ลิสต์รายการของฝากจากไทยที่นักท่องเที่ยวเกาหลีควรซื้อกลับ

ของฝากจากไทย อย่างที่ทราบดีว่าประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อติดอันดับของโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในหนึ่งวันจะมีนักท่องเที่ยวจากดินแดนต่าง ๆ หลั่งไหลเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวผิวขาวหน้าใสจากแดนกิมจิอย่างชาวเกาหลีนั้นเอง

https://www.youtube.com/watch?v=QXI2ElblqHM

ของฝากจากไทย ที่คนเกาหลีชอบ

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเดินทางเข้าออกประเทศไทยในแต่ละปี ไม่ต่ำกว่าล้านคน ทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มากกว่าสองพันล้านบาท

เพราะไม่มีชาวเกาหลีคนไหนที่มาเที่ยวเมืองไทยและเดินทางกลับมือเปล่าอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ต้องก็มี ของฝากจากไทยติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยทุกราย ซึ่งของฝากจากไทยที่ถูกอกถูกใจจนกลายเป็นของยอดฮิตที่ชาวเกาหลีคนไหนมาก็ต้องซื้อกลับ ได้แก่

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

1. ของฝากจากไทย ยาดม ต้องตราโป๊ยเซียน

Poysian Yadom,ของฝากจากไทย

คงเป็นเพราะกลิ่นที่หอมสดชื่นของยาดมไทยที่มีมาอย่างยาวนานจึงทำให้ยาดมกลายเป็นของฝากจากไทย ที่นักท่องเที่ยวเกาหลีต้องหอบคว้านซื้อแบบยกแผงกลับบ้านกันเลยทีเดียว ถ้ามาเที่ยวไทยแล้วไม่ซื้อยาดมกลับประเทศละก็รับรองว่าคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน

2. ของกินรสชาติแบบไทยแท้ให้ฟีลเหมือนสตรีทฟู้ด

ต้องบอกเลยว่าขนมเบนโตะ ถือเป็นขนมติดอันดับเทรนด์ฮิตที่คนเกาหลีซื้อกลับประเทศมากที่สุด อาจเป็นเพราะรสชาติที่มีความผสมทั้งเผ็ดและหวานทั้งยังมีราคาที่แสนถูกจึงทำให้เบนโต๊ะกลายเป็นของฝากจากไทย ที่คนเกาหลีฮิตสุด ๆ ไปเลยทีเดียว หรือ ขนมอื่นๆที่ให้ฟีลเหมือนสตรีทฟู๊ดไทย อย่างเลย์รสเมี่ยงคำ และอื่นๆยิ่งกินยิ่งคิดถึงไทย

3. เจ้าแห่งยาสีฟันอย่างดาร์ลี่ ของฝากจากไทย สุดแปลก

Darlie,ของฝากจากไทย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ยาสีฟันดาร์ลี่คือของติดไม้ติดมือที่คนเกาหลีจะหยิบกลับบ้านไปด้วยใช่ว่าที่ประเทศเกาหลีไม่มียาสีฟันขายนะ แต่เพราะว่ายี่ห้อดาร์ลี่หรือยี่ห้อแปลกอื่น ๆ ไม่มีขายที่เกาหลีต่างหาก อีกอย่างเรื่องของราคาที่แสนถูกจึงทำให้เป็นของฝากจากไทย ที่คนเกาหลีทั้งหลายหอบหิ้วกลับบ้านกันคนละหลอดสองหลอดนั้นแหละ

4. ผลไม้ที่ผ่านการแปรรูป

ผลไม้แปรรูปไทย ป้าเพี้ยน กล้วยต่กอบน้ำผึ้ง ทุเรียน มะขาม

ผลไม้แทบจะทุกชนิดที่ผ่านการแปรรูปจะมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน
ขึ้น และยังมีความอร่อยมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียนทอด ถือเป็นไอเทมสุดฮิตของฝากจากไทย ที่ชาวกิมจิควรจะซื้อกลับ ประเทศมากที่สุด เพราะทุเรียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผลไม้ไทย ย่อมการันตีถึงความอร่อยได้อย่างแน่นอน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5. กระเป๋าผ้าไทย

fashion textile silk handcraft bag,ของฝากจากไทย,handcraft bag

มาเมืองไทยทั้งทีก็ควรจะมีของอะไรไทย ๆ ติดมือกลับบ้านสักหน่อย กระเป๋าใส่ของที่ทำจากผ้าไทย ก็ถือเป็นของฝากจากไทย ที่บ่งบอกว่ามาเยือนถิ่นไทยได้อย่างชัดเจนซื้อกระเป๋าที่ทำจากผ้าไทยอย่างยี่ห้อ นารายา ก็ถือว่ามีระดับเลยทีเดียว หรือหากไปเยือนถิ่นอีสานก็กระเป๋าผ้าย้อมครามสักใบรับรองเกาหลีไม่มีอย่างแน่นอน

6. สบู่รสไม้

fruit soap carvings,ของฝากจากไทย

เป็นอีกหนึ่งของฝากจากไทย ที่คนเกาหลีชอบมาก จริง ๆ ชาวต่างชาติที่มาไทยน่าจะซื้อติดไม้ติดมือกลับประเทศกันทุกคน นั่นก็คือสบู่ผลไม้อะโรม่า ที่ทำมาในรูปของผลไม้นั้นจริงๆ เช่น มังคุด กล้วย แต่ที่ขายดีที่สุดต้องยกให้มะม่วงเลย อาบน้ำทีเหมือนนั่งปอกมะม่วงอยู่ในห้องน้ำ ฮิตถึงขนาดที่เกาหลีก็เริ่มมีหลายแบรนด์ทำสบู่มะม่วงออกมาหน้าตาแบบนี้

ของฝากจากไทย เป็นสิ่งที่สะท้อนวัฒนธรรม

อันที่จริง ของฝากจากไทยยังมีอะไรอีกมากมายที่น่าสนใจและน่าเป็นตัวเลือกในการซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านแดนกิมจิอีกหลายชนิด เพราะของฝากแต่ละชิ้นย่อมแสดงถึงความสวยงาม วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความน่าสนใจก็ไม่ได้อยู่ขึ้นอยู่ตรงเพียงแค่ของฝากอย่างเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของผู้ซื้อที่จะซื้อไปฝากผู้รับอีกด้วย

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ใบ/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋าในกรุงเทพฯ ราคาเริ่มต้นที่ 299 บาท/ใบ และยังมีบริการส่งกระเป๋าเดินทางไปต่างจังหวัด เรามีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

อ่านเพิ่มเติม

รีวิว เข้าเกาหลียังไงให้ผ่านตม.แน่นอน!!

กระแสปักหมุดเที่ยวตามรอยซีรีส์ดังจุดไฟให้ธุรกิจท่องเที่ยว ประเทศเกาหลีบูมต่อเนื่องนานหลายปี มีสถานที่ท่องเที่ยวดังมากมายที่สาวกซีรีส์เกาหลีโดยเแพาะสาว ๆ ฝันอยากไปสักครั้งถ่ายรูปปัง ๆ ลงอวดในโซเชียล แต่ระยะหลังชาวไทยจำนวนมากไปเที่ยวแล้วไม่กลับประเทศ หลบหนีเป็นแรงงานผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่เกาหลีจึงเข้มงวดกับคนไทยกลัวไม่ได้ไปเที่ยวจริง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวฝ่าด่าน ตม.เกาหลียากยิ่งขึ้น

 
 

เข้าใจ กฎใหม่ และเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด

หลายปีที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากหลบหนีวีซ่าเข้าเมืองเพื่อลักลอบทำงานแบบผิดกฎหมายในเกาหลี หรือที่เรียกกันว่าผีน้อย สร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยวตัวจริงที่ถูกด่านตรวจคนเข้าเมืองจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจาก ตม.เกาหลี เพิ่มมาตรการที่เข้มงวดกับคนไทยยิ่งขึ้น กลายเป็นว่าถ้าใครไม่เตรียมพร้อมให้อาจถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศทั้งที่วางแผนไปเที่ยวอย่างสบายใจ กลับเสียทั้งเงิน เสียเวลา หลายเสียงโอดครวญว่าประเทศเกาหลีเข้ายากเข้าเย็น แค่ทำตามกฎระเบียบอย่างชัดเจนไม่พออาจยังมีความเสี่ยงถูกปฏิเสธเข้าประเทศ จะทำอย่างไรให้ผ่านไฟเขียว ตม.เกาหลีได้ไปท่องเที่ยวสมกับความตั้งใจ เรารวมเคล็ดลับดี ๆ มาให้แล้ว ติดตามอ่านกันเลย

 
 

ไปเที่ยวเกาหลี เตรียมตัวอย่างไรให้ผ่านด่าน ตม. แน่นอน

เมื่อเรารู้กิติศัพท์ความโหดและสาเหตุที่ไม่ผ่าน ตม.เกาหลีมาบ้างแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเตรียมความพร้อมให้ดีและอุดช่องโหว่ที่เป็นปัญหาไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเจอด่านตรวจอย่างโหดแค่ไหนก็จะผ่านไปได้ฉลุย 

1.เตรียมเอกสาร สำคัญให้ครบถ้วน

วิธีการผ่านด่าน ตม.เกาหลีต้องเตรียมเอกสารให้ครบ ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไปเที่ยวจริงๆ ทำให้ผ่านด่านตรวจได้ไม่ยาก เอกสารที่ลืมไม่ได้ มีดังนี้

  • ห้ามลืมพาสปอร์ตเด็ดขาด พาสปอร์ตไม่ใช่แค่หนังสือเดินทาง แต่เป็นตัวแทนของบัตรประชาชนเพื่อระบุตัวตน ถ้ารูปหน้าบนพาสสปอร์ตไม่ตรงกับหน้าปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยแน่ใจก็อาจเข้าประเทศไม่ได้หรือซักถามวุ่นวาย ไม่ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปง่าย ๆ ไม่อยากมีปัญหาติดขัดควรพกพาสปอร์ตเล่มเก่าติดไปด้วย ในกรณีที่เพิ่งเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกอาจถูกสงสัยได้ง่าย ควรเตรียมเอกสารที่ช่วยยืนยันตัวตนให้ได้มากที่สุด เช่น ใบรับรองการทำงาน ใบรับรองการเป็นนักศึกษา เป็นต้น
  • เอกสารจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าเดินทางมาไฟล์ไหนและจะบินกลับวันไหน ใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่ามาเที่ยวตามตารางในทริปเป็นวิธียืนยันว่ามีแผนบินกลับประเทศแน่นอน 
  • ใบจองโรงแรมที่พัก ทำตารางการท่องเที่ยวพร้อมแนบใบจองที่พักมาให้ครบในรูปของอีเมลตอบรับ หรือแคปหน้าจอจากหน้าเว็บไซต์จองที่พักก็ได้ ข้อมูลระบุวันที่เข้าพักและวันที่เช็คเอาท์เพื่อให้ตรวจสอบว่ามาเที่ยวกี่วัน ตรงกับเที่ยวบินกลับหรือไม่ หากสามารถขอเอกสารยืนยันการเข้าพักจากโรงแรมมาด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบและตามตัวในกรณีที่เกิดปัญหา ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและมีส่วนช่วยให้ผ่าน ตม. เกาหลีง่ายขึ้น
  • เอกสารรับรองการทำงานหรือเป็นนักศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ เตรียมเอกสารเช่น ใบรับรองการทำงาน ใบรับรองเงินเดือน ใบลางานที่ระบุวันลาตรงกับแผนการเดินทาง นามบัตรหรือบัตรพนักงาน ถ้าเป็นนักศึกษาควรใช้ใบรับรองการเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือพกบัตรนักศึกษาติดตัวไปด้วย 
  • เตรียมแลกเงินไปให้เพียงพอ การไปเที่ยวต่างประเทศย่อมมีเรื่องค่าใช้จ่าย เตรียมแลกเงินสกุลนั้นไปให้เพียงพอตลอดทริป ควรมีเงินสำรองไว้หากใช้จ่ายเผื่อช้อปปิ้งของถูกใจ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน หรือมีบัตรที่สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้ หรือมีเงินไทยรองรับในบัญชีเพื่อใช้บัตรเดบิตแลกเงินสกุลอื่นแบบออนไลน์ การมีหลักฐานทางการเงินที่ดีจะให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ไปตัวเปล่าเพื่อวางแผนเป็นผีน้อยทำงานผิดกฎหมายในเกาหลี
 
 

2.วิธีเตรียมตัวและตอบคำถาม ที่คุณควรรู้

นอกเหนือจากบรรดาเอกสารสำคัญที่ลืมไม่ได้แล้ว ยังมีเรื่องการสุ่มถามจาก ตม. เกาหลี เนื่องจากความเข้มงวดของ กฎใหม่ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยมากขึ้นและเพ่งเล็งนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นพิเศษ ควรเตรียมคำตอบดี ๆ ไว้ล่วงหน้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้มากที่สุด ดังนี้

  • กรณีที่เปิดเล่มพาสปอร์ตมาใหม่ ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน หรือเพิ่งต่อพาสปอร์ตมาหมาด ๆ ต้องเตรียมตอบคำถามว่าทำไมถึงเดินทางไปเกาหลี มีแผนทำอะไร จะพักที่ไหน ไปที่ไหนบ้าง ควรท่องโปรแกรมทัวร์ให้คล่องแคล่ว อย่างน้อยที่สุดควรตอบได้ว่าจะเดินทางไปเมืองไหน จุดสำคัญบริเวณที่เที่ยวและที่พัก หรือทำแผนเที่ยวอย่างละเอียดพิมพ์ออกมาแล้วพกติดตัวไว้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าเป็นทริปท่องเที่ยวจริง ไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝง
  • ระยะเวลาเดินทางนานผิดปกติ สำหรับคนที่มาเกาหลีโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว สามารถอยู่ได้นานถึง 90 วัน หากไม่มีเอกสารใบรับรองอาชีพเพราะทำธุรกิจค้าขายส่วนตัว เป็นเกษตรกร หรือทำงานอิสระ พูดได้ว่าไม่มีเอกสารระบุตัวตนเพิ่มเติม อาจถูกสงสัยว่าเข้าประเทศโดยมีเหตุผลอื่นแอบแฝง ยิ่งต้องเขียนแผนการเดินทางที่ชัดเจนและรัดกุม จะไปเที่ยวที่ไหน พักที่ไหน และทำอะไรบ้าง ระหว่างที่อยู่ในเกาหลีจะสามารถตามหาตัวได้ที่ไหน หากไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานชัดเจน อาจเสี่ยงติด ตม.เกาหลี และถูกส่งตัวกลับเพราะเข้าข่ายต้องสงสัยว่าเข้าประเทศมาเพื่อลักลอบทำงานผิดกฎหมาย
  • ปัญหาเรื่องภาษาสื่อสารกันไม่เข้าใจ หากไม่ชำนาญภาษาอังกฤษ ไม่รู้ภาษาเกาหลี การไปเที่ยวเองอาจทุลักทุเลเกิดปัญหาได้ตลอดเวลา ในกรณีที่ติดขัดเรื่องเอกสาร กรอกข้อมูลผิด พอสื่อสารพูดคุยได้รู้เรื่องแต่ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ ตม. ให้เข้าใจได้อาจเกิดความยุ่งยากมากขึ้น แนะนำให้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากับกรุ๊ปทัวร์ที่มีคุณภาพจะช่วยลดปัญหากับ ตม. ได้ในระดับหนึ่ง
  • แต่งกายให้เหมาะสม การแต่งกายให้สุภาพและมีพฤติกรรมเรียบร้อยแสดงให้เห็นความน่าเชื่อถือ เลือกชุดเสื้อผ้าเหมาะสมกับสภาพอากาศในช่วงที่เดินทาง แสดงให้เห็นว่าเตรียมตัวมาพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวใน ประเทศเกาหลีบวกกับความน่าเชื่อถือของเอกสาร หากเกิดปัญหาต้องตั้งสติให้ดีและตอบคำถามอย่างมั่นใจ ไม่มีพิรุธตอบอึกอักหรือหลบสายตา เตรียมตัวมาดีอย่างนี้ผ่านด่านฉลุยไม่ต้องกังวลว่าจะสอบตก คุณได้ไปต่อแน่นอน
 
 

เนื่องจากการตรวจสอบที่เข้มข้นทางประเทศเกาหลี แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน กระเป๋าใบใหญ่ไปหรือหลายใบเกินไปอาจเป็นเป้าสายตาสะดุดทำให้เจ้าหน้าที่ ตม.เกาหลีสงสัยได้เช่นกัน กรณีที่เราอยากไปเที่ยวแบบสบาย ๆ จัดเตรียมกระเป๋าเดินให้พอเหมาะดีที่สุด ไม่ต้องการแบกกระเป๋าหนัก ๆ ออกจากบ้าน สามารถใช้บริการขนส่งกระเป๋าจากบ้านไปสนามบินหรือต้องการฝากสัมภาระอย่างปลอดภัย จองผ่านเว็บไซต์สะดวกตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อได้ที่ https://th.airportels.asia/

 

ที่มาข้อมูล : 

จุดสอบถาม INFO/Tourist info, battery charging, ฝากของในกรุงโซล

สำหรับใครที่เที่ยวอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หรือวางแผนว่าจะไปเที่ยว แล้วต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับ จุดบริการนักท่องเที่ยวในโซล จุดบริการชาร์จไฟสำรอง และจุดฝากของ วันนี้เราได้รวบรวมมาให้แล้ว จะมีจุดไหนที่อยู่ใกล้ตำแหน่งที่คุณต้องการบ้าง มีข้อมูลที่ควรรู้ ดังนี้

1. จุดบริการนักท่องเที่ยว (Tourist Information Center)        

จุดบริการนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เป็นหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศ ซึ่งที่เกาหลีก็มีจุดเด่นด้านนี้เช่นกัน โดยที่สนามบินอินชอน (Incheon International Airport) จะเป็นศูนย์หลักที่ให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยว เพราะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมาใช้บริการที่สนามบินนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาเกาหลี จีน ญี่ปุ่นและอังกฤษไว้คอยให้บริการ ซึ่งจะช่วยเหลือเกี่ยวกับข้อมูลการท่องเที่ยว บริการจองบัตรที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง ต่าง ๆ รวมถึงโปรแกรมท่องเที่ยวรอบกรุงโซลด้วย และยังมี จุดบริการนักท่องเที่ยวในโซล ในบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกมากมาย เช่น สนามบินคิมโพ (Gimpo International Airport) ย่านคังนัม (Gangnam) ควังฮวามุน (Gwanghwa mun) นัมแดมุน (Namdaemun) ทงแดมุน (Dongdaemun) เมียงดง (Myeongdong) ศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติโซล (Seoul Global Cultural Center) สะพานซัมอิล (Samilgyo) อิเทวอน (Itaewon) ชัมชิล (Jamsil) และ หน้ามหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik) เป็นต้น

Hongdae Tourist Information centre,จุดบริการนักท่องเที่ยวในโซล

2. จุดชาร์จแบตเตอรี่สาธารณะ (Battery charging)

ปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนต้องมีติดตัวตลอดเวลา เพราะฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ยิ่งเวลาไปเที่ยวหรือเดินทางด้วยแล้ว เราสามารถดูข้อมูลได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ หากเวลาที่ต้องการใช้งานแต่แบตเตอรี่กลับหมดจนเปิดไม่ติด ก็จะเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดเป็นอย่างมาก แต่ในกรุงโซลมีจุดให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย หากมีเหตุแบตเตอรี่หมดหรือเหลือน้อย ก็สามารถเข้าไปขอใช้บริการได้ แต่การพกแบตเตอรี่สำรองไปด้วยจะดีที่สุด เพื่อให้ความสนุกไม่ต้องมาสะดุดเพราะแบตมือถือหมด

power bank and a charger,จุดบริการนักท่องเที่ยวในโซล

3. จุดฝากกระเป๋า (Luggage storage)

ปัญหาที่หลายคนต้องเจอเวลาไปเที่ยวคือการต้องแบกกระเป๋าหรือสัมภาระไปด้วย ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยการฝากกระเป๋านั่นเอง โดยส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ตามสถานีรถไฟใต้ดินและในสนามบิน เช่น ในสถานีรถไฟโซล (Seoul station) จะมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยแบบฟรีจะตั้งอยู่ที่ ห้าง Lotte Outlets ชั้น 1 และ 3 และห้าง Lotte Mart ที่บริเวณซุปเปอร์มาเก็ต ส่วนตู้แบบเสียเงิน จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟโซล ซึ่งตู้แบบฟรีจะไม่ได้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนตู้แบบเสียเงิน สามารถฝากได้ครั้งหนึ่งนาน 24 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นจะถูกปรับเงินได้ ดังนั้นต้องคำนวณเวลาให้ดี เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น

self service storage,จุดบริการนักท่องเที่ยวในโซล

การวางแผนที่ดีนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ แต่บางทีก็อาจเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ จึงต้องมีสติอยู่เสมอ หากพบเจอปัญหาระหว่างการท่องเที่ยว จุดบริการนักท่องเที่ยวก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้

10 แหล่งช้อปในเกาหลีที่คุณไม่ควรพลาด!

กรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลีใต้เป็นปลายทางของหลาย ๆ คนที่คิดจะเดินทางไปประเทศนี้ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย นอกจากนั้นยังมี แหล่งช้อปในเกาหลี ที่มีของขายละลานตาอีกด้วย จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย

1. มยองดง (Myeongdong)

ถ้ามาเที่ยวโซลแล้วห้ามพลาดการมาเดินเล่นที่นี่ เพราะมีของขายมากมายทั้งในห้างสรรพสินค้า และตลอดสองฝั่งถนนเรียงรายตลอดทาง เป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อว่าสินค้ามีมากมายและราคาถูกแห่งหนึ่ง โดยมีสินค้าที่เป็นที่นิยมอย่างเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ กระเป๋าถือทั้งแบรนด์จากในประเทศและต่างประเทศ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย นอกจากนี้ยังมีอาหารประจำถิ่นให้ได้ลองกันอย่างจุใจอีกด้วย

Myeongdong district

2. ทงแดมุน (Dongdaemun)

ตลาดขายปลีกและขายส่งขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ โดยมีห้างสรรพสินค้ากว่า 25 แห่ง และเป็นแหล่งของผู้ผลิตสินค้านับหมื่นร้าน สินค้าในย่านนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายอย่างเช่น เครื่องหนัง เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์สำนักงานมากมาย

Dongdaemun Design Plaza

3. ถนนอีแด (Edae Shopping Street)

เป็น แหล่งช้อปในเกาหลี ที่ตั้งอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา ซึ่งเป็นอีกจุดเช็คอินยอดนิยม จึงมีสินค้ามากมายเกี่ยวกับผู้หญิงให้เลือกสรร ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และอื่น ๆ ที่หากสาว ๆ คนไหนมาเยือนต้องไม่ผิดหวังแน่นอน

Fashion Street

4. ตลาดกวางจัง (Gwangjang Market)

เป็นตลาดที่มีร้านขายผ้ามากมายหลายชนิดทั้งปลีกและส่ง ทั้งผ้าไหม ลินิน ซาติน และผ้าทออื่น ๆ ลักษณะเดียวกับย่านพาหุรัดบ้านเรา นอกจากนี้ยังมีชุดและงานฝีมือพื้นเมืองให้เลือกช้อปได้อย่างจุใจ โดยสินค้าในย่านนี้ถึงแม้จะไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนมแต่ก็รับรองได้ว่ามีคุณภาพดีแน่นอน

Gwangjang Market

5. ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)

เป็นย่านการค้าที่คึกคักแห่งหนึ่งที่มีสินค้าให้เลือกมากมายหลายชนิด โดยเป็นตลาดพื้นเมืองที่มีสินค้าทั้งเสื้อผ้า เครื่องหนัง สินค้านำเข้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้สอยอื่น ๆ ด้วย

Namdaemun market,แหล่งช้อปในเกาหลี

6. อีแทวอน (Itaewon)

ตลาดอีกแห่งที่มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อหา ทั้งสินค้าแบรนด์เนม เครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋า ของที่ระลึกและของโบราณต่าง ๆ เรียงรายตลอดทาง

Itaewon-dong district,แหล่งช้อปในเกาหลี

7. อินซาดง (Insa-dong)

ย่านที่เป็นแหล่งของร้านขายของโบราณ ชาพื้นเมือง และร้านหนังสือ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะมากมายรวมอยู่ในแหล่งนี้ด้วย ใครที่อยากดื่มด่ำกับศิลปะพื้นเมืองเกาหลีต้องห้ามพลาดที่นี่

Insadong Street,แหล่งช้อปในเกาหลี

8. ฮงแด (Hongdae)

ตลาดย่านฮงแด ตั้งอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ที่ขึ้นชื่อเรื่องศิลปะ โดยในวันธรรมดาก็มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าแนววัยรุ่นและวัยทำงาน และในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีตลาดนัดที่ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือและงานประดิษฐ์จากเหล่านักศึกษามาวางขายกันมากมาย

Hongdae district,แหล่งช้อปในเกาหลี

9. ห้างซัมซีกิล (Ssamziegil)

เป็นสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งของวัยรุ่นเกาหลี โดยมีสินค้าประเภทงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย รวมถึงของที่ระลึกก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ด้วย

ssamziegil building,แหล่งช้อปในเกาหลี

10. ศูนย์การค้าโคเอ็กซ์ (COEX mall)

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่หลายคนให้ความสนใจเพราะมีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ทั้งสินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง และ อื่น ๆ มากกว่า 300 แบรนด์ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นเป็นห้องสมุดที่ตกแต่งอย่างสวยงามสะดุดตา ซึ่งมีหนังสือมากกว่า 50,000 เล่ม และยังมีอควาเรียมสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศโลกใต้ทะเลให้ได้เดินชมอีกด้วย

COEX Mall

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ แหล่งช้อปในเกาหลี ที่น่าสนใจ ยังมีอีกมากที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งหากจะไปช้อปที่ไหนนั้น ขอแนะนำให้วางแผนการเดินทางและการใช้จ่ายให้ดี เพื่อให้การท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความสนุกและราบรื่นตลอดการเดินทาง

รวม Landmark สวย ๆ ในเกาหลี

ใครมีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลียกมือขึ้น ก่อนไปต้องมาสำรวจ Landmark สวย ๆ ในเกาหลี ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเช็คอินกันก่อน จะได้ไม่เสียเที่ยวไปเกาหลีทั้งที จุดแลนด์มาร์คไหนสวย ๆ เราจะไม่พลาด ต้องไปแชะ ๆ ภาพถ่ายพร้อมกับสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของถานที่เหล่านั้นกันให้อิ่มเอมแบบสบายอารมณ์ให้สุด

City Skyline,Landmark ในเกาหลี

หอคอย N Seoul Tower

หอคอย N Seoul Tower เป็นหอคอยที่สูงติดอันดับ 1 ใน 18 ของโลก เป็น Landmark ในเกาหลี ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเกาหลีต้องไปเยือน เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของกรุงโซล ที่เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ที่พลาดไม่ได้เลยคือจุดดาดฟ้าที่เป็นจุดที่เหล่าคู่รักต่างก็ไปคล้องกุญแจแห่งรัก นอกจากการเข้าเยี่ยมชมห้องต่าง ๆ ที่จัดแสดงไว้บนหอคอยแล้ว ด้วยที่ตั้งขอหอคอยอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Namsan Park ทำให้สามารถท่องเที่ยวในรูปแบบที่หลากหลายอีกด้วย การเดินทางสามารถเดินทางไปได้ 2 รูปแบบ คือ

1. เคเบิลคาร์นัมซาน (Namsan Cable)

เป็นการเดินทางแบบกระเช้าลอยฟ้า ที่เป็นกระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของเกาหลีสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดเส้นทาง ซึ่งความสวยงามในแต่ละฤดูก็ให้ความสวยงามที่ต่างกันไป

2. รถบัสเวียนนัมซาน (Namsan Circular Shuttle Bus)

สามารถขึ้นได้จากป้ายจอดหน้าสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด เวลาบริการช่วง 8 โมงเช้าถึง เที่ยงคืน รถออกทุก 8 นาที มีสายบนริการทั้งหมด 3 สาย คือ สาย Namsan Circular Shuttle Bus No. 02 สาย 03 และสาย 05

Bukchon Hanok Village,Landmark ในเกาหลี

หมู่บ้าน Bukchon Hanok Village

เป็นชื่อของหมู่บ้านทางเหนือที่ตั้งตามตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้าน ในจังหวัด Gyeonggi-do ของกรุงโซล ที่ถือเป็น Landmark ในเกาหลี ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่รักษาสภาพและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งบ้านเรือน ถนน ตอกซอยทุกอย่างให้เป็นแบบเดิม ๆ ในสมัยราชวงศ์โชซอน มีมุมสวย ๆ ในหมูบ้านตามจุดต่าง ๆ ให้ถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นวิว สถาปัตยกรรมของบ้านเรือน และวิถีชีวิตของคนในชุมชน นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ทุกวัน 9 โมง ถึง 6 โมงเย็น

การเดินทาง

คือนั่งรถไฟใต้ดินโซล สาย 3 ลงสถานี Anguk Station ออกทางออกที่ 2 เดินตรงไป 300 แล้วเลี้ยวเข้าซอย 11 Gahoe-dong

Gyeongbokgung Palace,Landmark ในเกาหลี

พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

มาถึงเกาหลีแล้ว ไม่มาพระราชวังแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงเกาหลี ความมีชื่อเสียงของสถานที่แห่งนี้คือ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในโซล เป็นสถานที่ถ่ายทำในซีรี่เกาหลีหลายต่อลายเรื่อง มีจุดแลนด์มาร์คสำคัญหลายแห่งเช่น หน้าประตู Heungnyemun Gate จุดถ่ายรูปยอดฮิต, ศาลากลางน้ำ Gyeonghoeru ที่ไม่ว่าจะยืนถ่ายรูปมุมไหนก็สวยทุกมุม, ศาลาหกเหลี่ยม Gyeonghoeru ที่อยู่บนเกาะกลางน้ำพร้อมสะพานทอดยาวที่ถ่ายแล้วได้ภาพสวยสุด ๆ เปิดให้บริการทุกวัน หยุดวันอังคาร มีชุดฮันบกบริการฟรี แต่จะจำกัดจำนวนในแต่ละวัน นักท่องเที่ยวที่ใส่ชุดฮันบกสามารถเข้าชมพระราชวังเคียงบกกุงฟรี

การเดินทาง

ใช้รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Gyeongbokgung ออกทางออกที่ 5

ใช้รถไฟใต้ดิน สาย 5 ลงที่สถานี Ganghwamun ออกทางออกที่ 1 เดินอีก 400 ม.

Namiseom island,Landmark ในเกาหลี

เกาะนามิ (Namiseom Island)

เกาะนามินับเป็น Landmark ในเกาหลี ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักจากซีรี่เกาหลีเรื่อง Winter Love Song และกวนมึนโฮ เกาะนามิจะสวยงามมากที่สุดคือในช่วงฤดูใบไม้ล่วงที่ต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีแดงเต็มต้นและต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด ซึ่งใครมาแล้วเป็นต้องหลงใหลไปกับบรรยากาศที่สุดโรแมนติกแห่งนี้กันแทบไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว

การเดินทาง

ใช้รถไฟใต้ดินสาย Gyeongchun มาที่สถานี Gapyeong แล้วต่อรถนัสหน้าสถานีมาลงที่เกาะนามิหรือนั่งแท็กซี่มายังท่าเรือเลย แล้วขึ้นเรือข้ามฟาก เรือจะออกทุก ๆ 30 นาที เที่ยวแรกออก 7.30 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากเกาะนามิ 21.40 น.

ใครไปเที่ยวเกาหลีแล้ว อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมยังสถานที่ที่กล่าวมาข้างต้น จะได้ไม่หลุดจุด Landmark ที่สำคัญในเกาหลี เชื่อแน่ว่าหากได้ไปเยือนแล้วคุณจะหลงรักเกาหลีได้มากกว่าที่เคยรักแน่นอน

บริการขนส่งกระเป๋าในญี่ปุ่นและเกาหลี

traveling luggage,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

บริการ ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น เป็นการบริการทางเลือกที่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีและน่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ไปกับบริษัททัวร์นำเที่ยว ช่วยตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่จัดทริปท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือทริปที่เดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนและต้องมีการเดินทางท่องเที่ยวหลายแห่ง หลายเมืองหรือย้ายโรงแรมที่พักบ่อย มาดูกันว่าบริการส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น และเกาหลีมีวิธีการและเรทราคาอย่างไร

Yamato Transport Company,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

1. Hands-free Travel Service บริการรับฝาก-ส่งกระเป๋าเดินทาง จาก Yamato Transport

Hands-free Travel Service จากบริษัท Yamato หรือที่คนไทยคุ้นกับสัญลักษณ์การขนส่ง แมวดำ นั่นเอง เขาไม่ได้รับส่งแต่เพียงกระเป๋าเดินทางเท่านั้น บริษัทเปิดให้บริการ ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นการบริการ 3 แบบดังนี้

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการสามารถกรอกคำขอใช้บริการพร้อมแจ้งชื่อและที่อยู่ของโรงแรมที่พักยื่นที่หน้าเคาน์เตอร์ของบริษัท Yamato ที่สนามบินได้เลยหรือหากใครจะใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ก็สามารถทำได้เช่นกัน ใครที่ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกังวลเพราะทางเว็บเขามีภาษาอังกฤษให้เลือกใช้ได้ไม่ยาก

  • การให้บริการรับส่งกระเป๋าระหว่างโรงแรม

            แต่บริการนี้จะใช้บริการได้ก็เฉพาะโรงรมที่พักที่มีเคาน์เตอร์เปิดรับบริการส่งเท่านั้นจากที่พักหนึ่งให้ส่งกระเป๋าไปโรงแรมที่พักถัดไป โดยที่เราไม่ต้องแบกสัมภาระติดตัวระหว่างเดินทางท่องเที่ยวเลย ง่าย และเที่ยวสนุกได้แบบสบายตัว

  • ให้บริการรับฝากกระเป๋าหรือสัมภาระระหว่างวัน

            เหมือนบริการรับฝากของเวลาที่คุณสาว ๆ เดิน Shopping ไม่อยากถือของกระเป๋าหรือสัมภาระ โดยเฉพาะในวันที่ต้องเดินทางกลับเราก็ไม่ต้องเสียค่าปิดโรงแรมรอเครื่องออกหรือวันที่ต้องมีโปรแกรมแน่นก็สามารถใช้บริการนี้ได้ แต่เคาน์เตอร์จะมีเฉพาะตามสถานีรถไฟใหญ่ ๆ เท่านั้น

ค่าบริการจะคำนวณจากขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าและระยะทางในการจัดส่ง ซึ่งสามารถเช็ครายละเอียดจากเว็บไซน์ของบริษัทได้

JTB travel agency office,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

2. บริการ Luggage Free Travel จาก JTB

บริการส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น จะมีบริการ 3 แบบ คือ

  • บริการขนส่งกระเป๋าจากสนามบินไปโรงแรม
  • บริการขนส่งกระเป๋าจากโรงแรมหนึ่งไปอีกโรงแรมหนึ่ง
  • บริการขนส่งจากโรงแรมมายังสนามบิน

ซึ่งราคาค่าบริการก็ใช้ขนาดของกระเป๋าเป็นเรทในการคิดค่าบริการ คือกระเป๋าใบเล็ก ขนาดรวมแล้วไม่เกิน 120 ซม.หรือหนักไม่เกิน 15 กก. ค่าบริการ 2000 เยน / ชิ้น กระเป๋าใบใหญ่ ขนาดรวมแล้วไม่เกิน 160 ซม.หรือหนักไม่เกิน 25 กก. ค่าบริการ 2500 เยน / ชิ้น และมีค่าภาษีอีกเล็กน้อย โดยขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยาก ยื่นคำขอใช้บริการกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์และจ่ายเงินค่าบริการเพียงเท่านี้ก็รอรับกระเป๋าได้ที่โรงแรมที่พักได้แล้ว

ไปเที่ยวญี่ปุ่นเกาหลีในครั้งต่อไปก็ไม่ต้องคอยแบกกระเป๋าสัมภาระให้รุงรังและเหนื่อยจนทำให้คุณรู้สึกหมดสนุก ใช้บริการขนส่งกระเป๋าแบบสบาย ๆ ให้คุณได้เที่ยวในทุกสถานที่ ที่คุณอยากไป เดินตัวปลิวท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินในตลอดทริปการท่องเที่ยวนี้