แนะนำ 17 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินในกรุงเทพฯ อัปเดตปี 2023

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินมีที่ไหนบ้าง? หลายๆ คนคงมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินเพื่อความสะดวกในการต่อเครื่อง หรืออยากหาที่ผ่อนคลายความเมื่อยหลังจากนั่งเครื่องเป็นระยะเวลานาน ในประเทศไทยมีสนามบินหลักๆ ทั้งหมด 2 สนามบินด้วยกัน คือ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งในบทความนี้ทาง AIRPORTELs ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองให้ทุกคนได้เลือกแวะพักผ่อนกันได้ตามความชอบ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยสนามบินแห่งนี้ถือเป็นสนามบินหลักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเครื่องบินของสายการบินต่างๆ มากมายจากทั่วโลก และยังมีอาคารผู้โดยสารเดี่ยวขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย ทำให้พื้นที่โดยรอบสนามบินกลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่รวมสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ช็อปปิง ให้ทุกๆ คนได้เพลิดเพลินตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทั้งคาเฟ่ ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก จนถึงสวนสาธารณะ 

1. 82 Concept

สายคาเฟ่ห้ามพลาด! กับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้อย่าง ‘82 Concept’ คาเฟ่สายมินิมอล ที่ให้คุณได้ถ่ายรูปสวยๆ มองเห็นเครื่องบินขับผ่านไป พร้อมลองชิมขนม และอาหารไทยไปพร้อมๆ กัน เรียกได้ว่ามีทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มครบจบในที่เดียว

  • ที่อยู่ : เลขที่ 30 หมู่ 6 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
  • พิกัด : 82 Concept Cafe & Eatery
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30 – 22.00 น.
  • Facebook : 82 Concept

2. เซ็นทรัล วิลเลจ

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิที่ถือว่าเป็นจุดช็อปปิงแห่งใหม่ที่พลาดไม่ได้เลย คือ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ที่เป็น First Luxury Outlet เอาท์เล็ตชั้นนำแห่งแรกของไทยที่รวบรวมแบรนด์เนมไว้มากกว่า 300 แบรนด์ ให้คุณได้เลือกช็อปปิงตามอัธยาศัย พร้อมรวมร้านอาหารชื่อดังไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 98/1 ถนน สุวรรณภูมิ 3 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 
  • พิกัด : Central Village
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น.
  • Facebook : Central Village 

3.ตลาดเก่าหัวตะเข้

เปลี่ยนบรรยากาศตัวเมือง มาเป็นบรรยากาศสบายๆ พร้อมชมความสวยงามของริมคลองเก่าแก่ และเดินช็อปปิงกับของดีราคาถูกกันที่ ‘ตลาดเก่าหัวตะเข้’ ตลาดแห่งนี้คงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ ให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดคลาสสิคที่น่าค้นหา พร้อมถ่ายรูปสตรีตอาร์ตสวยๆ ตามกำแพงได้ตามความต้องการ

  • ที่อยู่ : ซอย ลาดกระบัง 17 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : ตลาดเก่าหัวตะเข้
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00 – 17.00 น.
  • เว็บไซต์ : –

4 ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง

ห่างออกไปจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียงเล็กน้อย ก็สามารถศึกษาธรรมชาติกับ ‘ศูนย์การเรียนรู้ป่าในกรุง’ ได้ สถานที่ที่พร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้พันธุ์ไม้นานาชนิด พร้อมกับศึกษาวิธีการดูแลรักษาระบบนิเวศ ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ เรียนรู้และเห็นสำคัญของการมีที่ดินผืนป่า ตลอดจนศึกษาวิธีการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้คงสืบไป

5. สถานตากอากาศบางปู

ใครที่อยากชมธรรมชาติ วิวทะเลสวยๆ ชมฝูงนกนางนวล ให้อาหารนก ถ่ายรูปวิวธรรมชาติติดทะเล พร้อมแวะทานอาหารทะเลแสนอร่อย ต้องมาที่ ‘สถานตากอากาศบางปู’ จังหวัดสมุทรปราการ 

6. สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต

สายรักสุขภาพต้องมาที่นี่เลย ‘สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต’ ซึ่งสนามปั่นจักรยานแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มีจุดมุ่งหมายให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

7. สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสนามบินสุวรรณภูมิที่ขาช็อปห้ามพลาดกับ ‘สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต’ ที่รวมแบรนด์ชั้นนำให้ได้เดินช็อปปิงตามความต้องการ ซึ่งเอาท์เล็ตแห่งนี้ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 15 นาที ให้คุณได้เลือกซื้อสินค้าทั้งนาฬิกา เสื้อผ้า กระเป๋า หรือมาแวะทานอาหาร พร้อมซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับไปที่สนามบิน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 989 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
  • พิกัด : Siam Premium Outlets Bangkok
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10.00-22.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.siampremiumoutlets.com

8. สวนหลวง ร.9

‘สวนหลวง ร.9’ เป็นสวนพฤกศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยสวนสาธารณะแห่งนี้มีพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้หลากหลาย อีกทั้งเป็นสถานที่สำหรับออกกำลังกายของประชาชนทั่วไปอีกด้วย

  • ที่อยู่ : ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 เเขวงหนองบอน เขตประเวศ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : สวนหลวงร.9
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05.00-19.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.suanluangrama9.or.th

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมือง

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองมีที่ไหนบ้าง? สนามบินดอนเมืองตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยสนามบินดอนเมืองแห่งนี้ถือเป็นสนามบินนานาชาติลำดับที่ 2 ของไทย รองจากสนามบินสุวรรณภูมิ มีเครื่องบินของสายการบินต่างๆ มากมายหลายร้อยลำ รวมอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ทำให้พื้นที่รอบๆ ถนนวิภาวดีมีความเจริญรุ่งเรื่องทางด้านเศรษฐกิจ และการคมนาคม ซึ่งสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองที่แนะนำ มีดังนี้ 

1. Sero Specialty Coffee

คาเฟ่ย่านดอนเมือง-สรงประภา ที่สายคาเฟ่ต้องมาลองกับ ‘Sero Specialty Coffee’ คาเฟ่ที่ตกแต่งแบบคุมโทนขาว-ดำ-เทา-ครีม ผสมผสานกันอย่างลงตัว คาเฟ่แนวมินิมอลแห่งนี้มีจุดถ่ายรูปสวยๆ พร้อมที่นั่งทรงเก๋ๆ ให้ทุกคนได้ถ่ายรูป และใช้เวลาผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อมของคาเฟ่แห่งนี้

  • ที่อยู่ : เลขที่ 310-341 ซ. สรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • พิกัด : Sero Specialty Coffee
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 09.00-17.00น. (หยุดทุกวันพุธ)
  • Facebook :  Sero Specialty Coffee

2. กระท่อมลุงจรณ์

สำหรับใครที่ชอบต้นไม้ โดยเฉพาะต้นกระบองเพชร ต้องอย่าลืมแวะมาที่ ‘กระท่อมลุงจรณ์’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินดอนเมือง ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินประมาณ 30 นาที กระท่อมลุงจรณ์เป็นสวนกระบองเพชรขนาดใหญ่ที่มีกระบองเพชรหลายสายพันธุ์ หลายขนาดให้เลือกซื้อกลับไปตามความสะดวก โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบ หลักร้อย จนถึงหลักหมื่น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 81/6 หมู่ 2 วัดสิงห์ ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 
  • พิกัด : กระท่อมลุงจรณ์ Uncle Chorn’s Cabin
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 09.00-17.00น. (หยุดทุกวันพุธ) 
  • เว็บไซต์ : www.uncle-chorn.com

3. ช่างชุ่ย 

‘ช่างชุ่ย’ เป็นแหล่งรวมงานศิลปะและความเก๋ ความเท่ เหมาะกับสายกิน เที่ยว และช็อปปิงเป็นอย่างดี สำหรับสายถ่ายรูปแนะนำให้แวะไปช่างชุ่ยในช่วงเช้า-บ่าย ส่วนสายที่ชอบเดินเล่น ช็อปปิงนั้น ขอแนะนำให้แวะมาช่างชุ่ยในช่วงเย็น เพราะในช่วงตอนเย็นพ่อค้าแม่ค้าจะเริ่มนำสินค้ามาขายในราคาพิเศษ ให้คุณได้เดินซื้อของตามอัธยาศัย พร้อมบรรยากาศเมืองไทยสมัยก่อน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 460/8 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : Chang Chui
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00น. 
  • เว็บไซต์ : www.changchuibangkok.com
  • Facebook : ช่างชุ่ย ChangChui

4. ดรีมเวิลด์

แวะเที่ยวเล่นกับสวนสนุกชื่อดังของไทยอย่าง ‘ดรีมเวิลด์’ สวนสนุกที่จะพาทุกคนไปย้อนเวลาสู่วัยเด็กที่แสนสนุก ให้คุณได้เพลิดเพลินกับเครื่องเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหนูลมกรด เฮอริเคน สกายโคสเตอร์ ฯลฯ พร้อมแวะถ่ายรูปในโซนโฟโตเปีย ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปแนวแฟนตาซีที่มีทั้งบ้านฮอบบิท ปราสาทอัศวิน และสัตว์ในโลกแห่งเทพนิยายอีกมากมาย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 62 หมู่ที่ 1 ถนน รังสิต – องครักษ์ ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
  • พิกัด : ดรีมเวิลด์
  • เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-17.00น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.dreamworld.co.th

5. ตลาดนัดจตุจักร

‘ตลาดนัดจตุจักร’ เป็นสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองยอดนิยมที่ใครๆ ก็ห้ามพลาด ตลาดนัดจตุจักรถือเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ เพราะมีพื้นที่มากกว่า 80 ไร่ มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 8,000 ร้านค้าด้วยกัน ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ของกิน สัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เรียกได้ว่ามาที่ตลาดนัดจตุจักรก็สามารถซื้อของได้แบบครบครัน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 587, 10 ถ. กำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • พิกัด : ตลาดนัดจตุจักร
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 07.00-18.00 น. วันศุกร์ เวลา 18.00-24.00น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร)
  • เว็บไซต์ : www.chatuchakmarket.org

6. ตลาดน้ำตลิ่งชัน

จะหาขนม ของกิน ของฝาก หรือเครื่องดื่มก็มาที่นี่ที่เดียวได้เลย ‘ตลาดน้ำตลิ่งชัน’ เป็นศูนย์รวมของดีของถูก ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ผักสด ของคาว ของหวานก็สามารถหาซื้อได้ทั้งหมด โดยตลาดน้ำแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องของกิน ทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าว จนถึงขนมไทยก็มีให้เดินเลือกซื้อกัน

7. พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

ใครที่ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง ตื่นเต้นกับเครื่องบินต้องมาแวะที่นี่ ‘พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ’ ได้รวมเครื่องบินมากกว่า 90 ลำ ให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับเครื่องบินของจริง พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกิจการการบินในประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงปัจจุบัน

8. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA)

แวะมาชมผลงานศิลปะของไทย กับ ‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA)’ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมือง ที่รวบรวมผลงานศิลปะหลายแบบทั้งภาพวาด ประติมากรรม จิตรกรรมต่างๆ ที่สื่อถึงความละเอียดประณีตของศิลปวัฒนธรรมไทยได้อย่างชัดเจน

  • ที่อยู่ : ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00น. (หยุดทุกวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ : www.mocabangkok.com

9. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

อยากแวะพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวต้องมาที่ ‘สวนวชิรเบญจทัศ’ หรือ ‘สวนรถไฟ’ เป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่ด้วยพื้นที่กว่า 370 ไร่ มีกิจกรรมหลากหลายทั้งปั่นจักรยาน เดิน วิ่ง เต้นแอโรบิค หรืออยากมานั่งปิกนิกชมวิวทิวทัศน์ก็สามารถแวะมาที่นี่ได้เลย

สรุป

สนามบินระดับนานาชาติของประเทศไทยในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 สนามบินด้วยกัน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งบริเวณรอบๆ สนามบินเหล่านี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว จนถึงแหล่งช็อปปิงให้นักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางได้เลือกใช้บริการตามความต้องการ และสำหรับใครที่จะต้องบินต่อ หรือมาถึงสนามบินแล้วอยากแวะเที่ยวรอบๆ สนามบินก่อน สามารถฝากสัมภาระกับทาง AIRPORTELs ได้ตามจุดบริการของแต่ละสนามบิน แล้วออกไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินที่ได้รวบรวมไว้ให้ได้เลย

AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

อโศก-สุขุมวิท เป็นแหล่งท่องเที่ยวและช็อปปิงที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังให้เลือกสรรมากมาย โดยสินค้าเฉพาะแบรนด์เนม รวมถึง Food Court ที่ขึ้นชื่อในเรื่องราคาถูก เป็นที่สนใจของทั้งคนไทยและต่างชาติมากเลยทีเดียว ซึ่งใครที่กำลังมาในย่านนี้และกำลังมองหาที่ฝากกระเป๋าอโศกหรือที่ฝากสัมภาระอโศก เพื่อฝากกระเป๋าหรือสัมภาระระหว่างชอปปิง ไม่ว่าจะฝากสินค้าที่ซื้อมาหรือสัมภาระที่ติดตัวมาด้วย ก็สบายใจได้ ฝากกระเป๋าปลอดภัย ไม่หาย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ด้วยบริการฝากกระเป๋า Terminal 21 จาก AIRPORTELs 

เวลาเปิดทำการ: 10:00 – 22:00 น.

เบอร์ติดต่อ:  02-026-6927

Bts sky train

วิธีการเดินทางไป AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

– ด้วยรถไฟฟ้า BTS: เลือกเส้นทางสายสุขุมวิท ลงสถานีอโศก ทางออกที่ 1 แล้วไปที่ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกลานจอดรถ
– ด้วยรถไฟฟ้า MRT: เลือกเส้นทางสายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) ลงสถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 3 แล้วไปที่ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกลานจอดรถ
– ด้วยรถส่วนตัว: เดินทางมายังเส้นถนนสุขุมวิทหรือถนนรัชดาภิเษกมายังจุดหมายแยกอโศก
– ด้วยรถสาธารณะ:   รสบัสประจำทาง สาย 136,สาย  185, สาย 2, สาย 25,สาย 38, สาย 40 (ปอ.) และ สาย 511 (ปอ.) 

Airportels services

ขั้นตอนการฝากกระเป๋าอโศก

การฝากกระเป๋าอโศกที่ AIRPORTELs สาขา Terminal 21 ไม่ยุ่งยาก มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น ก็ไปเที่ยวต่อหรือชอปปิงในย่านนี้ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล สามารถจองได้ 2 วิธีด้วยกัน

วิธีที่ 1 จองผ่านช่องทางออนไลน์

  • จองฝากกระเป๋าได้ที่เว็บไซต์ AIRPOTELs ที่นี่ 
  • เลือกจุกฝากสัมภาระและวันที่ต้องการ
  • ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยัน
  • ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต

วิธีที่ 2 Walk-in ฝากกระเป๋า Terminal 21

  • ไปที่ AIRPOTELs สาขา Terminal 21 ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกไปอาคารจอดรถ
  • ชำระเงินที่เคาน์เตอร์
Airportels Terminal21

ภาพบรรยากาศ AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

ฝากกระเป๋า Terminal 21 เดินมาที่ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกไปยังลานจอดรถ แล้วมองหา AIRPORTELs บริเวณที่มีสีเหลืองและเคาน์เตอร์ที่มีสีทองได้เลย 

Airportels Terminal21

บริการ ราคาและเงื่อนไข

AIRPORTELs ไม่เพียงแต่มีบริการฝากกระเป๋าเท่านั้น แต่ยังมีบริการส่งกระเป๋าหรือสัมภาระอีกด้วย โดยการให้บริการไม่จำกัดน้ำหนัก ไม่จำกัดขนาดกระเป๋า ไม่จำกัดระยะทาง คิดราคาแบบเหมา พร้อมกับมีระบบติดตามสัมภาระให้สามารถเช็กได้ว่าตอนนี้สัมภาระอยู่ที่ไหน มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ของไม่หายแน่นอน เมื่อใช้บริการกับ AIRPORTELs 

ฝากกระเป๋า

บริการฝากกระเป๋าที่อโศกหรือฝากสัมภาระที่อโศก ของ AIRPORTELs นั้นไม่เพียงแต่รับฝากกระเป๋าแต่ยังรับฝากสัมภาระของอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสินค้า เสื้อผ้าที่ช็อปปิง รวมไปถึง Laptop Notebook ด้วย โดยคิดราคาค่าบริการเป็นแบบเหมาต่อชิ้น โดยไม่จำกัดน้ำหนักและไม่จำกัดขนาดของสัมภาระ โดยราคาเริ่มต้นฝากกระเป๋าที่ Terminal 21 ราคาเหมา 1 วันอยู่ที่ 150.- ต่อกระเป๋า 1 ใบหรือสัมภาระ 1 ชิ้น 

ส่งสัมภาระ

บริการส่งสัมภาระ เป็นอีกบริการที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอปปิงเยอะหรือมีสัมภาระจำนวนหลายชิ้น ไม่สะดวกขนย้ายหรือพกพาไปด้วยตัวเอง สามารถให้ AIRPORTELs ช่วยส่งสัมภาระถึงที่พัก โรงแรมหรือที่บ้านได้เลย ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299.- เท่านั้น ส่งได้ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด โดยการส่งสัมภาระในจังหวัดจะนัดส่งกระเป๋าที่จุด Drop off หรือให้เจ้าหน้าที่เข้ามารับถึงที่ก็ได้ ส่วนการส่งสัมภาระต่างจังหวัดสามารถส่งกระเป๋าถึงโรงแรมหรือที่บ้านได้เลย

 4 เรื่องที่ทำให้คุณต้องใช้บริการของ AIRPORTELs

มองหาที่ฝากกระเป๋า Terminal 21 หรือที่ฝากสัมภาระย่านอโศก เลือกใช้บริการกับ AIRPORTELs มั่นใจกว่า ปลอดภัย ช่วยให้ท่องเที่ยวได้สบายใจและสะดวกกว่าเดิม ไม่ต้องกังวลกับการแบกสัมภาระหรือลากกระเป๋าไปด้วย 

1. ใช้งานง่าย จองผ่านเว็บไซต์ได้

สามารถจองฝากกระเป๋าที่ Terminal 21 อโศกหรือบริการส่งสัมภาระได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ตลอด 24 ชั่วโมง ทำการจองได้จากทุกที่ทั่วโลกหรือจะเข้ามาติดต่อใช้บริการฝากกระเป๋าและบริการส่งสัมภาระที่สาขาต่างๆ ของ AIRPOTELs ก็สะดวกเช่นกัน ด้วยพื้นที่สาขาที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ สาขาสนามบินดอนเมือง สาขา MBK Center สาขา Central World และสาขา Terminal 21 อโศก

2.ประหยัดเวลาและเงิน

AIRPOTELs ช่วยให้ประหยัดเวลาและเงินได้เยอะ เมื่อเทียบกับค่าเดินทางเมื่อไปฝากและรับกระเป๋าที่โรงแรม ค่าโหลดกระเป๋า ช่วยให้หมดกังวลเรื่องสัมภาระที่ฝากกับไฟลต์บินที่กำลังจะมาถึงเพราะ AIRPOTELs สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง 

 3. รวดเร็วและสะดวก

บริการรับ-ส่งกระเป๋า สัมภาระจาก AIRPOTELs ช่วยให้ประหยัดเวลาได้เยอะมาก ด้วยบริการส่งสัมภาระถึงที่หมายภายใน 6 ชั่วโมงหรือบริการส่งสัมภาระถึงที่แบบด่วนภายใน 3 ชั่วโมง ท่องเที่ยวได้สะดวกสบายไร้กังวล

 4. ปลอดภัย ไว้ใจได้

Airportels Terminal21

ใช้บริการฝากกระเป๋าหรือส่งสัมภาระถึงที่หมายกับ AIRPOTELs มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ของไม่หายแน่นอน ด้วยบริการประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท ระบบตรวจเช็กสถานะสัมภาระ และระบบความปลอดภัยที่ช่วยดูแลสัมภาระตลอด 24 ชั่วโมง

รวม 20 ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ใครไม่ไปถือว่าพลาด

แจกพิกัด ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ที่มีดีทั้งรสชาติและบรรยากาศสุดชิค เอาใจคอกาแฟที่อยากนั่งชิลล์ ๆ ดื่มด่ำกับกาแฟและบรรยากาศส่วนตัวแบบชนิดที่ว่าคนไม่พลุกพล่าน จะมีร้านไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลยดีกว่า

1. Aoon Cafe

ใครจะรู้ว่าที่ย่านเยาวราชจะมี ร้านกาแฟลับ แบบนี้ซุกซ่อนอยู่ ที่นี่เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีโรงปั้นเซรามิกให้ได้มาเวิร์กช้อปกัน ซึ่งทางร้านก็ใช้ถ้วยเซรามิกที่ปั้นเองนี่แหละเสิร์ฟเครื่องดื่ม คุณจะได้ลิ้มลองกาแฟแบบฉบับงานคราฟท์ตั้งแต่ภาชนะและกรรมวิธีสุดละเมียดในการชงกาแฟ

ที่อยู่ : 8 Alley, Lane Pathum Khongkha, Khwaeng Samphanthawong, Khet Samphanthawong, Krung Thep Maha Nakhon 10100
พิกัด : https://goo.gl/maps/dJvWF8fir7R4tAW2A
เบอร์โทร : 089-447-7161

image by https://www.facebook.com/aoonpottery

2. Woodbrookbkk

ร้านกาแฟลับ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของตึก ติดกับถนนทรงวาด ภายในร้านมีทั้งโซน in door และระเบียงที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโรนามา ที่สำคัญมีอาหารและเครื่องดื่มหลายรสชาติให้เลือกตามใจชอบ

ที่อยู่ : 1222/1 Songwat Rd. Chakkaphat, Samphanthawong, Bangkok
พิกัด : https://goo.gl/maps/4M9AEvsTyrYgtB7y6
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.00 น. – 19.00 น.
เบอร์โทร : 064-424-2929

image by https://www.facebook.com/woodbrookbkk

3. CHATA Specialty Coffee

ร้านกาแฟ ที่ทีมุมถ่ายรูปกับกำแพงอิฐสุดฮิตแนว Contemporary Loft พร้อมมีเมนูเครื่องดื่มที่เน้นวัตถุดิบเมล็ดกาแฟชั้นดี นอกจากนั้นยังมีเมนูอาหารและเบเกอรี่หลากหลายไว้บริการอีกด้วย

ที่อยู่ : 98 พาดสาย แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100
พิกัด : https://goo.gl/maps/BUtAzepjacoosxFJ7
เวลาทำการ : ปิดวันจันทร์ 09.00 น. – 18.00 น.
เบอร์โทร : 084-625-2324

image by https://www.facebook.com/chataspecialtycoffee

4. Beaker and Bitter

ร้านกาแฟธีมห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่มีมุมถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์ประกอบฉากแบบห้องทดลองวิทยาศาสตร์ครบเซต นอกจากนั้นภายในยังมี co-working space ให้มานั่งทำงานและคุยงานกันอีกด้วย อาหารและเครื่องดื่มก็มีหลากหลายเมนู การันตีความอร่อย

ที่อยู่ : 4 ซ. สายลม 1 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
พิกัด : https://goo.gl/maps/42Rh1Va1sejyfBy78
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08.00 น. – 22.00 น.
เบอร์โทร : 082-989-6946

image by https://www.facebook.com/beakerandbitter/

5. Flints Kraft & Kafe

ร้านกาแฟสุดลับอยู่ในตรอกตึกดิน ถนนดินสอ ตกแต่งบรรยากาศแบบมินิมอล เมนูเครื่องดื่มก็มีหลากหลายทั้งเมนูกาแฟคุณภาพ และ non coffee นอกจากนั้นเขายังมีเวิร์กช็อปสอนทำเครื่องประดับสำหรับคนที่รักงานฝีมือแฮนด์เมด

ที่อยู่ : 90 ตรอกตึกดิน แขวง เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/9D1RdgqKLMGGKJjTA
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน จันทร์- ศุกร์ 8:00 น. – 17:00 น. และ เสาร์ – อาทิตย์ 9:00 น. – 18:00 น.
เบอร์โทร : 095-869-3464

image by https://www.facebook.com/flintskraftkafe/

6. Foxhole BKK

ที่นี่เป็น ร้านกาแฟ เล็ก ๆ ที่อยู่ในตรอกใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ เน้นตกแต่งร้านสไตล์เรียบ ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น แถมยังมีเมนูหลากหลายทั้งกาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ และขนมหวานชนิดต่าง ๆ หลากรสชาติ

ที่อยู่ : 290/4 ถนนตะนาว แขวง ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/VhwH9Upqbef5Lob5A
เวลาทำการ : ปิดวันอังคาร 09:30 น. – 17:30 น.
เบอร์โทร : 086-666-6432

image by https://www.facebook.com/Foxholebkk/

7. NEAT COFFEE​ BAR

ร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์เข้ากับตึกเก่าได้อย่างลงตัว มีเมล็ดกาแฟนานาชนิด พิเศษตรงที่เราสามารถเลือกเบลนด์กาแฟได้เองด้วย ให้คุณได้รังสรรค์รสชาติกาแฟแบบเฉพาะของตัวคุณเอง

ที่อยู่ : 99 3 ถนน บุญศิริ แขวง ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/KbRXSVnqEUSHFcuTA
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10:00 น. – 17:00 น.
เบอร์โทร : 099-156-5424

image by https://www.facebook.com/NEATCOFFEEBAR/

8. Liebe Cafe

ร้านกาแฟย่านโชคชัย 4 ตกแต่งร้านแบบเรียบหรู เน้นสีขาวโปร่งตาดูมินิมอล มีเครื่องดื่ม ๆ และ กาแฟอร่อย ๆ พร้อมกับขนมเบเกอรี่ที่อบสดใหม่แบบวันต่อวัน

ที่อยู่ : 73/2 โชคชัย 4 ซอย 54 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/JbZT95AQpXJD5RK2A
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 19:00 น.
เบอร์โทร : 095-948-1963

image by https://www.facebook.com/Liebecafee/

9. Hong Di Coffee

ร้านกาแฟที่ตกแต่งร้านสไตล์จีนโมเดิร์น มีทั้งโซน in door และ out door ด้านในมี 2 ชั้น บรรยากาศภายในมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ เมนูก็มีหลากหลายทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่

ที่อยู่ : 18 โชคชัย 4 ซอย 39 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/1nCTU8vre2S4M64n8
เวลาทำการ : ปิดทุกวันจันทร์ 09:00 น. – 19:00 น.
เบอร์โทร : 097-954-5519

image by https://www.facebook.com/HongDiCoffee/

10. นิยาย

ร้านกาแฟที่ให้บรรยากาศของการจิบกาแฟอยู่ในสวน บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยแมกไม้ราวกับอยู่ในดินแดนเทพนิยายเลยทีเดียว เมนูกาแฟและเครื่องดื่มก็รสชาติกลมกล่อมมาก แถมยังมีอาหารและของหวานอีกหลายเมนูด้วย

ที่อยู่ : ถนน เลียบคลองหนองทับ ตำบล หนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย นนทบุรี 11150
พิกัด : https://goo.gl/maps/Gi2bA5ABBZmyLcrG9
เวลาทำการ : ปิดทุกวันพุธ จันทร์ – ศุกร์ 10.00 น. – 18.30 น. และ เสาร์ – อาทิตย์ 9.00 น. – 18.30 น.
เบอร์โทร : 063-443-1961

image by https://www.facebook.com/niyaicafe/

11. Cafe Casta

ร้านกาแฟที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านขนมแบบยุโรป โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟนำเข้าคุณภาพเยี่ยม และยังมีขนมอบสุดอร่อยหลากหลายแบบไว้บริการ

ที่อยู่ : 29 ซอย ทุ่งมังกร 4 แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พิกัด : https://goo.gl/maps/gvFEu9SYkSYaBXNA7
เบอร์โทร : 02-884-0448

image by https://www.facebook.com/CafeCasta/

12. Farm to Cup: Specialty Coffee & Art space

ร้านกาแฟลับ ย่านตลิ่งชันที่คัดสรรเอาเมล็ดกาแฟจากไร่ทั่วไทยที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาสร้างสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพ ภายในร้านก็ตกแต่งด้วยงานศิลปะหลากหลายแบบให้ได้นั่งชมแบบชิลล์ ๆ

ที่อยู่ : 22, 2 ถนนฉิมพลี แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พิกัด : https://goo.gl/maps/HQkue5cKu5azESW37
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09.30 น. – 23.30 น.
เบอร์โทร : 080-669-7749

image by https://www.facebook.com/profile.php?id=100076249603117

13. LYNX Coffee

ร้านกาแฟโทนสีเหลืองอ่อน ๆ ตกแต่งเรียบง่าย ที่ให้บริการทั้งกาแฟรสกลมกล่อม เครื่องดื่ม non-coffee และขนมเค้กโฮมเมดกว่า 20 เมนู ปัจจุบันมี 2 สาขาด้วยกัน

ที่อยู่ : 948 ถนนเทอดไท แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 และ หน้าซอยเทอดไท20/1 ตรงข้ามLotus ตลาดพลู
พิกัด : https://goo.gl/maps/fTuCyePHuuCPKWcT9
เวลาทำการ : สาขา 1 ตลาดพลู เปิดทุกวัน 09:00 น. – 18.00 น. และ สาขา 2 โพธิ์นิมิตร หยุดทุกวันจันทร์ 09:00 น. – 18:00 น.
เบอร์โทร : 062-462-6363 และ 092-662-6363

image by https://www.facebook.com/Lynx.coffee/

14. Hint coffee

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอลบรรยากาศสวย ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นละมุนละไม มีมุมชิค ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ส่วนเมนูก็มีทั้งเครื่องดื่มและขนมหลากหลายชนิด

ที่อยู่ : 178 ถ. กรุงธนบุรี แขวง คลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/moxvGsYiLiZzhk189
เวลาทำการ : ปิดทุกวันจันทร์ 09:30 น. – 17.30 น.
เบอร์โทร : 080-937-8762

image by https://www.facebook.com/hintcoffeeco

15. Bake It Bright

ร้านกาแฟที่ตกแต่งสุดชิค มาที่เดียวเหมือนไปถึงอังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี รับประกันมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ นอกจากนั้นยังมีเบเกอรี่โฮมเมดพร้อมกาแฟคุณภาพและเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกมากมายไว้บริการ

ที่อยู่ : 168 ซอย กรุงธนบุรี 10 แขวง คลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/C1PTA8FCqu6CLPAx7
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:30 น. – 18.30 น.
เบอร์โทร : 097-134-7278

image by https://www.facebook.com/bakeitbright-100853175504134/

16. Billybillies

ที่นี่เป็นคาเฟ่และเวิร์กช้อปสตูดิโอ เปิดโอกาสให้มาเรียนรู้งานฝีมือและงานศิลปะไปพร้อม ๆ กับลิ้มลองเครื่องดื่มและเมนูขนมหวานสูตรพิเศษของทางร้าน

ที่อยู่ : 4453 ถ. สุขุมวิท แขวง บางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
พิกัด : https://goo.gl/maps/HVDED9pPNvM7w1Gp7
เวลาทำการ : ปิดทุกวันอาทิตย์ จันทร์ – ศุกร์ 07.00 น . – 17.00 น. และ เสาร์ 09.00 น. – 18.00 น.
เบอร์โทร : 093-429-1423

image by https://www.facebook.com/billybilliesworkshop/

17. Deep Root Café

ร้านกาแฟสุดลับที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ที่นี่เขาเน้นใส่ใจกับความพิถีพิถันในการชงกาแฟ นอกจากนั้นยังมีอาหารและขนมอร่อย ๆ ไว้ให้ทานคู่กับกาแฟด้วย

ที่อยู่ : 255 2 ถ. สมเด็จเจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/PQCSUEngXKAFyfYLA
เวลาทำการ : เปิด Walk in ทุกวันศุกร์ – วันอาทิตย์ 10.00 น . – 22.00 น.
เบอร์โทร : 095-448-0598

image by https://www.facebook.com/deeprootcafe/

18. slole garden

ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่มีทั้งโซนภายในร้านและโซนในสวน ซึ่งในโซนสวนสามารถพาน้องหมาน้องแมวมานั่งเล่นไปพร้อม ๆ กับจิบ กาแฟอร่อย ๆ ได้ แถมยังมีเมนูเครื่องดื่มและขนมอร่อย ๆ เพียบ

ที่อยู่ : 9 โชคชัย 4 ซอย 52/1 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/kttmkj7x7MuEHiiq9
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09.30 น . – 18.00 น.
เบอร์โทร : 090-021-2100

image by https://www.facebook.com/slolegarden

19. HARIO CAFÉ

ร้านกาแฟที่เมนูหลากหลายให้ลิ้มลอง ซึ่งนอกจากเมนูพื้นฐานทั่วไปแล้ว เขายังมีเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านด้วยอีกหลายเมนู รับรองเลยว่าคุณจะติดใจ เพราะเป็นรสชาติที่ไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน

ที่อยู่ : 291 ถ. โชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/n71WQgDbcA2ML9LC7
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 06.00 น . – 22.00 น. (Chokchai 4) , จันทร์ – พฤหัสบดี 7.00 น. – 20.00 น. และ 07.00 – 21.00 ศุกร์ – อาทิตย์ (Thaniya Plaza)
เบอร์โทร : 085-480-2920

image by https://www.facebook.com/hariocafebkk

20. Blackhills BKK

ร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์ที่ตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียน เป็นสไตล์ที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว แถมยังมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีนานาพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกให้เลือก ให้รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร

ที่อยู่ : 302 ซอย ลาดพร้าว 1 แยก 2 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
พิกัด : https://goo.gl/maps/WCTJtYP9KhYiuDp4A
เวลาทำการ : ปิดทุกวันอังคาร 08.00 น. – 17.00 น.
เบอร์โทร : 085-666-3788

image by https://www.bkkmenu.com/eat/we-recommend/blackhills-bkk.html

เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 20 ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ที่เรานำมาฝาก หวังว่าจะถูกใจเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย ใครที่เป็นสายชิลล์ชอบนั่งปล่อยใจดื่มกาแฟเงียบ ๆ ลองเช็กลิสต์แล้วตามไปเช็กอินให้ครบทุกร้านให้ได้นะ รับรองว่าถูกใจแน่นอน 

 

อัพเดทสถานที่ฝากกระเป๋า ราคาถูกทั่วกรุงเทพฯ 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หรือเพื่อมาช็อปปิ้งในเมืองหลวงพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ คงไม่ดีแน่หากต้องคอยแบกเป้หรือกระเป๋าเดินทางตะลอนทัวร์ไปทั่ว กทม. ในขณะที่โรงแรมบางแห่งก็ไม่สามารถการันตีถึงความปลอดภัยและทรัพย์สินในกระเป๋าให้คุณได้ การหาร้านที่รับ ฝากกระเป๋า สัก 2-3 ชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอต่อการทำธุระในเมืองหลวงได้แบบสบายตัว ช่วยให้คุณทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องขนสัมภาระให้เกะกะ ซึ่งนอกจากบริการรับฝากกระเป๋าแล้ว สถานที่รับฝากกระเป๋ายังมีบริการจัด ส่งกระเป๋า สัมภาระ สิ่งของที่ช้อปปิ้ง ตามไปให้ยังโรงแรม หรือ สนามบิน โดยที่คุณไม่ต้องหิ้วให้เมื่อยอีกต่อไป

 

อัตราการให้บริการดีที่สุดที่ AIRPORTELs 

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ทุกคนจะต้องมีกระเป๋าสัมภาระ ทั้งใบเล็ก ใบใหญ่ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปัญหาของเจ้าของกระเป๋าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน ด้วยกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ที่ทำให้การใช้บริการรถสาธารณะค่อนข้างลำบาก การเลือกใช้บริการรับส่งกระเป๋าจากบ้านไป สนามบิน เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางจึงเป็นทางออกที่ดีมาก  

 

AIRPORTELs หนึ่งในผู้นำด้านการรับฝากและจัดส่งกระเป๋า สัมภาระ สินค้า จากสนามบินไป โรงแรม บ้าน ที่พัก หรือจาก ห้าง สรรพสินค้าไปสนามบิน โรงแรมหรือที่พักอาศัย โดยมีอัตราการให้บริการเริ่มต้นที่ 20,40 บาท/ชั่วโมง หรือ 100 บาท/วัน สำหรับการรับฝากสิ่งของ สัมภาระ ณ จุดให้บริการและมีอัตราค่าบริการในการจัดส่งกระเป๋าเดินทาง สัมภาระต่าง ๆ จากบ้าน ที่พัก หรือโรงแรมไปยังสนามบินในราคาเริ่มต้น 299 บาทเท่านั้น  นับเป็นอัตราการให้บริการที่ดีที่สุดแล้วในปัจจุบัน

 

สะดวก สบาย เมื่อใช้บริการ AIRPORTELs 

AIRPORTELs เปิดให้บริการรับฝาก จัด ส่งกระเป๋า ครอบคลุม 2 สนามบินหลักของประเทศ นั่นหมายความว่าทุกการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารทั้งไปและกลับ คุณสามารถที่จะเก็บสิ่งของมีค่าของคุณเป็นชั่วโมง หรือเป็นวันได้หากต้องการ ได้ทั้ง 2 สนามบิน โดยตำแหน่งที่ตั้งเคาน์เตอร์บริการของสนามบินสุวรรณภูมิจะอยู่ที่ชั้นบี โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของสนามบินดอนเมือง เคาน์เตอร์ที่ให้บริการจะอยู่ที่อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ชั้นจี (G) ประตู 9 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น.

 

นอกจากนี้ AIRPORTELs ยังมีเคาน์เตอร์ให้บริการประจำอยู่ตาม ห้าง สรรพสินค้าชั้นนำ ดังต่อไปนี้

โซนห้าง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 22.00 น.

  • เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 6 โซนบี (B) ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ
  • เทอร์มินอล 21 อโศก ชั้น 1 โซนโตเกียว ทางออกลานจอดรถ
  • เซ็นทรัลเวิร์ด ชั้น 1 โซนกรูฟ ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ

ในส่วนของต่างจังหวัด AIRPORTELs เปิดให้บริการแล้ว โดยจะเป็นการให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัด หากใครไม่อยากโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง หรือไม่อยากมีสัมภาระเยอะระหว่างเดินทางก็สามารถจองบริการของเราทางออนไลน์ได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 349 บาท/ใบ น้ำหนักไม่เกิน 15 กก.

ติดต่อสอบถาม

 

Lock Box ช่วยคุณได้ ล็อกเกอร์ฝากของฉบับคนกรุง

คงจะดีไม่น้อยหากการเดินทางไปทำงานหรือเรียนหนังสือระหว่างทางมีตู้ล็อกเกอร์ไว้คอยบริการ เพราะจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปทำธุระอีกหลายแห่ง สามารถที่จะฝากกระเป๋า หนังสือเรียนหรือแม้แต่สัมภาระขนาดใหญ่ไว้ในล็อกเกอร์ได้ โดยมั่นใจว่าสิ่งของเหล่านั้นจะไม่สูญหายไป 

Lock Box หนึ่งในผู้ให้บริการตู้ล็อกเกอร์สำหรับฝากสินค้า กระเป๋าสัมภาระตามแนวรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันกำลังขยายตู้รับฝากไปยังจุดต่าง ๆ ให้ทั่วทั้ง กรุงเทพ และปริมณฑลรวมไปถึงสนามบินและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น สยามพารากอน, เซนทรัล วิลเลจ, ไอคอนสยามและเซนทรัลเวิร์ด แถมยังเปิดรับแฟรนไชส์เพื่อขยายสถานที่เก็บกระเป๋าอีกจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวก สบายให้แก่ผู้ใช้บริการ จะได้ไม่ต้องหอบกระเป๋าพะรุงพะรังอีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา ที่มีจุดหมายปลายทางมากกว่า 2 แห่ง Lock Bok ช่วยคุณได้ จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าสัมภาระในการเดินทางไกลอีกต่อไป สนนราคาและค่าบริการในการรับฝากเริ่มต้นที่ 30 บาท/ ชั่วโมง หรือ 180 บาท/วัน สำหรับไซซ์วัสดุ 7X35X58cm.

 

Bellugg ปลอดภัย ตรงเวลา ตรวจสอบได้

อีกหนึ่งผู้ให้บริการรับฝากกระเป๋าและจัดส่งกระเป๋าเดินทางให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยยึดหลักปลอดภัย ตรงเวลาและตรวจสอบได้ มั่นใจว่ากระเป๋าทุกใบจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เพราะมีประกันภัยคุ้มครองให้กับกระเป๋าทุกใบ พร้อมระบบขนส่งที่เชื่อถือได้ว่ากระเป๋า สัมภาระทุกใบจะส่งตรงถึงมือลูกค้าทุกคนด้วยความรวดเร็วและตรงเวลา นอกจากนี้ทาง Bellugg ยังเปิดให้บริการรับส่งสินค้าแบบวันเดียวถึงในเขต กรุงเทพ และปริมณฑล พร้อมกับรถที่มีเครื่องรักษาความเย็นไว้คอยบริการสำหรับร้านค้า ร้านอาหารที่ต้องการจัดส่งอาหารไปให้ถึงมือลูกค้าในขณะที่ยังสดใหม่ สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อจองการฝากและรับส่งสินค้า กระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ได้ที่ 087-336-6666 หรือที่เว็บไซต์ Bellugg.com/th/ 

 

โรงแรมส่วนใหญ่เลือกที่จะให้คุณ ฝากกระเป๋า ก่อนเช็กอินหรือหลังเช็กเอ้าท์สัก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งหากโรงแรมอยู่ไกลจากแผนการเดินทาง ก็ควรเลือกที่จะใช้บริการฝากและรับ-ส่งดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการย้อนกลับมาเอากระเป๋าระหว่างท่องเที่ยว หรือช้อปปิ้งระหว่างที่รอเช็คอินกับสายการบิน ซึ่งสะดวกมากกว่าและที่สำคัญอย่าลืมที่จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AIRPORTELs เพื่อเรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ที่มาข้อมูล :

7ที่”แคมป์ปิ้ง”ใกล้กรุงเทพฯ ไม่ต้องเดินทางไกลก็ได้ฟีล

วันหยุดพักผ่อนอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเที่ยวห้าง เดินช้อปปิ้ง ไปหาที่ตั้งแคมป์ใจกลางกรุงแต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี วันนี้ชวนมาคนอยากไป แคมป์ปิ้ง ใจกลางกรุงและสายแคมป์มาหาที่พักแรมค้างคืนสุดชิล เดินทางง่ายอยู่ใจกลางกรุงแต่ได้ฟีลดี เป็นส่วนตัว ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้วันหยุดของคุณไม่น่าเบื่อและได้พักร่างชาร์จแบตพร้อมสำหรับการกลับไปทำงาน มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้างน่าไป

1.Bangkok Backyard 

เริ่มต้นกันที่ลานกางเต็นท์ ใจกลางกรุงเทพ ตั้งอยู่เส้นถนนไมตรีจิต ถูกใจสายแคมป์ปิ้งสุด ๆ เพราะมีลานให้คุณได้ตั้งแคมป์นอนชิลท่ามกลางธรรมชาติริมบึงไมตรีจิต ทำเลดีลานตั้งแคมป์อยู่บนพื้นที่สนามหญ้าเขียวขจีล้อมรอบด้วยบึงน้ำเหมือนเกาะที่อยู่กลางน้ำเพราะมีลักษณะพื้นที่ตั้งแคมป์ยื่นออกไปกลางบึงไมตรีจิต จุดเด่นนอกจากจะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติวิวริมน้ำแล้ว ที่นี่จำกัดคนเข้ามาตั้งแคมป์จึงรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การพักผ่อนดีทีเดียว เรื่องไฟฟ้ามีปลั๊กไฟพร้อมใช้งานหมดห่วงตั้งแคมป์สบายใจมีไฟฟ้าใช้สะดวก แต่งดการก่อไฟทำอาหาร ปิ้งย่าง ที่นี่จึงไม่เหมาะกับสายกินหมูกระทะ เน้นตั้งแคมป์นอนชิลมากกว่า  

ที่ตั้ง : ถนนไมตรีจิต เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 

 

2.ช่างสุข คาเฟ่ ปากเกร็ด

มาต่อกันที่ช่างสุข คาเฟ่ ที่บอกเลยว่าตอบโจทย์ของสายแคมป์ปิ้งสายคาเฟ่ เพราะที่นี่ในตอนเช้าจะมีร้านขายเบเกอรี่รสชาติอร่อย เรื่องทำเลได้ใจคนชอบฟีลธรรมชาติ กับลานกว้างแวดล้อมด้วยต้นไม้ ไฮไลท์ของที่นี่คือความเรียบง่าย บรรยากาศดีเหมาะกับการมานั่ง นอนชิล ส่วนความสะดวกมีไฟฟ้าและห้องน้ำให้บริการ ที่สำคัญราคาไม่แพงคนละ 100 บาท 

พิกัด : ซอยหลังโรงพยาบาลปากเกร็ด2 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 

ติดต่อ FB: ช่างสุข คาเฟ่ – Camping Café 

 

3. One cc. ราชพฤกษ์ 

สำหรับที่ตั้งแคมป์ปิ้ง จุดนี้จัดว่าเด็ดเพราะบรรยากาศดีใกล้ชิดธรรมชาติไม่แพ้ที่อื่น ที่สำคัญมาที่นี่ไม่ต้องกลัวอดเพราะในพื้นที่เดียวกันก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ให้บริการเมนูอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆ ที่หลายคนต่างไปแล้วลงความเห็นว่าแต่ละเมนูรสชาติดีมาก เป็นที่สถานที่เหมาะสำหรับการกางเต็นท์พักผ่อนในวันหยุด เดินทางง่ายอยู่ใจกลางกรุง ส่วนบรรยากาศให้ฟิลบ้านสวน กลางเต็นท์กลางสวนหย่อม 

พิกัด : 121 21 หมู่ 5 ถนนราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี. 11130 

ติดต่อ FB: One cc. 

 

4. 54 Camp เป็นเกียรติ สตูดิโอ ลาดกระบัง 54

เหล่าคนเมืองกรุงไม่ต้องหาเวลาหลายวันหรือเหนื่อยกับการเดินทางเพื่อหาที่ แคมป์ปิ้งเพราะที่นี่เป็นหนึ่งในจุดกางเต็นท์ใจกลางกรุง เดินทางสะดวก ตั้งอยู่หลังเลนปั่นจักรยานสุวรรณภูมิ ใครไปแถวนั้นจะทราบดีว่าบรรยากาศที่นี่ดีมาก เพราะโล่ง ปลอดโปร่ง จุดเด่นที่น่าสนใจของที่นี่ไม่เพียงเป็นเรื่องบรรยากาศเท่านั้น แต่ยังสะดวกสบาบเพราะมีทั้งบริการ WiFi ฟรี ห้องน้ำ ไฟฟ้าพร้อมใช้ และยังมีร้านสะดวกซื้อให้ได้ซื้อของไปตุนกันในช่วงพักผ่อนที่แคมป์แล้วไม่อยากเดินทางออกไปข้างนอกบ่อย ๆ 

พิกัด : 26/1 ถ.ลาดกระบัง 54 แขวงลาดกระบัง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 10520 

ติดต่อ : คุณอาร์ต โทร 081-869-9111

 

5. James 500 City Camp & City Farm รามคำแหง 

เป็นอีกหนึ่งแห่งที่สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด นอกจากไม่ต้องเดินทางไกลแล้วที่นี่ยังเป็นทั้งจุดแคมป์ปิ้ง ปิกนิกในวันพักผ่อนสุดชิล จุดเด่นคืออยู่ติดทะเลสาบ อากาศดี ลมเย็นสบาย ที่น่าสนใจคือสายกินปิ้งย่างหายห่วงเพราะที่นี่อนุญาตให้ปิ้งย่างได้ แถมสะดวกสบายอีกต่างหากเพราะมีบริการอุปกรณ์ เช่น เตาปิ้ง เก้าอี้ เครื่องดื่ม ครบครัน 

ปากซอย 53 หมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง112 แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240

ติดต่อ FB: James 500 City Camp & City Farm, Line: @James500organic 

 

6. Camp Safari 

สำหรับที่ตั้งแคมป์ปิ้งแห่งนี้มาพร้อมกับบรรยากาศได้ฟิลกลางป่าไม่น้อย เพราะคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติทั้งต้นไม้ และได้เห็นนกนานาชนิด โอบล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริงเหมือนไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองกรุง ชอบและอยากตั้งแคมป์ริมน้ำกลางป่าสนต้องที่นี่เลย สะอาด สะดวกสบาย บรรยาการดีได้ฟิลสุด ๆ 

พิกัดแขวง สามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510

ติดต่อ : https://www.facebook.com/Campsafaribkk/

 

7. Yaks Park บางปะอิน 

จ่ายหลักร้อยได้วิวเกินราคาเพราะที่นี่มีลานตั้งแคมป์ที่ทำให้คุณได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเด่นคือเป็นลานแคมป์ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มาพร้อมบริการให้คุณได้เช่าอุปกรณ์อย่างเตาปิ้งย่าง อุปกรณ์สำหรับสายแคมป์ แถมด้วยกิจกรรมตกปลาอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งที่แคมป์ปิ้งใจกลางกรุงที่น่าไปเยือนสุด ๆ ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่คือคุณจะได้ชมพระอาทิตย์ตกฟีลดีมาก แวดล้อมด้วยธรรมชาติทั้งยังอากาศดี เหมาะสำหรับการพักผ่อนทั้งกลุ่มเพื่อน ครอบครัว คนโสดหรือจะมาเป็นคู่ก็ได้ฟีล

ต.บ้านโพธิ์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 13160

ติดต่อ FB: Yaks Park, โทร 085-238-0736

 

อยากเที่ยวพักผ่อนไม่ว่าจะไปแบบคนโสด มีคู่หรือกับเพื่อนฝูง สไตล์สายแคมป์ได้นอนพักผ่อนชิล ๆ ท่ามกลางบรรยากาศดี ห่างไกลความวุ่นวายของเมืองใหญ่ วันนี้ 7 ที่แคมป์ปิ้ง ใจกลางกรุงเทพ ที่เรารวบรวมมาให้น่าไป การันตีจากเหล่าสายแคมป์ปิ้งว่าต้องไปลองตั้งแคมป์ นั่ง นอนชิลกันสักครั้ง ลองปักหมุดไปสักที่ เชื่อว่าคุณจะประทับใจเพราะแต่ละแห่งไม่เพียงอยู่ใจกลางกรุง เดินทางง่าย ยังมาพร้อมกับ  

 

ที่มาข้อมูล

แจกพิพัดร้านนวดสปา นวดไทยแนะนำ ในกรุงเทพฯ

กรุงเทพเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งนวัตกรรมทั้งหลายล้วนถูกนำไปใช้ในการทำสปาให้มีความครบวงจร ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าคนที่รักการนวดสปา ใครที่ชื่นชอบการผ่อนคลายด้วยวิธีนี้จะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม สปาในกรุงเทพฯ ที่จัดว่าเด็ด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการ บรรยากาศ เทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ แต่ละที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน ทั้งหมดล้วนสร้างความประทับใจ ไปดูกันว่าแต่ละที่มีจุดเด่นและความน่าสนใจอย่างไร

  

1.บริสุทธิ์ เพียว สปา (Borisud Pure Spa)

เริ่มต้นกันด้วยที่แรกสปาสำหรับคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะได้นำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือออแกร์นิกมาใช้ในการทำทรีตเมนต์ทุกตัว ถือเป็นความใส่ใจในเรื่องของสุขภาพร่างกายของลูกค้าที่มาใช้บริการ ทำให้ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ถือเป็นจุดเด่นที่ไม่ว่าใครเมื่อมาสัมผัสก็ต้องเกิดความประทับใจ  อีกทั้งบรรยากาศมีความทันสมัย สะอาดตา ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความงามมากมาย อาทิ ห้องซาวน่าระบบอินฟราเรด (Infrared Sauna) ให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายกับแสงแดดของพระอาทิตย์ อ่างน้ำจากุซซี่ (Jacuzzi) มีระบบนวดตัวขณะแช่น้ำและห้องอบไอน้ำ (Steam Bath) สำหรับฟื้นฟูสภาพผิว เป็นต้น

พิกัด : Borisud Pure Spa (Mode Sathorn Hotel, ชั้น 11)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 23:00

 

2.Kashikiri Onsen and Spa

ใครที่ชื่นชอบการแช่ตัวแบบออนเซ็นฟิลเหมือนอยู่ญี่ปุ่นต้องที่ Kashikiri Onsen and Spa สปาที่แรกของเมืองไทยย่านสุขุมวิท ที่จะมามอบความเป็นส่วนตัวแก่คุณหรือที่เรียกว่า ไพรเวทออนเซ็น พร้อมทั้งชุดคลุมยูกาตะให้สวมใส่ขณะใช้บริการ เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ เพราะตกแต่งออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่ง สปาในกรุงเทพฯ แห่งนี้ได้รับความนิยมจากคนเมืองไม่น้อย ต่างหนีความวุ่นวายมาอาบน้ำแร่ แช่น้ำนมให้ร่างกายได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ในส่วนของบริการภายในลูกค้าสามารถเลือกกลิ่นอโรม่าเองได้และน้ำแร่ออนเซ็นก็เช่นกันมีถึง 3 แบบ คุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายต่างกัน พร้อมนวัตกรรมสปาออนเซ็นฟองอากาศจะทำให้ทั้งผิวและเส้นผมมีสุขภาพที่ดี

พิกัด : อุดมสุข (วชิรธรรมสาธิต ซ.32) และ สุขุมวิท 49 (BTS ทองหล่อ)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00

 

3.Pañpuri Wellness

ต้องยกให้สปาปัญญ์ปุริ เวลเนส (Pañpuri Wellness) เป็น สุดยอดสปา ออแกนิคและทรีตเม้นต์เสริมความงาม เพราะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ เหมาะอย่างมากกับคนที่รักสุขภาพจริงจัง หากได้มาใช้บริการคุณจะลืมความเครียด บรรยากาศภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ท่ามกลางวิวทิวทัศ 360 องศาของกรุงเทพฯ มาพร้อมบริการที่หลากหลาย เช่น การแช่ออนเซ็น ออร์แกนิกสปา ขัดผิว นวดไทย นวดบำบัด แบบนี้แม้ว่าคุณจะเหนื่อยมาแค่ไหน บริการของที่นี่จะทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอน

พิกัด : Gaysorn Urban Retreat, ชั้น 12

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00

 

4.Erb Spa (Warehouse 30)

หลังจากที่ไปสัมผัสบริการของร้านสปาใน 3 อันดับแรกที่ให้ฟิลความเป็นสมัยใหม่และญี่ปุ่นแล้ว เราลองไปทำความรู้จักกับบริการที่ เอิบ สปา (Erb Spa) ได้นำเสนอการให้บริการในรูปแบบไทย ๆ แต่มีความทันสมัย เพราะตกแต่งภายในร้านแบบทรอปิคอล เน้นเฉดสีเขียว เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งทางสปาแห่งนี้ได้พิถีพิถันคัดสรรค์ผลิตภัณฑ์ในการปรนนิบัติผิวนั้นคือเกสรดอกไม้ไทยโบราณ 7 ชนิด ถือเป็นภูมิปัญญาตามตำรับชาววังอันควรค่าแก่การรักษาไว้ ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อให้สปาเป็นหนึ่งตัวช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ จึงได้มีการผสมสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะมาให้บริการ ผสานรวมกับศาสตร์แห่งวิทยาการสมัยใหม่ จึงทำให้สปาแห่งนี้มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการดูแลผิวหน้าที่ไม่เหมือนใคร 

พิกัด : Erb Spa (เจริญกรุง ซ.30) และ Erb Bliss Room (Gaysorn Village, ชั้น 2)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00

 

5.De Rest Spa

หากคุณกำลังเครียดจากการทำงานอย่างหนักลองให้ เดอะเรส สปา (De Rest Spa) เป็นคนดูแลปรนนิบัติคุณด้วยบริการ นวดไทย ตั้งแต่บริเวณฝ่าเท้า คอและไหล่ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยนวดน้ำมันสปา ในส่วนของบริการดูแลผิวจะเป็นการทำทรีตเม้นต์อโรม่าหรือการใช้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหย ขณะได้รับบริการคุณจะรู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการสครับผิวกายเพื่อฟื้นฟูให้แลดูผิวพรรณดีขึ้น อย่างไรก็ตามคุณสามารถมั่นใจในบริการของทางร้านได้เลย เพราะผู้ให้บริการทั้งหมดได้รับใบรับรองการนวดมาแล้วและมีประสบการณ์

พิกัด : De Rest Spa (Maneeya Center, BTS ชิดลม)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 23:45

 

6.Chi The Spa, Shangri-la Hotel

การให้รางวัลตอบแทนตัวเองไม่เพียงเป็นการให้ของมีค่า ราคาแพงอย่างเดียว แต่การได้พาร่างกายไปผ่อนคลายเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยตรง เพราะบริการที่ Chi The Spa ศูนย์บริการนวดสปาที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแชงกรีล่า จะทำหน้าที่สลัดความเมื่อยล้าออกไปจากคุณ อีกทั้งในส่วนของการดูแลผิวมีสครับให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ Pink Salt, Coconut, green Tea, Sesame และอีกหนึ่งความพิเศษคือสปาแห่งนี้เป็นบริการสปาต้นตำหรับจากวัฒนธรรมเอเชียหลากหลายประเทศ ด้วยนักบำบัดมืออาชีพที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง

พิกัด : Chi The Spa (Shangri-la Hotel)

 

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00 ในวันหยุดพักผ่อนนี้หากคุณรู้สึกเมื่อยล้าและมองผิวพรรณแล้วช่างแห้งเหี่ยวขาดการดูแลบำรุง ลองเลือกใช้บริการร้านสปาที่เราแนะนำในวันนี้ รับรองว่าร่างกายของคุณจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่และคุณเองก็จะต้องหลงใหลในการถูกสัมผัสตัวด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพมากมาย ที่ปรนนิบัติผิวอย่างล้ำลึก ถือเป็น สุดยอดสปา ในกรุงเทพที่คนรักสุขภาพเช่นคุณไม่ควรพลาด

 

ที่มาข้อมูล

Bangkok Art Biennale 2022 กลับมาแล้ว 12 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

คนรักศิลปะเตรียมเสพ กรุงเทพ ของเรากำลังจะเป็นศูนย์กลางงานศิลป์ระดับโลก เทศกาล Bangkok Art Biennale (บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่) งานรวมเหล่าศิลปินครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งมีที่มาจากเทศกาล Art Biennale แห่งประเทศอิตาลี ครั้งแรกสุดของ Art Biennale ผ่านมานานกว่าร้อยปีแล้วที่เมืองเวนิส หลังจากนั้นก็ได้ขยายการจัดงานไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย และสำหรับประเทศไทยมีการจัดงานมาแล้ว 2 ครั้งในชื่อ Bangkok Art Biennale

 

จากเวนิสสู่กรุงเทพ เทศกาลศิลปะร่วมสมัยที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ครั้งแรกของเทศกาล Bangkok Art Biennale จัดขึ้นด้วยแนวคิด “สุขสะพรั่ง พลังอาร์ต” หรือ “Beyond Bliss” ครั้งนั้นมีศิลปินระดับโลกรวมศิลปินชาวไทยเข้าร่วมแสดงผลงานถึง 75 คน เป็นเทศกาลที่จัดยาวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019 เรียกว่าสุขสะพรั่งกันข้ามปี รูปแบบการจัดงานคือ ผู้จัดจะเลือกแลนด์มาร์คสำคัญ ๆ ใจกลาง กรุงเทพ มากกว่า 10 แห่งเป็นสถานที่จัดงาน อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, มิวเซียมสยาม, เซ็นทรัลเวิลด์, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ฯลฯ ซึ่งในปีนั้นสถานที่จัดงานทุกแห่งเนืองแน่นไปด้วยแฟนพันธุ์แท้ของศิลปินทุกแขนง ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้พลังศิลปะเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้รักงานศิลป์ เพิ่มมนต์ขลังให้กรุงเทพมหานครเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโลกที่น่าค้นหา 

หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดงานครั้งแรกไปแล้ว Bangkok Art Biennale ได้ถูกจัดให้มีขึ้นอีกครั้งในปี 2020 ซึ่งปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคนไทยและคนทั่วโลกที่ต้องประสบกับสถานการณ์โควิด-19 อันร้ายแรง โยงใยพัวพันไปถึงปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม แผนการจัดงานครั้งนั้นก็ยังดำเนินต่อไป โดยทางคณะผู้จัดงานมีความหวังว่า ศิลปะจะเข้ามาช่วยบำบัดจิตใจที่บอบช้ำของชาวโลกได้บ้าง ตามคอนเส็ปท์ “Escape Route” หรือชื่อไทยว่า “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ครั้งนั้นมีศิลปินรวม 82 คน เปิดให้เข้าชมงานในแบบ New Normal ท่ามกลางโควิด

 
 

CHAOS : CALM คอนเซ็ปต์ใหม่ Bangkok Art Biennale 2022

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยปีนี้ มูลนิธิ Bangkok Art Biennale ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ, กรุงเทพมหานคร พร้อมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนอีกหลายแห่งในการจัดงาน Bangkok Art Biennale 2022 ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปท์ “CHAOS : CALM” ซึ่งสื่อความหมายถึงความวุ่นวายสับสนของชาวโลกที่ถูกไวรัสคุกคาม ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดและต้องหาวิธีปรับตัวได้ ซึ่งจะทำให้ค้นพบหนทางแห่งความสงบสุขท่ามกลางความโกลาหลที่ยังวนเวียนอยู่ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ระหว่างความโกลาหลกับความสงบสุขนั้นจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันได้อย่างไร แต่ในมุมมองของศิลปิน ต่างเชื่อว่าสามารถที่จะเป็นไปได้โดยอาศัยความรัก ความเห็นอกเห็นใจของคนที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรค และค้นพบความสุขในที่สุด นี่คือแนวคิดที่น่าสนใจและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 
 

Bangkok Art Biennale 2022 มีที่ไหนบ้าง

สถานที่จัดงานยังคงยึดแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ บวกกับการแสดงดิจิทัลอาร์ตในโลกออนไลน์อีก 1 ช่องทาง มีที่ไหนบ้าง รวมมาแล้ว โดยทั้งสิ้น 12 พื้นที่ที่เราทุกคนสามารถเลือกเข้าชมความอลังการของงานนี้ได้

 

1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

 

2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

 

3. วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร

 

4. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

 

5. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

6. มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้

 

7. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

8. สามย่านมิตรทาวน์

 

9.เดอะ ปาร์ค

 

10. เดอะพรีลูด วันแบงค็อก

 

11. JWD Art Space 

 

ศิลปินไทย ร่วมแสดงผลงานกับ ศิลปิน เอกระดับโลก

งานนี้ไม่ใช่การประชันฝีมือ แต่เป็นการพบกันด้วยหัวใจของศิลปินหลายชาติหลายภาษาที่จะมาร่วมกันถ่ายทอดผลงานรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ชิ้นที่ศิลปิน 73 ท่านจาก 35 ประเทศรวมประเทศไทยได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ นำทีมโดยศิลปินเอก แอนโทนี กอร์มลีย์ เจ้าของผลงานประติมากรรมอันโดดเด่นและไม่เหมือนใคร ผลงานของเขาติดตั้งอยู่ตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นงานปั้นรูปคนกว่า 100 ชิ้นที่ตั้งอยู่เต็มชายหาดครอสบี เมืองลิเวอร์พูล, งานประติมากรรมเหล็กรูปนางฟ้า ชื่อ Angel of the North 

สำหรับศิลปินท่านอื่น ๆ ที่ตอบรับมาร่วมงานนี้มีทั้งศิลปินที่คนในวงการรอคอยอย่าง มารีน่า อบราโมวิช จากสหรัฐอเมริกา เพราะเธอคือศิลปินที่เคยมาสร้างความประทับใจให้กับคนไทยในเทศกาลนี้แล้วทั้ง 2 ครั้ง นอกจากนั้นก็มีศิลปินผู้โด่งดังสัญชาติต่าง ๆ  อาทิ 

  • เคนเนดี ยานโค ชาวอเมริกัน 
  • ทิฟฟานี ชุง ลูกครึ่งเวียดนาม-อเมริกัน
  • จิติช กัลลัต ชาวอินเดีย
  • ชิฮารุ ชิโอตะ ชาวญี่ปุ่น
  • มิร์ทิลล์ ทิแบย์เรงซ์ ชาวฝรั่งเศส
 
 

5 เดือนแห่งความโกลาหล และความสงบสุข เริ่มตุลาคม 2565

แนวคิด “โกลาหล : สงบสุข” จะถ่ายทอดออกมาได้ปังแค่ไหน เราจะได้เห็นกันในอีกไม่นาน เทศกาล Bangkok Art Biennale 2022 จะเริ่มจัดวันแรก 22 ตุลาคม 2565 ไปจนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีเวลาให้ชมกันนานถึง 5 เดือน คนรักศิลปะห้ามพลาด

 

ที่มาข้อมูล:

8 อาร์ตแกลลอรี่ในกรุงเทพฯ เสพศิลป์เติมพลังใจ

การเที่ยวชมงานศิลปะนั้นนับว่าเป็นการสร้างสุนทรียะให้กับชีวิตและช่วยผ่อนคลายความเคร่งเครียดจากชีวิตประจำวันได้ เพราะทุกวันนี้หลายคนต้องพบเจอกับความเร่งรีบทั้งการจราจรในแต่ละวัน รวมไปถึงการงานที่รัดตัวจนก่อให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพตามมา สิ่งเหล่านี้ล้วนกัดกินให้คนกรุงค่อย ๆ หมดไฟและขาดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต การได้ออกไปเสพงานศิลป์ปล่อยใจสบาย ๆ ดื่มด่ำกับงาน อาร์ต จึงช่วยเยียวยาและเพิ่มพลังทางใจได้ แล้วจะไปที่ไหนกันดีล่ะ วันนี้เราจึงมีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำ 8 อาร์ตแกลลอรี่ ในกรุงเทพฯ สำหรับใครที่อยากเติมพลังใจด้วยศิลปะ จะได้ตามไปเช็กอินแต่ละแห่งกัน

 

1. หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน, กรุงเทพฯ

หอศิลป์ ที่เน้นจัดแสดงศิลปะร่วมสมัย ตั้งอยู่ใจกลางถนนราชดำเนินกลาง ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่มีงานศิลปะหลากหลายแบบผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงแบบไม่ซ้ำ และโซนวัฒนธรรมอาเซียนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับอาเซียน รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมในกลุ่มชาติอาเซียน นอกจากนั้นยังมีจัดกิจกรรมการอบรม เสวนา หรือเวิร์กช็อปเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมใน 6 สาขา ได้แก่ ทัศนศิลป์ สถาปัตยกรรม วรรณศิลป์ ดนตรีและการแสดง การออกแบบ และภาพยนตร์ 

 
 

พิกัด : ถนนราชดำเนินกลาง ตรงข้ามอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา เปิด – ปิด : 

  • นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ชั้น 1 และ 2 เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
  • ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ชั้น 3 เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 12.00 น. และ 13.30 – 17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

ช่องทางติดต่อ : www.rcac84.com

 

2. River City Bangkok

แกลเลอรีแสดงงานศิลปะและแอนทีค มีนิทรรศกาลศิลปะนานาชาติหมุนเวียนกันมาจัดแสดง ครอบคลุมทั้งงานทัศนศิลป์ งานปั้น งานหล่อ งานคราฟท์ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีจัดแสดงดนตรีและฉายภาพยนตร์ด้วย เรียกได้ว่าครบจบทุกงานอาร์ต อีกทั้งยังสามารถร่วมประมูลงานศิลปะที่ชอบได้อีกด้วย ใครที่เป็นสายอาร์ตพลาดไม่ได้เลย

 
 

พิกัด : ท่าเรือสี่พระยา ซอยเจริญกรุง 24 หรือ 30 

เวลา เปิด – ปิด

  • วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 20.00 น.
  • วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 20.00 น.

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/RiverCityBangkok

 

3. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)

หอศิลป์ ใจกลางกรุง เดินทางง่าย ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ภายในมีห้องจัดนิทรรศการศิลปะที่มีศิลปินหลากหลายสาขาหมุนเวียนกันมาแสดงงานศิลปะทั้งภาพถ่าย รูปวาด ประติมากรรม ศิลปะการจัดวาง ฯลฯ เรียกได้ว่าครบทุกแขนงของงานศิลปะให้คุณได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะกันแบบจุใจ สาย อาร์ต ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

 
 

พิกัด : ถนนพระรามที่ 1 จากสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 100 เมตร

เวลา เปิด – ปิด :

  • วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/baccpage

 

4. Rhythm of Arts Creative Space

พื้นที่จัดแสดงศิลปะแหล่งรวมของสายอาร์ต มีศิลปินผลัดกันมาจัดแสดงนิทรรศการอย่างไม่ขาดสาย งานศิลปะที่จัดแสดงส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะร่วมสมัย เช่น งานมีเดียอาร์ต ศิลปะที่ผสานสื่อและเทคโนโลยีแสง สี เสียงหลากหลายรูปแบบ แถมยังมีคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม ให้คุณได้เสพศิลป์กันครบทุกโสตประสาทกันเลยทีเดียว

 
 

พิกัด : ซอยอินทามาระ 26/2 MRT สุทธิสาร ทางออก 4

เวลา เปิด – ปิด :

  • ทุกวัน เวลา 17.00 – 22.00 น.

ช่องทางติดต่อ: www.facebook.com/RHYTHMthinker

 

5. The Jam Factory, กรุงเทพฯ

พื้นที่แสดงงาน ศิลปะ ย่านคลองสาน ที่เปิดให้คนรักงานศิลปะมาโชว์ของและแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ภายในเป็นแกลเลอรีเน้นจัดแสดงงานหลากหลายประเภททั้งภาพวาด ภาพถ่าย ประติมากรรม มีเดียอาร์ต กราฟิกดีไซน์ รวมไปถึงภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมีโซนคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านหนังสือด้วย

 
 

พิกัด : 41/5 ถ.เจริญนคร คลองสาน

เวลา เปิด – ปิด :

  • ทุกวันเวลา 11.00 – 20.00 น.

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/TheJamFactoryBangkokhttp://www.facebook.com/TheJamFactoryBangkok

 

6. BANGKOK CITYCITY GALLERY, กรุงเทพ ฯ

แกลเลอรีแสดงงานศิลปะสไตล์มินิมอล ภายในจัดแสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย โดยมีแนวคิดในการเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ โดยไม่มีกรอบ เปิดอิสระให้ทั้งศิลปินและผู้ชมได้ปลดปล่อยและเสพงานศิลป์แบบไร้ขีดจำกัด นอกจากนั้นภายในยังมีร้านหนังสือและห้องสมุดศิลปะไว้ให้บริการอีกด้วย

 
 

พิกัด : ซอยสาทร 1 แขวงทุ่งมหาเมฆ MRT ลุมพินี ทางออก 2

เวลา เปิด – ปิด :

  • วันพฤหัสบดี – อาทิตย์ เวลา 13.00 – 18.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ – พุธ

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/bangkokcitycity และ https://bangkokcitycity.com/

 

7. MOCA

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัยที่มีทั้งนิทรรศการศิลปะถาวรและแบบหมุนเวียน แบ่งเป็น 5 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการหมุนเวียนและโซนเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ ชั้น 2 เป็นงานศิลปะเกี่ยวกับความเชื่อของคนไทย ชั้น 3 จัดแสดงศิลปะเชิงความคิดฝันและจินตนาการภายใต้คติความเชื่อของคนไทย ชั้น 4 เป็นจิตรกรรมไทยร่วมสมัย และชั้น 5 แสดงศิลปะร่วมสมัยจากต่างประเทศ

 
 

พิกัด : ถนนกำแพงเพชร 6 ใกล้กับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์

เวลา เปิด – ปิด :

  •  วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 16.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/mocabangkok

 

8. JWD Art Space

ศูนย์รวมระบบการจัดเก็บงานศิลปะและบริการที่เกี่ยวข้องกับศิลปะร่วมสมัยครบวงจรทั้งการดูแลและขนส่ง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ให้จัดแสดงนิทรรศการศิลปะทั้งไทยและต่างประเทศ มีการจัดนิทรรศการศิลปะทั้งปี ทั้งงานวาดเขียน งานถ่ายภาพ รวมไปถึงงานศิลปะการจัดวาง มีเดียอาร์ต เรียกได้ว่าหลากหลายมาก

 
 

พิกัด : ซอยจุฬา 16 สามย่าน

เวลา เปิด – ปิด :

  • วันอังคาร – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

ช่องทางติดต่อ : www.facebook.com/JWDArtSpace

 

ทั้ง 8 อาร์ตแกลลอรี่ที่เรารวบรวมมานี้ เราคัดสรรมาเอาใจคนรักศิลปะอย่างเต็มที่ สุดสัปดาห์นี้ถ้าว่าง ๆ ไม่รู้จะไปไหน ลองออกไปเสพงานศิลปะ กันดู รับรองว่าคุณจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่และได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ กลับมาแน่นอน

 

ที่มาข้อมูล

One Day Trip 10 ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ อัพเดทปี 2022

วันนี้ขอมาเอาใจคนที่อยากท่องเที่ยวแบบ วันเดย์ทริปในกรุงเทพฯ ด้วย 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมาแรงปี 2022 คัดมาแล้วว่าเดินทางง่าย ให้คุณได้เพลิดเพลินแบบวันเดียวก็เที่ยวได้ จะมีสถานที่ไหนบ้างนั้นตามไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย

 

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ที่นี่ประดิษฐานพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ และยังมีสถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตรตระการตาพร้อมกับหมู่มวลพระที่นั่งในเขตพระราชฐาน หอพระเทพบิดร และยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ตรงบริเวณระเบียงคดที่วิจิตรงดงามและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางทัศนศิลป์และประวัติศาสตร์

  • ที่อยู่ : ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • พิกัด https://goo.gl/maps/PPNJHNWRpdtsP8Jd7
  • เปิดให้เข้าชม : 08.30-15.30 น.
  • ค่าเข้าชม : คนไทย เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชาวต่างชาติ ค่าเข้าชม บัตรราคา 500 บาท
    สามารถซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าชม
 
 

2. วัดอรุณราชวราราม

อีกหนึ่งแลนมาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ก็คือ พระปรางค์วัดอรุณ ดังนั้น เที่ยวในกรุงเทพ ทั้งทีก็ต้องมาถ่ายรูป เช็กอิน กับพระปรางค์กันสักหน่อย แอบกระซิบว่ายามเย็นวิวที่นี่สวยมาก แถมยังได้รับลมเย็น ๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย นอกจากนี้ บริเวณวิหารน้อยหน้าพระปรางค์ยังมีพระแท่นบรรทมของ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เชื่อว่าถ้าได้ลอดแล้วจะช่วยล้างอาถรรพ์คุณไสยทั้งหลาย

  • ที่อยู่: 158 ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600
  • เวลาเปิด: ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 – 18.00 น.
  • ค่าเข้า: คนไทยฟรี ชาวต่างชาติคนละ 50 บาท
 
 

3. วัดโพธิ์

ข้ามแม่น้ำเจ้าพระมาอีกฝั่งของวัดอรุณฯ ก็จะพบกับวัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะที่นี่มีจารึกตำรายาแผนโบราณ ฤาษีดัดตน และสรรพวิชาอีกหลากหลายแขนง โดยในปัจจุบันนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการนวดแผนไทย เปิดให้บริการและเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาลงเรียนวิชานวดแผนไทยได้อีกด้วย แต่ไฮไลท์เด่นของที่นี่ก็คือ เจดีย์ราย ที่มีมากกว่า 70 องค์รอบบริเวณวัด และพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ให้ได้มาสักการะขอพร 

  • ที่อยู่ : 2 ถนน สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • เวลาเปิด :  ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.-16.30 น.
  • ค่าเข้า : ชาวต่างชาติมีค่าเข้าชมคนละ 200 บาท สำหรับคนไทยเข้าชมฟรี 
 
 

4. เยาวราช

แหล่งสตรีทฟู้ดที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นย่านการค้าที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน มีห้างร้านและร้านอาหารมากมายเปิดให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน ถือว่าเป็นสวรรค์ของสายกินเลยก็ว่าได้ อาหารขึ้นชื่อที่มาแล้วจะต้องกินให้ได้เลยก็อย่างเช่น ลอดช่องสิงคโปร์ บะหมี่จับกัง ปลาหมึกย่าง ขนมปังไส้ทะลัก ก๋วยจั๊บนายเอ็กซ์ บัวลอย 3 กษัตริย์ บะหมี่เกี๊ยวโอเดียน เป็นต้น

 
 

5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่รวบรวมเอาโบราณวัตถุสำคัญที่ขุดค้นได้ในประเทศไทย ภายในมีอาคารจัดแสดงหลายอาคาร มีทั้งแสดงนิทรรศการหมุนเวียนและนิทรรศการถาวร จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ นอกจากนั้นยังจัดแสดงราชรถและเครื่องประกอบพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 4 ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • เวลาเปิด : เวลา 09.00-16.00 น. วันพุธ-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ยกเว้นเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์)
  • ค่าเข้า : คนไทย 30 บาท  / ชาวต่างประเทศ 200 บาท
  • ยกเว้นค่าเข้าชม : เด็ก / นักเรียน / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป / พระสงฆ์ / สมาชิก ICOM ICOMOS (แสดงบัตร)
 
https://travel.kapook.com/view208377.html
 

6. หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ

ใครที่เป็นสายอาร์ต รักในการเสพงานศิลปะ ต้องไป เช็กอิน ที่นี่ให้ได้ เพราะที่นี่เป็นหอศิลปะที่ภายในมีห้องจัดแสดงนิทรรศการศิลปะของศิลปินทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงผลงานกันไม่ขาดสาย ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ประติมากรรม มีเดียอาร์ต และศิลปะแนวผสมผสาน ที่สำคัญยังเดินทางง่ายมาก อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติเพียง 100 เมตร 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • เวลาเปิด : เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดปีใหม่และสงกรานต์)
  • การเดินทาง : BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 3 
 
 

7. สวนเบญจกิติ

แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท เพียง 400 เมตร เป็นแหล่งเช็กอินของเหล่าวัยรุ่นและกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 450 ไร่ ให้ได้เข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งพักผ่อนหย่อนใจปล่อยใจสบาย ๆ กับธรรมชาติ หรือใครที่อยากออกกำลังกายก็มีทั้งทางวิ่งและทางจักรยาน ซึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญก็คือ Sky walk สามารถขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ ได้

  • ที่อยู่ : Google Maps : สวนเบญจกิติ
  • เวลาเปิด : 05.00 – 21.00 น.
  • การเดินทาง : BTS และ MRT โดยมาลงรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีอโศก หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท 

อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ หรือยานพาหนะอื่น ๆ เข้ามาในสวนได้ 2 ช่วงเวลา คือ

  • ตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น. และตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.

สวนเบญจกิติ กับมาตรการโควิด 19

 
 

8. วัดสุทัศน์ เสาชิงช้า

ตระเวนเที่ยวกรุงเทพฯ แบบ Onedaytrip ยังไงก็ต้องมาถ่ายรูปกันที่เสาชิงช้า หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ถ่ายกับเสาชิงช้าก็เหมือนเที่ยวกรุงไม่ครบไม่จบทริป หลังจากได้มาชมเสาชิงช้าแล้ว ก็ต้องไม่พลาดเข้าไปไหว้พระศรีศากยมุนีในวัดสุทัศน์ ซึ่งมีบรรยากาศภายในเงียบสงบมาก ที่สำคัญมีองค์ท้าวเวสสุวรรณให้ได้กราบขอพรกันด้วย บริเวณภายนอกวัดละแวกเสาชิงช้าก็ยังมีร้านอาหารดังระดับตำนานหลายร้านรอให้ไปลิ้มลองความอร่อย 

  • ที่อยู่ : 146 ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
  • พิกัดhttps://goo.gl/maps/DMXB1iZ8hxpHn2dK8 
  • เวลาเปิด : ทุกวัน เวลา 08.00 – 21.00
 
 

9. มหานคร สกายวอล์ค

ที่นี่เป็นสถานที่ เที่ยวในกรุงเทพ ที่กำลังมาแรง ตั้งอยู่บนชั้น 78 ของตึกมหานคร ตึกดีไซน์สวยแปลกตาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา แบบสุดลูกหูลูกตา ยิ่งบรรยากาศยามเย็นนั้นลมดีมาก แถมยังมองเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตัดกับแสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ มีแสงสว่างจากอาคารบ้านเรือน เป็นภาพที่สวยงามมาก จุดเด่นอีกอย่างก็คือสะพานกระจกใสที่มองเห็นด้านล่างสุดหวาดเสียว ใครไปเดินแล้วรับรองว่ามีขาสั่นแน่นอน

  • ที่อยู่ : ตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
  • เวลาเปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 22.00 นาฬิกา (รอบสุดท้ายที่เปิดให้เข้า คือ 21.00 นาฬิกา)
  • การเดินทาง : นั่ง BTS ลงที่สถานีช่องนนทรี ทางออกหมายเลข 3 , รถส่วนตัว มีบริการที่จอดรถฟรี
 
 

10. มิวเซียมสยาม

พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สนามไชย ภายในจัดแสดงนิทรรศการที่บอกเล่าทุกเรื่องของความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การแต่งกาย สถาปัตยกรรม ความเชื่อ วัฒนธรรมและประเพณี ความโดดเด่นของที่นี่คือเป็นพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่ไม่ได้มีเพียงวัตถุโบราณเท่านั้น หากแต่เน้นการสื่อสารที่แปลกใหม่ เน้นให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ

  • ที่อยู่ : 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
  • เวลาเปิด : เปิดให้บริการ 10.00 – 18.00 น. ,เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์

ค่าธรรมเนียมเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ 100 บาท
  • เด็ก 50 บาท
  • ชาวต่างชาติ​ 300 บาท
  • การเดินทาง : MRT ลงที่สถานี่สนามชัย ออกประตูพระบรมหาราชวัง
 
 

ทั้ง 10 สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ไปเที่ยวชมได้ง่ายแบบ Onedaytrip นี้จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบเหนือความคาดหมาย วันหยุดนี้ถ้าไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน แนะนำเช็กลิสต์ทั้ง 10 ที่นี้ แล้วออกไป วันเดย์ทริปในกรุงเทพฯ กัน บางทีอาจจะได้เห็นเสน่ห์และมุมมองใหม่ ๆ ของกรุงเทพฯ ก็ได้

 

ที่มาข้อมูล

รวมสถานที่ทำพาสปอร์ตในกรุงเทพฯ อัปเดต 2565 เตรียมตัวบิน!!

 

ได้เวลาโบยบินอีกครั้ง อยู่กรุงเทพฯ นานคงเริ่มคิดถึงที่เที่ยวสวย ๆ กันแล้ว ตอนนี้หลายคนวางแผนจัดทริปฉลองโควิดขาลง สำหรับใครที่กำลังเล็งเป้าหมายไป เที่ยวต่างประเทศ สิ่งแรกที่ต้องพร้อม ไม่มีไม่ได้ นี่เลย พาสปอร์ต ใครที่เคยทำพาสปอร์ตไว้ รีบหยิบมาเช็คด่วน ๆ ต้องต่อหรือยัง ส่วนใครที่ยังไม่เคยทำ เตรียมตัวได้แล้ว ถึงเวลาบินจะได้ไม่ฉุกละหุก

ว่าแต่ คนกรุงเทพฯ ต้องไปทำพาสปอร์ตที่ไหน ใกล้บ้านเรามีที่ทำบ้างหรือยัง เรามาอัพเดท สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯกันที่เลย

 

บริการทำพาสปอร์ตที่เปิดทุกวันไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ (เริ่ม 1 ตุลาคม 2565)

  • สำนักงานหนังสือเดินทางปทุมวัน MBK Center ชั้น 5โซน A  

เปิด 10.00 – 18.00 น. โทร 02-126-7612

  • สำนักงานหนังสือเดินทางบางใหญ่ Central Westgate ชั้น G โซนสีเขียว                          

เปิด 10.00 – 18.00 น.

สองแห่งนี้ เปิดให้จองคิวออนไลน์ล่วงหน้าที่ MBK รับวันละ 1,500 คิว ส่วน Central Westgate รับวันละ 800 คิว เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันหยุดราชการและวันเสาร์-อาทิตย์ที่เป็น Long Weekend เหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานในวันธรรมดาและไม่มีเวลา 

 

บริการทำพาสปอร์ตที่เปิดวันจันทร์ – วันศุกร์

  • กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ ถ.แจ้งวัฒนะ                              

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทร 02-203-5000 กด 1 

  • สำนักงานหนังสือเดินทาง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ ชั้น 7 อาคาร B ฝั่งตะวันออก          

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทร 02-143-7680

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา – ศรีนครินทร์ ที่ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ชั้น 1 โซน C       

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทรศัพท์ 02-136-3800, 02-136-3802, 093-010-5246

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ – ตลิ่งชัน อยู่ที่อาคาร SC Plaza สายใต้ใหม่ ถนนบรมราชชนนี 

เปิด 8.30 – 16.30 น. โทรศัพท์ 02-422-3431

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี ที่ Big C สุวินทวงศ์ 

เปิด 8.30 – 16.30 น.  โทรศัพท์ 02-024-8362-64

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สถานีรถไฟฟ้า MRT คลองเตย ถนนพระราม 4         

เปิด 8.30 – 16.30 น.  โทรศัพท์ 02-024-889, 093-010-5247

  • สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรี ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3     

 เปิด 10.00 – 18.00 น. โทรศัพท์ 02-150-9002

 
 

รวมทั้งหมด 9 แห่งสำหรับ สถานที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯ เลือกสถานที่ใกล้บ้าน หรือที่สะดวกกันได้ตามนี้ สามารถโทรถามรายละเอียดกันอีกครั้งตามเบอร์ที่ให้ไว้หรือโทร Call Center กงสุล 02-572-8442

สำหรับใครที่จำเป็นต้องทำพาสปอร์ตแบบด่วนพิเศษ สามารถทำได้ทุกแห่ง แต่เขาเปิดให้ทำพาสปอร์ตด่วนถึง 11.00 น.เท่านั้น การจะทำพาสปอร์ตให้รวดเร็ว ทางกรมการกงสุลได้เปิดให้มีระบบจองคิวออนไลน์ล่วงหน้าที่ เว็บไซต์ www.qpassport.in.th  

 

ขั้นตอนการลงทะเบียน

  1. เข้าไปที่หน้าลงทะเบียนสมัครสมาชิก
  2. กรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบ จะได้รับลิงก์ยืนยันทางอีเมล์
  3. เข้าอีเมล์ไปกดลิงค์ยืนยัน
  4. กลับเข้าเว็บไซต์อีกครั้ง กรอกอีเมล์และใส่รหัสยืนยันตัวตน
  5. เริ่มใช้งานได้ เลือกจองคิวสถานที่ที่สะดวกที่สุด
 
 

ถ้าไม่ได้จองคิวในเว็บไซต์ จะ Walk-in เข้าไปเลยได้ไหม

สามารถ Walk-in ไปรับบัตรคิวที่สำนักงานแต่ละแห่งได้ตามปกติ สำหรับสำนักงานบริการที่ MBK และ Central Westgate จะมีเครื่อง Kiosk ติดตั้งไว้ทำพาสปอร์ตอัตโนมัติด้วย เรามาดูกันว่า Kiosk นี้ทำอะไรได้บ้าง

 

ทำพาสปอร์ตด้วยเครื่องอัตโนมัติ (KIOSK)

วันที่ไปทำพาสปอร์ตอย่าลืมเตรียมบัตรประชาชนตัวจริงให้พร้อม และถ้าเป็นการต่ออายุ ก็ต้องนำพาสปอร์ตเล่มเดิมไปด้วย มีบางคนทำไว้นานแล้วไม่ได้ใช้เลยหาไม่เจอ แบบนี้ต้องมีใบแจ้งความไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นที่ต้องใช้สำหรับบางกรณี คือ

  • ถ้าเปลี่ยนชื่อ ต้องนำหลักฐานการเปลี่ยนแปลงชื่อ นามสกุล
  • สำหรับผู้ที่อายุไม่ถึง 20 ปี จะต้องมีบัตรประชาชนของคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครอง และถ้าอายุไม่ถึง 15 ปี ต้องนำสูติบัตรตัวจริงไปด้วย

ที่สำคัญ คือทำพาสปอร์ตแบบคีออสเลือกรูปไม่ได้แต่ถ่ายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ใครไม่พอใจก็ถ่ายใหม่ได้เรื่อยๆ ถ่ายเสร็จก็โอนเงินผ่าน QR CODE ได้เลย สะดวกรวดเร็ว

 

ต่อไปเรามาเช็คค่าธรรมเนียมการทำพาสปอร์ตกันว่า แต่ละแบบมีค่าใช้จ่ายเท่าไร

ค่าธรรมเนียมทำพาสปอร์ตแบบธรรมดา

ประเภท 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และประเภท 10 ปี 1,500 บาท

ค่าธรรมเนียมทำพาสปอร์ตแบบด่วนพิเศษ 

ประเภท 5 ปี ค่าธรรมเนียม 3,000 บาท และประเภท 10 ปี 3,500 บาท

ทั้งสองแบบมีค่าจัดส่ง EMS 40 บาท 

ความจริงแล้ว การทำพาสปอร์ตแบบธรรมดาใช้เวลาไม่นาน พื้นที่จัดส่งในต่างจังหวัดจะได้รับเล่มภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ แค่ 3 วันก็ได้รับแล้ว ยกเว้นว่าที่อยู่ไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีผู้รับ และไปรษณีย์ตีกลับ ก็อาจจะต้องเสียเวลาไปรับเอง หรือติดต่อชำระค่าจัดส่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งใหม่อีกครั้ง หากวางแผน ท่องเที่ยว ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ทัน ไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมแพงทำด่วนพิเศษ ยกเว้นว่าต้องเดินทางกะทันหันจริง ๆ 

 

ต้องการไปรับพาสปอร์ตเองต้องไปที่ไหน

สามารถเดินทางไปรับได้ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ เปิดให้รับได้เฉพาะช่วงเวลา 14.30 – 16.30 น. โดยนำใบรับฉบับจริง พร้อมบัตรประชาชนไปแสดง ถ้าให้คนอื่นไปรับแทน เพิ่มเอกสารอีก 2 อย่างคือ ใบรับที่ระบุการมอบอำนาจ และบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ

ครบจบเรื่องการทำพาสปอร์ตไปแล้ว ใครที่มีประเทศในใจและกำลังวางแผนเดินทางอยู่ ขอให้ทุกอย่างราบรื่นและสนุกกับการ ท่องเที่ยว ครั้งใหม่แบบสุด ๆ ไปเลย

 
 

ที่มาข้อมูล: