21 คาเฟ่ดอนเมือง ใกล้สนามบิน นั่งชิลรอเช็กอินไม่ตกเครื่องแน่นอน

สำหรับใครกำลังมีแพลนขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง และต้องเผื่อเวลาล่วงหน้ามาสนามบิน แล้วรู้สึกเบื่อที่ต้องไปนั่งคอยเหงาๆ ที่สนามบิน สามารถเลือกคาเฟ่ดอนเมือง เพื่อแวะถ่ายรูปพร้อมหาที่นั่งชิลๆ หรือจะแวะหาของกินดอนเมืองก่อน แล้วค่อยกลับไปสนามบินก็ยังได้ วันนี้ AIRPORTELs ได้รวบรวม 20 คาเฟ่ดอนเมือง ให้ทุกคนได้เลือกแวะจิบกาแฟ ถ่ายรูป และทานอาหารกันได้ตามอัธยาศัย

Makvid cafe & bistro

1. Makvid cafe & bistro

เริ่มกันที่ ‘Makvid cafe & bristo’ คาเฟ่ดอนเมืองสุดชิกที่เรียกว่ามีลูกเล่นไม่ธรรมดา ตอนกลางวันเป็นคาเฟ่ ส่วนกลางคืนผันตัวเป็นบาร์ได้ด้วย ภายในร้านตกแต่งด้วยตัวอาคารแบบเรือนกระจก ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศใกล้ชิดกับธรรมชาติ พร้อมถ่ายรูป ทานอาหาร เครื่องดื่ม หรือชิมเบเกอรีโฮมเมดได้ตลอดทั้งวัน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 435 ซอย 2 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20  นาที
  • พิกัด : Makvid cafe & bistro
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพุธถึงจันทร์ (หยุดทุกวันอังคาร) 11.00-21.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 089-662-6681

2. Foresta cafe

ห้ามพลาดกับ ‘Foresta cafe’ คาเฟ่ดอนเมืองที่เป็นทั้งคาเฟ่ และร้านอาหารภายในตัว ตกแต่งแบบเน้นธรรมชาติ และป่าเขาตามชื่อ Foresta cafe ให้คุณได้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ทานอาหารอร่อยๆ กับครอบครัว ขอแนะนำเมนูขึ้นชื่ออย่าง ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ปลากระพงทอดน้ำปลา ส้มตำ บิงซู ชีสเค้ก ฯลฯ พร้อมสัมผัสร่มเงาธรรมชาติ ฟังเสียงน้ำตกและชมความสวยงามฝูงปลาคาร์ฟหลากสี เรียกได้ว่าได้ทั้งทานอาหารอร่อยริมธรรมชาติ และยังได้แวะถ่ายรูปตามมุมยอดนิยมของทางร้านอีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 6 ซอย เดชะตุงคะ 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20  นาที
  • พิกัด : Foresta cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00-23.00 น. และพิเศษในวันศุกร์, เสาร์ เปิดถึง 00.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 088-254-4444
Butter UP Cafe

3. Butter UP Cafe

คาเฟ่ดอนเมืองที่เหมาะสำหรับสายของหวาน ต้องแวะมาที่นี่เลย ‘Butter UP Cafe’ คาเฟ่ที่โดดเด่นเรื่องนมและขนมปัง ตัวร้านถูกเปลี่ยนจากบ้านเก่าๆ เป็นคาเฟ่น่ารัก สไตล์อบอุ่นโทนสีขาว-น้ำตาล หากมาที่นี่ต้องลองทานเมนูหลักอย่าง Rich Cocoa โกโก้เข้มข้นที่คุณสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามใจ 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 59, 318 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 14 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • พิกัด : Butter UP Cafe
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 099-222-6144

4. Malinny Cafe

 คาเฟ่ดอนเมืองที่ถือว่าใกล้สนามบินดอนเมืองแบบสุดๆ ต้องมาที่ ‘Malinny Cafe’ เพราะที่นี่มีทั้งอาหาร และของหวานให้ทุกคนได้เลือกทานได้ตามสะดวก แนะนำให้ลองชิมเมนูขึ้นชื่อของทางร้านอย่าง ข้าวกะเพราไข่ข้น พร้อมตามด้วยเครื่องดื่มหวานๆ สีสดใสอย่าง นมเย็น 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 12 ซ. ช่างอากาศอุทิศ 5 แยก 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : Malinny Cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 086-383-2580
ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe

5. ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe

คาเฟ่แนวอบอุ่น น่ารักๆ ที่เนรมิตมาจากบ้านพักอาศัยให้กลายเป็นคาเฟ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เรียกว่าเป็นความธรรมดาที่แสนจะลงตัว ต้องแวะมาที่ลองที่ ‘ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe’ พร้อมทานเมนูขายดีประจำร้านอย่าง ขนมปังปิ้งสังขยาทูโทน ที่เสิร์ฟสังขยาทั้งสองสี สีน้ำตาลส้มและสีเขียว ให้คุณได้เลือกจิ้มทานกับขนมปังนึ่งหอมกรุ่น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 34 ซอยประชาอุทิศ 5 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : บ้าน 34 Home Cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันศุกร์-พุธ (หยุดทุกวันพฤหัสบดี) เวลา 07.30-18.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 095-657-4689

6. Manna craft fe’

สำหรับใครที่อยากทานกาแฟแล้วรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน ต้องห้ามพลาด! ‘แมนนาคราฟ แอนด์ คาเฟ่’ คาเฟ่ที่ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านด้วยโทนสีขาวสะอาด พร้อมประดับต้นไม้เขียวขจี ให้ความรู้สึกเบาสบาย พร้อมเลือกทานเครื่องดื่มสมูทที หรือเลือกทานกาแฟก็อร่อยทุกเมนู และสำหรับใครที่สายกาแฟเข้มๆ สามารถสั่งเพิ่มกาแฟได้อีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 36, 13 ซอยประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-20 นาที
  • พิกัด : Manna Craft fe’ แมนนาคราฟ แอนด์ คาเฟ่
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์-พุธ) เวลา 10.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 083-108-5999
โอชากาแฟ

7. โอชากาแฟ

อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นโทนคลาสสิก ได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ต้องแวะมาที่ ‘โอชากาแฟ’ คาเฟ่ดอนเมืองที่คงบรรยากาศภายในร้านแบบยุค 90s ให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต หากใครที่แต่งตัวแนววินเทจ แล้วอยากได้รูปสวยๆ กลับไป ขอบอกเลยว่าสามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมของร้าน เพราะมุมสวยๆ เยอะมาก อีกทั้งกาแฟก็รสชาติดี สามารถบอกระดับความหวานที่ต้องการได้อีกด้วย 

  • ที่อยู่ : ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : โอชากาแฟ | 噢 茶 咖 啡
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 08.00-16.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 098-552-3636

8. COK Cream of The Koff

คาเฟ่ที่มองเห็นโดดเด่นเป็นสง่าตั้งแต่หน้าร้าน เพราะร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวสว่าง ใครที่ชอบรูปขาวๆ คลีนๆ ต้องพลาดไม่ได้กับคาเฟ่ดอนเมืองชื่อดัง ‘COK Cream of the Koff’ คาเฟ่ที่จัดมาครบทั้งอาหารคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ขอแนะนำให้ลองทานเมนูติดดาวอย่าง เอสเพรสโซ่เย็น หวานน้อย เมนูแนะนำที่สายกาแฟจะรู้สึกหอมกลิ่นกาแฟ กลมกล่อมด้วยรสชาติ อย่าพลาดที่จะไปลองชิมด้วยตนเอง

  • ที่อยู่ : เลขที่ 50/042 ถนนเอกทักษิณ ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
  • ใกล้สนามบิน :  ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที
  • พิกัด : COK Cream of The Koff
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-00.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 084-141-8664
Long Dog Coffee and Bakery

9. Long Dog Coffee and Bakery

‘Long Dog Coffee and Bekery’ คาเฟ่ดอนเมืองน่ารัก สบายๆ ที่เป็นร้านเล็กๆ แต่ดูสงบ ตัวตึกทำจากปูนสีขาว พร้อมตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเงียบ อยากนั่งชิลๆ เพื่อผ่อนคลาย ขอแนะนำให้ลองทานขนมโฮมเมดที่เจ้าของร้านลงมือทำเอง หรือเลือกทานลาเต้เย็น เมนูเด็ดของทางร้านที่ให้รสชาติอร่อย กลมกล่อม พร้อมสูดกลิ่นกาแฟหอมๆ ระหว่างทาน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 52/454 หมู่บ้านเมืองเอก ถนนเอกทักษิณ 7 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • พิกัด : Long Dog Coffee and Bakery
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-วันพฤหัสบดี (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-17.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 083-303-1370

10. Koi Cafe DonMuang

คาเฟ่ดอนเมืองแนวเรียบๆ มินิมอล แต่ดูอบอุ่น เสิร์ฟพร้อมของหวานหลายชนิดให้คุณได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นโทสต์ วาฟเฟิล หรือชา กาแฟก็มีครบ ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบเป็นกันเอง เพราะเป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่เจ้าของร้านลงมาบริการด้วยตนเองเลยทีเดียว

  • ที่อยู่ : เลขที่ 22, 77 ซอยวิภาวดีรังสิต 35 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
  • พิกัด : Koi Cafe Don Mueang
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-20.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 061-659-2295
Sero Specialty Coffee

11. Sero Specialty Coffee

คาเฟ่ดอนเมืองลับๆ ที่หลายๆ คนยังไม่รู้จัก ‘Sero Speciality Coffee’ คาเฟ่คุมโทนสีเหลืองอ่อนตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีดำ พร้อมตัดแสงด้วยไฟโทนเหลืองส้ม ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูเท่  แต่ยังรู้สึกสบายตา พร้อมทานกาแฟที่ชงจากบาริสต้ามากประสบการณ์ ใครที่อยากชิมกาแฟแบบใหม่ๆ หรืออยากรู้เรื่องชนิดกาแฟ การเลือกเมล็ดกาแฟ ก็สามารถพูดคุยกับบาริสต้าได้เลย เพราะที่นี่เขารู้ลึก รู้จริง!

  • ที่อยู่ : เลขที่ 310 341 ซอยสรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : Sero Specialty Coffee
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-วันอังคาร (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 081-359-6149

12. Xten Cafe

‘Xten Cafe’ เป็นคาเฟ่ดอนเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณถนนสายไหม จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นคาเฟ่ที่รวมกาแฟหลายชนิดเอาไว้ ให้คุณได้เลือกทานกาแฟมากกว่า 10 ชนิด และสำหรับใครที่สนใจเมนูขายดีติดดาว ต้องลองชิม Dirty Espresso กาแฟเอสเปรสโซคั่วเข้มสูตรเฉพาะของทางร้านที่รับรองว่าโดนใจสายกาแฟแน่นอน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 390/1 โครงการวิลเลจสายไหม ห้อง A1 ถนนสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที
  • พิกัด : Xtencafeสายไหม
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 06.30-16.00 น. โดยในวันเสาร์-อาทิตย์จะเปิดเวลา 08.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 063-589-2561
The Leisurely House

13. The Leisurely House

เปลี่ยนบรรยากาศจากคาเฟ่ดอนเมืองชิกๆ เป็นคาเฟ่ดอนเมืองสไตล์บริติชแบบผู้ดีอังกฤษ ให้ความรู้สึกหรูหรา อลังการเหมือนอยู่ต่างประเทศ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์อังกฤษทั้งร้าน ให้คุณได้ถ่ายรูปแบบจัดเต็ม พร้อมทานเมนูชื่อดังของร้านอย่าง Signature Drink Cookie & Cream ให้คุณได้สัมผัสรสชาติหวานอร่อยที่บอกเลยว่าสายหวานจะต้องชอบแบบสุดๆ ทานคู่กับเค้กช็อกโกแลตลาวา หรือลองทานกับครัวซองต์ก็ยิ่งอร่อย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 109 ถนนประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที
  • พิกัด : The Leisurely House
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-553-0632

14. AS SOON AS POSSIBLE

ใครที่อยู่เขตสายไหมคงเคยสะดุดตากับคาเฟ่สุดเท่อย่าง ‘As soon as possible’ คาเฟ่ดอนเมืองสไตล์ลอฟท์ที่ตกแต่งแบบดิบๆ เน้นโทนสีดำ ภายในร้านเพิ่มความเป็นลอฟท์ด้วยการโชว์ผิวพื้นปูนเปลือยที่ปราศจากการตกแต่งใดๆ เรียกได้ว่าเป็นคาเฟ่สุดชิกที่ดีทั้งบรรยากาศ รสชาติของอาหาร และเครื่องดื่ม แนะนำให้ลองชิมเมนูสุดเก๋จากทางร้านอย่าง Es x Kiwi ที่นำน้ำกีวีมาผสมกับกาแฟเอสเปรสโซ ให้ความรู้สึกหอม หวานอมเปรี้ยว สดชื่นตั้งแต่ชิมครั้งแรก

  • ที่อยู่ : เลขที่ 147/17, อนุสาวรีย์, เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที
  • พิกัด : AS SOON AS POSSIBLE
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09.30-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 084-506-4565
A Hundred Kilo. - Brew & Bake

15. A Hundred Kilo. – Brew & Bake

คาเฟ่แนววินเทจที่เน้นตกแต่งด้วยสีน้ำตาลเป็นหลัก เป็นคาเฟ่ดอนเมืองขนาดเล็กแต่คุณภาพล้น เรียกได้ว่าเป็นร้านลับแต่รวมของดี ภายในร้านบรรยากาศอบอุ่น เครื่องดื่มก็อร่อย อีกทั้งเบเกอรีก็ยังรสชาติเยี่ยม ขอแนะนำให้ลองสั่งเค้กหน้าใดก็ได้มาลองชิมก็จะติดใจ เรียกได้ว่า คาเฟ่แห่งนี้ขนมอร่อยพิเศษใส่ไข่ไม่ธรรมดา และที่นี่ยังเป็นโรงเรียนสอนทำขนมอีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 5 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : A Hundred Kilo.—Brew&Bake
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-17.30น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-17.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-159-4651

16. eXcoffee

แค่ชื่อก็ไม่ธรรมดาแล้วอย่าง ‘eXcoffee’ คาเฟ่ดอนเมืองที่เน้นคอนเซปต์ ‘extraordinary coffee made my day :-)’ หรือสรุปง่ายๆ ว่าเป็นความแตกต่างที่แสนพิเศษ ให้ผู้ที่ได้แวะมาชิมเครื่องดื่มของทางร้าน รู้สึกประทับใจกับบริการ และรสชาติของเครื่องดื่ม จนทำให้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดีของคุณลูกค้าแน่นอน ขอบอกว่าเครื่องดื่มภายในร้านมีทั้งสูตรกาแฟ ไม่มีกาแฟ หรือใครที่ชอบสมูททีก็สามารถแวะมาลองชิมได้เช่นกัน  

  • ที่อยู่ : เลขที่ 222 5 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5.7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : eXcoffee ดอนเมือง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07.30-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 064-241-9559
20 Home cafe

17. 20 Home cafe

‘20 Home cafe’ ร้านคาเฟ่ดอนเมืองขนาดเล็กในซอยสรงประภา 28 เข้ามาไม่ลึกมากจะพบกับคาเฟ่น่ารักๆ แนวมินิมอลที่ตกแต่งด้วยผนังสีขาว ตัดด้วยประตูกระจกกรอบดำ ภายในจะมีโต๊ะเล็กๆ สีน้ำตาลตั้งอยู่ เรียกว่าคาเฟ่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องตกแต่งเยอะ หรือไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ดว้าง ก็สวยได้ แนะนำให้ลองสั่งเมนูเครื่องดื่มแบบปั่นของทางร้านอย่างโกโก้ภูเขาไฟ หรือจะชาแดงใส่นมก็ถือว่าอร่อยกลมกล่อมทั้งนั้น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 20 ซอยสรงประภา 28 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : 20 Home cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.00 น. ยกเว้นวันเสาร์-วันอาทิตย์ เปิดเวลา 09.00-16.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 081-813-4111

18. Damnlicious (Home Cafe)

คาเฟ่ดอนเมืองลับๆ ที่ตกแต่งแบบไม่ซ้ำใคร เน้นสีไม้ พร้อมตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ต่างประเทศ ขอแนะนำเครื่องดื่มชื่อดังของทางร้านอย่าง Sparkling Americano กาแฟอเมริกาโนสูตรพิเศษจากทางร้าน หรือลองทานเมนูยอดนิยมอย่างชาไทยที่ให้ความรู้สึกหอมหวาน กลมกล่อมไปกับชาเข้มข้นที่ตัดด้วยความมันของนม รับรองว่าถูกใจสาวกชากาแฟแน่นอน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 10 ซอย เทิดราชัน 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : Damnlicious (Home Cafe)
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 07.30-17.30 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)
  • เบอร์ติดต่อ : 065-695-9788

19. At ล้าน๑คอฟฟี่

สายกาแฟที่กำลังหาของกินดอนเมืองอร่อยๆ อยู่ต้องแวะมา ‘At ล้าน๑คอฟฟี่’ ซึ่งเป็นคาเฟ่เล็กๆ โทนสีขาวสะอาด ตกแต่งกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกสบายตา ที่คาเฟ่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟหอมมาก เพราะใช้กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ให้สายกาแฟได้แวะจิบกาแฟเข้มๆ พร้อมขนมหวานหลากหลายเมนูภายในร้าน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 349 ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : @ล้าน๑คอฟฟี่
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06.00-20.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-059-3182
นม ๖

20. นม ๖

ของกินดอนเมืองอร่อยๆ ที่สายหวานจะต้องรู้จักกับร้าน ‘นม ๖’  ร้านของหวานชื่อดังที่รวมเมนูของหวานไว้มากมาย ทั้งบิงซู โทสต์ ขนมปังปิ้งหน้าต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มปั่น พร้อมอาหารว่างอย่างเฟรนซ์ฟรายก็มีมาแล้ว เรียกได้ว่าร้านนี้มีทั้งพื้นที่กว้างขวาง เมนูหลากหลาย เป็นคาเฟ่ที่ยืนหนึ่งเรื่องของหวานย่านนี้เลย

  • ที่อยู่ : แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5.6 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : นม ๖ • ดอนเมือง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 13.00-21.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 02-086-8048

21. R KOO Cafe’

‘R KOO Cafe’ คาเฟ่ดอนเมืองบรรยากาศสบายๆ ที่เน้นโทนสีน้ำตาล เพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยการนำดอกไม้สวยๆ เข้ามาประดับภายในร้าน ขอบอกว่าคาเฟ่ดอนเมืองแห่งนี้ เป็นที่ที่รวมเมนูเครื่องดื่มไว้หลายแบบ ทั้งกาแฟ สมูทที ชา นม ฯลฯ มีให้เลือกทานตามต้องการ พร้อมของหวานเมนูเด็ดอย่างฮันนี่โทสต์ที่จะเติมความหวานให้กับทุกๆ คน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 570 สีกัน 306 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : RKOO COFFER & FLOWER
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 02-047-0304

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

เดินทางกลับมาจากทริป ต้องออกไปทำธุระทำงานต่อ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปมาให้เหนื่อย เพราะมีบริการรับฝากและขนส่งสัมภาระของ แอร์พอเทลล์ บริการรับฝากกระเป๋า จัดส่งกระเป๋าถึงโรงแรมหรือจะให้จัดส่งไปที่บ้าน หรือจะฝากกระเป๋าไว้ก่อน ก็สามารถไปรับกระเป๋าได้ตลอด 24 ชม. สะดวกสบายมากๆ สามารถออกไปทำธุระต่อไปได้แบบชิลๆ หรือจะไปรับตามจุดให้บริการต่างๆในกรุงเทพก็ได้เช่นกัน . 

  •  ฝากสัมภาระให้บริการทุกเค้าเตอร์ของแอร์พอเทลล์เริ่มต้นเพียง 20,40 บาท/ชั่วโมง (ใบเล็ก/ใบใหญ่) หรือ 100 บาท/วัน 
  • บริการขนส่งสัมภาระ ระหว่าง (สนามบิน – ห้าง – โรงแรม) เริ่มต้น 299บาท/ใบ (ไม่เกิน25KG) 
  • บริการขนส่งสัมภาระไปยังต่างจังหวัด เริ่มต้นที่ 349 บาท (น้ำหนักไม่เกิน 15KG)
  • พิกัด : สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

สรุป

ไม่ว่าคุณต้องเดินทางไป หรือกลับจากสนามบินดอนเมือง การเลือกแวะหาของกินดอนเมืองอร่อยๆ หรือแวะคาเฟ่ดอนเมือง ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้พักผ่อน คลายความเหนื่อยล้า ชมบรรยากาศสวยๆ จิบกาแฟแสนอร่อยจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายก่อนการเดินทางครั้งใหม่ ทั้งนี้ หากใครที่รอเวลาต่อเครื่อง หรือเพิ่งลงเครื่องเสร็จแล้วอยากแวะเที่ยวต่อเลย โดยไม่อยากแบกสัมภาระให้ลำบาก Airportels ขอแนะนำบริการฝากกระเป๋าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ให้คุณได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิน เที่ยว ชอป หรือหากใครที่ไม่สะดวกกลับมาที่สนามบิน สามารถเลือกใช้บริการส่งกระเป๋า กับทาง AIRPORTELs ที่เคาท์เตอร์บริเวณประตู 9 อาคารผู้โดยสาร 2 แล้วให้ไปส่งถึงโรงแรมได้เลย รับรองว่าปลอดภัย อีกทั้งยังอุ่นใจเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะทาง AIRPORTELs มีประกันการสูญหายอีกด้วย

17 ร้านอาหารยอดนิยมที่ MBK Center มีอะไรกิน อัปเดตล่าสุด 2023

MBK Center หรือ ศูนย์การค้ามาบุญครอง เป็นย่านการค้าที่มีขนาดใหญ่ในกรุงเทพ มา mbk ทีไรก็มักจะมี อะไร ใหม่ๆ มาให้ลองกิน เพราะร้านอาหาร mbk นั้นมีให้เลือกหลากหลาย โดยบทความนี้ได้รวบรวมร้านอาหารยอดนิยมให้เลือกกัน ว่าจะพาแฟน พาเพื่อนไปกินร้านไหนจนเลือกไม่ถูกว่ามา mbk แล้วจะกินอะไรดี แถมยังเดินตัวปลิวเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ได้สบายๆ เพราะตอนนี้ MBK มีบริการรับฝากกระเป๋าของ Airportels ที่สามารถฝากกระเป๋าได้ฟรี 2 ชั่วโมงเรียกได้ว่าจะกินจะชอป ก็เดินกันเพลินแบบตัวเบาหวิวไปเลยทีเดียว ว่าแต่ มีใครอยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ mbk มีอะไรให้กินบ้าง? ตามมาดูกันเลย

สุกี้ตี๋น้อย

1. สุกี้ตี๋น้อย

สุกี้ตี๋น้อย ร้านสุกี้สัญชาติไทยอร่อยไม่อั้น เที่ยงวันยันเช้า กินได้เพลินๆ เหมาะที่จะพาเพื่อนมาทานเพราะคิวยาวมาก แจกบัตรคิวกันตั้งแต่ 11 โมง ก็ยังมีคนมารอแล้ว ถ้าพาแฟนมารอแฟนคงนอยด์ แต่ถ้าพาเพื่อนมา คงมีเวลาเม้าท์มอยกันให้สนุก ก่อนมาเติมพลังด้วยสุกี้กันต่อ 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251 – 500 บาท
  • พิกัด : ชั้น 2 ของ MBK
  • เวลาเปิด-ปิด : 12.00-5.00
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/sukiteenoithailand/?locale=th_TH
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0634760217 

2. Senju Shabu&Sushi Premium Buffet

ร้านอาหารmbk ร้านต่อไปที่เราอยากชวนคุณไปชิมก็คือ Senju Shabu&Sushi Premium Buffet ร้านชาบูและซูชิแบบบุฟเฟต์สุดหรู มีที่นั่งมากถึง 41 – 80 ที่นั่ง เหมาะที่จะพาแฟนมากินข้าวสวยๆ เพราะแสงดีมาก ถ่ายรูปก็ดี อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายโดนใจ เพราะชาบูเองก็มีน้ำซุปให้เลือกมากถึง 4 แบบ ส่วนซูชิและอาหารญี่ปุ่นเองก็มีเมนูให้เลือกเยอะ ตอบโจทย์คนไทยหัวใจญี่ปุ่น 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 501 – 1,000 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 7 หน้า Bowling Zone 
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ – ศุกร์ 11:00 – 21:30

                   เสาร์         10:00 – 21:30

                   อาทิตย์ 10:00 – 21:00 

นักล่าหมูกระทะ

3. นักล่าหมูกระทะ

นักล่าหมูกระทะเป็นร้านหมูกระทะติดแอร์ อยู่ในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง รสชาติดี ราคาไม่แรง เป็นร้านอาหารที่เหมาะจะมาทานกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว เด็กๆ ก็สามารถทานได้ มีทั้งกุ้ง หมูหมัก หมูสามชั้น และน้ำจิ้มรสเด็ดเตรียมพร้อมไว้รอบริการ หมดปัญหามา mbk กินอะไรดี 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251 – 500 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 2 โซน D ติดกับร้านสุกี้ตี๋น้อย เจ้าของเดียวกันกับร้านซูชิชินคันเซ็น 
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 22:00 
  • เบอร์โทรติดต่อ :  095 586 2465

4. Ramenga

มาmbk มีอะไรกินเสมอ อย่าง Ramenga ราเมงอะ ラーメン ร้านราเมงสายบุญที่มักจะออกมาทำดีเพื่อสังคม เช่น แจกราเมงให้เด็กยากไร้ แจกราเมงฟรีให้คิดในช่วงโควิด 1,000 ชาม โดดเด่นด้วยน้ำซุปโชยุที่มีเอกลักษณ์ และไข่ต้มสูตรพิเศษ ที่ใครกินแล้วก็น่าคิดเหมือนกันว่าอร่อย ราคาไม่แรง อาหารเสิร์ฟเร็ว ไม่ต้องรอนาน จะมากินกับเพื่อนก็ได้ กินกับแฟนก็ดี ร้านอาหารแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ดูดี สบายตา 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้านต่ำกว่า 100 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 5 ถัดจาก Fotofile 
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์: 10:00 – 19:30

                         อังคาร – อาทิตย์: 10:00 – 20:30 

Oppa Daek

5. Oppa Daek

mbk มีอะไรกินหลายอย่าง แต่เราอยากแนะนำร้านอาหาร Oppa Daek มาเป็นพิเศษ เพราะเป็นร้านไก่ทอดเกาหลี สไตล์ครอบครัว ให้บริการอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนมีพี่ชายมาคอยทำอาหารให้ทาน นอกจากไก่ทอดเกาหลีแล้ว ยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ทั้งบาร์บีคิว ซุปกิมจิ ข้าวยำเกาหลี ต๊อกบกกิชีส คิมมาริ คิมบับ ข้าวผัดกิมจิ ออมุก ข้าวหน้ามันปู กุ้งดองสไลต์เกาหลี จาจังเมียนแบบผัดแห้งสูตรพิเศษ เหมาะที่จะมาสวีทกับแฟนเป็นที่สุด แต่ถ้าจะชวนเพื่อนมาแฮงค์เอาท์ก็สามารถมาได้เช่นกัน 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 2
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 22:30 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/oppadaek?locale=th_TH
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0971504565 

6. Nova Kitchen

Nova Kitchen ร้านอาหารไทยและอาหารจีนสไตล์สิงคโปร์ ร้านเล็กๆ รสชาติอร่อย หนึ่งในร้านอาหาร เก่าแก่ของ mbk  มีอาหารให้เลือกหลากหลาย คนจะเยอะมากในช่วงเทศกาลกินเจ เพราะร้าน Nova Kitchen มีอาหารมังสวิรัติขายด้วย เหมาะที่จะมาทานกับเพื่อนและครอบครัว กินด้วยกันได้ในทุกๆ เทศกาล

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 1 ข้างๆ Tops supermarket
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:30 – 20:00 
  • เบอร์โทรติดต่อ : 084 639 0033
ป้อน Ponn Café

7. ป้อน Ponn Café

Ponn Café ร้านอาหารไทยแนวใหม่ ที่มาในคอนเซปต์ว่า ฉันจะป้อนสิ่งดีๆ ให้กับคนที่ฉันรัก แน่นอนว่าพามาได้หมดทั้งเพื่อนฝูง ครอบครัว คนรัก แต่ถ้าพาแฟนมาก็จะมีโมเมนต์คิวท์ๆ เอาไว้เติมความหวานให้กินได้ อารมณ์กินไปมา ก็ป้อนกันบ้าง คนละคำสองคำ ตามคอนเซปต์ของร้าน แถมยังมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารนั้นล้วนแล้วมีแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น แบบใครกันจะไม่อยากพาแฟนมากินร้าน ป้อน Ponn Café แถมร้านยังตกแต่งแนวครอบครัวอบอุ่น ดูสะอาด เห็นแล้วอยากสร้างครอบครัว

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251-500 บาท
  • พิกัด : อยู่ชั้นล่างตรงกลางมาบุญครองเลย 
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 19:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/ponncafe?locale=th_TH
  • เบอร์โทรติดต่อ :  0645875628

8. ชาวเลซีฟู้ดส์

ชาวเลซีฟู้ดส์อาหารไทย อาหารมุสลิม/ฮาลาล อาหารทะเลสดๆ ส่งตรงจากท้องทะเลสุราษฎร์ธานี ร้านอาหารซีฟู้ดที่เหมาะจะมากินกันครั้งละหลายๆ คน เช่น พาครอบครัวมากินเวลารวมญาติ หรือชวนเพื่อนที่ทำงานมาพูดคุยประชุมงาน และเลี้ยงสังสรรค์กันที่นี่ อาหารซีฟู้ดสด สะอาด จากท้องทะเลใต้ของไทย เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ mbk ที่ใครก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด :  ชั้น 1 โซน B
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน: 10:00 – 21:00 
  • แฟนเพจ :  https://www.facebook.com/Chaolayhalal
  • เบอร์โทรติดต่อ :  098 880 9065
Shinkanzen sushi

9. Shinkanzen sushi

Shinkanzen sushi ร้านอาหาร mbk เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดกลางที่ใครก็ไม่ควรพลาด ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ มีอาหารให้เลือกทานทั้งแบบ A la carte และบุฟเฟต์มีราคา 329+ 549 + 879+ มีอาหารให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นซาซิมิแซลมอน ทูน่า ปลาหมึก ซูชิเนื้อวากิว แซลมอนสไปซี่ ซูชิปลาไหล อาหารทานเล่นมากมาย ข้าวหน้าเนื้อก็อร่อย กุ้งตัวโต หอยนางรม หนังปลาจิ้มซีฟู้ด เหมาะที่จะมาทานมื้อใหญ่ๆ ร่วมกับเพื่อนและครอบครัว

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 501 – 1,000 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 2
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10:00 – 22:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/shinkanzensushi
  • เบอร์โทรติดต่อ : 065-859-9865 

10. CoCo ICHIBANYA

รู้กันรึเปล่าว่า CoCo ICHIBANYA คือร้านแกงกะหรี่จากญี่ปุ่นสุดว้าว ที่มีออปชั่นให้เลือกมากมาย สามารถเลือกได้ว่าจะใส่ท็อปปิ้งอะไรบ้าง ที่สำคัญคือ เลือกความเผ็ดของแกงกะหรี่ได้ด้วยนะว่าจะเอาแบบเผ็ดมากน้อยแค่ไหน ใครๆ ก็กินได้ หรือถ้าอยากเพิ่มความนัว จะขอเพิ่มชีสออนท็อปไปอีกก็ทำได้เหมือนกัน ทำให้ข้าวแกงกะหรี่ของ CoCo ICHIBANYA มีความโดดเด่น มากี่ทีก็มีให้เลือกกินแบบไม่รู้จักเบื่อ แถมยังให้ปริมาณที่เยอะมากๆ ชนิดว่ากินคนเดียวมีจุกแน่ๆ อีกด้วย ร้านตกแต่งแนวญี่ปุ่น ใสๆ ดูสะอาด สบายตา เหมาะที่จะไปทานอาหารร่วมกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว แต่ก็เป็นอีกร้าน ที่ชวนแฟนไปกินข้าวด้วยกันได้ ร้านนี้เสียงไม่ดัง มีบรรยากาศที่อบอุ่น แฟนใครเป็นคนใสๆ น่าจะหลงรัก CoCo ICHIBANYA 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251 – 500 บาท  
  • พิกัด : ชั้น 7
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10:00 – 21:00
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/cocoichibanyathailand
  • เบอร์โทรติดต่อ : 085-884-5496 
ฮองมิน ภัตตาคารจีน - Hongmin

11. ฮองมิน ภัตตาคารจีน – Hongmin

ฮองมิน ภัตตาคารจีน – Hongmin ร้านอาหาร mbk ที่มีอาหารจีนให้ทานได้ไม่อั้นในราคาหลักร้อย ชวนเพื่อน แฟน และครอบครัวมากินด้วยกันได้หมด

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน  501 – 1,000 บาท
  • พิกัด :  ชั้น 2 โซน A ห้อง A00500
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ 10:00 – 22:00

                 อังคาร 10:00 – 20:00

                 พุธ – อาทิตย์ 10:00 – 22:00 

12. Santa Fe’ Steak

ร้านอาหาร mbk ร้านถัดไปเป็นร้าน Santa Fe’ Steak ร้านสเต๊กจานด่วนสุดประหยัด เหมาะที่จะมาทานกับเพื่อนและครอบครัวก็ได้ ร้านอาหารตกแต่งแนวโมเดิร์นแบบง่ายๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด :  ชั้นที่ 5 ห้องเลขที่ เอฟ05 เอ003000
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10:00 – 21:00
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/santafesteak.th
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0922258716 
Sultana Indian Cuisine MBK

13. Sultana Indian Cuisine MBK

Sultana Indian Cuisine เป็นร้านอาหาร ร้านขายอาหารอินเดียใน food court ของ mbk มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพง รออาหารประมาณ 15 นาที เพราะทางร้านทำให้ใหม่ทุกจาน 

  • ราคา : ต่ำกว่า 100 บาท 
  • พิกัด : Food court ชั้น 6
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 11:00 – 19:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100079898360502
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-084-8888 

14. Yayoi Japanese Restaurant

Yayoi Japanese Restaurant ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ครอบครัว มีเมนูอาหารแบบข้าวกล่องและราเมงให้เลือกหลากหลาย ในราคากลางๆ เหมาะที่จะมาทานกับเพื่อนหลังเลิกงานในวันสบายๆ 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท
  • พิกัด :  ชั้น 7
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน: 10:00 – 20:30 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/YayoiRestaurantThailand
  • เบอร์โทรติดต่อ : 083-099-6807 
Cinecafe.th

15. Cinecafe.th

Cinecafe.th เป็นร้านกาแฟของทาง​ SF cinema ตกแต่ง​สไตล์​โมเดิร์นสีสันสดใส​ มีเครื่องดื่ม​ทั้งกาแฟและไม่ใช่กาแฟ ถ้าซื้อตั๋ว​หนัง VIP สามารถรับข้าวโพดคั่วหรือเครื่องดื่ม 1 แก้ว บอกแล้วว่ามา mbk ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มี อะไร กิน 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท
  • พิกัด : ชั้น 7 หน้าโรง VIP 
  • เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 18.00น. 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/Cinecafe.th
  • เบอร์โทรติดต่อ : –

16. Maidreamin

มา mbkมีอะไรให้กิน แน่นอน อย่างร้าน Maidreamin ร้านอาหารสไตล์ลูกคุณหนู เหมาะที่จะชวนแฟนแต่งตัวสวยๆ มาถ่ายรูปมากที่สุด หรือจะให้เด็กๆ แต่งคอสเพลย์มาเล่นที่ร้านก็เหมาะสุดๆ เลยล่ะ

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 7 ติดกับร้าน KFC
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 14:00 – 19:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/MaidreaminThailand/
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-003-1616 
ขนมเบื้องหวานคำ ร้านกันเอง

17. ขนมเบื้องหวานคำ ร้านกันเอง 

อีกหนึ่งร้านอาหาร mbk ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ร้านขนมเบื้องหวานคำ ร้านกันเอง ร้านขนมเบื้องเก่าแก่แป้งบางกรอบ หอม อร่อย ทางร้านผสมแป้งเอง ไม่ได้ใช้แป้งสำเร็จรูป ร้านเปิดมานานมากๆ เด็กนักเรียนใครแวะมาสยามก็ต้องแวะร้านนี้

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน ต่ำกว่า 100 บาท
  • พิกัด : ชั้น 4 โซน B อยู่ใกล้บันไดเลื่อนขึ้นลง 
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 11:00 – 19:30
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100064028914217
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0626368787 

สรุป

MBK มีทั้งอาหารคาว หวาน ทุกประเภท ทุกเชื้อชาติ มีครบที่นี่ หากนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร ลองอ่านบทความและส่งให้เพื่อหรือแฟนตัดสินใจ รับรองได้ว่ามา mbk แล้วมีอะไรกิน หมดปัญหา “กินอะไรดี” แน่นอน ร้านอาหาร mbk มีให้เลือกเยอะขนาดนี้ ต้องมีสักร้านที่โดนใจล่ะน่า และหากใครที่เดินทาง พึ่งลงเครื่อง ไม่อยากแวะเข้าที่พักเพื่อนำสัมภาระไปเก็บ และจึงค่อยออกมาหาอาหารกินที่ร้านอาหาร mbk  

แนะนำ Airportels ที่มีบริการรับส่งกระเป๋าจากสนามบิน-ถึงที่พัก ตัดความกังวล ไม่ต้องขับรถวนไปมา เหมาะมากหากไปเป็นแก๊งใหญ่ๆ ลดความวุ่นวายไปได้เยอะ ที่สำคัญตอนนี้มีบริการฝากฟรี 2 ชั่วโมง หรือเหมาทั้งวัน 100 บาท/ใบ เท่านั้น

Airportels-MBK

ที่สำคัญคือใช้งานง่าย จองผ่านเว็บไซต์ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังประหยัดเวลา และเงิน ไม่ต้องกังวลว่าจะบินกี่โมงเพราะเราเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ประหยัดเวลาและค่าเดินทางกว่าฝากของ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ส่งสัมภาระกระเป๋าภายใน 6 ชั่วโมง หรือแบบด่วนภายใน 3 ชั่วโมง ไม่ต้องแบกกระเป๋าหนักๆ ไปด้วย

ปลอดภัยไว้ใจได้ ประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกรวดเร็วขนาดนี้ ต้องลองใช้บริการ Airportels ดูแลแล้วล่ะหมายเหตุ ข้อมูลร้านอาหารอัปเดต ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ในอนาคตอาจมีร้านอาหารอร่อยๆมาเปิดใหม่ใน mbk เพิ่มเติมมากกว่านี้ก็ได้นะ

คัดมาแล้ว! 10 คาเฟ่แถวอโศก ร้านสวยๆ คูลๆ สายคอนเทนต์ห้ามพลาด

อโศกนับว่าเป็นย่านสุดฮอตที่เป็นแหล่งทำงานรวมถึงแหล่งสถานที่เที่ยวต่างๆ และที่โดดเด่นที่สุดคือ คาเฟ่ที่อโศก ที่ต้องบอกว่าแต่ละร้านมีการตกแต่งตามสไตล์ของตัวเอง และในส่วนของอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบเต็มรูปแบบ 

YEST WORKS

1. YEST WORKS

YEST WORKS เป็นร้านคาเฟ่ขนาดเล็ก เมื่อเข้ามาภายในร้านก็จะเห็นได้ว่าตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากร้านคาเฟ่ตรงชั้นวางกาแฟ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเชยชมเมล็ดกาแฟจากทางร้านได้ สำหรับร้านนี้เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกาแฟเป็นอย่างมาก

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านก็คือ “Find your best coffee” หรือก็คือทุกคนสามารถตามหากาแฟที่ดีที่สุดกับตัวเองได้ เพราะร้านกาแฟเหล่านี้เน้นคัดเลือกกาแฟมาจากหลายๆ แหล่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมกาแฟที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ 

เมนูซิกเนเจอร์

เมนูที่ทางร้านอยากจะแนะนำก็คือ “กาแฟดริป” ที่เน้นในเรื่องของความพิถีพิถันในการชง และจะขับคุณภาพของกาแฟได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเมล็ดกาแฟ ส่วนผสม การคั่ว และวิธีชง ทำให้กาแฟมีรสชาติที่แตกต่าง โดยเมนูเด่นๆ คือ Acaba , Dot mork และ Latte 

  • ที่ตั้งร้าน: 732 ถ. สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/Fs2oPD215BWtY1BfA
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 17:00 น.
Artis Coffee Bangkok

2. Artis Coffee Bangkok

Artis Coffee Bangkok เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยทางร้านเน้นการตกแต่งด้วยการใช้สีดำ สีขาว ไม้สีอ่อน เมื่อมารวมกันแล้วได้กลิ่นอายร้านกาแฟที่ทันสมัย เหมาะสำหรับการนั่งทำงานยาวๆ

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะเน้นในเรื่องบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญในการชงกาแฟ และกาแฟมีความสดใหม่ ที่พร้อมรังสรรค์กาแฟแต่ละเมนู คั่วและชง ได้รสชาติตามที่ลูกค้าต้องการ 

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูที่โดดเด่นทางร้านไม่ได้มีการบอกที่แน่ชัด แต่สิ่งที่แตกต่างจากร้านคาเฟ่ที่อื่นได้อย่างชัดเจนนั้นก็คือ การคั่วสดๆ ในระดับที่พอเหมาะจึงทำให้รสชาติของกาแฟนั้นดีเยี่ยม โดยคนที่ชอบมักจะสั่ง Dirty Coffe, Latte, แซนด์วิช, และของหวาน

  • ที่ตั้งร้าน: 390, 20 ซอย สุขุมวิท 18 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/KPnn2sFFfNTH5HkH8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 20:00 น.
28ml. Specialty Coffee & Tea Bar

3. 28ml Specialty Coffee & Tea Bar

28ml. Specialty Coffee & Tea Bar ถือว่าเป็นคาเฟ่ย่านอโศกยอดนิยม ไม่แพ้ร้านอื่น ๆ โดยคาเฟ่ของร้านนี้จะเน้นตกแต่งแนวสีส้ม ขาว น้ำตาล ที่จะใช้กระเบื้องเป็นการตกแต่งภายในร้าน

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านนับว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ เพราะมาจากชื่อร้าน “28ml” หรือก็คือสิ่งที่ตวงส่วนผสมของทางร้าน ให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ และสามารถมั่นใจว่ามากินทุกครั้งอร่อยเหมือนเดิมทุกครั้ง

เมนูซิกเนเจอร์

เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ “Dirty Coffee” ที่เน้นการสกัดกาแฟ 2AM ทำให้รสชาติของกาแฟมีความกลมกล่อม นุ่มละมุน ไม่ขม ไม่เข้มข้นจนเกินไป

  • ที่ตั้งร้าน: ที่อยู่ 155 10 ถนน อโศกมนตรี แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/Ffnb8Hiix4cxxnpPA
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: จันทร์ – อังคาร 07:00 – 15:00  น.

                             พุธ                   09:00 – 15:00  น.

                             พฤหัสบดี – ศุกร์ 07:00 – 15:00  น.

                             เสาร์                   08:00 – 15:30  น.

Size S Coffee & Bakery

4. Size S Coffee & Bakery

Size S Coffee & Bakery เป็นร้านที่มีขนาดเล็กตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอลมาในโทนสีขาวและเทา เน้นตกแต่งน้อยเพื่อให้เห็นพื้นที่กว้างๆ และสะอาดตา

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้าน จะเป็นไปตามชื่อร้านเลย Size S ซึ่งไซซ์ที่ว่านี้จะหมายถึงเมนูเบเกอรี่ที่จะทำออกมาชิ้นเล็กๆ  เพื่อที่ทุกคนจะสามารถเลือกทานเมนูได้หลากหลาย ทำให้เพลิดเพลินกับการกินมากยิ่งขึ้น

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นเมนู Coconut Cake ที่ทางร้านเน้นใส่ใจในเรื่องของรสชาติ มีความนุ่มละมุนลิ้นสุดๆ ในส่วนของกาแฟภายในร้านก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะทางร้านมีโรงคั่วกาแฟเป็นของตัวเอง จึงสามารถทำกาแฟที่หลากหลายรสชาติได้

  • ที่ตั้งร้าน: 5, 25 ซอย งามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/8mSHoMkB8dY2oDAs8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดจันทร์ – เสาร์ 7:30–17:00 น.
Cosmos Cafe Bangkok

5. Cosmos Cafe Bangkok

สำหรับ Cosmos Cafe Bangkok จะเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ เปิดกระจกโล่งเห็นภายในร้านชัดเจน โดยร้านจะมีนั่งแบบ in door และ out door ที่ชั้นสอง โดยทางร้านจะเน้นยกเพดานสูง ตกแต่งแบบคลีนๆ ทำให้เวลามานั่งชิลที่นี่แล้วรู้สึกโล่ง

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านคือประโยคที่ว่า “COFFEE IS UNIVERSAL” หรือก็คือ การสื่อสารด้วยกาแฟ ไม่จำเป็นต้องพูดจาอะไรกันมากมาย แต่ก็สามารถเข้าใจผ่านรสชาติกาแฟที่ได้สัมผัส

เมนูซิกเนเจอร์

Samui Iced Coffee เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ นอกจากจะใช้กาแฟในการชงแล้วยังมีการใส่น้ำมะพร้าวและน้ำอัญชันสร้างรสชาติที่แปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี

  • ที่ตั้งร้าน: 36/1, ซอยสุขุมวิท 23, ถนนสุขุมวิท, คลองเตย, วัฒนา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/i8sZbT3qv6cv4atg7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน 07:30 – 17:30 น.
Chu Chocolate Bar & Cafe

6. Chu Chocolate Bar & Cafe

คาเฟ่แถวอโศก อีกหนึ่งร้านที่น่าค้นหาและลองแวะไปเยือนคือ Chu Chocolate Bar & Cafe ที่เน้นนั่งสบาย เมื่อเข้ามาในร้านจะให้ความรู้สึกอบอุ่น เพราะทางคาเฟ่เลือกใช้วัสดุของไม้ และเพิ่มความมีสีสันโดยการนำสีน้ำเงินมาตัด

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ทางร้านจะเน้นในเรื่อง “อาหารมื้อสาย” ที่ถือว่าเป็นเมนูทานง่ายๆ เบาๆ ไม่หนักเกินไป ซึ่งสามารถทานได้ทุกเวลา เหมาะกับการนั่งกินยาวๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบไปไหน

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูเด็ดของทางร้านจะเน้นในเรื่องของอาหารมื้อสาย หรือไม่ก็ของหวานมากกว่า ซึ่งจะมีการหมุนเวียนขายเฉพาะในแต่ละช่วง ในส่วนของกาแฟก็จะเป็น American Marshmallow ที่จะเป็นการนำดาร์กช็อกโกแลตมาผสมกับมาสเมลโล่ที่ให้สัมผัสแปลกใหม่

  • ที่ตั้งร้าน: 18/1 ซ. สุขุมวิท 31 เเขวง คลองตันเหนือ, เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/ouhaUKgXhiiUWrVR9
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 22:00 น.
Bake Brothers

7. Bake Brothers

สำหรับร้านกาแฟ Bake Brothers จะเป็นร้านที่อยู่ใน Terminal21 โดยตัวร้านเน้นโทนตกแต่งเทาๆ ชิลๆ  เหมาะสำหรับคนที่เดินห้างแล้วเหนื่อยอยากแวะมานั่งพัก แล้วไปชอปต่อเพลินๆ แบบหนำใจหากมีของชอปเยอะไม่ต้องกังวล เพราะสามารถฝากได้ที่ได้ Airportels เลย

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

ความอร่อยพร้อมเสิร์ฟทั้งเมนูเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่ได้ฟีลแบบพี่ชาย คุยง่าย นั่งชิล สบายๆ กับเมนูที่ใส่ใจเหมือนมีพี่ชายมาดูแล

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูทางร้าน จะชูเรื่องของเบเกอรี่รวมทั้งขนมต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย ในส่วนของกาแฟจะมีการแนะนำ กาแฟเบรค บราเธอร์ส ที่นับว่าเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านถ้าอยากรู้ว่าเป็นกาแฟอะไรต้องไปลอง

  • ที่ตั้งร้าน: 88 ซอย วัฒนา แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กทม.
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/B8LaXpYSdQAgGKbV9
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: วันจันทร์ – วันเสาร์ 10.00 – 22.00 น. , วันอาทิตย์ 10.00 – 20.00 น.
Hario Cafe Bangkok 

8. Hario Cafe Bangkok 

Hario Cafe Bangkok เป็นร้านคาเฟ่ที่มีขนาดใหญ่เน้นการตกแต่งแบบมินิมอลโดยใช้สีขาวเป็นส่วนใหญ่ และสร้างร้านให้ดูกว้าง สูง มีการเล่นมิติด้วยการตกแต่งโค้งเว้าทำให้ดูไม่อึดอัด

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะมาสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นมินิมอล ใส่ใจละเอียดทุกกระบวนการ โดยเฉพาะบาริสต้าที่ต้องใช้มือโปรและมีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟชนิดต่างๆ เป็นอย่างมาก

เมนูซิกเนเจอร์

Syphon Slow Drip ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของคาเฟ่ เพราะสามารถเลือกวิธีชงกาแฟได้ และสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้เองอีกด้วย 

  • ที่ตั้งร้าน: 29 ซ. สุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/FKaBMiz2B987mJyV7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 06.30 – 20.30 น.
SANT DE' NHUAD

9. SANT DE’ NHUAD

สำหรับร้าน SANT DE’ NHUAD จัดว่าเป็นคาเฟ่แถวอโศกที่มาในสไตล์ Factory จะเน้นตกแต่งด้วยโทนขาวหรือเลือกใช้วัสดุที่เป็นโทนสีเงิน เพื่อให้บรรยากาศดูเป็นโรงงาน แต่ว่ามีความทันสมัยและสะอาดเป็นอย่างมาก

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะเน้นฟีล Factory Homemade ที่จะให้เห็นบรรยากาศการทำครัวซองต์ ถือว่าเป็นจุดเด่นของแบรนด์ เพราะลูกค้าสามารถชมระหว่างการทำได้

เมนูซิกเนเจอร์

Plain Croissant นับว่าเป็นความอร่อยที่ท็อปฟอร์มที่สุดเพราะเป็นรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบนำเข้ามา ที่สามารถทำให้คุณได้สัมผัสถึงความเป็นครัวซองต์สไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ 

  • ที่ตั้งร้าน: BB Building, 54 ซอย สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/wcN4JQqe87MYw56F7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 15.00 น.
Fika & Co

10. Fika & Co 

สำหรับร้านคาเฟ่ย่านอโศก ที่สุดท้ายที่อยากจะแนะนำก็คือ  Fika & Co เป็นคาเฟ่ที่มาในสไตล์ลอฟท์ ทุกคนสามารถมานั่งชิล นั่งทำงาน หรือนั่งเพลินๆ กับการทานของอร่อยกันได้

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

ทางร้านจะเป็นการที่คนรักกาแฟมารวมตัวกัน เพื่อเปิดร้านกาแฟในคอนเซ็ปต์ “ช่วงเวลาดีๆ ที่จะทำให้คุณดื่มด่ำอาหารอร่อยๆ ได้เต็ม” 

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับทางร้านมีการคัดเลือกกาแฟชั้นดี ในการทำ  Matcha Espresso หรือก็คือ ช็อตเอสเพรสโซที่นำมาผสมผสานกับมัทฉะกลายเป็นความอร่อยที่แตกต่างอย่างลงตัว

  • ที่ตั้งร้าน: 1788 Singha Complex แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/yNTY8YJM4xs4FG5j8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 18.00 น.

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ใบ/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299บาท/ใบ ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

สาขาของแอร์พอเทลล์

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ 

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

MIXT Chatuchak ชั้น 2, โซนบี (เลขห้อง2055)

Terminal 21 Pattaya ชั้น1, โซนปารีส (ติดกับร้านอีฟแอนด์บอย)

สรุปสำหรับคาเฟ่แถวอโศก  ทั้ง 10 ที่ นับว่าเป็นร้านที่ผ่านการรีวิวมามากมาย ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของบรรยากาศ โดดเด่นเรื่องของหวานและเครื่องดื่ม ที่สำคัญแต่ละร้านยังมีซิกเนเจอร์และสไตล์เป็นของตัวเอง เพื่อที่ทุกคนสามารถมาเปิดบรรยายแปลกใหม่เหล่านี้ได้ รับประกันเลยว่าเหมาะกับการนั่งชิลๆ หรือจะทำงานเพลินๆ ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่งและไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

รวม 21 สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ ให้พร้อมไปแอ่วกันเจ้า

จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย จัดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อยากจะมีโอกาสไปเยือนสักครั้ง โดยปี 2564 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Travel and Leisure ให้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับที่ 9 ของโลก 

สถานที่เที่ยวเชียงใหม่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนจากความศิวิไลช์ตามสไตล์วิถีคนเมืองไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบเต็มรูปแบบ แค่ใช้เวลาเดินทางออกจากตัวเมืองเพียงไม่กี่อึดใจ สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่หรืออยากจะมาเยือน มาลองดูกันว่าสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ทั้งในเมืองและนอกเมืองนั้น มีที่ไหนที่น่าสนใจและห้ามพลาดบ้าง ทั้งหมดนี้เราได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว 

ประตูท่าแพ

1. ประตูท่าแพ

ประตูท่าแพถือเป็นที่เที่ยวเชียงใหม่ในตัวเมืองที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า สามารถเดินทางไปมาได้สะดวกเนื่องจากมีรถโดยสารสาธารณะผ่านตลอด กิจกรรมยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องทำคือการถ่ายรูปสวยๆ กับประตูอิฐที่เรียงตัวอย่างสวยงาม และไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปกับนกพิราบที่อยู่บริเวณนั้น หากได้จังหวะดีๆ อาจได้รูปสวยๆ ที่มีนกพิราบกำลังบินติดอยู่ในเฟรมด้วยก็ได้

  • ที่อยู่: ถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: ประตูท่าแพ  Tha Phae Gate 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: เปิดตลอดเวลา
คลองแม่ข่า

2. คลองแม่ข่า

คลองแม่ข่าถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม จากเดิมที่เป็นเพียงลำคลองเล็กๆ หลังจากได้รับการปรับปรุงทัศนียภาพและตกแต่งอย่างสวยงาม มีการเปิดร้านค้าและร้านอาหารของคนในชุมชนบริเวณเลียบลำคลอง จนทำให้บรรยากาศดูคล้ายกับประเทศญี่ปุ่น จึงกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินเล่น ถ่ายรูป โดยแนะนำให้มาในช่วงเย็นเพราะอากาศจะไม่ร้อนมาก สามารถเดินเล่น ถ่ายรูป หรือนั่งทานอาหารตามร้านต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินและสบายใจ

  • ที่อยู่: 9 ถนนศรีดอนไชย ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: คลองแม่ข่า Khlong Mae Kha 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 15:00 – 20:00 น. 
One Nimman วันนิมมาน

3. One Nimman วันนิมมาน

One Nimman หรือ วันนิมมาน เป็น Community Mall สุดชิค ซึ่งตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ชื่อดัง ด้วยโครงสร้างอาคารที่ออกแบบสไตล์ยุโรปผสานกลิ่นอายความเป็นล้านนาและการตกแต่งที่ทันสมัย จึงมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย นอกจากนั้นยังมีลานกว้างที่ใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีหรือผลงานศิลปะ เรียกได้ว่าสามารถเดินเล่น ชอปปิง ถ่ายรูป หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

  • ที่อยู่: เลขที่ 1 ซอย 1 ถนนนิมมานเหมินท์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: One Nimman วันนิมมาน One Nimman 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 22:00 น.
สวนสาธารณะหนองบวกหาด

4. สวนสาธารณะหนองบวกหาด

สวนสาธารณะหนองบวกหาด เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ที่อยู่ใจกลางเมือง ภายในสวนมีการจัดแต่งให้ทัศนียภาพดูสวยงาม มีต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ มีสระน้ำ น้ำพุ และสนามเด็กเล่น รวมทั้งพื้นที่สำหรับการออกกำลังกาย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการไปพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวในวันว่าง

  • ที่อยู่: ถนนอารักษ์ ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: สวนสาธารณะหนองบวกหาด Nong Buak Haad Public Park 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวันเวลา 05:00-21:00 น.
ตลาดวโรรส

5. ตลาดวโรรส

ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง ถือเป็นตลาดชื่อดังขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์รวมร้านขายเสื้อผ้า อาหาร ของฝาก และของที่ระลึกต่างๆ โดยเฉพาะอาหารพื้นเมือง เช่น ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผลไม้อบแห้ง นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาที่ตลาดนี้เพื่อเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึกและของฝาก เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้สินค้าทุกอย่าง ครบทุกความต้องการอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่:  ถนนวิชยานนท์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300
  • Google Map: ตลาดวโรรส Warorot Market (Kad Luang) 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 05:00 – 18:00 (ทุกวัน)
ถนนคนเดินวัวลาย

6. ถนนคนเดินวัวลาย

ถนนคนเดินวัวลาย เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ในยามค่ำคืน โดยตลาดนัดจะเปิดเฉพาะคืนวันเสาร์ ตั้งอยู่เส้นถนนวัวลาย ใกล้กับประตูเชียงใหม่ มีระยะทางเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ถนนคนเดินจะมีร้านค้าต่างๆ ให้ได้เลือกซื้ออย่างมากมายในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ของใช้ เสื้อผ้า ของฝากของที่ระลึก นอกจากนั้นยังมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองให้ได้ฟังกันเพลินๆ อีกด้วย

  • ที่อยู่: ถนนวัวลาย ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: ถนนคนเดินวัวลาย Wua Lai Walking Street 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 17:00 น.-23:00 น. เฉพาะวันเสาร์
สวนสัตว์เชียงใหม่

7. สวนสัตว์เชียงใหม่

สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่เอาใจคนรักสัตว์ ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่น มีส่วนแสดงสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ สามารถเดินชมความน่ารักและศึกษาธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ Chiangmai Zoo Aquarium ซึ่งเป็นอุโมงค์น้ำที่จัดแสดงสัตว์น้ำทั้งสายพันธุ์น้ำจืดและน้ำเค็ม หรือสามารถเข้าไปเล่นหิมะภายใต้อากาศติดลบแห่งเดียวในภาคเหนือที่ Snow Buddy Winter Land ที่กำลังจะกลายเป็นสถานที่เช็กอินใหม่ของเชียงใหม่

  • ที่อยู่: 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: สวนสัตว์เชียงใหม่ https://goo.gl/maps/Y3i7NSKP74RoMDNV9 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
อ่างแก้ว มช.

8. อ่างแก้ว มช.

อ่างแก้ว เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ด้วยบรรยากาศรอบอ่างน้ำที่โอมล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เรียงรายอย่างสวยงาม บวกกับดอยสุเทพที่เป็นฉากหลัง ตัดกับภาพท้องฟ้ากว้าง จึงทำให้อ่างแก้วกลายเป็นสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่นอกจากจะเป็นจุดพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือเอาไว้ชมบรรยากาศยามเย็นแล้ว ยังกลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพความสวยงามกันอีกด้วย

  • ที่อยู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: อ่างแก้ว มช. Angkaew Reservoir 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 06.00-22.00 น.
วัดพระธาตุดอยคำ

9. วัดพระธาตุดอยคำ

วัดพระธาตุดอยคำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ ที่เชื่อว่าเหล่าสายมูตัวจริงต้องรู้จักอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อทันใจ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการขอพร โดยมีความเชื่อว่าคนที่มาขอพรที่นี่มักจะสมหวัง จึงทำให้มีผู้คนมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อมทั้งขอพรเป็นจำนวนมาก สำหรับการขึ้นไปวัดพระธาตุดอยคำนั้น สามารถขับรถขึ้นไปเองได้

แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเขาจึงมีเส้นทางค่อนข้างลาดชัน

  • ที่อยู่: 108 ถนนเชียงใหม่-หางดง ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: วัดพระธาตุดอยคำ Wat Phra That Doi Kham 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น.
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

10. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์ฯ ถือเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ พระสิงห์ มาจากการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มาประดิษฐานที่นี่นั่นเอง ภายในวัดจะมีทั้งวิหารหลวง วิหารลายคำ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ มีการตกแต่งด้วยลายคำที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในล้านนา 

ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่หาชมได้ยากในประเทศไทย 

มีหอธรรมที่งดงามที่สุดในภาคเหนือ และพระเจดีย์ประธานประจำปีมะโรงตามคติของชาวล้านนา ซึ่งคนที่เกิดปีมะโรงก็มักจะเดินทางมาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ ที่มาใครมาแล้วก็จะรับบุญกลับไปกันอย่างถ้วนหน้า

  • ที่อยู่: 2 ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50280
  • Google Map: วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร Wat Phra Singh Woramahawihan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. – 17:00 น.
วัดศรีสุพรรณ

11. วัดศรีสุพรรณ

วัดศรีสุพรรณขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของอุโบสถที่ทำจากเงินหลังแรกของโลก มีการแกะสลักลวดลายจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของสล่าพื้นบ้านอย่างวิจิตรงดงาม และยังแสดงเอกลักษณ์ของชุมชนวัวลาย ซึ่งมีการทำหัตถกรรมเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัด 

นอกจากนั้นยังมีองค์พระพุทธรูป พระพิฆเนศ และท้าวเวสสุวรรณคู่ที่ทำมาจากเงินอยู่ภายในบริเวณวัดด้วย วัดศรีสุพรรณจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทั้งมาเพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมความสวยงามของอุโบสถเงิน

  • ที่อยู่: 100 ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • Google Map: วัดศรีสุพรรณ Wat Sri Suphan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. – 17:00 น.
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

12. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

วัดเจดีย์หลวง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่และมีความสำคัญมาก เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์หลวงที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ โดยคาดว่าเริ่มต้นสร้างสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา พระเจดีย์มีฐานเป็นสี่เหลี่ยม มีทางขึ้นสี่ด้าน มีรูปปั้นช้างล้อมรอบ วัดเจดีย์หลวงยังเป็นที่ประดิษฐานของเสาอินทขิล ซึ่งถือเป็นเสาหลักเมือง สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง โดยจะมีการจัดพิธีใส่ขันดอกเพื่อบูชาเสาอินทขิลเป็นประจำทุกปีด้วย

  • ที่อยู่: 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดเจดีย์หลวง Wat Chedi Luang 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
วัดพันเตา

13. วัดพันเตา

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของวัดพันเตา คือ พระวิหารหอคำหลวงที่ทำจากไม้สักทั้งหลังตามศิลปะแบบเชียงแสน มีซุ้มประตูที่เรียกว่า หน้าบันเป็นรูปนกยูงรำแพนหางแกะสลักอย่างสวยงาม นอกจากนี้วัดพันเตายังมีชื่อเสียงในเรื่องการจุดผางประทีป 

หากใครอยากมายังสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่แห่งนี้ แนะนำให้มาช่วงเทศกาลลอยกระทง เพราะในช่วงเทศกาลนี้ของทุกปี จะมีการจุดผางประทีปบนพื้นดินบริเวณลานต้นโพธิ์จำนวนมาก เมื่อเหล่าพระสงฆ์และสามเณรมารวมกันเพื่อนั่งสมาธิและบรรยายธรรมบริเวณนี้ ประกอบการการประดับโคมไฟโดยรอบ ทำให้ได้ภาพที่สวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

  • ที่อยู่: ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดพันเตา Wat Phantao 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. -17:00 น.
วัดหมื่นล้าน

14. วัดหมื่นล้าน

วัดหมื่นล้าน ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่ความโดดเด่นด้วยศิลปะแบบพม่า บริเวณวิหารมีหน้าบันที่ตกแต่งด้วยนกยูงรำแพนหางประดับกระจกสี มีหอไตรหรือหอธรรมซึ่งเป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่ดูสวยแปลกตา เหล่าสายมูทั้งหลายยังนิยมมาสถานที่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้ขอพรโดยเฉพาะทางด้านการเงิน เนื่องด้วยชื่อของวัดที่มีชื่อว่าหมื่นล้านซึ่งบ่งบอกถึงจำนวนเงินนั่นเอง

  • ที่อยู่: 14 ถนน ราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200
  • Google Map: วัดหมื่นล้าน Wat Muen Lan 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 น. -17:00 น.

15. บ้านข้างวัด

สายศิลปะ ชอบงานคราฟต์หรือของแฮนด์เมดต้องไม่พลาดที่นี่ บ้านข้างวัดเป็นโครงการที่ออกแบบร้านค้าแนวย้อนยุคให้ผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ร้านค้าส่วนใหญ่จึงเป็นแบบกึ่งไม้กึ่งปูน ให้อารมณ์เหมือนบ้านยุคเก่า บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ 

ภายในโครงการมีร้านค้า ของฝาก ของที่ระลึก ของแต่งบ้านดีไซน์น่ารัก เป็นเอกลักษณ์  ไม่ซ้ำใคร นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ ให้ได้เลือกนั่งชิล และยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ จึงสามารถเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเพลิดเพลิน

  • ที่อยู่: 191 ถนนบ้านร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: บ้านข้างวัด https://goo.gl/maps/N1DnbZsizxQYZAUV7 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 10:00-18:00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
บ้านม้งดอยปุย

16. บ้านม้งดอยปุย

บ้านม้งดอยปุย เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่อยู่เลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปไม่ไกล ภายในหมู่บ้านจะมีร้านขายของที่ระลึก เครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า ซึ่งเป็นสินค้างานฝีมือที่ชาวบ้านทำเองมาจำหน่าย จึงมีความสวยงามไม่ซ้ำแบบใคร 

เป็นสถานที่เที่ยวของเชียงใหม่ ที่ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าอย่างใกล้ชิด ได้เห็นชนเผ่าม้งแต่งชุดประจำเผ่าหลากสี ซึ่งหากใครต้องการใส่ชุดเผ่าม้งไว้ถ่ายรูปสวยๆ ก็มีร้านให้เช่าชุดได้ และด้วยหมู่บ้านขึ้นอยู่บนเขาสูงจึงมองเห็นวิวภูเขาชัดเจน อากาศเย็นสบาย มีลมพัดเย็​น ทำให้สามารถเดินเที่ยวเล่นเพลินจนลืมเวลาเลยทีเดียว

  • ที่อยู่: หมู่ที่ 11 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
  • Google Map: บ้านม้งดอยปุย Hmong Doi Pui Village 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
บ้านป่าบงเปียง

17. บ้านป่าบงเปียง

สำหรับใครที่เป็นสายท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ก็ยังมีบ้านป่าบงเปียงที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่แห่งหนึ่งที่ต้องลองมาพักผ่อนสักครั้ง โดยหากมาในช่วงฤดูฝน จะได้เห็นวิวนาขั้นบันไดเขียวขจีกว้างขวางสุดตา โอบล้อมด้วยภูเขาสูงที่เรียงตัวสลับซับซ้อน 

ถ้าโชคดีอาจจะได้เจอหมอกหนาในตอนเช้าด้วย จึงเหมาะมากกับการมาพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบ slow life ปล่อยใจไปกับความสวยงามของธรรมชาติ โดยจะเลือกพักแบบโฮมเตย์ของชาวบ้านหรือจะกางเต้นท์ก็มีพื้นที่ให้บริการเช่นกัน

  • ที่อยู่: บ้านป่าบงเปียง ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 50270
  • Google Map: บ้านป่าบงเปียง Ban Rabiang Na Pa Bong Piang 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 22:00 น.
บ้านแม่กำปอง

18. บ้านแม่กำปอง

บ้านแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าที่อุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกล เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาท่องเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่แห่งนี้แบบไปกลับ เพื่อเดินเล่นชมธรรมชาติรอบหมู่บ้านหรือถ่ายรูปที่คาเฟ่เก๋ๆ ริมน้ำ จิบกาแฟอันเป็นสินค้าเกษตรที่ปลูกและผลิตเองในหมู่บ้าน ชิมอาหารท้องถิ่น หรือหากต้องการพักค้างคืนก็สามารถเลือกพักตามโฮมเสตย์ของชาวบ้านในหมู่บ้านได้

  • ที่อยู่: หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยแก้ว กิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ 50130
  • Google Map: บ้านแม่กำปอง Mae Kampong Village 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 06:00 – 18:00 น.
สวนสนบ่อแก้ว

19. สวนสนบ่อแก้ว

สวนสนบ่อแก้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดฮิตอีกที่หนึ่ง อยู่ติดกับถนนสายหลักจึงหาได้ง่าย บริเวณสวนสนมีต้นสนสูงใหญ่จำนวนมาก ปลูกเป็นแนวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงาม จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ยิ่งทิวต้นสนตัดกับแสงแดดที่สาดส่องในช่วงเช้าหรือตอนเย็น จะยิ่งทำให้ได้ภาพที่แปลกตาแต่สวยงามมากๆ 

  • ที่อยู่: ถนนฮอด-แม่สะเรียง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 50240
  • Google Map: สวนสนบ่อแก้ว Bo Kaeo Pine Tree Garden 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น.
ดอยหลวงเชียงดาว

20. ดอยหลวงเชียงดาว

ดอยหลวงเชียงดาวเป็นสถานที่เที่ยวเชิงธรรมชาติแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ที่สำคัญมาก โดยจัดเป็นดอยที่มีความสูงเป็นอันดับที่สามของประเทศไทย เป็นเขตพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย จน UNESCO ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล 

ดังนั้นจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการผจญภัยอยากจะไปพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวพร้อมทั้งศึกษาธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ให้ได้สักครั้ง แต่หากใครไม่ใช่สายลุย ขึ้นเขาไม่ไหว  ก็สามารถเลือกพักตามโฮมสเตย์ที่สามารถเห็นวิวดอยหลวงได้อย่างชัดเจนได้เช่นกัน

  • ที่อยู่: ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ 50170
  • Google Map: ดอยหลวงเชียงดาว Chiang Dao 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
ดอยแม่โถ

21. ดอยแม่โถ

สายแคมปิงต้องไม่พลาดกับการตั้งแคมป์พร้อมชมวิว 360 องศา ที่ดอยแม่โถหรือที่เรียกกันว่าทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นสถานที่เที่ยวในเชียงใหม่ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนม่อนดอยสูงต่ำสลับกัน และเนื่องจากเป็นที่ราบโล่งจึงสามารถเห็นดาวบนท้องฟ้าในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน ข้อควรระวังสำหรับการตั้งแคมป์คือ ลมค่อนข้างแรงทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เนื่องจากเป็นที่โล่ง จึงควรเตรียมอุปกรณ์สำหรับการป้องกันลมให้พร้อม 

  • ที่อยู่: 109 ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 50240
  • Google Map: ดอยแม่โถ Savannah Grassland (Doi Mae Tho) 
  • วัน เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มีความโดดเด่นทั้งทางด้านภูมิประเทศ วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีความปลอดภัยสูง สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ สำหรับใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่าต้องเตรียมเสื้อผ้าพร้อมพร็อปต่างๆ มาเต็มกระเป๋าเพื่อเอาไว้ใช้ในการเก็บภาพความประทับใจอย่างแน่นอน 

AIRPORTELs Luggage Delivery Service

หากมาถึงแล้วอยากออกไปเที่ยวเล่นเลยหรือยังไม่ถึงเวลาเช็กอินเข้าโรงแรม ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระพะรุงพะรัง ลองใช้บริการของ Airportels บริการรับส่งสัมภาระไปยังที่พัก ลงเครื่องปุ๊บ เดินตัวปลิวไปท่องเที่ยวตามสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ได้ทันที 

AIRPORTELs Luggage Delivery Service

ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Airportels ในการจัดส่งสัมภาระ ให้ไปถึงยังที่พักอย่างปลอดภัยด้วยการบริการที่มีมาตรฐานในระดับสากล ราคาเริ่มต้นเพียง 349บาท/ใบ ทีนี้ก็จดลิสต์รายการสถานที่เที่ยวเชียงใหม่แล้วออกเดินทางอย่างคล่องตัวได้ทันที พร้อมรอรับสัมภาระที่โรงแรมที่พักได้เลย

15 ที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ สัมผัสไอหนาวได้ ไม่ต้องไปไกล 2023

พอเข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนก็คงจะเริ่มตั้งคำถามว่า หน้าหนาวเที่ยวไหนดี เพราะหลายที่ต้องวางแผนจองตั๋ว จองที่พักล่วงหน้า แต่สำหรับใครที่มีเวลาว่างแค่วันสองวันหรือไม่อยากเดินทางไกลๆ ก็สามารถสัมผัสไอหนาวได้เหมือนกัน เพราะใกล้กรุงเทพก็ยังมีที่เที่ยวหน้าหนาวสวยๆ บรรยากาศดีๆ อีกมากมาย และกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ก็ฟินได้เหมือนกัน !

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

หน้าหนาวเป็นช่วงเวลาเดียวของปีที่จะได้ไปชมวิวสวยๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บนดอย บนภูเขาต่างๆ อุณหภูมิจะลดต่ำลงจนมีไอหมอกจางๆ ในยามเช้า ในขณะที่บางจุดหมอกก็หนามากจนกลายเป็นทะเลสีขาว ซึ่งไม่ใช่ภาพที่จะหาชมได้บ่อยๆ โดยจุดที่เที่ยวหน้าหนาวที่สามารถจะชมทะเลหมอกได้มีดังนี้ 

1. จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง นครราชสีมา 

จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนลำตะคองเพียง 15 นาที ใครที่มาเที่ยวเขื่อนลำตะคองก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเที่ยวจุดนี้ด้วย เพราะวิวสวยมาก สามารถมองเห็นภูเขา เขื่อนลำตะคองและทุ่งกังหันลมได้แบบ 360 องศา อากาศเย็นสบาย จะปั่นจักรยานชมวิวเพลินๆ หรือนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกก็โรแมนติก การเดินทางสะดวกสบาย มีที่จอดรถ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ ให้บริการครบ

  • ที่อยู่: ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 30340
  • พิกัด: กังหันลม เขายายเที่ยง
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น.

2. จุดชมวิวเขากระโจม ราชบุรี 

จุดชมวิวเขากระโจมนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ แต่เส้นทางจะสมบุกสมบันหน่อย จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับสายลุย แต่พอขึ้นไปเห็นทิวทัศน์สวยๆ ด้านบนแล้ว เชื่อว่าความเหนื่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยอลังการมาก มองเห็นได้ไกลถึงประเทศพม่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะกางเต็นท์พักแรม เพื่อตื่นมาชมวิวแต่เช้าตรู่ มองดูพระอาทิตย์สีส้มค่อยๆ โผล่พ้นทะเลหมอกสีขาว แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม

  • ที่อยู่: ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
  • พิกัด: จุดชมวิวเขากระโจม
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (นำรถยนต์เสียค่าบริการขึ้นเขาคันละ 50 บาท)
  • เวลาปิด-เปิด: ขึ้นเวลา 04:00-07:00 น.
    ลงเวลา 07:00-09:00 น. / 09:00-19:00 น. ขึ้นและลงได้ตลอด

3. ผาหินกูบ จันทบุรี

ชื่อผาหินกูบอาจจะฟังดูแปลก แต่สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะจุดชมวิวด้านบนมีลักษณะโค้งลาดลงทั้ง 2 ข้าง จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกูบหรือที่นั่งบนหลังช้าง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่วิวสวยและบรรยากาศดีมาก ตลอดเส้นทาง 8-9 กม. นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งถ้ำ น้ำตก ลำธาร และหินรูปร่างแปลกตา การค้างแรมที่นี่ไม่มีเต็นท์ให้ แต่ใช้วิธีผูกเปลหรือนอนใต้ผาหิน ใครที่อยากออกจากเซฟโซน อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องถูกใจแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี 22210
  • พิกัด: ผาหินกูบ
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี มีค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์
เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

4. เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

เขาพะเนินทุ่ง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวยอดนิยม เพราะช่วงที่อากาศเย็นจัด หมอกจะหนา จนกลายเป็นทะเลสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เส้นทางค่อนข้างชัน แต่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ด้านบนมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง จึงสามารถกางเต็นท์ได้อย่างสะดวกสบาย มีห้องอาบน้ำและร้านค้าสวัสดิการให้บริการ ถ้าใครเป็นสายลุย ก็สามารถเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาพะเนินทุ่งได้เลย ซึ่งที่ยอดเขานี้เป็นแหล่งดูนกป่าหายากด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด: จุดชมวิวทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
  • อัตราค่าเข้า: ค่าเข้าคนละ 100 บาท ค้างคืนเพิ่มอีกคนละ 30 บาท / คืน
  • เวลาปิด-เปิด: รถขึ้นได้เวลา 05:30-07:30 น. และ 13:00-15:00 น. ลงเวลา 09:00 – 10:00 น. และ 16:00 – 17:00 น.

5. สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ชลบุรี

สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก มีลักษณะเป็นทางเดินทอดยาว 226 เมตร สูงจากพื้นดิน 25 เมตร หรือประมาณตึก 8 ชั้น ถึงจะไม่ใช่คนกลัวความสูง แต่มองลงมาก็ต้องมีหวั่น ยิ่งช่วงที่เป็นพื้นกระจกมีระยะทาง 50 เมตร เรียกว่าเป็นช่วงวัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มองเห็นวิวของผืนป่าและอ่างเก็บน้ำได้แบบเต็มตา ถ่ายรูปออกมาสวยมาก และยังสามารถลงมาทำบุญที่วัดต่อได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ครบครันจริงๆ

6. ผาเก็บตะวัน นครราชสีมา 

ผาเก็บตะวันไม่เพียงแต่จะเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำด้วย คือการปลูกป่าโดยใช้หนังสติ๊กยิงเมล็ดพันธุ์พืช เช่น เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการยิงเล่นๆ แต่เติบโตได้จริงถึง 80% ดังนั้นนอกจากได้นอนกางเต็นท์ ชมวิวทะเลหมอกสวยๆ ก็ยังได้คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าเป็นการตอบแทนด้วย 

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

อุทยาน เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนนิยมมาก เพราะแม้จะมีต้นไม้คอยให้ความร่มรื่น แต่ถ้าลองมาเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ก็จะรู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว เหนื่อยง่าย ในขณะที่ช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เดินชมนกชมไม้ได้เพลินๆ วิวทิวทัศน์สวยงาม ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นช่วงที่แมลงน้อยด้วย โดยอุทยานที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ มีดังนี้

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย และเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ขับรถออกจากกรุงเทพไม่นาน ก็จะได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่น เย็นสบาย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมพืชพรรณและสัตว์หายาก โดยเฉพาะนกที่มีมากกว่า 280 ชนิด มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย เช่น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ส่องนกในตอนกลางวัน ส่องสัตว์ป่าในยามค่ำคืน เล่นน้ำตก ฯลฯ 

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

8. อุทยานแห่งชาติทับลาน นครราชสีมา 

นอกจากอุทยานแห่งชาติทับลานจะมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีป่าลานธรรมชาติที่ถือว่าเป็นป่าลานผืนสุดท้ายของเมืองไทย มีต้นลานขึ้นอย่างหนาแน่นบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด และด้านในก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น อ่างเก็บน้ำทับลาน น้ำตกบ่อทอง น้ำตกสวนห้อม เขามะค่า ฯลฯ จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมและกางเต็นท์พักแรม

  • ที่อยู่: 520 หมู่ที่ 1 ถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี 25220
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติทับลาน
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
อุทยานหินเขางู ราชบุรี

9. อุทยานหินเขางู ราชบุรี

อุทยานหินเขางู เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่แตกต่างจากอุทยานอื่นๆ เพราะเป็นเหมือนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน เดิมที่พื้นที่นี้เป็นแหล่งระเบิดและย่อยหิน แต่ต่อมาถูกยกเลิกไปและกลายเป็นพื้นที่ร้าง จึงพัฒนาให้กลายเป็นสวนสวยๆ  โดยที่ยังอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบเอาไว้ บรรยากาศจึงสวยงามแปลกตา หาชมยาก กิจกรรมที่นิยมก็จะเป็นการเดินเล่น ถีบเรือเป็ด ชมถ้ำ และแวะถ่ายรูปที่จุดเช็กอินยอดฮิตบนสะพานข้ามลำน้ำ

  • ที่อยู่: ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 70000
  • พิกัด: อุทยานหินเขางู
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น.

10. อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี 

อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนสุพรรณและจังหวัดใกล้เคียงนิยมกันมาก เหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสกับความสวยงามที่เงียบสงบ เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ นอนกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืน ตื่นมาจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ พร้อมชมทะเลหมอกยามเช้า และเดินเที่ยวชมน้ำตกสวยๆ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี 

  • ที่อยู่: ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฤดูหนาวก็คือ ทุ่งนาสีทองที่พร้อมเก็บเกี่ยวและดอกไม้สีสันสดใสที่แข่งกันอวดโฉม ช่วงนี้จึงถือเป็นเวลาทองของการไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะใน 1 ปี มีเพียงแค่ 1 ครั้ง พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอไปถึงปีหน้า ที่เที่ยวหน้าหนาวบางแห่งจึงเปิดให้เข้าชมเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยสามารถไปชมได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้

11. สะพานไม้ร้อยปี นครราชสีมา 

สะพานไม้ร้อยปี เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูปชิลๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้แคบๆ ขนาด 1-2 คนเดิน ระยะทางประมาณ 1 กม. เท่านั้น เดิมทีชาวบ้านร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามทุ่งนาระหว่างหมู่บ้าน แต่ด้วยความที่บรรยากาศดี วิวสวย ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ ในช่วงหน้าหนาว จะมีการตกแต่งไฟสวยงามเป็นพิเศษ และยังชมวิวทะเลหมอกยามเช้าได้ด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 30250
  • พิกัด: สะพานไม้ 100 ปี
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 05:00-19:00 น.

12. ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร นครราชสีมา 

ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหมาะที่จะแวะเดินเล่น ชมความสวยงาม เพราะช่วงปลายปี ทั่งทั้งอาณาบริเวณพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ จะถูกเติมเต็มด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองแทบทุกตารางเมตร ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องกลัวผิวไหม้ นอกจากนี้ด้านในยังมีร้านขายของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น. 

13. สะพานทุ่งนามุ้ย นครนายก 

สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานที่ทำจากไม้ไผ่คดเคี้ยวอยู่เหนือทุ่งนา ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม ทุ่งนาบริเวณรอบๆ จะเป็นสีเขียวขจี แต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง บรรยากาศต่างกันแต่สวยทั้งคู่ 

จุดประสงค์หลักสร้างขึ้นเพื่อที่เวลาน้ำท่วมชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม แต่ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่นอกจากจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวสวยๆ ได้แล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานรับลมแบบเพลินๆ เลือกซื้อสินค้าจากชาวบ้าน หรือตักบาตรบนสะพานได้ด้วย 

  • ที่อยู่: ตำบล สาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก 26000
  • พิกัด: สะพานทุ่งนาน้อยเขาหล่น
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-19:00 น.
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

14. ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่สามารถชมดอกทานตะวันขนาดใหญ่ยักษ์นับพันได้ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาว แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางชมบรรยากาศรอบทุ่งแบบชิลๆ ได้ด้วย ไม่ต้องเดินให้เมื่อย หรือจะเป็นการขี่ม้าชมทุ่ง ขับ ATV ชมทุ่งก็มี ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือมาเป็นครอบครัว มีทั้งเด็ก และผู้สูงอายุ ก็สนุกกันได้เต็มที่

  • ที่อยู่: ทางหลวงหมายเลข 3017 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000
  • พิกัด: ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล 
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (ไม่รวมค่าบริการรถราง และกิจกรรมอื่นๆ)
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.

15. ทุ่งคอสมอส น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม สระบุรี

คอสมอสเป็นดอกไม้ที่จะบานเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทุ่งคอสมอส จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาด เพราะมีวิวสวยมากเหมือนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้ว ที่นี่เป็นฟาร์มแพะ แต่แบ่งพื้นที่มาปลูกดอกคอสมอส 25 ไร่ พอถึงช่วงฤดูหนาว เลยกลายเป็นสีชมพูไปทั้งทุ่ง นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด มีมุมสวยๆ ที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ให้นั่งพักกินของอร่อยด้วย

  • ที่อยู่: 37/3 หมู่ 6 ซอย 7 ซ้าย ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 18240
  • พิกัด: น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังที่พัก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบตัวเปล่า ไม่ต้องขนสัมภาระเอง หรือคอยกังวลว่าจะวางลืมไว้ที่ไหน 

วิธีใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่กดจองผ่านแอปพลิเคชัน และเลือกว่าต้องการให้ไปรับ-ส่งสัมภาระที่ไหน เวลาใด แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AIRPORTELs ช่วยดูแลขนสัมภาระทั้งหมดแทนได้เลย 

ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังอุ่นใจไม่ต้องกลัวของหาย เพราะมีระบบติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และประกันค่าเสียหายสูงสุดถึง 50,000 บาท

สรุป

อากาศเย็นสบายแบบนี้อย่ามัวแต่อยู่บ้าน เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวสวยๆ อีกมากมายที่รอทุกคนอยู่ ถึงจะมีเวลาน้อยก็ไม่เป็นไร เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพก็ฟินได้เหมือนกัน มีทั้งจุดชมวิวสวยๆ อุทยาน ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ และกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ถ้าใครไม่อยากขนสัมภาระเองให้เหนื่อย หรือขากลับซื้อของฝากเยอะ ก็ไม่ต้องหิ้วเองให้เปลืองแรง AIRPORTELs มีบริการขนกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดไปส่งให้ถึงที่พัก เดินทางกลับได้แบบชิลๆ จะแวะคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือที่เที่ยวอื่นๆ ระหว่างทางก็ยังได้ ไม่ต้องวนกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมอีก ตรงกลับที่พักได้เลย ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา และยังปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

รวม 15 จุดชมวิวทะเลหมอก เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอหน้าหนาว!

สำหรับใครที่ชื่นชอบการขึ้นเขา เพื่อไปสัมผัสธรรมชาติ จุดชมวิวทะเลหมอกนับเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู เพียงแค่เลือกไปให้ถูกจังหวะของที่เที่ยวทะเลหมอกสถานที่นั้นเป็นพอ เพราะการไปชมทะเลหมอกไม่จำเป็นที่จะต้องรอหน้าหนาวเสมอไป ทาง AIRPORTELs จึงได้รวบรวมจุดชมวิวทะเลหมอกทั่วไทย เที่ยวได้ตลอดทั้งปีมา มีที่ไหนบ้างไปดูกัน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าร้อน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าร้อน

เหมาะสำหรับใครที่อยากจะเที่ยวทะเลหมอกหน้าร้อน เพื่อสัมผัสธรรมชาติผ่านจุดชมวิวที่สูง จนสามารถเห็นบรรยากาศได้โดยรอบ 

ซึ่งการเที่ยวฤดูร้อนเพื่อชมทะเลหมอกมีจุดเด่นตรงที่ไม่ต้องรอหน้าฝนหรือหน้าหนาว ทุกคนก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศเหล่านั้นได้ หากใครเบื่อแล้วที่ฤดูร้อนต้องเอาแต่เที่ยวทะเล ไปทีไรก็ร้อนเกินไป ไม่ช่วยให้คลายร้อนสักเท่าไร ขอให้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในหน้าร้อนด้วยการชมทะเลหมอกกันดีกว่า

1. เขาพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน

จุดชมวิวทะเลหมอก เขาพะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นับว่าเป็นจุดชมวิวที่เหมาะแก่การมารับไอเย็นๆ ชมทะเลหมอกไกลๆ อย่างสุดลูกหูลูกตา เพราะแก่งกระจานขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีบรรยากาศที่ดีตลอดทั้งปี แม้มาในฤดูร้อนก็ไม่หวั่น ในส่วนของสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 900 เมตร แต่ถ้าอยากไปจุดสูงสุดของเขาจะอยู่ที่ 1,207 เมตร

จุดเด่นของเขาพะเนินทุ่ง นับว่าเป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่ดี ใครหลายคนต่างมากันแล้วได้ความประทับใจกลับไป เนื่องด้วยอากาศที่สดชื่นและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ หากมาจุดชมวิวในตอนเช้าก็สามารถเห็นทะเลหมอกได้ไม่ยาก จะมีทั้งเส้นทางที่เหมาะแก่การขับรถ และเส้นทางที่เหมาะกับการเดินขึ้นเขา

  • ที่ตั้ง – อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด – Khao Phanoen Thung
  • เวลาเปิด-ปิด –  ช่วงเวลา 05:30 – 07:30 น. และช่วงเวลา 13:00 – 15:00 น.

2. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา

สำหรับใครที่กำลังมองหาทะเลหมอกหน้าร้อน ที่สามารถลอยตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้แบบ 360 องศา ขอให้แวะมาที่จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่จะมีพื้นที่ที่เป็นสกายวอล์ค ที่ทุกคนสามารถมายืนและชมวิวรอบทิศได้ โดยความสูงมากกว่า 2,038 ฟุต

จุดเด่นของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง นับว่าเป็นจุดที่มีการสร้างสกายวอล์คขึ้นมา เพื่อให้มีบรรยากาศที่แตกต่างจากเวลาไปเที่ยวเขาที่อื่นๆ เพราะตัวสกายวอล์คจะเป็นทางเดินที่ทอดยาวไปด้วยกระจก และเมื่อไปถึงปลายทางก็ทำให้ชมทะเลหมอกได้ชัดเจน และที่แห่งนี้ก็มีอีกหลายชั้นให้ขึ้นชมทะเลหมอกได้อีกด้วย

อุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

3. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องบอกเลยว่าไม่ไกลจากกรุงเทพ นั่นก็คืออุทยานแห่งชาติเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ นับว่าเป็นที่เที่ยวทะเลหมอกยอดฮิต ที่ใครหลายคนเลือกมา แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนก็สามารถสัมผัสบรรยากาศไอเย็นและรับชมทะเลหมอกได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เนื่องจากว่าเป็นอุทยานดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากการชมทะเลหมอกแล้วยังมีอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชมถ้ำ น้ำตก หน้าผา รวมไปถึงธรรมชาติที่มีความหลากหลาย จึงเหมาะมากกับคนที่ชื่นชอบการเดินป่า

  • ที่ตั้ง – 67 ม.1 ต ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67270
  • พิกัด – อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:30 น. – 19:00 น

4. ภูตาจอ จังหวัดพังงา

ถ้าหากใครไปภาคใต้คงจะนึกถึงทะเลก่อน แต่ก็ต้องบอกว่าจุดชมทะเลหมอกหน้าร้อนอย่างภูตาจอ จังหวัดพังงาก็มีความโดดเด่นไม่แพ้ที่อื่นๆ ด้วยความสูงกว่า 1,350 เมตร ที่สามารถชมทะเลหมอกแม้อยู่ในช่วงฤดูร้อน หากใครมาพังงาแต่ไม่มาที่นี่ต้องบอกเลยว่าพลาดมาก

สำหรับจุดเด่นของที่นี่จะมีดีในเรื่องจุดชมวิวที่สามารถเห็นธรรมชาติสุดลูกหูลูกตา แถมบริเวณภูตาจอยังสามารถมากางเต็นท์ค้างคืน เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกได้ ซึ่งเหมาะแก่การมาเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักได้เป็นอย่างดี

5. กุนุงซิลิปัต จังหวัดยะลา

สุดท้ายสำหรับจุดชมวิวทะเลหมอกที่เหมาะแก่การเที่ยวในหน้าร้อน ขอแนะนำกุนุงซิลิปัต จังหวัดยะลา เป็นภูเขาหินที่มีความสูงประมาณ 21 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าความสูงน้อยกว่าจุดชมวิวในจังหวัดอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ต้องบอกว่าถึงแม้จะไม่สูงแต่ของเขาก็ดีจริงๆ เพราะมาฤดูร้อนก็ยังสามารถเห็นหมอกได้โดยง่าย

จุดชมวิวกุนุงชิลิปัต จุดเด่นจะอยู่ที่เป็นเขาหินที่สามารถหมุนได้รอบทิศแบบ 360 องศา หากใครอยากจะมาไขว่คว้าหาความเย็นก็เหมาะมากที่จะมาในช่วงกุมภาพันธ์และเมษายน ถ้าหากใครสนใจที่จะไปเตรียมเสบียงไปให้พร้อมแล้วลุยได้เลย

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าฝน

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าฝน

เชื่อเลยว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะมีจุดชมวิวทะเลหมอกหลายจุดมากๆ โดยบรรยากาศนั้นจะได้ความชื้นแต่ไม่หนาวจนเกินไป ได้กลิ่นอายและใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างชัดเจน ถ้าหากใครไปตอนฝนตกก็อาจจะเซ็งๆ ที่ไม่ได้ออกไปไหน แต่ถ้าการขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อชมทะเลหมอกหน้าฝน นับเป็นที่ถูกใจของคนไม่น้อยเลยทีเดียว ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง

6. ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวทะเลหมอก ไม่ว่าจะปีไหนๆ ก็ยังเป็นที่นิยมเสมอ อย่างม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มียอดเขาที่สูงราว 1,350 เมตร ที่ทุกคนสามารถนั่งรถเพื่อไปยังจุดชมวิวที่สูงที่สุดเพื่อให้ทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน เมื่อผ่านป่าเขาจะสามารถสัมผัสถึงความเย็นของไอหมอกได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของม่อนแจ่ม นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ใครหลายคนต่างนิยมมาท่องเที่ยวกัน ดังนั้นที่พักจึงมีหลากหลายแบบ ใครสะดวกแบบไหนเลือกพักแบบนั้นได้เลย นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่เป็นตลาด พร้อมกับสวนดอกไม้สวยๆ ที่ผลิดอก และกิจกรรมท้าทายอื่นๆ อีกมากมาย

  • ที่ตั้ง – ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180
  • พิกัด – ม่อนแจ่ม
  • เวลาเปิด-ปิด – 07:00 – 20:00 น.

7. เนินช้างศึก จังหวัดกาญจนบุรี

หากใครที่ชื่นชอบมาเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี ถามหาถึงทะเลหมอกหน้าฝน ก็ขอแนะนำเนินช้างศึกซึ่งเป็นภูเขาสูงราว 1,053 เมตร วิวที่ทุกคนจะได้เห็นเป็นวิวที่มีภูเขาสลับทับซ้อนกันไปมาไกลๆ ทำให้เห็นวิวกว้างที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับทะเลหมอกได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของที่นี่จะเห็นบรรยากาศที่ไกลสุดลูกหูลูกตาในช่วงหน้าฝน นอกจากนี้ยังได้เห็นเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ที่เชื่อมกับทางไทยเราได้อีกด้วย นอกจากนี้ที่แห่งนี้เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ได้ทั้งตอนขึ้นและตอนตกดิน สามารถนำเต็นท์มากางนอนได้ด้วย

  • ที่ตั้ง – ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180
  • พิกัด – เนินช้างศึก
  • เวลาเปิด-ปิด – 05:30-18:30 น.
ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

8. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

สำหรับแลนด์มาร์กจุดชมวิวทะเลหมอก ในช่วงหน้าฝนที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นภูทับเบิก ที่ในปัจจุบันนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นเลิศที่ให้เราได้สัมผัสกับลมหนาวและไอชื้นในช่วงหน้าฝนได้เป็นอย่างดี โดยที่ภูทับเบิกมีความสูงอยู่ที่ 1,768 เมตร

จุดเด่นของภูทับเบิก ที่นี่มีชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ ทำให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น และที่สำคัญยังมีพื้นที่ปลูกกะหล่ำยาวเหยียดที่สามารถมองเห็นได้แบบสุดลูกหูลูกตา หากใครได้มาที่นี่รับรองติดใจแน่นอน เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ร้านอาหาร ตลาด แต่ยังมีจุดที่สามารถกางเต็นท์ได้อีกด้วย

  • ที่ตั้ง – หมู่ที่ 14 ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ 42120
  • พิกัด – ภูทับเบิก
  • เวลาเปิด-ปิด – 

9. ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

การไปโซนภาคเหนือช่วงหน้าฝน สถานที่ที่เหมาะแก่การเป็นที่เที่ยวทะเลหมอก ก็ขอแนะนำกับดอยผาตั้งที่มีความสูงอยู่ที่ 1,800 เมตร โดยแนะนำว่าให้ขับรถไปกัน เพื่อให้ได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดชมวิวต่างๆ ในมุมที่แตกต่างกัน

จุดเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้นการที่ได้อยู่เหนือสุดของวิวทิวทัศน์ แม้แต่ทะเลหมอกก็ยังอยู่ใต้เท้าเราได้ ทำให้ได้ฟิลลิ่งอีกแบบที่แตกต่างจากที่อื่นๆ

  • ที่ตั้ง –  17 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย 57310
  • พิกัด – ดอยผาตั้ง
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:00 น. – 18:30 น.

10. ภูทอก จังหวัดเลย

ที่สุดท้ายกับการแนะนำจุดชมวิวทะเลหมอกในช่วงหน้าฝน ขอแนะนำให้รู้จักกับภูทอก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความน่าสนใจ เพราะเป็นภูเขาที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บริเวณนั้น เมื่อได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด มองลงมาจึงเห็นทะเลหมอกที่อยู่เบื้องล่าง

จุดเด่นของที่นี่จะได้วิวที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะไม่มีภูเขาลูกอื่นๆ มาโดดเด่นเหนือภูทอกแห่งนี้ ถ้าใครอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นผ่านสายหมอกขอแนะนำให้มาที่นี่เลย นอกจากนี้ยังเป็นดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างไทย – ลาวด้วยนะ

  • ที่ตั้ง – ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย 42110
  • พิกัด – Phu Thok
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 05:00-17:00 น.
จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าหนาว

จุดชมวิวทะเลหมอกหน้าหนาว

แน่นอนว่าฤดูหนาวนับว่าเป็นฤดูที่ฮอตฮิตที่สุดแก่การขึ้นเขา เพราะทุกคนจะได้สัมผัสบรรยากาศหนาวๆ กับวิวธรรมชาติสวยๆ โดยเฉพาะทะเลหมอกหน้าหนาวที่ใครหลายคนถึงกับยกนิ้วให้ ไม่เพียงแต่มีบรรยากาศที่ดีเลิศ แต่เพราะการขึ้นเขาในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดด้วย และหากอยากเก็บภาพความประทับใจของทะเลหมอกหนา พระอาทิตย์ขึ้น หรือพระอาทิตย์ตก แนะนำว่าให้มาฤดูนี้ มีครบอย่างแน่นอน ว่าแต่จะแนะนำที่ไหนบ้างนั้น ตามไปอ่านกัน

11. อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า นับว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอก ที่ใครหลายคนต่างรู้จัก เพราะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก มีความสูงตั้งแต่ 1,200-1,628 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่สูงมากๆ จึงทำให้เห็นหมอกได้อย่างชัดเจน

จุดเด่นของที่นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มีบางส่วนชี้ขึ้นฟ้าเลยถูกเรียกว่าภูชี้ฟ้า หากใครอยากอยู่เหนือหมอก และมองไปเบื้องล่างเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา รับรองว่าประสบการณ์นี้จะเป็นที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง – 3/1 หมู่ที่ 24 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย 57160
  • พิกัด – Phu Chifa
  • เวลาเปิด-ปิด – 04:30 – 18:00 น.

12. กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ทะเลหมอกหน้าหนาวที่โดดเด่นในเชียงใหม่ขอแนะนำให้ลองมาที่กิ่วแม่ปาน ความสูงประมาณ 2,200 เมตร ที่เหมาะแก่การมาเที่ยวและชมทะเลหมอกเป็นอย่างมาก โดยที่นี่ก็มีหลายจุดให้ได้ไปชมทะเลหมอกด้วยกัน สามารถเลือกหามุมดีๆ และถ่ายรูปกลับไปรับรองประทับใจไม่รู้ลืม

จุดเด่นของกิ่วแม่ปาน นับเป็นที่ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จึงทำให้มีพื้นที่เที่ยวที่หลากหลาย แต่ที่สุดแล้วคงหนีไม่พ้นการเดินขึ้นเขา ที่จะต้องใช้พละกำลังของตัวเอง เพื่อไปชมวิวทะเลหมอกที่ด้านบนสุดเหนือตัวเองได้

  • ที่ตั้ง – อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตู้ ป.ณ.2 หมู่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 50160
  • พิกัด – กิ่วแม่ปาน
  • เวลาเปิด-ปิด – 06:00-16:00 น.
ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

13. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

สำหรับใครที่อยากจะหาที่เที่ยวทะเลหมอก เพื่อมองวิวท้องฟ้าและมองทะเลหมอกได้ในเวลาเดียวกัน ขอแนะนำให้รู้จักดอยเสมอดาว ที่มีความสูงอยู่ที่ 888 เมตร ที่ถือว่าไม่สูงมากกว่าที่อื่นๆ สักเท่าไรแต่ต้องบอกว่าเป็นดอยที่มีเสน่ห์เหลือล้น

ดอยเสมอดาว เหมาะกับการมาค้างคืนเพื่อชมดาวยามค่ำคืนแบบใกล้ชิด ในขณะเดียวกันยามเช้าก็จะเห็นทะเลหมอก พร้อมกับเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้แบบ 360 องศา

  • ที่ตั้ง – ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150
  • พิกัด – ดอยเสมอดาว
  • เวลาเปิด-ปิด – เปิดตลอด

14. ภูลังกา จังหวัดพะเยา

สำหรับใครที่กำลังมองหาทะเลหมอกหน้าหนาว ที่อยู่ใกล้กับแหล่งแม่น้ำ ขอแนะนำให้ลองมาเที่ยวที่ภูลังกา ที่มีความสูงอยู่ที่ 1,720 เมตร ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายหลายอย่าง

จุดเด่นของการมาที่นี่เหมาะมากแก่การเดินป่า เดินขึ้นเขาเพื่อชมธรรมชาติที่ลายล้อม ดอกไม้นานาชนิด และสัตว์ป่าต่างๆ เหมาะกับสายผจญถัยเป็นอย่างมาก

  • ที่ตั้ง – วนอุทยานภูลังกา ตำบลช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา 56140
  • พิกัด – วนอุทยานภูลังกา
  • เวลาเปิด-ปิด – 06:00 – 18:00 น.

15. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับที่สุดท้ายที่นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างดอยอ่างขางที่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกมีความสูงโดยค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 1,400 เมตร ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะไปยังจุดไหนๆ เพื่อไปรับชมความงามของทะเลหมอก

จุดเด่นของดอยอ่างขาง ให้คุณได้สามารถมาสัมผัสลมหนาว สวนดอกไม้ พืชผัก ผลไม้ เหมือนได้มาต่างประเทศ สำหรับที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ใครหลายคนเลือกมา เพราะมีความสะดวกสบาย และสิ่งต่างๆ ที่ครบครันกว่าที่อื่นๆ

  • ที่ตั้ง – ตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาว ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320
  • พิกัด – ดอยอ่างขาง 
  • เวลาเปิด-ปิด – 
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

สำหรับใครที่มีแพลนจะเที่ยวล่วงหน้าภายในประเทศไทย ไม่ว่าจะภาคกลาง เหนือ ใต้ หรือจะไปอีสาน ทาง AIRPORTELs  มีบริการส่งกระเป๋าล่วงหน้าไปยังจุดหมาย เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่จำเป็นต้องรีบเตรียมกระเป๋าหรือต้องแบกกระเป๋าอย่างเร่งรีบ 

หากมีการวางแผนล่วงหน้าและเลือกชุดที่ต้องการใส่ไปเที่ยวแพ็กลงกระเป๋าเรียบร้อย สามารถนำกระเป๋ามาฝากไว้ที่เรา เรายินดีพร้อมส่งกระเป๋าไปล่วงหน้า เพื่อให้เพิ่มความสะดวกสบายแก่การท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น 

สรุป

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะได้คำตอบแล้วว่าควรไปดูทะเลหมอกที่ไหนดี เพราะไม่ว่าจะไปฤดูไหนก็มี จุดชมวิวทะเลหมอก บรรยากาศชั้นเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องไปเฉพาะฤดูหนาวแต่อย่างใด ส่วนใครต้องการเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องแบกกระเป๋าให้เหนื่อย ให้เมื่อย สามารถมาลองใช้บริการ AIRPORTELs พร้อมส่งกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทางได้แบบล่วงหน้า บอกเลยว่าสามารถขึ้นเขาแบบตัวโล่งๆ ได้เลย

คำต้องห้ามในสนามบิน ถ้าไม่อยากเสี่ยงจำคุก ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด!

สนามบินในประเทศ และต่างประเทศถือเป็นสถานที่สาธารณะ และมีการรวมตัวของกลุ่มคนมากมายหลายประเทศที่มาใช้บริการในสายการบินต่างๆ อย่างประเทศไทยเองก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากมาย ความปลอดภัยจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณสนามบินที่เสี่ยงต่อการเกิดความแตกตื่นได้ง่ายจากการกระทำ หรือคำพูดในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น จึงมีการประกาศคำต้องห้ามในสนามบินออกมาบังคับใช้ บทความนี้ AIRPORTELs จะพาทุกคนไปดูคำต้องห้ามในสนามบิน ตัวอย่างสถานการณ์ และบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

คำต้องห้ามในสนามบิน คืออะไร

คำต้องห้ามในสนามบิน คืออะไร

คำต้องห้ามในสนามบิน คือ คำที่ห้ามพูด กล่าว หรือตะโกนในสนามบิน เพราะคำเหล่านี้เป็นคำที่อาจสร้างความไม่ปลอดภัย และสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสาร หรือเจ้าหน้าที่ในสนามบินได้ ซึ่งมาตรการนี้นับว่าเป็นมาตรการของท่าอากาศยานที่มีการใช้ร่วมกันอย่างเป็นสากล แม้เป็นภาษาต่างประเทศก็ไม่ควรพูด กล่าวถึง หรือตะโกนออกมาไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เพราะอาจส่งผลมั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติได้

ประเภทของกลุ่มคำต้องห้ามในสนามบิน

ทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลที่เป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของคำพูด ลักษณะท่าทาง หรือการสื่อสารที่ว่าด้วยเรื่องของคำต้องห้ามในสนามบิน หากมีการพูด หรือแสดงออกต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

คำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

คำต้องห้ามในสนามบินที่สร้างความเข้าใจผิด หรือทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจ ถือว่าเป็นคำต้องห้าม เพราะสนามบินเป็นพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ การใช้คำพูดเหล่านี้อาจสร้างความเข้าใจผิด หรือสร้างความตื่นตกใจ จนเกิดความโกลาหล และอาจเกิดเหตุจราจลจากการเข้าใจผิดภายในสนามบินได้ โดยกลุ่มคำต้องห้ามในสนามบินมีดังนี้

ระเบิด (Bomb, Explosive)

คำว่า ระเบิด หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับระเบิด ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่สามารถก่อเหตุอันตรายภายในสนามบินได้ ดังนั้น หากมีใครพูดขึ้นมา อาจสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนภายในสนามบินได้ คำว่า ระเบิด จึงถือเป็นคำห้ามพูดสนามบินที่ไม่ควรพูดออกมาเด็ดขาด

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่ามีระเบิดอยู่ในกระเป๋า, สนามบินจะระเบิด, ติดตั้งระเบิดเรียบร้อยแล้ว, ระเบิดสนามบิน, ระเบิดเครื่องบิน, แม้แต่การเรียกชื่อ บอมบ์ ก็ไม่ควรเป็นอันขาด

อาวุธ วัตถุอันตราย และสารเสพติด

กลุ่มคำที่เกี่ยวกับอาวุธ วัตถุอันตราย และสารเสพติด เป็นกลุ่มคำที่อาจสร้างความตื่นตระหนก และความไม่ปลอดภัยให้กับผู้คนในสนามบินได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือเหตุจลาจลในสนามบินได้ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคำที่ต้องระวังเป็นพิเศษ และถูกจัดว่าเป็นคำห้ามพูดในสนามบิน

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่ามีอาวุธอยู่ในมือ, มีปืนอยู่ในกระเป๋า, เมายาหรือเปล่าเนี่ย, เสพยามา เป็นต้น

การก่อการร้าย การปล้น หรือจี้เครื่องบิน

สำหรับเหตุการณ์ที่สามารถสร้างความสะพรึงกลัวในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่อการร้าย การปล้น หรือจี้เครื่องบิน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดเป็นอันขาด เพราะเป็นกลุ่มคำที่สามารถสร้างภาวะตื่นตกใจให้คนโดยรอบ จนทำให้เกิดความวุ่นวานในสนามบินได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่าเรามีตัวประกัน ไม่ทำตาม ตาย, นี่คือการปล้น, จี้เครื่องบิน, Hijack, ไม่ทำตามจะฆ่าให้หมด เป็นต้น

โรคระบาดร้ายแรง

กลุ่มคำพูดที่เกี่ยวกับโรคระบาดร้ายแรง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดในสนามบินเช่นกัน เพราะโรคระบาดมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส หรือโรคบางชนิดที่สามารถแพร่เชื้อให้กับคนในสนามบินได้ ไม่ว่าจะแพร่เชื้อผ่านการสัมผัส การพูดคุย การหายใจ หรือทางอากาศ โดยเฉพาะเชื้อโรคที่อันตรายต่อชีวิต และสร้างความหวาดกลัว นับว่าเป็นคำต้องห้ามในสนามบิน 

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ระวังเจอเชื้ออีโบล่า, คนนี้มีเชื้ออีโบล่า, โรคระบาดร้ายแรงชนิดใหม่ เป็นต้น
คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย

คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย

นอกจากคำพูดต้องห้ามในสนามบินแล้ว การแสดงออกด้วยวาจา การเขียนข้อความ หรือการกระทำอื่นๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย ก็นับว่าเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำเด็ดขาดในสนามบิน เพราะอาจสร้างความตื่นตระหนกตกใจ ความไม่ปลอดภัย รวมไปถึงความไม่มั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติ โดยพฤติกรรมที่ต้องห้ามในสนามบิน มีดังนี้

การพูด ตะโกน หรือเขียน

การพูด การตะโกน หรือการเขียน เป็นสิ่งที่สามารถสร้างอันตรายสำหรับผู้ที่อยู่ในสนามบิน ในกรณีที่มีการหลุดพูด หรือตะโกนคำต้องห้ามในสนามบินออกมาจนผู้คนในสนามบินได้ยินกันโดยทั่วไป หรือมีข้อความปริศนาที่มีวัตถุประสงค์ร้ายก็อาจสร้างความหวาดวิตก และกระทบต่อสภาพจิตใจได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การตะโกนว่าเครื่องบินลำนี้กำลังตะตก, การทิ้งข้อความในสนามบินว่ามีระเบิด, การป่าวประกาศไปทั่วว่าไฟกำลังไหม้สนามบิน เป็นต้น

การคุกคาม ข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกาย

นอกจากคำห้ามพูดสนามบินแล้ว พฤติกรรมที่เกิดในสนามบินไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง การตะโกนเสียงดังโวยวาย การข่มขู่ คุกคาม หรือแม้แต่การทำร้ายร่างกาย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีบทลงโทษอย่างหนักสำหรับผู้กระทำการฝ่าฝืน

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การข่มขู่ หรือคุกคามว่าเดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งเสียหรอก, อยากตายมากเหรอ, ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม, จะกลับไม่กลับหรือต้องโดนกระทืบก่อน, การลงมือทำร้ายร่างกาย เป็นต้น

การโยนกระเป๋า หรือสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือผู้โดยสาร

การโยนกระเป๋า หรือสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือผู้โดยสาร ถือเป็นพฤติกรรมต้องห้ามในสนามบิน เพราะการขว้างปา หรือโยนสิ่งของอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนก การบาดเจ็บ หรือร้ายแรงถึงขั้นส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่นได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ไม่พอใจเจ้าหน้าที่เลยโยนกระเป๋าใส่, ผู้โดยสารที่ทำการตรวจสัมภาระทำอะไรชักช้า โยนกระเป๋าใส่, แย่งที่วางกระเป๋า จนกระเป๋าไปกระแทกผู้โดยสารคนอื่น เป็นต้น
บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

  • ผู้ฝ่าฝืนแจ้งข้อความต้องห้ามในสนามบิน และเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรือ ระหว่างบินตื่นตกใจ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การกระทำนั้นสร้างอันตรายให้กับอากาศยาน และระหว่างการบิน จำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 200,000 – 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สรุป

คำต้องห้ามในสนามบิน และพฤติกรรมต้องห้ามในสนามบิน มีจุดประสงค์เพื่อลดความเข้าใจผิด ลดการสร้างความตื่นตระหนกตกใจ ป้องกันการเกิดเหตุร้ายที่อาจส่งผลต่อสวัสดิภาพของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจส่งผลต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงของประเทศชาติ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องระวังเกี่ยวกับการสื่อสาร การพูด และการกระทำเสมอ เมื่ออยู่ภายในบริเวณสนามบิน

แจ้งความประสงค์


หากมีความกังวลขณะอยู่ในสนามบินเกี่ยวกับกระเป๋าสัมภาระ หรือเมื่อเกิดการจลาจลแล้วกลัวว่าสัมภาระอาจสูญหาย ทาง AIRPORTELs มีบริการรับฝาก และส่งกระกระเป๋า โดยจะจองผ่านเว็บไซต์ หรือเดินมาใช้บริการที่เคาน์เตอร์ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท

23 ทะเลไทย เอาใจสายคอนเทนต์ ใส่บิกินี่เดินหาดชิลๆ อัปเดต 2023

ในช่วงวันหยุดหรือลาพักร้อน หลายๆคนก็ต้องมีการวางแผนในการไปเที่ยว หรือกำลังคิดว่าควรไปเที่ยวทะเลที่ไหนดี  ซึ่งทะเลสวยๆ ในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลายแห่ง หลายจังหวัด ทำให้กว่าจะเลือกเที่ยวทะเลให้ถูกใจได้ก็คิดแล้วคิดอีก 

ในบทความนี้จึงขอเป็นตัวเลือกที่ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยสวยๆ ให้กับคุณ เอาใจสายคอนเทนต์ ที่ชอบใส่บิกินี่เพื่อเก็บรูปสวยๆ เที่ยวทะเลกันแบบหมู่คณะ หรืออยากจะไปแบบคนเดียวเพื่อเดินหาดชิลๆ ก็ยังได้ โดยบทความนี้ได้รวบรวม 23 ที่เที่ยวทะเลไทย ฉบับอัปเดต 2023 ที่น่าเที่ยวมาแล้วดังนี้

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบ โดยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ตัวจังหวัดติดกับชายฝั่งอ่าวไทย จึงทำให้มีหาดสวยๆ หลายแห่ง 

เป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังส่งเสริมให้ทะเลไทยของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามตามสไตล์เอกลักษณ์ของภาคใต้ และยังเป็นจังหวัดที่เชื่อมระหว่างภาคใต้และภาคกลาง ไม่ไกลจากกรุงเทพมาก เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดหรือสามารถเดินชิลๆ ใส่บิกินี่ อาบแดดก็ได้ แต่จะมีหาดอะไรบ้างที่น่าเที่ยวบ้าง ไปดูกัน

1. หาดหัวหิน 

หาดหัวหิน หาดแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นสถานที่พักตากอากาศของชนชั้นสูง ขุนนางและพระญาติ อีกทั้งป้องกันไม่ให้มีผู้บุกรุกทางทะเลไทย  แต่ในปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้ได้ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

ควรเที่ยวหาดหัวหินช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการไปเที่ยวหาดหัวหินจะเป็นช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากมีบรรยากาศกำลังดี ฝนไม่ตก บรรยากาศของทะเลกำลังสวย สามารถเดินรับลมแดดได้อย่างชิลๆ เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลของใครหลายๆ คนและยังเป็นช่วงปิดเทอมสำหรับเด็กๆ เช่นกัน

จุดเด่นของหาดหัวหิน

เป็นหาดที่มีน้ำทะเลใส ทรายมีความขาวสะอาด ลมพัดเย็นสบาย บริเวณของชายหาดนั้นทอดยาวถึง 5 กิโลเมตร จึงทำให้มีพื้นที่ลานกว้าง เหมาะสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ริมชายหาด และยังมีที่พักตากอากาศ รีสอร์ท โรงแรมให้เลือกจนนับไม่ถ้วน พร้อมทั้งมีร้านอาหารอร่อยๆ ริมหาดและรอบนอกหาดให้นักท่องเที่ยวได้รับประทาน

กิจกรรมที่หาดหัวหิน

  • ขี่ม้าริมชายหาด 
  • เดินรับลม
  • เล่นไคท์เซิร์ฟ
  • ล่องเรือชมทะเล

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดหัวหินที่น่าสนใจ เช่น 

  • สถานีรถไฟหัวหิน ที่มีเอกลักษณ์ความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมสไตล์ย้อนยุค ตัวอาคารมีในบริเวณรอบๆ มีลวดลายที่สวยงามอีกด้วย
  • ตลาดโต้รุ่งหัวหินหรือถนนคนเดินหัวหิน เป็นตลาดที่เปิดตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยตลาดแห่งนี้มีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยข้อมือ เสื้อผ้า นาฬิกา ร้านอาหาร ร้านขนม ของหวาน ของทานเล่น อาหารทะเล เหมาะสำหรับเดินชอปปิงในยามค่ำคืนและเลือกซื้อของได้ตลอดสองข้างทาง
  • จุดชมวิว เขาหินเหล็กไฟ

เป็นจุดชมวิวภูเขาขนาดเล็ก ที่สามารถมองเห็นวิวทะเล ตัวอาคาร รีสอร์ท โรงแรมได้อย่างชัดเจนและสวยงาม ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 162 เมตร ยิ่งในช่วงตอนเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน จะมีบรรยากาศที่สวยงามมาก

การเดินทางไปยังหาดหัวหิน

  • นั่งรถทัวร์ ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน มาลงที่หอนาฬิกาหัวหิน
  • รถยนต์ส่วนตัว มาจากกรุงเทพฯ ขึ้นทางด่วน มาลงที่ดาวคะนอง แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรีและชะอำ มายังใต้อุโมงค์หัวหิน แล้วเข้าสู่เมืองหัวหิน
  • นั่งรถไฟ ลงที่สถานีหัวหิน แล้วต่อโดยวินมอเตอร์ไซค์หรือนั่งรถสองแถวมาที่หาดหัวหิน

ที่อยู่หาดหัวหิน : ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/v2aCdvLGnnsxbG6w9

เวลาเปิด-ปิด  : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

โทร  :       –

2. หาดบ้านกรูด 

หาดบ้านกรูดเป็นชายหาดทะเลไทยที่แบ่งออกเป็น 2 หาด คือหาดบ้านกรูดเหนือและหาดบ้านกรูดใต้ เนื่องจากเป็นชายหาดที่มีความยาวถึง 12 กิโลเมตร แต่ก่อนนั้นมีต้นมะกรูดขึ้นเป็นจำนวนในบริเวณรอบๆ ชายหาด จึงพากันเรียกว่าหาดบ้านกรูด

ควรเที่ยวหาดบ้านกรูดช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการไปเที่ยวหาดบ้านกรูดจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงเดือนวันหยุดยาว มีสภาพอากาศที่แจ่มใส สามารถรับบรรยากาศลมแดดได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของหาดบ้านกรูด

เป็นชายหาดที่มีความสวยงามสไตล์ธรรมชาติ บริเวณชายหาดล้อมรอบไปด้วยต้นมะพร้าวที่เขียวสดใส หาดทรายเป็นสีขาวสะอาด น้ำทะเลสีคราม โดยหาดบ้านกรูดเป็นชายหาดที่มีความยาวมาก จึงทำให้มีหาดบ้านกรูดเหนือและหาดบ้านกรูดใต้ซึ่งมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป 

โดยหาดบ้านกรูดเหนือเป็นหาดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีถนนกั้น ส่วนหาดบ้านกรูดใต้เป็นชายหาดที่มีถนนกั้นทอดยาวเลียบไปกับชายหาด มีรีสอร์ท โรงแรมริมทะเลหลายแห่งสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อน นักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นยอดเขาธงชัยที่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ภักดีประกาศและพุทธกิติสิริชัยในระหว่างเดินชมทะเลอีกด้วย 

นอกจากนี้ยังมีร้านคาเฟ่สไตล์น่ารัก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ จากป้ายสัญลักษณ์ของหาดบ้านกรูด รวมทั้งหลักกิโลสีขาว มากไปกว่านั้นการมาเที่ยวที่หาดบ้านกรูด นักท่องเที่ยวจะได้พบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีอาชีพการทำประมงบวกกับการแปรรูปอาหารนั่นเอง หากใครไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวทะเลที่ไหนดี ก็สามารถแวะมาที่หาดบ้านกรูดได้เลย

กิจกรรมที่หาดบ้านกรูด

  • ปั่นจักรยานบนถนนเลียบชายหาด
  • นอนผักผ่อนบริเวณริมชายหาด หรือนอนอาบแดด
  • เดินรับลม 
  • เล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำ
  • ถ่ายรูปเช็คอิน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดหัวบ้านกรูดที่น่าสนใจ เช่น

  • เขาธงชัย ที่อยู่บนยอดเขาสูงใหญ่ซึ่งกั้นระหว่างหาดบ้านกรูดและหาดทางสาย โดยเขาธงชัยยังเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศที่ประดิษฐานพระพุทธกิตติสิริชัยหรือหลวงพ่อใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล

การเดินทางไปยังหาดบ้านกรูด

  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-บางสะพานน้อย มาลงที่ปากทางเข้าบ้านกรูด แล้วต่อด้วยรถสองแถวหรือวินมอเตอร์ไซค์
  • รถไฟ นั่งรถไฟสายใต้วิ่งลัดเลาะไปยังหมู่บ้านของบ้านกรูด
  • รถยนต์ ขับมาที่ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ประมาณกิโลเมตรที่ 382 จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรเกษม-บ้านกรูด แล้วทางรถไฟไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะถึงถนนเลียบหาดบ้านกรูด

ที่อยู่หาดบ้านกรูด : หาดบ้านกรูด บ้านกรูด ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZACgPSa52UDTEnnf8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00น.

โทร : 032-513-854 

อ่าวมะนาว

3. อ่าวมะนาว

อ่าวมะนาวเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว

ทะเลไทยที่มีความสวยงามสไตล์ธรรมชาติ และมีชื่อเสียงในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยอ่าวมะนาวนั้น มีลักษณะเป็นชายหาดโค้งครึ่งวงกลม หากมองจากมุมสูงจะคล้ายกับมะนาวครึ่งผล จึงเรียกว่าอ่าวมะนาว

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อ่าวแห่งนี้เคยเป็นยุทธภูมิรบระหว่างกองทัพไทยและญี่ปุ่น

เมื่อนักท่องเที่ยวได้มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็จะได้เห็นความสวยงามของทะเล

พร้อมทั้งเห็นอนุเสาวรีย์ของวีรชนที่เสียสละชีวิตในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติความกล้าหาญของวีรชนที่เคยปกป้องรักษา จนทำให้มีอ่าวมะนาวมาจนถึงปัจจุบัน

ควรเที่ยวหาดอ่าวมะนาวช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาอ่าวมะนาว ควรเป็นช่วงซัมเมอร์ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนนั่นเอง เพราะว่าน้ำทะเลจะมีสีใส มีบรรยากาศดี ที่ทำให้รู้สึกร่มรื่น แสนเย็นสบายจากทิวสน และมีความคึกคักจากนักท่องเที่ยวอีกด้วย

จุดเด่นของอ่าวมะนาว

เป็นชายหาดทะเลไทยที่สะอาด มีน้ำทะเลสวยใส และยังเป็นหาดที่ความปลอดภัยเนื่องจากมีภูเขาที่ค่อยบังกระแสน้ำ กระแสลม บริเวณรอบอ่าวมีวิวทิวทัศน์ที่น่ามอง มีพื้นที่กว้างสำหรับเดินเล่นรับบรรยากาศที่เย็นสบาย เงียบสงบ 

โดยตรงข้ามกับหาดยังเป็นเขาล้อมหมวกที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและมีศาลเจ้าพ่อล้อมหมวกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ มีที่พักรีสอร์ท คอนโดมิเนียม โรงแรม  ทาวน์เฮ้าส์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้พักผ่อนอย่างสบายใจ

กิจกรรมที่อ่าวมะนาว

  • นอนพักผ่อนบนเตียงริมชายหาด
  • เดินรับลม ชมวิว
  • เล่นน้ำทะเล
  • ดำน้ำ
  • รับประทานอาหาร
  • ถ่ายรูป
  • ปูเสื่อนั่งเล่นริมชายหาด

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงอ่าวมะนาวที่น่าสนใจ เช่น

  • ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองบิน 5  เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ตรงข้ามชายหาดอ่าวมะนาว ภายในศูนย์เศรษฐกิจมีสัตว์ที่น่ารัก เช่น แพะ กว้าง ม้า ให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม และถ่ายรูปสัมผัสบรรยากาศสวยๆ เป็นที่ระลึก
  • เขาล้อมหมวก เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง และบริเวณเชิงเขามีศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้สักการะกราบไหว้

หากใครที่ชอบเที่ยวทะเลสวยที่สุดในไทย หรือกำลังคิดว่าอยากไปเที่ยวทะเลคนเดียวที่ไหนดี อ่าวมะนาวก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวสำหรับใครหลายๆคนที่ไม่ควรพลาด

การเดินทางไปยังอ่าวมะนาว

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้สายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมายังหัวหิน

หรือขึ้นรถตู้จากสถานีสายใต้ใหม่ไปลงที่อ่าวมะนาว

  • รถไฟ นั่งรถไฟสายใต้จากกรุงเทพไปลงที่ประจวบคีรีขันธ์
  • รถทัวร์ นั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ไปลงที่ประจวบคีรีขันธ์

ที่อยู่อ่าวมะนาว : อยู่ในเขตกองบิน 53 กองทัพอากาศ ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4AhcKQa9GECyLaTS9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3266-1088-9

4. หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี 

หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีเป็นหาดน่าเที่ยวอีกที่หนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยหาดแห่งนี้มีขนาดพื้นที่ชายหาดที่กว้าง และเป็นชายหาดที่ทอดยาวจนไปถึงอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 

ซึ่งหาดแห่งนี้เริ่มตั้งแต่ปากน้ำปราณที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งศาลกรมหลวงชุมพรไปถึงยังหาดนเรศวรตอนใต้ อีกทั้งบริเวณชายหาดเป็นถนนเลียบหาดยาวตลอดแนว มีความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย 

ควรเที่ยวหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากจะได้เห็นคลื่นน้ำทะเลที่สวยงาม มีบรรยากาศริมชายหาดที่กำลังดี

จุดเด่นของหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี

เป็นชายหาดทะเลไทยที่มีบรรยากาศร่มรื่น 

เย็นสบายเป็นธรรมชาติ น้ำทะเลมีสีครามสวย มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ บริเวณรอบหาดมีวิวทะเลที่สวยงามและมีต้นตาล 3 ต้น ที่สัญลักษณ์อันโดดเด่นที่ชวนดึงดูดซึ่งอยู่คู่ชายหาด 

มีที่พักหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักผ่อน อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตด้านการประมงของชาวบ้าน มีอาหารทะเลและเครื่องประดับ ให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝาก

กิจกรรมที่หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี

  • เดินชมหาดทราย รับลมริมทะเล
  • นั่งชมวิวริมชายหาด
  • นอนพักผ่อน นอนอาบแดด
  • วิ่งเล่น ออกกำลังกาย
  • ปั่นจักรยานริมถนนเลียบชายหาด
  • เล่นเซิร์ฟสเก็ต
  • ถ่ายรูป
  • ล่องเรือชมทะเล

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีที่น่าสนใจ เช่น

  • อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ซึ่งบนยอดเขามีถ้ำพระยานคร โดยมีแสงแดดส่องมายังถ้ำพระนครทำให้เกิดความสวยงาม 
  • ทุ่งสามร้อยยอด (บึงบัวสามร้อยยอด)

เป็นทุ่งที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยบึงบัวจำนวนมาก โดยมีสะพานยาวให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมบรรยากาศที่เย็นสบาย เป็นธรรมชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่อันมีความอุดมสมบูรณ์ และมีนกหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่

  • ถนนคนเดินชายทะเล ปากน้ำปราณบุรี เป็นอีกที่เที่ยวที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบมานั่งชิลชมวิวทะเลสวยๆ โดยที่นี้มีอาหารหลากหลายให้ได้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสดๆ ของหวานของทานเล่น ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ หรือเดินชอปปิงกัน

ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศของทะเลไทยที่มีความเงียบสงบ ร่มรื่น ก็ควรแวะมาที่หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรีสักครั้ง

การเดินทางไปยังหาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี

  • รถไฟ ขึ้นรถไฟสายใต้ผ่านหัวหิน ปราณบุรีและประจวบคีรีขันธ์
  • รถยนต์ ขับรถยนต์โดยใช้เส้นทางเพชรเกษมทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพุทธมณฑลนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ถึง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ หน้าโลตัส สายอนุเสาวรีย์ชัยฯ-ปราณบุรี
  • รถทัวร์ สามารถเลือกไปขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ เอกมัย หรือสายใต้ใหม่ และสามารถเลือกลงที่สถานีขนส่งหัวหินหรือสถานีขนส่งประจวบคีรีขันธ์

ที่อยู่หาดปากน้ำปราณ ปราณบุรี : ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Jw1hqLMnhBibL16o9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

จังหวัดชลบุรี

จังหวัดชลบุรี

จังหวัดชลบุรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทะเลสีสวย บรรยากาศเย็นสบาย โดยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงทำให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวและมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งจังหวัดชลบุรีเป็นทะเลตะวันออกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอยากมาเยี่ยมชมหรือลงทุนทำธุรกิจนั่นเอง 

นอกจากนี้ยังมีบริการขนส่งสัมภาระกระเป๋าของ AIPPORTELs สาขา Terminal 21 Pattaya สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวแบบเดินสบาย ไร้กังวล กระเป๋าไม่หาย มีความปลอดภัย โดยสามารถใช้บริการขนส่งสัมภาระของ AIPPORTELs จากปลายทาง กรุงเทพ-พัทยา, พัทยา-พัทยา, พัทยา-กรุงเทพ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 100 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับการที่ไม่ต้องขนสัมภาระหนักๆ ด้วยตนเอง และหากใครยังไม่รู้ว่าเที่ยวทะเลที่ไหนดีในจังหวัดชลบุรี หรือมีที่ไหนบ้างให้น่าเที่ยว ก็ไปดูกันได้เลย

5. เกาะล้าน 

เกาะล้านเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงทางทะเลของพัทยา ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ในอ่าวไทยของจังหวัดชลบุรี โดยสมัยก่อนเกาะล้านเป็นแค่ตำบลเกาะล้าน มีระบบคมนาคมที่ไม่สะดวกและถูกโจรสลัดปล้น จึงทำให้มีการยุบเกาะล้าน 

ภายหลังเกาะล้านมีการขึ้นเป็นแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จึงทำให้เกาะล้านกลายเป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากและเป็นเกาะได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันในเรื่องของทะเลไทยน่าเที่ยวและมีทัศนียภาพที่สวยงาม

ควรเที่ยวเกาะล้านช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

ช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเกาะล้านแนะนำเป็นช่วงหน้าร้อนระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงทะเลสวย ฟ้าใส แดดกำลังดี

จุดเด่นของเกาะล้าน

เกาะล้านเป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียด มีน้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด ทำให้มีปลาและสัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยบริเวณรอบเกาะล้านยังมีเกาะเล็กๆ รายล้อม ทำให้มีบรรยากาศทางธรรมชาติที่น่ามอง และมีจุดชมวิวที่สวยงาม อีกทั้งเกาะล้านเป็นเกาะที่มีพื้นที่ใหญ่และกว้า งจึงทำให้มีหาดต่างๆบนเกาะล้านที่น่าดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งได้แก่

  • หาดตาแหวน เป็นหาดที่มีความกว้างและทอดยาวกว่าหาดอื่นๆ บนเกาะล้าน ประมาณ 750 เมตร โดยน้ำทะเลบนหาดตาแหวนนั้นมีสีฟ้าครามใสน่ามอง บวกกับหาดทรายสีขาว จึงทำให้มีความสวยงามอย่างตัวของหาดแห่งนี้ 

พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ที่พักหลากสไตล์ให้เลือก 

มีเครื่องเล่นสำหรับการทำกิจกรรม

  • หาดทองหลาง เป็นชายหาดขนาดเล็กเต็มไปด้วยเสียงคลื่น

ซึ่งมีทำให้มีกลิ่นอายของชายหาดสไตล์ธรรมชาติ  อีกทั้งหาดทองหลางยังมีความสวยงามแบบเงียบสงบและหาดทรายมีสีขาวนวล  เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบส่วนตัวและดำน้ำดูปะการัง ดูปลาตัวเล็ก แถมยังเป็นชายหาดที่อยู่ติดกับหาดตาแหวน ทำให้สะดวกต่อการมาเที่ยว พร้อมกับมีจุดชมวิวที่สวยงามบนหาดทองหลางอีกด้วย

  • หาดสังวาลย์ เป็นหาดที่มีความเงียบสงบ มีน้ำทะเลใสกว่าหาดอื่นๆ ซึ่งน้ำทะเลมีความใสสุดๆ จนสามารถมองเห็นโขดหินที่สวยงามได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้หาดสังวาลย์ยังมีสะพานไม้สีขาวที่มีความยาวถึง 150 เมตร ซึ่งเชื่อมต่อจากหาดตาแหวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวิวท่ามกลางบรรยากาศทะเลสีครามใสไล่ระดับ และถ่ายรูปกับโขดหินสวยๆ ได้อีกด้วย

กิจกรรมที่เกาะล้าน

  • เล่นเรือลากร่มชูชีพ
  • เล่นน้ำทะเล
  • เล่นเจ็ตสกี
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • เดินชมวิวบนชายหาด
  • นอนอาบแดด
  • ล่องเรือ
  • ถ่ายรูป
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะล้านที่น่าสนใจ เช่น

  • เกาะครก เป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับเกาะล้าน ซึ่งเกาะแห่งนี้มีขนาดเล็ก มีโขดหินที่สวยงามอยู่บริเวณรอบเกาะ อีกทั้งเป็นเกาะที่มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ มีปะการัง สัตว์ทะเลอาศัยอยู่ ทำให้เหมาะต่อการดำน้ำดูปะการังและล่องเรือดูน้ำทะเล หากใครที่ชอบบรรยากาศที่เงียบสงบก็สามารถมาที่เกาะแห่งนี้ได้ 
  • เกาะสาก เป็นเกาะที่มีขนาดเล็ก โดยรูปร่างของเกาะสากมีลักษณะรูปร่างคล้ายเกือกม้าหงาย อีกทั้งเกาะแห่งนี้มีปะการัง ฝูงปลา สัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำทะเลมีสีครามสวย ทำให้เกาะแห่งนี้เหมาะสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ดำน้ำ เล่นเจ็ตสกี เล่นบานาน่าโบ๊ท เป็นต้น

เกาะล้านนับว่าสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยยอดฮิต ที่ทุกคนควรมาสัมผัสบรรยากาศชายหาดทะเลสีขาวสวย น้ำทะเลสีครามใส สไตล์ธรรมชาติ

การเดินทางไปยังเกาะล้าน

  • นั่งเรือ ไปยังเกาะล้านได้จาก 2 ท่าเรือ คือ ท่าเรือหน้าบ้านและท่าเรือหาดตาแหวน
  • สปีดโบ๊ท นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปยังเกาะล้าน โดยเลือกลงได้ทั้งท่าเรือหน้าบ้านและท่าเรือหาดตาแหวน
  • รถตู้ เลือกขึ้นรถตู้ไปเกาะล้านได้จากสถานีขนส่งหมอชิตใหม่และสถานีขนส่งเอกมัย รถจะมาส่งที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย
  • รถทัวร์  ขึ้นรถทัวร์จากสถานีขนส่งหมอชิตใหม่และสถานีขนส่งเอกมัย
  • รถไฟ ขึ้นรถไฟขบวนเส้นทางพิเศษ กรุงเทพฯ – พัทยา – บ้านพลูตาหลวง

เมื่อเดินทางมาถึงพัทยาแล้ว จะต้องต่อรถสองแถวจากหน้าสถานีรถไฟไปยังท่าเรือแหลมบาลีฮายเพื่อไปที่เกาะล้าน

ที่อยู่เกาะล้าน : อยู่เลขที่ 222 หมู่ 7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองพัทยา

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZWKnEjw6JkBPihABA

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

6. หาดพัทยา 

เป็นชายหาดทะเลไทยที่เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางทะเล ซึ่งเป็นหาดหลักที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ โดยหาดแห่งนี้มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร จึงทำให้มีถนนเลียบชายหาดยาวไปตลอดทางสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ

ควรเที่ยวหาดพัทยาช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดพัทยาจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของหาดพัทยา

เป็นชายหาดที่สะอาดและมีขนาดของชายหาดที่กว้างขวาง บรรยากาศรอบหาดมีความสวยงาม เย็นสบาย คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว อีกทั้งมีวิวทิวทัศน์บริเวณรอบหาดที่น่ามอง มีที่พักผ่อนหลายแห่งให้เลือกและยังมีร้านอาหารที่แสนอร่อย รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับให้บริการ

กิจกรรมที่หาดพัทยา

  • เล่นเจ็ทสกี
  • เล่นน้ำทะเล
  • เล่นเครื่องร่อนพาราเซลลิ่ง
  • นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • วิ่งเล่น ออกกำลังกาย
  • ว่ายน้ำ
  • ถ่ายรูปริมชายหาด
  • ล่องเรือ

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียง

หาดพัทยาน่าสนใจ เช่น 

  • สวนนงนุช เป็นสวนที่มีขนาดใหญ่และสวยงาม บรรยากาศภายในสวนประดับไปด้วยดอกไม้ สวนกล้วยไม้ สวนพฤกษชาติ สวนกระบองเพชร ทำให้สวนแห่งนี้เป็นสวนที่สวยงามทั้งรูปแบบและรูปทรง ร่มรื่น เขียวขจี น่ามาเที่ยวชม
  • ดอลฟินนาเรียมพัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับการแสดงโชว์ปลาโลมาที่แสนน่ารักโดยเฉพาะ

การเดินทางไปยังหาดพัทยา

  • รถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีพัทยาและสถานีพัทยาใต้
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีคิวรถตู้ไปพัทยา 
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีคิวรถทัวร์ไปพัทยา 
  • รถยนต์  ขับมาเส้นทางหลวง 34 ทางบางนา-บางปะกง แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 3 เส้นสุขุมวิท จะผ่านเมืองชลบุรี บางแสน และศรีราชา จากนั้นให้ตรงไปที่พัทยา

ที่อยู่หาดพัทยา : เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WKNVpcJ2bokgLTGg8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร  :        

เกาะไผ่ พัทยา 

7. เกาะไผ่ พัทยา 

เกาะไผ่ พัทยา เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะไผ่ ซึ่งตั้งอยู่บนอ่าวพัทยา มีความห่างจากเกาะล้านประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเป็นเกาะลับของพัทยาซึ่งมีบรรยากาศที่สงบ น่าอยู่ เนื่องจากยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนั่นเอง อีกทั้งได้รับความดูแลและฟื้นฟูจากกองทัพเรือ ทำให้กลายเป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นอีกเกาะของทะเลไทยที่น่าท่องเที่ยวและไม่ไกลจากกรุงเทพ

ควรเที่ยวเกาะไผ่ พัทยาช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวพัทยาเกาะไผ่จะเป็นช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมนั่นเอง เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีวันหยุดพักร้อนหลายวันและมาพักผ่อนนอนอาบแดดรับวิตามินได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นของเกาะไผ่ พัทยา

เป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวนุ่มละเอียด และมีน้ำทะเลสีใสสุดๆราวกับคริสตัลหรือกระจก

จนสามารถมองโขดหินสวยๆ อีกทั้งทำให้รู้สึกอยากนอนเล่นบนน้ำทะเล บรรยากาศรอบเกาะมีความเย็นสบาย เงียบสงบเหมือนอยู่บนเกาะส่วนตัว และนักท่องเที่ยวยังสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์อันสดชื่นได้อย่างเต็มปอด 

รวมถึงเป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์จึงทำให้มีฝูงปลา สัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เหมาะสำหรับการดำน้ำดูปะการัง ใต้ท้องทะเลไทยที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีหมูแคระที่น่ารัก รอตอนรับและทักทายนักท่องเที่ยวอีกด้วย เนื่องจากเกาะไม่อนุญาตให้พักค้างคืน จึงแนะนำให้มาเที่ยวที่เกาะไผ่แบบไปเช้าเย็นกลับจะดีที่สุด รวมถึงนักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งพักชิลๆ ได้ทั้งวัน พร้อมกับรับประทานอาหารทะเลที่อร่อยๆ จากหลากหลายเมนู

กิจกรรมที่เกาะไผ่ พัทยา

  • นั่งเรือสปีดโบ๊ทชมทะเล
  • ล่องทะเล
  • ตกปลา
  • นอนอาบแดด
  • ดำน้ำ ดูปะการัง
  • เล่นน้ำทะเล
  • พายเรือคายัค
  • ถ่ายรูปบรรยากาศรอบเกาะ
  • นั่งปิคนิค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะไผ่ พัทยาน่าสนใจ เช่น 

  • เกาะมารวิชัย เป็นเกาะที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีความสวยเป็นธรรมชาติ น้ำทะเลใสสะอาด หาดสวย น่าท่องเที่ยวโดยเกาะแห่งนี้มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร 
  • เกาะกลึงบาดาล เป็นเกาะที่มีหาดทรายเล็กๆ อยู่ด้านทิศตะวันออกของเกาะและมีก้อนหินหลากหลายสีสัน โดยเป็นเกาะที่ทีความเงียบสงบ

นักท่องเที่ยวไม่นิยมมาเกาะแห่งนี้

ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศทะเลสีใสราวกับคริสตัล บรรยากาศเงียบสงบ ให้ความรู้สึกแบบเป็นส่วนตัว หรืออยากเห็นความน่ารักของน้องหมูแคระ เกาะไผ่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวทะเลไทยที่รอตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลอยู่

การเดินทางไปยังเกาะไผ่ พัทยา

  • รถยนต์ ถ้ามาจากกรุงเทพ ให้ใช้ถนนเส้นบางนา-ตราด เข้าชลบุรีไปทางพัทยาใต้  จากนั้นขับรถไปจอดที่แหลมบาลีฮาย แล้วต่อด้วยการขึ้นท่าเรือแหลมบาลีฮายไปถึงเกาะไผ่
  • รถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีพัทยาและสถานีพัทยาใต้ จากนั้นต่อรถไปยังท่าเรือแหลมบาลีฮาย
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีคิวรถตู้ไปพัทยา

ที่อยู่เกาะไผ่ พัทยา : อ่าวพัทยา ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UWGFmvWByYExCWfN7

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 085-8879358

8. หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา 

หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา เป็นชายหาดในพัทยาเหนือของอ่าวไทย ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ 

เป็นส่วนตัว ไม่มีถนนเลียบชายหาด ซึ่งเมื่อก่อนมีที่พักแค่ที่เดียวตั้งอยู่บนหาดแห่งนี้ นั่นก็คือโรงแรมวงศ์อมาตย์ โดยชื่อของโรงแรมมาจากคนที่เป็นเจ้าของที่พัก ก็เลยพากันเรียกว่า หาดวงศ์อมาตย์มาจนถึงปัจจุบัน

ควรเที่ยวหาดวงศ์อมาตย์ พัทยาช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวหาดวงศ์อมาตย์ พัทยา จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เนื่องจากน้ำทะเลมีความใส หาดสวยสุดในช่วงนี้ รวมถึงเหมาะสำหรับการนอนอาบแดด

จุดเด่นของหาดวงศ์อมาตย์ พัทยา

เป็นหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาดมาก หาดทรายสวย มีความเงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนบรรยากาศในหาดมีความร่มรื่น นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากมีเชือกกั้นให้เล่นน้ำในเฉพาะบริเวณที่ปลอดภัยนั่นเอง ยิ่งในช่วงเย็นนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเล่นชิลๆ ชมความสวยงามจากพระอาทิตย์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีที่พักหลายแบบให้เลือกพักผ่อน มีร้านอาหารอร่อยให้รับประทาน รวมถึงเป็นทะเลไทยที่มีชื่อเสียง และควรแวะมาเที่ยวในช่วงวันหยุด

กิจกรรมที่หาดวงษ์อมาตย์ พัทยา

  • นอนพักผ่อน ตอนตากแดดริมทะเล
  • เดินชมวิว
  • นั่งปิคนิค
  • นัดพบปะเพื่อน
  • เล่นน้ำทะเล
  • ถ่ายรูป

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดวงษ์อมาตย์ พัทยาที่น่าสนใจ เช่น

  • อาร์บีบี พัทยา ไบกิ้งทัวร์ เป็นที่เที่ยวสำหรับล่องเรือชมทะเล
  • Pattaya and Bike Tours เป็นสถานที่เที่ยวสำหรับการขับรถมอเตอร์ไซค์ผจญภัย
  • อัลคาซ่าร์โชว์พัทยา เป็นที่เที่ยวสำหรับการแสดงโชว์คาบาเร่ต์ในยามค่ำคืน
  • Dive Station Pattaya เป็นที่เที่ยวสำหรับดำน้ำดูปะการัง ชมความสวยงามใต้ท้องทะเล

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศทะเลสไตล์ความงียบสงบ อยากนั่งชมวิวที่สวยงามจากพระอาทิตย์แบบชิลๆ

ที่อยู่หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา : หาดวงศ์อมาตย์ ซอยนาเกลือ18 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CGrkZhzQQmbfod697

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :         – 

เกาะสีชัง

9. เกาะสีชัง 

เกาะสีชังเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ทะเลสีครามสวย ซึ่งในอดีตเกาะแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นที่เสด็จประพาสและเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่3 ถึงรัชกาลที่ 6 โดยเกาะสีชังมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากมาเยี่ยมชมความงามของทะเลไทยตลอดทั้งปีและเป็นเกาะที่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพอีกด้วย

ควรเที่ยวเกาะสีชังช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเกาะสีชังคือปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคมหรือจะไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ตลอดทั้งปีก็ได้

จุดเด่นของเกาะสีชัง

เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพสวยงาม บรรยากาศดี มีกลิ่นอายทะเลธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ สามารถสูดอากาศอันสดชื่นได้อย่างเต็มที่ โดยนักท่องเที่ยวนิยมมาที่เกาะสีชังเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเป็นเกาะที่พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่4 ถึงรัชกาลที่ 6 เสด็จประพาสและทรงประทับ  

ซึ่งสถานที่สวยๆบนเกาะสีชัง มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

  • เดอ แองเคอร์ รีสอร์ท De’Anchor 

เป็นรีสอร์ทที่มีลักษณะเป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยม โทนสีขาวสวยสะอาดตา น่ามอง และเหมาะสำหรับการพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ริมชายหาดทะเล อีกทั้งรีสอร์ทแห่งนี้มีบรรยากาศดี นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมวิวทัศนียภาพ จากตัวรีสอร์ทไปยังชายหาดทะเล

  • สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานไม้สีขาวทอดยาวไปยังกลางทะเล 

เหมาะสำหรับเดินถ่ายรูปหรือถ่ายพรีเวดดิ้ง รวมทั้งเดิมชมทัศนียภาพ ท่ามกลางบรรยากาศน้ำทะเลสีครามสวย

  • ช่องเขาขาด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ โดยบริเวณรอบเต็มไปด้วยโขดหิน บรรยากาศดี เย็นสบาย เนื่องจากมีลมพัดอยู่ตลอดทั้งวัน และช่องเขายังมีสะพานทอดยาวไปยังแหลมหน้าผาด้านล่าง สำหรับเดินชมวิวและชมความสวยงามในยามเย็นของพระอาทิตย์ตก
  • มณฑปรอยพระพุทธบาท เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งรัชกาลที่5 ทรงอัญเชิญพระพุทธบาทมาประดิษฐานไว้ เพื่อเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการ

สักการะกราบไหว้และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

กิจกรรมที่เกาะสีชัง

  • ดำน้ำชมปะการัง
  • เดินชมวิวทิวทัศน์
  • ตกปลา
  • นั่งพักผ่อนริมทะเล
  • นอนอาบแดด
  • ถ่ายูป
  • ล่องเรือ

การเดินทางไปยังเกาะสีชัง 

  • รถยนต์  ขับรถยนต์จากกรุงเทพ

โดยใช้ถนนสายบางนา-ตราด ไปจนถึงบางแสน แล้วจากนั้นตรงไปยังโรบินสัน ศรีราชา และจอดรถไว้ที่ท่าเรือเกาะสีชัง จากนั้นนั่งเรือข้ามไปยังเกาะสีชัง

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่หมอชิต เพื่อมาลงที่หน้าโรบินสันศรีราชา แล้วต่อรถสองแถวหรือวินมอเตอร์ไซค์ไปที่ท่าเรือ
  • เรือสปีดโบ้ท นั่งเรือสปีดโบ้ทจากท่าเทียบเรือเกาะลอยไปยังเกาะสีชัง

ที่อยู่เกาะสีชัง :  ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/51PrNzL36tEsCB5r8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

10. เกาะขาม สัตหีบ 

เกาะขามเป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ บริเวณรอบเกาะมีทัศนียภาพที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมถึงเกาะขามยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลอีกด้วย

ควรเที่ยวเกาะขาม สัตหีบช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการเที่ยวเกาะขามจะอยู่ในระหว่างกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากมีความปลอดภัย ได้บรรยากาศที่ดีและไม่มีคลื่นลมแรงจากทะเล

จุดเด่นของเกาะขาม สัตหีบ

เป็นเกาะที่มีน้ำทะเลสีฟ้าครามใส หาดทรายขาวสวย บรรยากาศเงียบสงบ แหละพื้นที่ของเกาะมีถึง 83,000 ตารางเมตร จึงเหมาะต่อการดำน้ำดูปะการังที่มีหลากหลายสีสัน 

ภายใต้ท้องทะเลยังมีปลานีโม่หรือฝูงปลาต่างแวะมาทักทายนักท่องเที่ยวและมีสะพานไม้ของหาดที่ทอดยาวเลียบไปตามแนวเชิงเขาริมทะเล ทำให้สามารถไปถ่ายรูปเล่นได้ รวมถึงมีพันธ์ุไม้ต่างๆ บริเวณรอบเกาะ โดยเกาะแห่งนี้นักท่องเที่ยวไม่สามารถค้างคืนได้ ควรไปเที่ยวชมบรรยากาศสวยๆ ทั้งวันแบบไปเช้าเย็นกลับ

กิจกรรมที่เกาะขาม สัตหีบ

  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งเรือท้องกระจกชมปะการัง
  • นั่งรับลม
  • เดินชมพรรณไม้และทัศนียภาพ
  • ปลูกปะการัง
  • ถ่ายรูป
  • เล่นน้ำทะเล
  • พายเรือคายัค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะขาม สัตหีบที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดนางรำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งในสัตหีบที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดทะเลน้ำใส หาดทรายละเอียด บรรยากาศเงียบสงบ และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
  • เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ เป็นเรือที่ต่อจากประเทศสเปน ประจำการในส่วนกำลังรบของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่เคยบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเข้าชมบรรยากาศภายในได้

หากใครที่ไม่รู้ว่าควรเที่ยวทะเลที่ไหนดี ก็สามารถมาเที่ยวที่เกาะขาม สัตหีบ ซึ่งเป็น

ทะเลไทยที่มีความสวยงามจากน้ำทะเล หาดทรายขาว และมีทัศนียภาพที่อุดมสมบูรณ์นั่นเอง

การเดินทางไปยังเกาะขาม สัตหีบ

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้โดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-สัตหีบ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (เอกมัย) แล้วลงที่ กม.6 หรือ กม.10  จากนั้นต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปที่บริเวณท่าเรือเพื่อที่จะนั่งเรือไปยังเกาะขาม
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) แล้วนั่งรถกรุงเทพ – ระยอง (สายเก่า ) แล้วลงที่ตลาดสัตหีบ
  • รถยนต์  ขับรถยนต์จากกรุงเทพ 

ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี เข้าสู่ตำบลสัตหีบ แล้วเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3126 จากนั้นขับไปก็เข้าสู่บ้านช่องแสมสารและถึงท่าเทียบเรือ แล้วขึ้นเรือไปยังเกาะขาม

ที่อยู่เกาะขาม สัตหีบ : ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1ZUyHRWjwSiy93JaA

เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์- วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 033-124848

เกาะแสมสาร สัตหีบ 

11. เกาะแสมสาร สัตหีบ 

เกาะแสมสารเป็นเกาะที่มีรูปทรงยาวรี ในอดีตเกาะแห่งนี้มีชุมชนอาศัยอยู่ ต่อมาเป็นเกาะที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ซึ่งเกาะแห่งนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบ สวยงามสไตล์ธรรมชาติจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

ควรเที่ยวเกาะแสมสาร สัตหีบช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวเกาะแสมสาร คือสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หรือจะมาเที่ยวในช่วงซัมเมอร์ก็ได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีวันหยุดเยอะนั่นเอง

จุดเด่นของเกาะแสมสาร สัตหีบ

เป็นเกาะท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ โดยเกาะแสมสารมีหาดทรายสวย น้ำทะเลสีครามใส มีปะการังที่สวยงามและฝูงปลาจำนวนมากใต้ท้องทะเล รวมถึงนักท่องเที่ยวยังได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ที่พักติดริมทะเลสำหรับพักผ่อนได้อย่างชิลๆ

กิจกรรมที่เกาะแสมสาร สัตหีบ

  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งเรือท้องกระจก
  • นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • เล่นน้ำทะเล
  • พายเรือคายัค
  • ถ่ายรูป

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียง

เกาะแสมสาร สัตหีบที่น่าสนใจ เช่น

  • หลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร เป็นวัดช่องแสมสารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปบนยอดเขาเจดีย์ หรือเรียกกันว่า

หลวงพ่อดำ เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่บ้าน ให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวได้สักการะกราบไหว้ ขอพร

  • ฟาร์มปลาการ์ตูน เป็นฟาร์มปลาขนาดใหญ่ที่มีปลาการ์ตูนถึง 6 สายพันธุ์ โดยเป็นสถานที่แหล่งเรียนรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับปลาทะเลรวมถึงเป็นแหล่งทัศนศึกษาอีกด้วย 

การเดินทางไปยังเกาะแสมสาร สัตหีบ

  • รถตู้ เดินทางจากท่ารถตู้หมอชิต เส้นทาง : กรุงเทพ – สัตหีบ และต่อรถสองแถวมายังท่าเรือเขาหมาจอ
  • รถทัวร์ ขึ้นรถตู้ที่หมอชิต เส้นทางกรุงเทพ-สัตหีบ แล้วต่อด้วยรถสองแถวหรือวินเตอร์ไซต์มายังท่าเรือเขาหมาจอ
  • รถยนต์ ขับรถยนต์จากกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ (7) หรือทางพิเศษบูรพาวิถี(บางนา-ชลบุรี) ผ่านพัทยา มุ่งหน้าสัตหีบ แล้วไปที่ท่าเรือเพื่อข้ามฝากไปยังเกาะแสมสาร

ที่อยู่เกาะแสมสาร สัตหีบ : ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/QZjpD6nuhko8iJBD7

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น. 

เบอร์โทร : 0-3843-2475

12. หาดน้ำใส สัตหีบ 

หาดน้ำใส สัตหีบ เป็นหาดที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ใกล้เกาะชามและเกาะแสมสาร โดยชายหาดนั้นทอดยาวเลียบเลียบทะเลถึง 600 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสัมผัสความสวยงามที่หาดแห่งนี้ได้ง่าย ยังเป็นหาดของทะเลไทยที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สถานที่อื่นๆ

ควรเที่ยวหาดน้ำใส สัตหีบ ช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดน้ำใส สัตหีบ จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เนื่องจากไม่มีคลื่นลมแรงจากทะเล หรือสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีก็ได้

จุดเด่นของหาดน้ำใส สัตหีบ

เป็นชายหาดขนาดเล็กที่มีบรรยากาศเงียบสงบ น้ำทะเลใสสุดๆ หาดทรายเนียนสะอาด บรรยากาศรอบหากมีความร่มรื่นจากต้นสน และยังมีสิ่งที่อำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักผ่อนได้อย่างชิลๆ สบายใจ และที่สำคัญยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา

กิจกรรมที่หาดน้ำใส สัตหีบ

  • เล่นน้ำทะเล
  • นั่งปิกนิก
  • พายเรือคายัค
  • พายเรือแคนู
  • นอนพักผ่อน นอนตากแดด
  • ถ่ายรูป
  • ดำน้ำ
  • เดินชมวิว

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดน้ำใส สัตหีบที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดนางรำ เป็นชายหาดที่มีบรรยากาศร่มรื่น อากาศเย็นสบาย น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะสำหรับดำน้ำดูปะการัง
  • หาดนางรอง เป็นชายหาดที่มีพื้นที่กว้าง น้ำทะเลใสมาก เหมาะสำหรับการนอนพักผ่อนริมชายหาด 

หาดน้ำใสเป็นหาดที่มีน้ำใสสมชื่อ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวชมที่หาดแห่งนี้ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบาย

หากใครกำลังคิดว่าอยากมาเที่ยวทะเลสวยที่สุดในไทย ดังนั้นหาดน้ำใสก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาดนั่นเอง

การเดินทางไปยังหาดน้ำใส สัตหีบ

  • รถตู้   ขึ้นรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปลงตลาดสัตหีบ แล้วต่อรถสองแถวไปยังท่าเรือ 
  • รถยนต์ เดินทางจากเส้นทาง ถ.สุขุมวิท พัทยา – ระยอง หรือ มาจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 ตรงมาที่ ตำบลแสมสาร เข้าสู่จุดตรวจการณ์ผ่าน – เข้า ออกของ กรม.กสพ.ฐท.สส. และ เข้ามาอีกประมาณ 1.5 กม. เพื่อเข้าพื้นที่ของ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) ก็จะเห็นหาดน้ำใสจะอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของพื้นที่

ที่อยู่หาดน้ำใส สัตหีบ: หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/HxVBh2vP1CDi3UzZ9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :        –

หาดเตยงาม สัตหีบ

13. หาดเตยงาม สัตหีบ 

เป็นชายหาดที่อยู่ในความดูแลของกองบัญชานาวิกโยธิน โดยบริเวณของหาดแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยพรรณไม้จากธรรมชาติ และมีต้นเตยทะเลเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีชื่อว่าหาดเตยงามนั่นเอง และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สำหรับคนที่รักธรรมชาติ

ควรเที่ยวหาดเตยงามช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวหาดเตยงาม จะอยู่ในระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน เนื่องจากจะเป็นช่วงทะเลที่มีความสวยงามที่สุดและน่าเที่ยวที่สุด

จุดเด่นของหาดเตยงาม

เป็นชายหาดทะเลไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์ หาดทรายสวยงาม สะอาด น้ำทะเลใส มีความเงียบสงบ โดยหาดแห่งนี้จะรับเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยดท่านั้น และยังเป็นหาดที่มีความปลอดภัยสุดๆ เนื่องจากจะต้องมีการตรวจสอบบัตรในการเข้าชมชายหาดจากเจ้าหน้าที่ อีกทั้งบริเวณริมทะเลมีความสวยงามของพระอาทิตย์ตกในยามเย็น

กิจกรรมที่หาดเตยงาม

  • เล่นน้ำทะเล
  • ปลูกปะการัง
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งพักผ่อนริมชายหาด
  • นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • ถ่ายรูป
  • พายเรือคายัค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดเตยงามที่น่าสนใจ เช่น

  • ศาลนายพลเรือเอก เป็นพระตำหนัก ศาลพระรูปของพลเรือเอก พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย ซึ่งเป็นสถานที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรือและตั้งอยู่บนบริเวณชายหาดทรายขาวสะอาด มีจุดชมวิวที่สวยงาม

การเดินทางไปยังหาดเตยงาม

  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่บริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปลงที่ตลาดสัตหีบ จากนั้นต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
  • รถยนต์ ขับรถมาจากกรุงเทพ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์เข้าพัทยา-สัตหีบ จากนั้นให้สังเกตโรงเรียนสิงห์สมุทรซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ติดกับทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

ที่อยู่หาดเตยงาม สัตหีบ : หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hGe5zXsRwNhhfwiM6

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3843-8457

14. ทะเลบางแสน

ทะเลบางแสนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ซึ่งทะเลแห่งนี้ตั้งอยู่บนทะเลอ่าวไทยของจังหวัดชลบุรี รวมถึงเป็นทะเลไทยยอดฮิตที่คนนิยมไปเที่ยว เนื่องจากบรรยากาศรอบทะเลนั้นมีความสวยงาม บรรยากาศดี และใกล้กับกรุงเทพ เดินทางง่ายอีกด้วย

ควรเที่ยทะเลบางแสนช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวทะเลบางแสน จะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม เนื่องจากเป็นช่วงที่มีลมกับกระแสน้ำที่ช่วยทำให้น้ำทะเลมีความใสแจ๋วและฝนไม่ตกนั่นเอง 

จุดเด่นของทะเลบางแสน

เป็นทะเลไทยที่สวย หาดทรายขาวเนียน ละเอียดน้ำทะเลใสราวกับกระจก เรียกได้ว่าใสแจ๋วสุด ๆ มีต้นมะพร้าวขึ้นอยู่ตลอดทั้งแนวชายหาด ซึ่งเป็นตัวช่วยทำให้บรรยากาศรอบทะเลร่มรื่น เย็นสบาย น่านอนพักผ่อนริมชายหาด และยังเป็นชายหาดที่มีถนนตัดเลียบชสยหาย จึงทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร เครื่องเล่น แถมยังมีความคึกคักจากนักท่องเที่ยว

กิจกรรมที่ทะเลบางแสน

  • เล่นว่าว
  • เดินชมวิว
  • นอนเล่นรับลม
  • นอนอาบแดด
  • ถ่ายรูป
  • เล่นบานาน่าโบ๊ท
  • ขี่เรือเจ็ตสกี
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงทะเลบางแสน เช่น

  • ตลาดปลาบางแสน เป็นตลาดปลาสไตล์ญี่ปุ่น โดยเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชลบุรีที่มีอาหารทะเลหลากหลาย เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งมีความสดสะอาด และยังมีอาหารญี่ปุ่น ของทานเล่นที่อร่อยๆ เหมาะสำหรับการแวะมาซื้อของฝากกลับบ้านอีกด้วย
  • เขาสามมุข เป็นนอดเขาชมวิวแห่งหนึ่งของชลบุรี ที่สามารถมองเห็นความสวยงามของทะเล แหลมแท่น และอ่างศิลา รวมถึงมีบรรยากาศที่เย็นสบาย น่ามอง เหมาะสำหรับการถ่ายรูปวิวทะเลสวยสีฟ้าครามสวย

การเดินทางไปยังทะเลบางแสน

  • รถยนต์ การเดินทางจากกรุงเทพไปจังหวัดชลบุรี ใช้เส้นทางสายบางนา – ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งเอกมัยสายกรุงเทพ-พัทยา , กรุงเทพ-ศรีราชา, กรุงเทพ-ระยอง ซึ่งจะต้องผ่านหนองมน แล้วไปลงที่แยกบางแสน จากนั้นต่อรถสองแถวไปยังทะเลบางแสน
  • รถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง ที่ผ่านไปยังจังหวัดชลบุรี จากนเห็นต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้ที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลือกรถตู้ที่มีเส้นทางไปยังชลบุรี-บางแสน

ที่อยู่ทะเลบางแสน :  ถ.บางแสนสาย 1 ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/3UCNaE3CzwnqCMtg8

เวลา เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-18:00 น.

เบอร์ โทร :           –

จังหวัดระยอง

จังหวัดระยอง

จังหวัดระยองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำทะเลสวยใสหลายแห่งและมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศจากธรรมชาติ

โดยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและเป็นแหล่งอาหารทะเลที่สำคัญของประเทศไทย 

นอกจากนี้จังหวัดระยองยังมีความงดงามของธรรมชาติที่เขียวขจีในบริเวณรอบเกาะ แถมรอบทะเลมีสีครามสวยให้คุณได้มาสัมผัส อีกทั้งการที่มาเที่ยวทะเลในจังหวัดระยองเป็นการช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวดีขึ้นด้วย รวมถึงยังเป็นการช่วยอุดหนุนคนในพื้นที่จังหวัดระยอง ที่มีอาชีพทำการประมงให้มีรายได้ในการขายอาหารทะเลนั่นเอง สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวทะเลไทยสวยๆในจังหวัดระยอง แต่ไม่รู้ว่าควรไปที่ไหนดี และมีที่เที่ยวตรงไหนบ้าง ดังนั้นก็ไปดูกันเลย 

15. เกาะเสม็ด

เกาะเสม็ดเป็นเกาะที่อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า โดยเกาะแห่งนี้มีชื่อเสียง ได้รับควมานิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางง่าย สะดวกต่อการมาสัมผัสบรรยากาศทะเลไทย

ควรเที่ยวเกาะเสม็ดช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเกาะเสม็ด จะอยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ บรรยากาศกำลังดี  มีความปลอดโปร่ง และยังเปิดให้มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หากนักท่องเที่ยวสะดวกช่วงไหน ก็แวะมาเที่ยวทะเลไทยที่เกาะเสม็ดได้เลย

จุดเด่นของเกาะเสม็ด

เป็นเกาะหาดทรายละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศร่มรื่น มีพื้นที่กว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยว ซึ่งบนเกาะเสม็ดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง แต่ละแห่งจะมีเอกลักษณ์ความสวยงามที่แตกต่างกันไป เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจและทำกิจกรรมต่างๆ อีกทั้งพื้นที่รอบเกาะล้อมรอบไปด้วยภูเขาจึงทำให้มีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติสวยงาม 

โดยสถานที่บนเกาะเสม็ดที่น่าเที่ยวมีดังนี้

  • อ่าวพร้าว เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว น้ำทะเลใส มีความสวยงามจากวิวทะเล นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนที่อ่าวพร้าวได้อย่างชิลๆ
  • อ่าววงเดือน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชายหาดมีลักษณะคล้ายโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว บริเวณรอบเกาะมีบรรยากาศร่มรื่นและเป็นธรรมชาติทำให้เป็นอ่าวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว

อีกด้วย

  • อ่าวหมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทีเม็ดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส บรรยากาศรอบอ่าวมีความเป็นส่วนตัว
  • หาดทรายแก้ว เป็นชายหาดที่มีสีขาวนุ่มละเอียด เป็นหาดที่สวยที่สุดในเกาะเสม็ด และเป็นหาดที่ความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยธรรมชาติ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

กิจกรรมที่เกาะเสม็ด

  • เล่นน้ำทะเล
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นอนพักผ่อน นอนอาบแดด
  • เดินชมวิว
  • ถ่ายรูป
  • พายเรือแคนู
  • พายเรือคายัค

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเกาะเสม็ดที่น่าสนใจ เช่น

  • อ่าวนวล  เป็นอ่าวขนาดเล็กที่มีน้ำทะเลใสแจ๋ว บรรยากาศเงียบสงบและบริเวณรอบอ่าวมีโขดหินเล็กๆ เป็นจำนวนมาก
  • อ่าวทับทิม  เป็นอ่าวขนาดเล็กที่น่า

พักผ่อน บรรยากาศ เงียบสงบและมีทรายหาดขาวสะอาด

การเดินทางไปยังเกาะเสม็ด

  • รถยนต์ ขับรถไปที่ทางหลวงหมายเลข 7 สายมอเตอร์เวย์ โดยเริ่มจากถนนพัฒนาการ เขตประเวศกรุงเทพ แล้วขับไปยังจังหวัดชลบุรี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 เพื่อขับไปจนถึงอ.เมือง จ.ระยอง
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกสายกรุงเทพ-ระยอง
  • รถตู้  ขึ้นรถตู้ที่อนุเสาวรีย์ที่อยู่ใกล้กับภัตตาคารพงหลี โดยเลือกรถตู้เส้นทางไปยังระยอง-บ้านเพ

ที่อยู่เกาะเสม็ด : เขตอุทยานแห่งชาติเขา แหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wb6BpFLv5MAXeYha8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์ :         –

หาดน้ำริน

16. หาดน้ำริน 

หาดน้ำรินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยในจังหวัดระยองที่มีลักษณะเป็นชายหาดทอดยาว มีโขดหินรอบๆ หาดนั่นเอง เนื่องจากหาดแห่งนี้มีน้ำไหลรินใต้ผิวดินอยู่ตลอดทั้งปีและยังเป็นหาดที่มีแนวลาดชัน ทำให้หาดแห่งนี้มีชื่อว่าหาดน้ำริน โดยหาดแห่งนี้เป็นที่รู้จักเฉพาะคนในท้องถิ่น จึงทำให้ชื่อของหาดยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ความสวยของหาดแห่งนี้ก็ไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ

ควรเที่ยวหาดน้ำรินช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดน้ำรินจะอยู่ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน

จุดเด่นของหาดน้ำริน

เป็นหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบเป็นธรรมชาติ นักท่องเที่ยวไม่แออัด มีทั้งต้นสนและต้นมะพร้าวที่ให้ความร่มรื่น เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนเป็นครอบครัวหรือมาเที่ยวคนเดียวแบบสายชิลก็ได้ นอกจาก นี้ยังมีรูปปั้นปลาพะยูนบนหินให้ได้ชม และยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ริมหาดอีกด้วย

กิจกรรมที่หาดน้ำริน

  • นั่งตกปลา
  • นั่งพักผ่อน
  • เดินชมวิว
  • ปิกนิก
  • เล่นน้ำทะเล
  • ชมพระอาทิตย์ตก

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดน้ำรินทีที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดพยูน เป็นหาดที่มีน้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายมีสีน้ำตาล บรรยากาศ

รอบหาดเงียบสงบ มีความร่มรื่นจากต้นสนที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก และยังหาดที่น่าท่องเที่ยว

  • หาดพลา เป็นชายหาดที่มีบรรยากาศเย็นสบาย น้ำทะเลสีเขียวใส และมีจุดชมวิวที่สวยงามอีกด้วย

การเดินทางไปยังหาดน้ำริน

  • รถยนต์  ขับรถยนต์ขึ้นทสงหลวงหมายเลข 3 สายสุขุมวิท ก่อนจะถึงอ.บ้านฉาง จะมีสะพานให้ข้ามไปยังอำเภอบ้านฉาง ให้ชิดซ้ายไปกลับรถใต้สะพาน ขับตรงไปอีก 5 กิโลเมตร ก็จะมีถนนเข้าสู่ชายหาด จากนั้นเลี้ยวขวาก็จะเจอหาดน้ำริน
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต แล้วเลือกรถตู้ที่มีป้ายเส้นทางหมอชิต-ระยอง

ที่อยู่หาดน้ำริน : หาดน้ำริน ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JWfZF5mwZ4nxGcQbA

เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

เบอร์โทร : 038-695233-5

หาดแสงจันทร์ 

17. หาดแสงจันทร์ 

หาดแสงจันทร์เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองระยองโดยหาดแห่งนี้มีการนำก้อนหินกรวดขนาดใหญ่มาวางทำเป็นแนวป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะหาดนั่นเอง อีกทั้งบรรยากาศรอบหาดเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก จึงทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ควรเที่ยวหาดแสงจันทร์ช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดแสงจันทร์จะอยู่ในช่วงซัมเมอร์ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของหาดแสงจันทร์

เป็นชายหาดทะเลไทยที่มีลักษณะโค้งเว้าคล้ายรูปเกือกม้ายาวกว่า 10 กิโลเมตรไปจนสุดถนน ทำให้มีจุดชมวิวที่สวยงามอยู่หลายจุด นอกจากนี้บรรยากาศรอบหาดนั้นเงียบสงบ น้ำทะเลใส มีความร่มรื่นจากต้นสน สามารถมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งช่วงตอนเย็นจะมีผู้คนมานั่งปิกนิกรับลมซึ่งทำให้รู้สึกสดชื่น หรือชมพระอาทิตย์ตก จึงทำให้มีบรรยากาศที่น่าอยู่

กิจกรรมที่หาดแสงจันทร์

  • นั่งปิกนิก
  • นั่งชมบรรยากาศริมทะเล
  • เล่นน้ำทะเล
  • ถ่ายรูป
  • นอนอาบแดด
  • ขับรถเล่นชมวิว
  • แค้มป์ปิ้งปีใหม่
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดแสงจันทร์ที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดแหลมเจริญ เป็นหาดโล่งๆ ที่มีบรรยากาศร่มรื่น น้ำทะเลใสน่าเที่ยว  สำหรับการมาพักผ่อนสบายๆ ชิลๆ
  • สวนพฤกษศาสตร์ระยอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ที่อนุรักษ์ทรัพยากรพันธ์ุพืชของระบบนิเวศให้นักท่องเที่ยวได้มาชมความงามแบบธรรมชาติ

การเดินทางไปยังหาดแสงจันทร์

  • รถยนต์  ขับรถยนต์จากกรุงเทพ โดยใช้ถนนเส้นสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองระยองให้เลี้ยวขวาตามป้ายไปยังหาดแสงจันทร์ สุดทางเป็นสามแยกที่มีรูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรและพระอภัยมณี แล้วเลี้ยวขวาไปก็จะเจอหาดแสงจันทร์

ที่อยู่หาดแสงจันทร์ : ถนนเลียบชายฝั่ง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/FAhVXENKTvxsaoGd7

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :         

18. แหลมแม่พิมพ์ 

แหลมแม่พิมพ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยในจังหวัดระยองที่มีชื่อเสียง โดยหาดแห่งนี้มีความกว้างยาวกว่า 4 กิโลเมตรและยังมีถนนเลียบชายหาดตลอดแนวจึงเหมาะสำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวในการทำกิจกรรมบนหาด และยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปีไม่ขาดสาย

ควรเที่ยวแหลมแม่พิมพ์ช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวแหลมแม่พิมพ์จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน

จุดเด่นของแหลมแม่พิมพ์

เป็นชายหาดที่มีความกว้าง น้ำทะเลใส มีบรรยากาศทางทะเลที่สวยงาม ร่มรื่นไปด้วยต้นทิวสนและต้นหูกวาง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการมาพักผ่อน รวมทั้งมีสะพานเล็กไปยื่นออกไปยังแนวโขดหินสำหรับชมวิว นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้ประชาชนได้กราบไหว้

สักการะอีกด้วย

กิจกรรมที่แหลมแม่พิมพ์

  • เล่นน้ำทะเล
  • ปั่นจักรยาน
  • เดินชมวิว
  • นั่งพักผ่อน
  • นั่งปิกนิก
  • ถ่ายรูป
  • กางเต็นท์ริมชายหาด
  • เล่นบานาน่าโบ๊ท

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงแหลมแม่พิมพ์ที่น่าสนใจ เช่น

  • ชุมชนเกษตรบ้านชากมะกรูด เป็นสถานที่จัดบุพเฟต์ผลไม้  ซึ่งสามารถเก็บกินสดๆจากต้น โดยนักท่องเที่ยวจะรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับการเก็บผลไม้ไปด้วยและชมสวนผลไม้ไปพร้อมๆ กัน

การเดินทางไปยังแหลมแม่พิมพ์

  • รถยนต์ ขับรถจากกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิทไปทางทางระยอง ผ่านแยกเข้าบ้านเพ แล้วตรงมาถึงทางแยกเข้าแหลมแม่พิมพ์ ตามป้ายบอกทาง  ตรงมาถึงถนนเลียบชายหาด
  • รถตู้ ขึ้นรถตู้สายระยอง – บ้านเพ-

แหลแม่พิมพ์ แล้วลงที่แหลมแม่พิมพ์

ที่อยู่แหลมแม่พิมพ์ : หาดแหลมแม่พิมพ์ หมู่ 3-4 ถ.เพ-แกลง-กร่ำ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/bQzBsZdN9hxJVhEr5

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3863-8789 

จังหวัดจันทบุรี

จังหวัดจันทบุรี

จังหวัดจันทบุรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทยที่มีความสวยงามไม่แพ้จากจังหวัดอื่นๆ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทะเล น้ำตก ภูเขา โดยสภาพภูมิประเทศจังหวัดจันทบุรีนั้นด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ของป่าไม้ ภูเขาและเนินสูง ส่วนทางด้านทิศใต้จะเป็นชายฝั่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มบางแห่งก็เป็นทะเล อ่าว แหลม หาดทรายและมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ จึงทำให้จังหวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องทะเล ผลไม้ อาหารทะเล และป่าชายเลนอีกด้วย 

ซึ่งการมาท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีเป็นการช่วยส่งเสริมให้จังหวัดมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น และบอกกล่าวต่อๆกันให้มาเที่ยว เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย ให้เป็นที่รู้จักไปยังชาวต่างชาติ อีกทั้งช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ โดยสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆในจังหวัดจันทบุรีมีดังนี้

19. หาดเจ้าหลาว 

หาดเจ้าหลาวเป็นหาดที่มีชื่อเสียงในจังหวัดจันทบุรี เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ประมาณ 17 กิโลเมตร และอยู่ใกล้หาดแหลมสมเด็จ ที่มาของชื่อนั้น เกิดจากการที่ใช้หลาว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการหาปลามาปักลงที่หาด จึงพากันเรียกว่าหาดเจ้าหลาว  อีกทั้งผู้คนิยมมาพักผ่อนที่หาดแห่งนี้เป็นประจำและระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพ

ควรเที่ยวหาดเจ้าหลาวช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดเจ้าหลาว จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของหาดเจ้าหลาว

เป็นชายหาดทะเลไทยที่สวยที่สุดในจังหวัดจันทบุรี โดยมีน้ำทะเลสีฟ้าครามสดใส หาดทรายสีเหลืองละเอียด บรรยากาศดีและมีลมเย็นๆพัดรอบหาด ร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าว ยิ่งช่วงตอนเย็นพระอาทิตย์ตก บริเวณรอบหาดจะดูสวยสุดๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นดูโรแมนติก นอกจากนี้ยัมีจุดชมวิวและมีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายจุด

กิจกรรมที่หาดเจ้าหลาว

  • เล่นน้ำทะเล
  • ถ่ายรูป
  • เดินชมวิว
  • นอนอาบแดด
  • นอนพักผ่อนริมหาด
  • นั่งเรือท้องกระจก

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดเจ้าหลาวที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดแหลมสมเด็จ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยต้นสนทะเลและพันธุ์ไม้หายาก อีกทั้งหาดทรายนั้นจะทอดยาว เป็นแนวเส้นโค้งเสี้ยวพระจันทร์อย่างสวยงาม

การเดินทางไปยังหาดเจ้าหลาว

  • รถทัวร์  ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี 
  • รถยนต์ ขับรถยนต์โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะเห็น

เส้นทางกิโลเมตรที่ 301 ซึ่งจะมีทางแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3399 เมื่อถึงบ้านหมูดุด จะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้าย แล้วก็จะเห็นป้ายบอกทางไปหาดเจ้าหลาว ระยะทาง 3 กิโลเมตร

ที่อยู่หาดเจ้าหลาว : หาดเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/8WqAZcCt4tzhsHHX8

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :   –

หาดคุ้งวิมาน

20. หาดคุ้งวิมาน

หาดคุ้งวิมานเป็นชายหาดแห่งจังหวัดจันทบุรีที่มีชื่อเสียงและมีถนนเลียบหาดคุ้งวิมานที่สวยที่สุดในแถบภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 15 กิโลเมตร อีกทั้งบริเวณหาดมีบรรยากาศที่เงียบสงบ น่ามาสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก

ควรเที่ยวหาดคุ้งวิมานช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวหาดคุ้งวิมาน จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมและยังเหมาะสำหรับการเดินทางมาเที่ยวชมหาดคุ้งวิมานซึ่งเป็นทะเลไทยที่สวยงาม

จุดเด่นของหาดคุ้งวิมาน

มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บริเวณรอบหาดรายล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติจากภูเขา บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นเย็นสบายไปด้วยต้นมะพร้าว น้ำทะเลมีศีลครามเหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเลหรือนั่งพักชิลๆริมชายหาด 

ซึ่งหาดคุ้งวิมานแห่งนี้แบ่งออกเป็น หาดช่วงเหนือและหาดช่วงใต้ โดยหาดช่วงเหนือมีหาดทรายสีเหลืองที่สวยงามสะอาด น้ำทะเลใสส่วนหาดช่วงใต้มีโขดหินและอยู่ใกล้จุดชมวิวนางพญา

กิจกรรมที่หาดคุ้งวิมาน

  • เล่นน้ำทะเล
  • ตกปลา
  • เดินชมวิว
  • นอนอาบแดด
  • ดำน้ำดูปะการัง
  • นั่งปิกนิก
  • ถ่ายรูป
  • ปั่นจักรยาน

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงหาดคุ้งวิมานที่น่าสนใจ เช่น

  • หาดแหลมสิงห์ เป็นหาดที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น โดยหาดทรายของหาดนั้นมีสีน้ำตาลอมแดง มีบรรยากาศรอบหาที่ร่มรื่น เหมาะสำหรับการนั่งพักชิลๆ หรือเดินชมวิวก็ดีไม่แพ้กัน

การเดินทางไปยังหาดคุ้งวิมาน

  • รถยนต์  ขับรถยนต์โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท เมื่อถึงหลักกิโลเมตรเมตรที่301 จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 18 กิโลเมตร ก็จะถึงหาดคุ้งวิมาน
  • รถทัวร์  ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี

ที่อยู่หาดคุ้งวิมาน : หาดคุ้งวิมาน ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UHAKjHS9BGSrNqep9

เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน 06:00-18:00 น.

เบอร์โทร :         –

21. จุดชมวิวหินโคร่ง 

จุดชมวิวหินโคร่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ทางด้านเหนือของหาดคุ้งวิมาน ซึ่งมีความเงียบสงบ และมีลานจอดรถกว้างสะดวกต่อการมาชมวิวบรรยากาศริมทะเลสวยๆ

ควรเที่ยวจุดชมวิวหินโคร่งช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวจุดชมวิวหินโคร่ง คือเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม เนื่องจากบริเวณรอบจุดชมวิวมีคลื่นลมไม่แรง

จุดเด่นของจุดชมวิวหินโคร่ง

จุดชมวิวหินโคร่งนั้นจะมีก้อนโขดหินทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมากเรียงรายกัน รอบบริเวณทะเลท่ามกลางบรรยากาศน้ำทะเลสีฟ้าครามใส ซึ่งทำให้เป็นเอกลักษณ์ของสถานทีาแห่งนี้และยังมีบรรยากาศที่เย็นสบาย 

สามารถนั่งเล่นบนโขดหิน ฟังคลื่นทะเลหรือชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น

กิจกรรมที่จุดชมวิวหินโคร่ง

  • เล่นน้ำทะเล
  • ตกปลา
  • ถ่ายรูป
  • นั่งเล่นริมทะเล
  • เดินชมวิว

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงจุดชมวิวหินโคร่งที่น่าสนใจ เช่น

  • จุดชมวิวเนินนางพญา เป็นสถานที่มีบรรยากาศดีและมีทิวทัศน์ที่สวยงาม บริเวณรอบสถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยภูเขาและบนจุดชมวิวยังเปิดให้นักท่องเที่ยวมาคล้องกุญแจคู่แบบรักอีกด้วย

การเดินทางไปยังจุดชมวิวหินโคร่ง

  • รถยนต์ ขับรถยนต์โดยใช้เส้นถนนสุขุมวิท เพื่อวิ่งมาทางจังหวัดจันทบุรี ตรงมาเข้าอำเภอนายายอาม เจอแยกให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข1011แล้วขับตรงมาอีก 10 กิโลเมตร ก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4036 ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับมาตรงมาตามทางอีก 9 กิโลเมตร ถึงทางแยกบ้านาชา ให้เลี้ยวขวาไปหาดคุ้งวิมาน จนถึงสี่แยกค้างวิมานแล้ว ให้เลี้ยวขวาอีกครั้งไปหาดคุ้งวิมาน ก็จะเจอทางแยกริมหาด จากนั้นให้เลี้ยวขวามือไปจนสุดทาง จะถึงจุดชมวิวหินโคร่งพอดี
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกขึ้นรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี

ที่อยู่จุดชมวิวหินโคร่ง : จุดชมวิวหินโคร่ง ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี

พิกัด :  https://maps.app.goo.gl/z8hVdkQVeDa2U7e49

เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน 07:00-18:00 น.

เบอร์โทร :          –

อ่าวคุ้งกระเบน

22. อ่าวคุ้งกระเบน

อ่าวคุ้งกระเบนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพื่อส่งเสริมอ่าวแห่งนี้ให้เป็นแหล่งอาชีพการประมงของคนในพื้นที่ให้เกิดรายได้ให้กับครอบครัว

ควรเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบนช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบนนั้น นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีหรือจะมาเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นของอ่าวคุ้งกระเบน

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะอ่าวคล้ายรูปร่างของปลากระเบนและมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศ ซึ่งมีทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ป่าชายเลน ปูแสม มีพันธุ์ไม้ที่ให้ความร่มรื่นรวมถึงบรรยากาศที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีสะพานไม้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาระบบป่าชายเลนท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวขจี เหมาะสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบป่านิเวศ หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสไตล์ธรรมชาตินั่นเอง

กิจกรรมที่อ่าวคุ้งกระเบน

  • นั่งเล่นบริเวณรอบอ่าว
  • ถ่ายรูป
  • เดินชมวิวธรรมชาติบนสะพานหรือเดินศึกษาระบบนิเวศ

นอกจากทะเลแล้ว ยังมีสถานที่ใกล้เคียงอ่าวคุ้งกระเบน เช่น

  • สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 

เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่แหลมเสด็จอ่าวคุ้งกระเบน โดยบริเวณภายในมีสัตว์น้ำที่หาชมได้ยากและมีปลาชนิดต่างๆให้ได้เรียนรู้ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ ชมความสวยงามของปลาทะเลได้ตลอดทั้งปี

การเดินทางไปยังอ่าวคุ้งกระเบน

  • รถยนต์ ขับรถยนต์จากกรุงเทพ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองจังหวัดจันทบุรี ให้เลี้ยวขวาจากนั้นขับไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3399 ขับไปเรื่อยไปก็จะเห็นป้ายบอกทางแยกหาดต่างๆ
  • รถทัวร์ ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยเลือกขึ้นรถทัวร์ที่มีเส้นทางจากกรุงเทพ-จันทบุรี

ที่อยู่อ่าวคุ้งกระเบน : ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่า ชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน 31 หมู่ที่4 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Q6Tc2KLd8Rqjkt4s9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-18:00 น.

เบอร์โทร : 0-3943-3216

23. ลานหินสีชมพู

ลานหินสีชมพูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลไทย ซึ่งอยู่ในการดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน โดยสถานที่แห่งนี้มีหินสีชมพูอมน้ำตาลแดงอยู่บริเวณริมชายหาด ทำให้เป็นลานหินที่ดูสยงาม น่ามอง อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนให้อยากมาเที่ยวชมเรื่อยๆ

ควรเที่ยวลานหินสีชมพูช่วงไหนถึงจะเหมาะสม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวลานหินสีชมพู จะอยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน แนะนำให้มาเที่ยวที่ลานหินสีชมพูในตอนกลางวันเนื่องจากเป็นช่วงน้ำลง ทำให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นความสวยงามของลานหินสีชมพูได้อย่างชัดเจน

จุดเด่นของลานหินสีชมพู

เป็นลานหินสีชมพูอมน้ำตาลขนาดใหญ่เรียงรายกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศน้ำทะเลสีครามใส มีบรรยากาศเย็นสบาย ยิ่งมีแสงตกกระทบกับลานหินแล้ว ก็ยิ่งทำให้ที่แห่งนี้ดูสวยงามมากๆ และในช่วงตอนเย็นลานหินสีชมพูจะมีบรรยากาศที่น่านั่งเล่น เงียบสงบ เนื่องจากมีพระอาทิตย์ตกทำให้รู้สึกอบอุ่นและรู้สึกผ่อนคลาย

กิจกรรมที่ลานหินสีชมพู

  • นั่งถ่ายรูปบนลานหิน
  • เดินชมวิว
  • เล่นน้ำริมลานหิน
  • ฟังคลื่นเสียงทะเล
  • ปิกนิก

การเดินทางไปยังลานหินสีชมพู

  • รถยนต์ : ขับรถยนต์ตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิต วิ่งมาทางหาดเจ้าหลาวแล้วตรงมาขึ้นเนินและลงเนินจะเห็นทางแยก จากนั้นให้เลียวขวาไป ก็จะเข้าสู่ลานหินสีชมพูในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน

ที่อยู่ลานหินสีชมพู : 31 หมู่4 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/qYShpAAkhyYciXdc9

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-17:00 น.

เบอร์โทร :              –

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

แอร์พอเทลล์เป็นบริการที่รับฝากและขนส่งสัมภาระที่มีความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย ไร้กังวล อีกทั้งส่งกระเป๋าถึงที่พักของคุณได้อย่างรวดเร็ว 

โดยทางแอร์พอเทลล์มีบริการรับฝากและบริการขนส่งทั้งในกรุงเทพรวมถึงขนส่งไปยังต่างจังหวัด ได้แก่ปลายทางจากกรุงเทพ-พัทยา, พัทยา-กรุงเทพ, กรุงเทพ-ภูเก็ต, ภูเก็ต-กรุงเทพ

ซึ่งราคาของบริการฝากกระเป๋า ,ส่งกระเป๋าในกรุงเทพหรือส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ มีดังนี้ 

  • ราคาเริ่มต้นใบละ 299 บาทหรือต่อชิ้น (สำหรับจัดส่งในวันเดียว) ของต้นทาง-ปลายทางที่พัทยา – กรุงเทพ, กรุงเทพ – พัทยา  หรือส่งกระเป๋าจากกรุงเทพ ไปยังจังหวัดอื่นๆ รวมถึงบริการจากจังหวัดอื่นๆมายังกรุงเทพ 
  • ราคาเริ่มต้น 100 บาท ต่อชิ้น , ต่อวัน, ไม่จำกัดขนาด น้ำหนัก สำหรับบริการรับฝากกระเป๋ารวมทั้งสัมภาระ
  • ราคาเริ่มต้นใบละ 299 บาท สำหรับการส่งกระเป๋าภายในตัวเมืองไปยังปลายทางในจังหวัดเดียวกัน พัทยา – พัทยา

นอกจากนี้ยังมีบริการขนส่งสัมภาระอยู่ด้วยกันถึง 5 สาขาในกรุงเทพอีกด้วย ได้แก่

  • เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โซนกรูฟ ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ
  • เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 6โซนบีโดยติดทางออกลานจอดรถ
  • เทอร์มินอล 21 ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ทางออกลานจอดรถ
  • สนามบินดอนเมือง ตั้งอยู่ที่ชั้นจี อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ประตู 9
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ที่ชั้นบี โซนแอร์พอร์ตลิงต์
  • เทอร์มินอล 21 พัทยา ตั้งอยู่ที่ชั้นจี โซนปารีส

หากคุณอยู่ใกล้บริเวณนั้นๆ ของสาขาในกรุงเทพ ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้เลย

สรุป

การที่มาเที่ยวทะเลนั้น มีข้อดีมากมาย เช่น ช่วยคลายเครียด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย มีบรรยากาศที่เงียบสงบ หรือมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การมาเที่ยวทะเลนั้นเหมาะแก่การไปกับใครก็ได้ สามารถไปเที่ยวทะเลคนเดียวแบบชิลๆ ไปกับครอบครัว หรือแก๊งเพื่อนๆก็ดีอีกด้วย

เมื่อเที่ยวจนจบทริป หรือกำลังกลับกรุงเทพฯ ก็สามารถใช้บริการของ AIRPORTELs ได้ หากเกิดอาการเหนื่อยล้า ไม่อยากขนกระเป๋าสัมภาระของตนเองหรือครอบครัวในปริมาณเยอะๆ เพราะ AIRPORTELs มีบริการส่งกระเป๋าให้ถึงที่พักของคุณ รับรองได้ว่าคุณจะต้องประทับใจในการให้บริการ เนื่องจากการให้บริการ AIPPORTELs นั้น ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว ไม่จำกัด ขนาด ไซซ์ น้ำหนักของกระเป๋าหรือสัมภาระ อีกทั้งคุณยังมีเวลาในการไปทำสิ่งอื่นๆ ตามต้องการ และยังไม่ต้องปวดเมื่อยร่างกายอีกด้วย

How to ใช้ Google Maps แบบ Offline ไม่ต้องง้อเน็ต

ปกติเราจะใช้ Google Maps กันแบบออนไลน์ ทั้ง IOS และ Android  มาเป็นตัวช่วยในการเดินทาง แต่เดี๋ยวนี้สามารถดูได้แล้วแบบออฟไลน์ ซึ่ง Google Map Offline ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยการเดินทาง ที่ให้ความสะดวก และมีประโยชน์อย่างมาก ในเวลาที่เราเดินทางไปสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตและเราไม่ชำนาญทาง แต่จะนำแผนที่มาใช้อย่างไรนั้น สามารถมาดูพร้อมกันได้ในบทความนี้

Google Maps แบบ Offline คืออะไร

Google Maps แบบ Offline คืออะไร

Google Maps แบบ Offline คือ การดาวน์โหลดแผนที่การเดินทางล่วงหน้า โดยการดาวน์โหลดแผนที่จุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการไป ในการดาวน์โหลดจะสามารถโหลดแผนที่ได้มากกว่า 1 สถานที่ และสามารถบันทึกแผนที่ไว้ดูภายหลังได้ ในแง่ของการใช้งานแบบออฟไลน์ก็สะดวกกว่ามาก เพราะการใช้งานแผนที่แบบออฟไลน์ จะสามารถใช้งานได้แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต 

ส่วนการดาวน์โหลดแผนที่และการใช้งาน ก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ทั้งระบบ Google Map Offline ios และระบบ Google Map Offline Android ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า การใช้งานแบบออฟไลน์จะต่างจากการใช้งาน Google Maps แบบออนไลน์อย่างสิ้นเชิง โดยการใช้งานแบบออนไลน์ จะต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น หากไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณขัดคล่อง ก็จะไม่สามารถใช้งานได้

ประโยชน์ของ Google Maps Offline

ประโยชน์ของ Google Maps Offline

ในบางครั้ง เส้นทางการเดินทางของเราอาจจะไม่สามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ เช่น ในกรณีที่เราหลงทางไปในที่ที่ไม่มีสัญญาณ หลงอยู่ท่ามกลางผู้คนแออัด หรือหลงไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้น การดาวน์โหลดและบันทึก Maps Offline Google ไว้ล่วงหน้า จึงจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเดินทาง ซึ่งการใช้งาน จะใช้งานได้เหมือน Google Maps แบบออนไลน์ ใช้งานได้ง่าย แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต การใช้งานก็สามารถ เลือกจากแผนที่ที่เราทำการบันทึกไว้ล่วงหน้า หรือการค้นหาแผนที่แบบออฟไลน์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าการใช้งานแบบออฟไลน์ ถือเป็นเครื่องมือนำทางที่ดีและมีประโยชน์มากทีเดียว

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline

วิธีดาวน์โหลด  Google Maps Offline ง่ายกว่าที่คิด ในการดาวน์โหลด สามารถเลือกดาวน์โหลดแผนที่เพื่อใช้งานออฟไลน์ กับเลือกดาวน์โหลดแผนที่ของตัวเราเอง และสามารถแยกวิธีดาวน์โหลดตามระบบ Android และ IOS ได้ดังนี้

ระบบ  Android

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline 

  1. เปิดแอป  Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ลงชื่อเข้าใช้งาน Google Maps
  4. ค้นหาสถานที่ที่ต้องการไป เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือเลือกสถานที่อย่างเฉพาะเจาะจง เช่น แหลมพรหมเทพ
  5. แตะชื่อ หรือสถานที่ จากนั้นเลือกคำว่า เพิ่มเติม หรือจุดสามจุดมุมขวาบน
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ หรือจะปักหมุดสถานที่ที่เราต้องการไปแบบเฉพาะเจาะจงได้
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย

วิธีดาวน์โหลด แผนที่ของเราเอง

  1. เปิดแอป Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ลงชื่อเข้าใช้งาน Google Maps
  4. เลือกโปรไฟล์ด้านมุมขวาบน 
  5. เลือกคำว่าแผนที่ออฟไลน์ และกดคำว่าเลือกแผนที่ของคุณเอง
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ 
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย

ระบบ  IOS

วิธีดาวน์โหลด Google Maps Offline 

  1. เปิดแอป Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่
  3. ตรวจสอบว่าไม่ได้อยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน จากนั้นลงชื่อเข้าใช้ Google Maps
  4. ค้นหาสถานที่ที่ต้องการไป เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือเลือกสถานที่อย่างเฉพาะเจาะจง เช่น แหลมพรหมเทพ
  5. แตะชื่อหรือสถานที่ จากนั้นเลือกคำว่า เพิ่มเติม หรือจุดสามจุดมุมขวาบน
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ หรือจะปักหมุดสถานที่ที่เราต้องการไปแบบเฉพาะเจาะจงได้
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย

วิธีดาวน์โหลด แผนที่ของเราเอง

  1. เปิดแอป Google Maps บนโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ตรวจสอบว่าไม่ได้อยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน จากนั้นลงชื่อเข้าใช้ Google Maps
  4. เลือก โปรไฟล์ด้านมุมขวาบน 
  5. เลือกคำว่า แผนที่ออฟไลน์ และกดคำว่า เลือกแผนที่ของคุณเอง
  6. เมื่อเลือกเสร็จแล้ว จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมา ซึ่งเราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความกว้างของแผนที่ได้ 
  7. เมื่อได้จุดหมายแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ได้เลย
การบันทึก Google Maps Offline ใน SD สำหรับ Android

การบันทึก Google Maps Offline ใน SD สำหรับ Android

สำหรับ Android จะต่างจาก IOS ตรงที่ต้องโหลดแผนที่มาเก็บไว้ในการ์ด SD การดาวน์โหลดจะใช้ได้กับระบบ Android 6.0 ขึ้นไป โดยการบันทึกข้อมูล จะเป็นการบันทึกและการจัดเก็บข้อมูลแบบพกพา โดยจะมีวิธีการบันทึกลงการ์ด SD ได้ดังนี้

  1. ใส่การ์ด SD ลงในโทรศัพท์มือถือ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
  3. ลงชื่อเข้าใช้งาน Google Maps
  4. เลือก โปรไฟล์ด้านมุมขวาบน จากนั้นเลือกคำว่า แผนที่ออฟไลน์
  5. สังเกตมุมขวาบน จะมีรูปฟันเฟือง หรือการตั้งค่า กดเลือกได้เลย
  6. เมื่อเข้ามาหน้าตั้งค่าแล้วให้เลือกหัวข้อ ค่ากำหนดพื้นที่เก็บข้อมูล
  7. เลือกคำว่าอุปกรณ์ > เปลี่ยนการตั้งค่าจากอุปกรณ์ เป็นการ์ด SD
  8. เสร็จแล้ว ก็กดบันทึกการตั้งค่า
  9. จากนั้นเลือกแผนที่ที่ต้องการดาวน์โหลด และแผนที่จะถูกบันทึกลงในการ์ด SD

การเก็บข้อมูลในการ์ด SD ของ Android จะช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในโทรศัพท์ให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

วิธีใช้ Google Maps Offline

วิธีใช้ Google Maps Offline

เมื่อเราทำการดาวน์โหลด Google Maps Offline ลงในมือถือไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็มาดูวิธีใช้งานกัน

  1. เปิดแอป Google Maps ในโทรศัพท์ระบบ Android หรือ ios
  2. เลือก โปรไฟล์ด้านมุมขวาบน
  3. กดเลือกคำว่า แผนที่ออฟไลน์
  4. กดเลือก สถานที่ที่บันทึกไว้ เช่น จังหวัดภูเก็ต หรือสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง เช่น แหลมพรหมเทพ
  5. กดใช้งานสถานที่บันทึกไว้ และเริ่มเดินทาง

ในส่วนของการใช้งาน Google Maps Offline จะคล้ายกับการใช้งาน Google Maps Online แต่จะมีข้อจำกัดในการใช้งาน คือ ในการดาวน์โหลด Google Maps Offline จะต้องโหลดกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ข้อจำกัดการใช้งาน เรื่องของพื้นที่ จะสามารถใช้งานได้ในเฉพาะพื้นที่ที่เราบันทึกไว้เท่านั้น เช่น บันทึกพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต ก็จะสามารถใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ภูเก็ตเท่านั้น ข้อจำกัดของข้อมูลการจราจรที่จะไม่มีการอัปเดตอย่างเรียลไทม์ ข้อมูลการเดินทางที่มีเฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์ รวมถึงการคำนวณระยะเวลาในการเดินทาง ที่ไม่ใช่การคำนวณเวลาการเดินทางจากการจราจรในปัจจุบัน

Google Maps Offline เหมาะกับใคร

การใช้งาน Google Maps Offline เหมาะกับผู้ที่อาศัยหรือเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณแต่ไม่ชำนาญทาง หรือผู้มีอายุ ที่ไม่มีทักษะในการใช้ Google Maps ออนไลน์ เพื่อให้การเดินทางของเราสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถโหลด Google Maps Offline ไว้และกำหนดเส้นทางและปลายทางไว้เพื่อใช้งานได้

สรุป

Google Maps แบบ Offline คือ การใช้งานแผนที่การเดินทางแบบออฟไลน์ โดยการดาวน์โหลดแผนที่และจุดหมายที่ต้องการไปไว้ล่วงหน้า แม้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ยังสามารถใช้งานได้ ซึ่งจะต่างจาก Google Maps ออนไลน์ ที่จะต้องใช้งานกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น และใน Google Maps Offline ก็มีประโยชน์อย่างมากในการใช้งาน สำหรับผู้คนที่ไม่ชำนาญเส้น เพราะในบางครั้งที่เราเดินทาง ก็อาจจะเดินไปทางยังที่ที่ไม่มีสัญญาณ หรืออยู่ท่ามกลางผู้คนแออัด ทำให้สัญญาณขาดหาย จนไม่สามารถใช้งานแผนที่ได้ รวมถึงผู้สูงอายุ ที่ไม่มีทักษะการใช้งาน Google Maps ออนไลน์ ก็จะเป็นตัวช่วยในการเดินทางให้สะดวกขึ้นได้ 

ดังนั้น การดาวน์โหลดแผนที่ล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดี ที่นอกจากจะทำให้การเดินทางราบรื่นแล้ว ก็ยังเดินทางไปยังจุดหมายที่เราตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอน

23 จุดเช็คอิน แลนด์มาร์คในกรุงเทพ ที่นักสร้างคอนเทนต์ห้ามพลาด

กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่สามารถตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกเพศ และทุกวัยได้ อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวสุดโดดเด่นที่ห้ามพลาดอีกด้วย โดยบทความนี้ได้รวบรวมแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ต้องไปให้ได้ พร้อมทั้งบอกพิกัดสถานที่เพื่อให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย จะมีสถานที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถและระเบียงรอบวัดจะมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่งดงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ อีกมากมาย ทั้งพระศรีรัตนเจดีย์ นครวัดจำลอง ฯลฯ ให้ได้มาเก็บภาพความสวยงามและความประทับใจกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องมาเยี่ยมชม โดยวัดเปิดให้ชาวไทยเข้าชมฟรี และชาวต่างชาติซื้อบัตรเข้าชม 500 บาท

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดพระแก้ว
  • การเดินทาง:
    • โดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ต่อด้วยขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง (N9) 
    • โดยเรือ ขึ้นที่ท่าเรือท่าเตียน (N8)
    • โดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 43, 44, 47, 53, 59, 64, 80, 82, 91, 203, 503, 508, 512
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 15:30 น.

2. วัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ และเยี่ยมชมความสวยงามของพระปรางค์สีขาว สูง 82 เมตร ใครที่มายังวัดอรุณ เป็นต้องยืนโพสถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ หน้าพระปรางค์ที่ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องสีสันต่างๆ 

โดยที่วัดก็มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ที่สวยงาม นอกจากนี้วิวในยามค่ำคืนยังสวยสะดุดตา ด้วยภาพของพระปรางค์องค์ใหญ่ติดริมแม่น้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็พากันชื่นชมในความงามของวัดอรุณแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยชาวไทยสามารถเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชม 50 บาท

  • ที่ตั้ง: 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: วัดอรุณราชวราราม
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น
วัดสุทัศน์

3. วัดสุทัศน์

ถ้าพูดถึงวัดที่เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของวัดสุทัศนเทพวรารามอยู่ด้วยแน่นอน เพราะจุดเด่นของวัดนี้ก็คือเสาชิงช้าสูงสีแดงที่ตั้งอยู่หน้าวัดนั่นเอง นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมของวัดยังสะท้อนให้เห็นศิลปะสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีกด้วย ใครที่สนใจทำบุญก็สามารถมากันแต่เช้าได้ พร้อมกับเก็บภาพความสวยงามของเสาชิงช้าที่หน้าวัดสุทัศน์นี้ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 146 ถนนบำรุงเมือง วัดราชบพิธ พระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดสุทัศน์
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสามยอด ทางออกที่ 3
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:30 – 21:00 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

4. วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

มาดูอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยวัดนี้มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังคงอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยนั้นไว้อย่างดี โดยจุดเด่นของวัดนี้คือ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์และล้านนา และพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีความสูง 69 เมตร จึงทำให้มองเห็นได้แต่ไกลลิบ ไม่ว่าจะมาวัดนี้ในช่วงกลางวันให้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับพระพุทธรูปหรือมาช่วงเย็นที่มีแสงรำไร ก็สามารถได้ภาพถ่ายที่สวยงามทั้งหมด นับว่าวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ให้ทั้งความสงบและความสวยงามเหมาะแก่การมาเยือนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160
  • พิกัด: วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
เอเชียทีค

5. เอเชียทีค

ใครอยากเที่ยวแบบชิลๆ ลองมาที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์กันได้เลย เพราะที่นี่นับว่าเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินชิล ชิม ชอป และถ่ายรูปสวย ๆ กับชิงช้าสวรรค์อันเป็นจุดเด่นของที่นี่ รายล้อมไปด้วยการตกแต่งสไตล์เมืองท่า เป็นสถานที่ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน 

นอกจากนี้ในช่วงนี้ยังมีงานแสดง Disney 100 Village ที่ให้แฟนดิสนีย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาพบปะคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่ชื่นชอบกันอีกด้วย โดยงานเริ่มตั้งแต่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 นี้

  • ที่ตั้ง: 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: เอเชียทีค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือโดยสารของเอเชียทีคโดยตรง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 00:00 น.
มหานคร สกายวอล์ค

6. มหานคร สกายวอล์ค

ที่มหานคร สกายวอล์ค เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพสำหรับคนที่ต้องการความท้าทายและความเร้าใจด้วยการยืนชมวิวบนพื้นกระจกลอยฟ้าที่ความสูง 310 เมตร พร้อมทั้งมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ สามารถชมวิวเมืองหลวงอันสวยงามในเวลากลางวันและกลางคืนได้ 360 องศาเลยทีเดียว ใครที่อยากได้ความตื่นเต้นพร้อมเก็บภาพบรรยากาศเมืองกรุงเทพสวย ๆ ก็สามารถซื้อบัตรเยี่ยมชมที่นี่ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: มหานคร สกายวอล์ค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.
ท่ามหาราช

7. ท่ามหาราช

มาต่อกันที่จุดเช็คอินในกรุงเทพสุดชิคอย่างท่ามหาราช ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงให้กลิ่นอายของเมืองเก่าดั้งเดิมของไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครัน ไม่ว่าจะกิน ชอปปิง เดินชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือถ่ายรูปตามมุมสวยๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น มาตอนกลางวันก็ได้บรรยากาศแบบหนึ่ง มาตอนกลางคืนก็จะได้บรรยากาศอีกแบบ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญอีกมากมาย ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

  • ที่ตั้ง: 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่ามหาราช
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าช้าง (N9) หรือนั่งรถโดยสารประจำทาง ลงหน้าท่ามหาราช สาย 32, 53, 124, 203, 201, ปอ.32, ปอ.524
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 21:00 น.

8. สวนรถไฟ

ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศพื้นที่สีเขียวแบบสบาย ๆ ขอแนะนำให้มาที่สวนรถไฟ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและออกกำลังกายกัน ด้วยพื้นที่กว่า 375 ไร่ มีกิจกรรมให้ทำมากมายได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งปั่นจักรยาน เข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลง เมืองจราจรจำลองสำหรับเด็กๆ เป็นต้น ใครที่ชอบบรรยากาศร่มรื่นหรือหาพื้นที่สำหรับปิกนิก ก็แวะมาที่สวนรถไฟได้เลย

  • ที่ตั้ง: ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10900
  • พิกัด: สวนรถไฟ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนจตุจักร
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สวนลุมพินี

9. สวนลุมพินี

สวนลุมพินี เป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เปิดให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและทำกิจกรรมกันได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถมาปิกนิก ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือถ่ายรูปสวย ๆ โดยมีพื้นหลังเป็นสวนกว้างสีเขียวก็ทำได้ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สวนลุมพินี 
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 04:30 – 22:00 น.
สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

10. สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

สวนเบญจกิติได้เปิดพื้นที่แลนด์มาร์คในกรุงเทพใหม่อย่างสวนป่าเบญจกิติขึ้น เพื่อรองรับทุกกิจกรรมและทุกช่วงเวลาทั้งยามเช้าหรือยามเย็น สำหรับคนเมืองทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นปั่นจักรยาน พื้นที่เล่นกีฬา พื้นที่ศิลปะ และพื้นที่ทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังเป็นต้นแบบของสวนสาธารณะเชิงนิเวศเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็มีแต่ความร่มรื่นแน่นอน

  • ที่ตั้ง: ถนนรัชดา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือ MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สะพานเขียว

11. สะพานเขียว

สะพานเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างสวนเบญจกิติและสวนลุมพินีนั้น กลายเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินในกรุงเทพและจุดถ่ายรูปยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างมาก เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนเย็นที่แสงแดดสาดส่องลงที่สะพานเขียวนั้น เมื่อถ่ายรูปแล้วจะทำให้ได้บรรยากาศของภาพที่ดูอบอุ่นชวนให้นึกถึงญี่ปุ่นสุด ๆ

  • ที่ตั้ง: ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สะพานเขียว
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06:00 – 21:00 น.
หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

12. หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เหล่าคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะจะต้องรู้จักแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างหอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะต่างๆ และเป็นศูนย์รวมของคนรักงานศิลปะ ให้ได้มาแสดงออกกัน จึงกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ช่วงบ่ายจะเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่น ซึ่งมักจะมาถ่ายรูปตามมุมศิลปะสวย ๆ และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมนั่นเอง

นอกจากนี้หากใครไปเดินเล่นที่ MBK Center ซึ่งสามารถเดินเข้าทางเชื่อมBTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถนำสัมภาระไปฝากฟรี 2 ชั่วโมง  เดินเที่ยวดูงานศิลป์ ช้อปปิ้งเพลินๆเดินตัวปลิวกับ AIRPORTELs

ที่ตั้ง: 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330

MOCA Museum

13. MOCA Museum

MOCA Museum เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพที่เหล่าคนรักในงานศิลป์ต่างก็มาเพื่อชมงานศิลปะจากศิลปินชั้นครู และหามุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่บ่อยๆ จนทำให้เป็นที่โด่งดังในโลกโซเชียลถึงความสวยงามของสถานที่ในสไตล์มินิมอล 

โดยเฉพาะมุมบันไดสีขาวที่ดูโล่งและกว้างใหญ่แต่ก็ดูสวยในเวลาเดียวกัน หากใครกำลังมองหาโลเคชันถ่ายรูปแบบมินิมอลอยู่ ต้องลองไปในวันธรรมดาที่มีคนน้อย บอกเลยว่าที่นี่ถือว่าตอบโจทย์และได้รูปสวยดั่งใจแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
  • พิกัด: MOCA Museum 
  • การเดินทาง: รถโดยสารประจำทาง สาย 29, 69,134, 187, 191, 504, 510, 555 ลงป้ายสถานีปรมณู 1
  • เปิด-ปิด: วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น.

14. Terminal 21

ศูนย์การค้า Terminal 21 ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันและตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ ด้วยแนวคิดการชอปปิงแบบ Market Street ราวกับยกย่านการค้าชื่อดังของโลกมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะสายชิล สายกิน หรือสายชอป ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับที่นี่ได้แน่นอน ตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด 

นอกจากนี้ที่ Terminal 21 ยังมีที่รับฝากสัมภาระของ Airportels อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวให้เดินชอปปิงต่อได้อย่างสบายใจ 

  • ที่ตั้ง: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือขึ้น MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

15. Siam Scape

แลนด์มาร์คในกรุงเทพแห่งใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์  “LIFELONG LEARNING” การเรียนรู้ที่ต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาบันการศึกษา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เปิดตั้งแต่สายจนถึงดึก ทั้งร้านอาหาร สินค้าต่างๆ คลินิกเสริมความงาม และสเปซสำหรับนัดพบ อีกทั้งยังมี 

Installation Art อย่าง “ILLUSCAPE” ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินสุดเท่อย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 215 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: Siam Scape
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม หรือลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

16. อาคารไปรษณีย์กลาง

หนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับอาคารที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศแถบตะวันตกเลยทีเดียว 

ทำให้ที่นี่จึงเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินยอดนิยม โดยเฉพาะลานกว้างหน้าอาคารไปรษณีย์กลางที่มักจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนในยามกลางวันหรือยามที่พระอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว

  • ที่ตั้ง: 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: อาคารไปรษณีย์กลาง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หรือ MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด: วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09:30 – 17:30 น.
Iconsiam

17. ICONSIAM

ICONSAM แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดอลังการที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติต่างก็อยากมาเยี่ยมชม โดยในศูนย์การค้านี้ครบครันทุกความบันเทิง ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ และยังประดับไปด้วยศิลปะไทยในรูปแบบหรูหราอย่างลงตัว จุดถ่ายรูปสวยๆ มีให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำพุ น้ำตก ลานชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะมีการเล่นแสงสี ทำให้ยิ่งสวยมากขึ้น จะถ่ายมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 299 ซอยเจริญนคร 5 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: ICONSIAM
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานกรุงธน ออกประตูทางออก 3 ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีทอง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

18. บ้านบางเขน

ใครเป็นสายถ่ายรูปฮิปๆ แนะนำอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพอย่าง บ้านบางเขน เพราะที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ตกแต่งด้วยธีมวันวานยุค 90 และยังสะสมของโบราณหาดูได้ยากอีกมากมาย ทำให้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดชิคสไตล์โบราณ รวมทั้งยังมีอาหารพื้นเมืองให้ทานอีกอีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินเล่นถ่ายรูปชิล ๆ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน

  • ที่ตั้ง: 17 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220
  • พิกัด: บ้านบางเขน
  • การเดินทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 26, 34, 39, 59, 107, 114, 129, 185, 503, 512, 522, 543
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 02:00 น.
ช่างชุ่ย

19. ช่างชุ่ย

สายอาร์ตพลาดไม่ได้เลยกับแลนด์มาร์คในกรุงเทพชื่อดังอย่าง ช่างชุ่ย ที่เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นอาณาจักรแห่งความสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ บูธขายของ สินค้า ต่างก็ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และยังมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่าง “นาโอ” ร้านอาหารที่อยู่ในเครื่องบินลำใหญ่ใจกลางช่างชุ่ย ที่ใครเห็นเป็นสะดุดตาแน่นอน ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศของช่างชุ่ยที่สวยงามไม่แพ้กันเลย

  • ที่ตั้ง: 462 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10700
  • พิกัด: ช่างชุ่ย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 515, 539
  • เปิด-ปิด: โซน Creative​ Park ​เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 23:00 น. และโซน Plane Night Market เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 16:00 – 23:00 น.

20. ตลาดน้อย

อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่อยากแนะนำ คือ ตลาดน้อย ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 22 ซึ่งเป็นย่านเก่าของชาวจีน ทำให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย – จีน จึงเห็นภาพบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟสไตล์จีนเก่าอยู่มากมาย อีกทั้งมีสตรีตอาร์ตที่บอกเล่าชีวิตของคนในชุมชนนี้ ให้นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้ายันเย็น 

  • ที่ตั้ง: ถนนเจริญกรุง แขวงสุริยวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: ตลาดน้อย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 1, 35, 36, 75, 93
  • เปิด-ปิด: –
เยาวราช

21. เยาวราช

เยาวราช แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดฮิตที่จะเห็นคนเช็คอินในโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยป้ายไฟสีแดงจากร้านทองที่เนืองแน่น ยิ่งในช่วงกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและสตรีตฟู้ด ถือเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปและสายกิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมในโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ

  • ที่ตั้ง: ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10100
  • พิกัด: เยาวราช
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานีรถไฟหัวลำโพง

22. สถานีรถไฟหัวลำโพง

สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5 โดยตัวอาคารก่อสร้างเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะเรอเนซองส์ ทำให้มีความโดดเด่นราวกับสถาปัตยกรรมในยุโรป เพียงหาเวลาเหมาะ ๆ มาเดินชิล นั่งเล่น หรือถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งในและนอกสถานีก็ได้ทั้งหมด

  • ที่ตั้ง: ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สถานีรถไฟหัวลำโพง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด:

23. ท่าช้าง

มาถึงจุดเช็คอินในกรุงเทพที่สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ ท่าช้าง ซึ่งในย่านนี้ได้มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทำให้มีสีสันมากขึ้น แถมโปร่งโล่ง ดูสะอาดตาอีกด้วย โดยไฮไลต์ของที่นี่ คือ ตึกแถวแห่งท่าช้างสไตล์นีโอคลาสสิก ที่ได้รับการฟื้นฟูจนสวยงามและมีสีเหลืองสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปชิคๆ ยิ่งในช่วงเย็นที่มีแสงพระอาทิตย์ตกดินคู่กับตึกแถวสีเหลือง จะยิ่งทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สีสวยมากทีเดียว

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่าช้าง
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 18:00 น.

แลนด์มาร์คในกรุงเทพต่างก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ลองออกไปเที่ยวแล้วค้นหาตัวเองดูว่าชอบสถานที่แบบไหน แล้วอย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว