4 ที่เที่ยว ณ แม่ฮ่องสอน สวรรค์ของคนรักธรรมชาติที่คุณต้องไปแอ่ว!

แม่ฮ่องสอน เป็นเมืองที่เรียกว่าโรแมนติกที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย แถมเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติ และอากาศดี โดยเฉพาะคนที่รักธรรมชาติ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิม ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต อาหารการกิน และประเพณี หรือจะเป็นวัดที่มีความงดงามทางศิลปะตามแบบฉบับชาวเหนือ รวมไปถึงธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ และวันนี้เรามี 4 สถานที่ท่องเที่ยวที่มาแม่ฮ่องสอนแล้วต้องไปแอ่ว!

ถ้ำลอด

ถ้ำลอด

ถ้ำลอด เป็นจุดเช็คอินที่มาเที่ยวแม่ฮ่องสอนแล้วต้องแวะ ถ้ำลอดตั้งอยู่ที่อำเภอปางมะผ้า ห่างจากอำเภอปายไม่มากนัก ไฮไลท์ที่นี่คือการนั่งแพไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวจะชมความสวยงามของถ้ำ โดยมีไกด์ท้องถิ่นเป็นคนแนะนำ บอกเล่าเรื่องราวภายในถ้ำว่ามีความเป็นมาอย่างไร ภายในจะมีภาชนะดินเผา โรงศพ และเครื่องใช้ในยุคนั้น ทั้งนี้ยังมีหินงอกหินย้อยให้พบเห็นอีกด้วย

วัดพระธาตุดอยกองมู

 วัดพระธาตุดอยกองมู

วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นจุดที่เรียกว่าสวยที่สุดและควรมามากที่สุดหากมาเที่ยว แม่ฮ่องสอนเพราะเป็นเจดีย์แบบทรงมอญสีขาวแบบดั้งเดิม มีฐานแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์แบบปูนปั้น ประดับด้วยซุ้มพระอยู่บริเวณฐาน บนยอดพระธาตุสามารถมองเห็นวิวตัวเมืองทั้งเมือง ทั้งกลางวันและกลางคืน มีพระธาตุองค์เล็กโดยพระยาสิงหนาทราชา เป็นผู้ก่อสร้าง องค์ใหญ่บรรจุพระโมคคัลลานะเถระ ที่นำมาจากประเทศพม่า ทำให้เป็นที่เคารพและศรัทธาของคนที่นี่ 

สะพานซูตองเป้

 สะพานซูตองเป้

สะพานซูตองเป้ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยทอดยาวผ่านทุ่งนา เราจะเห็นภาพสวย ๆ ที่ใครมาแม่ฮ่องสอนต้องแวะชักภาพที่นี่เสียหน่อย เพราะสะพานแห่งนี้มีที่มาที่ไป สร้างด้วยการร่วมแรงร่วมใจจากชาวบ้าน เพื่อให้พระเณรเดินผ่านเพื่อมาบิณฑบาต ตัวสะพานสร้างด้วยไม้และไม้ไผ่ที่หาได้ในท้องถิ่น ทำให้สะพานแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นสะพานไม้แห่งศรัทธา

ปางอุ๋ง

 ปางอุ๋ง

ปางอุ๋ง คือโครงการในพระราชดำริ ปางตอง 2 เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอนที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย อ่างเก็บน้ำที่รายล้อมไปด้วยป่าสน ช่วงเช้าจะมีหมอกลอยเหนือผิวน้ำ บรรยากาศดีมาก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมาแคมป์ปิ้งที่นี่ และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการมีโอกาสได้พบกับหงส์ขาวหงส์ดำ เจ้าถิ่นของที่นี่

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดเล็ก ๆ เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อน สูดโอโซนและชาร์จแบตให้กับตัวเอง การเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ปัจจุบันมาได้ค่อนข้างสะดวก มีรถโดยสารไปถึงทุกที่และมีสายการบินที่ช่วยให้การเดินทางมาเที่ยวเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น เรียกว่าหากมีเวลาว่าง ที่นี่แหละเป็นอีกแห่งที่เราอยากแนะนำ

บริการของแอร์พอเทลล์

แอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร พัทยา และบริเวณภูเก็ต

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

  • สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
  • สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

  • MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)
  • Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)
  • Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)
  • Terminal 21 Pattaya ชั้น 1, โซนปารีส
  • ICONSIAM ชั้น B2 โซนสยามทาคาชิมายะ
  • เยาวราช ไชน่าทาวน์ ชั้น 2 , อาคารพิชัยญาติ
  • Mixt Chatuchak ชั้น 2 , โซน B
  • Central Pattaya ชั้น 1 , ใกล้ประตูโรงแรมฮิลตันพัทยา 

ติดต่อเรา

อ่านเพิ่มเติม

ฝากกระเป๋าเชียงใหม่ แล้วไปตามรอยประวัติศาสตร์ กินข้าวร้านดัง

ฝากกระเป๋าเชียงใหม่ แล้วไปตามรอยประวัติศาสตร์ กินข้าวมันไก่ร้านดัง            

                 วันสุดท้ายแล้วของการมาทำงานที่เชียงใหม่ ต้องบินกลับเย็นนี้เลยหาข้อมูลว่าในตัวเมืองมีที่เที่ยวอะไรบ้างแล้วก็ที่เชียงใหม่ฝากกระเป๋าได้ที่ไหนบ้าง พอได้ข้อมูลที่เที่ยว ที่ ฝากกระเป๋าเชียงใหม่ แล้วก็เลยนั่งรถแดงไปฝากกระเป๋าที่สนามบินก่อนเลย ที่สนามบินเชียงใหม่มีที่ ฝากกระเป๋า เป็นล็อคเกอร์อยู่ชั้น 1 ทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารในประเทศ และต่างประเทศ อยู่ตรงไปรษณีย์ในสนามบินเลย ราคาวันละ 200บาท

ฝากกระเป๋าเชียงใหม่, สนามบินเชียงใหม่
ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าที่สนามบินเชียงใหม่ ถ่ายโดยคุณMaeyingyae

ฝากกระเป๋าเชียงใหม่, อนุสาวรีย์สามกษัตริย์, เชียงใหม่
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์

                 ถ้าที่สนามบินเต็มด้านนอกก็จะมีร้านรับฝาก หรือที่เซ็นทรัลก็มีร้านรับฝากกระเป๋าเหมือนกันนะ หรือถ้าเดินทางโดยรถไฟ ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ก็มีที่ฝากกระเป๋าอยู่ในสถานีเป็นของเอกชน และรถทัวร์ ที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ (อาเขต) ที่ฝากจะอยู่ทางที่จะไปขึ้นรถทัวร์ หลังจากฝากกระเป๋าก็ตัวปลิวพร้อมเที่ยว โบกรถแดงหน้าสนามบินนั้นแหละบอกเขาว่าไป อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ กษัตริย์ทั้งสามพระองค์นี้ถือได้ว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรล้านนา และนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากว่า 700 ปี นับว่าเป็นองค์อนุสาวรีย์ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร
                 อนุสาวรีย์สามกษัตริย์สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ เมื่อครั้งหาชัยภูมิในการสร้างนพบุรีศรีนครพิงค์ราชธานีแห่งอาณาจักรล้านนา พญามังรายมหาราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา กับสองพระสหายพ่อขุนรามคำแหง มหาราชกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย และพญางำเมือง กษัตริย์แห่งภูกามยาว ทั้งสามพระองค์ได้ดื่มน้ำสาบานบริเวณแม่น้ำอิง ว่าจะไม่รุกรานเมืองต่อกัน องค์สามกษัตริย์หล่อด้วยทองแดงและทองเหลืองรมดำมีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง เป็นที่เคารพสักการะของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวทัวไป

                 และถ้าเดินมาทางซ้ายของอนุสาวรีย์จะพบกับวิหารตั้งอยู่ริมถนน คือวัดอินทขีลสะดือเมือง ที่เรียกว่าสะดือเมืองเพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ และจะเห็นว่าวิหารนั้นสร้างออกไปกลางถนนเล็กน้อย ที่จริงนั้นเดิมทีถนนไม่ได้ผ่านบริเวณนี้ แต่พอวัดร้างไปทางราชการจึงสร้างถนนผ่านวัดแห่งนี้จึงไม่มีรั้วรอบกำหนดขอบเขตให้เห็นอย่างชัดเจน หลังจากไหว้พระถ่ายรูปเสร็จ เดินตามถนนถัดจากวัดจะมีร้านอาหารให้เลือกทานมื้อกลางวันหลายร้านเลย ร้านดังตรงนั้นคือข้าวมันไก่กฤษโอชา หลังจากกินอะไรเรียบร้อยแล้วก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามคือหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ จะบอกเล่าประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก็เป็นเมืองเชียงใหม่ จนถึงเชียงใหม่ในปัจจุบัน

ฝากกระเป๋าเชียงใหม่, เชียงใหม่, วัดอินทขีลสะดือเมือง
วัดอินทขีลสะดือเมือง

ก่อนกลับมาสักการะพระพุทธสิหิงค์ ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เดินมาจากหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ประมาณ 500เมตรมีงานศิลปะที่น่าสนใจแล้วถ้ามาช่วงเย็นๆหน่อยแสงจะเหมาะกับการถ่ายรูปมาก วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานสำหรับชาติ  เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478  วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ “เชียงแสนสิงห์หนึ่ง” หลังจากไหว้พระแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน นั่งรถแดงจากหน้าวัดพระสิงห์ไปที่สนามบิน เอากระเป๋าที่ฝากไว้

ฝากกระเป๋าเชียงใหม่, เชียงใหม่, วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร, พระพุทธสิหิงค์
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

แต่เดี๋ยวก่อนตอนนี้ถ้าใครอยากสบายกว่านั้นแบบไม่ต้องฝากกระเป๋าเลย แอร์พอเทลล์ เรามีบริการรับกระเป๋าจากโรงแรมที่เชียงใหม่ไปส่งถึงบ้านที่กรุงเทพ หรือจากกรุงเทพไปส่งถึงโรงแรมที่เชียงใหม่ก็ทำได้เช่นกัน ราคาเริ่มต้น ที่ 700บาท แบบวันเดียวถึงเลยก็มีนะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

E-mail: [email protected]

Line: @AIRPORTELs

WeChat: AIRPORTELs

Kakao Talk: AIRPORTELs

Facebook: www.facebook.com/airportels

หรือ Comment ที่ข้างล่างนี้ก็ได้นะ

 

https://th.airportels.asia/uncategorized-th/luggage-storage-price-and-promotion

อยากแวะวางสัมภาระแล้วเดินเล่นเมืองหาดใหญ่…ฝากกระเป๋าสัมภาระได้ที่ไหนได้บ้าง??

https://pantip.com/topic/37342714

ฝากกระเป๋าในอุดร…ให้อุ่นใจ ก่อนแวะเที่ยวในเมืองแบบ One day trip

เหนื่อยไหม? ที่อยากเที่ยวในเมืองอุดรฯ แต่ต้องแบกสัมภาระใบใหญ่ไปไหนมาไหนตลอดเวลา…เรามีจุด ฝากกระเป๋าในอุดร เป็นทางออก…

ก่อนอื่นขอแนะนำจังหวัดอุดรธานีคร่าวๆ นะคะ “อุดรธานี” ตั้งอยู่ตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไทย เป็นศูนย์กลางหน่วยงานราชการต่างๆ ในภูมิภาค รวมถึงเป็นศูนย์กลางการเดินทางทั้งทางบกและทางอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมตัวของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยวในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวเกิดความลำบาก ตัดปัญหาเรื่องสัมภาระที่ยังไม่ต้องการใช้งาน เราจึงรวบรวมจุดรับฝากกระเป๋าสัมภาระทั้งในสนามบินและขนส่งจังหวัดอุดรธานี ไว้อำนวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวที่จะแวะพักผ่อนในอุดรธานีก่อนเดินทางต่อ

ไม่ว่าเพื่อนๆ จะกลับจากนครพนม, หนองคาย หรือสปป.ลาว แล้วมาขึ้นรถที่อุดรธานี เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว เราขอเสนอแผนการท่องเที่ยวแบบ One day trip in Udon Thani แต่ก่อนอื่นเราไป ฝากกระเป๋าในอุดร กันก่อนนะคะ

จุดรับฝากสัมภาระที่สนามบินอุดรธานี

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
บริการรับฝากรถและสัมภาระ ของหจก.อุดรแก้วทัวร์ (Limousine Service)

จุดรับฝากสัมภาระที่ขนส่งอุดรธานี

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
บริการรับฝากสัมภาระที่ขนส่งอุดรธานี

จุดรับฝากสัมภาระที่ขนส่งอุดรธานี ตั้งอยู่ตรงข้ามประชาสัมพันธ์ของขนส่ง เปิดทุกวัน 07.00 – 21.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยคิดบริการตามขนาด ขนาดเล็ก 20 บาท กลาง 30 บาท ใหญ่ 40 บาท สอบถามเพิ่มเติม โทร.085-683-0700 หรือทางเฟซบุ๊ก ในเพจ บริการรับฝากกระเป๋าและสัมภาระ

เมื่อ ฝากกระเป๋าในอุดร เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มเดินทางได้เลย…!

ถ้าเริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินอุดรธานี ให้เพื่อนๆ เดินมารอรถสองแถวสาย 15 หน้าสนามบิน หรือถ้าเริ่มเดินทางจากขนส่ง ให้เดินออกมารอรถตรงถนนใหญ่ด้านหน้า ขึ้นรถสองแถวสาย 15 เช่นกัน จุดมุ่งหมายแรกของเราคือ มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
รถสองแถวสาย 15

ถึงแล้ววว สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เราขอแนะนำ นั่นคือ มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟใกล้ตลาดหนองบัว เป็นศาลเจ้าจีนที่มีความใหญ่โตและสวยงาม มีศาลาริมน้ำ 2 หลัง และมีสวนหย่อมริมหนองบัว บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข เบื้องหน้าศาลไม่มีสิ่งกีดขวาง เป็นสัญลักษณ์ความเจริญรุ่งเรืองของชาวอุดรธานี เปิดให้เข้ากราบไหว้สักการะทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
ด้านหน้าของศาลเจ้า

เคล็ดลับการกราบไหว้ขอพร  นอกจากการกราบไหว้ด้วยธูป 30 ดอก ต้องถวายส้ม 4 ลูก พอกราบไหว้ครบทั้ง 6 จุดแล้ว ให้เดินไปที่สะพานเก้าเลี้ยวเชื่อกันว่าเป็นจุดเชื่อมต่อสวรรค์ และรับรู้ว่าขอพรอะไรไป เสร็จแล้วให้มากราบลาศาลปู่-ย่า พร้อมเอาส้มกลับมา 2 ลูก

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
รูปปั้นจำลองภายในศาลเจ้าปู่-ย่า

หลังจากกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้าปู่-ย่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถสองแถวสาย 15 ไปต่อกันที่หนองประจักษ์ สถานที่สุดชิคที่ใครมาถึงอุดรธานีก็ต้องมาเช็กอิน

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
เป็ดเหลืองยักษ์ ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์กของจังหวัดอุดรธานี

สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อหนองประจักษ์ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีเกาะกลางน้ำ มีไฮไลต์สำคัญคือเป็ดยักษ์สีเหลืองที่ลอยเด่นอยู่กลางหนองน้ำ ใครไม่ได้มาถ่ายรูปด้วยบอกเลยว่าพลาดมาก นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมกิจกรรมต่างๆ ของชาวอุดรฯ อาทิ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา และมีสนามเด็กเล่นเอาใจน้องๆ หนูๆ ถือเป็นแลนด์มาร์กของชาวอุดรธานีเลยก็ว่าได้ เปิดทุกวัน เวลา 04.00-20.00 น.

เมื่อแวะเดินเล่น ถ่ายรูปกับเจ้าเป็ดน้อยเสร็จแล้ว ไม่รอช้า ขึ้นรถสองแถวสาย 15 ที่เราคุ้นเคยไปยังจุดหมายต่อไปคือ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี (Udon Thani Museum) ตั้งอยู่ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ติดกับสำนักงานที่ดินอุดรธานี ด้านหลังติดหนองประจักษ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดอุดรธานี เพราะที่นี่ได้รวบรวมประวัติความเป็นมา เรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญที่ทรงคุณค่า อาทิ เรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดอุดรธานี ทั้งประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธรรมชาติวิทยา ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม  รวมถึงพระประวัติและพระเกียรติคุณของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี เป็นต้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ถือเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงจังหวัดนี้

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
ภายนอกของอาคารพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
ตัวอย่างโบราณวัตถุ – เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
ข้อมูลทั่วไปของการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี http://www.museumthailand.com/th/museum/Udon-Thani-Museum

ก่อนจบ One day trip ของเรานะคะ เราจะพาไปแวะทานอาหารและซื้อของฝากที่ วีที แหนมเนือง อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดอุดรธานี เมนูที่ห้ามพลาดเลยคือ แหนมเนือง, กระยอสด และกุ้งพันอ้อย และที่พิเศษคือ ที่นี่มี Drive Thru ด้วย สะดวกมากๆ เลย สามารถดูรูปเพิ่มเติมและสอบถามข้อมูลได้ที่ http://vtnamnueng.net/

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
ด้านหน้าของร้านวีที แหนมเนือง

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
ภายในร้านวีที แหนมเนือง

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
โซนร้านอาหารในร้านวีที แหนมเนือง

หลังจากอิ่มท้องจากร้านวีที แหนมเนือง และอิ่มใจจากการท่องเที่ยวในเมืองอุดรฯ แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับกันสักที แต่อย่าลืม!!! ไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่จุด ฝากกระเป๋าในอุดร ด้วยนะคะ…

หรือถ้าต้องการความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวถึงขั้นขีดสุด เราขอเสนอบริการขนส่งสัมภาระโดยบริษัท AIRPORTELs ซึ่งจะช่วยส่งสัมภาระไปยังปลายทางโดยที่เพื่อนๆ ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร

ราคาและเงื่อนไขการให้บริการ

  • 700 บาท/ชิ้น
    น้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม
  • เพิ่ม 50 บาท/กิโลกรัม
    เมื่อน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม
  • เพิ่ม 100 บาท/รายการ เมื่อขนส่งในวันเสาร์
  • เพิ่ม 100 บาท/รายการ หากให้ไปรับที่โรงแรม
    ส่งกระเป๋าก่อนเวลา 12:00 น., รับกระเป๋าหลังเวลา (ในวันถัดไป)

    *ราคานี้ไม่รวมอุปกรณ์กีฬา
    *ให้บริการเฉพาะวันทำการเท่านั้น

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิและโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานครและบริเวณภูเก็ต


บริการขนส่งกระเป๋าของแอร์พอเทลล์ ใช้บริการอย่างไร?

ทำได้ง่ายๆ เพียงจองออนไลน์ที่เว็บไซต์ของแอร์พอเทลล์ https://www.airportels.asia/

โดยเลือกที่การบริการ Nationwide Delivery จากนั้นเลือกจุดส่งกระเป๋า(A) และจุดปลายทาง(B)

ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากสัมภาระอุดร, สนามบินอุดรธานี, ฝากกระเป๋าในอุดร, ฝากกระเป๋าสัมภาระ, ฝากของอุดร, เที่ยวอุดร
เมื่อถึงเวลา จะมีพนักงานมารับกระเป๋าสัมภาระไปส่งยังจุดหมายปลายทาง เป็นไงคะ? สะดวกสบายมากๆ เลยใช่ไหม?

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการขนส่งกระเป๋าของ AIRPORTELs กรุณาติดต่อเราที่

  • เคาน์เตอร์สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นใต้ดิน ใกล้กับ Airport Link
  • เคาน์เตอร์สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสาร 2
  • MBK เซนเตอร์ ชั้น6 โซน B
  • เทอร์มินอล 21 อโศก ชั้น 1 โซนญี่ปุ่น
  • เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซน Groove (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)
  • เซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า ชั้น G (ตรงข้าม Tourist Lounge)
  • เทอร์มินอล 21 พัทยา ชั้น 2 โซนญี่ปุ่น
  • เซ็นทรัลป่าตอง ภูเก็ต ชั้น 1 โซนบริการ
  • สนามบินภูเก็ต

หมายเลขโทรศัพท์: +66 6321-666-99
Website:  https://www.airportels.asia
E-mail: [email protected]
Facebook: www.facebook.com/airportels
Line/WeChat/KakaoTalk: @AIRPORTELs

23 จุดเช็คอิน แลนด์มาร์คในกรุงเทพ ที่นักสร้างคอนเทนต์ห้ามพลาด

กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่สามารถตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกเพศ และทุกวัยได้ อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวสุดโดดเด่นที่ห้ามพลาดอีกด้วย โดยบทความนี้ได้รวบรวมแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ต้องไปให้ได้ พร้อมทั้งบอกพิกัดสถานที่เพื่อให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย จะมีสถานที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถและระเบียงรอบวัดจะมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่งดงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ อีกมากมาย ทั้งพระศรีรัตนเจดีย์ นครวัดจำลอง ฯลฯ ให้ได้มาเก็บภาพความสวยงามและความประทับใจกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องมาเยี่ยมชม โดยวัดเปิดให้ชาวไทยเข้าชมฟรี และชาวต่างชาติซื้อบัตรเข้าชม 500 บาท

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดพระแก้ว
  • การเดินทาง:
    • โดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ต่อด้วยขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง (N9) 
    • โดยเรือ ขึ้นที่ท่าเรือท่าเตียน (N8)
    • โดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 43, 44, 47, 53, 59, 64, 80, 82, 91, 203, 503, 508, 512
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 15:30 น.

2. วัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ และเยี่ยมชมความสวยงามของพระปรางค์สีขาว สูง 82 เมตร ใครที่มายังวัดอรุณ เป็นต้องยืนโพสถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ หน้าพระปรางค์ที่ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องสีสันต่างๆ 

โดยที่วัดก็มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ที่สวยงาม นอกจากนี้วิวในยามค่ำคืนยังสวยสะดุดตา ด้วยภาพของพระปรางค์องค์ใหญ่ติดริมแม่น้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็พากันชื่นชมในความงามของวัดอรุณแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยชาวไทยสามารถเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชม 50 บาท

  • ที่ตั้ง: 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: วัดอรุณราชวราราม
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น
วัดสุทัศน์

3. วัดสุทัศน์

ถ้าพูดถึงวัดที่เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของวัดสุทัศนเทพวรารามอยู่ด้วยแน่นอน เพราะจุดเด่นของวัดนี้ก็คือเสาชิงช้าสูงสีแดงที่ตั้งอยู่หน้าวัดนั่นเอง นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมของวัดยังสะท้อนให้เห็นศิลปะสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีกด้วย ใครที่สนใจทำบุญก็สามารถมากันแต่เช้าได้ พร้อมกับเก็บภาพความสวยงามของเสาชิงช้าที่หน้าวัดสุทัศน์นี้ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 146 ถนนบำรุงเมือง วัดราชบพิธ พระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดสุทัศน์
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสามยอด ทางออกที่ 3
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:30 – 21:00 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

4. วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

มาดูอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยวัดนี้มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังคงอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยนั้นไว้อย่างดี โดยจุดเด่นของวัดนี้คือ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์และล้านนา และพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีความสูง 69 เมตร จึงทำให้มองเห็นได้แต่ไกลลิบ ไม่ว่าจะมาวัดนี้ในช่วงกลางวันให้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับพระพุทธรูปหรือมาช่วงเย็นที่มีแสงรำไร ก็สามารถได้ภาพถ่ายที่สวยงามทั้งหมด นับว่าวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ให้ทั้งความสงบและความสวยงามเหมาะแก่การมาเยือนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160
  • พิกัด: วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
เอเชียทีค

5. เอเชียทีค

ใครอยากเที่ยวแบบชิลๆ ลองมาที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์กันได้เลย เพราะที่นี่นับว่าเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินชิล ชิม ชอป และถ่ายรูปสวย ๆ กับชิงช้าสวรรค์อันเป็นจุดเด่นของที่นี่ รายล้อมไปด้วยการตกแต่งสไตล์เมืองท่า เป็นสถานที่ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน 

นอกจากนี้ในช่วงนี้ยังมีงานแสดง Disney 100 Village ที่ให้แฟนดิสนีย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาพบปะคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่ชื่นชอบกันอีกด้วย โดยงานเริ่มตั้งแต่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 นี้

  • ที่ตั้ง: 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: เอเชียทีค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือโดยสารของเอเชียทีคโดยตรง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 00:00 น.
มหานคร สกายวอล์ค

6. มหานคร สกายวอล์ค

ที่มหานคร สกายวอล์ค เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพสำหรับคนที่ต้องการความท้าทายและความเร้าใจด้วยการยืนชมวิวบนพื้นกระจกลอยฟ้าที่ความสูง 310 เมตร พร้อมทั้งมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ สามารถชมวิวเมืองหลวงอันสวยงามในเวลากลางวันและกลางคืนได้ 360 องศาเลยทีเดียว ใครที่อยากได้ความตื่นเต้นพร้อมเก็บภาพบรรยากาศเมืองกรุงเทพสวย ๆ ก็สามารถซื้อบัตรเยี่ยมชมที่นี่ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: มหานคร สกายวอล์ค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.
ท่ามหาราช

7. ท่ามหาราช

มาต่อกันที่จุดเช็คอินในกรุงเทพสุดชิคอย่างท่ามหาราช ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงให้กลิ่นอายของเมืองเก่าดั้งเดิมของไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครัน ไม่ว่าจะกิน ชอปปิง เดินชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือถ่ายรูปตามมุมสวยๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น มาตอนกลางวันก็ได้บรรยากาศแบบหนึ่ง มาตอนกลางคืนก็จะได้บรรยากาศอีกแบบ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญอีกมากมาย ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

  • ที่ตั้ง: 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่ามหาราช
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าช้าง (N9) หรือนั่งรถโดยสารประจำทาง ลงหน้าท่ามหาราช สาย 32, 53, 124, 203, 201, ปอ.32, ปอ.524
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 21:00 น.

8. สวนรถไฟ

ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศพื้นที่สีเขียวแบบสบาย ๆ ขอแนะนำให้มาที่สวนรถไฟ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและออกกำลังกายกัน ด้วยพื้นที่กว่า 375 ไร่ มีกิจกรรมให้ทำมากมายได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งปั่นจักรยาน เข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลง เมืองจราจรจำลองสำหรับเด็กๆ เป็นต้น ใครที่ชอบบรรยากาศร่มรื่นหรือหาพื้นที่สำหรับปิกนิก ก็แวะมาที่สวนรถไฟได้เลย

  • ที่ตั้ง: ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10900
  • พิกัด: สวนรถไฟ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนจตุจักร
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สวนลุมพินี

9. สวนลุมพินี

สวนลุมพินี เป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เปิดให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและทำกิจกรรมกันได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถมาปิกนิก ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือถ่ายรูปสวย ๆ โดยมีพื้นหลังเป็นสวนกว้างสีเขียวก็ทำได้ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สวนลุมพินี 
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 04:30 – 22:00 น.

10. สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

สวนเบญจกิติได้เปิดพื้นที่แลนด์มาร์คในกรุงเทพใหม่อย่างสวนป่าเบญจกิติขึ้น เพื่อรองรับทุกกิจกรรมและทุกช่วงเวลาทั้งยามเช้าหรือยามเย็น สำหรับคนเมืองทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นปั่นจักรยาน พื้นที่เล่นกีฬา พื้นที่ศิลปะ และพื้นที่ทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังเป็นต้นแบบของสวนสาธารณะเชิงนิเวศเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็มีแต่ความร่มรื่นแน่นอน

  • ที่ตั้ง: ถนนรัชดา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือ MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สะพานเขียว

11. สะพานเขียว

สะพานเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างสวนเบญจกิติและสวนลุมพินีนั้น กลายเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินในกรุงเทพและจุดถ่ายรูปยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างมาก เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนเย็นที่แสงแดดสาดส่องลงที่สะพานเขียวนั้น เมื่อถ่ายรูปแล้วจะทำให้ได้บรรยากาศของภาพที่ดูอบอุ่นชวนให้นึกถึงญี่ปุ่นสุด ๆ

  • ที่ตั้ง: ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สะพานเขียว
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06:00 – 21:00 น.
หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

12. หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เหล่าคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะจะต้องรู้จักแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างหอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะต่างๆ และเป็นศูนย์รวมของคนรักงานศิลปะ ให้ได้มาแสดงออกกัน จึงกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ช่วงบ่ายจะเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่น ซึ่งมักจะมาถ่ายรูปตามมุมศิลปะสวย ๆ และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมนั่นเอง

นอกจากนี้หากใครไปเดินเล่นที่ MBK Center ซึ่งสามารถเดินเข้าทางเชื่อมBTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถนำสัมภาระไปฝากฟรี 2 ชั่วโมง  เดินเที่ยวดูงานศิลป์ ช้อปปิ้งเพลินๆเดินตัวปลิวกับ AIRPORTELs

ที่ตั้ง: 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330

MOCA Museum

13. MOCA Museum

MOCA Museum เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพที่เหล่าคนรักในงานศิลป์ต่างก็มาเพื่อชมงานศิลปะจากศิลปินชั้นครู และหามุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่บ่อยๆ จนทำให้เป็นที่โด่งดังในโลกโซเชียลถึงความสวยงามของสถานที่ในสไตล์มินิมอล 

โดยเฉพาะมุมบันไดสีขาวที่ดูโล่งและกว้างใหญ่แต่ก็ดูสวยในเวลาเดียวกัน หากใครกำลังมองหาโลเคชันถ่ายรูปแบบมินิมอลอยู่ ต้องลองไปในวันธรรมดาที่มีคนน้อย บอกเลยว่าที่นี่ถือว่าตอบโจทย์และได้รูปสวยดั่งใจแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
  • พิกัด: MOCA Museum 
  • การเดินทาง: รถโดยสารประจำทาง สาย 29, 69,134, 187, 191, 504, 510, 555 ลงป้ายสถานีปรมณู 1
  • เปิด-ปิด: วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น.

14. Terminal 21

ศูนย์การค้า Terminal 21 ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันและตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ ด้วยแนวคิดการชอปปิงแบบ Market Street ราวกับยกย่านการค้าชื่อดังของโลกมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะสายชิล สายกิน หรือสายชอป ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับที่นี่ได้แน่นอน ตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด 

นอกจากนี้ที่ Terminal 21 ยังมีที่รับฝากสัมภาระของ Airportels อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวให้เดินชอปปิงต่อได้อย่างสบายใจ 

  • ที่ตั้ง: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือขึ้น MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

15. Siam Scape

แลนด์มาร์คในกรุงเทพแห่งใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์  “LIFELONG LEARNING” การเรียนรู้ที่ต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาบันการศึกษา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เปิดตั้งแต่สายจนถึงดึก ทั้งร้านอาหาร สินค้าต่างๆ คลินิกเสริมความงาม และสเปซสำหรับนัดพบ อีกทั้งยังมี 

Installation Art อย่าง “ILLUSCAPE” ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินสุดเท่อย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 215 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: Siam Scape
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม หรือลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

16. อาคารไปรษณีย์กลาง

หนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับอาคารที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศแถบตะวันตกเลยทีเดียว 

ทำให้ที่นี่จึงเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินยอดนิยม โดยเฉพาะลานกว้างหน้าอาคารไปรษณีย์กลางที่มักจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนในยามกลางวันหรือยามที่พระอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว

  • ที่ตั้ง: 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: อาคารไปรษณีย์กลาง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หรือ MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด: วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09:30 – 17:30 น.
Iconsiam

17. ICONSIAM

ICONSAM แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดอลังการที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติต่างก็อยากมาเยี่ยมชม โดยในศูนย์การค้านี้ครบครันทุกความบันเทิง ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ และยังประดับไปด้วยศิลปะไทยในรูปแบบหรูหราอย่างลงตัว จุดถ่ายรูปสวยๆ มีให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำพุ น้ำตก ลานชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะมีการเล่นแสงสี ทำให้ยิ่งสวยมากขึ้น จะถ่ายมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 299 ซอยเจริญนคร 5 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: ICONSIAM
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานกรุงธน ออกประตูทางออก 3 ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีทอง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

18. บ้านบางเขน

ใครเป็นสายถ่ายรูปฮิปๆ แนะนำอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพอย่าง บ้านบางเขน เพราะที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ตกแต่งด้วยธีมวันวานยุค 90 และยังสะสมของโบราณหาดูได้ยากอีกมากมาย ทำให้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดชิคสไตล์โบราณ รวมทั้งยังมีอาหารพื้นเมืองให้ทานอีกอีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินเล่นถ่ายรูปชิล ๆ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน

  • ที่ตั้ง: 17 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220
  • พิกัด: บ้านบางเขน
  • การเดินทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 26, 34, 39, 59, 107, 114, 129, 185, 503, 512, 522, 543
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 02:00 น.
ช่างชุ่ย

19. ช่างชุ่ย

สายอาร์ตพลาดไม่ได้เลยกับแลนด์มาร์คในกรุงเทพชื่อดังอย่าง ช่างชุ่ย ที่เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นอาณาจักรแห่งความสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ บูธขายของ สินค้า ต่างก็ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และยังมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่าง “นาโอ” ร้านอาหารที่อยู่ในเครื่องบินลำใหญ่ใจกลางช่างชุ่ย ที่ใครเห็นเป็นสะดุดตาแน่นอน ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศของช่างชุ่ยที่สวยงามไม่แพ้กันเลย

  • ที่ตั้ง: 462 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10700
  • พิกัด: ช่างชุ่ย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 515, 539
  • เปิด-ปิด: โซน Creative​ Park ​เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 23:00 น. และโซน Plane Night Market เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 16:00 – 23:00 น.

20. ตลาดน้อย

อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่อยากแนะนำ คือ ตลาดน้อย ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 22 ซึ่งเป็นย่านเก่าของชาวจีน ทำให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย – จีน จึงเห็นภาพบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟสไตล์จีนเก่าอยู่มากมาย อีกทั้งมีสตรีตอาร์ตที่บอกเล่าชีวิตของคนในชุมชนนี้ ให้นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้ายันเย็น 

  • ที่ตั้ง: ถนนเจริญกรุง แขวงสุริยวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: ตลาดน้อย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 1, 35, 36, 75, 93
  • เปิด-ปิด: –
เยาวราช

21. เยาวราช

เยาวราช แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดฮิตที่จะเห็นคนเช็คอินในโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยป้ายไฟสีแดงจากร้านทองที่เนืองแน่น ยิ่งในช่วงกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและสตรีตฟู้ด ถือเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปและสายกิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมในโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ

  • ที่ตั้ง: ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10100
  • พิกัด: เยาวราช
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานีรถไฟหัวลำโพง

22. สถานีรถไฟหัวลำโพง

สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5 โดยตัวอาคารก่อสร้างเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะเรอเนซองส์ ทำให้มีความโดดเด่นราวกับสถาปัตยกรรมในยุโรป เพียงหาเวลาเหมาะ ๆ มาเดินชิล นั่งเล่น หรือถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งในและนอกสถานีก็ได้ทั้งหมด

  • ที่ตั้ง: ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สถานีรถไฟหัวลำโพง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด:

23. ท่าช้าง

มาถึงจุดเช็คอินในกรุงเทพที่สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ ท่าช้าง ซึ่งในย่านนี้ได้มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทำให้มีสีสันมากขึ้น แถมโปร่งโล่ง ดูสะอาดตาอีกด้วย โดยไฮไลต์ของที่นี่ คือ ตึกแถวแห่งท่าช้างสไตล์นีโอคลาสสิก ที่ได้รับการฟื้นฟูจนสวยงามและมีสีเหลืองสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปชิคๆ ยิ่งในช่วงเย็นที่มีแสงพระอาทิตย์ตกดินคู่กับตึกแถวสีเหลือง จะยิ่งทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สีสวยมากทีเดียว

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่าช้าง
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 18:00 น.

แลนด์มาร์คในกรุงเทพต่างก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ลองออกไปเที่ยวแล้วค้นหาตัวเองดูว่าชอบสถานที่แบบไหน แล้วอย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว

13 ที่เที่ยวของคนโสด เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ลุยเดี่ยวมีข้อดีกว่าที่คิด

หากใครที่เป็นคนโสดแล้วอยากไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหรือไม่อยากรอเพื่อนว่าง บทความนี้จะมาแนะนำ 13 ที่เที่ยวในไทยสำหรับคนโสดที่อยากไปพักใจ อยากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ลุยเดี่ยวคนเดียวชิลๆ ท้าทายตัวเองว่าเที่ยวคนเดียวสามารถไปเที่ยว และการไปเที่ยวคนเดียวนั้นมีข้อดีมากกว่าที่เราคิด เพราะจะได้ใช้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่ สามารถโฟกัสกับสิ่งรอบตัว ซึมซับบรรยากาศได้มากขึ้นและยังมีข้อดีของการเที่ยวคนเดียวอื่นๆ อีกมากมายอยู่ในช่วงท้ายของบทความ

13 ทริปคนโสด ลุยเดี่ยว คนเดียวชิลๆ

13 ทริปคนโสดทั่วประเทศไทย ที่ได้คัดสรรมาแล้ว เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้ทั้งหญิงและชาย ปลอดภัยไม่อันตราย ท่องเที่ยว พักผ่อนได้อย่างสบายใจ คลายกังวล กลับจากทริปด้วยใจฟูๆ 

ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

1. ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

สัมผัสเมืองเหนือ อากาศเย็นๆ และผู้คนที่อัธยาศัยดี การเดินทางที่สะดวก อาหารการกินก็ไม่แพง เหมาะแก่การมาเที่ยวคนเดียว บางทีเราอาจจะไม่กล้ากินเยอะเพราะว่าไม่มีคนหารด้วย แต่ที่นี่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้แบบจุใจ และบรรยากาศสดชื่น อยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และไปคนเดียวก็ไม่เหงา เพราะมีหลายอย่างสนุกๆ ให้ได้ลองทำมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวก็เยอะ 

โดยที่ห้ามพลาดเลย เมื่อไปถึงก็คือ ‘ทะเลหมอกหยุนไหล’ เมื่อมาปายแล้ว การชมทะเลหมอกก็นับว่าถ้าไม่ได้มาก็เหมือนมาไม่ถึงก็ว่าได้ เพราะที่ปายคือสถานที่ที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก เพราะไม่ว่าจะมาตอนไหนก็จะพบหมอกทุกครั้งที่ได้มาเยือน เมื่อมองออกไปภาพที่เห็นคือทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และรายล้อมไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ต่างๆ และยังมีเสน่ห์ของบ้านเรือนเมืองปายที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอกอีกด้วย ที่เมื่อได้มาเที่ยวคนเดียวเหมือนได้สัมผัสความสงบ และดื่มด่ำให้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่ 

  • ที่อยู่ : หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/hQiREWHZGzcxqHvw8
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 5.30-18.00 น. (ค่าเข้าชม 20 บาท)
  • เบอร์โทร : –
เชียงคาน จ.เลย

2. เชียงคาน จ.เลย

เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมโบราณดั้งเดิม ให้ได้ซึมซับบรรยากาศวันวาน เดินเล่นคนเดียวได้ชิวๆ แถมยังมีกิจกรรมให้ทำ เช่น ไปปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขง ได้สัมผัสธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้การมาเที่ยวคนเดียวนั้นไม่เหงาอีกมากมาย เช่น ‘สกายวอล์ค เชียงคาน’ หรือ ‘สกายวอล์ค ภูคกงิ้ว’ สูงเทียบเท่ากับตึก 30 ชั้น จุดเด่นคือมีทางเดินที่ทำด้วยกระจก เป็นการปลดล็อคความกล้า เพราะจุดนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และน่าหวาดเสียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดที่วิวสวยงามมากเลยทีเดียว

  • ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/inPvyiqBeMfBwi9V7
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดทั้งวัน
  • เบอร์โทร : –

หรือจะเป็น ‘ถนนคนเดินเชียงคาน’ ที่เหมาะแก่การเดินชิล มีทั้งของกิน ของอาร์ตต่างๆ สินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด มีกิจกรรมให้ทำมากมายสำหรับคนมาเที่ยวคนเดียว บ้างก็มีการเพ้นหน้า สัก เป็นต้น ด้วยอากาศเย็นๆ และบรรยากาศดี จนติดใจอยากมาอีกรอบเลยก็ได้

  • ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/R3XgyifiuXidhv5Z9
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดทั้งวัน (ถนนคนเดินเปิดช่วง 17.00-22.00 น.)
  • เบอร์โทร : –
บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

3. บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

ไปเติมความสดชื่นกับธรรมชาติแบบเต็มเหนี่ยว รอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว เดินทางง่าย นั่ง BTS ไปได้ จุดเด่นของที่นี่เลยคือ การปั่นจักรยานเที่ยวสัมผัสบรรยากาศรอบด้าน ทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งหากมาเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแล้วเกิดหลงทาง ก็สามารถถามคุณลุงคุณน้าตามชุมชน 

เมื่อมาถึงคุ้งบางกระเจ้าแล้ว พลาดไม่ได้เลยที่จะไป ‘สวนศรีนครเขื่อนขันธ์’ หรือ ‘สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์’ ภายในสวนจะเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ เย็นสบาย พักผ่อนหย่อนใจจากกายที่เหนื่อยล้าได้อย่างเต็มที่ ถ่ายรูปสวยโพสต์ลงโซเชียล และยังสามารถให้อาหารปลาได้อีกด้วย ซึ่งจะมีจำหน่ายอยู่ด้านหน้าของสวน และจุดไฮไลต์ในสวนคือ ‘หอดูนก’ ที่มีความสูง 7 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับนกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอีกด้วย 

  • สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์
  • ที่อยู่ : 73 ซ.วัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7uaBbVzLzJiV947q7?g_st=il
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 05.00 – 19.00 น. ทุกวัน
  • เบอร์โทร : 02 461 0972
สิมิลัน จ.พังงา

4. สิมิลัน จ.พังงา

บรรยากาศทะเลสวยๆ ที่ภาคใต้ น้ำทะเลใสสีฟ้า และเต็มไปด้วยหากทรายขาวละเอียด มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ที่จะมาช่วยทำให้การมาเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้นเต็มไปด้วยเรื่องสนุก ไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำดูปะการัง จุดว่ายน้ำ ดำน้ำ มุมถ่ายรูปสวยๆ โพสต์อวดลงโซเซียล จุดไฮไลท์ที่คนชอบมาถ่ายรูปคือ ‘หินเรือใบ’ หรือ ’Sailing Rock’ เป็นหินที่เกิดจากกัดเซาะพังทลายจากน้ำทะเล เลยเกิดเป็นหินรูปร่างแปลกตา ผู้คนจึงชอบมาถ่ายรูปกัน

  • ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/32L4izpNCpnf99Ze6
  • เปิดให้เข้าชม : 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี
  • เบอร์โทร : 0-7645-3272
ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย

5. ไร่ชาฉุยฟง จ.เชียงราย

ไร่ชาสีเขียว เพื่อให้ได้นั่งจิบชาพักผ่อนให้จิตใจสงบ สถานที่ก็สวยงาม ถ่ายรูปกันได้กับวิวสีเขียว และท้องฟ้าสีคราม ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่ และรอบๆ ยังมีคาเฟ่เล็กๆ ให้นักเดินทางท่องเที่ยว ให้ได้อร่อยไปพร้อมกับเค้ก และจิบชาในบรรยากาศดีดี

ถ้าเราอยากมาเที่ยวคนเดียวเพื่อพักผ่อนจิตใจ การมาที่ไร่ชาจะช่วยทำให้สดชื่น ลดความเหนื่อย คลายความตีงเครียดได้ดี เพราะว่าในไร่ชานั้นล้อมรอบไปด้วยสีเขียว ซึ่งสีเขียวเป็นสีที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้จิตใจภายในสงบได้ และยังช่วยเรื่องการมองเห็น ทำให้มีสมาธิได้ดี 

  • ที่อยู่ : 97 หมู่ 8 อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/S7JvTSCBPQ5ZPkyc6
  • เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.30 น.
  • เบอร์โทร : 0-5377-1563
แพกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 

6. แพกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 

สัมผัสธรรมชาติแท้ๆ ให้เราได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ที่แพกาญจนบุรี จะมีอะไรฟินไปกว่าการได้นอนบนแพมองท้องฟ้า แล้วปล่อยใจไหลไปกับสายน้ำ บางทีการมาเที่ยวคนเดียวนั่นก็เพราะอยากสลัดความวุ่นวายต่างๆ การได้มองดูสายน้ำไหลผ่านก็ทำให้เพลิดเพลินจิตใจได้ แลได้ซึมซับบรรยากาศไปอีกด้วย หรือถ้าเริ่มรู้สึกเบื่อ ที่แพกาญจนบุรีก็มีกิจกรรมให้ทำตลอด 

ยกตัวอย่างเช่น ครอส ริเวอร์ แคว (Cross River Kwai) ที่พักที่ตกแต่งให้ดูคล้ายรถไฟที่เชื่อมกับประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี มีกิจกรรมที่ห้ามพลาด อย่างเรือคายัคที่มีให้ทุกห้อง ไม่ทำให้คุณต้องเบื่อแน่นอน

  • ที่อยู่ : 138 หมู่ 4 ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/pQhkTnbrzmGb5tRv6
  • เปิดให้เข้าชม : ตลอดเวลา
  • เบอร์โทร : 09-3120-7832
แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

7. แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

ถ้าใครที่อยากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ต้องได้ลองมาที่แปดริ้ว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย กิจกรรมที่หลากหลาย มาเที่ยวคนเดียวได้แบบมันส์ ไม่เหงา เป็นการได้พักผ่อนจากความเหนื่อยทั้งหลาย ซึ่งมีสถานที่ที่เป็นจุดไฮไลท์มากมายที่เหมาะกับทั้งชายและหญิง เช่น อาจจะเริ่มด้วยการมาทำบุญที่ ‘วัดหลวงพ่อโสธร’ ที่เมืองแปดริ้ว เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล เพื่อให้จิตใจสงบ ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกง เป็นทริปการท่องเที่ยวที่ช่วยทำให้อยู่กับความสงบ สลัดความวุ่นวายภายในจิตใจออกได้อย่างเต็มที่

  • วัดหลวงพ่อโสธร
  • ที่อยู่ : ถนนเทพคุณากร ตำบลหน้าเมือง อำเถอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/eaK6JRvySsNTPEc38
  • เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 7.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด 7.00-17.00 น.
  • เบอร์โทร : 038-511-048

หรือหากอยากได้ความชุ่มชื้นสักหน่อย ให้คลายร้อน ก็แวะมาเล่นน้ำที่ ‘น้ำตกบ่อทราย’ อยู่ในกลางป่า เป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บนร่องน้ำขออ่างเก็บน้ำคลองสียัด นอกจากจะได้เล่นน้ำเย็นๆ แล้ว บรรยากาศรอบๆ นั้นก็สวยงาม แสงแดดที่กระทบกับกับสายน้ำที่ไหลผ่าน เป็นการเอาใจที่เหนื่อยมาชะล้างให้ผ่อนคลาย

  • น้ำตกบ่อทราย
  • ที่อยู่ : หมู่ 18 บ้านคลองสียัด ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Se4kYBURMxHTdqFdA?g_st=ic
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 7.00-18.00 น. ทุกวัน
  • เบอร์โทร : 09-6817-9906 , 06-3684-8669
Coro Field สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

8. Coro Field สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

ฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หากมาเที่ยวคนเดียวไม่น่าเบื่อแน่นอน เพราะมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำ เช่น ชมผัก ปลูกผัก แถมยังได้กินผักออร์แกนิค ตอบโจทย์สายออร์แกนิคสุดๆ ถ้าไม่อยากทำอะไร ที่นี่มีบริเวณพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม เป็นมุมพักผ่อนชั้นยอด และถ้าหากหิวก็ยังมีโซนร้านอาหาร คาเฟ่ ให้ได้เพลิดเพลินไปกับอาหารออร์แกนิคอีกด้วย บรรยากาศภายในร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่น

  • ที่อยู่ : ตำบลป่าหวาย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CZ6CK4W69HoJ4xvp7?g_st=ic
  • เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 9.00-18.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิด 9.00-21.00 น.
  • เบอร์โทร : 0-92569-4791
เกาะขาม สัตหีบ จ.ชลบุรี

9. เกาะขาม สัตหีบ จ.ชลบุรี

เกาะขามเป็นเกาะยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะมีน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว หาดทรายสีขาว ท้องฟ้าสีคราม ที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน หรือจะได้รูปสวยๆ กลับมาแน่นอน ด้วยวิวสวยๆ จะทำให้คุณลืมไปเลยว่าอากาศร้อน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทริปมาเที่ยวคนเดียวที่สนุดสุดเหวี่ยงไปกับการดำน้ำดูปะการัง หรือจะพายเรือคายัค

  • ที่อยู่ : สำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/x6mBvksmFXFfme186
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตามรอบเรือ จุดจำหน่ายตั๋ว ท่าเรือเขาหมอจอ
  • เบอร์โทร : 0-3312-4848, 09-3397-1342 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-11.30 น. และ 13.00-16.30 น.)
อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

10. อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดที่รู้จักกันดีในสมุทรสงคราม มีชื่อเสียงทั้งในเรื่องของอร่อย รวมไปถึงการนั่งเรือล่องแม่น้ำ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพ เดินทางได้ง่าย มาเที่ยวคนเดียวได้สบาย 

ที่ที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวกันมากที่สุดก็คงไม่พ้น ‘ตลาดน้ำอัมพวา’ เป็นตลาดที่ทรงเสน่ห์เหลือล้น เพราะจะมีพ่อค้า แม่ค้าที่พายเรือขายอาหาร และเครื่องดื่มกันมากมาย มีทั้งขนมไทย ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดดไทย และอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าถึงแม้ว่าจะมาเที่ยวคนเดียวก็เจริญอาหารสุดๆ แถมบรรยากาศยังเหมือนได้กลับไปอดีต พักผ่อนได้อย่างเต็มที่

  • ที่อยู่ : อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
  • พิกัด : https://g.page/amphawa?share
  • เปิดให้เข้าชม : วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00-21.00 น
  • เบอร์โทร : –

หรือถ้าเป็นสายรักสัตว์ที่อัมพวามี ‘บ้านแมวไทย’ เป็นสถานที่ที่จะรวบรวมแมวพันธุ์ไทยโบราณต่างๆ ไว้ ซึ่งจะมีโซนให้เราได้ไปเล่นกับน้องๆ ได้อย่างใกล้ชิด น้องจะเดินเข้ามาอ้อน กระโดดขึ้นตัก หรือถ้าจะอุ้มก็ได้ เป็นสวรรค์ของทาสแมวจริงๆ ซึ่งหากมาเที่ยวคนเดียวแล้วเหงา ก็สามารถแวะมาที่นี่ น้องแมวจะช่วยเยียวยาจิตใจให้เราได้

  • ที่อยู่ : ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/sHdY3dZD12HaBV7P9
  • เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.
  • เบอร์โทร : 0-3470-2068
โบราณสถาน จ.อยุธยา

11. โบราณสถาน จ.อยุธยา

เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ และโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เหมือนได้มาสัมผัสกับอดีตต่างๆ เป็นการมาเที่ยวคนเดียวที่ครบรสชาติ สถานที่ที่ได้สัมผัสธรรมชาติ พร้อมกับประวัติศาสตร์ และได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ

ซึ่งมีวัดที่สำคัญมากมาย โดยจะเริ่มกันที่ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของอยุธยาเลย เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีนักท่องเที่ยวมากันมากมาย หากเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว นอกจากได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังได้ความรู้ และเพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกด้วย

  • ที่อยู่ : 40/3 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/PdTxx23ZYHJ3g29
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.00-17.00 น. 
  • เบอร์โทร : –

และต่อกันด้วย ‘วัดมหาธาตุ’ เป็นอีกวัดที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ และเป็นศูนย์กลางเมืองในการจัดพระราชพิธีต่างๆ และยังมีเศียร์พระพุทธรูปหน้าวิหารเล็กที่ปกคลุมไปด้วยรากไม้ใหญ่ ที่ถ้าหากมาเที่ยวที่นี่และได้เห็นเป็นครั้งแรกจะต้องรู้สึกว่าดูน่าหลงใหล เหมือนถูกดึงเข้าไปในอดีตเลยก็ว่าได้ 

  • ที่อยู่ : เชิงสะพานป่าถ่าน ถนนนเรศวร ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/uUCriY2vTZCaLKQC6
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.30-16.30 น. มีค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท 
  • เบอร์โทร : –

ซึ่งหากได้เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะนอกจากโบราณสถานที่ให้ความรู้ และได้สัมผัสบรรยากาศต่างๆ แล้วยังมีคาเฟ่มากมายให้ได้ไปลิ้มลอง

เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

12. เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

เกาะสีชังเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีความสวยงาม แถมยังใกล้กรุงเทพ การเดินทางนั้นก็ไม่ยากมาเที่ยวคนเดียวก็สามารถเดินทางได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวหลง มีเรือข้ามไปเกาะสีชัง โดยเรือข้ามไปเกาะสีชังเที่ยวแรก 6.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.00 น. มีเรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง และเมื่อไปถึงก็มีมอเตอร์ไซต์ให้เช่าบริการ ขับรับลมฟินๆ รอบเกาะ หรือถ้าหากไม่อยากขับก็มีพี่วินมอเตอร์ไซต์ให้รับจ้าง และรถสกายแล็บให้ใช้บริการ

จุดที่เป็นไฮไลท์ที่ต้องแวะมาถ่ายรูปด้วยคือ ‘ช่องอิศริยาภรณ์’ หรือ ‘ช่องเขาขาด’ ความงามที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาชม เป็นช่องเขาขาดที่มีลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ และยังมีกิจกรรมให้ทำอีก นั่นคือการตกปลา เนื่องจากที่นี่มีโขดหินมากมาย เลยเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาหลายชนิด ซึ่งถ้าหากไม่อยากตกปลา เราก็สามารถนั่งชมปลาอย่างเดียวได้ เพราะปลาแต่ละชนิดที่นี่นั้นมีลวดลายที่สวยงาม หาดูได้ยาก 

  • ที่อยู่ : 231/1 ถนนท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/g1VWfQwZLQvoRCL36
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 8.00-18.00 น.
  • เบอร์โทร : –
ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

13. ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

เมื่อพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว หลายคนคงเคยคิดอยากลองหนีขึ้นดอย ไปสัมผัสอากาศเย็นๆ บรรยากาศเมืองเหนือ ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น และไปเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นของชาวเหนือ ซึ่งที่ดอยอินทนนท์มีที่ให้เที่ยวมากมาย กิจกรรมให้ทำก็เยอะ ของกินก็อร่อย ผู้คนในชุมชนก็น่ารัก 

ซึ่งมาถึงดอยสิ่งแรกที่นึกถึงก็คงเป็นการชมวิวระดับพระเจ้าสร้าง โดยเริ่มที่ ‘จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน’ เป็นวิวที่สวยขนาดยอมทนตื่นเช้ามาให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเข้า และบรรยากาศของทะเลหมอก แถมเส้นทางในการขึ้นมาจุดชมวิวนั้นก็ได้สัมผัสธรรมชาติได้อย่างเต็มปอด ร่มเงาของต้นไม้ และมีแสงแดดส่องรำไรตามพื้นป่า มีเฟิร์นหลายชนิด มอสสีเขียวขึ้นคลุมโคนต้นไม้มากมาย แม้ว่าจะเดินไกลแค่ไหนก็คงต้องหายเหนื่อยเลยทีเดียวเดียว เมื่อได้ชมวิวสวยงามตามข้างทางแบบนี้ เป็นทริปมาเที่ยวคนเดียวที่คุ้มสุดๆ แล้วกับสิ่งสวยงามที่ได้พบเจอ

  • ที่อยู่ : เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณกม.ที่ 43 ใกล้กับพระมหาธาตุ นถทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ถนนจองทอง-ดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง สันป่าตอง และแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/tfkjFPX4YGbzRWAC9
  • เปิดให้เข้าชม : เปิด 6.00-16.00 น.
  • เบอร์โทร : 09-3146-9682
ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ต้องง้อใคร

ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ต้องง้อใคร

การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวนั้นไม่ได้แย่อย่างที่เราคิดเสมอไป บางคนอาจจะกลัวเหงา  แต่จริงๆ การเที่ยวคนเดียวมีข้อดีมากมายหลายอย่าง ซึ่งถ้าหากเราไม่อยากไปคนเดียว มัวแต่รอให้เพื่อนว่าง รอใครสักคนไปด้วย อาจทำให้เราพลาดไปสถานที่ที่เราชอบ ไปพักผ่อน ฮีลลิ่งจิตใจเลยก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นนิทรรศการที่มีวันมากำหนดด้วยอีก จริงๆ การไปเที่ยวไม่จำเป็นต้องไปเป็นแก๊งก็สนุกได้ ข้อดีของการท่องเที่ยวคนเดียวจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

เป็นการเปิดโลก ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับอิสระที่แท้จริง

บางครั้งการไปเที่ยวหลายคนอาจจะเกิดความวุ่นวายหลายอย่าง เช่น รอคนครบ  ไปเลท การตัดสินใจร่วมกัน กิจกรรมที่ทำ สถานที่พัก ฯลฯ การมาเที่ยวคนเดียวสามารถตัดสินใจเองได้เลยโดยไม่ต้องรอความเห็น และในระหว่างเดินทางเราจะได้มีเวลาคิดอะไรได้มากมาย สลัดความวุ่นวาย ได้อยู่กับตัวเอง และได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ประหยัดพลังงานร่างกายจากการใช้กับผู้คน และยังได้โฟกัสกับสิ่งรอบตัวได้อย่างเต็มที่ 

ได้เจอคนใหม่ เพื่อนใหม่ และอาจจะพบรักใหม่ในที่ใหม่ๆ

การไปเที่ยวคนเดียว นอกจากจะได้ลองทำอะไรกิจกรรมใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองทำคนเดียวแล้ว ยังได้เจอกับคนใหม่ๆ อีกด้วย เพื่อนในแก๊งอาจจะไม่เหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวในแบบของเราก็ได้ การได้มาเที่ยวคนเดียว ทำให้เราได้เจอคนแบบเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนกัน จึงมีในหลายเหตุการณ์ที่การท่องเที่ยวนั้นนำพารักมาหาเราและส่วนใหญ่นั้นเป็นคนโสด  และได้เพื่อนใหม่ที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน 

ออกจากเซฟโซน กล้าตัดสินใจเอง คิดเองแบบ 300%

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเราจะสามารถตัดสินใจได้เลยโดยไม่ต้องรอความเห็น ซึ่งในจุดนี้จะช่วยทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น กล้าคิด กล้าทำ เป็นการหลุดออกจากเซฟโซนอย่างนึง ในตอนเริ่มต้นเราอาจจะยังไม่กล้าสนทนากับใคร หรือไม่กล้าเริ่มทำอะไรมากนัก แต่ในบางสถานการณ์จะบังคับให้เราต้องทำอะไรสักอย่าง เช่น เมื่อต้องการความช่วยเหลือในการเดินทาง เราอาจจะต้องถามคนที่อยู่แถวนั้น

และในกรณีที่อยู่คนเดียวต้องตัดสินใจ ณ ตอนนั้น เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการตัดสินใจของเรา แม้ว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ ในภายหลังเราจะสามารถนำประสบการณ์ตรงนี้ขึ้นมาใช้ได้เอง

ค้นหาตัวเอง พบเจอตัวตนใหม่ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

ในบางครั้งเราก็ยังไม่รู้จักตัวเองไปซะทั้งหมดหรอก การมาเที่ยวคนเดียวจะทำให้เรามองเห็นตัวเองในหลายมุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มุมที่กล้าหาญ มุมที่บ้าได้หลุดโลก หรือมุมที่เราได้เห็นวิวสวยๆ นั้นทำให้มีความสุขได้มากขนาดไหน จนทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ที่เราชอบมากกว่าเดิม 

หลายคนอาจจะไม่กล้าเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว จากเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น อาจจะกลัวเหงา หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองอย่างไรเวลาเห็นเราอยู่คนเดียว หรือไม่กล้าที่จะทำกิจกรรมคนเดียว บทความนี้จะเชิญชวนให้กล้าออกไปใช้เวลากับตัวเอง เที่ยวคนเดียวแบบไม่ต้องรอใคร กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าลองทำอะไรคนเดียว เป็นการปลดล็อคตัวเองในอีกขั้น นั่นเลยเป็นหนึ่งในข้อดีของการมาท่องเที่ยวคนเดียว

ซึ่งบางครั้งการไปเที่ยวคนเดียวก็ต้องการความสะดวกสบาย เพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง ทั้งกระเป๋าและสัมภาระ ที่อาจจะสร้างความลำบากให้กับการเดินทาง เป็นอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ซึ่งเพื่อลดภาระการเดินทาง เพื่อให้เดินทางได้อย่างสบายใจ สบายหลัง สามารถเลือกใช้บริการรับส่ง-ฝากกระเป๋ากับ Airportels เป็นสายงานบริการที่จะช่วยบริการขนส่งกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว ช่วยให้การเดินทางของเรานั้นสะดวกสบายมากขึ้น มีหลายสาขาให้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นสาขาสุวรรณภูมิ สาขาเซนทรันเวิล์ด สนามบินดอนเมืองก็สามารถฝากสัมภาระไว้ได้เลย แล้วไปเที่ยวคนเดียวได้โดยไม่ต้องพกกระเป๋าหนักๆ และวันสุดท้ายของทริปก็สามารถฝากสัมภาระ ไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วออกไปเที่ยวได้เช่นกัน ทริปไปเที่ยวคนเดียวจะสนุกมากขึ้น

Bangkok Art Biennale 2022 กลับมาแล้ว 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

คนรักศิลปะเตรียมเสพ กรุงเทพ ของเรากำลังจะเป็นศูนย์กลางงานศิลป์ระดับโลก เทศกาล Bangkok Art Biennale (บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่) งานรวมเหล่าศิลปินครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมีที่มาจากเทศกาล Art Biennale แห่งประเทศอิตาลี ครั้งแรกสุดของ Art Biennale ผ่านมานานกว่าร้อยปีแล้วที่เมืองเวนิส หลังจากนั้นก็ได้ขยายการจัดงานไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย และสำหรับประเทศไทยมีการจัดงานมาแล้ว 2 ครั้งในชื่อ Bangkok Art Biennale

 

จากเวนิสสู่กรุงเทพ เทศกาลศิลปะร่วมสมัยที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ครั้งแรกของเทศกาล Bangkok Art Biennale จัดขึ้นด้วยแนวคิด “สุขสะพรั่ง พลังอาร์ต” หรือ “Beyond Bliss” ครั้งนั้นมีศิลปินระดับโลกรวมศิลปินชาวไทยเข้าร่วมแสดงผลงานถึง 75 คน เป็นเทศกาลที่จัดยาวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019 เรียกว่าสุขสะพรั่งกันข้ามปี รูปแบบการจัดงานคือ ผู้จัดจะเลือกแลนด์มาร์คสำคัญ ๆ ใจกลาง กรุงเทพ มากกว่า 10 แห่งเป็นสถานที่จัดงาน อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, มิวเซียมสยาม, เซ็นทรัลเวิลด์, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ฯลฯ ซึ่งในปีนั้นสถานที่จัดงานทุกแห่งเนืองแน่นไปด้วยแฟนพันธุ์แท้ของศิลปินทุกแขนง ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้พลังศิลปะเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้รักงานศิลป์ เพิ่มมนต์ขลังให้กรุงเทพมหานครเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโลกที่น่าค้นหา 

หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดงานครั้งแรกไปแล้ว Bangkok Art Biennale ได้ถูกจัดให้มีขึ้นอีกครั้งในปี 2020 ซึ่งปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคนไทยและคนทั่วโลกที่ต้องประสบกับสถานการณ์โควิด-19 อันร้ายแรง โยงใยพัวพันไปถึงปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม แผนการจัดงานครั้งนั้นก็ยังดำเนินต่อไป โดยทางคณะผู้จัดงานมีความหวังว่า ศิลปะจะเข้ามาช่วยบำบัดจิตใจที่บอบช้ำของชาวโลกได้บ้าง ตามคอนเส็ปท์ “Escape Route” หรือชื่อไทยว่า “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ครั้งนั้นมีศิลปินรวม 82 คน เปิดให้เข้าชมงานในแบบ New Normal ท่ามกลางโควิด

 
 

CHAOS : CALM คอนเซ็ปต์ใหม่ Bangkok Art Biennale 2022

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยปีนี้ มูลนิธิ Bangkok Art Biennale ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ, กรุงเทพมหานคร พร้อมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนอีกหลายแห่งในการจัดงาน Bangkok Art Biennale 2022 ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปท์ “CHAOS : CALM” ซึ่งสื่อความหมายถึงความวุ่นวายสับสนของชาวโลกที่ถูกไวรัสคุกคาม ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดและต้องหาวิธีปรับตัวได้ ซึ่งจะทำให้ค้นพบหนทางแห่งความสงบสุขท่ามกลางความโกลาหลที่ยังวนเวียนอยู่ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ระหว่างความโกลาหลกับความสงบสุขนั้นจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันได้อย่างไร แต่ในมุมมองของศิลปิน ต่างเชื่อว่าสามารถที่จะเป็นไปได้โดยอาศัยความรัก ความเห็นอกเห็นใจของคนที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรค และค้นพบความสุขในที่สุด นี่คือแนวคิดที่น่าสนใจและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 
 

Bangkok Art Biennale 2022 มีที่ไหนบ้าง

สถานที่จัดงานยังคงยึดแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ บวกกับการแสดงดิจิทัลอาร์ตในโลกออนไลน์อีก 1 ช่องทาง มีที่ไหนบ้าง รวมมาแล้ว โดยทั้งสิ้น 12 พื้นที่ที่เราทุกคนสามารถเลือกเข้าชมความอลังการของงานนี้ได้

 

1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

 

2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

 

3. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร

 

4. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

 

5. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

6. มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้

 

7. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

8. สามย่านมิตรทาวน์

 

9.เดอะ ปาร์ค

 

10. เดอะพรีลูด วันแบงค็อก

 

11. JWD Art Space 

 

ศิลปินไทย ร่วมแสดงผลงานกับ ศิลปิน เอกระดับโลก

งานนี้ไม่ใช่การประชันฝีมือ แต่เป็นการพบกันด้วยหัวใจของศิลปินหลายชาติหลายภาษาที่จะมาร่วมกันถ่ายทอดผลงานรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ชิ้นที่ศิลปิน 73 ท่านจาก 35 ประเทศรวมประเทศไทยได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ นำทีมโดยศิลปินเอก แอนโทนี กอร์มลีย์ เจ้าของผลงานประติมากรรมอันโดดเด่นและไม่เหมือนใคร ผลงานของเขาติดตั้งอยู่ตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นงานปั้นรูปคนกว่า 100 ชิ้นที่ตั้งอยู่เต็มชายหาดครอสบี เมืองลิเวอร์พูล, งานประติมากรรมเหล็กรูปนางฟ้า ชื่อ Angel of the North 

สำหรับศิลปินท่านอื่น ๆ ที่ตอบรับมาร่วมงานนี้มีทั้งศิลปินที่คนในวงการรอคอยอย่าง มารีน่า อบราโมวิช จากสหรัฐอเมริกา เพราะเธอคือศิลปินที่เคยมาสร้างความประทับใจให้กับคนไทยในเทศกาลนี้แล้วทั้ง 2 ครั้ง นอกจากนั้นก็มีศิลปินผู้โด่งดังสัญชาติต่าง ๆ  อาทิ 

  • เคนเนดี ยานโค ชาวอเมริกัน 
  • ทิฟฟานี ชุง ลูกครึ่งเวียดนาม-อเมริกัน
  • จิติช กัลลัต ชาวอินเดีย
  • ชิฮารุ ชิโอตะ ชาวญี่ปุ่น
  • มิร์ทิลล์ ทิแบย์เรงซ์ ชาวฝรั่งเศส
 
 

5 เดือนแห่งความโกลาหล และความสงบสุข เริ่มตุลาคม 2565

แนวคิด “โกลาหล : สงบสุข” จะถ่ายทอดออกมาได้ปังแค่ไหน เราจะได้เห็นกันในอีกไม่นาน เทศกาล Bangkok Art Biennale 2022 จะเริ่มจัดวันแรก 22 ตุลาคม 2565 ไปจนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีเวลาให้ชมกันนานถึง 5 เดือน คนรักศิลปะห้ามพลาด

 

ที่มาข้อมูล:

One Day Trip 10 ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ อัพเดทปี 2022

วันนี้ขอมาเอาใจคนที่อยากท่องเที่ยวแบบ วันเดย์ทริปในกรุงเทพฯ ด้วย 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมาแรงปี 2022 คัดมาแล้วว่าเดินทางง่าย ให้คุณได้เพลิดเพลินแบบวันเดียวก็เที่ยวได้ จะมีสถานที่ไหนบ้างนั้นตามไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย

 

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ที่นี่ประดิษฐานพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ และยังมีสถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตรตระการตาพร้อมกับหมู่มวลพระที่นั่งในเขตพระราชฐาน หอพระเทพบิดร และยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ตรงบริเวณระเบียงคดที่วิจิตรงดงามและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางทัศนศิลป์และประวัติศาสตร์

  • ที่อยู่ : ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • พิกัด https://goo.gl/maps/PPNJHNWRpdtsP8Jd7
  • เปิดให้เข้าชม : 08.30-15.30 น.
  • ค่าเข้าชม : คนไทย เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชาวต่างชาติ ค่าเข้าชม บัตรราคา 500 บาท
    สามารถซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าชม
 
 

2. วัดอรุณราชวราราม

อีกหนึ่งแลนมาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ก็คือ พระปรางค์วัดอรุณ ดังนั้น เที่ยวในกรุงเทพ ทั้งทีก็ต้องมาถ่ายรูป เช็กอิน กับพระปรางค์กันสักหน่อย แอบกระซิบว่ายามเย็นวิวที่นี่สวยมาก แถมยังได้รับลมเย็น ๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย นอกจากนี้ บริเวณวิหารน้อยหน้าพระปรางค์ยังมีพระแท่นบรรทมของ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เชื่อว่าถ้าได้ลอดแล้วจะช่วยล้างอาถรรพ์คุณไสยทั้งหลาย

  • ที่อยู่: 158 ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600
  • เวลาเปิด: ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 18.00 น.
  • ค่าเข้า: คนไทยฟรี ชาวต่างชาติคนละ 50 บาท
 
 

3. วัดโพธิ์

ข้ามแม่น้ำเจ้าพระมาอีกฝั่งของวัดอรุณฯ ก็จะพบกับวัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะที่นี่มีจารึกตำรายาแผนโบราณ ฤาษีดัดตน และสรรพวิชาอีกหลากหลายแขนง โดยในปัจจุบันนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการนวดแผนไทย เปิดให้บริการและเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาลงเรียนวิชานวดแผนไทยได้อีกด้วย แต่ไฮไลท์เด่นของที่นี่ก็คือ เจดีย์ราย ที่มีมากกว่า 70 องค์รอบบริเวณวัด และพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ให้ได้มาสักการะขอพร 

  • ที่อยู่ : 2 ถนน สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • เวลาเปิด :  ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.-16.30 น.
  • ค่าเข้า : ชาวต่างชาติมีค่าเข้าชมคนละ 200 บาท สำหรับคนไทยเข้าชมฟรี 
 
 

4. เยาวราช

แหล่งสตรีทฟู้ดที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นย่านการค้าที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน มีห้างร้านและร้านอาหารมากมายเปิดให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน ถือว่าเป็นสวรรค์ของสายกินเลยก็ว่าได้ อาหารขึ้นชื่อที่มาแล้วจะต้องกินให้ได้เลยก็อย่างเช่น ลอดช่องสิงคโปร์ บะหมี่จับกัง ปลาหมึกย่าง ขนมปังไส้ทะลัก ก๋วยจั๊บนายเอ็กซ์ บัวลอย 3 กษัตริย์ บะหมี่เกี๊ยวโอเดียน เป็นต้น

 
 

5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่รวบรวมเอาโบราณวัตถุสำคัญที่ขุดค้นได้ในประเทศไทย ภายในมีอาคารจัดแสดงหลายอาคาร มีทั้งแสดงนิทรรศการหมุนเวียนและนิทรรศการถาวร จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ นอกจากนั้นยังจัดแสดงราชรถและเครื่องประกอบพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 4 ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • เวลาเปิด : เวลา 09.00-16.00 น. วันพุธ-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ยกเว้นเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์)
  • ค่าเข้า : คนไทย 30 บาท  / ชาวต่างประเทศ 200 บาท
  • ยกเว้นค่าเข้าชม : เด็ก / นักเรียน / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป / พระสงฆ์ / สมาชิก ICOM ICOMOS (แสดงบัตร)
 
https://travel.kapook.com/view208377.html
 

6. หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ

ใครที่เป็นสายอาร์ต รักในการเสพงานศิลปะ ต้องไป เช็กอิน ที่นี่ให้ได้ เพราะที่นี่เป็นหอศิลปะที่ภายในมีห้องจัดแสดงนิทรรศการศิลปะของศิลปินทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงผลงานกันไม่ขาดสาย ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ประติมากรรม มีเดียอาร์ต และศิลปะแนวผสมผสาน ที่สำคัญยังเดินทางง่ายมาก อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติเพียง 100 เมตร 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • เวลาเปิด : เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดปีใหม่และสงกรานต์)
  • การเดินทาง : BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 3 
 
 

7. สวนเบญจกิติ

แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท เพียง 400 เมตร เป็นแหล่งเช็กอินของเหล่าวัยรุ่นและกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 450 ไร่ ให้ได้เข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งพักผ่อนหย่อนใจปล่อยใจสบาย ๆ กับธรรมชาติ หรือใครที่อยากออกกำลังกายก็มีทั้งทางวิ่งและทางจักรยาน ซึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญก็คือ Sky walk สามารถขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ ได้

  • ที่อยู่ : Google Maps : สวนเบญจกิติ
  • เวลาเปิด : 05.00 – 21.00 น.
  • การเดินทาง : BTS และ MRT โดยมาลงรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีอโศก หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท 

อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ หรือยานพาหนะอื่น ๆ เข้ามาในสวนได้ 2 ช่วงเวลา คือ

  • ตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น. และตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.

สวนเบญจกิติ กับมาตรการโควิด 19

 
 

8. วัดสุทัศน์ เสาชิงช้า

ตระเวนเที่ยวกรุงเทพฯ แบบ Onedaytrip ยังไงก็ต้องมาถ่ายรูปกันที่เสาชิงช้า หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ถ่ายกับเสาชิงช้าก็เหมือนเที่ยวกรุงไม่ครบไม่จบทริป หลังจากได้มาชมเสาชิงช้าแล้ว ก็ต้องไม่พลาดเข้าไปไหว้พระศรีศากยมุนีในวัดสุทัศน์ ซึ่งมีบรรยากาศภายในเงียบสงบมาก ที่สำคัญมีองค์ท้าวเวสสุวรรณให้ได้กราบขอพรกันด้วย บริเวณภายนอกวัดละแวกเสาชิงช้าก็ยังมีร้านอาหารดังระดับตำนานหลายร้านรอให้ไปลิ้มลองความอร่อย 

  • ที่อยู่ : 146 ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • พิกัดhttps://goo.gl/maps/DMXB1iZ8hxpHn2dK8 
  • เวลาเปิด : ทุกวัน เวลา 08.00 – 21.00
 
 

9. มหานคร สกายวอล์ค

ที่นี่เป็นสถานที่ เที่ยวในกรุงเทพ ที่กำลังมาแรง ตั้งอยู่บนชั้น 78 ของตึกมหานคร ตึกดีไซน์สวยแปลกตาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา แบบสุดลูกหูลูกตา ยิ่งบรรยากาศยามเย็นนั้นลมดีมาก แถมยังมองเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตัดกับแสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ มีแสงสว่างจากอาคารบ้านเรือน เป็นภาพที่สวยงามมาก จุดเด่นอีกอย่างก็คือสะพานกระจกใสที่มองเห็นด้านล่างสุดหวาดเสียว ใครไปเดินแล้วรับรองว่ามีขาสั่นแน่นอน

  • ที่อยู่ : ตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
  • เวลาเปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 22.00 นาฬิกา (รอบสุดท้ายที่เปิดให้เข้า คือ 21.00 นาฬิกา)
  • การเดินทาง : นั่ง BTS ลงที่สถานีช่องนนทรี ทางออกหมายเลข 3 , รถส่วนตัว มีบริการที่จอดรถฟรี
 
 

10. มิวเซียมสยาม

พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สนามไชย ภายในจัดแสดงนิทรรศการที่บอกเล่าทุกเรื่องของความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การแต่งกาย สถาปัตยกรรม ความเชื่อ วัฒนธรรมและประเพณี ความโดดเด่นของที่นี่คือเป็นพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่ไม่ได้มีเพียงวัตถุโบราณเท่านั้น หากแต่เน้นการสื่อสารที่แปลกใหม่ เน้นให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ

  • ที่อยู่ : 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
  • เวลาเปิด : เปิดให้บริการ 10.00 – 18.00 น. ,เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์

ค่าธรรมเนียมเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 100 บาท
  • เด็ก 50 บาท
  • ชาวต่างชาติ​ 300 บาท
  • การเดินทาง : MRT ลงที่สถานี่สนามชัย ออกประตูพระบรมหาราชวัง
 
 

ทั้ง 10 สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ไปเที่ยวชมได้ง่ายแบบ Onedaytrip นี้จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบเหนือความคาดหมาย วันหยุดนี้ถ้าไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน แนะนำเช็กลิสต์ทั้ง 10 ที่นี้ แล้วออกไป วันเดย์ทริปในกรุงเทพฯ กัน บางทีอาจจะได้เห็นเสน่ห์และมุมมองใหม่ ๆ ของกรุงเทพฯ ก็ได้

 

ที่มาข้อมูล

หัวหิน เมืองที่ใครไปก็ต้องติดใจ

หัวหิน

หากลองนึกถึงเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก ทะเลสวย ที่พักดี อาหารอร่อย พร้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย “หัวหิน” คือคำตอบที่ทุก ๆ คนต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอน ด้วยเป็นเมืองติดชายทะเลอันมีความสวยงามจึงทำให้เมืองแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางในทุกช่วงเวลาแบบไม่ขาดสาย แถมพอไปแล้วก็อยากกลับไปอีกไม่รู้จบ

ที่ตั้งพร้อมวิธีเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ อ. หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางง่ายสามารถใช้ได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทาง มาจาก ถ.พระราม 2 จนถึงแยกวังมะนาวเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เพชรเกษมจนถึงแยกหุบกะพงจะเลี้ยวผ่าน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรีหรือตรงต่อเพื่อเข้าตามซอยต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน ส่วนใครอยากชิลก็นั่งรถไฟมาลงสถานีหัวหินได้เลย

หัวหิน

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

1. ชายหาด หัวหิน

มาถึงทะเลก็ต้องเดินชายหาด เล่นน้ำทะเลกันหน่อย ที่นี่เป็นชายหาดแบบเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก จึงเหมาะกับการมาทำกิจกรรมเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือจะมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น – ตกสวย ๆ แบบคู่รักก็ได้เช่นกัน

2. วัดห้วยมงคล

สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่สุดในโลก นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต

3. สวนน้ำวานานาวา

พื้นที่กว่า 20 ไร่ พร้อมเครื่องเล่นอันสุดสนุก หวาดเสียว จึงทำให้สวนน้ำแห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำหรับคนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง พร้อมด้วยร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอีกมากมาย

4. ตลาดนัดโต้รุ่ง

แหล่งช้อปปิ้งของกิน ของใช้ยามค่ำคืนที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสรรได้อย่างจุใจ มีร้านอาหารอร่อย ๆ มากมายให้ได้ลิ้มลอง พร้อมเดินชิล ๆ ในอากาศสบาย ๆ ตอนดึก

5. ตลาดแทมมารีนและตลาดชิคาด้า

ตลาดนัดขายของที่เต็มไปด้วยงานแฮนด์เมด ของกิน ของใช้อื่น ๆ มากมาย ตั้งอยู่ติด ๆ กัน สามารถเดินเที่ยวเล่นทั้ง 2 ตลาดได้เลย

หัวหิน

ที่พักสุดแนวแบบไม่ซ้ำใคร

1. The Verona Riviera Hua Hin

ที่พักสไตล์อิตาลีที่ได้แรงบันดาลใจจากเมืองเวโรน่า เน้นการตกแต่งแบบโทนสีขาวตัดฟ้า ที่จะทำให้คุณได้พักผ่อนในวันหยุดสุดพิเศษแบบไม่เหมือนใคร

2. Marrakesh Hua Hin Resort & Spa

กับบรรยากาศแบบโมร็อกโกเน้นสีสันอันหลากหลายจากกระเบื้องโมเสส แถมตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดถนนใหญ่ หาเจอไม่ยาก

3. เฌอ รีสอร์ท

ที่พักที่เน้นลวดลายของต้นไม้พร้อมสร้างบรรยากาศอันเชียวชอุ่มทำให้รู้สึกแปลกตาไม่เหมือนใคร ตัวที่พักจะคลุมโทน 3 สี คือ ดำ ขาว เทา สร้างความพิเศษได้อย่างลงตัว

ร้านอาหารห้ามพลาด

1. บ้านอิสระ

ร้านติดทะเลที่อัดแน่นด้วยของทะเลสด ๆ ชนิดว่าเลือกเมนูที่ต้องการได้เลย โดดเด่นด้วยเมนูสไตล์ไทยและฟิวชั่นจากยุโรป เช่น ปลาทูย่างน้ำปลาดิบ, หอยตลับผัดซอสโหระพา อิ่มอร่อยแน่นอน

2. ครัวกรรณิการ์

เน้นการตกแต่งด้วยต้นไม้ร่มรื่น ร้านแบบเปิดโล่ง เย็นสบาย พร้อมด้วยเมนูเด็ดอย่าง ไก่ทอดโกศล ที่ใช้สูตรหมักแบบพิเศษ และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย

3. ครัวลุงจ่า

ร้านในตลาดโต้รุ่งที่ผู้คนต่อคิวกันแน่นขนัด เมนูเด็ดที่นี่คือ ล็อบสเตอร์ที่สามารถสั่งให้ทำได้หลากหลายตามความชอบ พร้อมด้วยเมนูซีฟู๊ดอื่น ๆ อีกเพียบ

ของฝากจาก หัวหิน

ปิดท้ายด้วยของฝากที่น่าสนใจ มีหลายอย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สุด ๆ เช่น ขนมไทย, ตะโก้เสวย, อาหารทะเลแปรรูป, สับปะรดสด, สับปะรดแปรรูปและอื่น ๆ อีกมากมาย

ใครที่กำลังวางแผนเดินทางเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ อย่าลืมปักหมุดที่หัวหิวเพราะที่นี่เป็นเมืองที่ใครไปก็ต้องติดใจเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีของฝากขึ้นชื่อให้เลือกซื้อมากมายอีกด้วย

One Day Trip ปั่นจักรยาน เที่ยวอยุธยา ชมเมืองเก่า กับจุดเช็คอินที่คุณไม่ควรพลาด

bicycle near Ayutthaya historical park,Bicyble,Ayutthaya

จังหวัดพระนครศรี อยุธยา อดีตราชธานีของประเทศไทยในปัจจุบันถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สวยงาม ซึ่งคนกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปกลับได้ภายใน 1 วัน ที่นี่มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งให้นักท่องเที่ยวได้แวะเยี่ยมชม อาทิ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร, ตลาดน้ำอโยธยา, ตลาดโก้งโค้ง, พระราชวังบางปะอิน, อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ

แต่สำหรับใครที่อยากเที่ยวอยุธยาแบบ One Day Trip ด้วยจักรยาน แอร์พอเทลส์ก็มีสถานที่มาแนะนำ รับรองได้ว่าทั้งสนุก ได้บุญ และได้ความรู้อย่างเต็มที่!

Ayutthaya Buddha Head statue,Ayutthaya temple

การเดินทางมา เที่ยวอยุธยา

การมาท่องเที่ยวที่อยุธยา จะขับรถมาหรือนั่งรถโดยสารรถไฟก็ไม่ยากโดยจะมีจุดเริ่มต้นพร้อมแผนที่ในการปั่นจักรยานเอาไว้ให้หลายจุดสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการจุดไหน เช่น ตรงสถานีรถไฟ, บริเวณเกสต์เฮาส์ ห้องพักหลาย ๆ แห่งก็มีให้เช่าเช่นกัน

การเลือกเส้นทางปั่นจักรยาน เที่ยวอยุธยา ก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะทุกที่ที่ให้เช่าจักรยานจะมีแผนที่บอกว่าควรปั่นไปเส้นทางใดบ้างพร้อมแนะนำจุดแวะชมแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแต่ ขอแนะนำว่าให้ใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว มีอุปกรณ์กันแดด เช่น หมวกและผ้าปิดปากจะดีมาก เพราะอาจต้องเผชิญแสงแดดและความร้อน

เมื่อรู้เทคนิคการเที่ยวอยุธยา ด้วยจักรยานกันแล้วก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาแนะนำกันค่ะ!

Wat Ratchaburana,เที่ยวอยุธยา,Ayutthaya temple

เที่ยวอยุธยา ชมเมืองเก่า

ขอเริ่มต้นเส้นทางจากบริเวณสถานีรถไฟน่าจะเป็นจุดที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด เจอร้านเช่าจักรยานก็เลือกคันที่ถนัด ดำเนินการตามขั้นตอน จากนั้นก็แค่ปั่นออกไปตามเส้นทางสะพานปรีดีธำรง ข้ามสะพานแล้วเลียบตามถนนปรีดีพนมยงค์ไปเรื่อย ๆ เลี้ยวขวาเข้าถนนชีกุนปั่นไปสักพักจะพบกับสถานที่แรกคือ วัดมหาธาตุ

วัดนี้โด่งดังที่มีเศียรพระพุทธรูป 2 เศียรอยู่ในต้นไม้ พระปรางค์เก่า,เจดีย์แปดเหลี่ยม เที่ยวชมเสร็จก็ออกไปทางถนนนเรศวรจะพบกับวัดราชบูรณะ พระอารามหลวงในสมัยอยุธยา มีองค์พระประธานโอบล้อมด้วยระเบียงคด ที่นี่จะมีพระอุโบสถซึ่งในอดีตเคยมีทรัพย์สมบัติบรรจุไว้แต่ได้ถูกโจรขโมยไป ปัจจุบันจึงได้เปิดให้ชมเพื่อการเรียนรู้

Wat Phrasrisanpetch,เที่ยวอยุธยา,Ayutthaya temple

ย้อนกลับมาเส้นทางถนนนเรศวร ปั่นมาอีกพักใหญ่ ๆ จะพบกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ เดินชมโบราณสถานต่าง ๆ อาทิ เจดีย์ทรงลังกา 3 องค์, วิหารหลวง, วิหารพระโลกนาถ ข้างกันก็เป็นวิหารพระมงคลบพิตร เข้าไปกราบไหว้พระมงคลบพิตร พระประธานขนาดใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลกับการ เที่ยวอยุธยา ครั้งนี้

https://www.youtube.com/watch?v=GgphkdIt4fw

แล้วอาจแวะทานอาหารหรือพักจิบกาแฟเย็น ๆ ตามร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ต่าง ๆ จากนั้นค่อยลุยกันต่ออีกครึ่งวันเพราะยังมีที่เที่ยวอีกมากให้ได้ปั่นไปลุย เช่น วังช้างอยุธยา, อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่อย่าลืมกำหนดเวลาคืนรถจักรยานด้วย

Wat Chaiwatthanaram,เที่ยวอยุธยา,Ayutthaya temple

ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงเส้นทางส่วนหนึ่งในการปั่นจักรยานเที่ยวอยุธยาเท่านั้น หากอยากรู้ว่าจะสนุกแค่ไหน สวยเหมือนในรูปรึเปล่า อันนี้ต้องลองไปปั่นด้วยตัวเองแล้วล่ะ!

แต่จะไปเที่ยวที่ไหน ใกล้ไกลก็อย่าลืมนึกถึงเรานะคะ ที่เคาน์เตอร์สาขาเปิดให้บริการทุกท่านทุกวันเช่นเคย

บริการของแอร์พอเทลส์

บริการรับฝากกระเป๋า และสัมภาระ

ที่แอร์พอเทลล์ เรามีเคาน์เตอร์บริการถึง 8 สาขากระจายตัวอยู่ที่สนามบินและห้างสรรพสินค้า เพื่อให้คุณสะดวกสบายที่สุดในการเดินทาง สามารถฝากหรือส่งสัมภาระได้โดยไม่จำกัดน้ำหนักหรือขนาด อุปกรณ์กีฬาอย่างถุงกอล์ฟ ก็สามารถฝากกับเราได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท / ต่อวัน / ต่อชิ้น ! หรือง่ายกว่านั้น แอร์พอเทลล์สามารถส่งสัมภาระของคุณไปยังปลายทางได้เลยโดยที่คุณไม่ต้องลำบากถือติดตัวไปด้วยอีีก ความสะดวกสบายนี้เริ่มต้นเพียง 400 บาท / ต่อชิ้นเท่านั้น

และพิเศษ ในช่วงโปรโมชั่นนี้ บริการส่งจะเริ่มต้นที่ 299 บาทเท่านั้น!!!

เริ่มการจองของคุณได้เลยตอนนี้! ที่ airportels.asia

สาขาของเรา

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นB โซน ARL เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
สนามบินดอนเมือง เทอร์มินอล 2 ชั้น G ประตู 9 เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
Terminal 21 ชั้น 1 ติดกับประตูทางออกลานจอดรถ
Central World ชั้น 1 ติดกับ Tourist Information
MBK Center ชั้น 6 Zone B
สนามบินภูเก็ต อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ,ชั้น 1, ประตู 1 เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
Central Floresta ภูเก็ต ชั้น G
Central ป่าตอง ภูเก็ต ชั้น 1 Service Zone

ทั้ง 3 บริการของเราคุณสามารถวางใจได้ด้วยประกันการสูญหายมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท และบริการแจ้งสถานะของสัมภาระ(Tracking)ไปจนถึงที่หมาย รวมถึง 24 ชั่วโมง Customer Service ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไร้กังกล