รู้ยัง! เที่ยวญี่ปุ่นปี 2565 ไม่ต้องมีวีซ่าแล้ว

หลังจากห่างหายจากการล็อกดาวน์ช่วงโควิด-19 ไปหลายปี เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากจะออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันใจจะขาดอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในหมุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ใคร ๆ ก็อยากไปคงหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น เพราะเดินทางไปง่าย ใช้เวลาไม่นาน แถมค่าใช้จ่ายตลอดทริปไม่ได้สูงแบบการไปเที่ยวยุโรป และยิ่งตอนนี้ญี่ปุ่นกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเทียวแล้ว เป็นข่าวดีสำหรับคนไทยเพราะเขาเปิดให้ท่องเที่ยวแบบไม่ต้องมีวีซ่าแล้ว วันนี้ airportels จะมาชวนคุณไป เที่ยวญี่ปุ่น กัน

 

ท่องเที่ยวฉบับไม่มีวีซ่า อัปเดต โปรโมชั่น ราคาตั๋ว

แน่นอนว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นหยุดชะงักจนถึงขั้นปิดประเทศและระงับวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ญี่ปุ่นมีนโยบายเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบไม่มีการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวทุกคนสามารถเข้าประเทศได้แบบ ฟรีวีซ่า และสามารถจองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วสถานที่ท่องเที่ยวและบริการอื่น ๆ ได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านผ่านเอเจนซี่หรือบริษัททัวร์ และสามารถท่องเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วันเงื่อนไขของการไป เที่ยวญี่ปุ่น แบบ ฟรีวีซ่า 2565 คือจะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 3 เข็ม โดยต้องเป็นวัคซีนที่ทางการญี่ปุ่นรับรอง ได้แก่ Pfizer 3 เข็ม หรือ Moderna 3 เข็ม หรือ Novavax 3 เข็ม ส่วนใครที่ฉีด AstraZeneca หรือ Covaxin เป็น 2 เข็มแรก เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer หรือ Moderna หรือ Novavax ถ้าหากได้รับวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม จะต้องตรวจ RT-PCR ในเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางมาถึงญี่ปุ่น เมื่อเช็กตัวเองว่าฉีดวัคซีนครบแล้วก็ถึงเวลาแพ็กกระเป๋าและจองตั๋วเครื่องบินกันได้เลย วันนี้เรามี โปรโมชั่น ตั๋วเครื่องบินมาแนะนำ

  • เริ่มที่สายการบิน Airasia จัดโปรในราคาสมาชิก Airasia เริ่มต้นที่ 1,580 บาท สำหรับเที่ยวบินต่างประเทศหนึ่งเที่ยวบิน แน่นอนว่ามีไปลงถึงที่ญี่ปุ่น เรียกได้ว่าสะดวกสบายและคุ้มค่ามาก
  • สายการบินเวียดเจ็ต บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงฟูโกโอกะเริ่มต้นที่ 3,999 บาท 
  • ส่วนสายการบินไทยก็มี โปรโมชั่น ราคาพิเศษพร้อมกับฟรีน้ำหนักสัมภาระ 30 กิโลกรัม แถมยังสามารถผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน 
  • สายการบิน Peach Aviation เปิดเส้นทางใหม่เริ่มต้นวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ระหว่าง กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ โอซาก้า (คันไซ) ในราคาเริ่มต้นที่ 3,190 บาท 
  • สายการบิน ZIPAIR ในเครือเดียวกับ Japan Airlines ก็เปิดราคาเที่ยวบินเดินทางก่อนวันที่ 3 มีนาคม 2566 ในราคาตั๋วต่อเที่ยวเริ่มต้นที่ 4,950 บาท
 

เมืองน่าท่องเที่ยว ในปีนี้ พร้อมที่ถ่ายภาพมุมฮิต

ญี่ปุ่นมีเมืองสวย ๆ น่าไปเที่ยวมากมายหลายเมือง แต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วันนี้เราก็มี 3 เมืองที่ห้ามพลาดเมื่อคุณไปเยือนญี่ปุ่น

1. โตเกียว

ไปถึงญี่ปุ่นทั้งที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปเยือนเมืองโตเกียวให้ได้ สถานที่ยอดฮิตที่ต้องไปถ่ายรูปเช็กอินให้ได้เลยก็คือ วัดเซ็นโซจิ เป็นวัดเก่าแก่ในโตเกียว และยังมีโคมไฟสีแดงขนาดยักษ์เป็นมุมถ่ายรูปสุดฮิตที่ใครไปก็จะต้องแชะภาพสวย ๆ กลับมา นอกจากนั้นแล้วที่โตเกียวยังมีย่านการค้าฮิป ๆ อีกมากมาย เช่น ฮาราจูกุ ชินจูกุ ชิบูย่า ฯลฯ

2. ยามานาชิ

ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง เมืองน่าท่องเที่ยว อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อมาชมความงามของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์กที่ถ่ายรูปมุมฮิตอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วยังมีทะเลสาบคาวากุจิโกะ ทะเลสาบยามานากาโกะ ทะเลสาบไซโกะ ทะเลสาบโชจิโกะ และทะเลสาบโมโตซุโกะที่สวยงามไม่แพ้กัน

3. โอซาก้า

โอซาก้าถือเป็นอีกหนึ่ง เมืองน่าท่องเที่ยว ที่นี่มีจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่างป้ายไฟกูลิโกะริมแม่น้ำโดทงโบริที่ใครไปก็ต้องได้ถ่ายรูปกลับมาทุกคน นอกจากนั้นแล้วยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และปราสาทโอซาก้า ที่เป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นรอให้ไปเช็กอินกัน

 

คาเฟ่ที่ต้องไปเช็กอิน

1. BLUE BOTTLE COFFEE

คาเฟ่โลโก้รูปขวดฟ้าชื่อดังที่ใครไปญี่ปุ่นก็ต้องไปเช็กอิน ที่นี่มีมุมสวย ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปเพียบ แถมเมนูเครื่องดื่มยังรสชาติอร่อยกลมกล่อมด้วย

(Image credit: https://www.archdaily.com/975342/blue-bottle-coffee-shibuya-cafe-keiji-ashizawa-design)

2. About Life Coffee Brewers

คาเฟ่เล็ก ๆ ในย่านชิบูย่า เป็นคาเฟ่ริมทางที่ไม่มีที่นั่ง แต่จุดเด่นของที่นี่คือตั้งอยู่มุมตึกซึ่งฮิปมาก ๆ เหมาะกับการมาถ่ายรูปชิค ๆ ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็มีหลากหลายชนิด รสชาติดีมาก ๆ 

(Image credit: https://ploybites.wordpress.com/2017/05/08/tokyo-cafe-about-life-coffee-brewers-shibuya-tokyo/)

3. DUMBO Doughnuts and Coffee

ที่นี่มีจุดเด่นตรงที่โดนัทขนาดบิ๊กเบิ้ม รสชาติเยี่ยม แป้งเหนียวนุ่มกัดแล้วละลายในปาก กินคู่กับเครื่องดื่มรสกลมกล่อมของทางร้านยิ่งเข้ากันมาก ๆ เลย 

4. Colombin Harajuku Salon

ร้านคาเฟ่สไตล์ยุโรป ขนมและเครื่องดื่มของที่ร้านจะเป็นสไตล์ฝรั่งเศส โดยมีจุดเด่นตรงที่น้ำผึ้งเลี้ยงเอง เป็นแบบออร์แกนิก รสชาติหอมหวานละมุนแบบลงตัว

(Image credit: https://omotesando.or.jp/shop/60/)

5. Onibus Coffee

คาเฟ่สไตล์มินิมอลตั้งอยู่ริมสนามเด็กเล่นและรางรถไฟ มีเพียงช่องหน้าต่างเปิดออกมาสำหรับสั่งและรับออเดอร์ เหมาะกับการมาถ่ายรูปเช็กอินแบบชิค ๆ

(Image credit: https://ploybites.wordpress.com/2017/05/08/tokyo-cafe-about-life-coffee-brewers-shibuya-tokyo/)

 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลการท่องเที่ยวญี่ปุ่นปี 2022 แบบรวบรัดที่เรานำมาฝาก ช่วงปลายปีนี้ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวที่ไหน ญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งเขาเปิด ฟรีวีซ่า ทั้งทีแบบนี้ ไม่รีบจองตั๋วไม่ได้แล้ว

 

ที่มาข้อมูล

เมนูอาหารที่ควรไม่ควรพลาดเมื่อไปญี่ปุ่น

ไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีจะอิ่มแต่บรรยากาศในการท่องเที่ยวของสถานที่เพียงอย่างเดียวก็คงเที่ยวไม่ครบสูตร อาหารญี่ปุ่นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเอเชีย ดังนั้นเมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยนั่นคืออาหารญี่ปุ่นแบบออริจินอล วันนี้เราได้รวบรวมเมนูอาหารญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลองเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น มาดูกันสิว่า อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น มีเมนูอะไรน่าสนใจกันบ้าง

Grilled Beef with sesame

กิวด้ง

อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น ชามแรกนั่นก็คือ กิวด้ง เป็นเมนูอาหารที่แปลตรงตัวว่าข้าวหน้าเนื้อใส่ชาม เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ที่แนะนำว่าไปญี่ปุ่นแล้วต้องไปทานนั่นเพราะรสชาติที่เป็นต้นตำหรับของเมนูนี้ จะมีความกลมกล่อม รสชาติของข้าวที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อที่โปะมาบนข้าวหากตอกไข่ดิบที่ตีแล้วใส่บนเนื้อเพิ่มเข้าไปอีกจะทำให้ได้รสชาติที่สุโค่ยสุด ๆ

Japanese eel grilled with rice,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

คาบายากิ (kabayaki)

คาบายากิ คือข้าวหน้าปลาไหล ที่ญี่ปุ่นจะนิยมนำปลาไหลทะเลมาทำเมนูอาหารแบบปิ้งย่าง ที่นิยมสุดคือการนำปลาไหลทะเลเคลือบซอสแล้วย่างบนเตาถ่านจนสุกหอม หรือบางร้านก็จะเอาไปนึ่งแทนการย่าง แต่หากคุณไปเที่ยวในเขต Nagoya ก็จะมีวิธีการกินที่พิเศษกว่าพื้นที่อื่นคือจะนำชาราดลงไปบนข้าวหน้าปลาไหลอีกรอบ เรียกว่า ฮิตสึมะบุชิ ไม่ว่าจะไปเที่ยวพื้นที่ไหนก็ลองลิ้มชิมรสให้ครบตามขั้นตอนจะได้รู้รสชาติความเป็นออริจินอลแบบครบสูตร

Delicious Potato croquettes,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

โคร็อกเกะ (korokke)

เมนูที่หาทานได้ทั่วไป แล้วกลายมาเป็นเมนู อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น ได้อย่างไร นั้นเพราะต้องทานแบบร้อน ๆ หรือที่พึ่งทำเสร็จใหม่ ที่จริงมันคือ มันฝรั่งบดแล้วนำมาปรุงรสชุบด้วยแป้งแล้วทอด ซึ่งบางสูตรก็อาจจะมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ จะทานแบบสแน็คหรือเครื่องเคียงก็ได้ จะให้อร่อยต้องกินตอนทอดใหม่ ๆ จะทำให้คุณติดใจจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

Katsu curry,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

ข้าวแกงกะหรี่

อาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเขาเลย ใครไปต้องหาโอกาสลองเมนูนี้สักครั้งรับรองคุณจะลืมรสชาติที่คุณคุ้นเคยที่เคยลิ้มลองจากเมืองไทยไปอย่างปลิดทิ้ง เพราะรสชาติของแกงกะหรี่ที่นี่เข้มข้นและมีความหลากหลาย มีเครื่องเคียงให้เลือกได้หลายอย่างตามความชอบอีกด้วย

Motsunabe,อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น

โมตสึนาเบะ (Motsunabe)

เมนูนี้หากใครไปเที่ยวที่เมืองฟุกุโอกะ แนะนำว่าต้องไปชิมโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เมนูนี้จะช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นทั้งส่วนผสมที่ใส่ลงไปอย่าง เช่น กระเทียมและพริก ที่อยู่ในน้ำซุปต้มกับเนื้อวัวหรือหมูพร้อมผักและอาจจะมีเครื่องในด้วยที่เป็นสูตรต้นตำรับ หากกินเสร็จก็จะมีการใส่ข้าวลงไปหรือเส้นชัมปงลงไปในนำซุปที่เหลือจนอิ่มแบบเกลี้ยงหม้อกันไปเลยก็ว่าได้

ยังมีเมนู อาหารแนะนำที่ญี่ปุ่น ที่รอให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองอีกมากมาย ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองไหนก็อย่าลืมกินอาหารประจำท้องถิ่นนั้น ๆ กันดู เพื่อเปิดประสบการณ์ในเรื่องรสชาติอาหารในวัฒนธรรมที่แตกต่าง

รวมเทศกาลพิเศษในญี่ปุ่นที่จะจัดขึ้นในปี 2019-2020

ใครที่ตั้งใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นภายในปีนี้แล้วยังไม่ได้ไปสักที นี่ก็จะปลายปีแล้ว ลองมาดู เทศกาลในญี่ปุ่น ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ เผื่อว่าใครจัดตารางลางานได้ทันจะได้วางแผนการเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบไม่เสียเที่ยว ซึ่งเราได้รวบรวม เทศกาลในญี่ปุ่น ที่ยิ่งใหญ่มาให้แล้วรับรองว่าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้วต้องอยากเข้าร่วมเทศกาลสำคัญเหล่านี้

Chichibu Yomatsuri festival,เทศกาลในญี่ปุ่น

เทศกาลในญี่ปุ่น Chichibu Yomatsuri ในจังหวัด Saitama

เทศกาลศาลเจ้าชิชิบุ ในเมือง Chichibu จังหวัด Saitama จัดขึ้นในวันที่ 2-3 ธันวาคมของทุกๆ ปี เป็นงานเฉลิมฉลองที่มีขบวนแห่งที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว มีขบวนรถแห่ ขบวนเกี้ยวที่ประดับตกแต่งไฟอย่างสวยงามซึ่งขบวนรถแต่งมีน้ำหนักมากถึง 20 ตัน ใช้คนในขบวนแห่เข็นและลากรถขึ้นลงไปตามเส้นทางที่กำหนดพร้อมกับเสียงประโคมกลองและเครื่องดนตรีอย่างครื้นเครงและมีการจุดพลุอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งใครที่สนใจเทศกาลศาลเจ้าชิชิบุนี้ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เพราะจะมีจัดแค่ปีละครั้งเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามได้

การเดินทาง

ด้วยรถไฟสาย Seibu Railways มาลงที่สถานี Seibu Chichibu หรือเดินทางด้วยรถด่วนสาย Seibu Limited Express จากสถานี Ikebukuro มาลงที่สถานี Seibu Chichibu เช่นกัน แล้วเดินเท้าต่ออีกประมาณ 15 นาที ไปยังศาลเจ้าชิชิบุ

Sapporo Snow Festival,เทศกาลในญี่ปุ่น

เทศกาลหิมะ Yuki Matsuri เมืองซัปโปโร

หากใครพลาดช่วงปลายปีนี้ ก็มีอีก เทศกาลในญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงและมีความน่าสนใจไม่ต่างจากเทศกาลแรกนั่นก็คือเทศกาลหิมะซัปโปโร เป็นเทศกาลที่จัดแสดงประติมากรรมน้ำแข็งมากมายทั้งขนาดเล็กและใหญ่ บางชิ้นงานมีความสูงถึง 15 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งเป็นงานที่มีชาวต่างชาติและคนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้เข้าร่วมงานในแต่ละปีมากกว่า 2 ล้านคนเลยทีเดียว

ในปี 2020 นี้จัดขึ้น 3 ลานดังนี้

1. ที่ลาน Tsudome ในวันที่ 31 ม.ค. – 11 ก.พ 2020 เดินทางโดยรถไฟสาย Toho มาลงสถานี Sakaemachi แล้วเดินต่อมาที่ลานจัดงานหรือนั่งรถ Shuttle Bus มาก็ได้ เดินใช้เวลาประมาณ 15 นาที

2. ลานจัดงาน Odori จัดในวันที่ 4-11 ก.พ. ที่สวน โอโดริ ตั้งอยู่ใจกลางของซัปโปโร เดินทางด้วยรถไฟสาย Namboku หรือ Toho ไปลงสถานี Odori ออกทางออกที่ 2, ทางออกที่ 5,ทางออกที่ 6 และทางออกที่ 8

3. ลานจัดงาน Susukino ในวันที่ 4-11 ก.พ. เป็นย่านซูซูกิโนะ ที่เป็นลานที่เต็มไปด้วยร้านกินดื่มของเมืองซัปโปโร เดินทางด้วยรถไฟสาย Namboku ลงที่สถานี Susukino ออกทางออกหมายเลข 3 หรือ 5

Spectacular summer fireworks event,เทศกาลในญี่ปุ่น

เทศกาล ดอกไม้ไฟ Sumidagawa

เทศกาลในญี่ปุ่น ที่เก่าแก่ที่จัดกันขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีชื่อเสียง คือ เทศกาลดอกไม้ไฟ แม่น้ำ Sumidagawa จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม งานนี้งานเดียวยิงดอกไม้ไฟมากกว่า 20,000 ลูก โดยแบ่งจุดในการยิงดอกไม้ไฟออกเป็น 2 จุดคือ จุดแรกที่วัดเซนโซจิ อาซากุสะ เขตไทโต จุดที่สองคือ โตเกียว สกายทรี เขตซุมิดะ

การเดินทาง

1. ไปจุดชมดอกไม้ไฟจุดแรก คือลงสถานี Tobu Asakusa และ สถานี Asakusa เดินต่ออีกไม่เกิน 15 นาที

2. ไปจุดชมดอกไม้ไฟจุดที่สอง ด้วยรถไฟใต้ดินสาย Toei Asakusa ลงสถานี Kuramae เดิน 5 นาที

เห็นภาพบรรยากาศแล้วก็อย่ารอช้า รีบลาพักร้อน แพ็คกระเป๋าเตรียมเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นกันได้เลย หากพลาดเทศกาลของปีนี้คุณต้องรอเทศกาลเหล่านี้ยาวถึงปีหน้าเลย

บริการขนส่งกระเป๋าในญี่ปุ่นและเกาหลี

traveling luggage,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

บริการ ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น เป็นการบริการทางเลือกที่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีและน่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ไปกับบริษัททัวร์นำเที่ยว ช่วยตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่จัดทริปท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือทริปที่เดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนและต้องมีการเดินทางท่องเที่ยวหลายแห่ง หลายเมืองหรือย้ายโรงแรมที่พักบ่อย มาดูกันว่าบริการส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น และเกาหลีมีวิธีการและเรทราคาอย่างไร

Yamato Transport Company,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

1. Hands-free Travel Service บริการรับฝาก-ส่งกระเป๋าเดินทาง จาก Yamato Transport

Hands-free Travel Service จากบริษัท Yamato หรือที่คนไทยคุ้นกับสัญลักษณ์การขนส่ง แมวดำ นั่นเอง เขาไม่ได้รับส่งแต่เพียงกระเป๋าเดินทางเท่านั้น บริษัทเปิดให้บริการ ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นการบริการ 3 แบบดังนี้

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้บริการสามารถกรอกคำขอใช้บริการพร้อมแจ้งชื่อและที่อยู่ของโรงแรมที่พักยื่นที่หน้าเคาน์เตอร์ของบริษัท Yamato ที่สนามบินได้เลยหรือหากใครจะใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ก็สามารถทำได้เช่นกัน ใครที่ไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกังวลเพราะทางเว็บเขามีภาษาอังกฤษให้เลือกใช้ได้ไม่ยาก

  • การให้บริการรับส่งกระเป๋าระหว่างโรงแรม

            แต่บริการนี้จะใช้บริการได้ก็เฉพาะโรงรมที่พักที่มีเคาน์เตอร์เปิดรับบริการส่งเท่านั้นจากที่พักหนึ่งให้ส่งกระเป๋าไปโรงแรมที่พักถัดไป โดยที่เราไม่ต้องแบกสัมภาระติดตัวระหว่างเดินทางท่องเที่ยวเลย ง่าย และเที่ยวสนุกได้แบบสบายตัว

  • ให้บริการรับฝากกระเป๋าหรือสัมภาระระหว่างวัน

            เหมือนบริการรับฝากของเวลาที่คุณสาว ๆ เดิน Shopping ไม่อยากถือของกระเป๋าหรือสัมภาระ โดยเฉพาะในวันที่ต้องเดินทางกลับเราก็ไม่ต้องเสียค่าปิดโรงแรมรอเครื่องออกหรือวันที่ต้องมีโปรแกรมแน่นก็สามารถใช้บริการนี้ได้ แต่เคาน์เตอร์จะมีเฉพาะตามสถานีรถไฟใหญ่ ๆ เท่านั้น

ค่าบริการจะคำนวณจากขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าและระยะทางในการจัดส่ง ซึ่งสามารถเช็ครายละเอียดจากเว็บไซน์ของบริษัทได้

JTB travel agency office,ส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น

2. บริการ Luggage Free Travel จาก JTB

บริการส่งกระเป๋าในญี่ปุ่น จะมีบริการ 3 แบบ คือ

  • บริการขนส่งกระเป๋าจากสนามบินไปโรงแรม
  • บริการขนส่งกระเป๋าจากโรงแรมหนึ่งไปอีกโรงแรมหนึ่ง
  • บริการขนส่งจากโรงแรมมายังสนามบิน

ซึ่งราคาค่าบริการก็ใช้ขนาดของกระเป๋าเป็นเรทในการคิดค่าบริการ คือกระเป๋าใบเล็ก ขนาดรวมแล้วไม่เกิน 120 ซม.หรือหนักไม่เกิน 15 กก. ค่าบริการ 2000 เยน / ชิ้น กระเป๋าใบใหญ่ ขนาดรวมแล้วไม่เกิน 160 ซม.หรือหนักไม่เกิน 25 กก. ค่าบริการ 2500 เยน / ชิ้น และมีค่าภาษีอีกเล็กน้อย โดยขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยาก ยื่นคำขอใช้บริการกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์และจ่ายเงินค่าบริการเพียงเท่านี้ก็รอรับกระเป๋าได้ที่โรงแรมที่พักได้แล้ว

ไปเที่ยวญี่ปุ่นเกาหลีในครั้งต่อไปก็ไม่ต้องคอยแบกกระเป๋าสัมภาระให้รุงรังและเหนื่อยจนทำให้คุณรู้สึกหมดสนุก ใช้บริการขนส่งกระเป๋าแบบสบาย ๆ ให้คุณได้เที่ยวในทุกสถานที่ ที่คุณอยากไป เดินตัวปลิวท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินในตลอดทริปการท่องเที่ยวนี้

เกร็ดน่ารู้ของ โอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น

Olympic Games 2020,โอลิมปิก 2020

ใกล้เข้ามาแล้วกับมหกรรมกีฬานานาชาติสุดยิ่งใหญ่อย่างโอลิมปิกเกมที่จะจัดขึ้นในปี 2020 โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ การแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 9 สิงหาคม พ.ศ. 2563 และวันนี้เราจะมาเล่าถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า สำหรับใครที่ชื่นชอบและติดตามการแข่งขันอยู่แล้วบอกเลยว่าไม่ควรพลาด

Olympic Games at Japan,โอลิมปิก 2020

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมในปี 2020 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 โดยกรุงโตเกียวได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีประเภทกีฬาทั้งหมด 33 กีฬา 324 รายการ และชนิดกีฬาทั้งหมด 47 ชนิด

ชิงชัยกันไม่ต่ำกว่าสามร้อยเหรียญทอง มีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันจำนวนกว่า 15,000 คน จาก 207 ประเทศทั่วโลก ซึ่งความพิเศษในครั้งนี้มีกีฬาที่บรรจุเข้ามาใหม่ทั้งสิ้น 5 ชนิด ได้แก่ กีฬาเบสบอลและซอฟท์บอล กีฬาคาราเต้ กีฬาปีนหน้าผา กีฬาโต้คลื่นและกีฬาสเก็ตบอร์ด

โตเกียวโอลิมปิกครั้งที่ 32 นี้ มาสคอตประจำการแข่งขันคือ มิไรโตะวะ (MIRAITOWA) มาในรูปแบบของลายตารางหมากรุกสีน้ำเงินปกคลุมทั้งส่วนศีรษะและลำตัว โดยชื่อของมาสคอตมาจากภาษาญี่ปุ่น 2 คำด้วยกันคือ มิไร (Mirai) แปลว่า อนาคต และ โทวะ (Towa) แปลว่า นิรันดร์ แฝงความหมายถึงอนาคตอันสดใสจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ด้วยมุ่งหวังว่ามหกรรมกีฬาครั้งนี้จะทำให้หัวใจของทุกคนบนโลกเปี่ยมไปด้วยความหวัง โดยชื่อนี้ถูกคัดเลือกมาจากเด็กชั้นประถมศึกษาทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น จากโรงเรียนประถมศึกษาที่เข้าร่วมทั้งหมด 16,769 โรงเรียนและผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีความหมายทับซ้อนในภาษาใดในโลก

Tokyo 2020,โอลิมปิก 2020

ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ โอลิมปิก 2020 เหรียญรางวัลไม่ว่าจะเป็นเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ผลิตขึ้นโดยวิธีการรีไซเคิลขยะโลหะจากโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับบริจาคในโครงการนี้ว่า Tokyo2020 Medal Project: Towards an Innovative Future for All

จากผู้คนทั่วญี่ปุ่น ด้วยจำนวนทอง 32 กิโลกรัม เงิน 3,500 กิโลกรัม และทองแดง 2,200 กิโลกรัม ผลิตเป็นเหรียญรางวัลดีไซน์สวยงาม โดยเหรียญทองมีน้ำหนัก 556 กรัม เหรียญเงิน 550 กรัม และเหรียญทองแดง 450 กรัม ซึ่งเหรียญทองและเหรียญเงิน ในครั้งนี้มีน้ำหนักมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

กล่าวได้ว่าเหรียญรางวัลในโอลิมปิก 2020 เป็นเหรียญรางวัลที่เปี่ยมไปด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนญี่ปุ่นโดยแท้ ทั้งหมดนี้เป็นเกร็ดน่ารู้เล็กน้อยเกี่ยวกับโอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ถือเป็นการเรียกน้ำย่อย และเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน หวังว่าจะทำให้การรับชมและเชียร์กีฬาของคุณสนุกสนานและมีความหวังในอนาคตที่สดใสมากยิ่งขึ้น