แจกพิพัดร้านนวดสปา นวดไทยแนะนำ ในกรุงเทพฯ

กรุงเทพเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งนวัตกรรมทั้งหลายล้วนถูกนำไปใช้ในการทำสปาให้มีความครบวงจร ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าคนที่รักการนวดสปา ใครที่ชื่นชอบการผ่อนคลายด้วยวิธีนี้จะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม สปาในกรุงเทพฯ ที่จัดว่าเด็ด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการ บรรยากาศ เทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ แต่ละที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน ทั้งหมดล้วนสร้างความประทับใจ ไปดูกันว่าแต่ละที่มีจุดเด่นและความน่าสนใจอย่างไร

  

1.บริสุทธิ์ เพียว สปา (Borisud Pure Spa)

เริ่มต้นกันด้วยที่แรกสปาสำหรับคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะได้นำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือออแกร์นิกมาใช้ในการทำทรีตเมนต์ทุกตัว ถือเป็นความใส่ใจในเรื่องของสุขภาพร่างกายของลูกค้าที่มาใช้บริการ ทำให้ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ถือเป็นจุดเด่นที่ไม่ว่าใครเมื่อมาสัมผัสก็ต้องเกิดความประทับใจ  อีกทั้งบรรยากาศมีความทันสมัย สะอาดตา ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความงามมากมาย อาทิ ห้องซาวน่าระบบอินฟราเรด (Infrared Sauna) ให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายกับแสงแดดของพระอาทิตย์ อ่างน้ำจากุซซี่ (Jacuzzi) มีระบบนวดตัวขณะแช่น้ำและห้องอบไอน้ำ (Steam Bath) สำหรับฟื้นฟูสภาพผิว เป็นต้น

พิกัด : Borisud Pure Spa (Mode Sathorn Hotel, ชั้น 11)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 23:00

 

2.Kashikiri Onsen and Spa

ใครที่ชื่นชอบการแช่ตัวแบบออนเซ็นฟิลเหมือนอยู่ญี่ปุ่นต้องที่ Kashikiri Onsen and Spa สปาที่แรกของเมืองไทยย่านสุขุมวิท ที่จะมามอบความเป็นส่วนตัวแก่คุณหรือที่เรียกว่า ไพรเวทออนเซ็น พร้อมทั้งชุดคลุมยูกาตะให้สวมใส่ขณะใช้บริการ เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ เพราะตกแต่งออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่ง สปาในกรุงเทพฯ แห่งนี้ได้รับความนิยมจากคนเมืองไม่น้อย ต่างหนีความวุ่นวายมาอาบน้ำแร่ แช่น้ำนมให้ร่างกายได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ในส่วนของบริการภายในลูกค้าสามารถเลือกกลิ่นอโรม่าเองได้และน้ำแร่ออนเซ็นก็เช่นกันมีถึง 3 แบบ คุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายต่างกัน พร้อมนวัตกรรมสปาออนเซ็นฟองอากาศจะทำให้ทั้งผิวและเส้นผมมีสุขภาพที่ดี

พิกัด : อุดมสุข (วชิรธรรมสาธิต ซ.32) และ สุขุมวิท 49 (BTS ทองหล่อ)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00

 

3.Pañpuri Wellness

ต้องยกให้สปาปัญญ์ปุริ เวลเนส (Pañpuri Wellness) เป็น สุดยอดสปา ออแกนิคและทรีตเม้นต์เสริมความงาม เพราะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ เหมาะอย่างมากกับคนที่รักสุขภาพจริงจัง หากได้มาใช้บริการคุณจะลืมความเครียด บรรยากาศภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ท่ามกลางวิวทิวทัศ 360 องศาของกรุงเทพฯ มาพร้อมบริการที่หลากหลาย เช่น การแช่ออนเซ็น ออร์แกนิกสปา ขัดผิว นวดไทย นวดบำบัด แบบนี้แม้ว่าคุณจะเหนื่อยมาแค่ไหน บริการของที่นี่จะทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอน

พิกัด : Gaysorn Urban Retreat, ชั้น 12

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00

 

4.Erb Spa (Warehouse 30)

หลังจากที่ไปสัมผัสบริการของร้านสปาใน 3 อันดับแรกที่ให้ฟิลความเป็นสมัยใหม่และญี่ปุ่นแล้ว เราลองไปทำความรู้จักกับบริการที่ เอิบ สปา (Erb Spa) ได้นำเสนอการให้บริการในรูปแบบไทย ๆ แต่มีความทันสมัย เพราะตกแต่งภายในร้านแบบทรอปิคอล เน้นเฉดสีเขียว เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งทางสปาแห่งนี้ได้พิถีพิถันคัดสรรค์ผลิตภัณฑ์ในการปรนนิบัติผิวนั้นคือเกสรดอกไม้ไทยโบราณ 7 ชนิด ถือเป็นภูมิปัญญาตามตำรับชาววังอันควรค่าแก่การรักษาไว้ ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อให้สปาเป็นหนึ่งตัวช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ จึงได้มีการผสมสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะมาให้บริการ ผสานรวมกับศาสตร์แห่งวิทยาการสมัยใหม่ จึงทำให้สปาแห่งนี้มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการดูแลผิวหน้าที่ไม่เหมือนใคร 

พิกัด : Erb Spa (เจริญกรุง ซ.30) และ Erb Bliss Room (Gaysorn Village, ชั้น 2)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00

 

5.De Rest Spa

หากคุณกำลังเครียดจากการทำงานอย่างหนักลองให้ เดอะเรส สปา (De Rest Spa) เป็นคนดูแลปรนนิบัติคุณด้วยบริการ นวดไทย ตั้งแต่บริเวณฝ่าเท้า คอและไหล่ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยนวดน้ำมันสปา ในส่วนของบริการดูแลผิวจะเป็นการทำทรีตเม้นต์อโรม่าหรือการใช้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหย ขณะได้รับบริการคุณจะรู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการสครับผิวกายเพื่อฟื้นฟูให้แลดูผิวพรรณดีขึ้น อย่างไรก็ตามคุณสามารถมั่นใจในบริการของทางร้านได้เลย เพราะผู้ให้บริการทั้งหมดได้รับใบรับรองการนวดมาแล้วและมีประสบการณ์

พิกัด : De Rest Spa (Maneeya Center, BTS ชิดลม)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 23:45

 

6.Chi The Spa, Shangri-la Hotel

การให้รางวัลตอบแทนตัวเองไม่เพียงเป็นการให้ของมีค่า ราคาแพงอย่างเดียว แต่การได้พาร่างกายไปผ่อนคลายเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยตรง เพราะบริการที่ Chi The Spa ศูนย์บริการนวดสปาที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแชงกรีล่า จะทำหน้าที่สลัดความเมื่อยล้าออกไปจากคุณ อีกทั้งในส่วนของการดูแลผิวมีสครับให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ Pink Salt, Coconut, green Tea, Sesame และอีกหนึ่งความพิเศษคือสปาแห่งนี้เป็นบริการสปาต้นตำหรับจากวัฒนธรรมเอเชียหลากหลายประเทศ ด้วยนักบำบัดมืออาชีพที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง

พิกัด : Chi The Spa (Shangri-la Hotel)

 

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00 ในวันหยุดพักผ่อนนี้หากคุณรู้สึกเมื่อยล้าและมองผิวพรรณแล้วช่างแห้งเหี่ยวขาดการดูแลบำรุง ลองเลือกใช้บริการร้านสปาที่เราแนะนำในวันนี้ รับรองว่าร่างกายของคุณจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่และคุณเองก็จะต้องหลงใหลในการถูกสัมผัสตัวด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพมากมาย ที่ปรนนิบัติผิวอย่างล้ำลึก ถือเป็น สุดยอดสปา ในกรุงเทพที่คนรักสุขภาพเช่นคุณไม่ควรพลาด

 

ที่มาข้อมูล

Bangkok Art Biennale 2022 กลับมาแล้ว 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

คนรักศิลปะเตรียมเสพ กรุงเทพ ของเรากำลังจะเป็นศูนย์กลางงานศิลป์ระดับโลก เทศกาล Bangkok Art Biennale (บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่) งานรวมเหล่าศิลปินครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมีที่มาจากเทศกาล Art Biennale แห่งประเทศอิตาลี ครั้งแรกสุดของ Art Biennale ผ่านมานานกว่าร้อยปีแล้วที่เมืองเวนิส หลังจากนั้นก็ได้ขยายการจัดงานไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย และสำหรับประเทศไทยมีการจัดงานมาแล้ว 2 ครั้งในชื่อ Bangkok Art Biennale

 

จากเวนิสสู่กรุงเทพ เทศกาลศิลปะร่วมสมัยที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ครั้งแรกของเทศกาล Bangkok Art Biennale จัดขึ้นด้วยแนวคิด “สุขสะพรั่ง พลังอาร์ต” หรือ “Beyond Bliss” ครั้งนั้นมีศิลปินระดับโลกรวมศิลปินชาวไทยเข้าร่วมแสดงผลงานถึง 75 คน เป็นเทศกาลที่จัดยาวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019 เรียกว่าสุขสะพรั่งกันข้ามปี รูปแบบการจัดงานคือ ผู้จัดจะเลือกแลนด์มาร์คสำคัญ ๆ ใจกลาง กรุงเทพ มากกว่า 10 แห่งเป็นสถานที่จัดงาน อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, มิวเซียมสยาม, เซ็นทรัลเวิลด์, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ฯลฯ ซึ่งในปีนั้นสถานที่จัดงานทุกแห่งเนืองแน่นไปด้วยแฟนพันธุ์แท้ของศิลปินทุกแขนง ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้พลังศิลปะเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้รักงานศิลป์ เพิ่มมนต์ขลังให้กรุงเทพมหานครเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโลกที่น่าค้นหา 

หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดงานครั้งแรกไปแล้ว Bangkok Art Biennale ได้ถูกจัดให้มีขึ้นอีกครั้งในปี 2020 ซึ่งปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคนไทยและคนทั่วโลกที่ต้องประสบกับสถานการณ์โควิด-19 อันร้ายแรง โยงใยพัวพันไปถึงปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม แผนการจัดงานครั้งนั้นก็ยังดำเนินต่อไป โดยทางคณะผู้จัดงานมีความหวังว่า ศิลปะจะเข้ามาช่วยบำบัดจิตใจที่บอบช้ำของชาวโลกได้บ้าง ตามคอนเส็ปท์ “Escape Route” หรือชื่อไทยว่า “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ครั้งนั้นมีศิลปินรวม 82 คน เปิดให้เข้าชมงานในแบบ New Normal ท่ามกลางโควิด

 
 

CHAOS : CALM คอนเซ็ปต์ใหม่ Bangkok Art Biennale 2022

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยปีนี้ มูลนิธิ Bangkok Art Biennale ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ, กรุงเทพมหานคร พร้อมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนอีกหลายแห่งในการจัดงาน Bangkok Art Biennale 2022 ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปท์ “CHAOS : CALM” ซึ่งสื่อความหมายถึงความวุ่นวายสับสนของชาวโลกที่ถูกไวรัสคุกคาม ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดและต้องหาวิธีปรับตัวได้ ซึ่งจะทำให้ค้นพบหนทางแห่งความสงบสุขท่ามกลางความโกลาหลที่ยังวนเวียนอยู่ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ระหว่างความโกลาหลกับความสงบสุขนั้นจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันได้อย่างไร แต่ในมุมมองของศิลปิน ต่างเชื่อว่าสามารถที่จะเป็นไปได้โดยอาศัยความรัก ความเห็นอกเห็นใจของคนที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรค และค้นพบความสุขในที่สุด นี่คือแนวคิดที่น่าสนใจและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 
 

Bangkok Art Biennale 2022 มีที่ไหนบ้าง

สถานที่จัดงานยังคงยึดแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ บวกกับการแสดงดิจิทัลอาร์ตในโลกออนไลน์อีก 1 ช่องทาง มีที่ไหนบ้าง รวมมาแล้ว โดยทั้งสิ้น 12 พื้นที่ที่เราทุกคนสามารถเลือกเข้าชมความอลังการของงานนี้ได้

 

1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

 

2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

 

3. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร

 

4. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

 

5. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

6. มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้

 

7. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

8. สามย่านมิตรทาวน์

 

9.เดอะ ปาร์ค

 

10. เดอะพรีลูด วันแบงค็อก

 

11. JWD Art Space 

 

ศิลปินไทย ร่วมแสดงผลงานกับ ศิลปิน เอกระดับโลก

งานนี้ไม่ใช่การประชันฝีมือ แต่เป็นการพบกันด้วยหัวใจของศิลปินหลายชาติหลายภาษาที่จะมาร่วมกันถ่ายทอดผลงานรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ชิ้นที่ศิลปิน 73 ท่านจาก 35 ประเทศรวมประเทศไทยได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ นำทีมโดยศิลปินเอก แอนโทนี กอร์มลีย์ เจ้าของผลงานประติมากรรมอันโดดเด่นและไม่เหมือนใคร ผลงานของเขาติดตั้งอยู่ตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นงานปั้นรูปคนกว่า 100 ชิ้นที่ตั้งอยู่เต็มชายหาดครอสบี เมืองลิเวอร์พูล, งานประติมากรรมเหล็กรูปนางฟ้า ชื่อ Angel of the North 

สำหรับศิลปินท่านอื่น ๆ ที่ตอบรับมาร่วมงานนี้มีทั้งศิลปินที่คนในวงการรอคอยอย่าง มารีน่า อบราโมวิช จากสหรัฐอเมริกา เพราะเธอคือศิลปินที่เคยมาสร้างความประทับใจให้กับคนไทยในเทศกาลนี้แล้วทั้ง 2 ครั้ง นอกจากนั้นก็มีศิลปินผู้โด่งดังสัญชาติต่าง ๆ  อาทิ 

  • เคนเนดี ยานโค ชาวอเมริกัน 
  • ทิฟฟานี ชุง ลูกครึ่งเวียดนาม-อเมริกัน
  • จิติช กัลลัต ชาวอินเดีย
  • ชิฮารุ ชิโอตะ ชาวญี่ปุ่น
  • มิร์ทิลล์ ทิแบย์เรงซ์ ชาวฝรั่งเศส
 
 

5 เดือนแห่งความโกลาหล และความสงบสุข เริ่มตุลาคม 2565

แนวคิด “โกลาหล : สงบสุข” จะถ่ายทอดออกมาได้ปังแค่ไหน เราจะได้เห็นกันในอีกไม่นาน เทศกาล Bangkok Art Biennale 2022 จะเริ่มจัดวันแรก 22 ตุลาคม 2565 ไปจนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีเวลาให้ชมกันนานถึง 5 เดือน คนรักศิลปะห้ามพลาด

 

ที่มาข้อมูล:

8 อาร์ตแกลลอรี่ในกรุงเทพฯ เสพศิลป์เติมพลังใจ

การเที่ยวชมงานศิลปะนั้นนับว่าเป็นการสร้างสุนทรียะให้กับชีวิตและช่วยผ่อนคลายความเคร่งเครียดจากชีวิตประจำวันได้ เพราะทุกวันนี้หลายคนต้องพบเจอกับความเร่งรีบทั้งการจราจรในแต่ละวัน รวมไปถึงการงานที่รัดตัวจนก่อให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพตามมา สิ่งเหล่านี้ล้วนกัดกินให้คนกรุงค่อย ๆ หมดไฟและขาดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต การได้ออกไปเสพงานศิลป์ปล่อยใจสบาย ๆ ดื่มด่ำกับงาน อาร์ต จึงช่วยเยียวยาและเพิ่มพลังทางใจได้ แล้วจะไปที่ไหนกันดีล่ะ วันนี้เราจึงมีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำ 8 อาร์ตแกลลอรี่ ในกรุงเทพฯ สำหรับใครที่อยากเติมพลังใจด้วยศิลปะ จะได้ตามไปเช็กอินแต่ละแห่งกัน

 

1. หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน, กรุงเทพฯ

หอศิลป์ ที่เน้นจัดแสดงศิลปะร่วมสมัย ตั้งอยู่ใจกลางถนนราชดำเนินกลาง ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่มีงานศิลปะหลากหลายแบบผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงแบบไม่ซ้ำ และโซนวัฒนธรรมอาเซียนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับอาเซียน รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมในกลุ่มชาติอาเซียน นอกจากนั้นยังมีจัดกิจกรรมการอบรม เสวนา หรือเวิร์กช็อปเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมใน 6 สาขา ได้แก่ ทัศนศิลป์ สถาปัตยกรรม วรรณศิลป์ ดนตรีและการแสดง การออกแบบ และภาพยนตร์ 

 
 

พิกัด : ถนนราชดำเนินกลาง ตรงข้ามอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา เปิด – ปิด : 

  • นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ชั้น 1 และ 2 เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
  • ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ชั้น 3 เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 12.00 น. และ 13.30 – 17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

ช่องทางติดต่อ : www.rcac84.com

 

2. River City Bangkok

แกลเลอรีแสดงงานศิลปะและแอนทีค มีนิทรรศกาลศิลปะนานาชาติหมุนเวียนกันมาจัดแสดง ครอบคลุมทั้งงานทัศนศิลป์ งานปั้น งานหล่อ งานคราฟท์ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีจัดแสดงดนตรีและฉายภาพยนตร์ด้วย เรียกได้ว่าครบจบทุกงานอาร์ต อีกทั้งยังสามารถร่วมประมูลงานศิลปะที่ชอบได้อีกด้วย ใครที่เป็นสายอาร์ตพลาดไม่ได้เลย

 
 

พิกัด : ท่าเรือสี่พระยา ซอยเจริญกรุง 24 หรือ 30 

เวลา เปิด – ปิด

  • วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 20.00 น.
  • วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 20.00 น.

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/RiverCityBangkok

 

3. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

หอศิลป์ ใจกลางกรุง เดินทางง่าย ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ภายในมีห้องจัดนิทรรศการศิลปะที่มีศิลปินหลากหลายสาขาหมุนเวียนกันมาแสดงงานศิลปะทั้งภาพถ่าย รูปวาด ประติมากรรม ศิลปะการจัดวาง ฯลฯ เรียกได้ว่าครบทุกแขนงของงานศิลปะให้คุณได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะกันแบบจุใจ สาย อาร์ต ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

 
 

พิกัด : ถนนพระรามที่ 1 จากสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 100 เมตร

เวลา เปิด – ปิด :

  • วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/baccpage

 

4. Rhythm of Arts Creative Space

พื้นที่จัดแสดงศิลปะแหล่งรวมของสายอาร์ต มีศิลปินผลัดกันมาจัดแสดงนิทรรศการอย่างไม่ขาดสาย งานศิลปะที่จัดแสดงส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะร่วมสมัย เช่น งานมีเดียอาร์ต ศิลปะที่ผสานสื่อและเทคโนโลยีแสง สี เสียงหลากหลายรูปแบบ แถมยังมีคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม ให้คุณได้เสพศิลป์กันครบทุกโสตประสาทกันเลยทีเดียว

 
 

พิกัด : ซอยอินทามาระ 26/2 MRT สุทธิสาร ทางออก 4

เวลา เปิด – ปิด :

  • ทุกวัน เวลา 17.00 – 22.00 น.

ช่องทางติดต่อ: www.facebook.com/RHYTHMthinker

 

5. The Jam Factory, กรุงเทพฯ

พื้นที่แสดงงาน ศิลปะ ย่านคลองสาน ที่เปิดให้คนรักงานศิลปะมาโชว์ของและแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ภายในเป็นแกลเลอรีเน้นจัดแสดงงานหลากหลายประเภททั้งภาพวาด ภาพถ่าย ประติมากรรม มีเดียอาร์ต กราฟิกดีไซน์ รวมไปถึงภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมีโซนคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านหนังสือด้วย

 
 

พิกัด : 41/5 ถ.เจริญนคร คลองสาน

เวลา เปิด – ปิด :

  • ทุกวันเวลา 11.00 – 20.00 น.

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/TheJamFactoryBangkokhttp://www.facebook.com/TheJamFactoryBangkok

 

6. BANGKOK CITYCITY GALLERY, กรุงเทพ ฯ

แกลเลอรีแสดงงานศิลปะสไตล์มินิมอล ภายในจัดแสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย โดยมีแนวคิดในการเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ โดยไม่มีกรอบ เปิดอิสระให้ทั้งศิลปินและผู้ชมได้ปลดปล่อยและเสพงานศิลป์แบบไร้ขีดจำกัด นอกจากนั้นภายในยังมีร้านหนังสือและห้องสมุดศิลปะไว้ให้บริการอีกด้วย

 
 

พิกัด : ซอยสาทร 1 แขวงทุ่งมหาเมฆ MRT ลุมพินี ทางออก 2

เวลา เปิด – ปิด :

  • วันพฤหัสบดี – อาทิตย์ เวลา 13.00 – 18.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ – พุธ

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/bangkokcitycity และ https://bangkokcitycity.com/

 

7. MOCA

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัยที่มีทั้งนิทรรศการศิลปะถาวรและแบบหมุนเวียน แบ่งเป็น 5 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการหมุนเวียนและโซนเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ ชั้น 2 เป็นงานศิลปะเกี่ยวกับความเชื่อของคนไทย ชั้น 3 จัดแสดงศิลปะเชิงความคิดฝันและจินตนาการภายใต้คติความเชื่อของคนไทย ชั้น 4 เป็นจิตรกรรมไทยร่วมสมัย และชั้น 5 แสดงศิลปะร่วมสมัยจากต่างประเทศ

 
 

พิกัด : ถนนกำแพงเพชร 6 ใกล้กับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์

เวลา เปิด – ปิด :

  •  วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 16.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/mocabangkok

 

8. JWD Art Space

ศูนย์รวมระบบการจัดเก็บงานศิลปะและบริการที่เกี่ยวข้องกับศิลปะร่วมสมัยครบวงจรทั้งการดูแลและขนส่ง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ให้จัดแสดงนิทรรศการศิลปะทั้งไทยและต่างประเทศ มีการจัดนิทรรศการศิลปะทั้งปี ทั้งงานวาดเขียน งานถ่ายภาพ รวมไปถึงงานศิลปะการจัดวาง มีเดียอาร์ต เรียกได้ว่าหลากหลายมาก

 
 

พิกัด : ซอยจุฬา 16 สามย่าน

เวลา เปิด – ปิด :

  • วันอังคาร – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/JWDArtSpace

 

ทั้ง 8 อาร์ตแกลลอรี่ที่เรารวบรวมมานี้ เราคัดสรรมาเอาใจคนรักศิลปะอย่างเต็มที่ สุดสัปดาห์นี้ถ้าว่าง ๆ ไม่รู้จะไปไหน ลองออกไปเสพงานศิลปะ กันดู รับรองว่าคุณจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่และได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ กลับมาแน่นอน

 

ที่มาข้อมูล

One Day Trip 10 ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ อัพเดทปี 2022

วันนี้ขอมาเอาใจคนที่อยากท่องเที่ยวแบบ วันเดย์ทริปในกรุงเทพฯ ด้วย 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมาแรงปี 2022 คัดมาแล้วว่าเดินทางง่าย ให้คุณได้เพลิดเพลินแบบวันเดียวก็เที่ยวได้ จะมีสถานที่ไหนบ้างนั้นตามไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย

 

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ที่นี่ประดิษฐานพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ และยังมีสถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตรตระการตาพร้อมกับหมู่มวลพระที่นั่งในเขตพระราชฐาน หอพระเทพบิดร และยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ตรงบริเวณระเบียงคดที่วิจิตรงดงามและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางทัศนศิลป์และประวัติศาสตร์

  • ที่อยู่ : ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • พิกัด https://goo.gl/maps/PPNJHNWRpdtsP8Jd7
  • เปิดให้เข้าชม : 08.30-15.30 น.
  • ค่าเข้าชม : คนไทย เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชาวต่างชาติ ค่าเข้าชม บัตรราคา 500 บาท
    สามารถซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าชม
 
 

2. วัดอรุณราชวราราม

อีกหนึ่งแลนมาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ก็คือ พระปรางค์วัดอรุณ ดังนั้น เที่ยวในกรุงเทพ ทั้งทีก็ต้องมาถ่ายรูป เช็กอิน กับพระปรางค์กันสักหน่อย แอบกระซิบว่ายามเย็นวิวที่นี่สวยมาก แถมยังได้รับลมเย็น ๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย นอกจากนี้ บริเวณวิหารน้อยหน้าพระปรางค์ยังมีพระแท่นบรรทมของ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เชื่อว่าถ้าได้ลอดแล้วจะช่วยล้างอาถรรพ์คุณไสยทั้งหลาย

  • ที่อยู่: 158 ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600
  • เวลาเปิด: ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 18.00 น.
  • ค่าเข้า: คนไทยฟรี ชาวต่างชาติคนละ 50 บาท
 
 

3. วัดโพธิ์

ข้ามแม่น้ำเจ้าพระมาอีกฝั่งของวัดอรุณฯ ก็จะพบกับวัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะที่นี่มีจารึกตำรายาแผนโบราณ ฤาษีดัดตน และสรรพวิชาอีกหลากหลายแขนง โดยในปัจจุบันนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการนวดแผนไทย เปิดให้บริการและเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาลงเรียนวิชานวดแผนไทยได้อีกด้วย แต่ไฮไลท์เด่นของที่นี่ก็คือ เจดีย์ราย ที่มีมากกว่า 70 องค์รอบบริเวณวัด และพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ให้ได้มาสักการะขอพร 

  • ที่อยู่ : 2 ถนน สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • เวลาเปิด :  ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.-16.30 น.
  • ค่าเข้า : ชาวต่างชาติมีค่าเข้าชมคนละ 200 บาท สำหรับคนไทยเข้าชมฟรี 
 
 

4. เยาวราช

แหล่งสตรีทฟู้ดที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นย่านการค้าที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน มีห้างร้านและร้านอาหารมากมายเปิดให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน ถือว่าเป็นสวรรค์ของสายกินเลยก็ว่าได้ อาหารขึ้นชื่อที่มาแล้วจะต้องกินให้ได้เลยก็อย่างเช่น ลอดช่องสิงคโปร์ บะหมี่จับกัง ปลาหมึกย่าง ขนมปังไส้ทะลัก ก๋วยจั๊บนายเอ็กซ์ บัวลอย 3 กษัตริย์ บะหมี่เกี๊ยวโอเดียน เป็นต้น

 
 

5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่รวบรวมเอาโบราณวัตถุสำคัญที่ขุดค้นได้ในประเทศไทย ภายในมีอาคารจัดแสดงหลายอาคาร มีทั้งแสดงนิทรรศการหมุนเวียนและนิทรรศการถาวร จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ นอกจากนั้นยังจัดแสดงราชรถและเครื่องประกอบพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 4 ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • เวลาเปิด : เวลา 09.00-16.00 น. วันพุธ-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ยกเว้นเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์)
  • ค่าเข้า : คนไทย 30 บาท  / ชาวต่างประเทศ 200 บาท
  • ยกเว้นค่าเข้าชม : เด็ก / นักเรียน / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป / พระสงฆ์ / สมาชิก ICOM ICOMOS (แสดงบัตร)
 
https://travel.kapook.com/view208377.html
 

6. หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ

ใครที่เป็นสายอาร์ต รักในการเสพงานศิลปะ ต้องไป เช็กอิน ที่นี่ให้ได้ เพราะที่นี่เป็นหอศิลปะที่ภายในมีห้องจัดแสดงนิทรรศการศิลปะของศิลปินทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงผลงานกันไม่ขาดสาย ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ประติมากรรม มีเดียอาร์ต และศิลปะแนวผสมผสาน ที่สำคัญยังเดินทางง่ายมาก อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติเพียง 100 เมตร 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • เวลาเปิด : เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดปีใหม่และสงกรานต์)
  • การเดินทาง : BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 3 
 
 

7. สวนเบญจกิติ

แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท เพียง 400 เมตร เป็นแหล่งเช็กอินของเหล่าวัยรุ่นและกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 450 ไร่ ให้ได้เข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งพักผ่อนหย่อนใจปล่อยใจสบาย ๆ กับธรรมชาติ หรือใครที่อยากออกกำลังกายก็มีทั้งทางวิ่งและทางจักรยาน ซึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญก็คือ Sky walk สามารถขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ ได้

  • ที่อยู่ : Google Maps : สวนเบญจกิติ
  • เวลาเปิด : 05.00 – 21.00 น.
  • การเดินทาง : BTS และ MRT โดยมาลงรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีอโศก หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท 

อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ หรือยานพาหนะอื่น ๆ เข้ามาในสวนได้ 2 ช่วงเวลา คือ

  • ตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น. และตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.

สวนเบญจกิติ กับมาตรการโควิด 19

 
 

8. วัดสุทัศน์ เสาชิงช้า

ตระเวนเที่ยวกรุงเทพฯ แบบ Onedaytrip ยังไงก็ต้องมาถ่ายรูปกันที่เสาชิงช้า หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ถ่ายกับเสาชิงช้าก็เหมือนเที่ยวกรุงไม่ครบไม่จบทริป หลังจากได้มาชมเสาชิงช้าแล้ว ก็ต้องไม่พลาดเข้าไปไหว้พระศรีศากยมุนีในวัดสุทัศน์ ซึ่งมีบรรยากาศภายในเงียบสงบมาก ที่สำคัญมีองค์ท้าวเวสสุวรรณให้ได้กราบขอพรกันด้วย บริเวณภายนอกวัดละแวกเสาชิงช้าก็ยังมีร้านอาหารดังระดับตำนานหลายร้านรอให้ไปลิ้มลองความอร่อย 

  • ที่อยู่ : 146 ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • พิกัดhttps://goo.gl/maps/DMXB1iZ8hxpHn2dK8 
  • เวลาเปิด : ทุกวัน เวลา 08.00 – 21.00
 
 

9. มหานคร สกายวอล์ค

ที่นี่เป็นสถานที่ เที่ยวในกรุงเทพ ที่กำลังมาแรง ตั้งอยู่บนชั้น 78 ของตึกมหานคร ตึกดีไซน์สวยแปลกตาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา แบบสุดลูกหูลูกตา ยิ่งบรรยากาศยามเย็นนั้นลมดีมาก แถมยังมองเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตัดกับแสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ มีแสงสว่างจากอาคารบ้านเรือน เป็นภาพที่สวยงามมาก จุดเด่นอีกอย่างก็คือสะพานกระจกใสที่มองเห็นด้านล่างสุดหวาดเสียว ใครไปเดินแล้วรับรองว่ามีขาสั่นแน่นอน

  • ที่อยู่ : ตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
  • เวลาเปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 22.00 นาฬิกา (รอบสุดท้ายที่เปิดให้เข้า คือ 21.00 นาฬิกา)
  • การเดินทาง : นั่ง BTS ลงที่สถานีช่องนนทรี ทางออกหมายเลข 3 , รถส่วนตัว มีบริการที่จอดรถฟรี
 
 

10. มิวเซียมสยาม

พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สนามไชย ภายในจัดแสดงนิทรรศการที่บอกเล่าทุกเรื่องของความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การแต่งกาย สถาปัตยกรรม ความเชื่อ วัฒนธรรมและประเพณี ความโดดเด่นของที่นี่คือเป็นพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่ไม่ได้มีเพียงวัตถุโบราณเท่านั้น หากแต่เน้นการสื่อสารที่แปลกใหม่ เน้นให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ

  • ที่อยู่ : 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
  • เวลาเปิด : เปิดให้บริการ 10.00 – 18.00 น. ,เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์

ค่าธรรมเนียมเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 100 บาท
  • เด็ก 50 บาท
  • ชาวต่างชาติ​ 300 บาท
  • การเดินทาง : MRT ลงที่สถานี่สนามชัย ออกประตูพระบรมหาราชวัง
 
 

ทั้ง 10 สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ไปเที่ยวชมได้ง่ายแบบ Onedaytrip นี้จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบเหนือความคาดหมาย วันหยุดนี้ถ้าไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน แนะนำเช็กลิสต์ทั้ง 10 ที่นี้ แล้วออกไป วันเดย์ทริปในกรุงเทพฯ กัน บางทีอาจจะได้เห็นเสน่ห์และมุมมองใหม่ ๆ ของกรุงเทพฯ ก็ได้

 

ที่มาข้อมูล

รวมสถานที่ทำพาสปอร์ตในกรุงเทพฯ อัปเดต 2565 เตรียมตัวบิน!!

 

ได้เวลาโบยบินอีกครั้ง อยู่กรุงเทพฯ นานคงเริ่มคิดถึงที่เที่ยวสวย ๆ กันแล้ว ตอนนี้หลายคนวางแผนจัดทริปฉลองโควิดขาลง สำหรับใครที่กำลังเล็งเป้าหมายไป เที่ยวต่างประเทศ สิ่งแรกที่ต้องพร้อม ไม่มีไม่ได้ นี่เลย พาสปอร์ต ใครที่เคยทำพาสปอร์ตไว้ รีบหยิบมาเช็คด่วน ๆ ต้องต่อหรือยัง ส่วนใครที่ยังไม่เคยทำ เตรียมตัวได้แล้ว ถึงเวลาบินจะได้ไม่ฉุกละหุก

ว่าแต่ คนกรุงเทพฯ ต้องไปทำพาสปอร์ตที่ไหน ใกล้บ้านเรามีที่ทำบ้างหรือยัง เรามาอัพเดท สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯกันที่เลย

 

บริการทำพาสปอร์ตที่เปิดทุกวันไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ (เริ่ม 1 ตุลาคม 2565)

  • สำนักงานหนังสือเดินทางปทุมวัน MBK Center ชั้น 5โซน A  

เปิด 10.00 – 18.00 น. โทร 02-126-7612

  • สำนักงานหนังสือเดินทางบางใหญ่ Central Westgate ชั้น G โซนสีเขียว                          

เปิด 10.00 – 18.00 น.

สองแห่งนี้ เปิดให้จองคิวออนไลน์ล่วงหน้าที่ MBK รับวันละ 1,500 คิว ส่วน Central Westgate รับวันละ 800 คิว เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันหยุดราชการและวันเสาร์-อาทิตย์ที่เป็น Long Weekend เหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานในวันธรรมดาและไม่มีเวลา 

 

บริการทำพาสปอร์ตที่เปิดวันจันทร์ – วันศุกร์

  • กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ ถ.แจ้งวัฒนะ                              

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทร 02-203-5000 กด 1 

  • สำนักงานหนังสือเดินทาง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ ชั้น 7 อาคาร B ฝั่งตะวันออก          

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทร 02-143-7680

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา – ศรีนครินทร์ ที่ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ชั้น 1 โซน C       

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทรศัพท์ 02-136-3800, 02-136-3802, 093-010-5246

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ – ตลิ่งชัน อยู่ที่อาคาร SC Plaza สายใต้ใหม่ ถนนบรมราชชนนี 

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทรศัพท์ 02-422-3431

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี ที่ Big C สุวินทวงศ์ 

เปิด 8.30 – 16.30 น.  โทรศัพท์ 02-024-8362-64

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สถานีรถไฟฟ้า MRT คลองเตย ถนนพระราม 4         

เปิด 8.30 – 16.30 น.  โทรศัพท์ 02-024-889, 093-010-5247

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรี ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3     

 เปิด 10.00 – 18.00 น. โทรศัพท์ 02-150-9002

 
 

รวมทั้งหมด 9 แห่งสำหรับ สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯ เลือกสถานที่ใกล้บ้าน หรือที่สะดวกกันได้ตามนี้ สามารถโทรถามรายละเอียดกันอีกครั้งตามเบอร์ที่ให้ไว้หรือโทร Call Center กงสุล 02-572-8442

สำหรับใครที่จำเป็นต้องทำพาสปอร์ตแบบด่วนพิเศษ สามารถทำได้ทุกแห่ง แต่เขาเปิดให้ทำพาสปอร์ตด่วนถึง 11.00 น.เท่านั้น การจะทำพาสปอร์ตให้รวดเร็ว ทางกรมการกงสุลได้เปิดให้มีระบบจองคิวออนไลน์ล่วงหน้าที่ เว็บไซต์ www.qpassport.in.th  

 

ขั้นตอนการลงทะเบียน

  1. เข้าไปที่หน้าลงทะเบียนสมัครสมาชิก
  2. กรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบ จะได้รับลิงก์ยืนยันทางอีเมล์
  3. เข้าอีเมล์ไปกดลิงค์ยืนยัน
  4. กลับเข้าเว็บไซต์อีกครั้ง กรอกอีเมล์และใส่รหัสยืนยันตัวตน
  5. เริ่มใช้งานได้ เลือกจองคิวสถานที่ที่สะดวกที่สุด
 
 

ถ้าไม่ได้จองคิวในเว็บไซต์ จะ Walk-in เข้าไปเลยได้ไหม

สามารถ Walk-in ไปรับบัตรคิวที่สำนักงานแต่ละแห่งได้ตามปกติ สำหรับสำนักงานบริการที่ MBK และ Central Westgate จะมีเครื่อง Kiosk ติดตั้งไว้ทำพาสปอร์ตอัตโนมัติด้วย เรามาดูกันว่า Kiosk นี้ทำอะไรได้บ้าง

 

ทำพาสปอร์ตด้วยเครื่องอัตโนมัติ (KIOSK)

วันที่ไปทำพาสปอร์ตอย่าลืมเตรียมบัตรประชาชนตัวจริงให้พร้อม และถ้าเป็นการต่ออายุ ก็ต้องนำพาสปอร์ตเล่มเดิมไปด้วย มีบางคนทำไว้นานแล้วไม่ได้ใช้เลยหาไม่เจอ แบบนี้ต้องมีใบแจ้งความไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นที่ต้องใช้สำหรับบางกรณี คือ

  • ถ้าเปลี่ยนชื่อ ต้องนำหลักฐานการเปลี่ยนแปลงชื่อ นามสกุล
  • สำหรับผู้ที่อายุไม่ถึง 20 ปี จะต้องมีบัตรประชาชนของคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครอง และถ้าอายุไม่ถึง 15 ปี ต้องนำสูติบัตรตัวจริงไปด้วย

ที่สำคัญ คือทำพาสปอร์ตแบบคีออสเลือกรูปไม่ได้แต่ถ่ายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ใครไม่พอใจก็ถ่ายใหม่ได้เรื่อยๆ ถ่ายเสร็จก็โอนเงินผ่าน QR CODE ได้เลย สะดวกรวดเร็ว

 

ต่อไปเรามาเช็คค่าธรรมเนียมการทำพาสปอร์ตกันว่า แต่ละแบบมีค่าใช้จ่ายเท่าไร

ค่าธรรมเนียมทำพาสปอร์ตแบบธรรมดา

ประเภท 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และประเภท 10 ปี 1,500 บาท

ค่าธรรมเนียมทำพาสปอร์ตแบบด่วนพิเศษ 

ประเภท 5 ปี ค่าธรรมเนียม 3,000 บาท และประเภท 10 ปี 3,500 บาท

ทั้งสองแบบมีค่าจัดส่ง EMS 40 บาท 

ความจริงแล้ว การทำพาสปอร์ตแบบธรรมดาใช้เวลาไม่นาน พื้นที่จัดส่งในต่างจังหวัดจะได้รับเล่มภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ แค่ 3 วันก็ได้รับแล้ว ยกเว้นว่าที่อยู่ไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีผู้รับ และไปรษณีย์ตีกลับ ก็อาจจะต้องเสียเวลาไปรับเอง หรือติดต่อชำระค่าจัดส่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งใหม่อีกครั้ง หากวางแผน ท่องเที่ยว ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ทัน ไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมแพงทำด่วนพิเศษ ยกเว้นว่าต้องเดินทางกะทันหันจริง ๆ 

 

ต้องการไปรับพาสปอร์ตเองต้องไปที่ไหน

สามารถเดินทางไปรับได้ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ เปิดให้รับได้เฉพาะช่วงเวลา 14.30 – 16.30 น. โดยนำใบรับฉบับจริง พร้อมบัตรประชาชนไปแสดง ถ้าให้คนอื่นไปรับแทน เพิ่มเอกสารอีก 2 อย่างคือ ใบรับที่ระบุการมอบอำนาจ และบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ

ครบจบเรื่องการทำพาสปอร์ตไปแล้ว ใครที่มีประเทศในใจและกำลังวางแผนเดินทางอยู่ ขอให้ทุกอย่างราบรื่นและสนุกกับการ ท่องเที่ยว ครั้งใหม่แบบสุด ๆ ไปเลย

 
 

ที่มาข้อมูล:

สุดยอดอาหารสตรีทฟู้ดที่เยาวราช

ถนน เยาวราช เป็นถนนที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2435-2443 ซึ่งอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี โดยมีความยาวประมาณ 1,500 เมตร ซึ่งถูกเรียกอีกชื่อว่า ‘ถนนมังกร’ เป็นแหล่งของชุมชนคนไทยเชื้อสายจีนขนาดใหญ่ ที่มีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจตั้งแต่ในอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบัน โดยมีร้านค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านทองและสถาบันการเงินมากมายที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในด้านการค้ามาอย่างยาวนาน ซึ่งวันนี้เรามีสุดยอดอาหารสตรีทฟู้ดที่ไม่ควรพลาดและการเดินทางแบบง่าย ๆ มาแนะนำ มาดูกันเลยว่าจะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

เยาวราช

ความอร่อยแบบไม่จำกัดเวลา

หากพูดถึงสตรีทฟู้ดที่ เยาวราช หลายคนอาจจะนึกถึง ร้านอาหารที่เรียงรายตลอดทางในเวลากลางคืน ซึ่งความจริงแล้วช่วงเวลากลางวันก็มีร้านอาหารอร่อย ๆ เปิดให้บริการอยู่ไม่น้อยเลย อย่างเช่น

  • บะหมี่จับกัง เยาวราช เปิดเวลา 8.00-18.00 น.
  • เล่าตั๊ง ห่านพะโล้ เปิดเวลา 8.30-14.00 น.
  • หอยทอด เท็กซัส เปิดเวลา 9.00-18.00 น.
  • กวยจั๊บ นายเอ็กซ์ เปิดเวลา 7.30-01.00 น.
  • ร้านสีมรกต (ข้าวหมูแดง) เปิดเวลา 10.30-18.30 น.
  • ข้าวมันไก่แปลงนาม เปิดเวลา 8.00-19.00 น.
  • โอเดียน บะหมี่เกี๊ยว เปิดเวลา 8.30-20.00 น. (ร้านปิดทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือน)
  • ก๋วยเตี๋ยวผัดงี่เง่าเจ๊เบญ วงเวียนโอเดียน เปิดเวลา 10.00-16.00 น. (ร้านปิดทุกวันจันทร์)
  • ลอดช่องสิงคโปร์ (เจ้าเก่า-สำเพ็ง) เปิดเวลา 09.30 – 18.30 น.
  • กู่หลงเปา – Gu Long Bao ซาลาเปาโบราณ เปิดเวลา 09.00-17.00 น. (จันทร์-เสาร์) และ 09.00-13.00 น. (อาทิตย์)
  • หมี่หวานเจ๊หมวย เปิดเวลา 09.30 – 19.00 น.

ส่วนเวลากลางคืนก็มีร้านค้ามากมายเรียงรายตลอดทางทั้งอาหารคาวและหวาน เช่น ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ สุกี้แห้งกระทะร้อน กวยจั๊บ  บะหมี่ลูกชิ้นปลา ข้าวต้มเป็ด บัวลอย 3 กษัตริย์ ขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช เต้าทึงและอีกหลากหลายเมนูที่ไม่ควรพลาด

เยาวราช

การเดินทางไปเยาวราช

            การเดินทางไป เยาวราช ขอแนะนำให้ใช้บริการสาธารณะจะสะดวกมากกว่านำรถส่วนตัวไปเพราะที่จอดรถมีแบบจำกัดและมีสภาพการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น โดยสามารถเลือกใช้บริการสาธารณะได้หลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย

  • รถประจำทาง ที่มีหลากหลายสาย สามารถหาข้อมูลเส้นทางที่ผ่านจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้
  • รถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ซึ่งมีส่วนต่อขยายจากสถานีหัวลำโพง สถานีที่ใกล้ถนนเยาวราชมากที่สุดคือ สถานีวัดมังกร โดยใช้ทางออกที่ 1
  • เรือประจำทาง โดยสามารถไปใช้บริการได้ที่ท่าเรือราชวงศ์ ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหลังตลาดสำเพ็ง
  • บริการสาธารณะอื่น ๆ เช่น จักรยานยนต์รับจ้าง หรือรถสามล้อ เป็นต้น
เยาวราช

ถนนเยาวราชไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารสตรีทฟู้ดเท่านั้น แต่ยังมีสถาปัตยกรรม ความเชื่อ และวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนมากมายที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมีเสน่ห์ไม่แพ้กับพื้นที่อื่น ๆ ในกรุงเทพฯ เลย 

คาบาเร่โชว์ในกรุงเทพ ศิลปะการแสดงที่ต้องดูสักครั้งในชีวิต

คาบาเร่โชว์

คาบาเร่โชว์ ศิลปะการแสดงของเหล่านักแสดงสาวประเภทสอง ซึ่งมากความสามารถทั้งร้อง เล่น เต้น และการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่มาพร้อมกับท่วงท่าลีลาอันเป็นเสน่ห์ที่น่าประทับใจ ซึ่งความประทับใจเหล่านี้จะมาในรูปแบบของการแสดงโชว์ในรูปต่าง ๆ และเครื่องแต่งกายแบบสุดอลังการ ในอดีตใครอยากดู คาบาเร่โชว์ ต้องเดินทางไปถึงพัทยา แต่ปัจจุบันสามารถดูโชว์ คาบาเร่ ในกรุงเทพฯ ได้ด้วยเช่นกัน มาดูกันว่า ถ้าคุณอยากดูโชว์ คาบาเร่ ในกรุงเทพฯ คุณจะไปดูที่ไหนได้บ้าง

คาบาเร่โชว์

คาลิปโซ่ คาบาเร่ @ เอเชียทีค

            ใครที่ชื่นชอบการแสดง คาบาเร่โชว์ และได้ติดตามชมการแสดงคาบาเร่ จากหลาย ๆ เวที ก็คงจะพอได้ยินชื่อเสียงของ คาลิปโซ่ คาบาเร่ เอเชียทีค กันมาบ้าง แต่เดิมก่อนที่จะมาเป็นคาลิปโซ่ คาบาเร่ เอเชียทีค นั้น เคยเป็นชุดคาบาเร่ที่โชว์อยู่ในโรงละครของโรงแรมเอเชีย ที่อยู่ตรงราชเทวี ณ ตอนนี้ มาก่อน และได้ย้ายมาทำการแสดงอยู่ที่ เอเชียทีค ริเวอร์ฟร้อน (โกดัง 3) จนถึงปัจจุบัน

            คาลิปโซ่ คาบาเร่ เอเชียทีค ได้ชื่อว่าเป็นโชว์ คาบาเร่ ที่ดีที่สุดของกรุงเทพเป็นต้นตำรับของโชว์ คาบาเร่ แห่งแรกของกรุงเทพฯ ซึ่งได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2531 การแสดงโชว์ก็จะเป็นแนวละครบรอดเวย์ แนวละครเพลง ถือเป็นแห่งเดียวในไทยที่มีการแสดงโชว์รูปแบบนี้ ซึ่งนักแสดงต้องอาศัยความสามารถและทักษะที่สูง เพื่อให้การแสดงที่มีทั้งร้อง เต้น มีความสวยงามน่าชม มีโชว์ที่อลังการ ตื่นตาตื่นใจ จนเป็นที่ประทับใจของผู้ชม

         เวลาในการแสดง จะมีทุกวัน วันละ 2 รอบ คือรอบ 19.30 น. และรอบ 21.00 น. โดยในแต่ละรอบจะมีทั้งหมด 15 โชว์ ใช้เวลาในการโชว์ทั้งหมด 70 นาที ใครสนใจชมการแสดง สามารถไปชมได้ที่ เอเชียทีค ณ โรงละครคาลิปโซ่ กรุงเทพ ริเวอร์ฟร้อน (โกดัง 3)

คาบาเร่โชว์

โกลเด้นโดม คาบาเร่โชว์ @ รัชดา

            การแสดงคาบาเร่ ชื่อดังบนเส้นถนนรัชดา ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติ ด้วยเทคนิคของแสง สี และเสียงที่ตระการตา จากสาวประเภทสองที่สวยและมีความสามารถในด้านการแสดงอย่างหลากหลายโชว์การแสดง โดยเฉพาะการแสดงโชว์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การแสดงชุดแต่งกายประจำชาติ การลิปซิงค์เพลง ที่จะมาสร้างความสนุกสนานและความบันเทิงได้สุดประทับใจตลอดการแสดงอย่างแน่นอน

            เปิดทำการแสดงวันละ 4 รอบ ทุกวัน คือรอบ 15.00 – 16.00 น. , รอบ 16.30 – 17.30 น., รอบ 18.30 – 19.30 น., รอบ 20.15 – 21.15 น. ใครที่สนใจชมการแสดงโชว์ สามารถมาชมได้ที่โรงละคร ตั้งอยู่ที่ซอยรัชดา 18 ห้วยขวาง

          ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบศิลปะและการแสดงต่าง ๆ คาบาเร่ ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปะของการแสดงที่เรียกว่านักแสดงต้องใช้ความสามารถขั้นสูง ที่คุณควรได้ชมสักครั้งหนึ่งในชีวิต

วางแผน ท่องเที่ยวกรุงเทพ อย่างไรดีให้คุ้ม!

กรุงเทพฯ เป็นศูนย์รวมความหลากหลายของวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับการจับจองพื้นที่เพื่ออยู่อาศัยของคนที่มีเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปตั้งแต่อดีต จนเกิดเป็นชุมชนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของแต่ละพื้นที่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมากทั้งคนไทยและต่างชาติ ยิ่งเป็นพื้นที่ ๆ สามารถเดินทางได้สะดวก มีสถาปัตยกรรมและอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจและมีผู้ต้องการไปเที่ยวมากขึ้น มาดูกันว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้การ “ท่องเที่ยวกรุงเทพ” สนุกและคุ้มค่าได้ตลอดการเดินทาง

วางแผนการท่องเที่ยว

การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญในการทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เนื่องจากจะทำให้เราสามารถคาดการณ์และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ในเรื่องการท่องเที่ยวก็เช่นกัน หากไม่มีแผนก็จะส่งผลให้ต้องใช้เวลาในการคิดและประมวลผลมากขึ้น ทำให้เสียเวลาเที่ยวไปโดยไม่รู้ตัวและบางทีอาจทำให้การเดินทางของเราหมดสนุกไปด้วย

ท่องเที่ยวกรุงเทพ

ดูเรื่องการเดินทาง

แต่ละสถานที่ก็มีการคมนาคมหลากหลายรูปแบบให้ประชาชนเลือกใช้และเข้าถึงได้สะดวกแตกต่างกัน เช่น ทางรถยนต์ รถไฟฟ้า รวมถึงเรือด้วย เราก็ควรดูว่าสถานที่ ท่องเที่ยวกรุงเทพ ที่ต้องการไปสามารถเดินทางได้แบบใดบ้าง และเลือกรูปแบบการเดินทางตามความต้องการ โดยเราขอแนะนำว่าหากไม่ต้องการเสียเวลากับการเดินทางมากเกินไปควรเลือก รถไฟฟ้าหรือเรือ เพราะมีเวลาที่ค่อนข้างแน่นอนและไม่ต้องเผชิญกับการจราจรบนท้องถนนที่คาดการณ์ได้ยาก

ท่องเที่ยวกรุงเทพ

เลือกที่พักใกล้สถานที่ที่ต้องการไป/เดินทางได้สะดวก

การเลือกที่พักใกล้จุดหมายปลายทางช่วยให้ประหยัดเวลาในเรื่องการเดินทางได้อย่างมาก ซึ่งบางทีก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับการที่ต้องเดินทางด้วยความเร่งรีบแล้ววิธีนี้คุ้มกว่าแน่นอน และต้องคำนึงถึงการเดินทางไปยังสถานที่อื่น ๆ ที่ต้องการด้วย โดยส่วนใหญ่การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็จะเป็นการคมนาคมที่สะดวกที่สุดในปัจจุบัน เพราะเชื่อมต่อกันได้หลากหลายเส้นทาง และครอบคลุมที่ ท่องเที่ยวกรุงเทพ ไว้เกือบทั้งหมดแล้ว

ท่องเที่ยวกรุงเทพ

ดูเวลาทำการของสถานที่เที่ยวที่ต้องการไป

บางสถานที่มีกำหนดเวลาทำการระบุไว้ เราก็ต้องวางแผน เผื่อเวลาไปเที่ยวและใช้เวลาให้คุ้มค่าไม่ใช่ว่าพอเดินทางไปถึงก็พบว่าใกล้ปิดทำการแล้ว ซึ่งจะทำให้ไม่มีความสุขในการเที่ยวชมสิ่งต่าง ๆ  แน่นอนดังนั้นการวางแผนจึงมีความสำคัญตลอดการเดินทางท่องเที่ยว  

ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ มีมากมาย ซึ่งไม่สามารถเที่ยวครบได้ภายในทริปเดียว หากเราตัดสินใจเลือกกลุ่มความสนใจได้ว่าต้องการเที่ยแผนที่วที่ไหนเป็นพิเศษก็จะช่วยให้ประหยัดเวลา วางแผนการเดินทางได้ง่าย และเป็นการท่องเที่ยวที่คุ้มค่ามากขึ้นแน่นอน  

พาไปชม 4 สถานที่โดดเด่นใจกลางสยาม เเลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก สยาม ย่านการค้าชื่อดัง และเป็นแหล่งคอมมูนิตี้มอล ที่ใคร ๆ ก็อยากมา เพราะที่นี่นอกจากจุดเช็คอินถ่ายรูปสวย ๆ แล้ว โซนนี้เรียกว่ามีความน่าสนใจมากมาย ทั้งร้านอาหารชื่อดัง คาเฟ่น่ารัก ๆ สำหรับหนุ่มสาวยุคใหม่ เดินทางมาง่ายใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม ก็จะถึงแลนด์มาร์คที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ได้ยินแบบนี้แล้ว เรามี 4 สถานที่โดดเด่น ที่คุณควรมาช้อปปิ้ง กิน ถ่ายรูป
และเดินเล่นใช้เวลาในวันว่าง

Siam Paragon Shopping mall,สยาม

สยาม พารากอน

เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตกแต่งอย่างหรูหราและสวยงาม ไม่ใช่แค่สถานที่ช้อปปิ้งและเดินเล่นเท่านั้นแต่ที่นี่เรียกว่ามีแหล่งเรียนรู้และมีกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับครอบครัวให้ลองมากมาย เริ่มต้นจาก KidZania เมืองที่เด็ก ๆ จะได้สนุกสนานไปกับอาชีพในฝัน ลองเล่นบทบาทสมมติต่าง ๆ ที่เสมือนจริง ตามมาด้วย Sea life สำหรับคนที่ชอบโลกใต้ทะเลด้านในเป็นส่วนแสดงสัตว์น้ำนานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเพนกวิ้น เต่าทะเล ปลาดาว และสัตว์น้ำอื่น ๆ ที่หาชมได้ยาก

Siam Discovery, Bangkok,สยาม

สยาม ดิสคัฟเวอรี่

เป็นอีกหนึ่งห้างฯ ที่หากมา สยามแล้วต้องแวะเสียหน่อย เพราะหลังจากผ่านการปรับปรุงมาแล้วเมื่อปี 2559 ที่นี่ก็มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่การจัดแสดงงานต่าง ๆ ให้ได้เดินชมอยู่บ่อย ๆ

Siam Center,สยาม

สยาม เซ็นเตอร์

อีกหนึ่งจุดเช็คอินของ สยามเป็นอีกหนึ่งห้างฯ ขนาดใหญ่ที่มีทางเชื่อมไปสยามดิสคัฟเวอรี่และสยามพารากอน ด้านในจะมีสินค้าแฟชั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ และที่น่าสนใจสำหรับวัยรุ่นคือ มีร้านอาหารดังหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น คาเฟ่ ร้านอาหารทั่วไป เป็นอีกสถานที่ให้เพื่อน ๆ ได้ออกมาพบปะพูดคุยในร้านเหล่านี้

Siam square area,สยาม

สยาม สแควร์วัน

เป็นอีกหนึ่งจุดนัดพบของวัยรุ่น ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของสยาม มีไฮไลท์ของศูนย์รวมแฟชั่นสมัยใหม่ ศิลปะ และวัฒนธรรมร่วมสมัยจะเห็นการตกแต่งที่แตกต่างจากห้างฯ ทั่วไปโดยมีการแบ่งร้านค้าออกเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีทั้งร้านนั่งชิวคาเฟ่ขนมหวาน ร้านกาแฟ ร้านอาหารชื่อดัง ยังรวมไปถึงร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งราคาไม่แพงมาก

สำหรับการมาเช็คอินที่สยาม เรียกว่า 1 อาจจะไม่พอ เพราะในบริเวณเดียวกันยังมีร้านค้าต่าง ๆ ที่ถูกแบ่งออกเป็นซอยเล็ก ๆ แต่ละซอยจะมีร้านอาหารที่เหมาะสำหรับนั่งสังสรรค์ทั้งกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่น ทั้งนี้โซนด้านหลังยังมีลานกิจกรรมที่มีการจัดแสดงอยู่เป็นประจำ จึงไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ ก็ยกให้ย่านสยาม เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร พัทยา และบริเวณภูเก็ต

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ชั้นจี, ตรงข้าม Tourist Lounge

Terminal 21 Pattaya ชั้น 2, โซนโตเกียว

เซ็นทรัล ป่าตอง ภูเก็ต ชั้น 1, โซนบริการ

โปรโมชั่นพิเศษ

บริการส่งกระเป๋าภายในกรุงเทพฯ, พัทยา และภูเก็ต เริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น บริการส่งกระเป๋าระหว่างจังหวัด เริ่มต้นที่ 299 บาท/ชิ้น

ติดต่อเรา

หมายเลขโทรศัพท์ : +66 6321-666-99

Website: Luggage Delivery Bangkok

E-mail: [email protected]

Line: @AIRPORTELs

WeChat: AIRPORTELs

Kakao Talk: AIRPORTELs

Facebook: www.facebook.com/airportels

ให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นได้ที่นี่! airportels.asia

แนะนำ 5 Sky Bar Rooftop ในกรุงเทพ สุดโรเเมนติกน่าชวนคู่รักมาดินเนอร์

Sky bar หรือ Rooftop เป็นสถานที่นั่งชิลที่หลายคนชื่นชอบเพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับอากาศโปร่งโล่งแสนสบายกลางแจ้งแล้ว จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างก็คือวิวมุมสูงที่มองเห็นแสงไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนได้อย่างเต็มตาที่ช่วยเสริมบรรยากาศสุดโรแมนติกสำหรับคู่รักที่ต้องการชิลเอาท์ในบรรยากาศดี ๆ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 Sky Bar/Rooftop ในกรุงเทพสุดโรเเมนติกน่าชวนคู่รักมาดินเนอร์

1. Sirocco Restaurant And Sky bar The Dome at Lebua state tower

ร้านอาหารกึ่งบาร์สุดหรูที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก Sirocco Sky Bar ตั้งอยู่บนชั้นที่ 63 ของโรงแรมเลอบัวแอทสเตททาวเวอร์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงตี 1 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกไปจนถึงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีของกรุงเทพมหานคร Sirocco Sky Bar เป็นบาร์รูปวงกลมที่มีบริกรคอยให้บริการอย่างใกล้ชิด
มีเครื่องดื่มนานาชนิดจากหลายประเทศทั้งค็อกเทล,ไวน์ และแชมเปญ
มีวงดนตรีคอยให้ความเพลิดเพลินและสร้างบรรยากาศที่โรแมนติกในยามค่ำคืน

2. Vertigo and moon bar Banyan tree Hotel

บาร์ Rooftop ที่ตั้งอยู่บนชั้น 61 ของโรงแรมบันยันทรีกรุงเทพ เปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึงตี 1 สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพมหานครแบบเปิดกว้างได้ 360 องศา มีเครื่องดื่มหลากหลายประเภททั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์สำหรับคนที่ไม่ดื่ม มีอาหารและของหวานหลากหลายชนิด

3. Cloud 47 Rooftop BAR And Bistro

ห้องอาหารสไตล์ Bar & Bistro ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 47 ของตึก United Silom เปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึงตี 1 ตัวร้านแบ่งออกเป็น 4 โซนที่สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ตัวร้านเน้นตกแต่งด้วยสีขาวเพื่อให้ได้บรรยากาศเหมือนมาดินเนอร์บนก้อนเมฆเหมือนกับชื่อร้าน มีวงดนตรีหมุนเวียนมาสร้างบรรยากาศอบอุ่นละมุนในยามค่ำคืน

4. Zense Gourmet Deck & Lounge Central World

ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่บนชั้น 17 ของ Central World ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 5 ทุ่ม Zense Gourmet Deck เป็นร้านอาหาร Rooftop ที่มีบรรยากาศดีมาก วิวสวย อาหารอร่อยมีให้เลือกอย่างหลากหลายจากครัวไทย, ครัวยุโรป ,ครัวอิตาเลียน ,ครัวอินเดีย ,ครัวโมเดิร์น และครัวขนม ส่วนเครื่องดื่มมีให้บริการอย่างจุใจ

5. Park Society, Sofitel So

ร้านอาหารสไตล์ Rooftop ที่ตั้งอยู่บนชั้น 29 โรงแรม SO Sofitel ที่มีบรรยากาศสบาย ๆ ท่ามกลางวิวมุมกว้างยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร
เปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมงจนถึง ตี 1 มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดให้บริการ

ร้านอาหารและบาร์ Rooftop ทั้ง 5 แห่งที่เราแนะนำไปข้างต้นนี้เป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากและมีบรรยากาศดีเยี่ยม เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ดินเนอร์สุดแสนพิเศษที่ช่วยเติมเต็มความโรแมนติกให้กับชีวิตคู่ได้อย่างเพอร์เฟคที่สุด

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร พัทยา และบริเวณภูเก็ต

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ชั้นจี, ตรงข้าม Tourist Lounge

Terminal 21 Pattaya ชั้น 2, โซนโตเกียว

เซ็นทรัล ป่าตอง ภูเก็ต ชั้น 1, โซนบริการ

โปรโมชั่นพิเศษ

บริการส่งกระเป๋าภายในกรุงเทพฯ, พัทยา และภูเก็ต เริ่มต้นที่ 199 บาท/ชิ้น บริการส่งกระเป๋าระหว่างจังหวัด เริ่มต้นที่ 299 บาท/ชิ้น

ติดต่อเรา

หมายเลขโทรศัพท์ : +66 6321-666-99

Website: Luggage Delivery Bangkok

E-mail: [email protected]

Line: @AIRPORTELs

WeChat: AIRPORTELs

Kakao Talk: AIRPORTELs

Facebook: www.facebook.com/airportels

ให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นได้ที่นี่! airportels.asia