รวม 15 สถานที่เที่ยวสุขุมวิท ย่านธุรกิจสุดฮิตของคนกรุงฯ

ถนนสุขุมวิทเป็นชื่อถนนที่หลายคนคุ้นหู นับเป็นถนนสำคัญอีกหนึ่งสายที่ทอดยาวที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครไปจนถึงชายแดนประเทศกัมพูชา นอกจากเป็นชื่อถนนแล้ว ยังเป็นชื่อย่านใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครอีกด้วย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารชื่อดัง สถานบันเทิงมากมาย แหล่งที่เที่ยวสุขุมวิทเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้คนมากิน เที่ยว เล่น พักผ่อนได้อย่างครบจบในที่เดียว 

นับเป็นย่านที่คึกคักอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ทำให้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จึงมักเลือกพักผ่อนและมาหาที่เที่ยวแถวสุขุมวิท ทั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และหลังเลิกงาน 

สำหรับใครที่กำลังหาที่เที่ยวสุขุมวิทที่สะดวกสบาย ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง บทความนี้ได้รวบรวมมาให้แล้ว ทั้งหมด 15 ที่เที่ยวสุขุมวิทที่น่าสนใจ 

ท้องฟ้าจำลอง

1. ท้องฟ้าจำลอง

ท้องฟ้าจำลองเป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่เดินทางไปได้สะดวกมากๆ โดยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ที่นี่เป็นแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ถูกอนุมัติจัดสร้างโดยกระทรวงศึกษาธิการ 

ภายในเต็มไปด้วยเครื่องมือการเรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ท้องฟ้าจำลอง ซึ่งเป็นไฮไลต์เด่นที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่ เป็นการจัดแสดงท้องฟ้าจำลองรอบละ 1 ชั่วโมง  ซึ่งมีทั้งการบรรยายความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์และมีการฉายภาพยนตร์เต็มเรื่องในตอนจบด้วย 

นอกจากนี้แล้วยังมี นิทรรศการวิทยาศาสตร์ โลกใต้น้ำ อาคารสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ อาคารตระหนักรู้พลังงาน และนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะพาน้องๆ หนูๆ มาเรียนรู้หรือผู้ใหญ่จะไปเที่ยวชมก็ได้ 

  • ที่อยู่: 928 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: ท้องฟ้าจำลอง  
  • เวลาทำการ: วันศุกร์ 11:00 น. – 15:00 น. /  วันเสาร์-อาทิตย์ 10:00 น. – 15:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัว จอดรถได้ที่พื้นที่จอดรถที่จัดไว้ของท้องฟ้าจำลอง
    • รถเมล์ประจำทาง สาย 149, 2, 25, 38, 40, 48, 501, 508, 511, 72
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 2
สวนเบญจสิริ

2. สวนเบญจสิริ

สวนเบญจสิริเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุขุมวิทแนวธรรมชาติที่น่าสนใจ ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ พื้นที่ธรรมชาติ เน้นการออกแบบให้เป็นสวนที่มีพื้นที่โล่ง โปร่ง สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้กว้างเต็มตา เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนหรือออกกำลังกาย ภายในสวนนอกจากจะมีต้นไม้ให้ร่มเงาแล้ว ยังมีประติมากรรมสวยๆ กลางสวนให้ได้ชมกันอีกด้วย 

สวนเบญจสิริเป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่คนกรุงนิยมมาพักผ่อนกันอย่างมาก ด้วยการเดินทางที่สะดวก ใกล้ถนนสายหลัก เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ได้ อยู่ใจกลางเมืองที่สามารถมาออกกำลังกายหลังเลิกงาน จึงตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวแนวธรรมชาติกลางกรุงขอแนะนำให้มาที่นี่เลย

  • ที่อยู่: อยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ 24 บนถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจสิริ 
  • เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 05:00 – 21:00 น.
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ 

3. หอศิลป์ศุภโชค (SAC Gallery)

หอศิลป์ศุภโชคเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่โดนใจสายอาร์ตที่รักศิลปะอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นตึกรวมผลงานศิลปะมากมายทั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

โดยตึกถูกออกแบบสไตล์โมเดิร์น ดูโดดเด่น มีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นมีงานศิลปะจัดแสดงเต็มทุกพื้นที่ ภายในมีทั้งการบรรยาย งานนิทรรศการศิลปะงานสาธิตต่างๆ รวมถึงงานเวิร์กช็อปอีกด้วย ใครที่มองหาที่เที่ยวแถวสุขุมวิทแนวนี้แวะมาได้เลยที่หอศิลป์ศุภโชค 

  • ที่อยู่: 160/3 ซอยสุขุมวิท 33 (แดงอุดม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110  
  • พิกัด: หอศิลป์ศุภโชค (SAC Gallery) 
  • เวลาทำการ: วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10:00 – 18:00 น. และ วันเสาร์เวลา 11:00 – 18:00 น.  (ปิดทุกวันอาทิตย์-วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 5 (ซอยสุขุมวิท 35) 
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 2 (อาคารอินเตอร์เช้นจ์ 21) 
    • รถเมล์โดยสารประจำทาง สาย 2, 25, 501, 508, 511, 513, 38, 40 และ 48
    • เรือด่วนคลองแสนแสบ ลงที่ท่าเรืออิตันไทย
Japanese Town

4. Japanese Town

Japanese Town เป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่น่าสนใจ สำหรับใครที่อยากเดินเล่น ชมบรรยากาศแบบญี่ปุ่น โดยไม่ต้องบินไปไกล ใจกลางกรุงเทพฯ ก็มี เดิมทีที่นี่เป็นชุมชนคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่เที่ยวสุดฮิตของนักท่องเที่ยวแทน เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มีเมนูให้เลือกมากมายหลายร้านเลยทีเดียว ทุกร้านทำโดยคนญี่ปุ่นแท้ๆ 

นอกจากนี้ยังมีร้านอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นร้านนวด สปา ร้านหนังสือ ร้านเช่า DVD โรงเรียนคาราเต้ และร้านขายทัวร์ ทำให้ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยบรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นมากๆ นับเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทสุดสัปดาห์ที่น่ามาไม่แพ้ที่อื่นเลย 

  • ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 33/1 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตพัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Japanese Town 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 5 เดินต่อไปที่ซอยสุขุมวิท 33/1 
Flow House Thailand (Bangkok)

5. Flow House Thailand (Bangkok)

เอาใจสายลุยกันบ้างกับที่เที่ยวสุขุมวิทอย่าง Flow House Thailand บีชคลับกลางใจเมือง ที่นี่คือศูนย์เล่นเซิร์ฟจำลองกลางกรุงเทพฯ ที่เดินทางสะดวก ไม่ต้องไปถึงทะเลก็เล่นเซิร์ฟได้ที่นี่ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีสปอร์ตบาร์ ห้องเล่นเกม ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหารและคาเฟ่อีกด้วย เป็นอีกที่เที่ยวแถวสุขุมวิทสำหรับสายกีฬาที่น่าสนใจอย่างมาก มาที่เดียวจบทั้งทำกิจกรรม ทานอาหาร พักผ่อน

  • ที่อยู่: 120/1 A-Square, ซอยสุขุมวิท 26 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด:  Flow House Thailand (Bangkok)  
  • เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันพุธ 11:00 – 21:00 น. / วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ 10:00 – 21:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีคลองเตย 
Whizdom Club

6. Whizdom Club

สำหรับใครที่มองหาพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือ ไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่ห้องสมุดอีกต่อไป เพราะที่เที่ยวสุขุมวิทสำหรับคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ได้แรงบันดาลใจมาจาก Knowledge Sharing Society ทำให้ที่นี่กลายเป็น Co-Working Space ที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซนด้วยกัน ทั้งโซนพื้นที่ทำงาน (Workspace Station) โซนพื้นที่ทำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน (Whiz Ground) และโซนพื้นที่จัดแสดง (Exhibition Room) ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าพื้นที่ทำงานร่วมกัน แต่เป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่เต็มไปด้วย Inspiration ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้สิ่งใหม่ที่น่าสนใจกลางกรุงเทพมหานคร 

  • ที่อยู่: โครงการ 101 True Digital Park ชั้น 4 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10260
  • พิกัด: Whizdom Club  
  • เวลาทำการ:  ทุกวัน 08:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี ทางออกที่ 6

7. Park Lane 

Park Lane เอกมัยเป็นอีกที่เที่ยวสุขุมวิทที่น่าสนใจ ที่นี่เป็นคอมมิวนิตีมอลล์สไตล์คนเมืองตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จุดเด่นคือที่นี่ถูกออกแบบให้ผู้ที่มาเยือนได้รับรู้สึกผ่อนคลายกลางใจเมืองสุดๆ ด้วยต้นไม้ สวน น้ำพุ การตกแต่งอาคารสุดชิคทำให้ที่นี่แตกต่างจากสถานที่ชอปปิงบนตึกสูงทั่วไป

ที่สำคัญเพียบพร้อมไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านเสริมสวย ร้านสปา ร้านแว่น ร้านอาหาร คาเฟ่ และที่สำคัญที่นี่ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหาที่เที่ยวสุขุมวิทที่มีพื้นที่รองรับเด็กๆ เพราะที่นี่มีร้าน Play Time สวนสนุกในร่มสำหรับเด็กไว้ให้บริการด้วย 

  • ที่อยู่: 18 ซอยสุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Park Lane 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 02:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย แล้วเข้าซอยสุขุมวิท 63 ต่อไปอีก 400 เมตร
The TwentySix 

8. The TwentySix 

The Twenty Six เป็น Shop House ที่เที่ยวสุขุมวิทใจกลางเมือง ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 26 เป็นพื้นที่ที่ได้รวมเอา 8 ร้านค้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน มาที่เดียวครบครันทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านขายของใช้น่ารักๆ คาเฟ่ ร้านทำเล็บ ร้านต่อขนตา สักคิ้ว ฝังสีปาก สตูดิโอสอนทอผ้า Golf Academy ร้านขายเสื้อผ้าและร้านแว็กซ์ ให้คุณได้มาพักผ่อนกับที่เที่ยวแถวสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ เพียบพร้อมด้วยบริการที่ครบครัน

  • ที่อยู่:  34/1 ซอยสุขุมวิท 26  แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด:  The TwentySix 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพษ์ แล้วเข้าซอยอารีย์ 650 เมตร 
RQ 49 Health & Lifestyle Mall

9. RQ 49 Health & Lifestyle Mall

มาต่อกันที่ที่เที่ยวสุขุมวิทเอาใจสายสุขภาพกันบ้าง ที่ RQ 49 Health & Lifestyle Mall ที่นี่เป็นมากกว่าคอมมิวนิตีมอลล์ทั่วไป เพราะเต็มไปด้วยการให้บริการด้านสุขภาพและความงามและร้านอาหารชั้นนำ โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นมีให้เลือกมากมาย พร้อมกับการตกแต่งสไตล์ Japan Modern ทำให้บรรยากาศที่นี่ นอกจากจะเป็นศูนย์รวมศูนย์สุขภาพแล้วยังได้รู้สึกเหมือนอยู่ใจกลางญี่ปุ่นอีกด้วย

  • ที่อยู่: 49/7 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 
  • พิกัด: RQ 49 Health & Lifestyle Mall 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 08:00. น. – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อหรือสถานีพร้อมพงษ์ แล้วเข้าซอยสุขุมวิท 49 ต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร
The EmQuartier

10. The EmQuartier

ที่เที่ยวสุขุมวิทที่สายชอปปิงจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ ศูนย์การค้า The EmQuartier ที่มีร้านค้าชั้นนำระดับโลกมากมายให้ได้เลือกชอป ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและยังมีร้านอาหารชื่อดังมากมาย

เป็นแหล่งการค้าใจกลางเมืองที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมากันเยอะมาก เพราะมีสินค้าให้เลือกครบครัน ไม่ว่าจะมาชอปปิงหรือพักผ่อนก็ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีโปรโมชั่นมากมายเอาใจนักชอปรออยู่อีกด้วย

และจุดที่พลาดไม่ได้สำหรับใครที่อยากชมวิวเมืองย่านสุขุมวิทจากมุมกว้าง ต้องไปที่สกายคลิฟ ชั้น 45 ของ The EmQuartier ที่นี่คุณจะได้เห็นกรุงเทพมหานครในแบบ 360 องศาเต็มๆ ตา รับรองว่าหาไม่ได้จากห้างสรรพสินค้าไหนอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่: 695 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 
  • พิกัด: The EmQuartier 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น. 
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท
Terminal 21 Asok

11. Terminal 21 Asok

ที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่เป็นทั้งแหล่งชอปปิงและรวมร้านอาหารชื่อดังรสเด็ด ที่เมื่อมาเที่ยวกรุงเทพฯ จะต้องมาเยือนให้ได้ ก็คือที่ Terminal 21 Asok (อโศก) นั่นเอง ที่นี่มีทั้งร้านค้าแบรนด์ชั้นนำให้คุณได้ชอปปิงมากมาย รวมถึงร้านอาหารเด็ดๆ อีกหลากหลายร้าน มีให้เลือกทั้งอาหารไทยและนานาชาติ ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่มีศูนย์อาหารที่ราคาถูกกลางใจเมือง อยู่ในห้างสรรพสินค้า Terminal 21 หลากหลายร้านด้วยกัน 

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่มาเที่ยวแล้วไม่อยากลากกระเป๋าเดินทางติดตัวให้วุ่นวาย หรือชอปปิงเยอะจนถือไม่ไหว ไม่อยากหิ้วถุงชอปปิงไปที่อื่นต่อ ที่ Terminal 21 มีให้บริการฝากกระเป๋าเดินทางและถุงชอปปิงของ Airportels ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชอปได้อย่างสบาย เที่ยวได้ไร้กังวล เพียงฝากกระเป๋าหรือฝากของไว้กับ Airportels 

  • ที่อยู่: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21 Asok 
  • เวลาทำการ:  ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.  
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท
Gateway Ekamai

12. Gateway Ekamai

หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุขุมวิท แหล่งชอปปิงกลางใจเมืองที่ส่วนใหญ่มีราคาไม่แพง ขอแนะนำ Gateway Ekamai ศูนย์การค้าที่รวมสินค้ามากมายในสไตล์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง โดยเฉพาะสินค้า IT ที่นี้ได้แบ่งโซน IT CITY ที่รวมอุปกรณ์ IT Gatget ไว้มากมายสำหรับสาย IT ต้องถูกใจอย่างแน่นอน รวมทั้งยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่ราคาดีให้เลือกสรรหลายร้านด้วยกัน เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้ครบทั้งชอปปิงของที่ชอบและได้ทานอาหารรสชาติที่ใช่ 

  • ที่อยู่: 982 ถนนสุขุมวิท 22  แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Gateway Ekamai 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถเมล์ รถประจำทาง สาย 2, 23, 25, 38, 40, 48, 71, 98, 501, 508, 511
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 4 
    • เรือโดยสาร คลองแสนแสบ เลือกลงท่าเรือ ร.ร. วิจิตรฯ ท่าเรือชาญอิสระ หรือท่าเรือทองหล่อ

13. Starbucks Sukhumvit 21

พลาดไม่ได้สำหรับที่เที่ยวสุขุมวิทเอาใจสายคาเฟนั่นคือ Starbucks Sukhumvit 21 สาขา Camp Davis ภายนอกร้านถูกออกแบบตกแต่งในสไตล์อังกฤษ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ทำให้ mood ภาพออกมาแล้วราวกับอยู่ที่อังกฤษจริงๆ เป็นอีกคาเฟที่ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนคาเฟอื่นๆ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทย คนต่างชาติ รวมถึงคนกรุงเทพฯ เองมักไปเที่ยวพักผ่อนนั่งรับประทานขนมและจิบเครื่องดื่ม รวมถึงถ่ายรูปสวยๆ กันเยอะมากๆ ใครที่อยากได้รูปสุดเก๋ มูดภาพชิคๆ ต้องมาที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่นี่เลย

  • ที่อยู่: 88 สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Starbucks Sukhumvit 21  
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออก 4 เดินต่อเข้าซอยสุขุมวิท 24 อีก 1.4 กิโลเมตร
Bo.lan

14. Bo.lan

ที่เที่ยวสุขุมวิทสำหรับสายกินที่อยากลิ้มลองอาหารไทยรสเลิศติดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย ต้องมาที่ร้าน Bo.lan (โบราณ) ที่นี่เป็นร้านอาหารไทยที่มีจุดเด่นคือ เลือกใช้วัตถุดิบจากเกษตรไทยเป็นหลักในการทำอาหาร โดยผ่านการคิดและพัฒนาจนเพิ่มมูลค่าของอาหารได้มากขึ้น จนได้พาอาหารไทยไปสร้างความรู้จักทั่วโลก 

สำหรับเมนูอาหารที่ร้านนี้จะแตกต่างกันออกไปตามช่วงฤดูของวัตถุดิบ นอกจากอาหารคาวที่รสชาติเป็นเลิศแล้ว ยังมีของหวานแสนอร่อยให้เลือกรับประทานตบท้ายของมื้อกันอีกด้วย ไม่ว่าจะมาแบบคนเดียว มากับคนรู้ใจ มากับเพื่อนหรือมาพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ร้าน Bo.lan ถือว่าเป็นอีกที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่ต้องลิสต์เอาไว้เลย 

  • ที่อยู่: 24 ซอยสุขุมวิท 53 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Bo.lan 
  • เวลาทำการ:
    • วันอาทิตย์ : เปิด 12:00 – 14:00 น.
    • วันจันทร์: ปิด
    • วันอังคาร:  ปิด
    • วันพุธ : 18:00 – 22:00 น.
    • วันพฤหัสบดี : 12:00 – 14:00 น. และ 18:00 – 22:00 น.
    • วันศุกร์ : 12:00 – 14:00 น. และ 18:00 – 22:00 น.
    • วันเสาร์:  12:00 – 14:00 น. และ 18:30 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • BTS ทองหล่อ แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 53 อีก 450 เมตร
Unbirthday Cafe

15. Unbirthday Cafe

ปิดท้ายที่เที่ยวสุขุมวิทที่สุดท้ายกับคาเฟ่บรรยากาศสุดชิลที่มีชื่อว่า Unbirthday Cafe ที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่มีคอนเซปต์ว่าการทานเค้กที่ดี อิ่มอกอิ่มใจ สามารถทานได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ในวันเกิด ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยเค้กที่หลากหลาย รสชาติดี น่าทานทุกชิ้น พร้อมเสิร์ฟให้คุณอิ่มเอมกับวันธรรมดาให้รู้สึกว่าพิเศษขึ้นมาได้ทุกวัน 

ซึ่งหากใครอยากทานเค้กอย่างเดียวก็สามารถไปซื้อได้ที่ Cake shelf ทั้ง 2 สาขา Emquartier ชั้น G และ Siam Paragon ชั้น G แต่ถ้าใครอยากทานเค้กอร่อยๆ พร้อมสัมผัสบรรยากาศ Cozy อบอุ่น สบายตา เหมือนอยู่บ้าน ต้องมาที่ Unbirthday Cafe Flagship Store ที่สุขุมวิท 31 

จุดเด่นของคาเฟ่นี้ หากมาตามทางที่บอกแล้วอาจมองหาร้านไม่เจอเพราะที่ตั้งของคาเฟ่จะอยู่บนชั้น 2 ของมาเปงเส็ง อพาร์ทเม้นท์ ให้เดินขึ้นมาเลยแล้วจะพบกับบรรยากาศสุดน่ารักและอบอุ่นของร้าน ในโทนสีขาวและสระว่ายน้ำ พร้อมกับมีส่วน Glasshouse ให้แสงเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย ไม่ว่าจะพักผ่อนด้วยการทานเค้กแสนอร่อยหรือถ่ายรูปสวยๆ Unbirthday Cafe ก็ตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง 

  • ที่อยู่: ชั้น 2 มาเปงเส็ง อพาร์ทเม้นท์ 14 สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/mCNPYdZWxWok3DMi8 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 09:00 – 19:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า สถานีพร้อมพงษ์ เดินตรงเข้าซอยสุขุมวิท 31 อีก 750 เมตร 

ย่านที่เที่ยวสุขุมวิทนอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมายที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงที่เที่ยวแถวสุขุมวิท ยังมีที่เที่ยวที่ให้เดินเล่น ชมธรรมชาติ พักผ่อน เที่ยวแบบชิลล์นอกจากการชอปปิงอีกหลายต่อหลายที่ที่น่าสนใจ หลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่าใจกลางเมือง ย่านเศรษฐกิจอย่างสุขุมวิทจะมีที่เที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่พักผ่อนสุดชิลล์อยู่ด้วย และจะเห็นได้ว่ากรุงเทพฯ ก็มีที่เที่ยวอีกหลายที่มากมายที่น่าสนโดยเฉพาะที่เที่ยวสุขุมวิทที่รอให้คุณไปลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ 

สามารถเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่กังวลเรื่องกระเป๋าเดินทาง แม้ชอปเยอะก็ไม่ต้องว่าจะกลัวแบกไม่ไหว เพียงฝากกระเป๋าให้ Airportels ดูแล ก็ทำให้คุณเที่ยวได้เต็มที่ ชอปได้จุใจ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปด้วย 

AIRPORTELs  ในห้างTerminal 21

บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋าเดินทางในประเทศไทย ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัย ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักสัมภาระ ให้คุณท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบไร้กระเป๋าเดินทาง ราคาขนส่งกระเป๋าเริ่มต้น 299 บาท ราคารับฝากกระเป๋าเริ่มต้น 30 บาท/ชั่วโมง เท่านั้น หรือจะเหมาทั้งวัน 150 บาท/ใบ 

  • AIRPORTELs  ในห้างTerminal 21 ชั้น1 โซนโตเกียว (ติดทางออกลานจอดรถ)
  • พิกัด: Terminal 21 Asok 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.

คัดมาแล้ว! 10 คาเฟ่แถวอโศก ร้านสวยๆ คูลๆ สายคอนเทนต์ห้ามพลาด

อโศกนับว่าเป็นย่านสุดฮอตที่เป็นแหล่งทำงานรวมถึงแหล่งสถานที่เที่ยวต่างๆ และที่โดดเด่นที่สุดคือ คาเฟ่ที่อโศก ที่ต้องบอกว่าแต่ละร้านมีการตกแต่งตามสไตล์ของตัวเอง และในส่วนของอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบเต็มรูปแบบ 

YEST WORKS

1. YEST WORKS

YEST WORKS เป็นร้านคาเฟ่ขนาดเล็ก เมื่อเข้ามาภายในร้านก็จะเห็นได้ว่าตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากร้านคาเฟ่ตรงชั้นวางกาแฟ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเชยชมเมล็ดกาแฟจากทางร้านได้ สำหรับร้านนี้เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกาแฟเป็นอย่างมาก

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านก็คือ “Find your best coffee” หรือก็คือทุกคนสามารถตามหากาแฟที่ดีที่สุดกับตัวเองได้ เพราะร้านกาแฟเหล่านี้เน้นคัดเลือกกาแฟมาจากหลายๆ แหล่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมกาแฟที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ 

เมนูซิกเนเจอร์

เมนูที่ทางร้านอยากจะแนะนำก็คือ “กาแฟดริป” ที่เน้นในเรื่องของความพิถีพิถันในการชง และจะขับคุณภาพของกาแฟได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเมล็ดกาแฟ ส่วนผสม การคั่ว และวิธีชง ทำให้กาแฟมีรสชาติที่แตกต่าง โดยเมนูเด่นๆ คือ Acaba , Dot mork และ Latte 

  • ที่ตั้งร้าน: 732 ถ. สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/Fs2oPD215BWtY1BfA
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 17:00 น.
Artis Coffee Bangkok

2. Artis Coffee Bangkok

Artis Coffee Bangkok เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยทางร้านเน้นการตกแต่งด้วยการใช้สีดำ สีขาว ไม้สีอ่อน เมื่อมารวมกันแล้วได้กลิ่นอายร้านกาแฟที่ทันสมัย เหมาะสำหรับการนั่งทำงานยาวๆ

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะเน้นในเรื่องบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญในการชงกาแฟ และกาแฟมีความสดใหม่ ที่พร้อมรังสรรค์กาแฟแต่ละเมนู คั่วและชง ได้รสชาติตามที่ลูกค้าต้องการ 

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูที่โดดเด่นทางร้านไม่ได้มีการบอกที่แน่ชัด แต่สิ่งที่แตกต่างจากร้านคาเฟ่ที่อื่นได้อย่างชัดเจนนั้นก็คือ การคั่วสดๆ ในระดับที่พอเหมาะจึงทำให้รสชาติของกาแฟนั้นดีเยี่ยม โดยคนที่ชอบมักจะสั่ง Dirty Coffe, Latte, แซนด์วิช, และของหวาน

  • ที่ตั้งร้าน: 390, 20 ซอย สุขุมวิท 18 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/KPnn2sFFfNTH5HkH8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 20:00 น.
28ml. Specialty Coffee & Tea Bar

3. 28ml Specialty Coffee & Tea Bar

28ml. Specialty Coffee & Tea Bar ถือว่าเป็นคาเฟ่ย่านอโศกยอดนิยม ไม่แพ้ร้านอื่น ๆ โดยคาเฟ่ของร้านนี้จะเน้นตกแต่งแนวสีส้ม ขาว น้ำตาล ที่จะใช้กระเบื้องเป็นการตกแต่งภายในร้าน

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านนับว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ เพราะมาจากชื่อร้าน “28ml” หรือก็คือสิ่งที่ตวงส่วนผสมของทางร้าน ให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ และสามารถมั่นใจว่ามากินทุกครั้งอร่อยเหมือนเดิมทุกครั้ง

เมนูซิกเนเจอร์

เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ “Dirty Coffee” ที่เน้นการสกัดกาแฟ 2AM ทำให้รสชาติของกาแฟมีความกลมกล่อม นุ่มละมุน ไม่ขม ไม่เข้มข้นจนเกินไป

  • ที่ตั้งร้าน: ที่อยู่ 155 10 ถนน อโศกมนตรี แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/Ffnb8Hiix4cxxnpPA
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: จันทร์ – อังคาร 07:00 – 15:00  น.

                             พุธ                   09:00 – 15:00  น.

                             พฤหัสบดี – ศุกร์ 07:00 – 15:00  น.

                             เสาร์                   08:00 – 15:30  น.

Size S Coffee & Bakery

4. Size S Coffee & Bakery

Size S Coffee & Bakery เป็นร้านที่มีขนาดเล็กตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอลมาในโทนสีขาวและเทา เน้นตกแต่งน้อยเพื่อให้เห็นพื้นที่กว้างๆ และสะอาดตา

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้าน จะเป็นไปตามชื่อร้านเลย Size S ซึ่งไซซ์ที่ว่านี้จะหมายถึงเมนูเบเกอรี่ที่จะทำออกมาชิ้นเล็กๆ  เพื่อที่ทุกคนจะสามารถเลือกทานเมนูได้หลากหลาย ทำให้เพลิดเพลินกับการกินมากยิ่งขึ้น

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นเมนู Coconut Cake ที่ทางร้านเน้นใส่ใจในเรื่องของรสชาติ มีความนุ่มละมุนลิ้นสุดๆ ในส่วนของกาแฟภายในร้านก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะทางร้านมีโรงคั่วกาแฟเป็นของตัวเอง จึงสามารถทำกาแฟที่หลากหลายรสชาติได้

  • ที่ตั้งร้าน: 5, 25 ซอย งามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/8mSHoMkB8dY2oDAs8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดจันทร์ – เสาร์ 7:30–17:00 น.
Cosmos Cafe Bangkok

5. Cosmos Cafe Bangkok

สำหรับ Cosmos Cafe Bangkok จะเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ เปิดกระจกโล่งเห็นภายในร้านชัดเจน โดยร้านจะมีนั่งแบบ in door และ out door ที่ชั้นสอง โดยทางร้านจะเน้นยกเพดานสูง ตกแต่งแบบคลีนๆ ทำให้เวลามานั่งชิลที่นี่แล้วรู้สึกโล่ง

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านคือประโยคที่ว่า “COFFEE IS UNIVERSAL” หรือก็คือ การสื่อสารด้วยกาแฟ ไม่จำเป็นต้องพูดจาอะไรกันมากมาย แต่ก็สามารถเข้าใจผ่านรสชาติกาแฟที่ได้สัมผัส

เมนูซิกเนเจอร์

Samui Iced Coffee เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ นอกจากจะใช้กาแฟในการชงแล้วยังมีการใส่น้ำมะพร้าวและน้ำอัญชันสร้างรสชาติที่แปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี

  • ที่ตั้งร้าน: 36/1, ซอยสุขุมวิท 23, ถนนสุขุมวิท, คลองเตย, วัฒนา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/i8sZbT3qv6cv4atg7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน 07:30 – 17:30 น.
Chu Chocolate Bar & Cafe

6. Chu Chocolate Bar & Cafe

คาเฟ่แถวอโศก อีกหนึ่งร้านที่น่าค้นหาและลองแวะไปเยือนคือ Chu Chocolate Bar & Cafe ที่เน้นนั่งสบาย เมื่อเข้ามาในร้านจะให้ความรู้สึกอบอุ่น เพราะทางคาเฟ่เลือกใช้วัสดุของไม้ และเพิ่มความมีสีสันโดยการนำสีน้ำเงินมาตัด

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ทางร้านจะเน้นในเรื่อง “อาหารมื้อสาย” ที่ถือว่าเป็นเมนูทานง่ายๆ เบาๆ ไม่หนักเกินไป ซึ่งสามารถทานได้ทุกเวลา เหมาะกับการนั่งกินยาวๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบไปไหน

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูเด็ดของทางร้านจะเน้นในเรื่องของอาหารมื้อสาย หรือไม่ก็ของหวานมากกว่า ซึ่งจะมีการหมุนเวียนขายเฉพาะในแต่ละช่วง ในส่วนของกาแฟก็จะเป็น American Marshmallow ที่จะเป็นการนำดาร์กช็อกโกแลตมาผสมกับมาสเมลโล่ที่ให้สัมผัสแปลกใหม่

  • ที่ตั้งร้าน: 18/1 ซ. สุขุมวิท 31 เเขวง คลองตันเหนือ, เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/ouhaUKgXhiiUWrVR9
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 22:00 น.
Bake Brothers

7. Bake Brothers

สำหรับร้านกาแฟ Bake Brothers จะเป็นร้านที่อยู่ใน Terminal21 โดยตัวร้านเน้นโทนตกแต่งเทาๆ ชิลๆ  เหมาะสำหรับคนที่เดินห้างแล้วเหนื่อยอยากแวะมานั่งพัก แล้วไปชอปต่อเพลินๆ แบบหนำใจหากมีของชอปเยอะไม่ต้องกังวล เพราะสามารถฝากได้ที่ได้ Airportels เลย

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

ความอร่อยพร้อมเสิร์ฟทั้งเมนูเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่ได้ฟีลแบบพี่ชาย คุยง่าย นั่งชิล สบายๆ กับเมนูที่ใส่ใจเหมือนมีพี่ชายมาดูแล

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูทางร้าน จะชูเรื่องของเบเกอรี่รวมทั้งขนมต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย ในส่วนของกาแฟจะมีการแนะนำ กาแฟเบรค บราเธอร์ส ที่นับว่าเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านถ้าอยากรู้ว่าเป็นกาแฟอะไรต้องไปลอง

  • ที่ตั้งร้าน: 88 ซอย วัฒนา แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กทม.
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/B8LaXpYSdQAgGKbV9
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: วันจันทร์ – วันเสาร์ 10.00 – 22.00 น. , วันอาทิตย์ 10.00 – 20.00 น.
Hario Cafe Bangkok 

8. Hario Cafe Bangkok 

Hario Cafe Bangkok เป็นร้านคาเฟ่ที่มีขนาดใหญ่เน้นการตกแต่งแบบมินิมอลโดยใช้สีขาวเป็นส่วนใหญ่ และสร้างร้านให้ดูกว้าง สูง มีการเล่นมิติด้วยการตกแต่งโค้งเว้าทำให้ดูไม่อึดอัด

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะมาสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นมินิมอล ใส่ใจละเอียดทุกกระบวนการ โดยเฉพาะบาริสต้าที่ต้องใช้มือโปรและมีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟชนิดต่างๆ เป็นอย่างมาก

เมนูซิกเนเจอร์

Syphon Slow Drip ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของคาเฟ่ เพราะสามารถเลือกวิธีชงกาแฟได้ และสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้เองอีกด้วย 

  • ที่ตั้งร้าน: 29 ซ. สุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/FKaBMiz2B987mJyV7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 06.30 – 20.30 น.
SANT DE' NHUAD

9. SANT DE’ NHUAD

สำหรับร้าน SANT DE’ NHUAD จัดว่าเป็นคาเฟ่แถวอโศกที่มาในสไตล์ Factory จะเน้นตกแต่งด้วยโทนขาวหรือเลือกใช้วัสดุที่เป็นโทนสีเงิน เพื่อให้บรรยากาศดูเป็นโรงงาน แต่ว่ามีความทันสมัยและสะอาดเป็นอย่างมาก

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะเน้นฟีล Factory Homemade ที่จะให้เห็นบรรยากาศการทำครัวซองต์ ถือว่าเป็นจุดเด่นของแบรนด์ เพราะลูกค้าสามารถชมระหว่างการทำได้

เมนูซิกเนเจอร์

Plain Croissant นับว่าเป็นความอร่อยที่ท็อปฟอร์มที่สุดเพราะเป็นรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบนำเข้ามา ที่สามารถทำให้คุณได้สัมผัสถึงความเป็นครัวซองต์สไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ 

  • ที่ตั้งร้าน: BB Building, 54 ซอย สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/wcN4JQqe87MYw56F7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 15.00 น.
Fika & Co

10. Fika & Co 

สำหรับร้านคาเฟ่ย่านอโศก ที่สุดท้ายที่อยากจะแนะนำก็คือ  Fika & Co เป็นคาเฟ่ที่มาในสไตล์ลอฟท์ ทุกคนสามารถมานั่งชิล นั่งทำงาน หรือนั่งเพลินๆ กับการทานของอร่อยกันได้

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

ทางร้านจะเป็นการที่คนรักกาแฟมารวมตัวกัน เพื่อเปิดร้านกาแฟในคอนเซ็ปต์ “ช่วงเวลาดีๆ ที่จะทำให้คุณดื่มด่ำอาหารอร่อยๆ ได้เต็ม” 

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับทางร้านมีการคัดเลือกกาแฟชั้นดี ในการทำ  Matcha Espresso หรือก็คือ ช็อตเอสเพรสโซที่นำมาผสมผสานกับมัทฉะกลายเป็นความอร่อยที่แตกต่างอย่างลงตัว

  • ที่ตั้งร้าน: 1788 Singha Complex แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/yNTY8YJM4xs4FG5j8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 18.00 น.

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ใบ/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299บาท/ใบ ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

สาขาของแอร์พอเทลล์

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ 

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

MIXT Chatuchak ชั้น 2, โซนบี (เลขห้อง2055)

Terminal 21 Pattaya ชั้น1, โซนปารีส (ติดกับร้านอีฟแอนด์บอย)

สรุปสำหรับคาเฟ่แถวอโศก  ทั้ง 10 ที่ นับว่าเป็นร้านที่ผ่านการรีวิวมามากมาย ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของบรรยากาศ โดดเด่นเรื่องของหวานและเครื่องดื่ม ที่สำคัญแต่ละร้านยังมีซิกเนเจอร์และสไตล์เป็นของตัวเอง เพื่อที่ทุกคนสามารถมาเปิดบรรยายแปลกใหม่เหล่านี้ได้ รับประกันเลยว่าเหมาะกับการนั่งชิลๆ หรือจะทำงานเพลินๆ ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่งและไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

15 ที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพ สัมผัสไอหนาวได้ ไม่ต้องไปไกล 2023

พอเข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนก็คงจะเริ่มตั้งคำถามว่า หน้าหนาวเที่ยวไหนดี เพราะหลายที่ต้องวางแผนจองตั๋ว จองที่พักล่วงหน้า แต่สำหรับใครที่มีเวลาว่างแค่วันสองวันหรือไม่อยากเดินทางไกลๆ ก็สามารถสัมผัสไอหนาวได้เหมือนกัน เพราะใกล้กรุงเทพก็ยังมีที่เที่ยวหน้าหนาวสวยๆ บรรยากาศดีๆ อีกมากมาย และกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ก็ฟินได้เหมือนกัน !

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

ชมวิว สูดไอหมอก ท้าความเย็น

หน้าหนาวเป็นช่วงเวลาเดียวของปีที่จะได้ไปชมวิวสวยๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บนดอย บนภูเขาต่างๆ อุณหภูมิจะลดต่ำลงจนมีไอหมอกจางๆ ในยามเช้า ในขณะที่บางจุดหมอกก็หนามากจนกลายเป็นทะเลสีขาว ซึ่งไม่ใช่ภาพที่จะหาชมได้บ่อยๆ โดยจุดที่เที่ยวหน้าหนาวที่สามารถจะชมทะเลหมอกได้มีดังนี้ 

1. จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง นครราชสีมา 

จุดชมวิวกังหันลมเขายายเที่ยง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวซึ่งอยู่ห่างจากเขื่อนลำตะคองเพียง 15 นาที ใครที่มาเที่ยวเขื่อนลำตะคองก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาเที่ยวจุดนี้ด้วย เพราะวิวสวยมาก สามารถมองเห็นภูเขา เขื่อนลำตะคองและทุ่งกังหันลมได้แบบ 360 องศา อากาศเย็นสบาย จะปั่นจักรยานชมวิวเพลินๆ หรือนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกก็โรแมนติก การเดินทางสะดวกสบาย มีที่จอดรถ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ ให้บริการครบ

  • ที่อยู่: ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 30340
  • พิกัด: กังหันลม เขายายเที่ยง
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น.

2. จุดชมวิวเขากระโจม ราชบุรี 

จุดชมวิวเขากระโจมนั้นสามารถขับรถขึ้นไปได้ แต่เส้นทางจะสมบุกสมบันหน่อย จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับสายลุย แต่พอขึ้นไปเห็นทิวทัศน์สวยๆ ด้านบนแล้ว เชื่อว่าความเหนื่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยอลังการมาก มองเห็นได้ไกลถึงประเทศพม่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะกางเต็นท์พักแรม เพื่อตื่นมาชมวิวแต่เช้าตรู่ มองดูพระอาทิตย์สีส้มค่อยๆ โผล่พ้นทะเลหมอกสีขาว แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม

  • ที่อยู่: ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
  • พิกัด: จุดชมวิวเขากระโจม
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (นำรถยนต์เสียค่าบริการขึ้นเขาคันละ 50 บาท)
  • เวลาปิด-เปิด: ขึ้นเวลา 04:00-07:00 น.
    ลงเวลา 07:00-09:00 น. / 09:00-19:00 น. ขึ้นและลงได้ตลอด

3. ผาหินกูบ จันทบุรี

ชื่อผาหินกูบอาจจะฟังดูแปลก แต่สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะจุดชมวิวด้านบนมีลักษณะโค้งลาดลงทั้ง 2 ข้าง จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกูบหรือที่นั่งบนหลังช้าง เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่วิวสวยและบรรยากาศดีมาก ตลอดเส้นทาง 8-9 กม. นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งถ้ำ น้ำตก ลำธาร และหินรูปร่างแปลกตา การค้างแรมที่นี่ไม่มีเต็นท์ให้ แต่ใช้วิธีผูกเปลหรือนอนใต้ผาหิน ใครที่อยากออกจากเซฟโซน อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องถูกใจแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี 22210
  • พิกัด: ผาหินกูบ
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี มีค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์
เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

4. เขาพะเนินทุ่ง เพชรบุรี 

เขาพะเนินทุ่ง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวยอดนิยม เพราะช่วงที่อากาศเย็นจัด หมอกจะหนา จนกลายเป็นทะเลสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เส้นทางค่อนข้างชัน แต่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ด้านบนมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง จึงสามารถกางเต็นท์ได้อย่างสะดวกสบาย มีห้องอาบน้ำและร้านค้าสวัสดิการให้บริการ ถ้าใครเป็นสายลุย ก็สามารถเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาพะเนินทุ่งได้เลย ซึ่งที่ยอดเขานี้เป็นแหล่งดูนกป่าหายากด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 76170
  • พิกัด: จุดชมวิวทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
  • อัตราค่าเข้า: ค่าเข้าคนละ 100 บาท ค้างคืนเพิ่มอีกคนละ 30 บาท / คืน
  • เวลาปิด-เปิด: รถขึ้นได้เวลา 05:30-07:30 น. และ 13:00-15:00 น. ลงเวลา 09:00 – 10:00 น. และ 16:00 – 17:00 น.

5. สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ชลบุรี

สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก มีลักษณะเป็นทางเดินทอดยาว 226 เมตร สูงจากพื้นดิน 25 เมตร หรือประมาณตึก 8 ชั้น ถึงจะไม่ใช่คนกลัวความสูง แต่มองลงมาก็ต้องมีหวั่น ยิ่งช่วงที่เป็นพื้นกระจกมีระยะทาง 50 เมตร เรียกว่าเป็นช่วงวัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มองเห็นวิวของผืนป่าและอ่างเก็บน้ำได้แบบเต็มตา ถ่ายรูปออกมาสวยมาก และยังสามารถลงมาทำบุญที่วัดต่อได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ครบครันจริงๆ

6. ผาเก็บตะวัน นครราชสีมา 

ผาเก็บตะวันไม่เพียงแต่จะเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำด้วย คือการปลูกป่าโดยใช้หนังสติ๊กยิงเมล็ดพันธุ์พืช เช่น เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการยิงเล่นๆ แต่เติบโตได้จริงถึง 80% ดังนั้นนอกจากได้นอนกางเต็นท์ ชมวิวทะเลหมอกสวยๆ ก็ยังได้คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าเป็นการตอบแทนด้วย 

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

เดินป่า เที่ยวอุทยาน ท่ามกลางธรรมชาติ

อุทยาน เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนนิยมมาก เพราะแม้จะมีต้นไม้คอยให้ความร่มรื่น แต่ถ้าลองมาเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ก็จะรู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว เหนื่อยง่าย ในขณะที่ช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เดินชมนกชมไม้ได้เพลินๆ วิวทิวทัศน์สวยงาม ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นช่วงที่แมลงน้อยด้วย โดยอุทยานที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ มีดังนี้

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา 

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย และเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ขับรถออกจากกรุงเทพไม่นาน ก็จะได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่น เย็นสบาย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมพืชพรรณและสัตว์หายาก โดยเฉพาะนกที่มีมากกว่า 280 ชนิด มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย เช่น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ส่องนกในตอนกลางวัน ส่องสัตว์ป่าในยามค่ำคืน เล่นน้ำตก ฯลฯ 

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

8. อุทยานแห่งชาติทับลาน นครราชสีมา 

นอกจากอุทยานแห่งชาติทับลานจะมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีป่าลานธรรมชาติที่ถือว่าเป็นป่าลานผืนสุดท้ายของเมืองไทย มีต้นลานขึ้นอย่างหนาแน่นบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด และด้านในก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น อ่างเก็บน้ำทับลาน น้ำตกบ่อทอง น้ำตกสวนห้อม เขามะค่า ฯลฯ จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมและกางเต็นท์พักแรม

  • ที่อยู่: 520 หมู่ที่ 1 ถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี 25220
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติทับลาน
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
อุทยานหินเขางู ราชบุรี

9. อุทยานหินเขางู ราชบุรี

อุทยานหินเขางู เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่แตกต่างจากอุทยานอื่นๆ เพราะเป็นเหมือนสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน เดิมที่พื้นที่นี้เป็นแหล่งระเบิดและย่อยหิน แต่ต่อมาถูกยกเลิกไปและกลายเป็นพื้นที่ร้าง จึงพัฒนาให้กลายเป็นสวนสวยๆ  โดยที่ยังอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยรอบเอาไว้ บรรยากาศจึงสวยงามแปลกตา หาชมยาก กิจกรรมที่นิยมก็จะเป็นการเดินเล่น ถีบเรือเป็ด ชมถ้ำ และแวะถ่ายรูปที่จุดเช็กอินยอดฮิตบนสะพานข้ามลำน้ำ

  • ที่อยู่: ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 70000
  • พิกัด: อุทยานหินเขางู
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น.

10. อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี 

อุทยานแห่งชาติพุเตย เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่คนสุพรรณและจังหวัดใกล้เคียงนิยมกันมาก เหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสกับความสวยงามที่เงียบสงบ เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ นอนกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืน ตื่นมาจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ พร้อมชมทะเลหมอกยามเช้า และเดินเที่ยวชมน้ำตกสวยๆ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี 

  • ที่อยู่: ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180
  • พิกัด: อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ ถ่ายคอนเทนต์ สัมผัสความหนาว

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฤดูหนาวก็คือ ทุ่งนาสีทองที่พร้อมเก็บเกี่ยวและดอกไม้สีสันสดใสที่แข่งกันอวดโฉม ช่วงนี้จึงถือเป็นเวลาทองของการไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะใน 1 ปี มีเพียงแค่ 1 ครั้ง พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอไปถึงปีหน้า ที่เที่ยวหน้าหนาวบางแห่งจึงเปิดให้เข้าชมเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยสามารถไปชมได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้

11. สะพานไม้ร้อยปี นครราชสีมา 

สะพานไม้ร้อยปี เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายรูปชิลๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้แคบๆ ขนาด 1-2 คนเดิน ระยะทางประมาณ 1 กม. เท่านั้น เดิมทีชาวบ้านร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามทุ่งนาระหว่างหมู่บ้าน แต่ด้วยความที่บรรยากาศดี วิวสวย ก็เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ ในช่วงหน้าหนาว จะมีการตกแต่งไฟสวยงามเป็นพิเศษ และยังชมวิวทะเลหมอกยามเช้าได้ด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา 30250
  • พิกัด: สะพานไม้ 100 ปี
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 05:00-19:00 น.

12. ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร นครราชสีมา 

ทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหมาะที่จะแวะเดินเล่น ชมความสวยงาม เพราะช่วงปลายปี ทั่งทั้งอาณาบริเวณพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ จะถูกเติมเต็มด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองแทบทุกตารางเมตร ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องกลัวผิวไหม้ นอกจากนี้ด้านในยังมีร้านขายของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  • พิกัด: ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น. 

13. สะพานทุ่งนามุ้ย นครนายก 

สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานที่ทำจากไม้ไผ่คดเคี้ยวอยู่เหนือทุ่งนา ช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม ทุ่งนาบริเวณรอบๆ จะเป็นสีเขียวขจี แต่พอเข้าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง บรรยากาศต่างกันแต่สวยทั้งคู่ 

จุดประสงค์หลักสร้างขึ้นเพื่อที่เวลาน้ำท่วมชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม แต่ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่นอกจากจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวสวยๆ ได้แล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานรับลมแบบเพลินๆ เลือกซื้อสินค้าจากชาวบ้าน หรือตักบาตรบนสะพานได้ด้วย 

  • ที่อยู่: ตำบล สาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก 26000
  • พิกัด: สะพานทุ่งนาน้อยเขาหล่น
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี
  • เวลาปิด-เปิด: ทุกวัน เวลา 06:00-19:00 น.
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

14. ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่สามารถชมดอกทานตะวันขนาดใหญ่ยักษ์นับพันได้ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาว แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางชมบรรยากาศรอบทุ่งแบบชิลๆ ได้ด้วย ไม่ต้องเดินให้เมื่อย หรือจะเป็นการขี่ม้าชมทุ่ง ขับ ATV ชมทุ่งก็มี ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือมาเป็นครอบครัว มีทั้งเด็ก และผู้สูงอายุ ก็สนุกกันได้เต็มที่

  • ที่อยู่: ทางหลวงหมายเลข 3017 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000
  • พิกัด: ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล 
  • อัตราค่าเข้า: ฟรี (ไม่รวมค่าบริการรถราง และกิจกรรมอื่นๆ)
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.

15. ทุ่งคอสมอส น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม สระบุรี

คอสมอสเป็นดอกไม้ที่จะบานเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทุ่งคอสมอส จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาด เพราะมีวิวสวยมากเหมือนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้ว ที่นี่เป็นฟาร์มแพะ แต่แบ่งพื้นที่มาปลูกดอกคอสมอส 25 ไร่ พอถึงช่วงฤดูหนาว เลยกลายเป็นสีชมพูไปทั้งทุ่ง นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด มีมุมสวยๆ ที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ให้นั่งพักกินของอร่อยด้วย

  • ที่อยู่: 37/3 หมู่ 6 ซอย 7 ซ้าย ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 18240
  • พิกัด: น้องบุญทิ้ง นนท์ศิลาฟาร์ม
  • อัตราค่าเข้า: คนละ 50 บาท
  • เวลาปิด-เปิด: เฉพาะฤดูหนาว เปิดทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.
แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังที่พัก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบตัวเปล่า ไม่ต้องขนสัมภาระเอง หรือคอยกังวลว่าจะวางลืมไว้ที่ไหน 

วิธีใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่กดจองผ่านแอปพลิเคชัน และเลือกว่าต้องการให้ไปรับ-ส่งสัมภาระที่ไหน เวลาใด แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AIRPORTELs ช่วยดูแลขนสัมภาระทั้งหมดแทนได้เลย 

ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังอุ่นใจไม่ต้องกลัวของหาย เพราะมีระบบติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และประกันค่าเสียหายสูงสุดถึง 50,000 บาท

สรุป

อากาศเย็นสบายแบบนี้อย่ามัวแต่อยู่บ้าน เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวสวยๆ อีกมากมายที่รอทุกคนอยู่ ถึงจะมีเวลาน้อยก็ไม่เป็นไร เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพก็ฟินได้เหมือนกัน มีทั้งจุดชมวิวสวยๆ อุทยาน ทุ่งกว้าง สวนดอกไม้ และกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ถ้าใครไม่อยากขนสัมภาระเองให้เหนื่อย หรือขากลับซื้อของฝากเยอะ ก็ไม่ต้องหิ้วเองให้เปลืองแรง AIRPORTELs มีบริการขนกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดไปส่งให้ถึงที่พัก เดินทางกลับได้แบบชิลๆ จะแวะคาเฟ่ ถ่ายรูป หรือที่เที่ยวอื่นๆ ระหว่างทางก็ยังได้ ไม่ต้องวนกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมอีก ตรงกลับที่พักได้เลย ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา และยังปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

คำต้องห้ามในสนามบิน ถ้าไม่อยากเสี่ยงจำคุก ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด!

สนามบินในประเทศ และต่างประเทศถือเป็นสถานที่สาธารณะ และมีการรวมตัวของกลุ่มคนมากมายหลายประเทศที่มาใช้บริการในสายการบินต่างๆ อย่างประเทศไทยเองก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากมาย ความปลอดภัยจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณสนามบินที่เสี่ยงต่อการเกิดความแตกตื่นได้ง่ายจากการกระทำ หรือคำพูดในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น จึงมีการประกาศคำต้องห้ามในสนามบินออกมาบังคับใช้ บทความนี้ AIRPORTELs จะพาทุกคนไปดูคำต้องห้ามในสนามบิน ตัวอย่างสถานการณ์ และบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

คำต้องห้ามในสนามบิน คืออะไร

คำต้องห้ามในสนามบิน คืออะไร

คำต้องห้ามในสนามบิน คือ คำที่ห้ามพูด กล่าว หรือตะโกนในสนามบิน เพราะคำเหล่านี้เป็นคำที่อาจสร้างความไม่ปลอดภัย และสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสาร หรือเจ้าหน้าที่ในสนามบินได้ ซึ่งมาตรการนี้นับว่าเป็นมาตรการของท่าอากาศยานที่มีการใช้ร่วมกันอย่างเป็นสากล แม้เป็นภาษาต่างประเทศก็ไม่ควรพูด กล่าวถึง หรือตะโกนออกมาไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เพราะอาจส่งผลมั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติได้

ประเภทของกลุ่มคำต้องห้ามในสนามบิน

ทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลที่เป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของคำพูด ลักษณะท่าทาง หรือการสื่อสารที่ว่าด้วยเรื่องของคำต้องห้ามในสนามบิน หากมีการพูด หรือแสดงออกต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

คำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

คำต้องห้ามในสนามบินที่สร้างความเข้าใจผิด หรือทำให้ผู้อื่นตื่นตกใจ ถือว่าเป็นคำต้องห้าม เพราะสนามบินเป็นพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ การใช้คำพูดเหล่านี้อาจสร้างความเข้าใจผิด หรือสร้างความตื่นตกใจ จนเกิดความโกลาหล และอาจเกิดเหตุจราจลจากการเข้าใจผิดภายในสนามบินได้ โดยกลุ่มคำต้องห้ามในสนามบินมีดังนี้

ระเบิด (Bomb, Explosive)

คำว่า ระเบิด หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับระเบิด ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่สามารถก่อเหตุอันตรายภายในสนามบินได้ ดังนั้น หากมีใครพูดขึ้นมา อาจสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนภายในสนามบินได้ คำว่า ระเบิด จึงถือเป็นคำห้ามพูดสนามบินที่ไม่ควรพูดออกมาเด็ดขาด

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่ามีระเบิดอยู่ในกระเป๋า, สนามบินจะระเบิด, ติดตั้งระเบิดเรียบร้อยแล้ว, ระเบิดสนามบิน, ระเบิดเครื่องบิน, แม้แต่การเรียกชื่อ บอมบ์ ก็ไม่ควรเป็นอันขาด

อาวุธ วัตถุอันตราย และสารเสพติด

กลุ่มคำที่เกี่ยวกับอาวุธ วัตถุอันตราย และสารเสพติด เป็นกลุ่มคำที่อาจสร้างความตื่นตระหนก และความไม่ปลอดภัยให้กับผู้คนในสนามบินได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือเหตุจลาจลในสนามบินได้ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคำที่ต้องระวังเป็นพิเศษ และถูกจัดว่าเป็นคำห้ามพูดในสนามบิน

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่ามีอาวุธอยู่ในมือ, มีปืนอยู่ในกระเป๋า, เมายาหรือเปล่าเนี่ย, เสพยามา เป็นต้น

การก่อการร้าย การปล้น หรือจี้เครื่องบิน

สำหรับเหตุการณ์ที่สามารถสร้างความสะพรึงกลัวในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่อการร้าย การปล้น หรือจี้เครื่องบิน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดเป็นอันขาด เพราะเป็นกลุ่มคำที่สามารถสร้างภาวะตื่นตกใจให้คนโดยรอบ จนทำให้เกิดความวุ่นวานในสนามบินได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การพูดว่าเรามีตัวประกัน ไม่ทำตาม ตาย, นี่คือการปล้น, จี้เครื่องบิน, Hijack, ไม่ทำตามจะฆ่าให้หมด เป็นต้น

โรคระบาดร้ายแรง

กลุ่มคำพูดที่เกี่ยวกับโรคระบาดร้ายแรง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดในสนามบินเช่นกัน เพราะโรคระบาดมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส หรือโรคบางชนิดที่สามารถแพร่เชื้อให้กับคนในสนามบินได้ ไม่ว่าจะแพร่เชื้อผ่านการสัมผัส การพูดคุย การหายใจ หรือทางอากาศ โดยเฉพาะเชื้อโรคที่อันตรายต่อชีวิต และสร้างความหวาดกลัว นับว่าเป็นคำต้องห้ามในสนามบิน 

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ระวังเจอเชื้ออีโบล่า, คนนี้มีเชื้ออีโบล่า, โรคระบาดร้ายแรงชนิดใหม่ เป็นต้น
คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย

คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย

นอกจากคำพูดต้องห้ามในสนามบินแล้ว การแสดงออกด้วยวาจา การเขียนข้อความ หรือการกระทำอื่นๆ ที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือเป็นภัย ก็นับว่าเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำเด็ดขาดในสนามบิน เพราะอาจสร้างความตื่นตระหนกตกใจ ความไม่ปลอดภัย รวมไปถึงความไม่มั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติ โดยพฤติกรรมที่ต้องห้ามในสนามบิน มีดังนี้

การพูด ตะโกน หรือเขียน

การพูด การตะโกน หรือการเขียน เป็นสิ่งที่สามารถสร้างอันตรายสำหรับผู้ที่อยู่ในสนามบิน ในกรณีที่มีการหลุดพูด หรือตะโกนคำต้องห้ามในสนามบินออกมาจนผู้คนในสนามบินได้ยินกันโดยทั่วไป หรือมีข้อความปริศนาที่มีวัตถุประสงค์ร้ายก็อาจสร้างความหวาดวิตก และกระทบต่อสภาพจิตใจได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การตะโกนว่าเครื่องบินลำนี้กำลังตะตก, การทิ้งข้อความในสนามบินว่ามีระเบิด, การป่าวประกาศไปทั่วว่าไฟกำลังไหม้สนามบิน เป็นต้น

การคุกคาม ข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกาย

นอกจากคำห้ามพูดสนามบินแล้ว พฤติกรรมที่เกิดในสนามบินไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง การตะโกนเสียงดังโวยวาย การข่มขู่ คุกคาม หรือแม้แต่การทำร้ายร่างกาย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีบทลงโทษอย่างหนักสำหรับผู้กระทำการฝ่าฝืน

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การข่มขู่ หรือคุกคามว่าเดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งเสียหรอก, อยากตายมากเหรอ, ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม, จะกลับไม่กลับหรือต้องโดนกระทืบก่อน, การลงมือทำร้ายร่างกาย เป็นต้น

การโยนกระเป๋า หรือสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือผู้โดยสาร

การโยนกระเป๋า หรือสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ หรือผู้โดยสาร ถือเป็นพฤติกรรมต้องห้ามในสนามบิน เพราะการขว้างปา หรือโยนสิ่งของอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนก การบาดเจ็บ หรือร้ายแรงถึงขั้นส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่นได้

  • ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ไม่พอใจเจ้าหน้าที่เลยโยนกระเป๋าใส่, ผู้โดยสารที่ทำการตรวจสัมภาระทำอะไรชักช้า โยนกระเป๋าใส่, แย่งที่วางกระเป๋า จนกระเป๋าไปกระแทกผู้โดยสารคนอื่น เป็นต้น
บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

  • ผู้ฝ่าฝืนแจ้งข้อความต้องห้ามในสนามบิน และเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรือ ระหว่างบินตื่นตกใจ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การกระทำนั้นสร้างอันตรายให้กับอากาศยาน และระหว่างการบิน จำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 200,000 – 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สรุป

คำต้องห้ามในสนามบิน และพฤติกรรมต้องห้ามในสนามบิน มีจุดประสงค์เพื่อลดความเข้าใจผิด ลดการสร้างความตื่นตระหนกตกใจ ป้องกันการเกิดเหตุร้ายที่อาจส่งผลต่อสวัสดิภาพของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจส่งผลต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงของประเทศชาติ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องระวังเกี่ยวกับการสื่อสาร การพูด และการกระทำเสมอ เมื่ออยู่ภายในบริเวณสนามบิน

แจ้งความประสงค์


หากมีความกังวลขณะอยู่ในสนามบินเกี่ยวกับกระเป๋าสัมภาระ หรือเมื่อเกิดการจลาจลแล้วกลัวว่าสัมภาระอาจสูญหาย ทาง AIRPORTELs มีบริการรับฝาก และส่งกระกระเป๋า โดยจะจองผ่านเว็บไซต์ หรือเดินมาใช้บริการที่เคาน์เตอร์ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท

23 จุดเช็คอิน แลนด์มาร์คในกรุงเทพ ที่นักสร้างคอนเทนต์ห้ามพลาด

กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่สามารถตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกเพศ และทุกวัยได้ อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวสุดโดดเด่นที่ห้ามพลาดอีกด้วย โดยบทความนี้ได้รวบรวมแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ต้องไปให้ได้ พร้อมทั้งบอกพิกัดสถานที่เพื่อให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย จะมีสถานที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถและระเบียงรอบวัดจะมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่งดงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ อีกมากมาย ทั้งพระศรีรัตนเจดีย์ นครวัดจำลอง ฯลฯ ให้ได้มาเก็บภาพความสวยงามและความประทับใจกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องมาเยี่ยมชม โดยวัดเปิดให้ชาวไทยเข้าชมฟรี และชาวต่างชาติซื้อบัตรเข้าชม 500 บาท

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดพระแก้ว
  • การเดินทาง:
    • โดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ต่อด้วยขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง (N9) 
    • โดยเรือ ขึ้นที่ท่าเรือท่าเตียน (N8)
    • โดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 43, 44, 47, 53, 59, 64, 80, 82, 91, 203, 503, 508, 512
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 15:30 น.

2. วัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ และเยี่ยมชมความสวยงามของพระปรางค์สีขาว สูง 82 เมตร ใครที่มายังวัดอรุณ เป็นต้องยืนโพสถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ หน้าพระปรางค์ที่ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องสีสันต่างๆ 

โดยที่วัดก็มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ที่สวยงาม นอกจากนี้วิวในยามค่ำคืนยังสวยสะดุดตา ด้วยภาพของพระปรางค์องค์ใหญ่ติดริมแม่น้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็พากันชื่นชมในความงามของวัดอรุณแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยชาวไทยสามารถเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชม 50 บาท

  • ที่ตั้ง: 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: วัดอรุณราชวราราม
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น
วัดสุทัศน์

3. วัดสุทัศน์

ถ้าพูดถึงวัดที่เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของวัดสุทัศนเทพวรารามอยู่ด้วยแน่นอน เพราะจุดเด่นของวัดนี้ก็คือเสาชิงช้าสูงสีแดงที่ตั้งอยู่หน้าวัดนั่นเอง นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมของวัดยังสะท้อนให้เห็นศิลปะสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีกด้วย ใครที่สนใจทำบุญก็สามารถมากันแต่เช้าได้ พร้อมกับเก็บภาพความสวยงามของเสาชิงช้าที่หน้าวัดสุทัศน์นี้ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 146 ถนนบำรุงเมือง วัดราชบพิธ พระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดสุทัศน์
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสามยอด ทางออกที่ 3
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:30 – 21:00 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

4. วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

มาดูอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยวัดนี้มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังคงอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยนั้นไว้อย่างดี โดยจุดเด่นของวัดนี้คือ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์และล้านนา และพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีความสูง 69 เมตร จึงทำให้มองเห็นได้แต่ไกลลิบ ไม่ว่าจะมาวัดนี้ในช่วงกลางวันให้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับพระพุทธรูปหรือมาช่วงเย็นที่มีแสงรำไร ก็สามารถได้ภาพถ่ายที่สวยงามทั้งหมด นับว่าวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ให้ทั้งความสงบและความสวยงามเหมาะแก่การมาเยือนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160
  • พิกัด: วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
เอเชียทีค

5. เอเชียทีค

ใครอยากเที่ยวแบบชิลๆ ลองมาที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์กันได้เลย เพราะที่นี่นับว่าเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินชิล ชิม ชอป และถ่ายรูปสวย ๆ กับชิงช้าสวรรค์อันเป็นจุดเด่นของที่นี่ รายล้อมไปด้วยการตกแต่งสไตล์เมืองท่า เป็นสถานที่ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน 

นอกจากนี้ในช่วงนี้ยังมีงานแสดง Disney 100 Village ที่ให้แฟนดิสนีย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาพบปะคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่ชื่นชอบกันอีกด้วย โดยงานเริ่มตั้งแต่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 นี้

  • ที่ตั้ง: 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: เอเชียทีค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือโดยสารของเอเชียทีคโดยตรง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 00:00 น.
มหานคร สกายวอล์ค

6. มหานคร สกายวอล์ค

ที่มหานคร สกายวอล์ค เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพสำหรับคนที่ต้องการความท้าทายและความเร้าใจด้วยการยืนชมวิวบนพื้นกระจกลอยฟ้าที่ความสูง 310 เมตร พร้อมทั้งมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ สามารถชมวิวเมืองหลวงอันสวยงามในเวลากลางวันและกลางคืนได้ 360 องศาเลยทีเดียว ใครที่อยากได้ความตื่นเต้นพร้อมเก็บภาพบรรยากาศเมืองกรุงเทพสวย ๆ ก็สามารถซื้อบัตรเยี่ยมชมที่นี่ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: มหานคร สกายวอล์ค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.
ท่ามหาราช

7. ท่ามหาราช

มาต่อกันที่จุดเช็คอินในกรุงเทพสุดชิคอย่างท่ามหาราช ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงให้กลิ่นอายของเมืองเก่าดั้งเดิมของไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครัน ไม่ว่าจะกิน ชอปปิง เดินชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือถ่ายรูปตามมุมสวยๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น มาตอนกลางวันก็ได้บรรยากาศแบบหนึ่ง มาตอนกลางคืนก็จะได้บรรยากาศอีกแบบ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญอีกมากมาย ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

  • ที่ตั้ง: 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่ามหาราช
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าช้าง (N9) หรือนั่งรถโดยสารประจำทาง ลงหน้าท่ามหาราช สาย 32, 53, 124, 203, 201, ปอ.32, ปอ.524
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 21:00 น.

8. สวนรถไฟ

ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศพื้นที่สีเขียวแบบสบาย ๆ ขอแนะนำให้มาที่สวนรถไฟ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและออกกำลังกายกัน ด้วยพื้นที่กว่า 375 ไร่ มีกิจกรรมให้ทำมากมายได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งปั่นจักรยาน เข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลง เมืองจราจรจำลองสำหรับเด็กๆ เป็นต้น ใครที่ชอบบรรยากาศร่มรื่นหรือหาพื้นที่สำหรับปิกนิก ก็แวะมาที่สวนรถไฟได้เลย

  • ที่ตั้ง: ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10900
  • พิกัด: สวนรถไฟ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนจตุจักร
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สวนลุมพินี

9. สวนลุมพินี

สวนลุมพินี เป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เปิดให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและทำกิจกรรมกันได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถมาปิกนิก ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือถ่ายรูปสวย ๆ โดยมีพื้นหลังเป็นสวนกว้างสีเขียวก็ทำได้ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สวนลุมพินี 
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 04:30 – 22:00 น.
สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

10. สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

สวนเบญจกิติได้เปิดพื้นที่แลนด์มาร์คในกรุงเทพใหม่อย่างสวนป่าเบญจกิติขึ้น เพื่อรองรับทุกกิจกรรมและทุกช่วงเวลาทั้งยามเช้าหรือยามเย็น สำหรับคนเมืองทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นปั่นจักรยาน พื้นที่เล่นกีฬา พื้นที่ศิลปะ และพื้นที่ทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังเป็นต้นแบบของสวนสาธารณะเชิงนิเวศเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็มีแต่ความร่มรื่นแน่นอน

  • ที่ตั้ง: ถนนรัชดา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือ MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สะพานเขียว

11. สะพานเขียว

สะพานเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างสวนเบญจกิติและสวนลุมพินีนั้น กลายเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินในกรุงเทพและจุดถ่ายรูปยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างมาก เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนเย็นที่แสงแดดสาดส่องลงที่สะพานเขียวนั้น เมื่อถ่ายรูปแล้วจะทำให้ได้บรรยากาศของภาพที่ดูอบอุ่นชวนให้นึกถึงญี่ปุ่นสุด ๆ

  • ที่ตั้ง: ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สะพานเขียว
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06:00 – 21:00 น.
หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

12. หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เหล่าคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะจะต้องรู้จักแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างหอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะต่างๆ และเป็นศูนย์รวมของคนรักงานศิลปะ ให้ได้มาแสดงออกกัน จึงกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ช่วงบ่ายจะเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่น ซึ่งมักจะมาถ่ายรูปตามมุมศิลปะสวย ๆ และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมนั่นเอง

นอกจากนี้หากใครไปเดินเล่นที่ MBK Center ซึ่งสามารถเดินเข้าทางเชื่อมBTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถนำสัมภาระไปฝากฟรี 2 ชั่วโมง  เดินเที่ยวดูงานศิลป์ ช้อปปิ้งเพลินๆเดินตัวปลิวกับ AIRPORTELs

ที่ตั้ง: 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330

MOCA Museum

13. MOCA Museum

MOCA Museum เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพที่เหล่าคนรักในงานศิลป์ต่างก็มาเพื่อชมงานศิลปะจากศิลปินชั้นครู และหามุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่บ่อยๆ จนทำให้เป็นที่โด่งดังในโลกโซเชียลถึงความสวยงามของสถานที่ในสไตล์มินิมอล 

โดยเฉพาะมุมบันไดสีขาวที่ดูโล่งและกว้างใหญ่แต่ก็ดูสวยในเวลาเดียวกัน หากใครกำลังมองหาโลเคชันถ่ายรูปแบบมินิมอลอยู่ ต้องลองไปในวันธรรมดาที่มีคนน้อย บอกเลยว่าที่นี่ถือว่าตอบโจทย์และได้รูปสวยดั่งใจแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
  • พิกัด: MOCA Museum 
  • การเดินทาง: รถโดยสารประจำทาง สาย 29, 69,134, 187, 191, 504, 510, 555 ลงป้ายสถานีปรมณู 1
  • เปิด-ปิด: วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น.

14. Terminal 21

ศูนย์การค้า Terminal 21 ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันและตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ ด้วยแนวคิดการชอปปิงแบบ Market Street ราวกับยกย่านการค้าชื่อดังของโลกมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะสายชิล สายกิน หรือสายชอป ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับที่นี่ได้แน่นอน ตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด 

นอกจากนี้ที่ Terminal 21 ยังมีที่รับฝากสัมภาระของ Airportels อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวให้เดินชอปปิงต่อได้อย่างสบายใจ 

  • ที่ตั้ง: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือขึ้น MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

15. Siam Scape

แลนด์มาร์คในกรุงเทพแห่งใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์  “LIFELONG LEARNING” การเรียนรู้ที่ต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาบันการศึกษา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เปิดตั้งแต่สายจนถึงดึก ทั้งร้านอาหาร สินค้าต่างๆ คลินิกเสริมความงาม และสเปซสำหรับนัดพบ อีกทั้งยังมี 

Installation Art อย่าง “ILLUSCAPE” ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินสุดเท่อย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 215 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: Siam Scape
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม หรือลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

16. อาคารไปรษณีย์กลาง

หนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับอาคารที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศแถบตะวันตกเลยทีเดียว 

ทำให้ที่นี่จึงเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินยอดนิยม โดยเฉพาะลานกว้างหน้าอาคารไปรษณีย์กลางที่มักจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนในยามกลางวันหรือยามที่พระอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว

  • ที่ตั้ง: 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: อาคารไปรษณีย์กลาง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หรือ MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด: วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09:30 – 17:30 น.
Iconsiam

17. ICONSIAM

ICONSAM แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดอลังการที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติต่างก็อยากมาเยี่ยมชม โดยในศูนย์การค้านี้ครบครันทุกความบันเทิง ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ และยังประดับไปด้วยศิลปะไทยในรูปแบบหรูหราอย่างลงตัว จุดถ่ายรูปสวยๆ มีให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำพุ น้ำตก ลานชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะมีการเล่นแสงสี ทำให้ยิ่งสวยมากขึ้น จะถ่ายมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 299 ซอยเจริญนคร 5 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: ICONSIAM
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานกรุงธน ออกประตูทางออก 3 ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีทอง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

18. บ้านบางเขน

ใครเป็นสายถ่ายรูปฮิปๆ แนะนำอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพอย่าง บ้านบางเขน เพราะที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ตกแต่งด้วยธีมวันวานยุค 90 และยังสะสมของโบราณหาดูได้ยากอีกมากมาย ทำให้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดชิคสไตล์โบราณ รวมทั้งยังมีอาหารพื้นเมืองให้ทานอีกอีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินเล่นถ่ายรูปชิล ๆ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน

  • ที่ตั้ง: 17 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220
  • พิกัด: บ้านบางเขน
  • การเดินทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 26, 34, 39, 59, 107, 114, 129, 185, 503, 512, 522, 543
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 02:00 น.
ช่างชุ่ย

19. ช่างชุ่ย

สายอาร์ตพลาดไม่ได้เลยกับแลนด์มาร์คในกรุงเทพชื่อดังอย่าง ช่างชุ่ย ที่เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นอาณาจักรแห่งความสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ บูธขายของ สินค้า ต่างก็ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และยังมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่าง “นาโอ” ร้านอาหารที่อยู่ในเครื่องบินลำใหญ่ใจกลางช่างชุ่ย ที่ใครเห็นเป็นสะดุดตาแน่นอน ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศของช่างชุ่ยที่สวยงามไม่แพ้กันเลย

  • ที่ตั้ง: 462 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10700
  • พิกัด: ช่างชุ่ย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 515, 539
  • เปิด-ปิด: โซน Creative​ Park ​เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 23:00 น. และโซน Plane Night Market เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 16:00 – 23:00 น.

20. ตลาดน้อย

อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่อยากแนะนำ คือ ตลาดน้อย ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 22 ซึ่งเป็นย่านเก่าของชาวจีน ทำให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย – จีน จึงเห็นภาพบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟสไตล์จีนเก่าอยู่มากมาย อีกทั้งมีสตรีตอาร์ตที่บอกเล่าชีวิตของคนในชุมชนนี้ ให้นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้ายันเย็น 

  • ที่ตั้ง: ถนนเจริญกรุง แขวงสุริยวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: ตลาดน้อย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 1, 35, 36, 75, 93
  • เปิด-ปิด: –
เยาวราช

21. เยาวราช

เยาวราช แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดฮิตที่จะเห็นคนเช็คอินในโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยป้ายไฟสีแดงจากร้านทองที่เนืองแน่น ยิ่งในช่วงกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและสตรีตฟู้ด ถือเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปและสายกิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมในโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ

  • ที่ตั้ง: ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10100
  • พิกัด: เยาวราช
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานีรถไฟหัวลำโพง

22. สถานีรถไฟหัวลำโพง

สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5 โดยตัวอาคารก่อสร้างเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะเรอเนซองส์ ทำให้มีความโดดเด่นราวกับสถาปัตยกรรมในยุโรป เพียงหาเวลาเหมาะ ๆ มาเดินชิล นั่งเล่น หรือถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งในและนอกสถานีก็ได้ทั้งหมด

  • ที่ตั้ง: ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สถานีรถไฟหัวลำโพง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด:

23. ท่าช้าง

มาถึงจุดเช็คอินในกรุงเทพที่สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ ท่าช้าง ซึ่งในย่านนี้ได้มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทำให้มีสีสันมากขึ้น แถมโปร่งโล่ง ดูสะอาดตาอีกด้วย โดยไฮไลต์ของที่นี่ คือ ตึกแถวแห่งท่าช้างสไตล์นีโอคลาสสิก ที่ได้รับการฟื้นฟูจนสวยงามและมีสีเหลืองสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปชิคๆ ยิ่งในช่วงเย็นที่มีแสงพระอาทิตย์ตกดินคู่กับตึกแถวสีเหลือง จะยิ่งทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สีสวยมากทีเดียว

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่าช้าง
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 18:00 น.

แลนด์มาร์คในกรุงเทพต่างก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ลองออกไปเที่ยวแล้วค้นหาตัวเองดูว่าชอบสถานที่แบบไหน แล้วอย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว

17 ร้านเด็ดบรรทัดทอง กินหวาน ทานคาว มัดรวมที่นี่ไว้แล้ว

สำหรับสายกินแล้ว ถนนบรรทัดทองเป็นย่านที่มีร้านอาหารเด็ดเยอะมากย่านหนึ่ง อีกทั้งยังมีผู้คนพากันรีวิวจนแน่นโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นของคาว หรือของหวาน มาที่นี่รับรองว่าตอบโจทย์ เพราะเดินทางง่ายไม่ไกลจากสยามมากนัก 

MBK บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋า

ความน่าสนใจ และอีกจุดขายที่ทำให้ถนนบรรทัดทองกลายเป็นแลนด์มาร์คของใครหลายคนคือ ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต หากคุณชอปปิงจนของล้นมือ และต้องการหาสถานที่ฝากของ MBK ก็มี Airportels ให้ไป

ใช้บริการฝากของกันได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะที่นี่นั้นรับฝากของฟรี 2 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว หรือเหมาทั้งวัน 100บาท/ใบ เท่านั้น เดินกินจนอิ่มค่อยมารับสัมภาระกับ Airportels

อี้จาสุกี้หม่าล่า

1. อี้จาสุกี้หม่าล่า

ถูกใจคนชอบกินอะไรแซ่บๆ กับร้านหม่าล่าสายพาน ที่เริ่มต้นเพียงไม้ละ 5 บาท เท่านั้น จุดเด่นของร้านนี้คือเป็นหม่าล่าต้นตำรับจากเสฉวน เผ็ดชาที่ถูกต้อง อร่อยกลมกล่อมด้วยน้ำซุปหลากหลายสูตรให้คุณเลือกทานกันได้ตามความชอบ มีหมดทั้งน้ำซุปหม่าล่าเผ็ดชา, น้ำซุปกระดูกหมู, น้ำซุปมะเขือเทศ หรือจะเป็นน้ำซุปเห็ดหอมที่จะได้กลิ่นอ่อนๆ ของเห็ดหลากหลายชนิด

เหตุผลที่ทำให้ร้านอี้จาสุกี้หม่าล่าติดอันดับร้านเด็ดประจำย่านบรรทัดทอง เพราะที่นี่มีเมนูที่ไม่ควรพลาด และทำให้หลายคนที่ชื่นชอบหม่าล่าต้องกลับมาใช้ซ้ำกันอีกอย่างต่อเนื่อง อย่างตัวน้ำซุปกระดูกหมูที่มีรสชาติหวานมัน กลมกล่อมรู้สึกถึงความเป็นครีมมี่นุ่มละมุนลิ้น น้ำซุปหม่าล่าเผ็ดชา ที่สมชื่อรสชาติน้ำซุป เพราะเพียงแค่ได้ซดเข้าปากไปเป็นเพียงน้อยก็ทำให้รู้สึกชาลิ้น และยังให้รสชาติเผ็ดที่ค่อนไปทางเค็มด้วยเล็กน้อย และที่พลาดไม่ได้คือ ฟองเต้าหู้ทอด ที่ราคาน่ารัก รสชาติดี เคี้ยวกรุบกรอบ

ร้านเจ๊โอว

2. ร้านเจ๊โอว

ตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดก็มีคนมารอต่อคิวกันจนแน่นกับร้านเจ๊โอว ที่จะเรียกว่าอร่อยระดับสากลก็คงไม่ผิด เพราะได้รับเลือกเป็นหนึ่งในร้านมิชลินไกด์ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าความอร่อยที่จะได้รับจากร้านนี้คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน ยิ่งถ้าคุณเป็นคนนอนดึก และอยากหาอะไรตอนกลางดึกอย่างข้าวต้ม หรือมาม่า ต้องร้านนี้เท่านั้น 

เมนูขึ้นชื่อที่ไปถึงต้องสั่งให้ได้สำหรับร้านเจ๊โอวคือ มาม่าโอ้โหววว แค่ชื่อก็อร่อยจนต้องร้องตะโกน เผ็ด หวาน มัน เค็ม กลมกล่อมทุกรสชาติเป็นเมนูที่คนบอกต่อมากที่สุด โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกทานแบบหมูสับล้วน หรือแบบมีทะเลผสม ราคาเข้าถึงได้ ไม่แพงเริ่มต้นเพียง 250 บาทเท่านั้น แต่ข้อควรรู้ในการทาเมนูนี้คือ จะขายหลัง 5 ทุ่มเท่านั้น ควรไปถึงร้านเพื่อเตรียมตัวสั่งกันตั้งแต่ 4 ทุ่ม 

ร้านเจ๊เกียง

3. ร้านเจ๊เกียง

ถ้าคุณชอบร้านอาหารสไตล์จีน ตักใส่จานมาแบบไม่เกรงใจใคร ในราคาย่อมเยา คุณจะต้องหลงรักในร้านของเจ๊เกียงแน่นอน เพราะที่นี่มีสไตล์การตกแต่งร้านที่ชัดเจน ภายในร้านตกแต่งสไตล์จีนแบบจัดเต็ม และเมนูขึ้นชื่อมากมายให้คนที่อยากสั่งอาหารจานเดียว แต่ก็กินได้อิ่มแบบไม่ต้องเบิ้ล

เมนูที่ไม่ว่าใครมา ก็ต้องขอลองกันสักครั้ง ได้แก่ เป็ดพะโล้ที่จัดเป็ดทั้งตัวมาเสิร์ฟให้กับคุณ เนื้อสัมผัสของเป็ดนุ่มละมุนลิ้น ถึงเครื่องแกงพะโล้จะไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็ทำแต้มกับเนื้อเป็ดได้เป็นอย่างดี จานนี้เพียงราคา 200 บาท หรือจะเป็นกุ้ยช่ายข้าวผัดหมูกรอบที่ได้เยอะจนล้นจาน รสชาติเค็มนำตามด้วยเนื้อหมูกรอบๆ ยิ่งได้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ นี่เป็นเหมือนสวรรค์ของคนรักหมูกรอบก็ไม่ผิด 

เสน่ห์ ลาบก้อย

4. เสน่ห์ ลาบก้อย

เสน่ห์อาหารอีสานที่พร้อมจะมัดใจทุกคนไปกับเมนูสุดคลาสสิกที่กินเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อกับร้าน เสน่ห์ ลาบก้อย ใครที่เดินเตร็ดเตร่ไปมา อยากทานของแซ่บอาหารรสนัว ต้องลองโดนมนต์เสน่ห์ ลาบก้อยกันสักครั้ง ที่นี่อาจจะไม่ได้มีการตกแต่งเวอร์วัง เหมือนร้านอาหารทั่วไป แต่รสชาติอาหารใครมาก็ต้องยกนิ้วให้ 

เมนูต้องสั่ง มาแล้วต้องลองคือ คอหมูย่าง ที่หากได้ลองเอาเข้าปากความฉ่ำของคอหมูย่างที่กระตุ้นต่อมน้ำลายได้เป็นอย่างดี ยิ่งเคี้ยว ยิ่งนุ่ม ทานจานแรกหมด แทบจะอดสั่งจานสองต่อไม่ได้ และอีกเมนูที่พลาดแล้วจะต้องเสียใจคือ เสือร้องไห้ ความนุ่มพอดี ไม่เหนียว ไม่แห้ง ทุกครั้งที่ได้เคี้ยวเสือร้องไห้ไว้ในปาก คุณแทบจะร้องไห้ตาม เพราะกลิ่นหอม และรสชาติที่อบอวลในปากเข้าที่เข้าทางถูกปรุงมาได้แบบไร้ที่ติ ทำให้นี่เป็นอีกร้านเด็ดบรรทัดทองไปโดยปริยาย 

สมบูรณ์โภชนา

5. สมบูรณ์โภชนา

ใครที่กำลังท้องร้อง และอยากรับประทานปูผัดผงกะหรี่ ร้านอาหารอย่าง สมบูรณ์โภชนา จะต้องเด้งเข้ามาเป็นไอเดียแรกๆ แน่นอน เพราะที่นี่เป็นต้นตำรับปูผัดผงกะหรี่ก็คงจะไม่ผิด ด้วยอายุร้านที่อยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ พ.ศ. 2512 และแนวทางในการนำเสนอเมนูอาหารที่มีการผสมผสานระหว่างไทย และจีน ทำให้ที่นี่เป็นร้านที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน พร้อมกับเมนูที่หลากหลาย อร่อยกลมกล่อมรสชาติเยี่ยม โดยเฉพาะปูผัดผงกะหรี่ที่ใครมาเยียนที่นี่ก็ต้องสั่งกันทุกครั้งไป 

ตุ้งแฉ่เตาถ่าน

6. ตุ้งแฉ่เตาถ่าน

หนึ่งในร้านอาหารที่เก่าแก่ และกำลังมีอายุเหยียบปีที่ 60 ของย่านบรรทัดทองคือร้านตุ้งแฉ่เตาถ่าน ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของร้านสไตล์วินเทจไว้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ร้านเปิดขายไว้ได้จนกลายเป็นจุดขาย สีภายนอกของร้านเป็นสีเขียว สไตล์การตกแต่งแนวจีนโบราณ ทำให้รู้สึกขลัง และเหมือนโดนต้องมนตร์ชวนให้ต้องเข้าไปลองรับประทานอาหารกันสักมื้อจากที่นี่ 

เมนูยอดฮิตที่ได้รับกระแสอย่างล้นหลาม ต้องเป็น เหลาะหนี ที่จุดขายของเมนูนี้คือรสชาติ และกลิ่นหอมของเตาถ่านที่ช่วยสร้างบรรยากาศในการรับประทานได้แบบหลายเท่าตัว และที่สำคัญที่นี่ จะไม่ใส่ผงชูรส ทำให้มั่นใจได้ว่าทานเยอะเท่าไหร่ ก็ปลอดภัยต่อสุขภาพ อร่อยจริงด้วยวิธีการ และการปรุงอาหารแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ 

ร้านคุณนายทะเลดอง บุฟเฟ่ต์พรีเมียม (สาขาบรรทัดทอง)

7. ร้านคุณนายทะเลดอง บุฟเฟ่ต์พรีเมียม (สาขาบรรทัดทอง)

คนรักอาหารทะเล หรือเมนูทะเลดองถูกใจ แชร์คอนเทนต์ร้านนี้จนกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างล้นหลาม เนื่องจากที่นี่มีจุดขายชัดเจนคือ อาหารทะเลดองที่รวบรวมไว้ทุกอย่างในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยความชอบในการรับประทานอาหารดองของเจ้าของร้าน และอยากเปิดร้านอาหารทะเลดองเป็นของตัวเอง ทำให้มีเครือข่ายกับชาวประมงโดยตรง มั่นใจเรื่องความสดใหม่ ไม่ใช้สารเคมีได้เลย 

เมนูยั่วใจที่ใครก็ห้ามใจไม่อยู่คือ กุ้งมังกร ที่มีพร้อมเสิร์ฟทั้งแบบซาชิมิสดหวาน และแบบเบิร์นไฟ ที่แค่เห็นขนาดไซซ์ ก็แอบรู้สึกคุ้มตั้งแต่ยังไม่ได้ทาน หรือจะเป็นอาหารทะเลอื่นๆ ก็มีให้ทานเช่นเดียวกันแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้ง ปลาหมึก, แซลมอน, ปูไข่นึ่ง, กั้งดอง หรือปูทะเลดองก็มีที่ร้านคุณนายทะเลดอง บุฟเฟ่ต์พรีเมียม (สาขาบรรทัดทอง)

ดง หมู กรอบ 

8. ดง หมู กรอบ 

ไม่มีใครปฏิเสธความกรุบกรอบ หอม อร่อยกลมกล่อมของหมูกรอบไปได้ แค่พูดชื่อก็ทำให้หลายคนได้กลิ่นหอม และกลืนน้ำลายกันแบบรัว ๆ แต่ถ้าจะถามว่าหมูกรอบในย่านบรรทัดทองที่ไม่ควรพลาดคือเจ้าไหน ก็ต้องขอตอบดง หมู กรอบ ถึงภายนอกร้านจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ด้านเมนูที่พร้อมให้บริการรับรองได้ว่าถูกใจคนรักหมูกรอบร้อยเปอร์เซ็นต์ 

เมนูของทางร้านครอบคลุมทุกเมนูหมูกรอบ ไม่ว่าจะเป็น กะเพราหมูกรอบ, ข้าวผัดหมูกรอบ, ยำหมูกรอบ หรือหมูกรอบคั่วพริกเกลือ ที่แต่ละเมนูนำเสนอความฉ่ำ กลิ่นหอมชวนรับประทานได้ไร้ที่ติ ยิ่งด้านความหนานุ่มของหมูกรอบก็ทำออกมาได้โดนใจประชากรคนรักหมูกรอบได้แบบสุด ๆ 

Fishmonger

9. Fishmonger

ร้านเด็ดย่านบรรทัดทองที่เพิ่งได้รับรางวัล LINE MAN Wongnai Users choice 2023 และรางวัลสุดยอดร้านอาหารของคนไทยเพื่อคนไทยตลอด 10 ปีไป นั้นคือร้าน Fishmonger ที่มีเมนูเลื่องชื่ออย่าง ฟิชแอนด์ชิป ที่ไม่ว่าใครได้ชิม ต่างก็ต้องยกนิ้ว และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย และให้เป็นเมนูในดวงใจประจำร้านนี้ไปตามๆ กัน 

ทางร้านมีเมนูไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ครอบคลุมความต้องการเมนูคนรักปลาได้ดี เพราะที่นี่มีเมนูปลาพร้อมเสิร์ฟมากมายทั้ง เบอร์เกอร์ปลา, ฟิชแอนด์ชิปส์ รวมถึงสลัดปลาย่าง พร้อมกับ Snacks อื่น ๆ ให้เลือกรับประทานกันอีกมากมาย

โจ๊กสามย่าน

10. โจ๊กสามย่าน

อร่อยจริง การันตีด้วยอายุที่อยู่มายาวนานมากกว่า 70 ปี และยอดขายมากกว่าพันชามกับร้านโจ๊กสามย่าน จุดขายของทางร้านที่มัดใจทุกคนที่ได้ทานครั้งแรก และจะต้องกลับมาเป็นลูกค้าประจำคือ การนำหมูไปต้มกับโจ๊ก ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้นั้นมีความนุ่มเด้ง และฉ่ำสะใจทุกคนที่ได้ลองชิม 

ด้านตัวโจ๊กของทางร้านไม่เหลวเกิน และมีกลิ่นหอมของข้าว สะอาด เนื้อหมูที่ให้มาก็ใหญ่ แค่เมนูเดียวก็การันตีว่าอิ่มแน่ ใครชอบเครื่องในยิ่งแล้วใหญ่ เพราะที่นี่มีเทคนิคพิเศษในการเสิร์ฟเครื่องในที่ไม่มีกลิ่นคาว อร่อยเนื้อแน่นอิ่มชัวร์ต้องโจ๊กสามย่าน

แหลกไม่แหลก

11. แหลกไม่แหลก

อยากทานอะไรนัว ๆ เมนูตำ ขอแนะนำอีกหนึ่งร้านขึ้นชื่อแถวบรรทัดทองอย่าง แหลกไม่แหลก มีครบให้คุณได้อิ่มจุใจไปกับเมนูตำที่หลากหลาย ทั้งตำไทย, ตำปูไข่ดอง, ตำลาว และตำอีกมากมายที่รอพร้อมเสิร์ฟ ที่สำคัญเลยก็คือราคาที่ไม่แพงเลย เพราะช่วงราคาของร้านแหลกไม่แหลกอยู่ราว ๆ 80-250 บาทเท่านั้นเอง ด้านความสะดวกสบายในการเดินทาง ก็หายห่วง เพราะคุณสามารถที่จะจอดรถฟรี 1 ชั่วโมง โล่งใจนั่งนานได้ไม่ต้องจ่ายค่าจอดรถเพิ่ม 

มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำ 

12. มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำ 

มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำไม่ใช่ร้านสะเต๊ะธรรมดา เพราะที่นี่เปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 55 ปี และเนื้อหมูที่ทางร้านใช้ทำหมูสะเต๊ะก็เป็นถึงเนื้อที่ผ่านการคัดเลือกจาก “เบทาโกร” ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการเลี้ยงดู ให้คุณหายห่วงเรื่องของเนื้อหมูที่ไม่ได้คุณภาพ หรือมีสารเคมีเจือปน อีกจุดเด่นที่ต้องพูดถึงคือน้ำจิ้มที่ทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง ทำให้ได้รสชาติหวาน เค็ม กลมกล่อมแบบกำลังดี อยากลองเนื้อสะเต๊ะอร่อย ปลอดภัย ราคาดีที่เริ่มต้นเพียงไม้ละ 10 บาท มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำที่นี่ที่เดียว พลาดไม่ได้ 

เต้าฮวยเจ๊หน่อย

13. เต้าฮวยเจ๊หน่อย

เกินครึ่งทางกันไปแล้วสำหรับรายชื่อร้านเด็ดบรรทัดทอง สำหรับร้านนี้เป็นร้านของหวานชื่อดังที่มีอายุอยู่ในย่านแห่งนี้มามากกว่า 20 ปี ภายในร้านมีของหวานมากมาย ตั้งแต่เฉาก๊วย, เต้าฮวย, บัวลอยใส่ไส้ครบทั้งแบบร้อน และแบบเย็น ให้คุณได้เลือกแบบเต็มที่ ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ที่อยากลองประเดิมกับร้านนี้ แนะนำว่าถ้าไปเป็นกลุ่ม รวบรวมเมนูแล้วส่งให้ทางร้านทีเดียว เพราะคิวร้านนี้แน่นตลอด ไม่มีแผ่ว 

เล็กใหญ่ นมสด

14. เล็กใหญ่ นมสด

ต่อเนื่องกับหมวดของหวานที่ไม่ได้มีดีแค่ของหวาน และเครื่องดื่มภายในร้านเพียงเท่านั้น เพราะที่ร้านเล็กใหญ่ นมสดแห่งนี้มีวงดนตรีสดที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงระหว่างรับประทานของหวานกันด้วย ด้านเมนูของที่นี่ก็มีดีไม่แพ้กัน เพราะทุกเมนูของที่นี่จะพาคุณย้อนวันวานไปในสมัยเรียน ด้วยเมนูเครื่องดื่มชงปั่น, ขนมปังปิ้ง หรือปังเย็นหน้านิ่ม ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ ได้เติมน้ำตาล และของหวานเย็น ๆ เข้าร่างกาย รับรองว่าฟินแน่นอน 

ถ้วยถังไอติม

15. ถ้วยถังไอติม

ถ้าพูดถึงของหวานสุดคลาสสิกเป็นไปไม่ได้ที่จะขาดของหวานขึ้นชื่ออย่าง ไอติมถัง ใครที่คิดว่าหาทานยาก อยากแนะนำให้ลองไปที่ร้านถ้วยถังไอติม ที่มีเมนูประยุกต์ และสร้างสรรค์มากมาย ทั้งเกาลัด, ถั่วตัด, น้ำเต้าหู้งาดำ, นมชมพูถั่วแดง, ไมโลโรงเรียน หรือชานมไต้หวันก็มีหมดในที่เดียว สไตล์การตกแต่งร้านเองก็น่ารักแบบคาเฟ่ให้คุณได้หามุมถ่ายรูปเช็กอินกันได้อีกด้วย

ร้านน้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ

16. ร้านน้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ 

ร้านน้ำเต้าหู้ที่เคยเป็นกระแสทั่วโลกออนไลน์ เพราะมีนักร้องขวัญใจคนทั่วทั้งโลกอย่างลิซ่าได้แวะไปชิม ทำให้ผู้คนสนใจ และแห่ไปลองชิมตามกัน นอกจากรสชาติจะดีเยี่ยมแล้ว เครื่องใส่ให้แบบจัดหนักล้นถ้วยกันเลยทีเดียว ราคาประหยัด ได้อิ่มจนเกินคุ้ม ใครคอของหวานต้องตามไปตำด่วน เมนูขึ้นชื่อที่ทุกคนลงความเห็นว่าดีจริงต้องลองได้แก่ เฉาก๊วยนมสดภูเขาไฟ, บัวลอยน้ำขิง และเฉาก๊วยนมสดที่เนื้อเฉาก๋วยเด้งดึ้ง เคี้ยวมันปากสุด ๆ 

Black Sesame House by SWC

17. Black Sesame House by SWC  

ปิดท้ายไปกับร้านของหวานเลื่องชื่อของเด็กสยามคือ Black Sesame House by SWC ที่ของดีของเด็ดจากทางร้านคือ บัวลอยงาดำลาวา ที่เรียกลาวาก็สมชื่อ เพราะงาดำข้างในแน่นจนไหลเยิ้มออกมาทันทีที่ได้เคี้ยว ที่สำคัญมีพร้อมเสิร์ฟให้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะชอบแบบร้อน หรือรักแบบเย็น ที่ Black Sesame House by SWC ตอบโจทย์สำหรับคอบัวลอย

สรุป

ใครเป็นนักชิม หรือสายกินจะพลาดย่านบรรทัดทองนี้ไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ของคาวเท่านั้น จากเนื้อหาข้างต้นที่รวบรวม 17 ร้านเด็ดบรรทัดทอง จะเห็นได้ว่ามีหมดครบทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะของคาว หรือของหวาน เดินชิมแวะทานได้ตั้งแต่หัววันยันเที่ยงคืน ใครอยากจัดทริปเที่ยวกิน ไม่ต้องไปไกล แวะไปที่ย่านบรรทัดทองที่เดียวอิ่มจนจุก

แนะนำ 17 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินในกรุงเทพฯ อัปเดตปี 2023

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินมีที่ไหนบ้าง? หลายๆ คนคงมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินเพื่อความสะดวกในการต่อเครื่อง หรืออยากหาที่ผ่อนคลายความเมื่อยหลังจากนั่งเครื่องเป็นระยะเวลานาน ในประเทศไทยมีสนามบินหลักๆ ทั้งหมด 2 สนามบินด้วยกัน คือ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งในบทความนี้ทาง AIRPORTELs ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองให้ทุกคนได้เลือกแวะพักผ่อนกันได้ตามความชอบ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยสนามบินแห่งนี้ถือเป็นสนามบินหลักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเครื่องบินของสายการบินต่างๆ มากมายจากทั่วโลก และยังมีอาคารผู้โดยสารเดี่ยวขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย ทำให้พื้นที่โดยรอบสนามบินกลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่รวมสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ช็อปปิง ให้ทุกๆ คนได้เพลิดเพลินตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทั้งคาเฟ่ ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก จนถึงสวนสาธารณะ 

1. 82 Concept

สายคาเฟ่ห้ามพลาด! กับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้อย่าง ‘82 Concept’ คาเฟ่สายมินิมอล ที่ให้คุณได้ถ่ายรูปสวยๆ มองเห็นเครื่องบินขับผ่านไป พร้อมลองชิมขนม และอาหารไทยไปพร้อมๆ กัน เรียกได้ว่ามีทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มครบจบในที่เดียว

  • ที่อยู่ : เลขที่ 30 หมู่ 6 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
  • พิกัด : 82 Concept Cafe & Eatery
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30 – 22.00 น.
  • Facebook : 82 Concept

2. เซ็นทรัล วิลเลจ

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิที่ถือว่าเป็นจุดช็อปปิงแห่งใหม่ที่พลาดไม่ได้เลย คือ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ที่เป็น First Luxury Outlet เอาท์เล็ตชั้นนำแห่งแรกของไทยที่รวบรวมแบรนด์เนมไว้มากกว่า 300 แบรนด์ ให้คุณได้เลือกช็อปปิงตามอัธยาศัย พร้อมรวมร้านอาหารชื่อดังไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 98/1 ถนน สุวรรณภูมิ 3 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 
  • พิกัด : Central Village
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น.
  • Facebook : Central Village 

3.ตลาดเก่าหัวตะเข้

เปลี่ยนบรรยากาศตัวเมือง มาเป็นบรรยากาศสบายๆ พร้อมชมความสวยงามของริมคลองเก่าแก่ และเดินช็อปปิงกับของดีราคาถูกกันที่ ‘ตลาดเก่าหัวตะเข้’ ตลาดแห่งนี้คงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ ให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดคลาสสิคที่น่าค้นหา พร้อมถ่ายรูปสตรีตอาร์ตสวยๆ ตามกำแพงได้ตามความต้องการ

  • ที่อยู่ : ซอย ลาดกระบัง 17 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : ตลาดเก่าหัวตะเข้
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00 – 17.00 น.
  • เว็บไซต์ : –

4 ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง

ห่างออกไปจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียงเล็กน้อย ก็สามารถศึกษาธรรมชาติกับ ‘ศูนย์การเรียนรู้ป่าในกรุง’ ได้ สถานที่ที่พร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้พันธุ์ไม้นานาชนิด พร้อมกับศึกษาวิธีการดูแลรักษาระบบนิเวศ ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ เรียนรู้และเห็นสำคัญของการมีที่ดินผืนป่า ตลอดจนศึกษาวิธีการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้คงสืบไป

5. สถานตากอากาศบางปู

ใครที่อยากชมธรรมชาติ วิวทะเลสวยๆ ชมฝูงนกนางนวล ให้อาหารนก ถ่ายรูปวิวธรรมชาติติดทะเล พร้อมแวะทานอาหารทะเลแสนอร่อย ต้องมาที่ ‘สถานตากอากาศบางปู’ จังหวัดสมุทรปราการ 

6. สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต

สายรักสุขภาพต้องมาที่นี่เลย ‘สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต’ ซึ่งสนามปั่นจักรยานแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มีจุดมุ่งหมายให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

7. สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสนามบินสุวรรณภูมิที่ขาช็อปห้ามพลาดกับ ‘สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต’ ที่รวมแบรนด์ชั้นนำให้ได้เดินช็อปปิงตามความต้องการ ซึ่งเอาท์เล็ตแห่งนี้ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 15 นาที ให้คุณได้เลือกซื้อสินค้าทั้งนาฬิกา เสื้อผ้า กระเป๋า หรือมาแวะทานอาหาร พร้อมซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับไปที่สนามบิน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 989 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
  • พิกัด : Siam Premium Outlets Bangkok
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10.00-22.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.siampremiumoutlets.com

8. สวนหลวง ร.9

‘สวนหลวง ร.9’ เป็นสวนพฤกศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยสวนสาธารณะแห่งนี้มีพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้หลากหลาย อีกทั้งเป็นสถานที่สำหรับออกกำลังกายของประชาชนทั่วไปอีกด้วย

  • ที่อยู่ : ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 เเขวงหนองบอน เขตประเวศ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : สวนหลวงร.9
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05.00-19.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.suanluangrama9.or.th

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมือง

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองมีที่ไหนบ้าง? สนามบินดอนเมืองตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยสนามบินดอนเมืองแห่งนี้ถือเป็นสนามบินนานาชาติลำดับที่ 2 ของไทย รองจากสนามบินสุวรรณภูมิ มีเครื่องบินของสายการบินต่างๆ มากมายหลายร้อยลำ รวมอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ทำให้พื้นที่รอบๆ ถนนวิภาวดีมีความเจริญรุ่งเรื่องทางด้านเศรษฐกิจ และการคมนาคม ซึ่งสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองที่แนะนำ มีดังนี้ 

1. Sero Specialty Coffee

คาเฟ่ย่านดอนเมือง-สรงประภา ที่สายคาเฟ่ต้องมาลองกับ ‘Sero Specialty Coffee’ คาเฟ่ที่ตกแต่งแบบคุมโทนขาว-ดำ-เทา-ครีม ผสมผสานกันอย่างลงตัว คาเฟ่แนวมินิมอลแห่งนี้มีจุดถ่ายรูปสวยๆ พร้อมที่นั่งทรงเก๋ๆ ให้ทุกคนได้ถ่ายรูป และใช้เวลาผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อมของคาเฟ่แห่งนี้

  • ที่อยู่ : เลขที่ 310-341 ซ. สรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • พิกัด : Sero Specialty Coffee
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 09.00-17.00น. (หยุดทุกวันพุธ)
  • Facebook :  Sero Specialty Coffee

2. กระท่อมลุงจรณ์

สำหรับใครที่ชอบต้นไม้ โดยเฉพาะต้นกระบองเพชร ต้องอย่าลืมแวะมาที่ ‘กระท่อมลุงจรณ์’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินดอนเมือง ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินประมาณ 30 นาที กระท่อมลุงจรณ์เป็นสวนกระบองเพชรขนาดใหญ่ที่มีกระบองเพชรหลายสายพันธุ์ หลายขนาดให้เลือกซื้อกลับไปตามความสะดวก โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบ หลักร้อย จนถึงหลักหมื่น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 81/6 หมู่ 2 วัดสิงห์ ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 
  • พิกัด : กระท่อมลุงจรณ์ Uncle Chorn’s Cabin
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 09.00-17.00น. (หยุดทุกวันพุธ) 
  • เว็บไซต์ : www.uncle-chorn.com

3. ช่างชุ่ย 

‘ช่างชุ่ย’ เป็นแหล่งรวมงานศิลปะและความเก๋ ความเท่ เหมาะกับสายกิน เที่ยว และช็อปปิงเป็นอย่างดี สำหรับสายถ่ายรูปแนะนำให้แวะไปช่างชุ่ยในช่วงเช้า-บ่าย ส่วนสายที่ชอบเดินเล่น ช็อปปิงนั้น ขอแนะนำให้แวะมาช่างชุ่ยในช่วงเย็น เพราะในช่วงตอนเย็นพ่อค้าแม่ค้าจะเริ่มนำสินค้ามาขายในราคาพิเศษ ให้คุณได้เดินซื้อของตามอัธยาศัย พร้อมบรรยากาศเมืองไทยสมัยก่อน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 460/8 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : Chang Chui
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00น. 
  • เว็บไซต์ : www.changchuibangkok.com
  • Facebook : ช่างชุ่ย ChangChui

4. ดรีมเวิลด์

แวะเที่ยวเล่นกับสวนสนุกชื่อดังของไทยอย่าง ‘ดรีมเวิลด์’ สวนสนุกที่จะพาทุกคนไปย้อนเวลาสู่วัยเด็กที่แสนสนุก ให้คุณได้เพลิดเพลินกับเครื่องเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหนูลมกรด เฮอริเคน สกายโคสเตอร์ ฯลฯ พร้อมแวะถ่ายรูปในโซนโฟโตเปีย ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปแนวแฟนตาซีที่มีทั้งบ้านฮอบบิท ปราสาทอัศวิน และสัตว์ในโลกแห่งเทพนิยายอีกมากมาย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 62 หมู่ที่ 1 ถนน รังสิต – องครักษ์ ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
  • พิกัด : ดรีมเวิลด์
  • เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-17.00น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.dreamworld.co.th

5. ตลาดนัดจตุจักร

‘ตลาดนัดจตุจักร’ เป็นสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินดอนเมืองยอดนิยมที่ใครๆ ก็ห้ามพลาด ตลาดนัดจตุจักรถือเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ เพราะมีพื้นที่มากกว่า 80 ไร่ มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 8,000 ร้านค้าด้วยกัน ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ของกิน สัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เรียกได้ว่ามาที่ตลาดนัดจตุจักรก็สามารถซื้อของได้แบบครบครัน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 587, 10 ถ. กำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • พิกัด : ตลาดนัดจตุจักร
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 07.00-18.00 น. วันศุกร์ เวลา 18.00-24.00น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร)
  • เว็บไซต์ : www.chatuchakmarket.org

6. ตลาดน้ำตลิ่งชัน

จะหาขนม ของกิน ของฝาก หรือเครื่องดื่มก็มาที่นี่ที่เดียวได้เลย ‘ตลาดน้ำตลิ่งชัน’ เป็นศูนย์รวมของดีของถูก ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ผักสด ของคาว ของหวานก็สามารถหาซื้อได้ทั้งหมด โดยตลาดน้ำแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องของกิน ทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าว จนถึงขนมไทยก็มีให้เดินเลือกซื้อกัน

7. พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

ใครที่ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง ตื่นเต้นกับเครื่องบินต้องมาแวะที่นี่ ‘พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ’ ได้รวมเครื่องบินมากกว่า 90 ลำ ให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับเครื่องบินของจริง พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกิจการการบินในประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงปัจจุบัน

8. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA)

แวะมาชมผลงานศิลปะของไทย กับ ‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA)’ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินดอนเมือง ที่รวบรวมผลงานศิลปะหลายแบบทั้งภาพวาด ประติมากรรม จิตรกรรมต่างๆ ที่สื่อถึงความละเอียดประณีตของศิลปวัฒนธรรมไทยได้อย่างชัดเจน

  • ที่อยู่ : ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 
  • พิกัด : พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00น. (หยุดทุกวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ : www.mocabangkok.com

9. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

อยากแวะพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวต้องมาที่ ‘สวนวชิรเบญจทัศ’ หรือ ‘สวนรถไฟ’ เป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่ด้วยพื้นที่กว่า 370 ไร่ มีกิจกรรมหลากหลายทั้งปั่นจักรยาน เดิน วิ่ง เต้นแอโรบิค หรืออยากมานั่งปิกนิกชมวิวทิวทัศน์ก็สามารถแวะมาที่นี่ได้เลย

สรุป

สนามบินระดับนานาชาติของประเทศไทยในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 สนามบินด้วยกัน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งบริเวณรอบๆ สนามบินเหล่านี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว จนถึงแหล่งช็อปปิงให้นักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางได้เลือกใช้บริการตามความต้องการ และสำหรับใครที่จะต้องบินต่อ หรือมาถึงสนามบินแล้วอยากแวะเที่ยวรอบๆ สนามบินก่อน สามารถฝากสัมภาระกับทาง AIRPORTELs ได้ตามจุดบริการของแต่ละสนามบิน แล้วออกไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินที่ได้รวบรวมไว้ให้ได้เลย

AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

อโศก-สุขุมวิท เป็นแหล่งท่องเที่ยวและช็อปปิงที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังให้เลือกสรรมากมาย โดยสินค้าเฉพาะแบรนด์เนม รวมถึง Food Court ที่ขึ้นชื่อในเรื่องราคาถูก เป็นที่สนใจของทั้งคนไทยและต่างชาติมากเลยทีเดียว ซึ่งใครที่กำลังมาในย่านนี้และกำลังมองหาที่ฝากกระเป๋าอโศกหรือที่ฝากสัมภาระอโศก เพื่อฝากกระเป๋าหรือสัมภาระระหว่างชอปปิง ไม่ว่าจะฝากสินค้าที่ซื้อมาหรือสัมภาระที่ติดตัวมาด้วย ก็สบายใจได้ ฝากกระเป๋าปลอดภัย ไม่หาย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ด้วยบริการฝากกระเป๋า Terminal 21 จาก AIRPORTELs 

เวลาเปิดทำการ: 10:00 – 22:00 น.

เบอร์ติดต่อ:  02-026-6927

Bts sky train

วิธีการเดินทางไป AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

– ด้วยรถไฟฟ้า BTS: เลือกเส้นทางสายสุขุมวิท ลงสถานีอโศก ทางออกที่ 1 แล้วไปที่ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกลานจอดรถ
– ด้วยรถไฟฟ้า MRT: เลือกเส้นทางสายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) ลงสถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 3 แล้วไปที่ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกลานจอดรถ
– ด้วยรถส่วนตัว: เดินทางมายังเส้นถนนสุขุมวิทหรือถนนรัชดาภิเษกมายังจุดหมายแยกอโศก
– ด้วยรถสาธารณะ:   รสบัสประจำทาง สาย 136,สาย  185, สาย 2, สาย 25,สาย 38, สาย 40 (ปอ.) และ สาย 511 (ปอ.) 

Airportels services

ขั้นตอนการฝากกระเป๋าอโศก

การฝากกระเป๋าอโศกที่ AIRPORTELs สาขา Terminal 21 ไม่ยุ่งยาก มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น ก็ไปเที่ยวต่อหรือชอปปิงในย่านนี้ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล สามารถจองได้ 2 วิธีด้วยกัน

วิธีที่ 1 จองผ่านช่องทางออนไลน์

  • จองฝากกระเป๋าได้ที่เว็บไซต์ AIRPOTELs ที่นี่ 
  • เลือกจุกฝากสัมภาระและวันที่ต้องการ
  • ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยัน
  • ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต

วิธีที่ 2 Walk-in ฝากกระเป๋า Terminal 21

  • ไปที่ AIRPOTELs สาขา Terminal 21 ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกไปอาคารจอดรถ
  • ชำระเงินที่เคาน์เตอร์
Airportels Terminal21

ภาพบรรยากาศ AIRPORTELs Sukhumvit Terminal 21

ฝากกระเป๋า Terminal 21 เดินมาที่ชั้น 1 โซนโตเกียว บริเวณทางออกไปยังลานจอดรถ แล้วมองหา AIRPORTELs บริเวณที่มีสีเหลืองและเคาน์เตอร์ที่มีสีทองได้เลย 

Airportels Terminal21

บริการ ราคาและเงื่อนไข

AIRPORTELs ไม่เพียงแต่มีบริการฝากกระเป๋าเท่านั้น แต่ยังมีบริการส่งกระเป๋าหรือสัมภาระอีกด้วย โดยการให้บริการไม่จำกัดน้ำหนัก ไม่จำกัดขนาดกระเป๋า ไม่จำกัดระยะทาง คิดราคาแบบเหมา พร้อมกับมีระบบติดตามสัมภาระให้สามารถเช็กได้ว่าตอนนี้สัมภาระอยู่ที่ไหน มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ของไม่หายแน่นอน เมื่อใช้บริการกับ AIRPORTELs 

ฝากกระเป๋า

บริการฝากกระเป๋าที่อโศกหรือฝากสัมภาระที่อโศก ของ AIRPORTELs นั้นไม่เพียงแต่รับฝากกระเป๋าแต่ยังรับฝากสัมภาระของอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสินค้า เสื้อผ้าที่ช็อปปิง รวมไปถึง Laptop Notebook ด้วย โดยคิดราคาค่าบริการเป็นแบบเหมาต่อชิ้น โดยไม่จำกัดน้ำหนักและไม่จำกัดขนาดของสัมภาระ โดยราคาเริ่มต้นฝากกระเป๋าที่ Terminal 21 ราคาเหมา 1 วันอยู่ที่ 150.- ต่อกระเป๋า 1 ใบหรือสัมภาระ 1 ชิ้น 

ส่งสัมภาระ

บริการส่งสัมภาระ เป็นอีกบริการที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอปปิงเยอะหรือมีสัมภาระจำนวนหลายชิ้น ไม่สะดวกขนย้ายหรือพกพาไปด้วยตัวเอง สามารถให้ AIRPORTELs ช่วยส่งสัมภาระถึงที่พัก โรงแรมหรือที่บ้านได้เลย ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 299.- เท่านั้น ส่งได้ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด โดยการส่งสัมภาระในจังหวัดจะนัดส่งกระเป๋าที่จุด Drop off หรือให้เจ้าหน้าที่เข้ามารับถึงที่ก็ได้ ส่วนการส่งสัมภาระต่างจังหวัดสามารถส่งกระเป๋าถึงโรงแรมหรือที่บ้านได้เลย

 4 เรื่องที่ทำให้คุณต้องใช้บริการของ AIRPORTELs

มองหาที่ฝากกระเป๋า Terminal 21 หรือที่ฝากสัมภาระย่านอโศก เลือกใช้บริการกับ AIRPORTELs มั่นใจกว่า ปลอดภัย ช่วยให้ท่องเที่ยวได้สบายใจและสะดวกกว่าเดิม ไม่ต้องกังวลกับการแบกสัมภาระหรือลากกระเป๋าไปด้วย 

1. ใช้งานง่าย จองผ่านเว็บไซต์ได้

สามารถจองฝากกระเป๋าที่ Terminal 21 อโศกหรือบริการส่งสัมภาระได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ตลอด 24 ชั่วโมง ทำการจองได้จากทุกที่ทั่วโลกหรือจะเข้ามาติดต่อใช้บริการฝากกระเป๋าและบริการส่งสัมภาระที่สาขาต่างๆ ของ AIRPOTELs ก็สะดวกเช่นกัน ด้วยพื้นที่สาขาที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ สาขาสนามบินดอนเมือง สาขา MBK Center สาขา Central World และสาขา Terminal 21 อโศก

2.ประหยัดเวลาและเงิน

AIRPOTELs ช่วยให้ประหยัดเวลาและเงินได้เยอะ เมื่อเทียบกับค่าเดินทางเมื่อไปฝากและรับกระเป๋าที่โรงแรม ค่าโหลดกระเป๋า ช่วยให้หมดกังวลเรื่องสัมภาระที่ฝากกับไฟลต์บินที่กำลังจะมาถึงเพราะ AIRPOTELs สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง 

 3. รวดเร็วและสะดวก

บริการรับ-ส่งกระเป๋า สัมภาระจาก AIRPOTELs ช่วยให้ประหยัดเวลาได้เยอะมาก ด้วยบริการส่งสัมภาระถึงที่หมายภายใน 6 ชั่วโมงหรือบริการส่งสัมภาระถึงที่แบบด่วนภายใน 3 ชั่วโมง ท่องเที่ยวได้สะดวกสบายไร้กังวล

 4. ปลอดภัย ไว้ใจได้

Airportels Terminal21

ใช้บริการฝากกระเป๋าหรือส่งสัมภาระถึงที่หมายกับ AIRPOTELs มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ของไม่หายแน่นอน ด้วยบริการประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท ระบบตรวจเช็กสถานะสัมภาระ และระบบความปลอดภัยที่ช่วยดูแลสัมภาระตลอด 24 ชั่วโมง

รวม 20 ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ใครไม่ไปถือว่าพลาด

แจกพิกัด ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ที่มีดีทั้งรสชาติและบรรยากาศสุดชิค เอาใจคอกาแฟที่อยากนั่งชิลล์ ๆ ดื่มด่ำกับกาแฟและบรรยากาศส่วนตัวแบบชนิดที่ว่าคนไม่พลุกพล่าน จะมีร้านไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลยดีกว่า

1. Aoon Cafe

ใครจะรู้ว่าที่ย่านเยาวราชจะมี ร้านกาแฟลับ แบบนี้ซุกซ่อนอยู่ ที่นี่เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีโรงปั้นเซรามิกให้ได้มาเวิร์กช้อปกัน ซึ่งทางร้านก็ใช้ถ้วยเซรามิกที่ปั้นเองนี่แหละเสิร์ฟเครื่องดื่ม คุณจะได้ลิ้มลองกาแฟแบบฉบับงานคราฟท์ตั้งแต่ภาชนะและกรรมวิธีสุดละเมียดในการชงกาแฟ

ที่อยู่ : 8 Alley, Lane Pathum Khongkha, Khwaeng Samphanthawong, Khet Samphanthawong, Krung Thep Maha Nakhon 10100
พิกัด : https://goo.gl/maps/dJvWF8fir7R4tAW2A
เบอร์โทร : 089-447-7161

image by https://www.facebook.com/aoonpottery

2. Woodbrookbkk

ร้านกาแฟลับ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของตึก ติดกับถนนทรงวาด ภายในร้านมีทั้งโซน in door และระเบียงที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโรนามา ที่สำคัญมีอาหารและเครื่องดื่มหลายรสชาติให้เลือกตามใจชอบ

ที่อยู่ : 1222/1 Songwat Rd. Chakkaphat, Samphanthawong, Bangkok
พิกัด : https://goo.gl/maps/4M9AEvsTyrYgtB7y6
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.00 น. – 19.00 น.
เบอร์โทร : 064-424-2929

image by https://www.facebook.com/woodbrookbkk

3. CHATA Specialty Coffee

ร้านกาแฟ ที่ทีมุมถ่ายรูปกับกำแพงอิฐสุดฮิตแนว Contemporary Loft พร้อมมีเมนูเครื่องดื่มที่เน้นวัตถุดิบเมล็ดกาแฟชั้นดี นอกจากนั้นยังมีเมนูอาหารและเบเกอรี่หลากหลายไว้บริการอีกด้วย

ที่อยู่ : 98 พาดสาย แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100
พิกัด : https://goo.gl/maps/BUtAzepjacoosxFJ7
เวลาทำการ : ปิดวันจันทร์ 09.00 น. – 18.00 น.
เบอร์โทร : 084-625-2324

image by https://www.facebook.com/chataspecialtycoffee

4. Beaker and Bitter

ร้านกาแฟธีมห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่มีมุมถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์ประกอบฉากแบบห้องทดลองวิทยาศาสตร์ครบเซต นอกจากนั้นภายในยังมี co-working space ให้มานั่งทำงานและคุยงานกันอีกด้วย อาหารและเครื่องดื่มก็มีหลากหลายเมนู การันตีความอร่อย

ที่อยู่ : 4 ซ. สายลม 1 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
พิกัด : https://goo.gl/maps/42Rh1Va1sejyfBy78
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08.00 น. – 22.00 น.
เบอร์โทร : 082-989-6946

image by https://www.facebook.com/beakerandbitter/

5. Flints Kraft & Kafe

ร้านกาแฟสุดลับอยู่ในตรอกตึกดิน ถนนดินสอ ตกแต่งบรรยากาศแบบมินิมอล เมนูเครื่องดื่มก็มีหลากหลายทั้งเมนูกาแฟคุณภาพ และ non coffee นอกจากนั้นเขายังมีเวิร์กช็อปสอนทำเครื่องประดับสำหรับคนที่รักงานฝีมือแฮนด์เมด

ที่อยู่ : 90 ตรอกตึกดิน แขวง เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/9D1RdgqKLMGGKJjTA
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน จันทร์- ศุกร์ 8:00 น. – 17:00 น. และ เสาร์ – อาทิตย์ 9:00 น. – 18:00 น.
เบอร์โทร : 095-869-3464

image by https://www.facebook.com/flintskraftkafe/

6. Foxhole BKK

ที่นี่เป็น ร้านกาแฟ เล็ก ๆ ที่อยู่ในตรอกใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ เน้นตกแต่งร้านสไตล์เรียบ ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น แถมยังมีเมนูหลากหลายทั้งกาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ และขนมหวานชนิดต่าง ๆ หลากรสชาติ

ที่อยู่ : 290/4 ถนนตะนาว แขวง ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/VhwH9Upqbef5Lob5A
เวลาทำการ : ปิดวันอังคาร 09:30 น. – 17:30 น.
เบอร์โทร : 086-666-6432

image by https://www.facebook.com/Foxholebkk/

7. NEAT COFFEE​ BAR

ร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์เข้ากับตึกเก่าได้อย่างลงตัว มีเมล็ดกาแฟนานาชนิด พิเศษตรงที่เราสามารถเลือกเบลนด์กาแฟได้เองด้วย ให้คุณได้รังสรรค์รสชาติกาแฟแบบเฉพาะของตัวคุณเอง

ที่อยู่ : 99 3 ถนน บุญศิริ แขวง ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/KbRXSVnqEUSHFcuTA
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10:00 น. – 17:00 น.
เบอร์โทร : 099-156-5424

image by https://www.facebook.com/NEATCOFFEEBAR/

8. Liebe Cafe

ร้านกาแฟย่านโชคชัย 4 ตกแต่งร้านแบบเรียบหรู เน้นสีขาวโปร่งตาดูมินิมอล มีเครื่องดื่ม ๆ และ กาแฟอร่อย ๆ พร้อมกับขนมเบเกอรี่ที่อบสดใหม่แบบวันต่อวัน

ที่อยู่ : 73/2 โชคชัย 4 ซอย 54 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/JbZT95AQpXJD5RK2A
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 19:00 น.
เบอร์โทร : 095-948-1963

image by https://www.facebook.com/Liebecafee/

9. Hong Di Coffee

ร้านกาแฟที่ตกแต่งร้านสไตล์จีนโมเดิร์น มีทั้งโซน in door และ out door ด้านในมี 2 ชั้น บรรยากาศภายในมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ เมนูก็มีหลากหลายทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่

ที่อยู่ : 18 โชคชัย 4 ซอย 39 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/1nCTU8vre2S4M64n8
เวลาทำการ : ปิดทุกวันจันทร์ 09:00 น. – 19:00 น.
เบอร์โทร : 097-954-5519

image by https://www.facebook.com/HongDiCoffee/

10. นิยาย

ร้านกาแฟที่ให้บรรยากาศของการจิบกาแฟอยู่ในสวน บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยแมกไม้ราวกับอยู่ในดินแดนเทพนิยายเลยทีเดียว เมนูกาแฟและเครื่องดื่มก็รสชาติกลมกล่อมมาก แถมยังมีอาหารและของหวานอีกหลายเมนูด้วย

ที่อยู่ : ถนน เลียบคลองหนองทับ ตำบล หนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย นนทบุรี 11150
พิกัด : https://goo.gl/maps/Gi2bA5ABBZmyLcrG9
เวลาทำการ : ปิดทุกวันพุธ จันทร์ – ศุกร์ 10.00 น. – 18.30 น. และ เสาร์ – อาทิตย์ 9.00 น. – 18.30 น.
เบอร์โทร : 063-443-1961

image by https://www.facebook.com/niyaicafe/

11. Cafe Casta

ร้านกาแฟที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านขนมแบบยุโรป โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟนำเข้าคุณภาพเยี่ยม และยังมีขนมอบสุดอร่อยหลากหลายแบบไว้บริการ

ที่อยู่ : 29 ซอย ทุ่งมังกร 4 แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พิกัด : https://goo.gl/maps/gvFEu9SYkSYaBXNA7
เบอร์โทร : 02-884-0448

image by https://www.facebook.com/CafeCasta/

12. Farm to Cup: Specialty Coffee & Art space

ร้านกาแฟลับ ย่านตลิ่งชันที่คัดสรรเอาเมล็ดกาแฟจากไร่ทั่วไทยที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาสร้างสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพ ภายในร้านก็ตกแต่งด้วยงานศิลปะหลากหลายแบบให้ได้นั่งชมแบบชิลล์ ๆ

ที่อยู่ : 22, 2 ถนนฉิมพลี แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พิกัด : https://goo.gl/maps/HQkue5cKu5azESW37
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09.30 น. – 23.30 น.
เบอร์โทร : 080-669-7749

image by https://www.facebook.com/profile.php?id=100076249603117

13. LYNX Coffee

ร้านกาแฟโทนสีเหลืองอ่อน ๆ ตกแต่งเรียบง่าย ที่ให้บริการทั้งกาแฟรสกลมกล่อม เครื่องดื่ม non-coffee และขนมเค้กโฮมเมดกว่า 20 เมนู ปัจจุบันมี 2 สาขาด้วยกัน

ที่อยู่ : 948 ถนนเทอดไท แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 และ หน้าซอยเทอดไท20/1 ตรงข้ามLotus ตลาดพลู
พิกัด : https://goo.gl/maps/fTuCyePHuuCPKWcT9
เวลาทำการ : สาขา 1 ตลาดพลู เปิดทุกวัน 09:00 น. – 18.00 น. และ สาขา 2 โพธิ์นิมิตร หยุดทุกวันจันทร์ 09:00 น. – 18:00 น.
เบอร์โทร : 062-462-6363 และ 092-662-6363

image by https://www.facebook.com/Lynx.coffee/

14. Hint coffee

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอลบรรยากาศสวย ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นละมุนละไม มีมุมชิค ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ส่วนเมนูก็มีทั้งเครื่องดื่มและขนมหลากหลายชนิด

ที่อยู่ : 178 ถ. กรุงธนบุรี แขวง คลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/moxvGsYiLiZzhk189
เวลาทำการ : ปิดทุกวันจันทร์ 09:30 น. – 17.30 น.
เบอร์โทร : 080-937-8762

image by https://www.facebook.com/hintcoffeeco

15. Bake It Bright

ร้านกาแฟที่ตกแต่งสุดชิค มาที่เดียวเหมือนไปถึงอังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี รับประกันมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ นอกจากนั้นยังมีเบเกอรี่โฮมเมดพร้อมกาแฟคุณภาพและเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกมากมายไว้บริการ

ที่อยู่ : 168 ซอย กรุงธนบุรี 10 แขวง คลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/C1PTA8FCqu6CLPAx7
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:30 น. – 18.30 น.
เบอร์โทร : 097-134-7278

image by https://www.facebook.com/bakeitbright-100853175504134/

16. Billybillies

ที่นี่เป็นคาเฟ่และเวิร์กช้อปสตูดิโอ เปิดโอกาสให้มาเรียนรู้งานฝีมือและงานศิลปะไปพร้อม ๆ กับลิ้มลองเครื่องดื่มและเมนูขนมหวานสูตรพิเศษของทางร้าน

ที่อยู่ : 4453 ถ. สุขุมวิท แขวง บางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
พิกัด : https://goo.gl/maps/HVDED9pPNvM7w1Gp7
เวลาทำการ : ปิดทุกวันอาทิตย์ จันทร์ – ศุกร์ 07.00 น . – 17.00 น. และ เสาร์ 09.00 น. – 18.00 น.
เบอร์โทร : 093-429-1423

image by https://www.facebook.com/billybilliesworkshop/

17. Deep Root Café

ร้านกาแฟสุดลับที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ที่นี่เขาเน้นใส่ใจกับความพิถีพิถันในการชงกาแฟ นอกจากนั้นยังมีอาหารและขนมอร่อย ๆ ไว้ให้ทานคู่กับกาแฟด้วย

ที่อยู่ : 255 2 ถ. สมเด็จเจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/PQCSUEngXKAFyfYLA
เวลาทำการ : เปิด Walk in ทุกวันศุกร์ – วันอาทิตย์ 10.00 น . – 22.00 น.
เบอร์โทร : 095-448-0598

image by https://www.facebook.com/deeprootcafe/

18. slole garden

ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่มีทั้งโซนภายในร้านและโซนในสวน ซึ่งในโซนสวนสามารถพาน้องหมาน้องแมวมานั่งเล่นไปพร้อม ๆ กับจิบ กาแฟอร่อย ๆ ได้ แถมยังมีเมนูเครื่องดื่มและขนมอร่อย ๆ เพียบ

ที่อยู่ : 9 โชคชัย 4 ซอย 52/1 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/kttmkj7x7MuEHiiq9
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09.30 น . – 18.00 น.
เบอร์โทร : 090-021-2100

image by https://www.facebook.com/slolegarden

19. HARIO CAFÉ

ร้านกาแฟที่เมนูหลากหลายให้ลิ้มลอง ซึ่งนอกจากเมนูพื้นฐานทั่วไปแล้ว เขายังมีเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านด้วยอีกหลายเมนู รับรองเลยว่าคุณจะติดใจ เพราะเป็นรสชาติที่ไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน

ที่อยู่ : 291 ถ. โชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/n71WQgDbcA2ML9LC7
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 06.00 น . – 22.00 น. (Chokchai 4) , จันทร์ – พฤหัสบดี 7.00 น. – 20.00 น. และ 07.00 – 21.00 ศุกร์ – อาทิตย์ (Thaniya Plaza)
เบอร์โทร : 085-480-2920

image by https://www.facebook.com/hariocafebkk

20. Blackhills BKK

ร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์ที่ตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียน เป็นสไตล์ที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว แถมยังมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีนานาพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกให้เลือก ให้รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร

ที่อยู่ : 302 ซอย ลาดพร้าว 1 แยก 2 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
พิกัด : https://goo.gl/maps/WCTJtYP9KhYiuDp4A
เวลาทำการ : ปิดทุกวันอังคาร 08.00 น. – 17.00 น.
เบอร์โทร : 085-666-3788

image by https://www.bkkmenu.com/eat/we-recommend/blackhills-bkk.html

เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 20 ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ที่เรานำมาฝาก หวังว่าจะถูกใจเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย ใครที่เป็นสายชิลล์ชอบนั่งปล่อยใจดื่มกาแฟเงียบ ๆ ลองเช็กลิสต์แล้วตามไปเช็กอินให้ครบทุกร้านให้ได้นะ รับรองว่าถูกใจแน่นอน 

 

อัพเดทสถานที่ฝากกระเป๋า ราคาถูกทั่วกรุงเทพฯ 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หรือเพื่อมาช็อปปิ้งในเมืองหลวงพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ คงไม่ดีแน่หากต้องคอยแบกเป้หรือกระเป๋าเดินทางตะลอนทัวร์ไปทั่ว กทม. ในขณะที่โรงแรมบางแห่งก็ไม่สามารถการันตีถึงความปลอดภัยและทรัพย์สินในกระเป๋าให้คุณได้ การหาร้านที่รับ ฝากกระเป๋า สัก 2-3 ชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอต่อการทำธุระในเมืองหลวงได้แบบสบายตัว ช่วยให้คุณทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องขนสัมภาระให้เกะกะ ซึ่งนอกจากบริการรับฝากกระเป๋าแล้ว สถานที่รับฝากกระเป๋ายังมีบริการจัด ส่งกระเป๋า สัมภาระ สิ่งของที่ช้อปปิ้ง ตามไปให้ยังโรงแรม หรือ สนามบิน โดยที่คุณไม่ต้องหิ้วให้เมื่อยอีกต่อไป

 

อัตราการให้บริการดีที่สุดที่ AIRPORTELs 

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ทุกคนจะต้องมีกระเป๋าสัมภาระ ทั้งใบเล็ก ใบใหญ่ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปัญหาของเจ้าของกระเป๋าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน ด้วยกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ที่ทำให้การใช้บริการรถสาธารณะค่อนข้างลำบาก การเลือกใช้บริการรับส่งกระเป๋าจากบ้านไป สนามบิน เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางจึงเป็นทางออกที่ดีมาก  

 

AIRPORTELs หนึ่งในผู้นำด้านการรับฝากและจัดส่งกระเป๋า สัมภาระ สินค้า จากสนามบินไป โรงแรม บ้าน ที่พัก หรือจาก ห้าง สรรพสินค้าไปสนามบิน โรงแรมหรือที่พักอาศัย โดยมีอัตราการให้บริการเริ่มต้นที่ 20,40 บาท/ชั่วโมง หรือ 100 บาท/วัน สำหรับการรับฝากสิ่งของ สัมภาระ ณ จุดให้บริการและมีอัตราค่าบริการในการจัดส่งกระเป๋าเดินทาง สัมภาระต่าง ๆ จากบ้าน ที่พัก หรือโรงแรมไปยังสนามบินในราคาเริ่มต้น 299 บาทเท่านั้น  นับเป็นอัตราการให้บริการที่ดีที่สุดแล้วในปัจจุบัน

 

สะดวก สบาย เมื่อใช้บริการ AIRPORTELs 

AIRPORTELs เปิดให้บริการรับฝาก จัด ส่งกระเป๋า ครอบคลุม 2 สนามบินหลักของประเทศ นั่นหมายความว่าทุกการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารทั้งไปและกลับ คุณสามารถที่จะเก็บสิ่งของมีค่าของคุณเป็นชั่วโมง หรือเป็นวันได้หากต้องการ ได้ทั้ง 2 สนามบิน โดยตำแหน่งที่ตั้งเคาน์เตอร์บริการของสนามบินสุวรรณภูมิจะอยู่ที่ชั้นบี โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของสนามบินดอนเมือง เคาน์เตอร์ที่ให้บริการจะอยู่ที่อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ชั้นจี (G) ประตู 9 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น.

 

นอกจากนี้ AIRPORTELs ยังมีเคาน์เตอร์ให้บริการประจำอยู่ตาม ห้าง สรรพสินค้าชั้นนำ ดังต่อไปนี้

โซนห้าง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 22.00 น.

  • เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 6 โซนบี (B) ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ
  • เทอร์มินอล 21 อโศก ชั้น 1 โซนโตเกียว ทางออกลานจอดรถ
  • เซ็นทรัลเวิร์ด ชั้น 1 โซนกรูฟ ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ

ในส่วนของต่างจังหวัด AIRPORTELs เปิดให้บริการแล้ว โดยจะเป็นการให้บริการขนส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัด หากใครไม่อยากโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง หรือไม่อยากมีสัมภาระเยอะระหว่างเดินทางก็สามารถจองบริการของเราทางออนไลน์ได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 349 บาท/ใบ น้ำหนักไม่เกิน 15 กก.

ติดต่อสอบถาม

 

Lock Box ช่วยคุณได้ ล็อกเกอร์ฝากของฉบับคนกรุง

คงจะดีไม่น้อยหากการเดินทางไปทำงานหรือเรียนหนังสือระหว่างทางมีตู้ล็อกเกอร์ไว้คอยบริการ เพราะจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปทำธุระอีกหลายแห่ง สามารถที่จะฝากกระเป๋า หนังสือเรียนหรือแม้แต่สัมภาระขนาดใหญ่ไว้ในล็อกเกอร์ได้ โดยมั่นใจว่าสิ่งของเหล่านั้นจะไม่สูญหายไป 

Lock Box หนึ่งในผู้ให้บริการตู้ล็อกเกอร์สำหรับฝากสินค้า กระเป๋าสัมภาระตามแนวรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันกำลังขยายตู้รับฝากไปยังจุดต่าง ๆ ให้ทั่วทั้ง กรุงเทพ และปริมณฑลรวมไปถึงสนามบินและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น สยามพารากอน, เซนทรัล วิลเลจ, ไอคอนสยามและเซนทรัลเวิร์ด แถมยังเปิดรับแฟรนไชส์เพื่อขยายสถานที่เก็บกระเป๋าอีกจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวก สบายให้แก่ผู้ใช้บริการ จะได้ไม่ต้องหอบกระเป๋าพะรุงพะรังอีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา ที่มีจุดหมายปลายทางมากกว่า 2 แห่ง Lock Bok ช่วยคุณได้ จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าสัมภาระในการเดินทางไกลอีกต่อไป สนนราคาและค่าบริการในการรับฝากเริ่มต้นที่ 30 บาท/ ชั่วโมง หรือ 180 บาท/วัน สำหรับไซซ์วัสดุ 7X35X58cm.

 

Bellugg ปลอดภัย ตรงเวลา ตรวจสอบได้

อีกหนึ่งผู้ให้บริการรับฝากกระเป๋าและจัดส่งกระเป๋าเดินทางให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยยึดหลักปลอดภัย ตรงเวลาและตรวจสอบได้ มั่นใจว่ากระเป๋าทุกใบจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เพราะมีประกันภัยคุ้มครองให้กับกระเป๋าทุกใบ พร้อมระบบขนส่งที่เชื่อถือได้ว่ากระเป๋า สัมภาระทุกใบจะส่งตรงถึงมือลูกค้าทุกคนด้วยความรวดเร็วและตรงเวลา นอกจากนี้ทาง Bellugg ยังเปิดให้บริการรับส่งสินค้าแบบวันเดียวถึงในเขต กรุงเทพ และปริมณฑล พร้อมกับรถที่มีเครื่องรักษาความเย็นไว้คอยบริการสำหรับร้านค้า ร้านอาหารที่ต้องการจัดส่งอาหารไปให้ถึงมือลูกค้าในขณะที่ยังสดใหม่ สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อจองการฝากและรับส่งสินค้า กระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ได้ที่ 087-336-6666 หรือที่เว็บไซต์ Bellugg.com/th/ 

 

โรงแรมส่วนใหญ่เลือกที่จะให้คุณ ฝากกระเป๋า ก่อนเช็กอินหรือหลังเช็กเอ้าท์สัก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งหากโรงแรมอยู่ไกลจากแผนการเดินทาง ก็ควรเลือกที่จะใช้บริการฝากและรับ-ส่งดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการย้อนกลับมาเอากระเป๋าระหว่างท่องเที่ยว หรือช้อปปิ้งระหว่างที่รอเช็คอินกับสายการบิน ซึ่งสะดวกมากกว่าและที่สำคัญอย่าลืมที่จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AIRPORTELs เพื่อเรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ที่มาข้อมูล :