอบ อร่อยถูกใจใครหลายๆคน 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • สเต็กหมู (ราคาเริ่มต้น 59 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อหมูนุ่ม ชุ่มฉ่ำ หอมน่ารับประทาน
  • สเต็กไก่สอดไส้แฮมชีส (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) อิ่มอร่อยด้วยเนื้อไก่นุ่มแน่นๆ บวกกับชีส และแฮม พร้อมราดน้ำซอสเพิ่มความอร่อย 
  • สปาเก็ตตี้ซอสเห็ดเบคอน (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้นุ่มๆ บวกกับความหอมของเบคอน เมื่อราดด้วยซอสเห็ดแล้ว ยิ่งทำให้มีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม
  • มิกซ์กริล (ราคาเริ่มต้น 89บาท) เนื้อหมูชิ้นหนานุ่ม และมีความอร่อยจากไก่ชุบเกล็ดขนมปังทอดที่กรอบนอก นุ่มใน อร่อยฟินๆ

Daily Steak เป็นร้านอาหารที่เหมาะสำหรับคนรักการทานสเต็ก ถือเป็นร้านอาหารของกิน ม.เกษตรที่มีความอร่อยเฉพาะตัว และควรแวะมาชิมสักครั้ง

  • ที่อยู่ : ซอยผาสุข กรุงเทพมหานคร (ปากซอยงามวงศ์วาน 62 ตรงข้าม ม.เกษตร) 
  • เบอร์โทร : 02-5797927
  • พิกัด : Daily Steak
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-22:00 น.
Daily Steak

คาเฟ่ และร้านขนมของหวานสุดฮอต

ในย่าน ม.เกษตรมีร้านกาแฟของหวานมากมายที่ชวนน่ารับประทาน แต่จะมีร้านไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย

23. Too Fast Too Sleep

Too fast Too sleep เป็นร้านคาเฟ่ขนมหวานประเภทเครื่องดื่ม เบเกอรีที่มีจุดเด่น คือ มีวัตถุดิบคุณภาพดี รสชาติอร่อยกลมกล่อม และเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะอยากแวะมาในช่วงไหน ก็สามารถแวะมาที่ร้านได้ตลอด อีกทั้งเมนูทางร้านมีราคาประหยัด ทุกเมนูราคา 80 บาท บรรยากาศในร้านโล่ง สบาย มีหลายโซนให้เลือกนั่ง เหมาะสำหรับนั่งทำงาน นั่งพักผ่อน หรืออ่านหนังสือในยามว่างได้เป็นเวลานาน แบบไม่จำกัดเวลา และมีฟรี Wifi ทำให้เป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด

เมนูยอดฮิตของทางร้านที่ควรลอง ได้แก่

  • อเมริกาโน่ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย เข้มข้น กลมกล่อม มีกลิ่นหอมละมุนจากกาแฟ
  • ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานละมุนกำลังดี บวกกับฟองนมด้านบนลาเต้ที่ชวนดื่ม
  • เอสเพรสโซ่ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมกาแฟ รสชาติเข้มข้นมาก ขมนิดหน่อย แต่อร่อยกลมกล่อม
  • นมสดช็อกโกแลตชิพ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสหวาน หอม กลมกล่อมด้วยกลิ่นช็อกโกแลต ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
  • กระเจี๊ยบรูทเบียร์ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อยแบบเปรี้ยวนิด หวานหน่อย 
  • เสาวรสปั่น (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย เปรี้ยวอมหวาน ดีต่อสุขภาพ
  • ช็อกโกแลตบราวนี่ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อช็อกโกแลตนุ่มหนึบ รสชาติหวานกำลังดี 
  • เครปเค้ก (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี เนื้อเค้กมีความนุ่ม ละมุนลิ้น หวานอร่อย
  • ที่อยู่ : KU VILLE โซนอาคารหอพักนิสิตและบุคลากร ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน
  • เบอร์โทร : 097-1589000
  • พิกัด : Too fast Too sleep
  • เวลาเปิด- ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

24. Box & Brew Café and Board Games

Box & Brew Café and Board Games เป็นร้านคาเฟ่ ประเภทเครื่องดื่ม ขนมหวาน และเกมส์ จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูเครื่องดื่มขนมให้เลือกมากมาย ราคาประหยัด อีกทั้งเป็นร้านคาเฟ่สมัยใหม่ที่มีเกมส์ให้ลูกค้าได้เลือกเล่นหลายแนวเพื่อความเพลิดเพลิน พร้อมกับสั่งเมนูอร่อยๆ ของทางร้านทานไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่มาแล้วจะได้รับทั้งความอิ่ม และความสนุกแน่นอน

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ชานมสตรอว์เบอร์รี (ราคาเริ่มต้น 40 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยจากสตรอเบอร์รี บวกกับนมสดที่มีความหวานละมุน ทำให้รสชาติของเมนูนี้ออกเปรี้ยวหวาน และเย็นชื่นใจ
  • ชานมแคนตาลูป (ราคาเริ่มต้น 40 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยจากส่วนผสมของนมที่มีรสหวาน ละมุน และมีความหอมจากแคนตาลูป 
  • ชานมเผือก (ราคาเริ่มต้น 40) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความหอม หวานอร่อย
  • ชานม (ราคาเริ่มต้น 40 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่หวานนำ แต่รสชาติอร่อยละมุน
  • ชากล้วย (ราคาเริ่มต้น 40 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยด้วยกลิ่นหอมจากกล้วย บวกกับนมสด ทำให้มีรสชาติหวาน กลมกล่อม

Box & Brew Café and Board Games เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่ชอบอะไรแปลกใหม่ บวกกับมีเครื่องดื่มที่รสชาติ อร่อย เย็นชื่นใจ หากใครที่ชอบเล่นเกมส์ก็ชวนเพื่อนไปที่ร้านแห่งนี้กันได้เลย

  • ที่อยู่ : 1/29 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ฝั่งพหลโยธิน ซอยพหลโยธิน 40 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
  • เบอร์โทร : 081-1731590
  • พิกัด : Box & Brew Café and Board Games
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00 -22:00 น.
Nanana Cafe

25. Nanana Cafe

Nanana Cafe เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่ม และอาหาร จุดเด่นของร้าน คือ มีทั้งเครื่องดื่ม และอาหารที่อร่อย น่ารับประทาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากทางร้าน แถมยังราคาประหยัดสุดๆ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงามชวนน่าเข้า มีความโล่ง สบาย สไตล์ชาวนา  

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • กาแฟไรซ์เบอร์รี (ราคาเริ่มต้น 55 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมระหว่างกาแฟกับส่วนผสมของข้าวไรซ์เบอร์รีเข้าด้วยกัน ทำให้มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • กาแฟร้อนข้าวสังข์หยด (ราคาเริ่มต้น 35 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ มีรสชาติความอร่อยด้วยเนื้อข้าวที่ผสมเข้าไปกับกาแฟ ทำให้มีกลิ่นหอม อร่อย กลมกล่อม
  • น้ำมะนาวอัญชัน (ราคาเริ่มต้น 30 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นชื่นใจ
  • ใบเตยฝาง (ราคาเริ่มต้น 30 บาท) เป็นเครื่องดื่มที่มีความหอมจากใบเตย รสชาติไม่หวานมาก 
  • นมสดคาราเมล (ราคาเริ่มต้น 45 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความหอมจากคาราเมล มีรสชาติหวาน ละมุนกำลังดี 
  • ไข่กระทะ (ราคาเริ่มต้น 59 บาท) เป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีเครื่องแน่นๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อม
  • ข้าวไก่กรอบ (ราคาเริ่มต้น 59 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อไก่กรอบนอกนุ่มใน เมื่อราดด้วยน้ำซอสก็ยิ่งอร่อย

Nanana cafe เป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่มีรสชาติความอร่อยที่คุ้มค่า และสไตล์การตกแต่งร้านที่ดูชิลล์ สบายตา จึงเป็นร้านที่ทุกคนไม่ควรพลาด

  • ที่อยู่ : 50 สำนักงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าวเกษตรกลางบางเขน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 063-6536291
  • พิกัด : Nanana Cafe 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:00-17:00 น.

26. TREAT Cafe & Hangout

Treat Cafe & Hangout เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่ม เบเกอรี จุดเด่นของร้าน คือ มีการตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจ มีกลิ่นอายความอินดี้ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้กับลูกค้า บรรยากาศภายในร้านดูสะอาดตา น่าเข้า อาหารรสชาติอร่อย และเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • มอคค่า (ราคาเริ่มต้น 80-95 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมแบบช็อกโกแลต รสชาติหวานมัน กลมกล่อม
  • ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 80-95 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยหวานละมุน รสชาติเข้ม กลมกล่อม 
  • น้ำแตงโมโซดา (ราคาเริ่มต้น 70-95 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความซ่าจากโซดา และมีความหวานจากแตงโม ทำให้อร่อยลงตัว ช่วยเพิ่มความสดชื่น
  • เค้กมะพร้าว (ราคาเริ่มต้น 80-100 บาท) เป็นเค้กที่มีความอร่อยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน รสชาติหอม หวานละมุน 
  • บลูเบอร์รีชีสพาย (ราคาเริ่มต้น 90 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยด้วยเนื้อเค้กนุ่มละมุน รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
  • ซอฟต์ช็อกโกแลต (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากครีมช็อกโกแลต มีรสหวานหวานละมุน นุ่มลิ้น
  • สปาเก็ตตี้กุ้งพริกขี้หนู (ราคาเริ่มต้น 120 บาท) เป็นเมนูที่มีรสอร่อยด้วยเส้นสปาเก็ตตี้นุ่มๆ เต็มไปด้วยกุ้งคำโตๆ
  • ที่อยู่ :  563 ถนน พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 085-5515333, 093-2649292 
  • พิกัด : Treat Cafe & Hangout
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-23:00 น.
Cafe To All (Cafe 2 All)

27. Cafe To All (Cafe 2 All)

Cafe To All (Cafe 2 All) เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่ม และเบเกอรี จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูเครื่องดื่ม และเบเกอรีให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพงเกินไป อีกทั้งกาแฟของทางร้านมีรสชาติกำลังดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มกาแฟ และชอบทานเบเกอรีเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ Cafe To All (Cafe 2 All) เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่คุณไม่ควรพลาดแวะมาลิ้มลอง

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • มัทฉะ ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมชาเขียวกับมันนม รสชาติอร่อย กลมกล่อม หวานละมุนกำลังดี 
  • เลมอนที (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมมะนาว รสชาติเปรี้ยวหวาน ให้ความรู้สึกสดชื่น
  • คาปูชิโน่ (ราคาเริ่มต้น 45- 60 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมละมุนจากกาแฟ รสชาติหวานมันเล็กน้อย อร่อยเข้มข้น กลมกล่อม มีฟองนมชวนน่าดื่ม
  • เอสเพรสโซ่ (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูที่มีกลิ่นหอมจากกาแฟ รสชาติอร่อยแบบเข้มข้นเต็มๆด้วยกาแฟ หนักแน่น และกลมกล่อม 
  • อเมริกาโน่ (ราคาเริ่มต้น 45- 60บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมกาแฟ รสชาติอร่อยกลมกล่อม 
  • มะม่วงผสมเสาวรสโซดา (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมจากมะม่วงอกร่อง รสชาติหวานอมเปรี้ยวตัดกันระหว่างมะม่วง กับเสาวรสได้อย่างลงตัว บวกกับความซ่าของโซดาที่ทำให้รู้สึกสดชื่น
  • เค้กบราวนี่ (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยจากช็อกโกแลตเข้มข้น เนื้อเค้กนุ่มอร่อย หนึบหนับ 
  • เค้กบลูเบอร์รี (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยจากส่วนผสมของบลูเบอร์รี เนื้อเค้กนุ่มละมุน รสชาติเปรี้ยวหวาน
  • เค้กส้ม (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อย และมีกลิ่นหอมเนื้อส้ม เนื้อเค้กนุ่ม แถมยังมีวิตามินซี ดีต่อร่างกาย
  • บลูเบอร์รีชีสพาย (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท ) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยจากบลูเบอร์รี รสชาติมีความอร่อยเปรี้ยวหวานกำลังดี มีความหอมของชีสพาย 
  • โอริโอ้พาย (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากโอริโอ้ รสชาติหวานละมุน หอมด้วยครีมชีส เคี้ยวง่าย อร่อยแบบกรุบกรับ
  • ที่อยู่  : 83 ถนนเสนานิคม 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร :  085-551 5333 
  • พิกัด : Cafe To All ( Cafe 2 All)
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:30-20:00 น.

28. Vistacafé

Vistacafé เป็นร้านคาเฟ่ ขนมหวาน ประเภทเครื่องดื่ม เบเกอรี จุดเด่นของร้าน Vistacafé คือ มีการใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สดใหม่ สะอาด มีเมนูที่หลากหลายให้เลือกรับประทาน เครื่องดื่มมีรสชาติอร่อย อีกทั้งเบเกอรีของทางร้านก็ปราศจากไขมัน เป็นร้านคาเฟ่เพื่อสุขภาพ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสวยงามสไตล์น่ารักๆ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ช็อกโกแลตเย็น (ราคาเริ่มต้น 90 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยด้วยส่วนผสมของช็อกโกแลตเข้มข้น บวกกับนมสดหวานมัน ทำให้มีรสชาติที่อร่อยเข้ากัน
  • ปังเย็นชาไทย (ราคาเริ่มต้น 80บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมชาไทย รสชาติหวานมันอร่อย เข้มข้นกำลังดี
  • ปังเย็นนมชมพู (ราคาเริ่มต้น 70 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยแบบหวานนม กลิ่นหอมละมุน บวกกับความอร่อยของขนมปังออร์แกนิก
  • ลาเต้เย็น (ราคาเริ่มต้น 90 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยด้วยกาแฟที่เข้มกำลังดี บวกกับรสชาตินมที่กลมกล่อม ทำให้มีรสชาติที่หอมละมุนเต็มๆ
  • เค้กแครอท (ราคาเริ่มต้น 90 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยแบบนุ่ม ละมุนจากเนื้อแครอท รสชาติของเค้กมีรสเปรี้ยวหวาน ดีต่อสุขภาพ
  • คริสปี้ม็อคค่าพิสตารีโอ (ราคาเริ่มต้น 110 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยด้วยกาแฟผสมกับพิสตารีโอ ทำให้มีรสชาติที่หอมหวานด้วยมอคค่า และเนื้อเค้กนุ่ม น่าทานสุดๆ

Vistacafé เป็นร้านคาเฟ่ ของกิน ม.เกษตรที่มีความอร่อย คุ้มค่าเกินราคา และเหมาะกับคนรักสุขภาพ ทำให้เป็นร้านที่ถูกใจใครหลายๆ คน 

  • ที่อยู่ : 39 ซอยหมู่บ้านปิ่นเกล้า แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 
  • เบอร์โทร : 093-8140097, 095-8509273 
  • พิกัด : Vistacafé
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:00-19:30 น.
Dressage Horse Cafe Bangkok

29. Dressage Horse Cafe Bangkok

Dressage Horse Cafe Bangkok เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่มและอาหาร จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูสไตล์อิตาเลียนหลากหลายให้เลือกตามใจชอบ แต่ละเมนูมีรสชาติอร่อย และน่ารับประทาน บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น มีความสวยงามเฉพาะตัว เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้านที่เป็นเครื่องดื่ม ได้แก่

  • Dressage Cappuccino (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยเข้มข้นจากกาแฟ บวกกับฟองนมที่มีความนุ่มละมุน จึงทำให้เมนูนี้มีรสชาติที่หอมอร่อย กลมกล่อม
  • Strawberry Italian Soda (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความซ่าสดชื่นจากโซดา บวกกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวด้วยสตรอว์เบอร์รี ทำให้มีรสชาติที่อร่อยแบบเปรี้ยว หวาน ซ่า และสดชื่นในแก้วเดียว

อีกทั้งยังมีเมนูยอดฮิตที่แสนอร่อยของทางร้านที่ขาดไม่ได้ คือ เมนูพิซซ่าสไตล์อิตาเลี่ยนที่มีให้เลือกถึง 14 หน้า สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า และเฟรนช์ฟรายส์

  • Pizza Prosciutto Cotto e Funghi (ราคาเริ่มต้น 340 บาท) เป็นเมนูพิซซ่าแฮมเห็ดที่มีความอร่อยเข้มข้นจากซอสมะเขือเทศ เนื้อแป้งพิซซ่ามีความยืดยาวด้วยชีสมอสซาเรล่าที่น่ารับประทาน
  • Pizza Garlic Sausage (ราคาเริ่มต้น 350 บาท) เป็นเมนูพิซซ่าไส้กรอกกระเทียม มีความอร่อยด้วยกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม และตัวเนื้อแป้งพิซซ่ามีความยืดนุ่มอร่อย น่ารับประทาน จากส่วนผสมของมอสซาเรลล่าชีสบวกกับไส้กรอกแน่นๆ ที่ทำให้เมนูพิซซ่ามีความอร่อยลงตัว ยิ่งราดด้วยซอสมะเขือเทศบนแผ่นพิซซ่า ก็ยิ่งแต่มีความอร่อยฟินๆ
  • Spaghetti Carbonara (ราคาเริ่มต้น 199 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเส้นสปาเก็ตตี้นุ่มๆ บวกกับเนื้อเบคอนเต็มคำ และชีสหอมๆ จึงทำให้เมนูนี้ชวนน่ารับประทาน
  • เฟรนช์ฟรายส์ (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อมันฝรั่งทอด กรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวเพลิน ยิ่งราดด้วยซอสมะเขือเทศ หรือซอสมายองเนสก็ยิ่งช่วยเพิ่มความอร่อยเป็นหลายเท่า
  • ที่อยู่ : 100/633 หมู่บ้านนักกีฬา ซอย 12 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10250
  • เบอร์โทร : 062-3944624
  • พิกัด : Dressage Horse Cafe Bangkok
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:00-20:00 น.

ปิดท้ายด้วยตลาดนัดของกิน สุดฮิต

ในย่าน ม.เกษตรยังมีตลาดนัดสุดฮิตอีก 2 แห่ง ที่ให้คุณได้เลือกชอปปิงสินค้าต่างๆ ได้ตามใจชอบ ได้แก่

30. ตลาดนัดเจเจกรีน 2

ตลาดนัดเจเจกรีน 2 เป็นตลาดนัดที่รวบรวมสินค้าเบ็ดเตล็ดหลากหลายชนิดที่รอให้ได้มาแวะชม แวะเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องประดับ เป็นต้น 

จุดเด่นของตลาดเจเจกรีน 2 เป็นตลาดนัดที่มีพื้นที่กว้าง สามารถรองรับผู้คนจำนวนมากให้ได้มาเดินชม ซื้อสินค้า หรือพักผ่อนหย่อนใจ เรียกได้ว่ามีสินค้าที่ให้ชอปปิงแบบครบ จบ สะดวก ในที่เดียว เพราะมีร้านขายสินค้าต่างๆ เช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัย ร้านรองเท้า ร้านแว่นตา ร้านน้ำหอม ร้านต้นไม้ ร้านเสริมสวย และอื่นๆ

อีกทั้งมีร้านอาหารมากกว่า 100 ร้าน ให้ได้มาลิ้มลอง นอกจากนี้ร้านอาหารในตลาดนัดเจเจกรีน 2 ยังได้รับความนิยม เพราะสินค้า อาหารราคาไม่แพง วัตถุดิบสะอาด และบริการดี ร้านอาหารที่ไม่ควรพลาด มีดังนี้

  • ร้าน บะหมี่ ปะ หล่ะ ? เป็นร้านที่ขายบะหมี่หมูแดง บะหมี่หมูกรอบ บะหมี่เกี๊ยว บะหมี่ไก่ตุ๋น 
  • ร้าน ชอบเนื้อโคขุน เป็นร้านที่ขายเนื้อโคขุนปิ้งร้อนๆ 
  • ร้าน ผู้พันหมึก เป็นร้านที่ขายปลาหมึกปิ้ง พร้อมกับรสชาติน้ำจิ้มที่อร่อยเผ็ดๆ แซ่บๆ 
  • ราดหน้า เจ้าเก่า สามย่าน เป็นร้านที่ขายราดหน้าอร่อยๆ 

หากใครที่ยังไม่เคยแวะมาตลาดนัดเจเจกรีน 2 ก็อย่าลืมแวะมากันนะ 

  • ที่อยู่ : 61 16 ถนนประชาชื่น แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
  • เบอร์โทร : 092-2161555
  • พิกัด : ตลาดนัดเจเจกรีน 2
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี ถึงวันอาทิตย์ เวลา 18:00-24:00 น.
ตลาดนัดจ๊อดแฟร์

31. ตลาดนัดจ๊อดแฟร์

ตลาดนัดจ๊อดแฟร์ เป็นตลาดนัดอีกแห่งที่มีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมายให้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้มาชอปปิง เช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านต้นไม้ ร้านผักผลไม้ ร้านกระเป๋า ร้านเครื่องประดับ ร้านขนมหวาน เป็นต้น 

จุดเด่นของตลาดนัดจ๊อดแฟร์ คือ มีพื้นที่กว้างใหญ่ให้ลูกค้าได้มาเดินชอปปิงกันอย่างสบายๆ มีโซนถ่ายรูปที่สวยงามจากปราสาทจ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต มีพื้นที่สำหรับจัดงานอีเวนต์ และมีร้านค้าต่างๆ ถึง 700 ร้านด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบอาหารหลากหลายประเภทให้ได้ลองทาน ซึ่งร้านอาหารที่รอเสิร์ฟความอร่อย และไม่ควรพลาดไปลิ้มลอง ได้แก่ 

  • ร้าน Oppa เกาหลี เป็นร้านอาหารเกาหลี ที่มีเมนูความอร่อยสไตล์เกาหลี แบบรสชาติเผ็ดอร่อย เช่น เมนูกิมจิ ต็อกโบกี และอื่นๆ
  • ร้าน ปัง 3 แมว เป็นร้านขนมปังเนยสดอร่อยๆ ที่ต้องทานคู่กับไอศกรีม 1 สคูป
  • ร้าน อา เฟง ลี่ เป็นร้านอาหารที่มีเมนูกุยช่ายสติ๊ก หน้าตาน่ารับประทาน และรสชาติอร่อย 
  • ร้าน Mango Me เป็นร้านที่มีเมนูน้ำปั่นผลไม้จากมะม่วง ไอศกรีมมะม่วง ข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งเป็นร้านที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานมะม่วง
  • ร้าน Farm Fresh เป็นร้านน้ำปั่นผลไม้บุฟเฟต์ที่สามารถตักผลไม้ได้ไม่อั้น 
  • ที่อยู่ : ถ. พระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
  • เบอร์โทร : 092-7135599
  • พิกัด : ตลาดนัดจ๊อดแฟร์
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 16:00-24:00 น.

สรุป

ย่าน ม.เกษตร บางเขน มีของอร่อย ๆ ร้านเด็ด ร้านดังให้ได้ชิมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านของกินม.เกษตร ที่อร่อยๆ มากมาย หากคุณลงจากเครื่องที่ดอนเมือง และอยากไปแวะหาร้านทานข้าว หรืออยากไปคาเฟ่เพื่อนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ แถว ม.เกษตร โดยไม่อยากแวะเข้าที่พักหรือโรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระ สามารถใช้บริการของ AIRPORTELs ที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้วยการส่งสัมภาระจากสนามบินไปยังที่โรงแรมได้เลย อีกทั้งคุณจะได้ไม่พลาดในการแวะรับประทานอาหาร 1 ใน 31 ร้านอร่อยที่ห้ามพลาด อร่อยจนต้องบอกต่อ ย่านม.เกษตร (บางเขน) นั่นเอง