ฝากกระเป๋าในภูเก็ตและไปตะลอนกินของเด็ด ที่คนภูเก็ตคอนเฟิร์ม!

ฝากกระเป๋าในภูเก็ตอย่างปลอดภัย แล้วไปตะลอนหาของกินกัน!

เมื่อมาถึงจังหวัดภูเก็ต สิ่งที่แรกที่คิดถึงตั้งแต่ตอนวางแผนมาเที่ยวก็คือการหาของอร่อย ๆ ลงพุง! วันนี้ AIRPORTELs จึงขอนำเสนอ 10 เมนูเด็ดที่ชาวภูเก็ตคอนเฟิร์มว่าอร่อยชัวร์ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ถ้าเพื่อน ๆ มาถึงที่นี่แล้วและยังไม่ได้ลิ้มลองชิม ก็จะถือว่ายังมาไม่ถึงภูเก็ตนั่นเอง!

แต่ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางไปตะลอนหาเมนูเด็ด AIRPORTELs อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับจุดฝากกระเป๋าในจังหวัดภูเก็ตกันก่อน ซึ่งตอนนี้ AIRPORTELs พร้อมให้บริการฝากกระเป๋าในสนามบินภูเก็ตกันได้แล้วนะ!

รายละเอียดการให้บริการของ AIRPORTELs

บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋าเดินทาง AIRPORTELs
  • บริการขนส่งกระเป๋าจากโรงแรมในตัวเมืองภูเก็ต ไปยังสนามบินภูเก็ต
  • บริการขนส่งกระเป๋าภายในตัวเมืองภูเก็ต (Same-day Delivery)
  • บริการขนส่งกระเป๋าถึงหน้าบ้านของคุณในวันถัดไป (Next-day Delivery)
  • ใช้งานง่ายผ่านการระบบการจองแบบออนไลน์ ที่ app.airportels.asia
  • การันตีการขนส่งกระเป๋าถึงปลายทาง 100%
  • พร้อมประกันภัยกระเป๋ามูลค่าสูงถึง 50,000 บาท
  • ระบบการแจ้งเตือนสถานะการขนส่งทาง Facebook, WeChat, Kakaotalk, E-mail
  • ราคาเริ่มต้น 400 บาท สำหรับการใช้บริการขนส่งกระเป๋าภายในตัวเมืองภูเก็ต ไม่จำกัดขนาด น้ำหนักกระเป๋า หรือระยะทาง
  • ราคาเริ่มต้น 599 บาท สำหรับการใช้บริการขนส่งไปยังพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย จำกัดน้ำหนักกระเป๋าที่ 30 กิโลกรัม
  • จองออนไลน์ล่วงหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเวลาที่ต้องการใช้บริการ

ตอนนี้เพื่อน ๆ ก็ได้ทราบจุดรับฝากกระเป๋าในจังหวัดภูเก็ตกันแล้ว เราขอเริ่มพาทุกคนไปหาของอร่อยทานกันเลยดีกว่า โดยเมนูที่จะแนะนำทั้งหมดก็จะรวมทั้งอาหารคาวและขนมหวาน และเราก็ยังแถมของฝากที่เพื่อน ๆ สามารถซื้อกลับไปให้เพื่อน ครอบครัว หรือคนสนิทกัน ไปดูกันเลย!

เมนูแนะนำในจังหวัดภูเก็ต

  • 1. หมี่หุ้นแกงปูใบชะพลู
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
หมี่หุ้นแกงปูใบชะพลู

แกงปูใบชะพลู หรือน้ำยาปู คล้ายกับน้ำยาที่ทานกับขนมจีน มีส่วนผสมของเครื่องพริกแกง กะปิ กะทิ และขมิ้น แกงจึงมีสีเหลืองสวย มีรสชาติเผ็ด เค็ม เข้มข้นตามแบบฉบับอาหารใต้ ทางใต้มีอาหารทะเลเยอะเลยใช้เนื้อปูมาประกอบอาหาร ทานคู่กับเส้นหมี่ขาว หรือที่คนภูเก็ตนิยมเรียกว่า หมี่หุ้น โรยด้วยกระเทียมเจียว อร่อยจนต้องขอแนะนำ!

ร้านแนะนำ: ร้านครัวระย้า, ร้านชมจันทร์, ร้านหลังคาสังกะสี

  • 2. หมูฮ้อง
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
หมูฮ้อง

หมูฮ้อง หรือหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว มีลักษณะคล้ายหมูพะโล้ แต่รสชาติไม่เหมือนกัน ทำมาจากหมูสามชั้นหมักกับสมุนไพร ได้แก่ พริกไทยขาว หอมแดง กระเทียม และอบเชย ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ซีอิ๊วขาว ช่วยเพิ่มรสชาติ และซีอิ๊วดำ ช่วยเพิ่มสีสันให้หมูฮ้องของเรา ผัดและตุ๋นไปเรื่อยๆ จนหมูเปื่อย ทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ร้านแนะนำ: ร้านตู้กับข้าว, ร้านวันจันทร์, ร้านมะลิ อาหารพื้นเมืองภูเก็ต

  • 3. โลบะ
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
โละบะ

โลบะ คือ ส่วนต่างๆ จากหมู เช่น เนื้อหมู หัวหมู เครื่องในหมู นำไปต้มกับเครื่องพะโล้ ก่อนนำไปลวกด้วยน้ำผสมซีอิ๊วดำ แล้วจึงนำไปทอดให้ผิวด้านนอกกรอบ ทานกับน้ำจิ้มหวานอมเปรี้ยว ซึ่งทำจากมะขามเปียก น้ำตาล และพริกป่น คนภูเก็ตนิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง

ร้านแนะนำ: ร้านโลบะ บางเหนียว, ร้านโลบะแม่ย่านาง

  • 4. โอวต้าว
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
โอวต้าว

โอวต้าว มีลักษณะคล้ายหอยทอดในภาคกลาง แต่เนื้อแป้งมีความเหนียวนุ่มกว่า มีส่วนผสมของหอยนางรมตัวเล็กๆ (ชาวภูเก็ตเรียกหอยติบ) ไข่ เผือกนึ่ง มีถั่วงอกเป็นผักเคียง โรยด้วยกากหมู กุ้งแห้ง หอมแดงเจียว เสิร์ฟคู่กับซอสพริก มีรสชาติจัดจ้าน

ร้านแนะนำ: ร้านโอวต้าว บางเหนียว, ร้านโอวต้าวจี้เปี่ยน, ร้านโอวต้าว สี่แยกจุ๊ยตุ่ย

  • 5. ฮูแช้
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
ฮูแช้

ฮูแช้ หรือบางคนอาจเรียกว่าสลัดผักภูเก็ต เพราะมีหน้าตาคล้ายสลัดผัก ประกอบด้วยผักกาดหอม แครอทซอย มันแกวซอย แตงกวาหั่นซอย เมล็ดข้าวโพดต้มสุก เต้าหู้เหลืองทอดหั่นซอย ไข่ต้ม หมี่กรอบ แต่แท้จริงแล้วฮูแช้ในสมัยก่อนต้องมีผักบุ้งลวกและถั่วงอกลวกด้วย ทานคู่กับน้ำจิ้มพริกแห้ง โรยด้วยถั่วลิสงและงาขาวคั่ว

ร้านแนะนำ: ร้านหมี่สะปำ คุณยายเจียร

  • 6. โอเอ๋ว
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
โอเอ๋ว

โอเอ๋ว เป็นขนมท้องถิ่นของจังหวัดภูเก็ต มีลักษณะเป็นวุ้นใส แตกต่างจากวุ้นทั่วไปเพราะทำจากสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ สีน้ำตาล แก้ร้อนใน ส่วนผสมหลักๆ ของการทำโอเอ๋ว คือ เมล็ดโอเอ๋ว กล้วย และเจี๊ยะกอ ทานคู่กับน้ำแข็งไส ราดน้ำเชื่อมหรือน้ำหวานสีแดง เพิ่มเครื่องเคียงต่างๆ เช่น ถั่วแดงต้ม วุ้นดำ (เฉาก๊วย) แตงโม กล้วย เป็นเมนูช่วยดับร้อนชั้นดี

ร้านแนะนำ: ร้านโอเอ๋วบ้านโกโรจน์, ร้านโอเอ๋ว หล่อโรง ตลาดฉำฉ่า, ร้านลกเที้ยน

  • 7. เต้าส้อ
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
เต้าส้อ

หลายคนชอบคิดว่าขนมเต้าส้อกับขนมเปี๊ยะคือขนมชนิดเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ขนมเต้าส้อจะมีขนาดใหญ่กว่า มีเปลือกกรอบ ร่วนซุยกว่าขนมเปี๊ยะ เนื่องจากต้องอบหรือย่างไฟทั้ง 2 ด้าน มีไส้หวานกับไส้เค็ม ซื้อไปทานเล่นก็ได้ หรือซื้อเป็นของฝากก็ดี

ร้านแนะนำ: ร้านบ้านปิยวรรณ, ร้านเต้าส้อ แม่บุญธรรม

  • 8. อาโป้ง
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
อาโป้ง

อาโป้ง หรือขนมเบื้องมาเลเซีย มีลักษณะคล้ายขนมถังแตก ทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย ไข่ไก่ (ไข่แดงอย่างเดียว) น้ำกะทิ ผสมให้เข้ากัน กลิ้งน้ำแป้งเป็นแผ่นกลมให้ทั่วกระทะ พอเหลืองก็ลอกแล้วม้วนออกมาทิ้งไว้ จะกรอบนอกนุ่มใน นิยมรับประทานคู่กับชาหรือกาแฟ

ร้านแนะนำ: ร้านอาโป้งแม่สุณี, ร้านอาโป้ง โกเนี้ยว เจ้าเก่า

  • 9. บี้ผ้าง
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
บี้ผ้าง

ขนมบี้ผ้าง เป็นขนมท้องถิ่นของภูเก็ตที่มีมานาน ลักษณะเป็นข้าวพอง (ข้าวเหนียว) ทอดกรอบ ตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ราดด้วยน้ำตาลเคี่ยวรสชาติหวานเค็ม กลมกล่อม คล้ายข้าวตัง มีกลิ่นหอมจากหอมเจียว เหมาะเป็นของว่างที่ทานคู่กับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นสักแก้ว รับประทานได้ง่าย เก็บได้นาน

ร้านแนะนำ: ร้านขายของฝากทั่วไป

  • 10. ปุ้ยควาย
ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต
ปุ้ยควาย

ขนมปุ้ยควาย หรือขนมหัวใจงาขาว เป็นขนมสมัยโบราณ ทำจากแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล อบพร้อมงาขาว รสสัมผัสนุ่มหนึบ รสชาติหวาน กลิ่นหอม อร่อย รับประทานเป็นของว่าง คู่กับชา กาแฟ

ร้านแนะนำ: ร้านเค่งติ้น

เป็นไงกันบ้างเพื่อน ๆ อาหารพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ตที่นำมาฝากนั้นน่าทานมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ? ถ้าใครมาเที่ยวภูเก็ตก็อย่าลืมแวะตะลอนชิมตามรอยบทความของเรากันนะ และเพื่อความสะดวกสบาย แนะนำให้ฝากกระเป๋าในภูเก็ต กับ AIRPORTELs ด้วยน้า

บริการขนส่งกระเป๋าของ AIRPORTELs ใช้บริการอย่างไร?

วิธีที่สะดวกที่สุดคือการจองออนไลน์ที่เว็บไซต์ของแอร์พอเทลล์ https://www.airportels.asia/

ฝากกระเป๋าภูเก็ต, ฝากกระเป๋า สนามบินภูเก็ต, สนามบินภูเก็ต, ฝากกระเป๋า,เที่ยวภูเก็ต

โดยเลือกที่การบริการ Nationwide Delivery จากนั้นเลือกจุดส่งกระเป๋า (A) และจุดปลายทาง (B)

หลังจากทำการจองเรียบร้อยแล้ว จะมีพนักงานมารับกระเป๋าสัมภาระไปส่งยังปลายทางให้อย่างเรียบร้อย สบายใจหายห่วงได้เลย!

บริการฝากและขนส่งกระเป๋าของ AIRPORTELs ในประเทศไทย

พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

  1. สนามบินสุวรรณภูมิ
  2. สนามบินดอนเมือง
  3. ห้างสรรพสินค้า Central World (Groove Zone)
  4. ห้างสรรพสินค้า Central World (Hug Thai Zone)
  5. ห้างสรรพสินค้า MBK Center
  6. ห้างสรรพสินค้า Mixt Chatuchak
  7. ห้างสรรพสินค้า Terminal21 Asok
  8. ICONSIAM
  9. อาคารพิชัยญาติ เยาวราช
  10. MeSpace สยาม-จุฬา 16
  11. MeSpace รัชดา-พรราม 9
  12. MeSpace ลาดพร้าว

พื้นที่เมืองพัทยา

  1. ห้างสรรพสินค้า Terminal21 Pattaya
  2. ห้างสรรพสินค้า Central Pattaya

พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

  1. ห้างสรรพสินค้า Central Chiangmai Airport
  2. สนามบินเชียงใหม่

พื้นที่จังหวัดสมุย

  1. ห้างสรรพสินค้า Central Samui

หมายเลขโทรศัพท์ : 02-026-6927
Website: www.airportels.asia 
E-mail: [email protected]
Line: @AIRPORTELs
WeChat: AIRPORTELs
Kakao Talk: AIRPORTELs
Facebook: www.facebook.com/airportels

ล่องเรือเจ้าพระยา: ค้นพบสุดยอด 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่จะทำให้การเดินทางของคุณไม่ธรรมดา

วิถีชีวิตของคนไทยผูกพันกับสายน้ำมาเนิ่นนานโดยเฉพาะ “แม่น้ำเจ้าพระยา” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ครั้งอดีต แม้ปัจจุบันบทบาทและความสำคัญจะลดเลือนลงไปตามกาลเวลา แต่ความงดงามของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังคงมีมนต์เสน่ห์เสมอ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายทำให้ทุกวันนี้ง่ายต่อการไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ริมฝั่งแม่น้ำ ทว่าการล่องเรือชมแม่เจ้าพระยาเป็นหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากนั่นเพราะจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามจากหลายสถานที่ในมุมมองที่แตกต่างแบบพาโนรามาด้วยเวลาเพียงไม่นาน 

10 แลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อล่องเรือเจ้าพระยา

10 แลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อล่องเรือเจ้าพระยา
วัดอรุณราชวราราม

วัดเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมะกอกแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งในยุคนี้มีการอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจากเวียงจันทน์มาประดิษฐานไว้ที่นี่ด้วย ต่อมารัชกาลที่ 2 ทรงสถาปนาเป็นวัดประจำพระองค์ และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดอรุณราชธาราม จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นวัดอรุณราชวรารามในสมัยรัชกาลที่ 4 วัดอรุณราชวรารามมีพระปรางค์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามด้านสถาปัตยกรรม โดดเด่นด้วยความสูงถึง 82 เมตร หากล่องเรือผ่านมาในช่วงเย็นจะมองเห็นภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้านหลังพระปรางค์ซึ่งสวยงามเกินคำบรรยาย หากเป็นช่วงค่ำพระปรางค์องค์ใหญ่จะกระทบแสงไฟระยิบระยับงามสง่าไปทั่วคุ้งน้ำจนไม่อาจละสายตาได้เช่นกัน

Royal Thai Navy Convention Hall
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Royal Thai Navy Hall – BANGKOK

นอกจากความสวยสง่าของอาคารสถานที่ อนุสาวรีย์บุคคลสำคัญของกองทัพเรือ และสะพานข้ามคลองมอญอันขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ยังมีหอประชุมกองทัพเรือซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับพระบรมมหาราชวัง โดยหอประชุมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมและต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม APEC 2003 รวมทั้งเป็นสถานที่ชมการแสดงกระบวนพยุหยาตราชลมารคด้วย หากล่องเรือมาถึงบริเวณนี้จะเห็นพื้นที่ด้านหน้าซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นลานกว้างเปิดโล่งรับกับทัศนียภาพของพระปรางค์วัดอรุณ โดดเด่นด้วยศาลาทรงไทยขนาดใหญ่ซึ่งช่วยส่งให้อาคารหอประชุมสีขาวด้านหลังสง่างามมากยิ่งขึ้น 

สะพานพระราม8

สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามโดดเด่นจนเป็นเอกลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2538 และเปิดใช้บริการใน พ.ศ. 2545 มีลักษณะเป็นสะพานขึงแบบสมมาตร ยาว 475 เมตร ซึ่งเป็นสะพานแขวนอสมมาตรที่ยาวติดอันดับ 5 ของโลก ไม่ว่าจะล่องเรือผ่านมาในช่วงเย็น พลบค่ำ หรือกลางคืน บรรยากาศของสะพานพระราม 8 ก็มีเสน่ห์ชวนมองไม่รู้เบื่อ ถือป็นจุดถ่ายรูปบนเรือที่ไม่ควรพลาด 

สะพานพุทธ

สะพานถนนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เก่าแก่ที่สุดของไทย โดยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ลักษณะเด่นของสะพานจึงเกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่าน อาทิ เป็นสะพานเหล็กที่มีโครงสร้างทรงลูกศร (หัวลูกศรหันไปทางฝั่งธนบุรี) ซึ่งออกแบบตามพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 7 ทั้งยังเป็นสะพานสีเขียวแห่งเดียวในกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นสีประจำวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 7 นอกจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสะพานที่สวยงามแล้วบริเวณเชิงสะพานยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและร้านค้ามากมาย เพราะมีตลาดกลางคืนขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อล่องเรือเจ้าพระยาผ่านมาเราจะได้สัมผัสทั้งทัศนียภาพของสะพานพุทธและสีสันยามค่ำคืนของตลาดแห่งนี้

สะพานตากสิน

สะพานตากสินหรือสะพานสาทร ถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2525 เนื่องในวโรกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแบบสะพานคู่ (ขาเข้าและขาออก) ห่างกัน 15 เมตร ตรงกลางเป็นรางรถไฟฟ้า เมื่อมองจากเรือล่องเจ้าพระยาเราจะเห็นแสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพฯ และการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นบนสะพาน ด้วยความสูงจากระดับน้ำเพียง 12 เมตร หากล่องเรือผ่านมาในช่วงที่น้ำขึ้นจะมองเห็นใต้สะพานได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้สะพานตากสินยังเป็นจุดถ่ายรูปและชมพลุปีใหม่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามมาก 

 เอเชียทีค ริเวอร์ฟรอนท์ 

จากโกดังเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาสู่การเป็นแหล่งชอปปิงยามค่ำคืนและสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ภายใต้แนวคิด Festival Market and Living Museum เมื่อมองมาจากบนเรือล่องเจ้าพระยาจะเห็นทัศนียภาพของศูนย์การค้าที่เปิดโล่งขนาดใหญ่พร้อมแสงสีไนท์ไลฟ์ยามค่ำคืน โดดเด่นด้วยเอเชียทีค สกาย ซึ่งเป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีความสูงถึง 60 เมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนบนเรือก็สวย  

พระบรมมหาราชวัง

คนไทยเราคุ้นเคยกับภาพของพระบรมมหาราชวังกันเป็นอย่างดี ทั้งภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ได้เห็นตามสื่อต่าง ๆ และอีกจำนวนไม่น้อยที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมชมสถานที่จริง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วภาพเหล่านั้นมักเป็นมุมมองจากบนถนนโดยรอบพระบรมมหาราชวัง หากแต่ทัศนียภาพที่ได้ชมบนเรือล่องเจ้าพระยาจะเป็นพระบรมมหาราชวังฝั่งทิศตะวันตกซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาจึงให้มุมมองที่สวยงามและแตกต่างจากเดิม 

สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย วังบางขุนพรหมขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในวังที่สวยที่สุดของประเทศไทย ทั้งยังเป็นวังที่มีสถาปัตยกรรมบารอกและโรโคโคสมบูรณ์แบบที่สุดด้วย 

โบราณสถานสำคัญของชาติซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันพระนคร ป้อมพระสุเมรุได้รับการซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 และยังคงความสง่างามมาจนถึงปัจจุบัน

เป็นจุดนั่งชมทัศนียภาพแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ทั้งยังมีพระที่นั่งสันติชัยปราการซึ่งเป็นพลับพลาที่สร้างขึ้นมาเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 9 สำหรับใช้เป็นสถานที่จัดพระราชประเพณีต่าง ๆ อันเกี่ยวกับแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่ออยู่บนเรือล่องเจ้าพระยาจะมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของพระที่นั่งสันติชัยปราการยามกระทบแสงไฟท่ามกลางภูมิทัศน์อันสวยงามร่มรื่นของสวนสาธารณะแห่งนี้

แนะนำวิธีการเยี่ยมชม

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการล่องเรือเจ้าพระยาหลายราย สามารถเลือกรายละเอียดได้ตามต้องการ อาทิ วัน/เวลาเดินทาง โปรโมชั่นอาหาร/เครื่องดื่ม ราคา และลักษณะของเรือ เช่น จำนวนชั้นของเรือ ดาดฟ้า หลังคา ทั้งนี้แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้จองที่นั่งริมระเบียงดาดฟ้าเรือซึ่งเต็มค่อนข้างเร็ว ถ้าเลือกได้ให้นั่งบริเวณปีกขวา ขาไปจะได้ใช้เวลาในการรับประทานอาหารแล้วขากลับค่อยถ่ายรูปให้ฉ่ำใจ และหากจุดที่นั่งอยู่ถ่ายรูปแล้วเห็นวิวไม่ชัดแนะนำให้เดินไปที่หัวเรือรับรองว่าได้รูปสวยแน่นอน 

คำแนะนำการล่องเรือ

การล่องเรือเจ้าพระยาในวันธรรมดาจะมีเฉพาะรอบค่ำ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์เปิดเพิ่มรอบเย็น (ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งใจมาถ่ายรูปเนื่องจากช่วงเวลานั้นแสงธรรมชาติกำลังสวย มองเห็นวิวได้ชัดเจน แถมมีโอกาสได้ที่นั่งวิวดีเพราะมีจำนวนผู้ใช้บริการน้อยกว่าช่วงค่ำ ทั้งยังมีราคาถูกกว่าด้วย อย่างไรก็ตามทุกรอบจะมีเส้นทางเดินเรือและการบริการภายในเรือที่เหมือนกัน เพียงแต่รอบเย็นนั้นใช้เวลาในการเดินเรือสั้นกว่า 

หากเรือที่จองเป็น Meridian Cruise, White Orchid River Cruise, Alangka Cruise, Smile Riverside และ Chao Phraya Princess จะต้องมาลงเรือที่ท่าเรือไอคอนสยาม ซึ่งสามารถติดต่อขอรับบัตรได้ที่จุดบริการชั้น G โซนสุขสยาม โดยจะมีห้องกระจกระบุชื่อเรือแต่ละลำไว้ หลังจากรับบัตรเรียบร้อยแล้วออกมานั่งเล่นรอบบริเวณท่าเรือตามที่ระบุไว้บนบัตรได้เลย และสำหรับผู้ที่มาใช้บริการ ล่องเรือเจ้าพระยา ไอคอนสยาม มอบสิทธิพิเศษในการจอดรถฟรี 4 ชั่วโมง โดยสามารถเดินจากลานจอดรถมาที่ท่าเรือได้อย่างสะดวกสบาย

เวลาประมาณสองชั่วโมงของการล่องเรือเจ้าพระยาเราได้ชมความงดงามของสถานที่ต่าง ๆ มากมาย ท่ามกลางลมเย็น ๆ จากแม่น้ำปะทะผิวหน้า วิวเจ้าพระยาแบบพาโนรามา อาหารแสนอร่อย แวดล้อมด้วยบรรยากาศแห่งความสุขโดยรอบ เชื่อว่าคงเป็นชั่วโมงต้องมนต์ของทุกคนอย่างแน่นอน

ที่มาข้อมูล :

สำรวจบุฟเฟ่ต์เด็ด MBK: ร้านอาหารที่จะทำให้คุณต้องกลับมาอีก

สำรวจบุฟเฟ่ต์เด็ด MBK: ร้านอาหารที่จะทำให้คุณต้องกลับมาอีก

ไม่ว่าจะอดีตในชื่อ “มาบุญครอง” หรือปัจจุบันในนาม “MBK Center” ที่นี่ยืนหนึ่งเรื่องการเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นมาทุกยุคทุกสมัย เรียกได้ว่ามาที่เดียวครบตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการโดยเฉพาะโซนอาหารและคาเฟ่ ซึ่ง MBK Center ได้คัดสรรร้านดังร้านเด็ดมากมายมารวมไว้จนกลายเป็น HUB OF CAFE & RESTAURANT ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งเหล่านักชิมทั้งหลายไม่ควรพลาด

ล่าสุด MBK Center New Episode ยังได้จัดโซนใหม่ All Day Dining & Midnight Life Space ยกขบวนร้านอร่อยชื่อดังมาให้บริการตั้งแต่ 07.00 น. เรื่อยไปจนถึงดึก นอกจากขยายเวลาให้บริการความอร่อยแล้วที่นี่ยังมีร้านบุฟเฟต์ให้เลือกมากมายหลายแบบรับรองว่าถูกใจสายกินอย่างแน่นอน ว่าแล้วก็ไปส่องร้านบุฟเฟต์ที่ MBK Center กัน

1.Senju Shabu & Sushi Premium Buffet 

.Senju Shabu & Sushi Premium Buffet 
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Hungry with Pungy

บุฟเฟต์ชาบูและซูชิสุดพรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ อิ่มอร่อยได้อย่างหลากหลายเพราะมีรายการอาหารให้เลือกเยอะ คุ้มค่ายืนหนึ่งในเรื่องของชาบูด้วยน้ำซุปที่มีมากถึง 8 แบบ ได้แก่ ซุปชาบู ซุปกิมจิ ซุปเล้งแซ่บ ซุปต้มยำ ซุปเห็ดหอมไวน์แดง ซุปหม่าล่า ซุปสุกี้ยากี้ และซุปกระดูกหมู โดยใน 1 หม้อ สามารถเลือกได้ถึง 4 ซุป พร้อมเนื้อวัวนำเข้าเกรดพรีเมียม เนื้อหมู อาหารทะเล และผักสด ซูชิก็ไม่น้อยหน้าจัดเต็มมาให้แบบจุก ๆ ทั้งยังมีซาชิมิ อาหารญี่ปุ่น และขนมหวานแสนอร่อยที่เสิร์ฟไม่อั้น

  • ราคา : Classic Buffet 399+, Superior Buffet 699 +, Deluxe Buffet 899 +, Diamond Buffet 1,099 + และ Royal Buffet 1,599 บาท  
  • เปิดบริการ : วันจันทร์ – ศุกร์ 11.00 – 22.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ 10.00 – 22.00 น.                                      
  • พิกัด : ชั้น 7
สุกี้ตี๋น้อย

บุฟเฟต์สุกี้เจ้าดังที่ให้ทุกคนอิ่มอร่อยในราคาไม่แพง พร้อมความหลากหลายของเมนู ภายใต้คอนเซ็ปต์อร่อยได้ไม่อั้นเที่ยงวันยันเช้า โดยสาขานี้เป็นสาขาแรกที่มีของทอดให้ทานเล่น ทั้งเฟรนช์ฟรายส์ แผ่นเกี๊ยวทอด ชิกุว่าสอดไส้ชีส และไก่ป๊อป ไม่ว่าคิวจะยาวแค่ไหนก็ยังพออุ่นใจได้ในการรอเพราะสาขานี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างรองรับการให้บริการได้จำนวนมาก

  • ราคา : 219 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟิล 39 บาท/คน และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) เด็กส่วนสูงไม่ถึง 90 ซม. รับประทานฟรี
    เด็กส่วนสูง 91 – 120 ซม. ราคา 109 บาท 
  • เปิดบริการ : 12.00 – 05.00 น.
  • พิกัด : ชั้น 2 โซน C
Shinkanzen sushi
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Shinkanzen sushi

เป็น ร้านอาหาร mbk ที่มีให้เลือกทั้งแบบ A la carte และบุฟเฟต์ บอกเลยว่าซูชิเลิฟเวอร์ทั้งหลายไม่ควรพลาดเพราะร้านนี้มีซูชิคุณภาพเกรดพรีเมียม มาพร้อมอาหารญี่ปุ่นกว่า 200 เมนูให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นซูชิเนื้อวากิว ซูชิแซลมอนย่างสไปซี่ ซูชิปลาไหล ซูชิปลาหมึกหิ่งห้อย ซูชิอูนิ(ชิลี) ซาชิมิแซลมอน หอยเชลล์ ทูน่า ชิราชิด้ง เอ็นกาวะย่าง กุ้งดองซีอิ๊วญี่ปุ่น กุ้งหวานญี่ปุ่นจัมโบ้ย่างเมนไตโกะ หอยนางรมพอนสึ ไข่แซลมอน และอีกมากมายที่พร้อมเสิร์ฟแบบไม่อั้น 

  • ราคา : 329+, 549+ และ 879+ ( ไม่รวมเครื่องดื่มและภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)                      
  • เปิดบริการ : 10.00 – 22.00 น. 
  • พิกัด : ชั้น 2 โซน A
บุฟเฟต์ชาบูสายพานมาพร้อมอาหารและเมนูทานเล่นหลากหลายเมนู ทั้งซูชิ เทมปุระ ซาบะย่าง ข้าวแกงกะหรี่ เ

บุฟเฟต์ชาบูสายพานมาพร้อมอาหารและเมนูทานเล่นหลากหลายเมนู ทั้งซูชิ เทมปุระ ซาบะย่าง ข้าวแกงกะหรี่ เกี๊ยวซ่า มิโสะซุป ไอศกรีม ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ส่วนไลน์สายพานนั้นก็ยังคงจัดเต็มเช่นเดิม หนึ่งในร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นขวัญใจสายบุฟเฟต์ก็ต้องมีชื่อชาบูชิ 

  • ราคา : 399+ (ราคาสุทธิ 427 บาท)
  • เปิดบริการ : 10.00 – 22.00 น.
  • พิกัด : ชั้น 7
โม โม พาราไดซ์

ร้านอาหาร mbk สไตล์ชาบูชาบูและสุกี้ยากี้ รสชาติต้นตำรับแท้จากประเทศญี่ปุ่นมาพร้อมกับเนื้อคุณภาพระดับพรีเมียม ทั้งเนื้อวากิว เนื้อ USDA และเนื้อวัว Australian นอกจากนี้ยังมีหมูคุโรบูตะ ไก่ไม้ไผ่ซึ่งใช้ไก่เบญจา เป็ดอนามัย และผักสดปลอดสารพิษ ลงตัวกับน้ำซุปที่หอมกลมกล่อม 4 แบบ ได้แก่ น้ำซุปชาบูชาบู น้ำซุปสุกี้ยากี้ น้ำซุปทงคตสึ และน้ำซุปคารามิโสะ ตบท้ายด้วยของหวานแสนอร่อยอย่างไดฟุกุ ซอฟครีม และไอศกรีมโฮมเมดหลากรส แม้จะมีเมนูไม่มากแต่จัดว่าเด็ดและเน้นการใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยม เป็นอีกหนึ่งร้านที่สายเนื้อไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง 

  • ราคา : 599+, 729+ และ 1,290+
  • เปิดบริการ : วันจันทร์ – ศุกร์ 11.00 – 22.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ 10.00 – 22.00 น.
  • พิกัด : ชั้น 7
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: นักล่าหมูกระทะ Nak-La Mookata

แม้จะเสิร์ฟมาในรูปแบบเซตแต่ก็ขอเหมารวมร้านหมูกระทะติดแอร์อย่างนักล่าหมูกระทะไว้ในกลุ่มบุฟเฟต์ด้วย เพราะที่นี่มีบาร์ผักให้เติมได้ไม่อั้นหรือเรียกได้ว่าเป็นบุฟเฟต์ผักนั่นเอง มาพร้อมน้ำจิ้ม 5 แบบ อร่อยทุกแบบโดยเฉพาะน้ำจิ้มไข่ดองซึ่งต้องยกนิ้วให้เลยว่าเด็ดจริง และไม่ว่าจะสั่งเซตหมูหรือเนื้อทางร้านมีซีฟู้ดมาให้ด้วยรับรองอิ่มคุ้มแน่นอน 

  • ราคา : เซตหมู เริ่มต้นที่ 279 บาท  เซตเนื้อ เริ่มต้นที่ 299 บาท 
  • เปิดบริการ : 11.00 – 02.00 น.
  • พิกัด : ชั้น 2 โซน C 

ไม่ว่าจะชอบบุฟเฟต์แบบไหน สุกี้ ชาบู หมูกระทะ ซูชิ หรือซาชิมิ MBK Center รวมไว้ให้ในที่เดียว หมดปัญหาว่าจะไปกินอะไรที่ไหนดี ? แค่นัดมาเจอกันก่อนที่ MBK Center แล้วค่อยมาเลือกร้านก็ได้ เพราะทุกร้านที่นี่ให้สายกินฟินแบบไม่อั้น แถมยังเดินทางง่ายจะใช้รถส่วนตัวหรือรถไฟฟ้าก็สะดวก ตอบโจทย์ความต้องการครบขนาดนี้นัดครั้งหน้าเจอกันเลยที่ MBK Center

ที่มาข้อมูล :

9 กิจกรรมน่าสนใจ เมื่อไปเดินเล่นย่าน Siam Center

แน่นอนว่าหากพูดถึง Siam Center คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงศูนย์รวมร้านอาหาร คาเฟ่ และความบันเทิงทุกรูปแบบ แต่ในความเป็นจริงย่านสยามยังเป็นแหล่งรวมกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเดี่ยว แบบกลุ่มเพื่อน และแบบครอบครัว ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย แต่ตอนนี้จะมีกิจกรรมไหนน่าสนใจบ้างนั้น มาดูกันเลย

SEA LIFE Bangkok Ocean World

สำหรับ SEA LIFE Bangkok Ocean World เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกบนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร อัดแน่นไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิดและมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อุโมงค์ใต้น้ำ โซนแอ่งหินเรียนรู้ โซน Rainforest Adventure โชว์ให้อาหารแพนกวิน

  • กิจกรรม

เดินชมนิทรรศการกว่า 11 จุด และสัตว์น้ำใต้ทะเลกว่า 400 สายพันธุ์ รวมกันกว่า 30,000 ชีวิต นอกจากนั้นด้านในยังมีร้านจำหน่ายขนม เครื่องดื่ม และของที่ระลึก

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสยาม รถโดยสารประจำทาง และรถยนต์ส่วนตัว เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. 

  • ราคาค่าเข้า

ราคาปกติ 640 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าชมฟรี

BACC หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

หากชอบเสพงานศิลป์บอกเลยว่าห้ามพลาดสำหรับ BACC หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพราะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการจัดแสดงนิทรรศการจากศิลปินหลากหลายแนว เรียกว่ามีให้เสพให้เดินดูกันตลอดทั้งปี

  • กิจกรรม

ชมงานศิลปะหรือเข้ารวมกิจกรรมต่าง ๆ อย่างดนตรี ละคร ภาพยนตร์ กวี เสวนา และวรรณกรรม 

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่สี่แยกปทุมวัน ถนนพระราม 1 สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 3 และเรือสายในคลองแสนแสบ ขึ้นที่ท่าเรือสะพานหัวช้าง เปิดให้บริการวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. หยุดให้บริการทุกวันจันทร์และช่วงวันหยุดปีใหม่ สงกรานต์

  • ราคาค่าเข้า

ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นเข้าชมการแสดงพิเศษที่มีการเก็บค่าเข้าชม

ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Chula Book

ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของคนรักการอ่านสำหรับศูนย์หนังสือจุฬาฯ เพราะมีครบทั้งตำราเรียน หนังสืออ่านเล่น หนังสือภาษาต่างประเทศ สื่อการสอน และอุปกรณ์เครื่องเขียนให้เลือกมากมาย รับประกันว่าต้องได้หนังสือกลับบ้านแน่นอน

  • กิจกรรม

เลือกซื้อหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียน

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคารวิทยกิตติ์ จุฬา 64 การเดินทางสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม เปิดให้บริการวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.00 – 20.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 08.30 – 20.00 น.  

  • ราคาค่าเข้า

ไม่มีค่าใช้จ่าย

Don Don Donki ที่ MBK Center

ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น Don Don Donki เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คที่คนไปเที่ยวสยามต้องแวะไปชอป เพราะที่นี้มีครบทั้งสินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง ของใช้ เครื่องเขียน ของเล่น ขนม และอาหารราคาดีส่งตรงมาจากญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีโซนร้านอาหาร คาเฟ่ และโซนเอนเตอร์เทนเมนท์ D-SPORT STADIUM ให้สนุกอีกด้วย 

  • กิจกรรม

เลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศญี่ปุ่น รับประทานอาหาร และสนุกกับกิจกรรมที่โซนเอนเตอร์เทนเมนท์ D-SPORT STADIUM

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้ามาบุญครอง เดินทางด้วยรถส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง หรือรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 2 เดินไปยังทางเชื่อมเข้าห้างได้เลย เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 – 24.00 น.

  • ราคาค่าเข้า

ไม่มีค่าใช้จ่าย

The Stronghold Siam
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: The Stronghold Siam

หากชอบเล่นบอร์ดเกมและอยากทำความรู้จักกับกลุ่มคนที่ชอบเหมือนกันต้องไปที่ร้าน The Stronghold Siam เพราะนอกจากมีบอร์ดเกมให้เลือกเล่นมากกว่า 500 เกม ยังมีอาหารและเครื่องดื่มบริการอีกด้วย

  • กิจกรรม

เล่นบอร์ดเกม รับประทานอาหารและเครื่องดื่ม

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โรงหนังลิโด้ ถนนพระราม 1  สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม ทางออกที่ 2 และเดินไปทางถนนพระราม 1 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00 – 23.00 น.

  • ราคาค่าเข้า

ค่าเล่นเกมชั่วโมงละ 60 บาท เหมาทั้งวัน 200 บาท

The Rink Ice Arena
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: The Rink Ice Arena

ถือว่าเป็นอีกสถานที่ดับร้อนยอดฮิตของคนไทย สำหรับ The Rink Ice Arena ลานสเก็ตน้ำแข็งสุดโรแมนติกแห่งแรกของไทย เหมาะกับคู่วัยรุ่นหนุ่มสาวและเด็ก ๆ มาเล่นสนุก แต่ถ้าใครเล่นไม่เป็นยังมีบริการทดลองเรียนฟรีอีกด้วย

  • กิจกรรม

เล่นสเก็ตน้ำแข็ง 

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งอิเซตัน สามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้า BTS สถานีสยามหรือสถานีชิดลม เปิดให้บริการทุกวัน โดยวันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดเวลา 11.00 – 21.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เปิดเวลา 10.30 – 21.00 น.

  • ราคาค่าเข้า

ค่าบริการ 1 ชั่วโมง ราคา 240 บาท 1.30 ชั่วโมง ราคา 270 บาท และ 2 ชั่วโมง ราคา 300 บาท ค่าเช่าแมวน้ำสำหรับเกาะ 150 บาท ค่าเช่าแพนกวิน 100 บาท ค่าเช่าถุงเท้าถุงมือ 500 บาท และค่าเช่าล็อกเกอร์ 30 บาท

คนที่ชอบดูหนังต้องลองไปที่ Paragon Cineplex โรงหนังสุดหรูที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ดูหนังให้ตื่นเต้นมากกว่าเดิม และสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องลองไปสัมผัสกับสยามภาวลัย (Siam Pavalai) โรงภาพยนตร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ รับรองเต็มตาแน่นอน

  • กิจกรรม

ดูภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ชั้น 5 และ 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสยาม ซึ่งสามารถเดินจากทางเชื่อมเข้าสู่ตัวห้างได้เลย เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 – 00.00 น.

  • ราคาค่าเข้า

เสียค่าเข้าชมภาพยนตร์

ร้องคาราโอเกะ (Blu-O Rhythm & Bowl)

อีกกิจกรรมที่แก๊งเพื่อนต้องไปลอง สำหรับการร้องคาราโอเกะที่ Blu-O Rhythm & Bowl รับประกันว่าสนุกสุดเหวี่ยงได้แบบเป็นส่วนตัว

  • กิจกรรม

ร้องคาราโอเกะ

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสยาม เปิดให้บริการวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 11.00 – 21.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 10:30 – 21:00 น.          

  • ราคาค่าเข้า

ค่าใช้บริการห้อง Size S ราคา 550 บาท Size M ราคา 600 บาท Size L ราคา 900 บาท ต่อชั่วโมง

ใครที่ชอบเล่นเกมและอยากเจอกับประสบการณ์จริง ต้องไปลองเล่นสนุกที่ Siam Laser Game มีพื้นที่ให้เล่นถึง 1,300 ตารางเมตร จุคนได้รอบละ 50 คน เครื่องเสียงแบบ High-End Surrounded และจัดเต็มไฟ LED สุดอลังการ

  • กิจกรรม

เล่นเกมยิงปืนเลเซอร์ครั้งละ 15 – 20 นาที 

  • ที่ตั้งและการเดินทาง

ตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินโรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ ซอย 6 สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม ทางออกที่ 6 ไปยังโรงแรม เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น.

  • ราคาค่าเข้า

ค่าบริการ 1 เกม เด็ก 300 บาท ผู้ใหญ่ 350 บาท 

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งตัวเลือกเวลามาเที่ยว siam center สำหรับคนชอบทำกิจกรรม ส่วนจะเลือกทำกิจกรรมไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว แต่รับประกันว่าสนุกถูกใจ 

ที่มาข้อมูล :

ICONSIAM MAP 2024 : กิน ดื่ม ช้อป เที่ยว ครบจบในที่เดียว

ICONSIAM 2024 : กิน ดื่ม ช้อป เที่ยว ครบจบในที่เดียว

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า ICONSIAM เป็นแหล่งรวมทุกไลฟ์สไตล์ไว้ในที่เดียว เพราะมีครบทั้งร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลก พิพิธภัณฑ์ โรงภาพยนตร์ ศูนย์ประชุม ศูนย์บริการของแบรนด์ต่าง ๆ  สถาบันการเงิน สถานบันกวดวิชา สปา คลินิกเสริมความงาม ร้านหนังสือ พื้นที่พักผ่อนนั่งชมวิว และที่สำคัญ ร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งสตรีทฟู้ด ฟาสต์ฟู้ด อาหารไทย อาหารท้องถิ่น ภัตตาคาร และอาหารนานาชาติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ICONSIAM จะเป็นหนึ่งในจุดหมายของนักกินชาวไทยและชาวต่างประเทศ แต่ปี 2024 จะมี ร้านอาหาร ICONSIAM ร้านไหนที่น่าไปลิ้มลองบ้างนั้น เรามีคำตอบมาฝาก 

ความเป็นมาของ ICONSIAM ในฐานะศูนย์อาหาร

 ICONSIAM กลายเป็น Food Destination

ศูนย์การค้า ICONSIAM เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 หรือประมาณ 6 ปีก่อน ในฐานะอภิมหาโปรเจกต์จากภาคเอกชนที่มีมูลค่าสูงกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่กว่า 750,000 ตารางเมตร และมีโซนอาหารประเภทต่าง ๆ อยู่ถึง 7 โซน 

เหตุผลที่ทำให้ ICONSIAM กลายเป็น Food Destination หรือจุดหมายของนักกินทั่วโลก เพราะที่ ICONSIAM เป็นศูนย์รวมร้านอาหารและคาเฟ่จากทั่วทุกมุมโลก เรียกว่ามีให้เลือกตั้งแต่สตรีทฟู้ดยอดฮิต อาหารไทยท้องถิ่น อาหารไทยโบราณหากินยาก ฟาสฟู้ดแบรนด์ดัง อาหารโซนยุโรป อาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี ไปจนถึงร้านมิชลินสตาร์ระดับมิชลิน 1 ดาว นอกจากนั้น ICONSIAM ยังมีเทศกาลอาหารผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้นักกินได้ลองกันตลอดทั้งปี

อย่างเทศกาล ICONIC CRAFT COFFEE FEST เทศกาลที่รวมร้านกาแฟชื่อดังกว่า 50 ร้านมาให้คนรักกาแฟได้ชิม เทศกาล Sweet Village เทศกาลขนมหวานที่ขนมาให้เลือกกว่า 500 เมนู โดยมีทั้งขนมไทย เบเกอรี ช็อกโกแลต และไอศกรีม จากร้านขนมแบรนด์ไทยและต่างประเทศ หรือเทศกาลอาหารเจประจำปี เทศกาลอาหารเจสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมเอาอาหารและขนมหวานเจมงคลมากกว่า 1,000 เมนู จาก 100 ร้านค้าชื่อดังมาไว้ที่ ICONSIAM 

โซนอาหารทั้ง 7 โซนของ ICONSIAM ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ในชั้นเดียว กระจายไปยังชั้นต่าง ๆ แต่ละโซนจะมีอาหารและการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ดังนี้

SOOK SIAM ชั้น G ถือเป็นโซนอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ ICONSIAM

ชั้น G ถือเป็นโซนอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ ICONSIAM เพราะเป็นโซนที่รวบรวมเอาอาหารโดดเด่นจากจังหวัดต่าง ๆ มาไว้ในที่เดียว อีกทั้งโซนนี้ยังเน้นการตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ไทย ๆ จากทั่วภูมิภาค อย่างรูปปั้นแม่มาลัยของครูปาน สมนึก คลังนอก รูปปั้นหนุมานที่สูงถึง 2.5 เมตร หน้ากากผีตาโขนร่วมสมัยจากศิลปินไทยรุ่นใหม่ จิระ จิระประวัติ ณ อยุธยา และพื้นที่ตลาดน้ำที่ของคาวหวานอยู่ในเรือจริง ๆ 

The Veranda ICONSIAM

ชั้น G ไอคอนลักซ์ โซนอาหารที่มีจุดเด่นเรื่องวิว เพราะติดริเวอร์ พาร์ค มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บวกกับการออกแบบไฟที่สามารถปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลา ซึ่งออกแบบโดยบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่มีผลงานระดับโลก สำหรับร้านอาหารในโซนนี้มีทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เช่น Jumbo Seafood (สาขาเดียวในประเทศไทย) Tapas by Nan Charcoal Grill ร้านอาหารสเปน Zheng Dou ร้านอาหารจีน ร้านขนม Bake Cheese Tart ร้านชาไข่มุก Brix Dessert Bar และร้านกาแฟ Red Diamond 

 Food Republic ศูนย์รวมร้านอาหารแสนอร่อยก็อยู่ในโซนนี้เช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: ICONSIAM 

ชั้น 4 โซนไอคอนสยาม ศูนย์รวมร้านยอดนิยมของประเทศไทย โดยเปิดให้บริการทั้งร้านอาหารไทย ร้านชาบู Evaime ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ร้านเบเกอรี ชาไข่มุก Seoulcial Club และล่าสุดกับ Food Republic ศูนย์รวมร้านอาหารแสนอร่อยก็อยู่ในโซนนี้เช่นเดียวกัน

โซน Rose Dining ในห้างสยาม ทาคาชิมายะ ซึ่งโซนนี้จะรวมร้านอาหารพรีเมียมจำนวน 7 ร้าน ได้แก่ Unagi Toku ร้านข้าวหน้าปลาไหลจากญี่ปุ่น ร้าน MASA – Otaru Masazushi ซูชิ โอมากาเสะ โดยเซฟมือหนึ่งจากฮอกไกโด และร้าน Katsukura ร้านทงคัตสึระดับตำนานจากเกียวโต ร้าน Kissyan ชาบูเนื้อวากิว A5 จากญี่ปุ่น ร้าน Kamui Hokkaido Dining ร้านอาหารฟิวชัน ร้าน Tsukiji Takewaka ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย และร้าน Tim Ho Wan ร้านอาหารจีนที่ได้รับมิชลินสตาร์ 1 ดาว

ชั้น 5 โซนอาหารที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Bangkok’s Favorite Restaurants ที่รวมร้านเด็ด ๆ ของกรุงเทพฯ มาไว้ที่นี่ ทั้งร้านกับข้าวกับปลา ร้านบ้านไอซ์ ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด ร้านนารา ร้าน  MK Live และร้านอาหาร Hong Bao โดยทุกร้านสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งตากแอร์เย็น ๆ ในโซนอินดอร์หรือจะนั่งชิลชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

HOPS ICONSIAM

ชั้น 6 โซนอาหารที่บอกเลยว่าอลังการสมชื่อ เพราะโซนนี้ตกแต่งในบรรยากาศของนาข้าวไทยและ Dining Pavilion สถาปัตยกรรมกึ่งประติมากรรมกว่า 10 หลัง ฝีมือการออกแบบโดยคุณโด่ง – พงษธัช อ่วยกลาง คุณกรกต อารมย์ดี และคุณปิ่น – ศรุตา เกียรติภาคภูมิ ศิลปินแถวหน้าของไทย ซึ่งในแต่ละ Pavilion มีร้านอาหารไทย ยุโรป จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ทั้งแบบ A La Carte และบุฟเฟต์ เช่น ร้านแม่ศรีเรือน ร้านลูกไก่ทอง ร้านทิพย์สมัย ร้าน Bibimbab ร้าน Sushi Den ร้าน CP-HiLai Harbour ร้าน Mo-Mo Paradise ร้านไก่ทอด Bonchon เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นจุดที่เป็นไฮไลท์ของโซนนี้คือ The ICONIC Multimedia Water Features น้ำตกสูง 15 เมตร เจ้าของตำแหน่งระบำสายน้ำที่ยาวที่สุดในอาเซียน 

  • ทัศนานคร

ชั้น 6 โซนกึ่งเอาท์ดอร์ที่มีพื้นที่กว้างถึง 2,000 ตารางเมตร เหมาะสำหรับคนชอบแฮงเอาท์ท่ามกลางบรรยากาศสวย ๆ ของวิวแม่น้ำ กับเครื่องดื่มเย็นจากร้าน Höbs และ Fallabella สุดยอดด้านเครื่องดื่มที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ร้านอาหารท้องถิ่นที่เด่น

 ร้านอาหาร iconsiam ร้านอาหารท้องถิ่นที่เด่น

หากพูดถึง ร้านอาหาร iconsiam แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงอาหารไทย เพราะแค่โซนสุขสยาม ชั้น G โซนเดียวก็มีบูธอาหารท้องถิ่นให้เลือกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปาทับหลีจากจังหวัดระนอง ข้าวซอยฟ้าฮ่ามจากเชียงใหม่ กุ้งเผาจากร้านกรุงสยาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้านสยามแหนมเนือง สูตรคุณยายวีและคุณปู่ตวน ร้านอาหารภูไทไก่ย่าง ร้านอาหารอีสานต้นตำรับภูไทวาริชภูมิจากจังหวัดสกลนคร ร้านน้ำชาบังบ่าวจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้านคั่วเป็ดตรัง ร้านอาหารใต้ดั้งเดิม แต่สำหรับใครที่อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับประทานอาหารจากเซฟมืออาชีพแนะนำให้เลือกเดินเข้าร้านอาหารไทยในโซนต่าง ๆ ของ ICONSIAM

หากใครที่กำลังมีแผนไปเดินเที่ยวชอปปิงที่ ICONSIAM กับครอบครัวและกำลังมองหาร้านอาหารไทยแท้ ๆ เพื่อเอาใจคุณพ่อคุณแม่ ขอแนะนำร้านบ้านขนิษฐา เดอะเฮอริเทจ (Baan Khanitha The Heritage) อยู่ที่ชั้น 4 ร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงมามากกว่า 25 ปี โดดเด่นทั้งเรื่องรสชาติ คุณภาพอาหารที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน และการบริการที่ยอดเยี่ยมจนทำให้ได้รับรางวัลมิชลินไกด์ปี 2019 โดยเมนูเด่นที่ไม่อยากให้พลาด ได้แก่ เมนูขนมจีนน้ำยาปูภูเก็ต – ยำหัวไชโป้วสับ เมนูห่อหมกปลาอินทรีย์ในลูกมะพร้าวอ่อน เมนูบุหงาพนาลัย และเมนูซ่อนกลิ่นเชื่อม บวดซ่อนกลิ่น ไอศกรีมมะพร้าวอ่อน

จุดเด่นของร้านบ้านขนิษฐา เดอะเฮอริเทจ อยู่ตรงที่การเลือกวัตถุดิบที่นำมาประกอบเมนู โดยวัตถุดิบทุกอย่างต้องมาจากแหล่งที่ดีที่สุดของประเทศไทย อย่างกุ้งแม่น้ำทางร้านก็เลือกใช้จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กะปิจากตลาดมหาชัย ข้าวยำจากอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ส้มโอจากอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี น้ำตาลมะพร้าวและมะนาวจากจังหวัดสมุทรสาคร เรียกว่าใส่ใจในทุกองค์ประกอบเพื่อนำมารังสรรค์เมนูอาหารไทยโบราณให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลอง

ร้านอาหารนานาชาติและการผสมผสานวัฒนธรรม

LUKKAITHONG ICONSIAM

แน่นอนว่ามีร้านอาหารไทยท้องถิ่นและร้านอาหารไทยโบราณแล้วก็ต้องมีร้านอาหารนานาชาติเช่นเดียวกัน ซึ่งที่ ICONSIAM มีหลายร้านที่น่าสนใจ เช่น 

  • ร้าน Hong Bao ชั้น 5 ร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่โดดเด่นเรื่องติ่มซำ ทั้งฮะเก๋ากุ้งลูกใหญ่ ซาลาเปาลาวา และที่ไม่ควรพลาดคือมลัยโก๊ะหรือเค้กนึ่งสไตล์จีนกวางตุ้ง
  • ร้าน Sancheck ชั้น 6 ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 100 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของประเทศเกาหลี ซึ่งถ้าอยากรับประทานต้องมาที่ ICONSIAM ที่เดียว
  • ร้าน Yuzu Ramen ชั้น G ร้านราเมนที่ใครไปกินก็ต้องติดใจน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมที่ใช้เวลาเคี่ยวถึง 8 ชั่วโมง
  • ร้าน Nice Two Sea U ชั้น 5 ร้านปิ้งย่างอาหารทะเลสัญชาติเกาหลีที่รวมเมนูยอดฮิตมาให้มากมาย ทั้งทะเลดอง ซาชิมิ และกระทะร้อน
  • ร้าน CP-HiLai Harbour Restaurant ชั้น 6 ร้านอาหารบุฟเฟต์นานาชาติอันดับหนึ่งจากไต้หวัน มีอาหารให้เลือกมากถึง 200 เมนู
  • ร้าน Paul ร้านเบเกอรีสไตล์ฝรั่งเศสที่เปิดให้บริการมากกว่า 130 ปี แม้ว่าจะเปิดในประเทศไทย แต่รับประกันมีเมนูเหมือนร้านที่ฝรั่งเศส

ประสบการณ์การรับประทานอาหาร

SIAM Takashimaya Iconsiam

สำหรับใครที่ยังลังเลไม่รู้ว่าจะไปดีไหมหรือไม่รู้ว่าจะไปร้านไหนดี เรามีรีวิวดี ๆ จากเว็บไซต์แนะนำการท่องเที่ยวมาฝาก รับรองตัดสินใจง่ายขึ้น 

  • ร้าน  SIAM Takashimaya ผู้รับประทานการันตีความอร่อยสมกับเป็นร้านในตำนาน
  • ร้าน Jumbo Seafood  ผู้รับประทานชอบเมนูซี่โครงหมูอบซอสมอคค่าและการตกแต่งร้านสวย มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
  • ร้าน Katsukura ผู้รับประทานรีวิวว่าหมูทอดนุ่ม สันนอกเนื้อฉ่ำ ทงคัตสึเนื้อวากิวรสชาติอร่อยนุ่ม
  • ร้านกับข้าวกับปลา ผู้รับประทานรีวิวว่ารสชาติจัดจ้าน กุ้งตัวใหญ่ แนะนำให้มาลอง

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลร้านอาหารไทยและร้านอาหารนานาชาติใน ICONSIAM ที่เรานำมาฝาก บอกได้เลยว่าถ้าใครเป็นสายกินหรืออยากไปสัมผัสรสชาติอาหารไทยและอาหารนานาชาติแบบใหม่ ๆ ที่หารับประทานไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ต้องมาลองที่ ICONSIAM รับประกันไม่มีคำว่าผิดหวัง

ที่มาข้อมูล:

เช็คอินแลนด์มาร์คสุดฮิต เที่ยวเชียงใหม่แบบจัดเต็ม!

เช็คอินแลนด์มาร์คสุดฮิต เที่ยวเชียงใหม่แบบจัดเต็ม!

“เชียงใหม่​” ท็อปลิสต์จังหวัดน่าเที่ยวขวัญใจคนไทยตลอดกาล​และยังมีชื่อเสียงดังไกลไปทั่วโลก​ กลายเป็นหมุด​หมาย​สำคัญของชาวต่างชาติที่ต้องการมาเที่ยวประเทศไทย​ พ่วงท้ายมาด้วยดีกรีเมืองน่าเที่ยวอันดับที่​ 3 ของโลก​จาก​การ​จัด​อันดับของเว็บไซต์​ GoBankingRates ในหัวข้อ​เมืองที่มีอากาศอบอุ่นและประหยัด​ เหมาะแก่การ​ท่อง​เที่ยว​ประจำ​ปี​ 2566

ซึ่งต้องขอบอกว่าสมฐานะเป็นหน้าตาให้กับไทยแลนด์​ เพราะที่เที่ยวเชียงใหม่มีครบ​จบใน​จังหวัดเดียว​ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม​ ย่านเมืองเก่า​ ธรรมชาติ​ ป่า​เขา​ น้ำตก​ จัดเต็มมาครบ​ หรือจะเที่ยวแบบชิค ๆ​ คลู ๆ ​สายอาร์ตที่นี่เขาก็มีหมด​ รวมไปถึงเดินชอปปิงกาดบ้าน ๆ​ หรือห้างหรูก็มีครบครัน​ ว่าแต่จะมีแลนด์มาร์ค​สำคัญ​ที่​ไหน​บ้างที่ไม่ควรพลาดเช็กอิน​ ไปดูกันเลย

ถนนนิมมานเหมินทร์​ ถิ่นคนชิค
  • ถนนนิมมานเหมินทร์​ ถิ่นคนชิค

เริ่มต้นแลนด์มาร์ค​แรกแห่งเชียงใหม่​ที่ใครไม่ไปถือว่าพลาด​ ต้องไปเดินชิลที่ถนนนิมมานเหมินทร์​ แหล่งรวม​ร้าน​อาหาร​ คาเฟ่​ ที่มีทั้งความทันสมัยและความคลาสสิก​ ตั้งแต่ซอย​ 1 ไปจนถึงซอย​ 17 ของถนนนิมมาน​ มีร้านค้า ​ร้านเสริมสวย​ ร้านขายผลิตภัณฑ์​ Handmade  ร้านอาหารทั้งไทยเทศ​ แกลเลอรี งานศิลปะ​ และคาเฟ่หลาก​หลายสไตล์ที่​แ​ข่งกัน​ตกแต่งร้านดึงดูดลูกค้าสายถ่ายรูปให้มารัวชัตเตอร์กันหนำใจ​ 

  • ศูนย์รวมโรงแรมและห้างดัง

ย่านนิมมาน​ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมใหญ่ ๆ​ สุดแสนสะดวกที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพัก​ และยังมีแหล่งชอปปิงชื่อดังอย่าง​ห้าง​ Maya ศูนย์รวมสินค้าดังทั้งแบรนด์เนม​และสินค้าของคนท้องถิ่น​ ที่สามารถแวะเข้ามาตากแอร์เลือกสินค้า​หรือ​รับประทานอาหารจากร้านแบรนด์ดังมากมาย​  ถ้าใครไม่​อยาก​หอบข้าวของพะรุงพะรังระหว่างการเดินเที่ยว​ที่​เชียงใหม่​มี​บริการรับฝากกระเป๋า​ของ​ Airportels หรือใครจะใช้บริการขนส่ง​กระเป๋า​และ​สัมภาระ​จาก​บ้านแล้วให้ส่งตรงถึงหน้าห้องที่โรงแรมในเชียงใหม่​ก็​สะดวกอย่าบอกใคร​ 

Warm Up เชียงใหม่
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Warmupcafe Chiangmai 
  • Warm Up

สำหรับสถานที่ท่องราตรีที่เปิดแทบทุกวัน​และฮิตตลอดกาลต้องยกให้ที่นี่​ Warm Up สถานที่ตื๊ด ๆ​ อันดับ​ 1 ของ​เชียงใหม่​ในย่านนิมมาน​ เป็นพี่ใหญ่วัยเก๋าที่เปิดมาตั้งแต่ปี​ 1999 แต่ลวดลายยังแพรวพราวไม่เปลี่ยน​ กลายเป็น​แลน​มาร์ค​ยาม​ราตรีที่นักท่องเที่ยวต้องไปลอง​ ด้วยโซนที่หลากหลาย​ ไม่ว่าจะแนวนั่ง​ แนวเต้น​ หรือโซนเลานจ์ที่​หรูหรา​ ทั้งยัง​มี​วงดนตรีชื่อดังหมุนเวียนมาสร้างความบันเทิงทุกค่ำคืน​ เป็น​ ที่เที่ยวเชียงใหม่​ ที่ใคร ๆ​ ก็ต้องมา​เช็ก​อิน

  • Beer Lab 

ถ้าหากใครเป็นสายเบียร์ที่หลงใหลฟองนุ่ม ๆ​ สีเหลือง​ ต้องไม่พลาดที่จะแวะไป​ Beer Lab ที่ตั้งอยู่ในโครงการ​ Kantary ย่านนิมมานเช่นเดียวกัน

  • GRAPH​ one​ nimman

สำหรับคอกาแฟยามดึกขอแนะนำให้มาเช็กอินร้าน​ GRAPH​ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ​ One​ nimman เป็นคาเฟ่​สุดเท่​ที่ตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลผสมผสานกับความมินิมอลได้อย่างลงตัว​ มีเมนูกาแฟให้เลือกหลากหลาย​ รวมถึงของ​หวาน​แสนอร่อยที่จะมาตบท้ายค่ำคืนให้หลับฝันดี

นอกเมืองอย่าลืมแวะเชียงใหม่มีอีกแยะ แวะหนาวกันต่อที่ม่อนแจ่มและแม่กำปอง
  • ม่อนแจ่ม​ แจ่มจัด​ คัดมาแล้ว

ที่เที่ยวเชียงใหม่ที่ไม่เคยหายไปจากท็อปลิสต์ของนักท่องเที่ยว​ต้องยกให้กับม่อนแจ่ม​ อำเภอแม่ริม​ ที่อยู่ไม่ไกลจาก​เมือง​เชียงใหม่เท่าไรนัก​  ด้วยเอกลักษณ์ทางด้านภูมิประเทศและสภาพอากาศที่หนาวเกือบทั้งปี​ จึงกลายเป็นแหล่ง​ปลูกพืชเมืองหนาว​ ฟาร์มดอกไม้​ รีสอร์ทวิวเขาชมทะเลหมอก​ หรือจะเป็นการเดินป่าที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อย

  • แม่กำปอง​ หมู่บ้านสโลว์ไลฟ์ ใกล้ธรรมชาติ

นักท่องเที่ยวนิยมมาพักโฮมสเตย์ที่แม่กำปอง​ เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตและใกล้ชิดธรรมชาติ​ ภายในหมู่บ้านมีไร่ชา​ ร้าน​กาแฟ​ ร้านขายของฝากจากฝีมือคนท้องถิ่น​ และยังมีน้ำตก​ มีกิจกรรมผจญภัยให้ทั้งครอบครัวได้​สนุก​ร่วม​กัน​อีกด้วย​ ถือเป็นหมุดหมายยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาด

พิชิตยอดดอยอินทนนท์
  • มูที่จุดสูงสุด​ พิชิตยอดดอยอินทนนท์

ทิวเขาอินทนนท์มียอดดอยที่สลับซับซ้อน​ กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง​ 4 อำเภอ​ เมื่อมาถึงที่นี่แนะนำให้สายมูไป​กราบสัก​การะพระมหาธาตุนภเมทนีดลและ​พระ​มหาธาตุนภพลภูมิสิริ​ ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณทาง​แยกก่อนจะ​ขึ้นดอยอินทนนท์​ เหมาะแก่การไปสักการะขอพรและ​ชมความสวย​งามเป็นอย่างมาก

  • พระธาตุดอยสุเทพ​ 

ที่เที่ยวเชียงใหม่​ ที่หากใครไม่ได้ไปจะถือว่ามาไม่ถึงจังหวัดเชียงใหม่​ เปรียบเสมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไป​แล้วว่า​หาก​มาที่เชียงใหม่จะต้องหาเวลาไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพให้ได้​  เพราะที่นี่เป็นเหมือนศูนย์​รวมใจ​และเป็น​สัญลักษณ์​ของเมืองเชียงใหม่ และอย่าลืมถ่ายภาพกับบันไดเศียรนาคบริเวณ​ทางขึ้น​ หลังจาก​สักการะขอ​พรพระธาตุ​ด้านบนแล้ว​ก็ต้องแวะไปที่มุมระเบียง​เพื่อ​ชม​ทิวทัศน์ของเมืองเชียงใหม่จากมุมสูงที่เห็นรอบทิศทางก็ได้​ความ​สวย​งาม​​ไปอีกแบบ

จริงใจ มาร์เก็ต เชียงใหม่
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Jing Jai Market Chiang Mai 
  • ตลาดวโรรส

ชื่อของตลาดวโรรสหรือกาดหลวง​น่าจะเป็นท็อปลิสต์อันดับหนึ่งที่หลายคนต้องนึกถึงหากต้องการซื้อของฝาก ​เพราะ​ที่นี่​คึกคัก​ตลอดวัน​ มีของกินของฝากให้เลือกสรรสารพัดแบบ โดยเฉพาะของพื้นถิ่นที่ต้องหิ้วกลับบ้าน​ อย่าง​เช่น​ น้ำพริกหนุ่ม​ ไส้อั่ว​ แคบหมู​ น้ำพริกหลายรสชาติแบบท้องถิ่น​ หมูยอ​ ข้าวซอยตัด​ หรือจะเป็นอุปกรณ์​เครื่อง​นุ่มห่ม​ตามแบบฉบับล้านนาที่นี่ก็มีให้เลือกอย่างครบครัน

  • จริงใจมาร์เก็ต

ตลาดสุดชิคของคนที่หลงใหลในเกษตรอินทรีย์​ เพราะที่นี่ได้รวมเอาผลิตภัณฑ์ของฝากขึ้นชื่อจาก​ 8 จังหวัดภาค​เหนือ​​มารวมไว้ที่นี่ที่เดียว นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสินค้า​ Handmade ผ้าทอ​ งานจักสาน​ หมวก กระเป๋า ​และ​อาหา​ร​ขึ้นชื่อที่น่าซื้อหาไปเป็นของฝากอีกเพียบ

  • ตลาดต้นพยอม

อีกหนึ่งตลาดเก่าแก่ที่เป็นศูนย์รวมของฝาก​จากเชียงใหม่​ ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่​ เดินทางง่ายสะดวกสบาย​และมีของฝากให้เลือกแบบครบครัน​ เน้นไปทางของกินภาคเหนือ​ มีทุกชนิดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ​ มี​ร้าน​ให้เลือกจนจุใจ​ รับรองต้องได้อะไรติด​ไม้ติดมือ​กลับไปอย่างแน่นอน

เชียงใหม่​ยังคงเป็นเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศอยู่เสมอ​ เพราะ​ที่เที่ยวเชียงใหม่​ไม่ได้มัด​ใจผู้คนเพียงเพราะความสวยงาม​ แต่มนต์เสน่ห์ของเมืองเหนือแห่งนี้ยังประกอบรวมไปถึงวิถีชีวิตที่เนิบช้า​ ความจริง​ใจ​ของผู้คน​ อาหารการกินที่อร่อย​ วัฒนธรรมที่แทรกซึมอยู่ในทุก ๆ​ พื้นที่​ กลายเป็นสิ่งที่คล้องใจให้ใครต่อใคร​ก็ต่าง​หลงรักเชียงใหม่​และอยากกลับไปอีกครั้งเมื่อมีโอกาส

ที่มาข้อมูล

ตะลุยกิน! 10 ร้านบุฟเฟต์ยอดนิยม ใกล้ Siam Center

ร้านบุฟเฟต์สุดฮิตใกล้ Siam Center

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าโซน Siam Center เป็นศูนย์รวมกิจกรรมที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น BACC หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งระดับโลก  Madame Tussauds Bangkok ห้องอ่านหนังสือ Art Library อควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World  สนามเกมยิงปืนเลเซอร์ โรงภาพยนตร์ระบบปกติ 3D และ 4D ลานโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ แกลเลอรีงานศิลปะ และกิจกรรม Workshop งานฝีมือ แต่นอกจากกิจกรรมเหล่านี้แล้ว Siam Center ยังเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารบุฟเฟต์ที่มีให้เลือกทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปิ้งย่าง ชาบู ซีฟู้ด ร้านอาหาร siam center ร้านไหนน่าสนใจบ้างนั้น เรารวบรวมที่เด็ด ๆ มาฝาก 

Mo-Mo-Paradise

ร้านสุกี้ยากี้และชาบูชาบูชื่อดังต้นตำรับแท้จากญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยรสชาติของน้ำซุปต้นตำรับ ไข่อนามัยที่กินดิบได้ และไอศกรีมโฮมเมดสูตรเฉพาะที่มีให้เลือกถึง 5 รสชาติ ได้แก่ นมข้าว ชาเขียว บ๊วย มะม่วง และชาโคล นอกจากนี้ยังมีไดฟุกุรสเด็ดรับประทานได้ไม่อั้น

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 2 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 20.00 น.
  • ประเภทอาหาร  บุฟเฟต์ชาบูชาบูสไตล์ญี่ปุ่น
  • ราคา ผู้ใหญ่ 659 บาทต่อคน เด็กความสูง 110 – 140 ซม. 329 บาทต่อคน รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ร้าน Sukishi เป็นร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างสไตล์เกาหลี

ร้าน Sukishi เป็นร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่มาพร้อมอาหารญี่ปุ่น มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งเนื้อสัตว์หมักซอสโคชูจัง เนื้อสัตว์หมักซอสสไตล์เกาหลี อาหารทะเล ซาชิมิ ทะเลดองซีอิ๊วเกาหลี ซูชิ ซุปเต้าหู้ ข้าวยำเกาหลี ของทอด ของหวาน และไอศกรีม 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 2 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 20.00 น.
  • ประเภทอาหาร  บุฟเฟต์ปิ้งย่างสไตล์เกาหลีและอาหารญี่ปุ่น
  • ราคา มี 4 ราคา ได้แก่ Copper 489 บาทต่อคน Silver 599 บาทต่อคน Gold 819 บาทต่อคน และ Platinum 1,479 บาทต่อคน รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที เด็กความสูงต่ำกว่า 110 ซม. รับประทานฟรี
You & I Premium Suki Buffet
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: You&I Premium Suki Buffet (Fashion Island. B flr.) 

ร้านบุฟเฟต์สุกี้เกรดพรีเมียมที่ตอบโจทย์คนชอบเนื้อด้วยเนื้อหลากหลายแบบ ทั้งวากิว เนื้อคาราร่าวากิว เนื้อพรีเมียมวากิวชัคโรล และเนื้อแองกัสชัคโรล แต่ถ้าใครไม่กินเนื้อก็มีคุโรบูตะชีส หมูชาชู อาหารทะเล ปลาไหลย่างซีอิ๊ว หอยนางรม และมีขนมหวานหลากหลายชนิดให้เลือกรับประทานด้วย 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 2 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 20.00 น.
  • ประเภทอาหาร  บุฟเฟต์สุกี้
  • ราคา มีให้เลือก 4 ราคา ไม่รวมเครื่องดื่ม ได้แก่ Standard Buffet 533 บาทต่อคน Premium Buffet 747 บาทต่อคน Super Premium Buffet 961 บาทต่อคน และ Ultimate Buffet 1,496 บาทต่อคน รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 20 นาที เด็กส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. รับประทานฟรี 
Sizzler ร้านสเต๊กยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ

ร้านสเต๊กยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ เพราะนอกจากรสชาติที่ถูกปากคนไทยแล้ว ยังมีบุฟเฟต์สลัดผัก ซุป และขนมหวานให้เลือกรับประทานมากมาย 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 เปิดให้บริการเวลา 10.00 – 21.00 น.
  • ประเภทอาหาร  สเต๊กแบบ A La Carte บุฟเฟต์สลัดบาร์
  • ราคา ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่สั่ง ราคาเริ่มต้นที่ 139 บาท
Dookki Topokki (ดุ๊กกี้ ต๊อกโปกี)

ร้าน Dookki Topokki (ดุ๊กกี้ ต๊อกโปกี) จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนอกจากจะมีต๊อกให้เลือกหลายแบบ ทั้งต๊อกแบบยาว ต๊อกแบบเส้น และต๊อกรูปหัวใจแล้ว ยังมีเนื้อสัตว์ ผัก ของทานเล่น และน้ำอัดลมบริการแบบไม่อั้นอีกด้วย 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น G เปิดให้บริการเวลา 10.30 – 22.00 น.
  • ประเภทอาหาร บุฟเฟต์ต๊อกโบกี 
  • ราคา ผู้ใหญ่ 299 บาทต่อคน เพิ่ม Fondue Cheese ราคา 120 บาท รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที
Tenjo Sushi & Yakiniku Premium Buffet 

ร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวากิว หมูคุโรบูตะ หมูชาบู ปลาไข่ แซลมอน ซูชิ กุ้งแม่น้ำ ชีส ขนม ไอศกรีม และของทานเล่นอีกมากมาย 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 5 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 22.00 น.
  • ประเภทอาหาร บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นปิ้งย่าง 
  • ราคา มีให้เลือก 6 ราคา ได้แก่ Yakiniku Lover ราคา 470 บาทต่อคน Premium Buffet 764 บาทต่อคน Prime Buffet 1,000 บาทต่อคน  Platinum Buffet 1,294 บาทต่อคน Prestige Buffet 1,647 บาทต่อคน Ultima Buffet 2,118 บาทต่อคน สั่งอาหารได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที รับประทานอาหารได้ 2 ชั่วโมง
Hongdae Buffet ร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างเกาหลี

ร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างเกาหลีที่เหมือนยกเอาย่านฮงแดมาอยู่ใจกลางสยาม เพราะนอกจากจะจัดเนื้อสัตว์หมักซอสเกาหลี ของทานเล่น และเครื่องเคียงมาให้อย่างจุใจแล้ว ภายในร้านยังเปิดเพลงเกาหลีฮิต ๆ ตลอดทั้งวันเพิ่มบรรยากาศความเป็นเกาหลีอีกด้วย 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 5 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 22.00 น.
  • ประเภทอาหาร บุฟเฟต์อาหารเกาหลีปิ้งย่าง 
  • ราคา มีให้เลือก 2 ราคา ได้แก่ Standard Buffet 387 บาทต่อคน  Premium Buffet 470 บาทต่อคน รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที 
ร้าน Kouen Sushi Bar สุดยอดบุฟเฟต์แซลมอนและอาหารญี่ปุ่น

ร้าน Kouen Sushi Bar สุดยอดบุฟเฟต์แซลมอนและอาหารญี่ปุ่นที่มีจุดเด่นเรื่องการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพเกรดพรีเมียมนำเข้าจากญี่ปุ่น อย่างเมนูแซลมอนซาชิมิ ปูหิมะย่างซอสมิโซะ ข้าวปั้นไส้กุ้งโบตันราดซอสมันกุ้งล็อบสเตอร์สูตรเข้มข้น กุ้งโบตันราดซอสสูตรพิเศษเบิร์นไฟ เนื้อสันในย่าง ซูชิวากิว ตบท้ายด้วยไอศกรีมสูตรเฉพาะของทางร้าน รับรองว่ามาแล้วไม่มีคำว่าผิดหวัง

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 5 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 22.00 น.
  • ประเภทอาหาร บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น 
  • ราคา มีให้เลือก 5 ราคา ได้แก่ Variety Buffet 587 บาทต่อคน  Deluxe Buffet 823 บาทต่อคน  Premium Buffet 940 บาทต่อคน Oyster Lover Buffet 999 บาทต่อคน และ Ultima Buffet 1,764 บาทต่อคน รับประทานได้ 2 ชั่วโมง 
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Wisdom International Buffet 

ร้านอาหารบุฟเฟต์ที่เสิร์ฟเมนูอาหารนานาชาติ ทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก และที่สำคัญทุกเมนูใช้วัตถุดิบคุณภาพที่ดูก็รู้ว่าคุณภาพเกินราคา 

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 5 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 22.00 น.
  • ประเภทอาหาร บุฟเฟต์อาหารนานาชาติ 
  • ราคา มีให้เลือก 3 ราคา ได้แก่ Wisdom Buffet Platinum Buffet 1,353 บาทต่อคน Wisdom Buffet Diamond Buffet 2,000 บาทต่อคน และ Wisdom Buffet Elite Buffet 3,530 บาทต่อคน รับประทานได้ 2 ชั่วโมง 
ร้าน BURN WHALE ร้านบุฟเฟต์ที่ยกซีฟู้ดเกรดพรีเมียม
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: BURN WHALE 

ร้าน BURN WHALE ร้านบุฟเฟต์ที่ยกซีฟู้ดเกรดพรีเมียมมาให้เลือกรับประทานมากกว่า 80 เมนู แถมไม่ต้องนั่งย่างเองให้เสียเวลาและไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นควัน

  • ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 5 เปิดให้บริการเวลา 11.00 – 22.00 น.
  • ประเภทอาหาร บุฟเฟต์อาหารทะเล 
  • ราคา มีให้เลือก 2 ราคา ได้แก่ 599 บาทต่อคน และ 799 บาทต่อคน รับประทานได้ 1 ชั่วโมง 40 นาที

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 10 ร้านบุฟเฟต์สุดฮิตใกล้ Siam Center ที่เรานำมาฝากในวันนี้ เรียกว่าน่าสนใจและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ส่วนจะเลือกร้านไหนก็แล้วแต่ความชอบ เพราะราคาบุฟเฟต์ของ ร้านอาหาร siam center ไม่แตกต่างกันมากนัก

ที่มาข้อมูล

JJ Mall 2024 : อัพเดทเทรนด์ใหม่ ของวินเทจ ของฮิต คนไทยนิยมช้อป

TukTuk Thailand

jj mall แหล่งชอปสุดฮิปที่ปัจจุบันกลายเป็นแลนด์มาร์กของคนรุ่นใหม่รวมถึงชาวต่างชาติที่ต้องการมาเลือกสินค้ากลับไปฝากคนที่บ้าน จุดเด่นคือการเป็นตลาดนัดจตุจักรเวอร์ชั่นมีแอร์ ไม่ร้อน เดินชอปได้อย่างชิล ๆ ตั้งอยู่ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ติดกับสวนจตุจักร ชอปปิงมอลล์ที่ครบเครื่อง รวบรวมสินค้ายอดฮิตมาไว้ที่นี่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญยังมี Food Court ขนาดใหญ่ ชอป ชิม ชิลแบบครบ ๆ 

เจเจมอลล์มีอะไร เพราะอะไรใคร ๆ ก็อยากมา

 bangsue junction

ไม่ว่าจะเป็นสายไหน สายแฟชั่น สายรักสัตว์ สายรักสวยรักงาม หรือสายแต่งบ้าน ก็สามารถมาเดินชอปไอเทมที่ตัวเองชอบได้ รวบรวมสินค้ามากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน ของที่ระลึก เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า หัตถกรรม เครื่องหนัง ฯลฯ อีกทั้งยังมีโซนกิจกรรมเพิ่มความคึกคักทุกเทศกาลด้วยการแสดงที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมามอบความบันเทิง

ใครอยากรู้ว่าเจเจมอลล์มีอะไร เพราะอะไรใคร ๆ ก็อยากมา ลองมาดูกันว่าแต่ละชั้นและโดยรอบโครงการมีอะไรน่าสนใจบ้าง จะได้ไม่พลาด

เจเจมอลล์ จตุจักรติดแอร์ รวบรวมสินค้าไว้มากมาย อยากได้อะไรก็หาได้

ชั้นที่รวบรวมสินค้าหลากหลายหมวดหมู่แต่ที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษคือสินค้าแฮนด์เมด สินค้า OTOP รวมถึงของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ บอกเลยว่าคนชอบงานทำมือหรือชอบแต่งบ้านต้องเพลิดเพลินและได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านอย่างแน่นอน

ต่อกันที่ชั้น 1 ซึ่งหากมาชั้นนี้แน่นอนว่าต้องนึกถึงสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋าหนัง นอกจากนี้ยังมีร้านดอกไม้ที่สามารถซื้อไปตกแต่งบ้านได้ สำหรับร้านแนะนำ ได้แก่ ร้านผ้าไหมจีน เสื้อดีไซน์เอกลักษณ์ เหมาะกับช่วงตรุษจีนสุด ๆ ร้าน Riotino ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นดีไซน์เก๋ ร้านมาดาม สโตน ร้านเครื่องประดับ หินสวย ๆ เพียบ และร้าน DEC ร้านดอกไม้ที่แสนสดใสสำหรับคนชอบแต่งบ้าน

เอาใจสายอาร์ตและสายแต่งบ้านกันบ้าง ชั้นนี้รวบรวมภาพวาดศิลป์ งานปั้น พระพุทธรูป และของแต่งบ้านมีสไตล์ ร้านแนะนำ ได้แก่ ร้านดอกไม้แต่งบ้าน Seasonray ร้านสบู่ไทยแลนด์มาพร้อมลวดลายสบู่อันมีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีศูนย์อาหารชั้นนำที่ถูกยกให้เป็นศูนย์อาหารที่ดีที่สุดในย่านจตุจักร รวบรวมเมนูดังมากกว่า 1,000 เมนู 

ใครเป็นคนรักสัตว์หรือมองหาสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ โดยรอบโครงการก็มีตลาดสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นปลาสวยงาม สุนัข กระต่าย กระรอก ฯลฯ มากไปกว่านั้นยังมีกิจกรรมมากมาย หมุนเวียนมามอบความบันเทิง เช่น กิจกรรมร้องเพลง กิจกรรมเชิดสิงโต เป็นต้น

การรวบรวมสินค้าไว้มากมาย แถมยังมี Food Court ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถชอปปิงและหาของอร่อยรับประทานได้แบบครบ ๆ ในที่เดียว jj mall จึงกลายเป็นแลนด์มาร์กสุดฮิปที่ไม่ว่าใครก็ห้ามพลาด เปิดให้บริการทุกวัน จะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานีกำแพงเพชรก็สะดวก หรือจะนำรถมาเองก็มีลานจอดรถที่รองรับได้มากกว่า 2,000 คัน ใครสะดวกอย่ารอช้า รีบพุ่งตัวมาชอปกันเลย

ที่มาข้อมูล:

ดำน้ำดูปะการังที่แสมสารชลบุรี ทะเลบรรยากาศดี มาชลทั้งทีต้องได้เที่ยว

แสมสาร ชลบุรี เกาะนี้ดี บรรยากาศอภิรมย์ ชมทะเลสัตหีบ

หากพูดถึงจุดดำน้ำที่เดินทางสะดวก ทะเลสวย น้ำใส ปะการังใต้ทะเลยังคงมีความสมบูรณ์ เชื่อว่าหนึ่งในคำตอบที่หลายคนนึกถึงมากที่สุดนั้นหนีไม่พ้น “เกาะแสมสาร” เกาะเล็ก ๆ ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งนอกจากจะโดดเด่นเรื่องของทัศนียภาพที่งดงาม เรียกว่าหันไปมองมุมไหนก็สวยตอบโจทย์คนชอบถ่ายรูปลงโซเชียลแล้ว แสมสาร ยังได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำที่ชอบดำน้ำดูปะการังและฝูงปลาทะเลที่พร้อมแหวกว่ายมาให้ดูอย่างใกล้ชิด แต่จะเดินทางไปเกาะแห่งนี้ได้อย่างไร และมีกิจกรรมไหนน่าสนใจบ้างนั้น เรามีคำตอบมาฝาก

การเดินทางไปที่เกาะแสมสารสามารถเดินทางได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมคือรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทาง ในกรณีเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หรือทางด่วนพิเศษบูรพาวิถีเพื่อมุ่งหน้าไปยังสัตหีบ จากนั้นให้ใช้เส้นสุขุมวิทเดินทางไปถึงแยกเข้าอำเภอสัตหีบให้เลี้ยวไปทางซ้ายตามถนนสุขุมวิท

ขับไปประมาณ 6 กิโลเมตร เมื่อเห็นพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวให้กลับรถมาเข้าซอยที่อยู่ข้าง ๆ ขับมาอีก 2 เมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าถนน 3126 ขับมาอีกประมาณ 100 เมตร ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปทางบ้านช่องแสมสาร และขับไปอีก 6 กิโลเมตร จะเจอพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ส่วนการเดินทางไปด้วยรถประจำทางสามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) นั่งรถกรุงเทพ – ระยอง หรือสถานีขนส่งกรุงเทพเอกมัย นั่งรถกรุงเทพฯ – ตราด ไปลงที่ตลาดสัตหีบ

จากนั้นให้ต่อรถสองแถวสีน้ำเงินที่มีป้ายระบุว่าไปเกาะแสมสาร ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วให้ไปที่จุดซื้อตั๋วและขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอเพื่อข้ามไปยังเกาะแสมสาร ค่าบริการเที่ยวชมเกาะแบบไปกลับสำหรับผู้ใหญ่ราคา 300 บาทต่อคน เด็ก 220 บาทต่อคน และชาวต่างชาติ 600 บาทต่อคน สำหรับการให้บริการขาไปจากท่าเรือมีจำนวน 5 เที่ยว เรือออกจากฝั่งเวลา 09.00 น. 10.00 น. 11.00 น 12.00 น. และ 13.00 น.

ขณะที่ขากลับให้บริการจำนวน 4 เที่ยว เรือออกจากเกาะแสมสารเวลา 13.30 น. 15.00 น. 16.00 น. และ 16.30 น. ซึ่งการเดินทางแต่ละเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาทีต่อเที่ยวเท่านั้น แต่เนื่องจากเกาะแสมสารมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 500 คนต่อวัน ดังนั้นควรไปก่อนเวลาเรือออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเข้าแถวรอรับบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่ โดยปกติจะเปิดคิวตั้งแต่เวลา 06.00 น. 

“ดำน้ำ” ถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปถึงเกาะแสมสาร ด้วยเกาะนี้โดดเด่นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้ท้องทะเล เพราะมีครบทั้งแนวปะการังอ่อน ปะการังแข็ง ดอกไม้ทะเล และยังมีฝูงปลานานาชนิดแหวกว่ายอวดโฉมให้ชมมากมาย ซึ่งจุดดำน้ำดูปะการังของเกาะแสมสารมีอยู่หลาย ๆ จุด แต่จุดที่นิยมจะอยู่ห่างจากหาดลูกลมประมาณ 450 เมตร เพราะเป็นจุดที่มีปะการังและสัตว์ทะเลเป็นจำนวนมาก สำหรับกิจกรรมดำน้ำดูปะการังของเจ้าหน้าที่มีค่าบริการ 50 บาท


ที่มารูปภาพ hotelandresortthailand

เดินทางด้วยเรือยางสีดำของทหาร ความจุรอบละ 20 คน ให้บริการรอบละ 1 ชั่วโมง โดยก่อนเริ่มทำกิจกรรมทางเจ้าหน้าที่จะมีเสื้อชูชีพและอุปกรณ์ดำน้ำแบบสน็อกเกิ้ลพร้อมสอนวิธีใช้ให้ด้วย แต่หากใครที่เดินทางเป็นกลุ่มและต้องการความเป็นส่วนตัวแนะนำให้ซื้อทริปแบบ One Day Trip กับผู้ให้บริการเอกชน เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัว

กำหนดจำนวนคนต่อเที่ยวได้ง่าย มีรอบให้บริการนานกว่า นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ดำน้ำ เสื้อชูชีพ อาหาร และเครื่องดื่มให้บริการอีกด้วย ส่วนใครที่อยากดูโลกใต้ทะเลแต่ไม่อยากเปียกที่เกาะแสมสารยังมีบริการนั่งเรือท้องกระจกดูปะการัง ค่าบริการคนละ 20 บาท ให้บริการครั้งละ 8 คน รอบละประมาณ 15 นาที

นอกจากกิจกรรมดำน้ำดูปะการังแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่จะได้จากการไปเที่ยวเกาะแสมสารคือวิวสวย ๆ ของเกาะแสมสาร ซึ่งจุดที่เป็นไฮไลต์คือ “หาดลูกลม” จุดถ่ายรูปสวย ๆ ที่มีฉากหลังเป็นน้ำทะเลสีฟ้าสดใส และ “เกาะปลาหมึก” เกาะเล็ก ๆ ที่อยู่หน้าหาด อีกทั้งยังมีร้านค้า จุดชมวิว จุดเล่นน้ำ และพื้นที่พักผ่อนมากมาย อย่างไรก็ตามหลังจากกลับมาถึงฝั่งอย่าเพิ่งรีบออกจากพื้นที่ แนะนำให้แวะเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย

เพื่อสักการะศาลเจ้าพ่อตากสิน เดินเที่ยวชมอาคารจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ ภายใน ชมธรรมชาติระหว่างทางเดินอาคารพิพิธภัณฑ์ และชมวิวที่มองเห็นเกาะต่าง ๆ ของอ่าวแสมสาร รับรองว่าถ่ายมุมไหนก็สวย สำหรับค่าเข้าชมผู้ใหญ่ราคา 50 บาทต่อคน เด็กอายุตั้งแต่ 3 – 15 ปี ราคา 20 บาทต่อคน ทหารเรือราคา 30 บาทต่อคน และชาวต่างชาติ 100 บาทต่อคน โดยเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น 

เนื่องจากเกาะแสมสารเป็นเกาะที่ต้องไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะทางกองทัพเรือยังไม่อนุญาตให้เที่ยวพักค้างคืนบนเกาะ ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจอยู่หลายวันจึงต้องใช้บริการห้องพักที่อยู่บนฝั่ง ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบโฮมสเตย์ รีสอร์ท และโรงแรม เช่น ยาหยี & ยี่หวา โฮมสเตย์ ที่พักสไตล์โฮมสเตย์ติดทะเลกับบรรยากาศชิล ๆ มองพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น, บ้านคุณยายโฮมสเตย์ ที่พักสไตล์ลอฟท์ปูนเปลือยใกล้ท่าขึ้นปลาของชาวประมง ในเวลากลางคืนยังมีกิจกรรมตกหมึกด้วย,


ที่มาของรูปภาพ baanonsea

ภูสิงห์รีสอร์ท ที่พักสไตล์รีสอร์ทติดทะเลสำหรับสายชิล ใกล้ตลาด และแหล่งท่องเที่ยว หรือ Baan On Sea บ้านพักติดทะเลสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์นแสนสงบสำหรับคนที่อยากพักผ่อน แต่สำหรับใครเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับหรือเดินทางด้วยรถไฟ รถโดยสารประจำทาง เครื่องบิน แล้วอยากเดินเที่ยวแบบสบายตัวหรือสายชอปที่เป็นกังวลเรื่องของฝาก

แนะนำให้ใช้บริการฝากกระเป๋ากับ AIRPORTELs ซึ่งนอกจากจะทำให้สะดวกสบายในการเที่ยวมากขึ้นแล้ว ยังมีบริการส่งกระเป๋าเดินทางไปยังโรงแรม สนามบิน หรือจุดให้บริการต่าง ๆ พร้อมประกันความเสียหายและระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับเคาน์เตอร์บริการของ AIRPORTELs ที่ใกล้กับเกาะแสมสารคือสาขาเทอร์มินอล 21 พัทยา และสาขาเซ็นทรัลพัทยา

 Bull Beach Club คาเฟ่ & Restaurant
ที่มาของภาพ welovepattaya58

สำหรับใครที่เป็นกังวลเรื่องอาหารการกินบนเกาะแสมสารบอกเลยว่าไม่ต้องกังวล เพราะบนเกาะมีร้านค้าร้านอาหารจำหน่าย แต่อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารตามสั่งแบบง่าย ๆ เท่านั้น ถ้าอยากจัดเต็มแนะนำให้มาโซนสัตหีบ เนื่องจากมีร้านอาหารและคาเฟ่วิวสวยให้เลือกมากมาย อย่างร้าน Bull Beach Club คาเฟ่ & Restaurant ร้านอาหารริมทะเลตกแต่งสไตล์โบฮีเมียนที่มีทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม,

Curve Beach Café
ที่มาของภาพ https://www.sanook.com/travel/1437031/

ร้าน Curve Beach Café คาเฟ่ยอดฮิตบนหาดนางรำที่มีทั้งเบเกอรีและเครื่องดื่ม, ร้าน House Of Benedict แลนด์มาร์คของสัตหีบที่ตกแต่งหลากหลายธีม สามารถเลือกเข้าไปถ่ายรูปได้ตามใจชอบ หรือร้าน DAM Pattaya คาเฟ่สวยตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล เลือกนั่งได้ทั้งโซนอินดอร์หรือโอเพ่นแอร์

จากข้อมูลจะเห็นว่า แสมสาร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพราะมีครบทั้งกิจกรรมดำน้ำ หาดทรายสวย น้ำใส และมุมถ่ายภาพสวย ๆ มากมาย แต่สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเกาะแสมสารอย่าลืมวางแผนการเดินทางให้ดีด้วยการจองที่พักล่วงหน้าหรือใช้บริการฝากกระเป๋าเดินทาง เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

ที่มาข้อมูล:

ตะลุยตลาดนัดจตุจักร 2024 สวรรค์นักช็อป สินค้าหลากหลาย ราคาโดนใจ

ตลาดนัดจตุจักร ตลาดนัดเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นตลาดนัดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากจึงปักหมุดให้ตลาดนัดจตุจักรหรือ jj market เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน

อย่างที่ทราบกันดีว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าคุณภาพดีราคาไม่แพง อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ งานศิลปะ งานแฮนด์เมด ของสะสม ของแต่งบ้าน ต้นไม้ อาหาร สัตว์เลี้ยง และอีกมากมาย รวมกว่า 8,000 แผงค้า จาก 27 โครงการ ทั้งขายปลีกและขายส่ง หากจะกล่าวว่าตลาดนัดจตุจักรคือสวรรค์ของนักชอปก็คงไม่เกินจริง

BTS สวนจตุจักร

การเดินทางมาตลาดนัดจตุจักรค่อนข้างสะดวก มีรถประจำทางผ่านหลายสาย พร้อมบริการลานจอดรถสำหรับผู้ที่นำรถส่วนตัวมาเองหรือจะเข้าไปจอดที่สวนสิริกิตติ์ก็ได้ ง่ายกว่านั้นคือนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีหมอชิต หากใช้รถไฟฟ้าใต้ดินสามารถเลือกลงได้ทั้งสถานีจตุจักรและสถานีกำแพงเพชร สำหรับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติก็ไม่ยากที่จะเดินทางมายังแลนมาร์กสำคัญแห่งนี้

ถ้าอยู่ที่สนามบินดอนเมืองให้ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย A1 หรือ A2 จากสนามบินดอนเมืองมาลงที่ BTS จตุจักร หรือจะนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสนามบินดอนเมืองมาลงที่สถานีจตุจักรก็ได้ หากลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วต้องการมาตลาดนัดจตุจักรให้นั่ง Airport Rail Link มาลงที่สถานีพญาไท จากนั้นขึ้น BTS มาลงที่สถานีหมอชิต / สวนจตุจักร

ตลาดนัดจตุจักร

แม้จะเป็นตลาดขนาดใหญ่แต่ที่นี่มีการจัดระเบียบค่อนข้างดี เช่น มีเส้นทางเดินหลักเพียงทางเดียวรอบตลาด รวมทั้งการจัดแบ่งหมวดหมู่ร้านค้าเป็นโครงการต่าง ๆ ทำให้เดินง่ายและสะดวกในการเลือกชมสินค้า โดยเสื้อผ้า&เครื่องประดับเป็นกลุ่มสินค้าที่มีให้เลือกมากที่สุด เชื่อได้เลยว่าสาว ๆ จะหมดเวลาไปกว่าค่อนวันกับการชอปแฟชั่นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีอาหารหลากหลายประเภทให้เลือกชิมและซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย 

แนะนำร้านสินค้าแฮนเมด หัตถกรรม และตกแต่งบ้านงานทำสวน

สำหรับคนที่สนใจ Handcraft หรืองานสินค้าหัตถกรรม แวะมาชมสินค้าสวย ๆ ได้ที่ร้านถุงเงิน, ร้านคชาธาร, ร้าน PATDA, Nakorn Shop, ร้านป้าหวาย, บ้านหม้อแมงโก้วู๊ด, ร้านตาลโตนด และร้านดาวบางไทร 

ของตกแต่งบ้านก็มีให้เลือกเยอะทั้งงานเซรามิก ของสะสม โคมไฟ งานเฟอร์นิเจอร์ และอีกมากมาย เช่น ร้านสุธี โฮมเดคคอร์, ร้านไอซ์เซรามิค, Sermsiri Shop, ร้านเมืองไม้, 2triplelegs Shop, Pomy macramé และ Siam Coconut 

สายรักธรรมชาติชอบงานทำสวนอย่าพลาดที่จะชอปต้นไม้และของแต่งสวนจากร้าน Sathirada garden, ร้านพิชาดา พันธุ์ไม้, สวนมะม่วงลุงเล็ก และร้าน PK FlowerPot  

ที่ฝากกระเป๋า จตุจักร มิกซ์จตุจักร

เดินชอปเพลิน ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีขาก็เริ่มเมื่อยของก็เริ่มหนัก นำสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางมาฝากไว้ก่อนได้เลยที่ AIRPORTELs จะได้ไม่ต้องถือให้เหนื่อย รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพร้อมกับกระเป๋าใบโต อย่าลืมนำกระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ก่อนจะได้เดินชอปแบบไม่ต้องกังวลใจ

จุดบริการ AIRPORTELs : ตึกมิกซ์ จตุจักร ชั้น 2 โซน บี

เปิดทุกวัน : จันทร์ – พฤหัสบดี 10:00 – 20:00 น. และ ศุกร์ – อาทิตย์ 10:00 – 21:00 น.

ตลาดนัดจตุจักรเปิดให้บริการทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ก็จริงอยู่ ทว่าแต่ละวันเวลาเปิดปิดจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนไปชอปควรเช็กเวลาให้ดีก่อน 

วันพุธ พฤหัสบดี เปิดเวลา 07.00 – 18.00 น.

วันศุกร์ เปิดเวลา 18.00 – 00.00 น. 

วันเสาร์ อาทิตย์ เปิดเวลา 09.00 – 18.00 น.

วันนี้ตลาดนัดจตุจักรหรือ jj market ก็ยังคงเป็นตลาดนัดอันดับหนึ่งที่ดึงดูดทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 200,000 คน ให้เข้ามาเดินชมเดินชอปทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วคุณล่ะมาตลาดนัดจตุจักรครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

ที่มาข้อมูล: