เมนูอาหารที่ควรไม่ควรพลาดเมื่อไปญี่ปุ่น

ไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีจะอิ่มแต่บรรยากาศในการท่องเที่ยวของสถานที่เพียงอย่างเดียวก็คงเที่ยวไม่ครบสูตร อาหารญี่ปุ่นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเอเชีย ดังนั้นเมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยนั่นคืออาหารญี่ปุ่นแบบออริจินอล วันนี้เราได้รวบรวมเมนูอาหารญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลองเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น มาดูกันสิว่า อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น มีเมนูอะไรน่าสนใจกันบ้าง

Grilled Beef with sesame

กิวด้ง

อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น ชามแรกนั่นก็คือ กิวด้ง เป็นเมนูอาหารที่แปลตรงตัวว่าข้าวหน้าเนื้อใส่ชาม เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ที่แนะนำว่าไปญี่ปุ่นแล้วต้องไปทานนั่นเพราะรสชาติที่เป็นต้นตำหรับของเมนูนี้ จะมีความกลมกล่อม รสชาติของข้าวที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อที่โปะมาบนข้าวหากตอกไข่ดิบที่ตีแล้วใส่บนเนื้อเพิ่มเข้าไปอีกจะทำให้ได้รสชาติที่สุโค่ยสุด ๆ

Japanese eel grilled with rice,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

คาบายากิ (kabayaki)

คาบายากิ คือข้าวหน้าปลาไหล ที่ญี่ปุ่นจะนิยมนำปลาไหลทะเลมาทำเมนูอาหารแบบปิ้งย่าง ที่นิยมสุดคือการนำปลาไหลทะเลเคลือบซอสแล้วย่างบนเตาถ่านจนสุกหอม หรือบางร้านก็จะเอาไปนึ่งแทนการย่าง แต่หากคุณไปเที่ยวในเขต Nagoya ก็จะมีวิธีการกินที่พิเศษกว่าพื้นที่อื่นคือจะนำชาราดลงไปบนข้าวหน้าปลาไหลอีกรอบ เรียกว่า ฮิตสึมะบุชิ ไม่ว่าจะไปเที่ยวพื้นที่ไหนก็ลองลิ้มชิมรสให้ครบตามขั้นตอนจะได้รู้รสชาติความเป็นออริจินอลแบบครบสูตร

Delicious Potato croquettes,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

โคร็อกเกะ (korokke)

เมนูที่หาทานได้ทั่วไป แล้วกลายมาเป็นเมนู อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น ได้อย่างไร นั้นเพราะต้องทานแบบร้อน ๆ หรือที่พึ่งทำเสร็จใหม่ ที่จริงมันคือ มันฝรั่งบดแล้วนำมาปรุงรสชุบด้วยแป้งแล้วทอด ซึ่งบางสูตรก็อาจจะมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ จะทานแบบสแน็คหรือเครื่องเคียงก็ได้ จะให้อร่อยต้องกินตอนทอดใหม่ ๆ จะทำให้คุณติดใจจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

Katsu curry,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

ข้าวแกงกะหรี่

อาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเขาเลย ใครไปต้องหาโอกาสลองเมนูนี้สักครั้งรับรองคุณจะลืมรสชาติที่คุณคุ้นเคยที่เคยลิ้มลองจากเมืองไทยไปอย่างปลิดทิ้ง เพราะรสชาติของแกงกะหรี่ที่นี่เข้มข้นและมีความหลากหลาย มีเครื่องเคียงให้เลือกได้หลายอย่างตามความชอบอีกด้วย

Motsunabe,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

โมตสึนาเบะ (Motsunabe)

เมนูนี้หากใครไปเที่ยวที่เมืองฟุกุโอกะ แนะนำว่าต้องไปชิมโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เมนูนี้จะช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นทั้งส่วนผสมที่ใส่ลงไปอย่าง เช่น กระเทียมและพริก ที่อยู่ในน้ำซุปต้มกับเนื้อวัวหรือหมูพร้อมผักและอาจจะมีเครื่องในด้วยที่เป็นสูตรต้นตำรับ หากกินเสร็จก็จะมีการใส่ข้าวลงไปหรือเส้นชัมปงลงไปในนำซุปที่เหลือจนอิ่มแบบเกลี้ยงหม้อกันไปเลยก็ว่าได้

ยังมีเมนู อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น ที่รอให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองอีกมากมาย ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองไหนก็อย่าลืมกินอาหารประจำท้องถิ่นนั้น ๆ กันดู เพื่อเปิดประสบการณ์ในเรื่องรสชาติอาหารในวัฒนธรรมที่แตกต่าง

รวม Landmark สวย ๆ ในเกาหลี

ใครมีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลียกมือขึ้น ก่อนไปต้องมาสำรวจ Landmark สวย ๆ ในเกาหลี ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเช็คอินกันก่อน จะได้ไม่เสียเที่ยวไปเกาหลีทั้งที จุดแลนด์มาร์คไหนสวย ๆ เราจะไม่พลาด ต้องไปแชะ ๆ ภาพถ่ายพร้อมกับสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของถานที่เหล่านั้นกันให้อิ่มเอมแบบสบายอารมณ์ให้สุด

City Skyline,Landmark ในเกาหลี

หอคอย N Seoul Tower

หอคอย N Seoul Tower เป็นหอคอยที่สูงติดอันดับ 1 ใน 18 ของโลก เป็น Landmark ในเกาหลี ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเกาหลีต้องไปเยือน เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของกรุงโซล ที่เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ที่พลาดไม่ได้เลยคือจุดดาดฟ้าที่เป็นจุดที่เหล่าคู่รักต่างก็ไปคล้องกุญแจแห่งรัก นอกจากการเข้าเยี่ยมชมห้องต่าง ๆ ที่จัดแสดงไว้บนหอคอยแล้ว ด้วยที่ตั้งขอหอคอยอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Namsan Park ทำให้สามารถท่องเที่ยวในรูปแบบที่หลากหลายอีกด้วย การเดินทางสามารถเดินทางไปได้ 2 รูปแบบ คือ

1. เคเบิลคาร์นัมซาน (Namsan Cable)

เป็นการเดินทางแบบกระเช้าลอยฟ้า ที่เป็นกระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของเกาหลีสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดเส้นทาง ซึ่งความสวยงามในแต่ละฤดูก็ให้ความสวยงามที่ต่างกันไป

2. รถบัสเวียนนัมซาน (Namsan Circular Shuttle Bus)

สามารถขึ้นได้จากป้ายจอดหน้าสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด เวลาบริการช่วง 8 โมงเช้าถึง เที่ยงคืน รถออกทุก 8 นาที มีสายบนริการทั้งหมด 3 สาย คือ สาย Namsan Circular Shuttle Bus No. 02 สาย 03 และสาย 05

Bukchon Hanok Village,Landmark ในเกาหลี

หมู่บ้าน Bukchon Hanok Village

เป็นชื่อของหมู่บ้านทางเหนือที่ตั้งตามตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้าน ในจังหวัด Gyeonggi-do ของกรุงโซล ที่ถือเป็น Landmark ในเกาหลี ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่รักษาสภาพและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งบ้านเรือน ถนน ตอกซอยทุกอย่างให้เป็นแบบเดิม ๆ ในสมัยราชวงศ์โชซอน มีมุมสวย ๆ ในหมูบ้านตามจุดต่าง ๆ ให้ถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นวิว สถาปัตยกรรมของบ้านเรือน และวิถีชีวิตของคนในชุมชน นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ทุกวัน 9 โมง ถึง 6 โมงเย็น

การเดินทาง

คือนั่งรถไฟใต้ดินโซล สาย 3 ลงสถานี Anguk Station ออกทางออกที่ 2 เดินตรงไป 300 แล้วเลี้ยวเข้าซอย 11 Gahoe-dong

Gyeongbokgung Palace,Landmark ในเกาหลี

พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

มาถึงเกาหลีแล้ว ไม่มาพระราชวังแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงเกาหลี ความมีชื่อเสียงของสถานที่แห่งนี้คือ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในโซล เป็นสถานที่ถ่ายทำในซีรี่เกาหลีหลายต่อลายเรื่อง มีจุดแลนด์มาร์คสำคัญหลายแห่งเช่น หน้าประตู Heungnyemun Gate จุดถ่ายรูปยอดฮิต, ศาลากลางน้ำ Gyeonghoeru ที่ไม่ว่าจะยืนถ่ายรูปมุมไหนก็สวยทุกมุม, ศาลาหกเหลี่ยม Gyeonghoeru ที่อยู่บนเกาะกลางน้ำพร้อมสะพานทอดยาวที่ถ่ายแล้วได้ภาพสวยสุด ๆ เปิดให้บริการทุกวัน หยุดวันอังคาร มีชุดฮันบกบริการฟรี แต่จะจำกัดจำนวนในแต่ละวัน นักท่องเที่ยวที่ใส่ชุดฮันบกสามารถเข้าชมพระราชวังเคียงบกกุงฟรี

การเดินทาง

ใช้รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Gyeongbokgung ออกทางออกที่ 5

ใช้รถไฟใต้ดิน สาย 5 ลงที่สถานี Ganghwamun ออกทางออกที่ 1 เดินอีก 400 ม.

Namiseom island,Landmark ในเกาหลี

เกาะนามิ (Namiseom Island)

เกาะนามินับเป็น Landmark ในเกาหลี ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักจากซีรี่เกาหลีเรื่อง Winter Love Song และกวนมึนโฮ เกาะนามิจะสวยงามมากที่สุดคือในช่วงฤดูใบไม้ล่วงที่ต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีแดงเต็มต้นและต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด ซึ่งใครมาแล้วเป็นต้องหลงใหลไปกับบรรยากาศที่สุดโรแมนติกแห่งนี้กันแทบไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว

การเดินทาง

ใช้รถไฟใต้ดินสาย Gyeongchun มาที่สถานี Gapyeong แล้วต่อรถนัสหน้าสถานีมาลงที่เกาะนามิหรือนั่งแท็กซี่มายังท่าเรือเลย แล้วขึ้นเรือข้ามฟาก เรือจะออกทุก ๆ 30 นาที เที่ยวแรกออก 7.30 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากเกาะนามิ 21.40 น.

ใครไปเที่ยวเกาหลีแล้ว อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมยังสถานที่ที่กล่าวมาข้างต้น จะได้ไม่หลุดจุด Landmark ที่สำคัญในเกาหลี เชื่อแน่ว่าหากได้ไปเยือนแล้วคุณจะหลงรักเกาหลีได้มากกว่าที่เคยรักแน่นอน

รวมเทศกาลพิเศษในญี่ปุ่นที่จะจัดขึ้นในปี 2019-2020

ใครที่ตั้งใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นภายในปีนี้แล้วยังไม่ได้ไปสักที นี่ก็จะปลายปีแล้ว ลองมาดู เทศกาลในญี่ปุ่น ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ เผื่อว่าใครจัดตารางลางานได้ทันจะได้วางแผนการเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบไม่เสียเที่ยว ซึ่งเราได้รวบรวม เทศกาลในญี่ปุ่น ที่ยิ่งใหญ่มาให้แล้วรับรองว่าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้วต้องอยากเข้าร่วมเทศกาลสำคัญเหล่านี้

Chichibu Yomatsuri festival,เทศกาลในญี่ปุ่น

เทศกาลในญี่ปุ่น Chichibu Yomatsuri ในจังหวัด Saitama

เทศกาลศาลเจ้าชิชิบุ ในเมือง Chichibu จังหวัด Saitama จัดขึ้นในวันที่ 2-3 ธันวาคมของทุกๆ ปี เป็นงานเฉลิมฉลองที่มีขบวนแห่งที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว มีขบวนรถแห่ ขบวนเกี้ยวที่ประดับตกแต่งไฟอย่างสวยงามซึ่งขบวนรถแต่งมีน้ำหนักมากถึง 20 ตัน ใช้คนในขบวนแห่เข็นและลากรถขึ้นลงไปตามเส้นทางที่กำหนดพร้อมกับเสียงประโคมกลองและเครื่องดนตรีอย่างครื้นเครงและมีการจุดพลุอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งใครที่สนใจเทศกาลศาลเจ้าชิชิบุนี้ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เพราะจะมีจัดแค่ปีละครั้งเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามได้

การเดินทาง

ด้วยรถไฟสาย Seibu Railways มาลงที่สถานี Seibu Chichibu หรือเดินทางด้วยรถด่วนสาย Seibu Limited Express จากสถานี Ikebukuro มาลงที่สถานี Seibu Chichibu เช่นกัน แล้วเดินเท้าต่ออีกประมาณ 15 นาที ไปยังศาลเจ้าชิชิบุ

Sapporo Snow Festival,เทศกาลในญี่ปุ่น

เทศกาลหิมะ Yuki Matsuri เมืองซัปโปโร

หากใครพลาดช่วงปลายปีนี้ ก็มีอีก เทศกาลในญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงและมีความน่าสนใจไม่ต่างจากเทศกาลแรกนั่นก็คือเทศกาลหิมะซัปโปโร เป็นเทศกาลที่จัดแสดงประติมากรรมน้ำแข็งมากมายทั้งขนาดเล็กและใหญ่ บางชิ้นงานมีความสูงถึง 15 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งเป็นงานที่มีชาวต่างชาติและคนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้เข้าร่วมงานในแต่ละปีมากกว่า 2 ล้านคนเลยทีเดียว

ในปี 2020 นี้จัดขึ้น 3 ลานดังนี้

1. ที่ลาน Tsudome ในวันที่ 31 ม.ค. – 11 ก.พ 2020 เดินทางโดยรถไฟสาย Toho มาลงสถานี Sakaemachi แล้วเดินต่อมาที่ลานจัดงานหรือนั่งรถ Shuttle Bus มาก็ได้ เดินใช้เวลาประมาณ 15 นาที

2. ลานจัดงาน Odori จัดในวันที่ 4-11 ก.พ. ที่สวน โอโดริ ตั้งอยู่ใจกลางของซัปโปโร เดินทางด้วยรถไฟสาย Namboku หรือ Toho ไปลงสถานี Odori ออกทางออกที่ 2, ทางออกที่ 5,ทางออกที่ 6 และทางออกที่ 8

3. ลานจัดงาน Susukino ในวันที่ 4-11 ก.พ. เป็นย่านซูซูกิโนะ ที่เป็นลานที่เต็มไปด้วยร้านกินดื่มของเมืองซัปโปโร เดินทางด้วยรถไฟสาย Namboku ลงที่สถานี Susukino ออกทางออกหมายเลข 3 หรือ 5

Spectacular summer fireworks event,เทศกาลในญี่ปุ่น

เทศกาล ดอกไม้ไฟ Sumidagawa

เทศกาลในญี่ปุ่น ที่เก่าแก่ที่จัดกันขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีชื่อเสียง คือ เทศกาลดอกไม้ไฟ แม่น้ำ Sumidagawa จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม งานนี้งานเดียวยิงดอกไม้ไฟมากกว่า 20,000 ลูก โดยแบ่งจุดในการยิงดอกไม้ไฟออกเป็น 2 จุดคือ จุดแรกที่วัดเซนโซจิ อาซากุสะ เขตไทโต จุดที่สองคือ โตเกียว สกายทรี เขตซุมิดะ

การเดินทาง

1. ไปจุดชมดอกไม้ไฟจุดแรก คือลงสถานี Tobu Asakusa และ สถานี Asakusa เดินต่ออีกไม่เกิน 15 นาที

2. ไปจุดชมดอกไม้ไฟจุดที่สอง ด้วยรถไฟใต้ดินสาย Toei Asakusa ลงสถานี Kuramae เดิน 5 นาที

เห็นภาพบรรยากาศแล้วก็อย่ารอช้า รีบลาพักร้อน แพ็คกระเป๋าเตรียมเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นกันได้เลย หากพลาดเทศกาลของปีนี้คุณต้องรอเทศกาลเหล่านี้ยาวถึงปีหน้าเลย

บริการขนส่งกระเป๋าในญี่ปุ่นและเกาหลี

traveling luggage,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

บริการ ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น เป็นการบริการทางเลือกที่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีและน่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ไปกับบริษัททัวร์นำเที่ยว ช่วยตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่จัดทริปท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือทริปที่เดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนและต้องมีการเดินทางท่องเที่ยวหลายแห่ง หลายเมืองหรือย้ายโรงแรมที่พักบ่อย มาดูกันว่าบริการส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น และเกาหลีมีวิธีการและเรทราคาอย่างไร

Yamato Transport Company,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

1. Hands-free Travel Service บริการรับฝาก-ส่งกระเป๋าเดินทาง จาก Yamato Transport

Hands-free Travel Service จากบริษัท Yamato หรือที่คนไทยคุ้นกับสัญลักษณ์การขนส่ง แมวดำ นั่นเอง เขาไม่ได้รับส่งแต่เพียงกระเป๋าเดินทางเท่านั้น บริษัทเปิดให้บริการ ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นการบริการ 3 แบบดังนี้

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการสามารถกรอกคำขอใช้บริการพร้อมแจ้งชื่อและที่อยู่ของโรงแรมที่พักยื่นที่หน้าเคาน์เตอร์ของบริษัท Yamato ที่สนามบินได้เลยหรือหากใครจะใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ก็สามารถทำได้เช่นกัน ใครที่ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกังวลเพราะทางเว็บเขามีภาษาอังกฤษให้เลือกใช้ได้ไม่ยาก

  • การให้บริการรับส่งกระเป๋าระหว่างโรงแรม

            แต่บริการนี้จะใช้บริการได้ก็เฉพาะโรงรมที่พักที่มีเคาน์เตอร์เปิดรับบริการส่งเท่านั้นจากที่พักหนึ่งให้ส่งกระเป๋าไปโรงแรมที่พักถัดไป โดยที่เราไม่ต้องแบกสัมภาระติดตัวระหว่างเดินทางท่องเที่ยวเลย ง่าย และเที่ยวสนุกได้แบบสบายตัว

  • ให้บริการรับฝากกระเป๋าหรือสัมภาระระหว่างวัน

            เหมือนบริการรับฝากของเวลาที่คุณสาว ๆ เดิน Shopping ไม่อยากถือของกระเป๋าหรือสัมภาระ โดยเฉพาะในวันที่ต้องเดินทางกลับเราก็ไม่ต้องเสียค่าปิดโรงแรมรอเครื่องออกหรือวันที่ต้องมีโปรแกรมแน่นก็สามารถใช้บริการนี้ได้ แต่เคาน์เตอร์จะมีเฉพาะตามสถานีรถไฟใหญ่ ๆ เท่านั้น

ค่าบริการจะคำนวณจากขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าและระยะทางในการจัดส่ง ซึ่งสามารถเช็ครายละเอียดจากเว็บไซน์ของบริษัทได้

JTB travel agency office,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

2. บริการ Luggage Free Travel จาก JTB

บริการส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น จะมีบริการ 3 แบบ คือ

  • บริการขนส่งกระเป๋าจากสนามบินไปโรงแรม
  • บริการขนส่งกระเป๋าจากโรงแรมหนึ่งไปอีกโรงแรมหนึ่ง
  • บริการขนส่งจากโรงแรมมายังสนามบิน

ซึ่งราคาค่าบริการก็ใช้ขนาดของกระเป๋าเป็นเรทในการคิดค่าบริการ คือกระเป๋าใบเล็ก ขนาดรวมแล้วไม่เกิน 120 ซม.หรือหนักไม่เกิน 15 กก. ค่าบริการ 2000 เยน / ชิ้น กระเป๋าใบใหญ่ ขนาดรวมแล้วไม่เกิน 160 ซม.หรือหนักไม่เกิน 25 กก. ค่าบริการ 2500 เยน / ชิ้น และมีค่าภาษีอีกเล็กน้อย โดยขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยาก ยื่นคำขอใช้บริการกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์และจ่ายเงินค่าบริการเพียงเท่านี้ก็รอรับกระเป๋าได้ที่โรงแรมที่พักได้แล้ว

ไปเที่ยวญี่ปุ่นเกาหลีในครั้งต่อไปก็ไม่ต้องคอยแบกกระเป๋าสัมภาระให้รุงรังและเหนื่อยจนทำให้คุณรู้สึกหมดสนุก ใช้บริการขนส่งกระเป๋าแบบสบาย ๆ ให้คุณได้เที่ยวในทุกสถานที่ ที่คุณอยากไป เดินตัวปลิวท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินในตลอดทริปการท่องเที่ยวนี้

7 อย่างที่สามารถหาซื้อได้ในอังกฤษเท่านั้น!

มาถึงประเทศอังกฤษทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้คือการ Shopping กับของที่ระลึกที่มีในประเทศอังกฤษ เช็คลิส 7 อย่างซึ่งเป็น ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ เท่านั้น มาดูกันดีกว่าว่าหากคุณมาถึงประเทศอังกฤษแล้วคุณต้องห้ามพลาดสิ่งเหล่านี้หิ้วติดไม้ติดมือกลับเมืองไทย

1. ของฝากของที่ระลึกจาก Harrods

Harrods department store,ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ

Harrods เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในกรุงลอนดอน มีสินค้าที่เป็นของที่ระลึก ของฝากมากมาย โดยใช้สัญลักษณ์เป็นน้องหมีสีน้ำตาลน่ารักในอิริยาบทต่าง ๆ และของที่ได้รับความนิยมสุดของห้าง Harrods คือกระเป๋าเคลือบ PVC ที่มีหลากหลายทรงและหลายสีให้เลือก

2. เสื้อนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

football supporter

ทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่โด่งดังไปทั่วโลกทำให้เสื้อนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากละ เสื้อนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบถูกลิขสิทธิ์ต้องซื้อตามสโมสรต้นสังกัด จากร้านค้าที่ได้ลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการของสโมสรและสนามฟุตบอลอย่าง สนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์ สนามเอมิเรตส์สเตเดียมและสนามไวต์ฮาร์ตเลน ของอังกฤษเท่านั้น

3. ของที่ระลึกจากหนังเรื่อง Harry Potter

London Harry Potter

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Harry Potter มีจุดกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ มาอังกฤษทั้งที 1 ใน 7 สิ่งที่เป็น ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ ก็ต้องมีของที่ระลึกจากหนังเรื่อง Harry Potter จาก Making of Harry Potter Warner Bros. Studio ซึ่งมีของที่ระลึกเกี่ยวกับ Harry Potterให้เลือกมากกว่า 200 ชิ้นเลยทีเดียว

4. อาหารเสริมสุขภาพจาก Holland & Barrett

Holland & Barrett,ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ

เป็นร้านที่เอาใจสาย Healthy ที่ขายอาหารเพื่อสุขภาพทั้งแบบทาน แบบบำรุง เช่น อาหารเสริม วิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินซีผงที่ใช้กับครีมบำรุง ซึ่งขึ้นชื่อในประเทศอังกฤษมาก เป็น ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ เท่านั้นเพราะในไทยยังไม่มีการนำเข้า

5. ของที่ระลึกเกี่ยวกับอัศวิน

Armor, knives, swords,ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ

ไม่ว่าจะเป็นชุดอัศวิน หมวกอัศวิน และสินค้าที่เกี่ยวกับอัศวินที่จะต้องเดินทางไปซื้อถึงพระราชวังบักกิ้งแฮม ซึ่งของที่ระลึกเหล่านี้เป็นที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่มักจะเลือกเป็นของขวัญหรือของฝากติดไม้ติดมือกลับ

6. ชาอังกฤษของแท้

English teas,ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ

คงเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชาเป็นแน่ สำหรับชาเมืองผู้ดีอย่างประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น ชาปรินซ์ ออฟ เวลส์ ชาเอิร์ลเกรย์ ชาอิงลิชเบรกฟาสต์ ชาดาร์จีลิง เป็นต้น ซึ่งมาถึงลอนดอนก็หาซื้อได้ไม่ยากตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปหรือห้างสรรพสินค้า Harrods ได้

7. ร่มจากร้าน James Smith & Son

James Smith and Sons umbrella store,ของที่ต้องซื้อที่อังกฤษ

ร่มจากร้าน James Smith & Son เป็นร่มที่มีความแข็งแรงมาก เป็นร้านเก่าแก่ที่ทุกคนในลอนดอนยอมรับในเรื่องของคุณภาพ ส่วนประกอบทุกชิ้นผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพอย่างดี ร่มหนึ่งคันสามารถใช้งานนานนับสิบปีได้เลย ในร้านมีร่มหลากหลายรูปแบบให้เลือกมีแบบร่มตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงแบบร่มที่นิยมในปัจจุบัน

สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปอังกฤษก็อย่าลืมเลือกของที่ระลึกและของฝากจาก 7 อย่างนี้ไปฝากคนที่คุณรักก็แล้วกัน เพราะนอกจากจะเป็นของขวัญที่คุณเลือกให้แล้วยังเป็นสิ่งที่มีขายในเฉพาะประเทศอังกฤษเท่านั้นไม่ได้มีขายทั่วไปอีกด้วย

5 สิ่งที่ใส่แล้วมีแต่เอาต์เมื่อไปปารีส

ปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเมืองนี้นอกจากสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งหลายให้มาเยือนแล้ว เรื่องแฟชั่นก็เป็นจุดเด่นไม่แพ้กัน หลายคนจึงกังวลเมื่อมีแผนต้องไปเที่ยวที่นี่ ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ชอบแต่งตัวให้โดดเด่น สะดุดตาแล้ว เรามีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการทำตัวให้เนียน เป็น Parisian ที่ดีมาบอก มีอะไรที่เป็น ชุดที่ไม่ควรใส่ในปารีส บ้างนั้นมาหาคำตอบกันได้เลย

1. ชุดที่โชว์สรีระมากเกินไป

Fashionable Sexy blond girl

ชุดที่โชว์สรีระหรืออาจจะพูดให้เข้าใจง่ายคือ ชุดที่แต่งแล้วดูเซ็กซี่ เพราะโดยปกติแล้วคนปารีสมักจะแต่งตัวในลักษณะที่ปกปิดมิดชิดมากกว่าการแต่งตัวที่เปิดเผยมากไป เช่น เสื้อเกาะอก กระโปรงสั้น หรือชุดที่เปิดให้เห็นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากเกินไป หากคนปารีสเห็นแล้วจะดูออกได้ทันทีว่าคุณไม่ใช่คนที่นี่แน่ ๆ

2. ชุดออกกำลังกาย

Fitness sport girl,ชุดที่ไม่ควรใส่ในปารีส

ในบ้านเราหรือประเทศอื่น ๆ อาจจะเป็นเรื่องปกติที่จะใส่กางเกงเลกกิ้งหรือกางเกงโยคะ เสื้อฮู้ด เดินตามท้องถนนแต่ที่ปารีสจะถือว่าไม่เหมาะสม ชุดแบบนี้เหมาะกับอยู่ในยิมเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นการเดินออกมาข้างนอกระยะทางไม่ไกลก็ควรหากางเกงหรือชุดที่เหมาะสมใส่ทับก่อนออกมาเดินข้างนอก

3. รองเท้าส้นสูง รองเท้าวิ่ง

red high heel shoes,ชุดที่ไม่ควรใส่ในปารีส

พื้นทางเดินในเมืองปารีสถูกปูด้วยก้อนหินเล็ก ๆ มากมาย ถ้าใส่ส้นสูงไปเดินต้องเจ็บเท้าเป็นแน่ คนปารีสจึงนิยมใส่รองเท้าบู๊ทแบบหุ้มข้อ รองเท้าหุ้มส้น หรือสนีกเกอร์กันมากกว่า หรือหากเป็นรองเท้าแตะก็จะเป็นชนิดที่ไม่ได้ผลิตจากพลาสติกหรือยาง เพื่อให้ดูมีระดับมากขึ้น และสำหรับผู้ชายสามารถใช้รองเท้าหุ้มส้นทางการหรือรองเท้าบู๊ทแบบหนังก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แนวที่เป็นรองเท้ากีฬามากเกินไป

4. หมวกบาเรท์

French beret,ชุดที่ไม่ควรใส่ในปารีส

หลายคนคงจะเคยเห็นหมวกทรงกลมไม่มีปีกที่ทำจากผ้าสักหลาด ที่เรียกว่าหมวกบาเรท์ หมวกชนิดนี้มีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลานานแล้ว โดยเริ่มแรกเป็นเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชายเท่านั้น ต่อมา โกโก ชาแนล นักออกแบบเสื้อผ้าชื่อดังของฝรั่งเศสได้ทำให้หมวกชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น จนเป็นที่นิยมมาถึงปัจจุบัน ซึ่งการใส่หมวกชนิดนี้ให้ดูเป็นชาวปารีสก็มีกฎอยู่ว่า อย่าใส่สีแดงฉูดฉาดหรืออย่าใส่เมื่อออยู่ในกลุ่มคน เพราะถ้าทำแบบที่กล่าวไปแล้วจะดูโดดเด่นและคนปารีสอาจมองเป็นเรื่องตลกได้

5. ไม่ใส่เครื่องประดับมากเกินไป

Diamond Bib Necklace,ชุดที่ไม่ควรใส่ในปารีส

นอกจากเครื่องแต่งกายพวกเสื้อผ้าแล้ว เครื่องประดับ การแต่งผม หรือแม้แต่การทำเล็บก็สามารถบอกได้ว่าคุณไม่ใช่คนปารีส เพราะคนที่นี่จะใส่เครื่องประดับชนิดที่สามารถใส่ได้ทุกวัน ไม่ใช่ใส่ไปโชว์ให้ใครเห็นหรือทำเล็บก็จะไม่ทาเป็นลวดลายต่าง ๆ หรือสีฉูดฉาด ให้นึกไว้เสมอว่าการแต่งตัวของคนที่นี่เน้นแบบเรียบหรู ดูดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราดูเนียนไปคนที่นี่ได้ดีที่สุด

การเลี่ยง ชุดที่ไม่ควรใส่ในปารีส นอกจากจะไม่เป็นจุดสังเกตของคนทั่วไปแล้ว ยังลดความเสี่ยงของอันตรายจากมิจฉาชีพที่จะเข้ามาใกล้เราอีกด้วย เพราะคนพวกนี้จะพุ่งเป้าหมายมาที่นักท่องเที่ยวก่อน เพราะระวังตัวน้อยกว่าคนในพื้นที่ รู้แบบนี้แล้วใครมีแผนไปเที่ยวปารีสครั้งหน้า ก็สามารถนำคำแนะนำข้างต้นไปใช้และระมัดระวังตัวตลอดการเดินทาง แล้วการเที่ยวของคุณก็จะเป็นทริปที่สนุกและปลอดภัยแน่นอน

List รวมของห้ามนำเข้าประเทศแถบยุโรปหรือ AUS

การไปเที่ยวแต่ละครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมา ยิ่งเป็นประเทศที่ห่างไกลจากบ้านเรามากเท่าไรค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้นคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากเรานำสิ่งของที่ต้องการใส่กระเป๋าแล้วกลับต้องถูกโยนทิ้งไป ซึ่งบางทีมูลค่าอาจจะไม่ได้มากมาย แต่ก็ทำให้เสียเวลาได้เหมือนกัน ดังนั้นการศึกษากฎระเบียบของประเทศที่เราจะไปจึงเป็นการดีที่สุด วันนี้เราจึงขอนำเสนอ 4 ประเภท ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป มีข้อควรระวังอย่างไรบ้างไปดูกัน

1. ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม

food products,ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป

เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคที่อาจมากับผลิตภัณฑ์จากสัตว์และนม ทำให้ต้องมีข้อห้ามนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้ามาในสหภาพยุโรป โดยมีข้อยกเว้นสำหรับนมผงของทารก หรืออาหารพิเศษที่ใช้ทางการแพทย์ นมผงของทารกสามารถพกพาได้ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ เช่น อาหารทะเลทั้งแห้งและสด(ที่ตายแล้ว) ได้รับอนุญาตให้นำเข้าได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม ส่วนผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ เช่น น้ำผึ้ง หอยแมลงภู่ และหอยนางรมสด อนุญาตให้ไม่เกิน 2 กิโลกรัม

2. พืชผักต่าง ๆ ที่เน่าเสียได้

Vegetable,ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป

บางคนต้องไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานและอาจจะคิดถึงอาหารรสชาติแบบไทย จึงนำพืชที่เป็นส่วนประกอบที่ให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ไปด้วย เช่น กระเทียม ขิง ข่า ตะไคร้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็น ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป ด้วยเช่นกัน เพราะอาจเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคในพืชได้เหมือนกับกรณีของผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยวัตถุดิบต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่หาซื้อได้ตามร้านที่ขายของชาวเอเชีย แต่ก็มีราคาแพงกว่าในบ้านเรา หากใครที่ต้องนำไปจริง ๆ ก็จัดการบรรจุให้ดีอย่าให้มีกลิ่นรบกวน พอไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากคนที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ก็กล่าวกันว่าผ่านมาได้ไม่มีปัญหาอะไร

3. สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

Luxury store appearance,ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป

เป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์ส่งผลต่อเศรษฐกิจและคุณค่าทางจิตใจของเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบได้อย่างมากมาย และเป็นการสนับสนุนผู้กระทำผิดอีกด้วย หากมีการตรวจพบว่าเราครอบครองของละเมิดลิขสิทธิ์ถึงแม้จะเป็นการใช้เองก็ตาม ก็อาจจะต้องถูกลงโทษตามกฎของประเทศนั้น ๆ ด้วย

4. วัสดุที่อาจก่อให้เกิดระเบิด สารไวไฟ และอาวุธทุกชนิด

Gun and bullet,ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป

เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปของประเทศต่าง ๆ ที่ห้ามนำสิ่งของเหล่านี้เข้ามาในประเทศ เกือบทุกสายการบินก็มีกฎนี้เช่นกัน เพระเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายได้อย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าในคนปกติทั่วไปก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพกสิ่งเหล่านี้ไปใช้กันอยู่แล้ว

เพื่อให้การไปเที่ยวของเราเป็นไปอย่างราบรื่น จึงควรใส่ใจกฎของแต่ละประเทศให้เข้าใจเพื่อที่เราจะไม่ต้องทิ้งอะไรไประหว่างทาง ซึ่งบางทีเรานำสิ่ง ของห้ามนำเข้าแถบยุโรป อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์จากสัตว์และพืชเข้ามา เพื่อความสบายใจก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเรามีของสิ่งนี้ เพื่อจะได้ถูกกฎหมายและไม่เกิดปัญหาระหว่างการตรวจคนเข้าเมือง

รวบแอปฯที่ใช้ชีวิตยามป่วยเมื่อไปต่างประเทศ

อาการเจ็บป่วยล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนาอยากจะให้เกิดขึ้น ยิ่งเป็นช่วงที่ไปเที่ยวแล้ว ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาต้องทำให้ความสนุกลดลงเป็นแน่ หากใครไปเที่ยวโดยเฉพาะในต่างประเทศที่เป็นพื้นที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่สะดวกเหมือนอยู่ในบ้านเรา การเตรียมยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด แก้แพ้ แก้เมารถ ยาดม หรือติดตั้ง แอปช่วยชีวิต ไว้ในโทรศัพท์มือถือ ก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราผ่านสภาวะความเจ็บป่วยแบบเบื้องต้นไปได้ โดยมีแอปพลิเคชันที่น่าสนใจ ดังนี้

online medical consultation,แอปช่วยชีวิต

1. DoctorMe

เป็นแอปที่รวมความรู้เกี่ยวกับโรค และอาการต่าง ๆ รวมถึงวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ยาทั้งแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร โดยใช้งานได้ง่าย มีการแบ่งอาการบาดเจ็บเป็นส่วนต่าง ๆ หรือใส่อาการที่เกิดขึ้นในช่องค้นหาก็จะมีวิธีแก้ไขขึ้นมาให้อ่านได้อย่างสะดวก ในแอปยังมีฟังก์ชันสมุดบันทึกสุขภาพไว้ให้คนที่รักสุขภาพได้บันทึกติดตามสภาพร่างกายได้ทั้งครอบครัว

checking information,แอปช่วยชีวิต

2. YaAndYou

แอปที่รวบรวมชนิดและรายละเอียดของยา เพื่อให้มีการใช้ยาได้อย่างเหมาะสม โดยเป็นเนื้อหาในลักษณะทั่วไปไม่ได้เจาะจงสำหรับโรคใดเป็นการเฉพาะ หากผู้ป่วยที่มีโรคเฉพาะควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์หรือเภสัชกร แต่เป็นแอปที่ดีที่ทำให้เราสามารถหารายละเอียดของยาแต่ละชนิดได้อย่างง่ายดาย ยิ่งเป็นในต่างประเทศที่อาจจะสื่อสารกันลำบากน่าจะช่วยได้มากเลยทีเดียว

Frustrated sad female crying,แอปช่วยชีวิต

3. RDU รู้เรื่องยา

เป็นอีกแอปที่รวบรวมข้อมูลยาและความรู้ต่าง ๆ ด้านสุขภาพที่เราอาจพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องสำอางนาโน ความผิดปกติทางจิต การสัก ยาหอม และอีกหลายหลายเรื่องที่จะเพิ่มเติมความรู้ให้กับเรา และยังรวบรวมข้อมูลของโรงพยาบาลและร้านยาในประเทศไทยไว้อย่างหลากหลาย และมีฟังก์ชันมากมายเพื่อให้การใช้ยาเป็นไปอย่างเหมาะสม ทั้งการหาชื่อและขนาดการใช้ยา การอ่าน QR code ที่อยู่บนฉลากยา รวมถึงบันทึกรายละเอียดการใช้ยา และวิดีโอสาระน่ารู้ที่จะให้คุณได้ทำความเข้าใจกับเรื่องสุขภาพได้อย่างง่ายดาย

pill medicine science,แอปช่วยชีวิต

4. HonestDocs คุณหมอมือถือ

แอปช่วยชีวิต นี้มีฟีเจอร์สำคัญ ๆ สำหรับคนรักสุขภาพ โดยมีฟังก์ชันให้ใช้งานมากมายทั้ง การค้นหาอาการของโรคและยา สอบถามปัญหาสุขภาพ โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตอบแบบเบื้องต้น บันทึกประวัติและผลการตรวจสุขภาพ และมีโปรโมชันเด็ด ราคาโดนใจมากมาย เช่น ในด้านทันตกรรม กายภาพบำบัด และความงาม เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีบทความสาระทางสุขภาพให้ได้หาความรู้แบบง่าย ๆ อีกด้วย

แอปช่วยชีวิต เป็นเครื่องมือที่ควรติดตั้งไว้ในเครื่องสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ไม่ใช่เฉพาะตอนที่ไปเที่ยวต่างประเทศเท่านั้น เพราะในแต่ละแอปมีสาระน่ารู้มากมาย หากศึกษาก็จะได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น เผื่อมีวันใดที่ต้องการใช้แอปเหล่านี้ จะสามารถใช้งานได้คล่องเพราะความคุ้นเคยกับอินเทอร์เฟซต่าง ๆ ในแอป

โรคที่ควรระวังเมื่อไปต่างประเทศ

สมัยนี้ใคร ๆ ก็เลือกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากการเดินทางที่แสนจะสะดวกมากขึ้น ตั๋วเครื่องบินราคาถูกลง หยุดยาว หยุดสั้นก็ไปเที่ยวได้ ไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ ต่างก็ซื้อตั๋วเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างระเทศ แต่นอกจากเงิน วันหยุด แล้วที่ต้องเตรียมให้พร้อมอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ไม่ควรพลาดคือ การเตรียมพร้อมสุขภาพร่างกาย เพื่อป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากการป่วย เนื่องจากในต่างประเทศเราอาจเสี่ยงเกินโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งวันนี้เรามี 5 โรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ มาแชร์ให้ทราบ เพื่อจะได้เตรีมพร้อมก่อนออกเดินทาง

Seriously ill patients,โรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ

1. อีโบล่า

หากเป็นโรคนี้รู้ไหมว่าความเสี่ยงเสียชีวิตสูงถึง 90% เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นในโซนแอฟริกา ซึ่งสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่มาจากการสัมผัสผิวหรือพวกสารคัดหลั่งที่มากจากสัตว์ อาการจะคล้ายกับการเป็นหวัด คือ เจ็บคอ มีไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ แล้วค่อย ๆ รุนแรงขึ้น ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ เลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ติดเชื้อ ล้างมือด้วยสบู่และเตรียมร่างกายให้แข็งแรง

women patient,โรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ

2. ไข้เหลือง

เป็นอีกโรคที่ต้องระวังเมื่อต้องเดินทางไปท่องเที่ยวโซนแอฟริกาสาเหตุการเกิดมาจากยุง ซึ่งลักษณะจะคล้ายกับไข้เลือดออกบ้านเรา แต่มีความรุนแรงมากกว่า อาการของโรคนี้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะและหากมีความรุนแรงมาก 50% แล้วเสี่ยงเสียชีวิต ปัจจุบันไข้เหลืองยังไม่สามารถรักษาได้แต่มีวัคซีนป้องกัน

cough and sore throat in winter,โรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ

3. วัณโรค

มีทั่วไปในหลาย ๆ ประเทศ แต่หากมีอาการรุนแรงก็เสี่ยงเสียชีวิตได้เช่นกัน อาการจะค่อยชัดขึ้น 1-10 วัน อาการจะมีไข้ ไอ จาม เกิดจากเชื้อไมโครแบคทีเรียมทูเบอร์คูโลซิสที่ลอยอยู่ตามอากาศ ติดเชื้อง่าย  เป็นโรคที่สามารถรักษาได้และสามารถป้องกันง่าย ๆ ด้วยการทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ไปอยู่กับผู้ป่วยโรคนี้

Infected Mosquito,โรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ

4. โรคมาเลเลีย

เป็นโรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ เกิดจากยุงตัวผู้ โดยเฉพาะคนที่รักการเดินทางแบบผจญภัย ชอบการเดินป่า ต้องระมัดระวัง หากป่วยจะมีอาการหนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีไข้สูง 

Stomach ache problem

5. อุจจาระร่วง

เป็นโรคยอดฮิตที่ต้องระวังและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เนื่องจากอาหารการกินของแต่ละประเทศจะมีวัฒนธรรมการกินที่ต่างกัน ร่างกายของใครที่มีภูมิคุ้มกันต่ำก็เสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ได้ ซึ่งวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือรับประทานอาหารที่สุกและสะอาด หากรู้ว่าแพ้สิ่งไหนควรหลีกเลี่ยง

การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยป้องกันคุณห่างไกลจากโรคระบาดเหล่านี้ ซึ่ง 5 โรคที่ควรระวังที่ต่างประเทศ ที่เราบอกมา บางโรคยังไม่มียารักษาก็ควรเตรียมพร้อม เช่น การฉีดวัคซีน ไม่ไปอยู่ในภาวะเสี่ยงและที่สำคัญหลังจากไปเที่ยวต่างประเทศกลับมาแล้ว ควรตรวจสุขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายเรายังแข็งแรงอยู่

ขนมยี่ห้อดังที่รสชาติแตกต่างกันในแต่ละประเทศ

เชื่อหรือไม่ว่าขนมจากยี่ห้อดัง ๆ ที่เห็นวางขายในประเทศเรานั้น อาจไม่มีวางขายในประเทศอื่น ในทางกลับกัน ก็จะมี ขนมรสแปลก ยี่ห้อเดียวกันนี้ มีรสชาติแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าความชอบและวัฒนธรรมการกินของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ทำให้ขนมรสชาติแปลกใหม่เหล่านี้มักเป็นของฝากยอดนิยมเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถหาในประเทศได้ ยกเว้นร้านค้าที่นำเข้ามาขาย ในบทความนี้เรามีขนมยี่ห้อดังแต่มีรสชาติที่แปลกแตกต่างจากความคุ้นเคย เผื่อว่าถ้าคุณไปท่องเที่ยวประเทศนั้น ๆ แล้วจะได้ซื้อเป็นของฝากให้กับครอบครัวและเพื่อนได้

Swedish Fish flavor Oreo cookies

1. โอริโอ้รสปลาสวีเดน

เรียกว่าเป็น ขนมรสแปลก เท่าที่เคยเห็นมา โดยปกติเราจะคุ้นเคยกับโอริโอ้รสวนิลา ทานง่าย ไม่ก็รสช็อคโกเลต แต่ที่สวีเดนมีโอริโอ้รสชาติปลา เรียกว่าไม่ใช่ปลาเสียเลยทีเดียวแต่ส่วนผสมจะเป็นไวน์และเชอรี่ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทานแล้วก็รู้สึกอร่อยไปอีกแบบ

Salt and Vinegar flavour Pringles

2. พริงเกิลส์รสเกลือและน้ำส้มสายชู

เป็นมันฝรั่งอบกรอบที่โด่งดังทั่วโลกและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะรสชาติกลมกล่อม ทานได้ทุกช่วงเวลา ในบ้านเราจะเห็นพริงเกิ้ลส์ รสชาติต้นตำรับ ซาวด์ครีม และรสสาหร่าย แต่ที่แปลกและเรียกว่าน่าสนใจมากคือ พริงเกอร์รสเกลือและน้ำส้มสายชู ที่ไม่มีขายในประเทศไทยบ้านเรา แต่หากได้ชิมรสชาติคงจะแปลกและชวนชิมน่าดู

kettle cooked wasabi ginger lays,ขนมรสแปลก

3. เลย์วาซาบิและขิง

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เรียกว่ามีรสชาติต่างกันไปแต่ละประเทศ ในบ้านเราจะเห็นรสเมี่ยงคำ รสต้มยำกุ้ง โนริสาหร่าย เป็นต้น แต่ถ้าเราได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น รสชาติเลย์ที่น่าลองและมีเฉพาะญี่ปุ่นเท่านั้นคือ เลย์รสวาซาบิและขิง ความเผ็ดร้อนของขิงและวาซาบิจะทำให้การทานมันฝรั่งอบกรอบของคุณเปลี่ยนไป

Mt. Fuji Strawberry Cheesecake KitKat,ขนมรสแปลก

4. Mt. Fuji Strawberry Cheesecake KitKat

เมื่อนึกถึงเวเฟอร์ช็อคโกเลตก็มักนึกถึง KitKat ซึ่งในบ้านเราก็จะเห็นรสดั้งเดิม เป็นรสช็อคโกเลตทั่วไป อาจจะมีรสชาเขียวบ้าง ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปไม่นาน แต่ถ้าได้ไปที่ญี่ปุ่นคุณจะพบกับคิทแคทหลากรสซึ่ง Mt. Fuji Strawberry Cheesecake KitKat เป็นอีกหนึ่งรสชาติที่น่าลอง

cheetos avocado and cheese,ขนมรสแปลก

5. ชีโตสรสอะโวคาโด

ส่วนใหญ่เราจะเจอแต่รสชีสและรสดั้งเดิม ถือว่าเป็นรสชาติขายดีในบ้านเรา แต่เมื่อไปต่างประเทศคุณจะพบ ชีโตสอะโวคาโด เป็นอีกรสที่กลิ่นและรสชาติน่าลิ้มลอง

ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นสุดยอด 5 ขนมรสแปลก ที่เราอยากให้คุณได้ลอง แต่ละประเทศจะสร้างสรรค์ขนมแบรนด์ที่เราคุ้นเคย แต่เพิ่มรสชาติต่าง ๆ ให้แปลกและดูน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่เราจะเห็นขนมขบเคี้ยวยี่ห้อดังหลายแบรนด์ มีรสชาติที่เราไม่คุ้นเคย เหมาะที่จะซื้อทานและเป็นของฝากที่ผู้รับจะต้องประทับใจ