ลิสต์ 20 สิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน มัดรวมครบ จัดเต็ม ไม่มีพลาด

ยุคสมัยที่ผู้คนสามารถจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอปพลิเคชันมือถือ อีกทั้งสายการบินยังขยันออกโปรโมชันมายั่วยวนกิเลส จนทำให้บัตรเครดิตในมือหลายๆ คนต้องสั่น 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินกลายเป็นหนึ่งในการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าการขึ้นเครื่องบินจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ผู้คนก็มักหลงลืมเกี่ยวกับเรื่องมาตรการความปลอดภัย โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน 

ลิสต์ 20 สิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน

บ่อยครั้งที่ผู้โดยสารถูกบังคับให้ต้องทิ้งสินค้าที่เพิ่งซื้อหรือครีมแพงๆ ไว้ที่สนามบิน เนื่องจากลืมไปว่าของเหล่านั้นเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง 

AIRPORTELs จึงอยากชวนทุกคนมาพูดคุยถึง สิ่งของห้ามขึ้นเครื่อง 20 อย่าง พร้อมถึงสาเหตุที่พวกมันถูกแบนจากเครื่องบิน รวมไปถึงบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฏของสายการบินอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านต่อกันได้เลย

ของเหลว

1. ของเหลว

สาเหตุที่ของเหลวกลายมาเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2006 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษได้ทำการจับกุมกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีเป้าหมายในการลักลอบนำสารระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบินของสายการบินอังกฤษหลายสายที่มุ่งหน้าไปยังเมืองต่างๆ ทั้งในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา โดยลักลอบนำสารระเบิดใส่ในขวดน้ำหวาน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และวางแผนที่จะนำไปใช้ในการจุดชนวนบนเครื่องบิน โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขัดขวางแผนการก่อการร้ายได้เสียก่อน หลังจากเหตุการณ์นั้น ทำให้ของเหลวทุกชนิดกลายเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องมาจนถึงทุกวันนี้

ในปัจจุบัน สายการบินอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำของเหลวใส่กระเป๋า Carry-on ได้ โดยแต่ละชิ้นต้องบรรจุในภาชนะที่ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร และรวมกันทั้งหมดไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร หากต้องการพกพาของเหลวขึ้นเครื่องบิน ควรทำการเตรียมตัวดังนี้:

  • แบ่งของเหลวใส่ภาชนะบรรจุ สามารถหาซื้อชุดพกพาของเหลวได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป โดยมักเป็นเซ็ตขวดใส่ของเหลวแบบใส ที่มีขนาดไม่เกิน 100 มิลลิลิตร
  • ใส่ขวดของเหลวในถุงซิปล็อกใส นำของเหลวทั้งหมดที่พกติดตัวขึ้นเครื่อง ใส่ในถุงพลาสติกใส และแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ณ ที่จุดตรวจความปลอดภัย
  • โหลดของเหลวที่เกินปริมาณที่กำหนด สำหรับของเหลวที่มีปริมาณมากกว่า 100 มิลลิลิตร ควรทำการโหลดเข้าใต้เครื่องบิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระหว่างขึ้นเครื่อง
  • ของเหลวที่ซื้อจากร้าน Duty Free ที่สนามบิน ห้ามทำการแกะออกจากบรรจุภัณฑ์หรือมีร่องรอยฉีกขาด ใส่ในถุงพลาสติกปิดผนึก และต้องมีใบเสร็จเป็นหลักฐานยืนยันว่าเพิ่งซื้อสินค้ามาจาก Duty Free ที่ท่าอากาศยาน มิฉะนั้นของที่เพิ่งซื้ออาจกลายเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องได้

ของเหลวที่อนุโลมให้นำขึ้นเครื่องได้

ทั้งนี้มีของเหลวบางชนิดที่ได้รับการยกเว้นให้สามารถพกพาเกิน 100 มิลลิลิตรขึ้นเครื่องบินได้ โดยควรพกพาในปริมาณที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการเดินทางบนเครื่องบินเท่านั้น และต้องทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจความปลอดภัยก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ผิดกฏสิ่งของต้องห้ามขึ้นเครื่อง   

ของเหลวประเภทยา

สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยสามารถนำยาที่เป็นของเหลว เช่น ยาน้ำ ยาแบบฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือแบบสเปรย์พ่น ขึ้นเครื่องได้ โดยต้องมีฉลากและเอกสารกำกับยาที่เป็นชื่อของผู้โดยสาร สามารถนำขึ้นไปในปริมาณที่เพียงพอสำหรับไฟล์ทบินเท่านั้น

อาหารที่ต้องพกพา

ผู้ที่มีปัญหาทางด้านโภชนาการที่ต้องทานอาหารแบบพิเศษตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุญาตนำอาหารเหลวขึ้นมาบนเครื่องได้ อาหารแบบพิเศษได้รับข้อยกเว้นจากการเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่อง เพราะถือเป็นสิ่งของที่ใช้ในการรักษาความเจ็บป่วยแบบจำเพาะบุคคล และเป็นอาหารที่ผู้โดยสารไม่สามารถหาได้ในขณะที่อยู่บนเครื่องบิน

อาหารหรือนมสำหรับเด็กทารก

อาหารหรือนมสำหรับทารกไม่ถือเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ระหว่างการเดินทาง หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พ่อแม่หรือผู้ปกครองที่เดินทางพร้อมเด็กอ่อน สามารถพกอาหารสำหรับทารก เช่น นมแม่ นมกล่อง หรืออาหารบดในปริมาณที่พอเหมาะขึ้นเครื่องได้ โดยไม่ขัดต่อกฏของสายการบิน

2. แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) 

2. แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) 

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้มีการกำหนดเกณฑ์ของแบตเตอรี่ลิเธียมที่สามารถพกพาขึ้นเครื่องได้ โดยมีเกณฑ์ดังนี้:

  • แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีความจุไฟ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh (20,000 mAh) – ไม่อนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่อง แต่สามารถพกพาติดตัวขึ้นเครื่องบินได้
  • แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีความจุไฟ มากกว่าหรือเท่ากับ 100 – 160 Wh (20,000 – 32,000 mAh) – ไม่อนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่อง แต่สามารถพกพาติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ คนละไม่เกิน 2 ชิ้น
  • แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีความจุไฟ มากกว่า 160 Wh (32,000 mAh) ขึ้นไป – ไม่อนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องและห้ามพกพาติดตัวขึ้นเครื่องบิน

ดังนั้นก่อนออกเดินทาง อย่าลืมเช็กค่าความจุไฟของแบตเตอรี่สำรอง เพราะอาจกลายเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องโดยไม่รู้ตัว และทำให้ต้องทิ้งไว้ที่จุดตรวจความปลอดภัยที่สนามบินอย่างน่าเสียดาย

ขาตั้งกล้อง (Tripod)

3. ขาตั้งกล้อง (Tripod) 

สำหรับไอเท็มชนิดนี้ อาจมีการถกเถียงกันอยู่พอสมควร เพราะบางสายการบินก็อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง แต่บางสายการบินก็เป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน สาเหตุหลักเป็นเพราะขนาดของขาตั้งกล้องที่บ่อยครั้งมีความยาวเกินกระเป๋า Carry-on หรืออาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาวุธได้ ดังนั้นหากคิดที่จะพกพาขึ้นเครื่องแล้ว ควรเช็กว่ามีความยาวไม่เกินเกณฑ์ที่สายการบินกำหนดหรืออาจเลือกโหลดใต้เครื่องเลยก็เป็นทางออกที่ดีเช่นเดียวกัน

อาหารที่มีกลิ่นแรง

4. อาหารที่มีกลิ่นแรง

ไม่แปลกที่อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ทุเรียน กะปิ ปลาร้า หรืออาหารทะเลตากแห้ง จะกลายเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง เพราะอาจส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ ระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกล คงไม่มีใครอยากต้องมาทนกับกลิ่นเหม็นตลอดทั้งไฟล์ท ทางที่ดีที่สุดควรทำการแพ็คให้มิดชิดและโหลดลงใต้ท้องเครื่องเลยจะดีที่สุด 

อาวุธ ของมีคม 

5. อาวุธ ของมีคม 

ของมีคมทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น กรรไกร มีดพก คัตเตอร์ หรือแม้กระทั่งกรรไกรตัดเล็บ ล้วนเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่อง เพราะอาจถูกใช้เป็นอาวุธโดยผู้ไม่ประสงค์ดีได้ หากต้องการพกของมีคม ให้ใส่ไว้ในกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง เพื่อไม่เป็นการฝ่าฝืนกฏความปลอดภัยของสนามบิน 

สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

6. สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

สำหรับเมืองไทย เรื่องของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น อาจยังไม่ได้มีการตรวจขันอย่างเข้มงวดเท่าไหร่นัก แต่หากเดินทางไปในประเทศที่มีมาตรการตรวจสอบอย่างจริงจังแล้ว อาจโดนยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่พกติดตัวไปด้วย ทางออกที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้สินค้าของแท้ เพราะนอกจากเป็นการสนับสนุนแบรนด์เจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว ยังไม่เสี่ยงละเมิดกฏหมายลิขสิทธิ์อีกด้วย

 ของประดับมูลค่าแพง

7. ของประดับมูลค่าแพง

ของประดับและของมีค่าเป็นไอเท็มที่ถูกบางสายการบินกำหนดให้เป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง เพราะกลัวในเรื่องของการโจรกรรมหรือการสูญหายระหว่างเที่ยวบิน ดังนั้นหากจะทำการพกติดตัว ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะเหตุไม่คาดฝันนั้นอาจเกิดขึ้นได้เสมอ

วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด

8. วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด

ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ไฟแช็ก ไม้ขีดไฟ หรือ ประทัด สีสเปรย์ และดอกไม้ไฟ ล้วนเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่อง เพราะอาจปะทุและทำให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเที่ยวบินได้ จึงเป็นสิ่งของที่ไม่ควรพกพาติดตัวในขณะเดินทางเป็นอย่างยิ่ง

สารฟอกขาว (Bleach)

9. สารฟอกขาว (Bleach)

สารฟอกขาวทั้งชนิดน้ำและชนิดผงเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน ทั้งนี้ยังรวมไปถึง สารที่มีฤทธิกัดกร่อนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำกรด สารหนู หรือ สารกำจัดแมลง สารเหล่านี้เป็นสารอันตราย ซึ่งหากเกิดรั่วไหลในระหว่างเที่ยวบิน อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นไปบนเครื่องบิน 

เนื้อสัตว์ของสดหรือแช่เเข็ง

10. เนื้อสัตว์ของสดหรือแช่เเข็ง

บางประเทศอาจมีข้อกำหนดเรื่องการนำเข้าเนื้อสัตว์หรือของสดเข้าประเทศ เพราะกลัวว่าอาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมหรือเป็นการนำโรคและพาหะเข้าสู่ประเทศ ส่วนของแช่แข็งนั้น หากแพ็คหรือจัดเก็บไม่ดีก็อาจจะละลาย และส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ ในระหว่างการเดินทางได้ 

สารเสพติด

11. สารอันตรายต่างๆ หรือสารเสพติด

แน่นอนว่าสารเสพติดเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง ที่ไม่สามารถพกพาติดตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นนอกเครื่องบินหรือบนเครื่องบินก็ตาม ทั้งนี้ควรระมัดระวังเรื่องข้อกฏหมายของแต่ละประเทศ เช่น การซื้อสินค้าที่ผสมสารเสพติด เช่น กัญชา เพราะอาจถูกกฏหมายในประเทศต้นทาง แต่อาจผิดกฏหมายร้ายแรงในประเทศปลายทาง จึงควรศึกษาข้อกฏหมายของแต่ละประเทศให้ดีก่อนออกเดินทางเสมอ

วัตถุที่แตกง่าย

12. วัตถุที่แตกง่าย

ระหว่างการเดินทางด้วยเครื่องบินนั้น อาจเจอสภาพอากาศแปรปรวน เครื่องตกหลุมอากาศ ซึ่งแรงกระแทก อาจทำให้ข้าวของบนเครื่องเสียหายได้ ดังนั้นวัตถุที่แตกได้ง่าย เช่น แก้ว หรือกระจก จึงเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน 

สัตว์บางชนิด และสัตว์ มีพิษ

13. สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย

สายการบินบางแห่ง บางประเทศอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก เช่น สุนัข หรือแมว ขึ้นมาบนเครื่องบินได้ แต่สำหรับสัตว์มีพิษและสัตว์ดุร้ายนั้น ถือเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อคนอื่นๆ บนเที่ยวบินได้ 

14. ไม้ตียุงไฟฟ้า

หลายคนอาจแปลกใจว่าทำไมไม้ตียุงไฟฟ้า จึงเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่อง สาเหตุเพราะอุปกรณ์ทุกชนิดที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาวุธได้นั้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาขึ้นเครื่องได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นหากไม่อยากโดนยึดไม้ตียุงละก็ ไม่ควรนำไม้ตียุงไฟฟ้ามาด้วยจะดีที่สุด

อุปกรณ์กีฬาบางชนิด

15. อุปกรณ์กีฬา

เหตุผลของการห้ามนำอุปกรณ์กีฬาบางชนิดขึ้นเครื่องคือ อุปกรณ์เหล่านี้สามารถดัดแปลงมาเป็นอาวุธได้นั่นเอง เป็นเรื่องที่อาจขัดใจนักกีฬาหลายๆ คน แต่เพื่อความปลอดภัยแล้วก็ไม่ควรฝ่าฝืนกฏ และทำการโหลดอุปกรณ์กีฬาลงใต้เครื่องบิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

PC และ Labtop บางชนิด

16. โทรศัพท์หรือ Notebook บางรุ่น

โดยปกติแล้ว โทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊คไม่ได้เป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่อง สามารถพกพาขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่มีปัญหา แต่อาจเกิดเหตุการณ์ที่มือถือหรือโน้ตบุ๊คบางรุ่น ที่ทางแบรนด์ยอมรับว่ามีปัญหาตั้งแต่กระบวนการผลิต ทำให้เสี่ยงต่อการระเบิด หรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการใช้งาน จนสายการบินต้องทำการแบน อาจเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่เป็นอีกสิ่งที่ควรระวังก่อนการเดินทาง เพราะอาจถูกปฎิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบินได้  

17. แม่เหล็ก

สำหรับแม่เหล็กอันเล็กๆ เช่น แม่เหล็กติดตู้เย็น อาจไม่เป็นปัญหา แต่หากเป็นแม่เหล็กขนาดใหญ่ หรืออุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก ถือเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เพราะสามารถส่งสัญญานรบกวนเข็มทิศ จนอาจส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์อื่นๆ บนเครื่องบินได้ 

อุปกรณ์สื่อสารบางชนิด

18. อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย

กุญแจมือ กระบองท่อน หรือ อุปกรณ์วิทยุสื่อสาร (อาจไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานในบางประเทศ) แม้ว่าจะไม่ใช่ของมีคมก็ตาม แต่ก็ถือเป็นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

อาวุธ หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว

19. อุปกรณ์ป้องกันตัว 

ไม่ว่าจะเป็น สนับมือ เครื่องช็อตไฟฟ้าแบบพกพา หรือสเปรย์พริกไทย ล้วนถูกจัดให้เป็นของอันตรายและเป็นสิ่งของต้องห้ามขึ้นเครื่อง เช่นเดียวกับอาวุธปืนและของมีคม

20. กระเป๋าสัมภาระที่มีแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม

ในปัจจุบันมีกระเป๋าแบบสมาร์ตแบ็ก ที่ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชันต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น GPS ติดตาม หรือมีแบตเตอรี่สำรองที่สามารถชาร์ตมือถือได้ระหว่างเดินทาง ข่าวร้ายก็คือกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวนั้น ถูกองค์กรด้านการบินนานาชาติกำหนดให้เป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เพราะมีแบตเตอรี่ลิเธียมที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้นั่นเอง โดยมีการอนุโลมให้สามารถนำขึ้นเครื่องได้ หากสามารถถอดแบตเตอรี่ออก และไม่ใช้งานแบตเตอรี่สำรองในขณะเดินทาง หากไม่สามารถทำได้ ทางสายการบินอาจทำการปฎิเสธให้ผู้โดยสารเดินทางไปพร้อมกับกระเป๋า

โทษและมาตรการเมื่อผู้โดยสารทำผิดกฏ

โทษและมาตรการเมื่อผู้โดยสารทำผิดกฏ

แน่นอนว่าการไม่ปฏิบัติตามกฏของสายการบิน เช่น การลักลอบนำของต้องห้ามขึ้นเครื่อง  ย่อมตามมาด้วยบทลงโทษ ซึ่งมาตรากฏหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของสนามบินนั้น มีโทษค่อนข้างรุนแรง โดยมีบทลงโทษ ดังนี้: 

นำสิ่งต้องห้ามมาถึงหน้าด่านตรวจ

หากเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเจอวัตถุหรือสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เช่น ของเหลว เจล หรือของมีคม เจ้าหน้าที่สามารถปฏิเสธไม่ให้ผู้โดยสารผ่านการตรวจไปได้ จนกว่าของที่เป็นสิ่งต้องห้ามจะถูกทิ้งหรือทำลาย และหากผู้โดยสารทำการขัดขวาง หรือหลีกเลี่ยงการตรวจค้นสิ่งของห้ามขึ้นเครื่อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมื่อสิ่งต้องห้ามหลุดตรวจและถูกบนในเกตหรือเครื่องบิน

ผู้อยู่ในอากาศยานในระหว่างรอการบิน หากถูกตรวจพบเจอสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องไว้ในครอบครอง ผู้โดยสารต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท 

เมื่อสิ่งต้องห้ามหลุดตรวจและไปถึงด่านตรวจขาออก

โทษของการครอบครองสิ่งของต้องห้าม อาจมีความหนักเบาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งที่ครอบครอง โดยเจ้าหน้าที่อากาศยานมีหน้าที่ รายงานและส่งมอบตัวผู้โดยสารที่กระทำผิดหลังจากที่เครื่องได้ลงจอด ให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการลงโทษตามมาตรากฏหมายของประเทศปลายทาง

การเดินทางด้วยเครื่องบินนั้นเป็นการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว แต่มีกฏระเบียบมากมายที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เพราะความไม่รู้อาจทำให้ต้องเสียเวลา เสียทรัพย์สิน และเสียความรู้สึกในขณะเดินทาง หรือแย่ที่สุดอาจโดนปรับและต้องโทษโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย 

AIRPORTELs หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขความกระจ่างเกี่ยวกับสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องให้กับทุกคน เดินทางครั้งต่อไปจะได้เตรียมตัวกันให้พร้อม จะได้เช็กอินกันได้ลื่นปรื้ดไม่มีสะดุด เดินทางได้สมูธตลอดทั้งทริป

มาจัดกระเป๋าเดินทางกัน check list พกของไปให้ครบไม่มีขาด

หากพูดถึงเรื่องไปเที่ยว ไม่ว่าใครก็อยากจะไปกันทั้งนั้น แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวได้ ก็ต้องจัดกระเป๋าไปเที่ยวกันก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆ คนน่าจะไม่ชอบกัน เพราะว่าขี้เกียจ ไม่รู้จะเริ่มต้นจัดกระเป๋ายังไง ยังไม่รวมที่คิดไม่ออกว่าควรหยิบอะไรไปบ้างดี ถ้าหยิบไปแล้วจะได้ใช้ไหม หรือจะลืมอะไรไปบ้างหรือเปล่า ดังนั้น การจัดกระเป๋าไปเที่ยวตาม Checklist กระเป๋าเดินทาง จึงถือว่าเป็นทางออกที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ โดย Checklist กระเป๋าเดินทางที่ AIRPORTELs นำมาฝากในบทความนี้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

วิธีจัดกระเป๋าเดินทางให้ครบ
Checklist ช่วยจัดกระเป๋าเดินทาง

Checklist กระเป๋าเดินทางจาก AIRPORTELs

การจัดกระเป๋าไปเที่ยวนั้นควรเริ่มจากการแบ่งหมวดสิ่งของก่อนว่ามีหมวดหมู่อะไรบ้าง เพื่อที่จะได้จัดลำดับความสำคัญของสิ่งของว่าควรจะเริ่มต้นหยิบอะไรใส่กระเป๋าก่อนดี และถ้าหากกระเป๋าเต็มจะได้ตัดสิ่งของที่มีความจำเป็นน้อยที่สุดออกไปได้ โดย Checklist กระเป๋าเดินทางที่ AIRPORTELs ลิสต์มาให้นั้น สามารถแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ของใช้จำเป็น ปัจจัย 4 และของเบ็ดเตล็ด โดยแต่ละหมวดหมู่มีรายละเอียด ดังนี้

ของใช้จำเป็นที่ต้องมีในกระเป๋าเดินทาง มีอะไรบ้าง

“ของใช้ที่จำเป็น” เป็น Checklist กระเป๋าเดินทางหมวดหมู่แรกที่ควรให้ความสำคัญในการจัดกระเป๋าไปเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะสิ่งของเหล่านี้จำเป็นต่อการไปเที่ยวและการใช้ชีวิต หากลืมหรือขาดหายไป อาจส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาได้อย่างแน่นอน โดยสิ่งของที่ไม่ควรลืมอย่างเด็ดขาด มีดังนี้

หนังสือเดินทาง

หนังสือเดินทาง ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะแสดงและยืนยันตัวตนของเราได้ หากลืมอาจทำให้ไม่สามารถออกนอกประเทศหรือไม่สามารถเข้าประเทศปลายทางได้ ดังนั้น จึงไม่ควรลืม ควรพกติดตัวไว้เสมอและควรเก็บรักษาไว้ให้ดีที่สุด

Boarding Pass หรือหลักฐานการจองไฟล์ทของสายการบิน

Boarding Pass เป็นหลักฐานในการจองไฟล์ทของสายการบิน ว่าเราจองไว้ในชื่อเราจริงไหม จองไว้วันที่เท่าไร เดินทางเวลาไหน และเดินทางกับสายการบินอะไร เพื่อที่จะได้ทำการเช็กอิน ป้องกันการตกเครื่อง และเดินทางได้อย่างถูกต้อง

สำเนาของหนังสือเดินทางและหลักฐานการจองไฟล์ทของสายการบิน

ถึงแม้เราจะมีหนังสือเดินทาง และ Boarding Pass ตัวจริงอยู่ในมือแล้ว แต่การมีสำเนาสำรองไว้ประมาณ 1-2 ชุด จะช่วยให้เราอุ่นใจได้มากขึ้น เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ เช่น หนังสือเดินทาง หรือ Boarding Pass หาย หรือได้รับความเสียหาย จะได้มีสำเนาที่นำมาใช้แทนกันได้ 

เงินต่างประเทศ หรือเงินดอลล่าร์

ก่อนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ควรทำการแลกเงินเป็นสกุลเงินของประเทศที่เราจะไปเที่ยวเสียก่อน ในกรณีที่บางสถานที่รับแต่เงินสดเท่านั้น จะได้มีเงินสดไว้ใช้จ่าย และควรแลกไปในจำนวนที่เพียงพอ หรืออาจแลกเงินเป็นสกุลดอลลาร์เผื่อไว้ เพราะถ้าหากเงินที่แลกมาไม่พอ สามารถใช้เงินดอลลาร์แทนได้

Power Bank และสายชาร์จ อุปกรณ์ IT

Power Bank สายชาร์จ หรืออุปกรณ์ IT ต่างๆ รวมถึงอินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ควรเตรียมไว้ก่อนการเดินทาง เพราะการไปเที่ยวนั้นต้องใช้มือถือในการติดต่อสื่อสาร ถ่ายรูป หรืออัปเดตลงโซเชียลเป็นหลัก รวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อหาข้อมูลต่างๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว อินเทอร์เน็ตที่ดีทำให้ค้นหาได้รวดเร็ว ไม่ต้องหงุดหงิดเมื่อรอข้อมูล ส่วนแบตเตอรี่ที่ลดลงไปตามการใช้งานหรือหมดในระหว่างวัน หากมีแบตสำรองพกติดตัวไว้ก็นำมาชาร์จได้ตลอด ไม่ต้องกลัวแบตหมด

อแดปเตอร์แปลงไฟตามประเทศปลายทาง

หัวปลั๊กไฟในแต่ละประเทศนั้นมีลักษณะไม่เหมือนกันและมีกระแสไฟที่ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่าง เช่น

  • ประเทศญี่ปุ่น ใช้ปลั๊ก Type A และ B ที่มีกำลังไฟ 100V 50Hz
  • ประเทศเกาหลีใต้ ใช้ปลั๊ก Type C และ F ที่มีกำลังไฟ 110V/220V 60Hz
  • ประเทศสิงคโปร์ ใช้ปลั๊ก Type C, G และ M ที่มีกำลังไฟ 230V 50Hz
  • ประเทศไต้หวัน ใช้ปลั๊ก Type A และ B ที่มีกำลังไฟ 110V 60Hz
  • ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ปลั๊ก Type A และ B ที่มีกำลังไฟ 120V 60Hz 
  • ประเทศอังกฤษ ใช้ปลั๊ก Type G ที่มีกำลังไฟ 230V 50Hz

ดังนั้น จึงควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟของแต่ละประเทศปลายทางด้วยทุกครั้ง หรืออาจจะใช้หัวปลั๊กแปลงไฟแบบ Universal ที่สามารถแปลงปลั๊กได้ทุกลักษณะ 

บัตรเครดิตกลุ่ม Visa หรือ MasterCard 

การพกบัตรเครดิตที่เป็น Visa หรือ Mastercard เป็นอีกสิ่งที่ควรพกติดตัวไว้เมื่อไปต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่มักจะรับเฉพาะ 2 กลุ่มนี้เท่านั้น เพราะมีบริการที่ครอบคลุมมากกว่าบัตรแบบอื่นๆ เช่น กดเงิน หรือรูดจ่ายด้วยบัตรได้ทันที เป็นต้น

อุปกรณ์การทำงาน ในกรณีที่เป็น Workation 

หากใครไปท่องเที่ยวแบบ Workation ต้องห้ามลืมจัดกระเป๋าไปเที่ยวพร้อมอุปกรณ์ในการทำงานให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค เมาส์ คีย์บอร์ด ที่ชาร์จโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่สำคัญต่อการทำงาน เพราะหากลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจทำให้การทำงานไม่สะดวก แถมยังอาจหาซื้อใหม่ที่ต่างประเทศได้ยากอีกด้วย

กลุ่มปัจจัย 4 

“กลุ่มปัจจัย 4” เป็น Checklist กระเป๋าเดินทางหมวดหมู่ที่ 2 สำหรับการจัดกระเป๋าไปเที่ยวที่สำคัญรองลงมาจากของใช้จำเป็น เพราะถ้าหากลืม หรือทำหาย ยังสามารถหาซื้อใหม่ได้ โดยสิ่งของต่างๆ ในหมวดปัจจัย 4 ที่ควรจัดใส่ในกระเป๋าไปเที่ยว มีดังนี้

เสื้อผ้า กางเกง

การเลือกเสื้อผ้าและกางเกง ในการจัดกระเป๋าไปเที่ยว ควรดูก่อนว่าไปกี่วัน ไปสถานที่แบบไหนบ้าง และประเทศที่เราจะไปนั้นมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้คำนวณได้ถูกว่าควรจะเตรียมไปกี่ชุด และควรเลือกเสื้อผ้าแบบไหนไปให้เหมาะสมกับสถานที่และสภาพอากาศมากที่สุด

ชั้นใน

ชุดชั้นใน เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เสื้อผ้า และกางเกง โดยการเตรียมชุดชั้นใน ให้คำนวณจากวันที่ไปเหมือนกับการเตรียมเสื้อผ้าว่าในหนึ่งวันเราจะต้องใส่กี่ตัว เพื่อที่จะได้เตรียมไปได้ถูก แต่ต้องเตรียมไปเผื่อมากกว่าที่คำนวณไว้ประมาณ 2-3 ชุด เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้มีใส่ และไม่ต้องกังวลว่าจะหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง 

ชุดว่ายน้ำ

สำหรับใครที่มีแพลนเที่ยวทะเล ควรพกชุดว่ายน้ำไปด้วย หรือใครที่จองที่พักที่มีสระว่ายน้ำ และคิดว่าจะลงไปเล่นน้ำ อาจจะเตรียมชุดว่ายน้ำไปเผื่อด้วยได้ เพราะว่าในบางที่มีข้อกำหนดว่าจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำลงเล่นน้ำเท่านั้น

รองเท้า-ถุงเท้า

รองเท้าและถุงเท้า เป็นอีกสิ่งที่ควรเตรียมให้ดี โดยอาจจะใส่รองเท้าผ้าใบไป พร้อมกับเตรียมรองเท้าแตะ และรองเท้าผ้าใบสำรองไปอีกอย่างละ 1 คู่ รวมถึงถุงเท้าที่ควรเตรียมไปให้พอดี หรือเตรียมไปเผื่อมากกว่าเดิมประมาณ 1-2 คู่  เผื่อเกิดอาการเจ็บเท้า ถุงเท้าขาด หรือเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้มีรองเท้าและถุงเท้าเปลี่ยน

ยาสามัญ

ยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ ยาแก้ปวดท้อง หรือยาแก้ท้องเสีย รวมถึงยาดม หรือยาแก้เมารถ เมาเรือ ก็ควรพกติดกระเป๋าไว้ เพราะว่าเวลาไปเที่ยว อาจจะต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เดินเยอะ กินอาหารหลากหลาย หรือขึ้น-ลงรถบ่อยๆ จนทำให้เกิดอาการป่วยต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดขา ปวดท้อง หรือเมารถตามมาได้ ทั้งนี้ ควรศึกษาก่อนด้วยว่าประเทศปลายทางนั้นมีข้อห้ามในการนำเข้ายาบางชนิดหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการนำเข้ายาผิดกฎหมาย

อาหารแห้ง อาหารฉุกเฉิน

อาหารแห้งหรืออาหารฉุกเฉิน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำพริก น้ำจิ้ม หรืออาหารสำเร็จรูปอื่นๆ เป็นสิ่งที่หลายๆ คนนิยมใส่ไว้ในการจัดกระเป๋าไปเที่ยว เผื่อกลัวว่าอาหารที่ประเทศอื่นจะไม่ถูกปาก ทำให้กินได้ไม่เยอะหรือกินไม่อิ่ม จนทำให้เกิดอาการหิวตอนดึกนั่นเอง 

อาหารเสริม วิตามิน

สำหรับใครที่ต้องทานอาหารเสริมหรือวิตามินเป็นประจำ ควรแพ็กใส่กล่องหรือซองให้พอดีตามจำนวนเวลา และวันที่ไปเที่ยว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพกไปทั้งกระปุก แถมยังช่วยประหยัดพื้นที่และน้ำหนักของกระเป๋า ทั้งนี้ ควรศึกษาก่อนด้วยว่าประเทศปลายทางนั้นมีข้อห้ามในการนำเข้าอาหารเสริม หรือวิตามินบางชนิดหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการนำเข้ายาที่ผิดกฎหมาย

กลุ่มเบ็ดเตล็ด

Checklist กระเป๋าเดินทางสำหรับจัดกระเป๋าไปเที่ยวหมวดหมู่สุดท้าย คือ สิ่งของเบ็ดเตล็ด โดยหมวดหมู่นี้จะมีความสำคัญน้อยที่สุดในการจัดกระเป๋าไปเที่ยว เพราะว่าเป็นสิ่งของที่สามารถหาซื้อได้ง่าย หรือใช้ของอย่างอื่นทดแทนได้ เพื่อช่วยลดสัมภาระหรือน้ำหนักกระเป๋า โดยสิ่งของต่างๆ ในหมวดหมู่เบ็ดเตล็ด มีดังนี้

เครื่องสำอางค์ เครื่องประทินผิว

เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ เป็นสิ่งของที่สามารถหาซื้อได้ในต่างประเทศ โดยเราอาจจะพกไปแค่ชีตมาส์ก ครีมกันแดด แป้งฝุ่น ลิปสติกแท่งโปรด คอนซีลเลอร์ และที่เขียนคิ้ว ส่วนที่เหลือนั้นอาจจะไปซื้อต่างประเทศแทนได้ เพื่อประหยัดน้ำหนักกระเป๋า แถมยังได้ชอปปิงของใหม่อีกด้วย

เครื่องประดับ พร็อพถ่ายรูป

เครื่องประดับหรือพร็อพถ่ายรูป อย่างเช่น แว่นตา หมวก ต่างหู กระเป๋า หรือเครื่องประดับอื่นๆ อาจพกไปแค่เครื่องประดับชิ้นโปรดและกระเป๋าใบโปรดเท่านั้น เพื่อลดสัมภาระที่ไม่จำเป็นออกไป ประหยัดน้ำหนักกระเป๋า แล้วค่อยไปซื้อของใหม่ หรือไปเช่าที่หน้างานแทนได้

กล้องถ่ายรูป 

ถ้าหากไม่ได้ไปถ่ายรูปที่ต้องนำมาใช้งานหรือถ่ายแค่ลงโซเชียล อาจจะไม่จำเป็นที่ต้องพกกล้องถ่ายรูปไป และใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายแทน เพราะในปัจจุบันนั้นกล้องโทรศัพท์มือถือมีสเปกสูงเหมือนกับกล้องถ่ายรูป แถมยังไม่ต้องแบกให้เมื่อยอีกด้วย

ไฟฉาย เทียน ไฟแช็ก ไม้ขีดไฟ

ไฟฉาย เทียน ไฟแช็ก หรือไม้ขีดไฟ เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นัก เพราะมีโอกาสที่จะได้ใช้น้อยมาก หรืออาจพกไปแค่ไฟฉายก็เพียงพอ แต่ถ้าหากพื้นกระเป๋าเต็มแล้ว สามารถตัดออกไปได้เช่นกัน

อื่น ๆ

สิ่งของอื่นๆ ที่สามารถหาซื้อได้ที่ปลายทางได้ง่าย ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ หรือไม่มีความจำเป็น ควรตัดออกไปเลย เช่น ตุ๊กตา ผ้าห่ม ยากันยุง หรือของจิปาถะอื่นๆ เพื่อช่วยลดสัมภาระ และน้ำหนักกระเป๋าที่อาจเกินได้โดยที่ไม่จำเป็น

การจัดกระเป๋าเดินทาง

ทำ Checklist ช่วยจัดกระเป๋าเดินทางดีอย่างไร มีเทคนิคอะไรบ้าง ?

สำหรับข้อดีของการทำ Checklist กระเป๋าเดินทาง เพื่อช่วยจัดกระเป๋าไปเที่ยวให้ง่ายขึ้น มีดังนี้

  • ช่วยให้จัดกระเป๋าไปเที่ยวได้อย่างมีระเบียบ
  • สามารถตรวจสอบได้ง่ายว่าลืมอะไรหรือไม่
  • นำไปแต่สิ่งของที่มีความจำเป็น
  • ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเตรียมของครบหรือเปล่า
  • ช่วยให้จัดกระเป๋าไปเที่ยวได้เร็วขึ้น เพราะรู้ว่าต้องหยิบอะไรบ้าง

โดยเทคนิคสำคัญในการทำ Checklist กระเป๋าเดินทาง มีอยู่ 2 เทคนิคด้วยกัน ได้แก่

  • การทำ Checklist 2 ฉบับ เพื่อเช็กของทั้งขาไปและขากลับ 
  • การทำ Checklist 2 แบบ สำหรับกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดลงใต้เครื่องและกระเป๋าที่จะถือขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรใส่อะไรไว้ที่กระเป๋าไหน จะได้หาของได้ง่ายขึ้น 

การทำ Checklist กระเป๋าเดินทาง สามารถช่วยให้การจัดกระเป๋าไปเที่ยวนั้นเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ แถมยังช่วยให้จัดได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น เพราะรู้ว่าจะต้องใช้ของอะไรบ้าง และควรให้ความสำคัญกับสิ่งของในหมวดหมู่ไหนก่อน ที่สำคัญคือ ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่าเราจัดของที่จำเป็นต้องใช้ครบหรือไม่ แล้วยังช่วยให้จัดกระเป๋าได้อย่างเป็นระเบียบมากขึ้

วิธีวัดกระเป๋าเดินทางไม่ให้พลาด คุ้มทุกทริป สบายทุกการเดินทาง

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนช็อตฟีลเวลาเที่ยวมากที่สุดคือการเสียค่าโหลดกระเป๋าแบบไม่รู้ตัว ซึ่งหนึ่งในเหตุผลก็คือ การวัดขนาดกระเป๋าเดินทางไปผิดวิธีนั่นเอง บางคนอาจจะชะล่าใจว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่บ่อยครั้งก็ยังมีคนที่เข้าใจผิดอยู่มาก AIRPORTELs จึงได้รวบรวมเทคนิควิธีการวัดกระเป๋าเดินทาง แบบเข้าใจง่ายๆ ครบจบทุกขั้นตอน เพื่อให้การเดินทางครั้งต่อไปของทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลย

ทำไมต้องวัดกระเป๋าเดินทาง

โดยปกติแล้ว สายการบินจะจำกัดจำนวน และขนาดของกระเป๋า Carry-on หรือ สัมภาระที่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำขึ้นเครื่อง ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะมีระเบียบและข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป หากผู้โดยสารไม่ปฎิบัติตามข้อกำหนดเรื่องขนาดกระเป๋าเดินทางของสายการบินแล้ว สายการบินสามารถปฏิเสธที่จะให้ผู้โดยสารนำสัมภาระขึ้นเครื่องได้ และให้ทำการโหลดสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องแทน ทำให้ต้องเสียเวลา เสียความรู้สึก และเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจทำให้เกิดความล่าช้าจนตกไฟล์ท ต้องทำการเลื่อนหรือจองตั๋วใหม่จนปวดหัว นอกจากนี้แบรนด์กระเป๋าบางแบรนด์ก็บอกขนาดกระเป๋าเดินทางที่รวมความสูงของล้อ แต่บางแบรนด์ก็ไม่รวม ยิ่งทำให้เกิดความสับสน และทำให้มีปัญหาตอนขึ้นเครื่อง การทำความเข้าใจกับข้อกำหนดของสายการบิน และการวัดขนาดกระเป๋าเดินทาง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและควรทำเป็นอย่างมากก่อนการเดินทางทุกครั้ง

เงื่อนไขขนาดกระเป๋า Carry On ของแต่ละสายการบินเป็นอย่างไร ? 

สายการบินส่วนใหญ่ อนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำสัมภาระขึ้นเครื่องได้ทั้งหมด 2 ชิ้น คือกระเป๋าสะพายหรือเป้ขนาดเล็กสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัวเช่น พาสปอร์ต โทรศัพท์มือถือ หรือหนังสือ ที่สามารถเก็บไว้ในช่องเก็บของใต้ที่นั่ง และกระเป๋าสัมภาระแบบล้อเลื่อนหรือกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กอีก 1 ใบ 

  • โดยเฉลี่ยแล้ว กระเป๋าพกพาติดตัวควรมีขนาดไม่เกิน 37.5 เซนติเมตร (15 นิ้ว) 
  • กระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไม่เกิน 56x36x23 เซนติเมตร (ไซส์กระเป๋าเดินทางล้อเลื่อน 14-16 นิ้ว) 
  • น้ำหนักไม่เกิน 5-7 กิโลกรัม 

หากทำการชั่งและวัดขนาดกระเป๋าเดินทางก่อนไปสนามบิน ก็จะช่วยลดโอกาสในการเจอดราม่าเรื่องการนำกระเป๋าขึ้นเครื่องอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แต่ละสายการบินมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องขนาดและน้ำหนักของกระเป๋า Carry-on ที่แตกต่างกันออกไป และสายการบินสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจสอบเกี่ยวกับกฎระเบียบก่อนออกเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับสัมภาระที่อาจเกิดขึ้นได้

วิธีวัดขนาดกระเป๋าเดินทาง 

จะออกเดินทางทั้งที อย่าให้ทริปดีๆ ต้องมาสะดุดเพราะปัญหาเรื่องขนาดกระเป๋าเดินทาง  มาดูเทคนิคและวิธีวัดขนาดกระเป๋าเดินทางที่ถูกต้องเพื่อการเดินทางที่ราบรื่นกันดีกว่า โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  • เช็คนโยบายของสายการบินที่ใช้บริการ เข้าไปที่เว็บไซต์หรือโทรเข้าไปสอบถามสายการบินเกี่ยวกับน้ำหนักและขนาดของสัมภาระที่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำขึ้นเครื่อง
  • วัดขนาดกระเป๋า วัดขนาดกระเป๋าเดินทางที่ต้องการนำขึ้นเครื่องด้วยสายวัด ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้เป็นกระเป๋า Carry-on ได้หรือไม่ โดยควรวัดให้ครบทั้งสามด้านคือ ความยาว ความสูง และความกว้าง ในส่วนของความสูงของกระเป๋านั้น ควรวัดตั้งแต่ล้อไปจนถึงขอบบนของกระเป๋าเพื่อความแน่ใจ เพราะสายการบินหลายแห่งก็ยังคงนับรวมความสูงของล้อกระเป๋าด้วย
  • แพ็คสัมภาระให้เหมาะกับทริป ไม่พกสัมภาระเยอะจนเกินไป และควรนำเพียงสัมภาระที่จำเป็นติดตัวไป เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง
  • วัดรอบที่สอง เพื่อความถูกต้อง หลังจากที่เก็บสัมภาระทั้งหมดใส่ลงในกระเป๋า ในบางครั้งกระเป๋าอาจหนาขึ้นเพราะมีการเปิดใช้ส่วนขยาย หรือมีสัมภาระที่ทำให้ขนาดกระเป๋าเดินทางเปลี่ยนไป จึงควรมีการวัดขนาดกระเป๋าเดินทางรอบที่สองเพื่อให้มั่นใจว่าขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องที่รวมสัมภาระนั้นยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่ทางสายการบินอนุญาต
  • ชั่งน้ำหนักกระเป๋า นอกจากขนาดของกระเป๋าแล้ว ทางสายการบินยังมีข้อกำหนดในเรื่องของน้ำหนักกระเป๋าอีกด้วย จึงควรทำการเช็คให้แน่ใจว่ากระเป๋าไม่หนักจนเกินไป จะได้ไม่เจอค่าปรับที่คาดไม่ถึง

เลือกกระเป๋าเดินทางขนาดไหนดี

นอกจากขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องแล้ว กระเป๋าสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะยิ่งน้ำหนักกระเป๋าน้อยลงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยเซฟเงินที่สามารถนำไปใช้ระหว่างทริปได้เยอะมากขึ้นเท่านั้น มาดูกันว่ากระเป๋าแต่ละขนาด จะเหมาะกับทริปแบบไหนบ้าง

              กระเป๋าเดินทาง 16 – 21 นิ้ว

ขนาดกระเป๋าเดินทางที่เหมาะมากๆ สำหรับทริปสั้นๆ เช่น ไปงานแต่งงาน งานเลี้ยง หรือการเดินทางไปติดต่อธุรกิจในระยะเวลาสั้นๆ สามารถใส่เสื้อผ้าสำหรับ 1-3 วันได้แบบพอดีๆ และสำหรับหลายๆ สายการบินก็อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้กระเป๋าขนาด 16 นิ้วเป็นกระเป๋า Carry-on ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และไม่ต้องไปมัวรอกระเป๋าเมื่อถึงสนามบินอีกด้วย

             กระเป๋าเดินทาง 24 – 26 นิ้ว

ขนาดกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง สามารถจุเสื้อผ้าและสัมภาระสำหรับทริปไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ และยังเหลือที่ว่างพอให้ใส่ของฝากได้เล็กน้อย ใช้เป็นกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องได้สบายๆ เหมาะสำหรับทริปท่องเที่ยวสั้นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นกระเป๋าเดินทางไซส์มาตรฐานที่ควรมีติดบ้านเอาไว้ เผื่อเจอโปรฯ ทริปไฟลุก ปุบปับเมื่อไหร่ก็พร้อมลากกระเป๋าไปทันที

             กระเป๋าเดินทาง 29 – 32 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่ที่สุด ใช้โหลดใต้ท้องเครื่องอย่างเดียวเท่านั้น เหมาะสำหรับการเดินทางที่ต้องไปอยู่ระยะยาวกว่าหนึ่งสัปดาห์ขึ้นไป ไม่ว่าจะไปเที่ยว ไปเรียน หรือย้ายไปทำงาน ก็พกพาสัมภาระไปได้แบบจุใจ โดยเฉพาะการเดินทางไปประเทศที่มีอากาศหนาว ต้องพกเสื้อโค้ทหรือเสื้อคลุมหนาๆ ก็สามารถใส่ได้สบายๆ เป็นขนาดกระเป๋าเดินทางที่โดนใจ สายช้อป สายแฟชั่น หรือสายเดินทางต่างประเทศ เพราะเก็บของได้จุแบบสุดๆ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เดินทางเป็นครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่ลูกยังเล็กเพราะมักต้องมีสัมภาระติดตัวเยอะ

ทั้งนี้ ขนาดกระเป๋าเดินทางที่เลือก อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ของแต่ละคน และสภาพภูมิอากาศของจุดมุ่งหมาย เช่น แม้ว่าจะเป็นทริปสั้นๆ แต่หากเป็นที่ที่มีอากาศหนาวก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้กระเป๋าใบใหญ่ เพราะต้องใช้เก็บเสื้อโค้ทหรือแจ็คเก็ตที่มีความหนา หรือหากเป็นการเดินทางไปพักกับเพื่อนหรือหอพักที่ซักเสื้อผ้าได้ ก็อาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องพกเสื้อผ้าไปให้ครบจำนวนวันที่เดินทาง เป็นต้น

ถ้าโดนบังคับโหลดเพราะน้ำหนัก หรือขนาดเกิน ทำอย่างไร ?

ฝันร้ายของนักเดินทางทุกคน คือการต้องมาแก้ปัญหาเรื่องสัมภาระขึ้นเครื่องในระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเจอปัญหากระเป๋าโดนบังคับโหลดเพราะมีน้ำหนักหรือขนาดเกิน เพราะไม่ได้ชั่งและวัดขนาดกระเป๋าเดินทางก่อนมาที่สนามบิน แต่หากตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแล้วก็สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ใช้น้ำหนักกระเป๋าโหลดให้เป็นประโยชน์ ในกรณีที่ยังพอมีน้ำหนักเหลือในกระเป๋าโหลด ให้ลองทำการย้ายของจากกระเป๋า Carry-on ไปในกระเป๋าโหลดแทน เพื่อช่วยลดน้ำหนักของกระเป๋าขึ้นเครื่องให้น้อยลง 
  • ใช้บริการส่งกระเป๋ากลับบ้าน ในกรณีที่ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องใหญ่เกินไปจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ในบางครั้งการต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อโหลดสัมภาระ อาจมากพอๆ กับค่าตั๋วเดินทางเลยทีเดียว ดังนั้นการตัดสินใจส่งสัมภาระกลับบ้านในสถานการณ์คับขันจึงกลายทางเลือกที่ดีที่สุด โดยสามารถเลือกใช้บริการขนส่งสัมภาระที่สนามบิน เช่น บริการของ AIRPORTELs มืออาชีพด้านการรับส่งสิ่งของและสัมภาระจากสนามบิน ส่งตรงถึงจุดหมายภายในวันเดียวกัน มีจุดบริการทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง และยังมีจุดให้บริการตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัลเวิร์ด มาบุญครอง และ เทอร์มินอล 21 สามารถรับส่งสัมภาระจากสนามบินได้แบบง่ายๆ ในราคาแบบสบายกระเป๋า

อย่าให้ทริปเดินทางต้องเริ่มต้นด้วยปัญหากระเป๋าน้ำหนักเกินจนต้องจ่ายเงินเพิ่ม หรือขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องใหญ่จนต้องโดนบังคับโหลด เพียงทำการชั่งและวัดขนาดกระเป๋าเดินทางก่อนเริ่มทริป ก็จะช่วยทำให้การเช็คอินกระเป๋าเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดทริปเดินทาง แต่หากต้องการให้การเดินทางครั้งต่อไปสมูธแบบไร้กังวล อย่าลืมเรียกใช้บริการขนส่งสัมภาระจาก AIRPORTELs เพื่อนคู่ใจนักเดินทาง ให้คุณเก็บเวลาไปกังวลเรื่องการหามุมถ่ายรูป และปล่อยให้เรื่องกระเป๋าเป็นหน้าที่ของเรา

รวม 20 ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ใครไม่ไปถือว่าพลาด

แจกพิกัด ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ที่มีดีทั้งรสชาติและบรรยากาศสุดชิค เอาใจคอกาแฟที่อยากนั่งชิลล์ ๆ ดื่มด่ำกับกาแฟและบรรยากาศส่วนตัวแบบชนิดที่ว่าคนไม่พลุกพล่าน จะมีร้านไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลยดีกว่า

1. Aoon Cafe

ใครจะรู้ว่าที่ย่านเยาวราชจะมี ร้านกาแฟลับ แบบนี้ซุกซ่อนอยู่ ที่นี่เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีโรงปั้นเซรามิกให้ได้มาเวิร์กช้อปกัน ซึ่งทางร้านก็ใช้ถ้วยเซรามิกที่ปั้นเองนี่แหละเสิร์ฟเครื่องดื่ม คุณจะได้ลิ้มลองกาแฟแบบฉบับงานคราฟท์ตั้งแต่ภาชนะและกรรมวิธีสุดละเมียดในการชงกาแฟ

ที่อยู่ : 8 Alley, Lane Pathum Khongkha, Khwaeng Samphanthawong, Khet Samphanthawong, Krung Thep Maha Nakhon 10100
พิกัด : https://goo.gl/maps/dJvWF8fir7R4tAW2A
เบอร์โทร : 089-447-7161

image by https://www.facebook.com/aoonpottery

2. Woodbrookbkk

ร้านกาแฟลับ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของตึก ติดกับถนนทรงวาด ภายในร้านมีทั้งโซน in door และระเบียงที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโรนามา ที่สำคัญมีอาหารและเครื่องดื่มหลายรสชาติให้เลือกตามใจชอบ

ที่อยู่ : 1222/1 Songwat Rd. Chakkaphat, Samphanthawong, Bangkok
พิกัด : https://goo.gl/maps/4M9AEvsTyrYgtB7y6
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.00 น. – 19.00 น.
เบอร์โทร : 064-424-2929

image by https://www.facebook.com/woodbrookbkk

3. CHATA Specialty Coffee

ร้านกาแฟ ที่ทีมุมถ่ายรูปกับกำแพงอิฐสุดฮิตแนว Contemporary Loft พร้อมมีเมนูเครื่องดื่มที่เน้นวัตถุดิบเมล็ดกาแฟชั้นดี นอกจากนั้นยังมีเมนูอาหารและเบเกอรี่หลากหลายไว้บริการอีกด้วย

ที่อยู่ : 98 พาดสาย แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100
พิกัด : https://goo.gl/maps/BUtAzepjacoosxFJ7
เวลาทำการ : ปิดวันจันทร์ 09.00 น. – 18.00 น.
เบอร์โทร : 084-625-2324

image by https://www.facebook.com/chataspecialtycoffee

4. Beaker and Bitter

ร้านกาแฟธีมห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่มีมุมถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์ประกอบฉากแบบห้องทดลองวิทยาศาสตร์ครบเซต นอกจากนั้นภายในยังมี co-working space ให้มานั่งทำงานและคุยงานกันอีกด้วย อาหารและเครื่องดื่มก็มีหลากหลายเมนู การันตีความอร่อย

ที่อยู่ : 4 ซ. สายลม 1 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
พิกัด : https://goo.gl/maps/42Rh1Va1sejyfBy78
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08.00 น. – 22.00 น.
เบอร์โทร : 082-989-6946

image by https://www.facebook.com/beakerandbitter/

5. Flints Kraft & Kafe

ร้านกาแฟสุดลับอยู่ในตรอกตึกดิน ถนนดินสอ ตกแต่งบรรยากาศแบบมินิมอล เมนูเครื่องดื่มก็มีหลากหลายทั้งเมนูกาแฟคุณภาพ และ non coffee นอกจากนั้นเขายังมีเวิร์กช็อปสอนทำเครื่องประดับสำหรับคนที่รักงานฝีมือแฮนด์เมด

ที่อยู่ : 90 ตรอกตึกดิน แขวง เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/9D1RdgqKLMGGKJjTA
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน จันทร์- ศุกร์ 8:00 น. – 17:00 น. และ เสาร์ – อาทิตย์ 9:00 น. – 18:00 น.
เบอร์โทร : 095-869-3464

image by https://www.facebook.com/flintskraftkafe/

6. Foxhole BKK

ที่นี่เป็น ร้านกาแฟ เล็ก ๆ ที่อยู่ในตรอกใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ เน้นตกแต่งร้านสไตล์เรียบ ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น แถมยังมีเมนูหลากหลายทั้งกาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ และขนมหวานชนิดต่าง ๆ หลากรสชาติ

ที่อยู่ : 290/4 ถนนตะนาว แขวง ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/VhwH9Upqbef5Lob5A
เวลาทำการ : ปิดวันอังคาร 09:30 น. – 17:30 น.
เบอร์โทร : 086-666-6432

image by https://www.facebook.com/Foxholebkk/

7. NEAT COFFEE​ BAR

ร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์เข้ากับตึกเก่าได้อย่างลงตัว มีเมล็ดกาแฟนานาชนิด พิเศษตรงที่เราสามารถเลือกเบลนด์กาแฟได้เองด้วย ให้คุณได้รังสรรค์รสชาติกาแฟแบบเฉพาะของตัวคุณเอง

ที่อยู่ : 99 3 ถนน บุญศิริ แขวง ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิกัด : https://goo.gl/maps/KbRXSVnqEUSHFcuTA
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10:00 น. – 17:00 น.
เบอร์โทร : 099-156-5424

image by https://www.facebook.com/NEATCOFFEEBAR/

8. Liebe Cafe

ร้านกาแฟย่านโชคชัย 4 ตกแต่งร้านแบบเรียบหรู เน้นสีขาวโปร่งตาดูมินิมอล มีเครื่องดื่ม ๆ และ กาแฟอร่อย ๆ พร้อมกับขนมเบเกอรี่ที่อบสดใหม่แบบวันต่อวัน

ที่อยู่ : 73/2 โชคชัย 4 ซอย 54 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/JbZT95AQpXJD5RK2A
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:00 น. – 19:00 น.
เบอร์โทร : 095-948-1963

image by https://www.facebook.com/Liebecafee/

9. Hong Di Coffee

ร้านกาแฟที่ตกแต่งร้านสไตล์จีนโมเดิร์น มีทั้งโซน in door และ out door ด้านในมี 2 ชั้น บรรยากาศภายในมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ เมนูก็มีหลากหลายทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่

ที่อยู่ : 18 โชคชัย 4 ซอย 39 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/1nCTU8vre2S4M64n8
เวลาทำการ : ปิดทุกวันจันทร์ 09:00 น. – 19:00 น.
เบอร์โทร : 097-954-5519

image by https://www.facebook.com/HongDiCoffee/

10. นิยาย

ร้านกาแฟที่ให้บรรยากาศของการจิบกาแฟอยู่ในสวน บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยแมกไม้ราวกับอยู่ในดินแดนเทพนิยายเลยทีเดียว เมนูกาแฟและเครื่องดื่มก็รสชาติกลมกล่อมมาก แถมยังมีอาหารและของหวานอีกหลายเมนูด้วย

ที่อยู่ : ถนน เลียบคลองหนองทับ ตำบล หนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย นนทบุรี 11150
พิกัด : https://goo.gl/maps/Gi2bA5ABBZmyLcrG9
เวลาทำการ : ปิดทุกวันพุธ จันทร์ – ศุกร์ 10.00 น. – 18.30 น. และ เสาร์ – อาทิตย์ 9.00 น. – 18.30 น.
เบอร์โทร : 063-443-1961

image by https://www.facebook.com/niyaicafe/

11. Cafe Casta

ร้านกาแฟที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านขนมแบบยุโรป โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟนำเข้าคุณภาพเยี่ยม และยังมีขนมอบสุดอร่อยหลากหลายแบบไว้บริการ

ที่อยู่ : 29 ซอย ทุ่งมังกร 4 แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พิกัด : https://goo.gl/maps/gvFEu9SYkSYaBXNA7
เบอร์โทร : 02-884-0448

image by https://www.facebook.com/CafeCasta/

12. Farm to Cup: Specialty Coffee & Art space

ร้านกาแฟลับ ย่านตลิ่งชันที่คัดสรรเอาเมล็ดกาแฟจากไร่ทั่วไทยที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาสร้างสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพ ภายในร้านก็ตกแต่งด้วยงานศิลปะหลากหลายแบบให้ได้นั่งชมแบบชิลล์ ๆ

ที่อยู่ : 22, 2 ถนนฉิมพลี แขวง ฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
พิกัด : https://goo.gl/maps/HQkue5cKu5azESW37
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09.30 น. – 23.30 น.
เบอร์โทร : 080-669-7749

image by https://www.facebook.com/profile.php?id=100076249603117

13. LYNX Coffee

ร้านกาแฟโทนสีเหลืองอ่อน ๆ ตกแต่งเรียบง่าย ที่ให้บริการทั้งกาแฟรสกลมกล่อม เครื่องดื่ม non-coffee และขนมเค้กโฮมเมดกว่า 20 เมนู ปัจจุบันมี 2 สาขาด้วยกัน

ที่อยู่ : 948 ถนนเทอดไท แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 และ หน้าซอยเทอดไท20/1 ตรงข้ามLotus ตลาดพลู
พิกัด : https://goo.gl/maps/fTuCyePHuuCPKWcT9
เวลาทำการ : สาขา 1 ตลาดพลู เปิดทุกวัน 09:00 น. – 18.00 น. และ สาขา 2 โพธิ์นิมิตร หยุดทุกวันจันทร์ 09:00 น. – 18:00 น.
เบอร์โทร : 062-462-6363 และ 092-662-6363

image by https://www.facebook.com/Lynx.coffee/

14. Hint coffee

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอลบรรยากาศสวย ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นละมุนละไม มีมุมชิค ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ส่วนเมนูก็มีทั้งเครื่องดื่มและขนมหลากหลายชนิด

ที่อยู่ : 178 ถ. กรุงธนบุรี แขวง คลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/moxvGsYiLiZzhk189
เวลาทำการ : ปิดทุกวันจันทร์ 09:30 น. – 17.30 น.
เบอร์โทร : 080-937-8762

image by https://www.facebook.com/hintcoffeeco

15. Bake It Bright

ร้านกาแฟที่ตกแต่งสุดชิค มาที่เดียวเหมือนไปถึงอังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี รับประกันมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ นอกจากนั้นยังมีเบเกอรี่โฮมเมดพร้อมกาแฟคุณภาพและเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกมากมายไว้บริการ

ที่อยู่ : 168 ซอย กรุงธนบุรี 10 แขวง คลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/C1PTA8FCqu6CLPAx7
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08:30 น. – 18.30 น.
เบอร์โทร : 097-134-7278

image by https://www.facebook.com/bakeitbright-100853175504134/

16. Billybillies

ที่นี่เป็นคาเฟ่และเวิร์กช้อปสตูดิโอ เปิดโอกาสให้มาเรียนรู้งานฝีมือและงานศิลปะไปพร้อม ๆ กับลิ้มลองเครื่องดื่มและเมนูขนมหวานสูตรพิเศษของทางร้าน

ที่อยู่ : 4453 ถ. สุขุมวิท แขวง บางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
พิกัด : https://goo.gl/maps/HVDED9pPNvM7w1Gp7
เวลาทำการ : ปิดทุกวันอาทิตย์ จันทร์ – ศุกร์ 07.00 น . – 17.00 น. และ เสาร์ 09.00 น. – 18.00 น.
เบอร์โทร : 093-429-1423

image by https://www.facebook.com/billybilliesworkshop/

17. Deep Root Café

ร้านกาแฟสุดลับที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ที่นี่เขาเน้นใส่ใจกับความพิถีพิถันในการชงกาแฟ นอกจากนั้นยังมีอาหารและขนมอร่อย ๆ ไว้ให้ทานคู่กับกาแฟด้วย

ที่อยู่ : 255 2 ถ. สมเด็จเจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600
พิกัด : https://goo.gl/maps/PQCSUEngXKAFyfYLA
เวลาทำการ : เปิด Walk in ทุกวันศุกร์ – วันอาทิตย์ 10.00 น . – 22.00 น.
เบอร์โทร : 095-448-0598

image by https://www.facebook.com/deeprootcafe/

18. slole garden

ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่มีทั้งโซนภายในร้านและโซนในสวน ซึ่งในโซนสวนสามารถพาน้องหมาน้องแมวมานั่งเล่นไปพร้อม ๆ กับจิบ กาแฟอร่อย ๆ ได้ แถมยังมีเมนูเครื่องดื่มและขนมอร่อย ๆ เพียบ

ที่อยู่ : 9 โชคชัย 4 ซอย 52/1 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/kttmkj7x7MuEHiiq9
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 09.30 น . – 18.00 น.
เบอร์โทร : 090-021-2100

image by https://www.facebook.com/slolegarden

19. HARIO CAFÉ

ร้านกาแฟที่เมนูหลากหลายให้ลิ้มลอง ซึ่งนอกจากเมนูพื้นฐานทั่วไปแล้ว เขายังมีเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านด้วยอีกหลายเมนู รับรองเลยว่าคุณจะติดใจ เพราะเป็นรสชาติที่ไม่เคยลองที่ไหนมาก่อน

ที่อยู่ : 291 ถ. โชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
พิกัด : https://goo.gl/maps/n71WQgDbcA2ML9LC7
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 06.00 น . – 22.00 น. (Chokchai 4) , จันทร์ – พฤหัสบดี 7.00 น. – 20.00 น. และ 07.00 – 21.00 ศุกร์ – อาทิตย์ (Thaniya Plaza)
เบอร์โทร : 085-480-2920

image by https://www.facebook.com/hariocafebkk

20. Blackhills BKK

ร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์ที่ตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียน เป็นสไตล์ที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว แถมยังมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีนานาพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกให้เลือก ให้รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร

ที่อยู่ : 302 ซอย ลาดพร้าว 1 แยก 2 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
พิกัด : https://goo.gl/maps/WCTJtYP9KhYiuDp4A
เวลาทำการ : ปิดทุกวันอังคาร 08.00 น. – 17.00 น.
เบอร์โทร : 085-666-3788

image by https://www.bkkmenu.com/eat/we-recommend/blackhills-bkk.html

เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 20 ร้านกาแฟลับในกรุงเทพฯ ที่เรานำมาฝาก หวังว่าจะถูกใจเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย ใครที่เป็นสายชิลล์ชอบนั่งปล่อยใจดื่มกาแฟเงียบ ๆ ลองเช็กลิสต์แล้วตามไปเช็กอินให้ครบทุกร้านให้ได้นะ รับรองว่าถูกใจแน่นอน 

 

รวมที่พัก AirBnb “ราคาถูก” เชียงใหม่เที่ยวตอนรับหน้าหนาว

เมื่อย่างเข้า หน้าหนาว  เชียงใหม่  เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีบรรยากาศธรรมชาติและจุดเช็ดอินที่สวยงาม  ซึ่งนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ก็ยังมีที่พักหลายรูปแบบให้เลือกอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหา  ที่พักราคาถูก  เรามี 10 ที่พัก AirBnb ซึ่งเป็นที่พักหลากหลายสไตล์ที่เจ้าของที่พักเปิดให้เช่าราคาถูกในเชียงใหม่ มานำเสนอ ไปดูกันว่าแต่ละที่จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

 

Sira Boutique Hotel

ที่พักซึ่งเป็นห้องแบบ Deluxe ภายในโรงแรม Sira Boutique Hotel  ที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย ตกแต่งสไตล์ล้านนา เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งที่จอดรถ ห้องลอบบี้ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ โต๊ะทำงาน และมีห้องน้ำในตัวอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสุด ๆ โดยราคาของ ที่พักAirbnb อยู่ที่ประมาณ 500 บาท/คืน

พิกัด : https://goo.gl/maps/5j4XVYRVJzSXALtM8

(Image credit: https://www.facebook.com/siraboutiquehotel)

Whole Gain

ที่พักบรรยากาศอบอุ่น ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีแต่ความน่ารัก ซึ่งอยู่ในรูปแบบบ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน ให้ความรู้สึกเหมือนไปนอนค้างบ้านเพื่อนได้อย่างแท้จริง โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสัญญาณ Wi-Fi โต๊ะทำงาน เครื่องปรับอากาศ ที่จอดรถ รวมไปถึงมีอาหารเช้าพร้อมเสิร์ฟและมุมพักผ่อนสบายตาอีกด้วย โดยราคา ที่พักราคาถูก  อยู่ที่ประมาณ 400 บาท/คืน

พิกัด : https://goo.gl/maps/t5QUgttR8gYezyCs8

(Image credit: https://www.booking.com/hotel/th/whole-gain-chiangmai.th.html)

Bed and Terrace

เกสต์เฮาส์ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่มีการตกแต่งเน้นบรรยากาศผ่อนคลาย และแสดงถึงวัฒนธรรมของชาวเอเชียได้เป็นอย่างดี เพิ่มความสดใสด้วยสีสันของเฟอร์นิเจอร์และพืชพรรณที่มีความหลากหลาย โดยตั้งอยู่ในย่านชุมชนที่มีความสงบและเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ภายในที่พักมีทั้งสัญญาณ Wi-Fi โต๊ะทำงาน โทรทัศน์ และเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นวิวภูเขาจากที่พักได้อีกด้วย  ราคาที่พักใน เชียงใหม่  นี้อยู่ที่ 560 บาท/คืน

พิกัด : https://g.page/bedandterrace?share

(Image credit: https://www.facebook.com/bedandterrace)

Ban Kong Rao Guesthouse

เกสต์เฮาส์น่ารัก บรรยากาศผ่อนคลาย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเครื่องประดับสไตล์ล้านนา ช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี รวมถึงรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย โดยมีห้องพักแบบควีนไซส์ ที่ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทีวี พื้นที่ทำงาน เครื่องปรับอากาศ และที่จอดรถ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่นั่งเล่นบริเวณดาดฟ้า ช่วยเติมเต็มการพักผ่อนได้ทุกเวลา โดยราคาที่พักอยู่ที่ประมาณ 500 บาท/คืน

พิกัด : https://g.page/ban-kong-rao-guesthouse?share

(Image credit: https://www.facebook.com/BanKongRao.ChiangMai)

Astra

สำหรับใครที่ชื่นชอบความสะดวกสบายสไตล์โมเดิร์น เราขอแนะนำ ที่พักAirbnb ที่เปิดให้เช่าโดยเจ้าของห้องพักที่อยู่ภายในคอนโดแอสตร้า ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางไปไนท์บาซาร์ ใช้เวลาเพียง 5 นาที ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยมีทั้ง สัญญาณ Wi-Fi ห้องครัว อ่างน้ำร้อน สระว่ายน้ำ และที่จอดรถ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 990 บาท/คืน 

พิกัด : https://goo.gl/maps/VSHzEwagbiWBYCTa6

(Image credit: https://th.airbnb.com/rooms/23757994?adults=1&children=0&infants=0&pets=0&check_in=2022-12-09&check_out=2022-12-14&source_impression_id=p3_1670561846_7flkllFRpfhXJqXF)

Home @129/3

หากใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวหลายคน การมองหาที่พักซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยร่วมกันได้ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า เราขอแนะนำ ที่พักราคาถูก ในรูปแบบบ้านพัก โดยมีชื่อเก๋ ๆ ว่า Home @129/3 ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 4 คน ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่า ที่สามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวได้สะดวก และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านก็ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครัน โดยราคาของบ้านนี้อยู่ที่ 800 บาท/คืน

พิกัด : https://goo.gl/maps/853RzDCigp8qRc5R9

(Image credit: https://www.facebook.com/homeat1293)

Premier Hostel Chiang Mai

ที่พักAirbnb ใจกลางเมือง เชียงใหม่ สไตล์ลอฟท์ บรรยากาศดี มีทั้งวิวสวนและวิวริมคลอง ให้เลือกใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ภายในห้องพักมีห้องนอนที่มาพร้อมกับเตียงขนาดควีนไซส์และมีห้องนั่งเล่นในตัวด้วย  โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้ง สัญญาณ Wi-Fi พื้นที่ทำงาน เครื่องปรับอากาศ และที่จอดรถ โดยราคาห้องพักอยู่ที่ประมาณ 500 บาท/คืน

พิกัด : https://goo.gl/maps/rhM6xh7KrvAUTuTJ7

(Image credit: https://www.facebook.com/profile.php?id=100076542822320)

Baan Ploy-in : ณ เมืองเก่าเชียงใหม่

ท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าเชียงใหม่ ได้แบบง่าย ๆ เมื่อพักผ่อนที่ Baan Ploy-in โดยละแวกนี้เป็นชุมชนเก่าที่มีความสงบ เต็มไปด้วยร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ภายในห้องพักมีเตียงควันไซส์ 1 เตียง มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สัญญาณ Wi-Fi ห้องครัว ทีวี และที่จอดรถให้บริการ โดยราคา ที่พัก Airbnb อยู่ที่ ประมาณ 520 บาท/คืน

พิกัด : https://goo.gl/maps/vu2wSEp2keW4PxcS8

(Image credit: https://th.airbnb.com/rooms/16551393?adults=1&children=0&infants=0&check_in=2023-01-17&check_out=2023-01-22&source_impression_id=p3_1670562243_9INlS7q%2Fk%2FRjzFbj)

North Moat 10

สัมผัสบรรยากาศสบาย ๆ กับบ้านที่รายล้อมด้วยความอบอุ่น ที่ North Moat 10 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประตูช้างเผือก ซึ่งบริเวณโดยรอบรายล้อมด้วยน้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกภายในที่พักมีให้บริการทั้งสัญญาณ Wi-Fi พื้นที่ทำงาน ห้องครัว ทีวี และที่จอดรถยนต์อีกด้วย โดยราคาที่พักนี้อยู่ที่ประมาณ 650 บาท/คืน

พิกัด : https://goo.gl/maps/KhGYVrBnt9o5JQo86

(Image credit: https://th.airbnb.com/rooms/584519818198313390?_set_bev_on_new_domain=1670561639_ZGQxMDZkMGI5YWM2&source_impression_id=p3_1670562382_hqzcHhOzXERea6fz)

Ram Poeng Guesthouse

สำหรับใครที่ต้องการที่พักในแบบที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร เราขอแนะนำ Ram Poeng Guesthouse ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลสุเทพ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 นาที ตัวอาคารเป็นบ้านสักไม้ 2 ชั้น ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เหมาะสำหรับการอยู่เป็นครอบครัว รองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 5 คน ภายในประกอบด้วย ห้องพัก 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน สัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และที่จอดรถ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,600 บาท/คืน

พิกัด: https://goo.gl/maps/XY86ZhhYTsszghjD9

(Image credit: https://th.airbnb.com/rooms/15543072?_set_bev_on_new_domain=1670561639_ZGQxMDZkMGI5YWM2&source_impression_id=p3_1670562643_kmmoDHozFoowE1%2FF&modal=PHOTO_TOUR_SCROLLABLE&modalItem=334177640)

 

ใครที่กำลังจะไปเที่ยวเชียงใหม่ อย่าลืมเลือกดู ที่พักAirbnb  เพราะมีหลายรูปแบบให้เลือกสรร ตั้งอยู่บนทำเลยอดนิยมและราคาคุ้มค่า ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด โดยราคาของที่พักแต่ละที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวันที่เลือกเข้าพัก ถ้ามีแพลนจะไปเชียงใหม่ไม่ว่าจะเป็น หน้าหนาว หรือฤดูกาลไหน ๆ ก็ลองจดลิสต์เหล่านี้ไปแล้วเลือกจองกันได้เลย

 

ที่มาข้อมูล

ปักหมุดลุย! 22 ที่เที่ยว เขาใหญ่ เปิดใหม่ บรรยากาศดี ถ่ายรูปสวย อัพเดทล่าสุด 2022

ถ้าอยากเที่ยว หน้าหนาว แต่ไม่อยากเดินทางไกล ปักหมุดไป 22 จุดเช็คอินเขาใหญ่ก็เอาอยู่ รับประกันวิวปังถ่ายรูปสวยเทียบชั้นต่างประเทศ อัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจตามในลิสต์นี้แล้วเซฟเก็บไว้เลยเพื่อเป็นแผนสำหรับการท่องเที่ยวในครั้งต่อไป

The Campus Khaoyai

Local Market ริมถนนธนะรัชต์ที่น่าเดิน มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และแหล่งช้อปสินค้าออแกนิคสดใหม่ ปลายปีที่แล้วจัดเทศกาลฉลองคริสต์มาสได้บรรยากาศ เมืองนอก มาก ๆ ปีนี้รอชมความอลังการกันอีกครั้ง

(Image credit: https://www.facebook.com/Thecampuskhaoyai)

Flowermountain Khaoyai

ชมพันธุ์ไม้เมืองหนาวที่อบอวลไปด้วยความสวยและหอม ถ่ายรูปกับมวลบุปผาได้ตลอดวัน จะนอนพักที่นี่เลยก็ได้ มีรีสอร์ทสวยน่าอยู่ ทุ่งดอกไม้ฟลาวเวอร์เมาน์เทนอยู่ใกล้ตลาดน้ำเขาใหญ่ 

(Image credit: https://www.facebook.com/search/top/?q=Flowermountain%20Khaoyai)

Assana Cafe 

คาเฟ่ริมลำตะคองลมพัดเย็นสบาย เที่ยวได้ทุกฤดู นั่งจิบกาแฟและเครื่องดื่มแล้วอย่าลืมสั่งเบเกอรีมาชิม หรือจะจัดของหนักเป็นเมนูจานหลักก็อร่อยได้อีก

(Image credit: https://www.facebook.com/Assanacafe/)

Timber Tales Cafe and Bistro Khaoyai 

คาเฟ่สวยอร่อย ในธีมป่า 360 องศา เดินเข้าไปจะรู้สึกเหมือนกำลังปลีกวิเวกกลางป่า อาหารอร่อยหลากสไตล์ทั้งไทยและตะวันตก เมนูซิกเนเจอร์คือมะม่วงเบาปั่นที่ยังหาชิมที่ไหนได้ไม่อร่อยเท่า 

(Image credit: https://www.facebook.com/timbertaleskhaoyai)

Zen Villa Khaoyai

อยากได้ ที่พักฟิลเมืองนอก มาที่นี่เลย รีสอร์ทสไตล์ญี่ปุ่นตกแต่งแนวเซน อยากได้โมเมนต์แบบเจแปนนิสจ๋าต้องไป เลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์ไปไม่ไกลก็เจอแล้ว

(Image credit: https://www.facebook.com/zenvillakhaoyai)

Khaam Khaoyai 

คาเฟ่ที่ได้รับการกล่าวขานในความเป็นเจแปนนิสอย่างมาก ตกแต่งบรรยากาศโดยผสมผสานกับไม้ไทยโบราณอย่างต้นมะขามได้ลงตัว เป็นคาเฟ่มาแรงที่ห้ามพลาด 

(Image credit: https://www.facebook.com/KhaamKhaoyai)

ทุ่งกังหันลมและภูเขาเควสตา 

หนาวนี้ออกไป รับบรรยากาศบริสุทธิ์ กับวิวกังหันลมกันบ้างที่อ่างเก็บน้ำลำตะคอง แหล่งผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดและภูเขาเควสตาที่มีความสวยงามแปลกตา 

(Image credit: https://www.facebook.com/Chillpainai/)

ไร่องุ่น GranMonte

พาครอบครัวไปร่วม กิจกรรม ทัวร์ไร่องุ่นที่กราน-มอนเต้ สนุกและได้ความรู้ ไปดูเขาปลูกองุ่นและกรรมวิธีบ่มไวน์ สัมผัสวิถีชีวิตชาวไร่และชิมอาหารอร่อยที่ร้าน VinCotto สไตล์โฮมเมดเข้าบรรยากาศ  

(Image credit: https://www.facebook.com/granmonte/)

Khao Yai Farm Village

ใครชอบท่องเที่ยวเชิงเกษตรและอยากทำ กิจกรรม ร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวต้องไปที่เขาใหญ่ฟาร์ม วิลเลจ ไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่เก็บความทรงจำที่ดีไว้ได้ยาวนาน

(Image credit: https://www.facebook.com/khaoyai.farmvillage.fanpage/)

Journey Cafe Khaoyai 

อยู่ภูเขาแต่ตกแต่งแนวคาเฟ่ริมทะเลกระชากอารมณ์คนไปเที่ยวแบบสุด ๆ และยังได้เก็บโมเมนต์ดี ๆ ระหว่างจิบกาแฟข้างหอไอเฟลอีกด้วย ที่นี่เหมาะ เที่ยวได้ทุกฤดู 

(Image credit: https://www.facebook.com/Journeycafekhaoyai/)

Chowbarn E-SAN SOUL CAFE 

เป็น คาเฟ่สวยอร่อย ที่ต้องแนะนำให้ไปชิมแหนมห่อใบตองย่างเตาถ่าน ปลาช่อนนาพอกเกลืออบสมุนไพร รสชาติถึงใจไม่ธรรมดา 

(Image credit: https://www.facebook.com/ChowBarnRestaurant)

Tayama Farm Khaoyai

ฟาร์มออแกนิคและร้านอาหารญี่ปุ่นผสมกัน มีสวนน้ำให้เล่นและมีที่กางเต็นท์ให้ด้วย  ผ่านมาทางหนองสาหร่ายให้สังเกตซูโม่ยักษ์สองคนลงไปเช็คอินกันได้ 

(Image credit: https://www.facebook.com/Tayamakhaoyai/)

สวนดอกไม้ The Bloom by ทีวีพูล

ใครชอบดอกไม้แวะไปที่เดอะ บลูม บาย ทีวีพูลไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ในพื้นที่นับร้อยไร่ พร้อมรีสอร์ทที่พักเขาใหญ่แสนสบายเหมาะไป รับบรรยากาศบริสุทธิ์ 

(Image credit: https://www.facebook.com/thebloomkaoyai/?ref=page_internal)

Pete Maze

พิชญ์เขาวงกตสุดท้าทายปลุกพลังนักผจญภัยเหมือนอยู่ในเกม เหมาะกับเด็ก ๆ ก็จริงแต่ผู้ใหญ่ก็แอบชอบ ควรไปเช้าหน่อยเพราะกลางวันแดดจัดอาจเวียนหัวกับเขาวงกตได้ 

(Image credit: https://www.facebook.com/petepetemaze)

Secret Art Garden 

ตลาดนัดศิลปะกลางป่าที่เรียกกันว่า สวนซ่อนศิลป์ มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเป็นครอบครัว พร้อม กิจกรรม ปิ้งย่างบาร์บีคิวกลางป่าให้ด้วย 

(Image credit: https://www.facebook.com/secretartgarden)

KhaoYai Art Museum

สถานที่เช็คอินของสายติสท์ เป็นพื้นที่กลางแจ้งจัดแสดงผลงานศิลปะและประติมากรรมไทยระดับฝีมือชั้นครู อย่าง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, อ.ถวัลย์ ดัชนี, อ.ประเทือง เอมเจริญ รู้อย่างนี้จะพลาดได้อย่างไร

(Image credit: https://www.facebook.com/KhaoYaiArtMuseum)

ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร 

ชมดอกทานตะวันในทุ่งขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่บานรับแสงอาทิตย์อยู่เต็มท้องทุ่งและมีต้นปอเทืองสีเหลืองปลูกแซมไว้อีกมากมาย เหมาะเดินทางไปในช่วงฤดูหนาวนี้จนถึงเดือนมกราคม 

(Image credit: https://www.facebook.com/manesornsunflower/)

ตาดหินยาว 

รับบรรยากาศบริสุทธิ์ สไตล์นักท่องเที่ยวสายอนุรักษ์ที่ตาดหินยาวกันบ้าง น้ำตกที่สวยไม่ธรรมดาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หมดฝนแล้วควรแพลนไปที่นี่ด่วน ๆ 

(Image credit: https://www.facebook.com/SiamInterTravel)

Wonderland Thailand

เที่ยวแบบย้อนวัยต้องไปสวนสนุก Wonderland Thailand อยู่ในเขตจังหวัดสระบุรีใกล้เขาใหญ่ มีทั้งเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิงและสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมาย มาที่นี่ที่เดียวได้ความสนุกครบแนว 

(Image credit: https://www.facebook.com/wonderland.saraburi)

Lago di Khao Yai

ลาโก ดิ เขาใหญ่ มีมุมถ่ายภาพเริ่ดสไตล์ เมืองนอก ทั้งทะเลสาบจำลอง อาคารทรงอิตาลีที่กำลังเตรียมจะเป็นโรงแรมสุดหรูในอีกไม่นานรอเช็คอินได้เลย

(Image credit: https://www.facebook.com/LagoKhaoYai/)

Toscana valley

เป็น ที่พักฟีลเมืองนอก ที่ไม่ต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเล มีที่พักหรูเป็นตึกรูปทรงเดียวกับอาคารในแคว้นทอสคานา ประเทศอิตาลี และที่เพิ่งเปิดไม่นานคือห้องพักในหอคอย Toscana Piazza สูงสง่าไม่แพ้ต่างประเทศ

(Image credit: https://www.facebook.com/ToscanaValley/)

โบสถ์ Kensington 

วัดบุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์ที่เปี่ยมมนต์ขลังและบรรยากาศเหมือนอยู่ เมืองนอก เมืองนา มีการทำพิธีมิสซาของชาวคริสต์ทุกเช้าวันอาทิตย์ 

(Image credit: https://www.facebook.com/wiang.pai.reuay)

และนี่คือ 22 ที่เที่ยวเขาใหญ่ที่มีบรรยากาศเป็นต่างประเทศแบบสุด ๆ หน้าหนาว นี้ห้ามพลาด

 

ที่มาข้อมูล

เทคนิคจัดกระเป๋าเดินทาง ด้วยกระเป๋า 20″ ใบจิ๋ว

 

เทคนิคจัดกระเป๋าเดินทาง ด้วยกระเป๋า 20″ ใบจิ๋ว

การจัดกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเมื่อต้องออกเดินทาง ซึ่งอาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องการเตรียมไป โดย กระเป๋า20 นิ้ว จะเป็นขนาดกระเป๋าที่มีความกะทัดรัด สามารถใช้เดินทางในระยะเวลาสั้น ๆ ได้สะดวก ซึ่งหากโดยสารด้วยเครื่องบินก็ไม่ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มให้เปลืองเงินอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหา รีวิวการจัดกระเป๋า วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ มาบอก ไปดูกันว่าจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง

 

1. จัดของเป็นหมวดหมู่แล้วแยกใส่กระเป๋าใบเล็ก

การแยกของให้เป็นหมวดหมู่นอกจากจะสะดวกต่อการหยิบใช้งานแล้ว ยังช่วยให้การจัดกระเป๋าเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นด้วย โดยสิ่งต่าง ๆ ที่ควรแยกอย่างเช่น อุปกรณ์อาบน้ำ เครื่องสำอาง ยารักษาโรคประจำตัวหรือยาที่ควรใช้ระหว่างการเดินทางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแต่ละส่วนควรจัดลำดับความสำคัญในการใช้งาน โดยสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้ก่อนถึงที่พัก หรือต้องใช้แบบเร่งด่วน เช่น ยาหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกสายชาร์จ ก็ควรเก็บไว้ในที่หยิบใช้งานสะดวก 

 

2.จัดแบบม้วนดีกว่าแบบพับ

การม้วนเสื้อผ้าชิ้นบาง ๆ ทำให้ประหยัดพื้นที่มากกว่าการพับ อย่างเช่น เสื้อยืด หรือชุดนอน ซึ่งควรจัดเป็นชุด ๆ ไว้ เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน โดยพับเสื้อหรือกางเกงให้ส่วนแขนหรือส่วนที่ยื่นออกไปมารวมอยู่ตรงกลางให้เป็นทรงกระบอก จากนั้นก็ม้วนจากด้านบนลงมาด้านล่าง เพื่อไล่อากาศระหว่างทางออกไป และหากตรงปลายมีปลายเปิดก็พับทบกลับมาห่อเสื้อผ้าชิ้นนั้น ๆ เพื่อเป็นการช่วยไม่ให้ม้วนผ้าคลายออกไปมากขึ้น

 

3. ให้ถุงสุญญากาศเป็นตัวช่วย 

สำหรับผ้าชิ้นหนา เช่น เสื้อกันหนาว หรือผ้าเช็ดตัว ที่มักจะกินเนื้อที่ทั้งการม้วนและการพับ จึงต้องมีตัวช่วยอย่างถุงสุญญากาศที่จะช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ได้ 70-80 % โดยมีทั้งถุงที่ต้องใช้เครื่องดูดอากาศออกและถุงที่ใช้วิธีการม้วนอย่างเดียว ใครสะดวกใช้งานแบบไหนก็ลองไปเลือกซื้อกันได้ โดยนอกจากจะใช้ถุงสุญญากาศเพื่อใส่เสื้อผ้าชิ้นหนาแล้วก็สามารถใช้ใส่เสื้อผ้าชิ้นบาง ๆ หลาย ๆ ชิ้น เข้าด้วยกันเพื่อประหยัดพื้นที่อีกด้วย

 

4.แยกชุดชั้นในไว้ในถุงเฉพาะ 

เมื่อเรา ไปเที่ยวกัน อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดมากมาย ซึ่งบางทีอาจต้องเปิดกระเป๋าระหว่างทาง และถ้าเปิดมาเห็นชุดชั้นในกระจายอยู่เต็มกระเป๋าคงเป็นภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่นัก การจัดเก็บชุดชั้นในแยกไว้ในกระเป๋าเฉพาะจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยจัดเสื้อชั้นในเรียงซ้อนกันและเสริมตรงที่ว่างด้วยกางเกงชั้นใน เพื่อใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยไม่ให้เสื้อชั้นในเสียทรงด้วย ถ้าหากกระเป๋ามีที่ว่างเหลือ ก็อาจจะใส่ถุงเท้าพับแล้วเข้าไปด้วย 

 

5.ใช้ของขนาดพกพา

ในการเดินทางหลายคนมักจะพกพาเครื่องประทินผิวต่าง ๆ อย่างเช่น ครีมอาบน้ำ แชมพู และโลชั่น ที่ใช้ประจำอยู่ไปด้วย ซึ่งจะนำขวดใหญ่แบบที่ใช้อยู่ที่บ้านใส่ไปใน กระเป๋า20 นิ้ว ด้วยก็คงไม่สะดวก การหาซื้อขวดแบ่งขนาดเล็กไปจึงเหมาะสมมากกว่า หรือถ้ามีขนาดพกพาขายก็สามารถซื้อไปใช้ได้อย่างสะดวก แต่สำหรับใครที่ไม่อยากซื้อหลายรอบ ซื้อขวดแบ่งมาใช้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะหากใช้หมดก็นำกลับมาเติมและใช้ซ้ำได้ง่ายกว่าอีกด้วย

 

6.วางสิ่งของที่มีน้ำหนักไว้ด้านล่าง

เทคนิคจัดกระเป๋า ที่ดีนอกจากจะคำนึงถึงการทำสิ่งของให้มีขนาดเล็กแล้ว การจัดวางโดยคำนึงถึงน้ำหนักสิ่งของก็จะช่วยให้ง่ายต่อการเดินทางมากขึ้น โดยควรวางสิ่งของที่มีน้ำหนักไว้ด้านล่างใกล้ฐานล้อ เพราะจะได้ช่วยถ่วงน้ำหนักเวลาลากไปกับพื้น และของที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกกดทับก็ต้องวางไว้ด้านบน หากใครพกพาสิ่งของที่เป็นแก้วซึ่งจะแตกได้ง่ายก็ใช้เสื้อผ้าพันไว้หลายทบ เพื่อรองรับการกระแทกและช่วยให้ประหยัดพื้นที่มากขึ้น

 

7.ใส่ถุงเท้าไว้ในรองเท้า

หากการเดินทางที่ต้องนำรองเท้าไปเปลี่ยนด้วย ควรหาพื้นที่ ๆ จะไม่ถูกกดทับมาก เพราะอาจทำให้รองเท้าเสียทรงได้ โดยต้องหาถุงมาใส่รองเท้าเพื่อแยกจากของชิ้นอื่น ๆ ป้องกันความสกปรก โดยอาจจะใช้หมวกอาบน้ำมาคลุมรองเท้ารอบหนึ่งเพื่อช่วยกักเก็บเศษฝุ่นที่ติดอยู่ หลังจากนั้นก็เอาไปใส่ถุงรองเท้าได้ และควรใส่ถุงเท้าไว้ในรองเท้า เพราะนอกจากประหยัดพื้นที่แล้ว ยังช่วยรักษาทรงรองเท้าได้ด้วย

 

8.พกถุงสำหรับใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว

เมื่อเราเดินทางคงไม่สะดวกที่จะซักผ้าทุกวัน การเตรียมถุงสำหรับใส่เสื้อผ้าใช้แล้วจังเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าไม่แยกกันก็อาจทำให้ชุดที่ยังไม่ได้ใส่เปื้อนไปด้วย การเลือกใช้ถุงสำหรับใส่ผ้าใช้แล้วควรใช้ถุงที่ระบายอากาศได้ดี แต่ถ้าเดินทางช่วงสั้น ๆ และไม่กังวลเรื่องกลิ่นอับมากนัก ก็อาจจะใช้เป็นถุงพลาสติกธรรมดาก็ได้ 

 

9.จัดเสื้อผ้าเป็นชุดตามวัน 

สำหรับใครที่มีพื้นที่เหลือพอที่จะสามารถจัดชุดตามวันได้ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ไม่เสียเวลาในการเลือกตอนใส่อีกรอบ และช่วยให้เกิดความเป็นระเบียบสบายตาด้วย โดยอาจจะใช้วิธีม้วนเป็นชุดเสื้อกางเกงของแต่ละวันหรือใส่ถุงสุญญากาศไว้ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก หากมีที่เหลือพอก็อาจจะจัดทั้ง เสื้อผ้าชุดนอก ชุดชั้นใน และถุงเท้าของแต่ละวันไว้ด้วยกันเลยก็ได้ 

 

10.เรียงของให้เต็มพื้นที่ 

การจัดเรียงของในกระเป๋านอกจากการคำนึงถึงการใช้พื้นที่ให้มีประสิทธิภาพแล้ว ก็ต้องไม่ลืมเรื่องการจัดของให้เต็มพื้นที่ด้วย เพราะหากมีที่เหลือ ก็จะทำให้ของภายในกระเป๋าที่เราจัดไว้กระจัดกระจาย ไม่เป็นระเบียบ สร้างความปวดหัวและเสียเวลาต้องจัดอีกรอบเป็นแน่ เราก็อาจเติมกระเป๋าให้เต็มด้วยการใช้หมอน ผ้าห่ม หรือผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาช่วย 

 

สำหรับ เทคนิคจัดกระเป๋า หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน และถ้าใครอ่าน รีวิวการจัดกระเป๋า และเตรียมกระเป๋าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวออก ไปเที่ยวกัน ได้เลย 

 

ที่มาข้อมูล:

รวมพิกัดสถานที่เช่าชุดไทย ถ่ายรูปสวยๆในวัด

กระแสละครบุพเพสันนิวาสปลุกเทรนด์ฮิตสวมเสื้อผ้าชุดไทยถ่ายรูปสวยๆ กันทั่วบ้านทั่วเมือง จนถึงทุกวันนี้ปรากฏการณ์ออเจ้าฟีเวอร์ยังไม่แผ่ว เป็นอีกกิจกรรมที่ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจให้ เช่าชุดไทย เที่ยวชมโบราณสถานที่พระนครศรีอยุธยาตามรอยแม่หญิงการะเกดในละครบุพเพสันนิวาส และจุดเช็คอินห่มสไบนุ่งโจงกระเบนถ่ายรูปสวยๆ ตาม วัด วาอารามใน กรุงเทพ ใครอยากรู้ว่ามีสถานที่เช่าชุดไทยสวยๆ ที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย

อยุธยาเมืองเก่าเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่ตามหาร้านเช่าชุดไทยไปถ่ายรูปเป็นออเจ้าและพี่หมื่นตามสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง มีบริการถ่ายรูปโดยช่างภาพมืออาชีพของร้านด้วย เรารวมร้านดังร้านเด็ดมาให้คุณแล้ว

 

1.สไบไทย SaBai Thai

เป็นร้านให้เช่าชุดไทยห่มสไบอิงกระแสละครบุพเพสันนิวาส ชุดไทยร่วมสมัยที่สวมง่าย ไปจนถึงชุดไทยแฟนซีสำหรับสวมในโอกาสพิเศษ มีทั้งบริการเช่าชุดและจำหน่ายให้กับลูกค้าที่อยากมีชุดไทยสวยๆ เป็นของตนเอง ใครอยากสวมชุดแบบจัดเต็มถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ทางร้านมีบริการแต่งหน้าทำผมพร้อมบริการถ่ายภาพแบบครบวงจร ได้รูปสวยไม่ซ้ำใครในราคาที่เอื้อมถึง

ที่ตั้ง : ร้านอยู่เชิงสะพานปรีดี ตรงข้ามร้านอาหารเวนิส ถนนอู่ทอง ตำบลหอรัตนไชย สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่สามารถแวะสักการะพระรัตนตรัยและแช๊ะรูปได้ ได้แก่ วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดพนัญเชิงวรวิหาร, วัดมหาธาตุ, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดพระราม, วัดราชบูรณะ

 

2.สไบปลิว By Mangpor Ayutthaya

เป็นร้านเช่าชุดไทยหลายแบบ ชุดไทยสำหรับงาน แต่งงาน ชุดแฟนซีสำหรับงานอีเวนท์ต่างๆ พร้อมเครื่องประดับ มีบริการแต่งหน้าทำผมสวยครบ ให้บริการทั้งในและนอกสถานที่ ไม่มีบริการถ่ายภาพให้ ราคาเช่าชุดย่อมเยา สวยไม่แพ้ใคร

ที่ตั้ง : ร้านอยู่แถวถนนอู่ทอง ตำบลหอรัตนไชย ไม่ห่างจากร้านสไบไทย สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดพนัญเชิงวรวิหาร, วัดมหาธาตุ, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดพระราม, วัดราชบูรณะ

 

3.เช่าชุดไทยร้านอลังการอยุธยา

ร้านเช่าชุดไทยในตัวเมือง จัดเต็มทั้งชุดไทยสวยอลังการหลายแบบ พร้อมอุปกรณ์เสริมให้เช่า เช่น ร่ม รองเท้า มีช่างแต่งหน้าทำผมและบริการ ถ่ายรูป เก็บไว้เป็นที่ระลึก ราคาย่อมเยา หากถ่ายรูปในร้านไม่จุใจ สามารถไปเดินเที่ยวถ่ายรูปเล่นในวัดและโบราณสถานใกล้ๆ สวมบทบาทแม่หญิงการะเกดและพี่หมื่นกันอย่างจุใจ 

ที่ตั้ง : ร้านอยู่ที่ถนนนเรศวร ใกล้วัดราชบูรณะและวัดมหาธาตุ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดมหาธาตุ, วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดพระราม, วัดราชบูรณะ, วัดพนัญเชิงวรวิหาร

 

4.อยุธยาชุดไทย

เป็นบริการให้เช่าชุดไทยพร้อมแต่งหน้าทำผมสวยครบตั้งแต่หัวจรดเท้า ปัจจุบันไม่มีหน้าร้าน ผู้สนใจโทรสอบถามและนัดคิวไปเลือกชุดสวยๆ ได้ที่บ้าน มีตั้งแต่ชุดไทยพื้นฐานเหมือนในวรรณคดี ชุดไทยถอดแบบจากละครย้อนยุคที่โด่งดัง หรือมองหาชุดสวยสำหรับพิธีแต่งงานและเพื่อนเจ้าสาว จัดเต็มให้ทุกชุดตามสโลแกน “สวยดุจดารา ราคามหาชน” งบไม่บานปลาย 

ที่ตั้ง : ร้านเช่าชุดไทยอยู่ในโซนบางปะอิน  สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดใหญ่ชัยมงคล, ตลาดน้ำอโยธยา

 

5.ออเจ้า วัดไชยวัฒนาราม

ร้านเช่าชุดไทยทำเลดีหน้าวัดไชยวัฒนาราม เป็นร้านเช่าชุดเก่าแก่ที่ลูกค้าไว้วางใจมานานตั้งแต่ก่อนกระแสละครดัง มีชุดไทยและเครื่องประดับให้เลือกหลายรูปแบบ เช่าชุดราคาเบาๆ สวมเป็นออเจ้าไปเดินเที่ยวได้ทั้งวัน โดยเฉพาะวัดไชยวัฒนารามซึ่งเป็น วัด เก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองในสมัยอยุธยาตอนปลาย และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องบุพเพสันนิวาสก็อยู่หน้าร้านพอดี มีบริการเช่าชุดพร้อมช่างแต่งหน้าทำผม ถ่ายรูปสวยๆ โดยช่างมืออาชีพ 

ที่ตั้ง : พิกัดร้านอยู่หน้าวัดไชยวัฒนาราม ตำบลบ้านป้อม สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม, วัดพุทไธศวรรย์, อุทยานประวัติศาสตร์, วัดบรมพุทธาราม, วัดพระราม, วัดพระศรีสรรเพชญ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา, วังช้างอยุธยา

 

6.ร้านผ้าไทย By มณฑิตา วัดไชยวัฒนาราม

เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีทำเลอยู่ใกล้วัดไชยวัฒนาราม บริการลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวและสนใจสวมชุดไทยโพสต์ท่าถ่ายรูป มีให้เลือกทั้งชุดไทยอยุธยาแบบออเจ้า ไปจนถึงผ้าไทยวัยรุ่นแต่งชุดไทยเก๋ๆ พร้อมเครื่องประดับจัดเต็มทั้งแต่งหน้าและทำผมโดยช่างมืออาชีพ ตามสโลแกนไม่สวย ไม่หล่อ ไม่ให้ออกจากร้าน รับประกันความพอใจในราคาจับต้องได้ มีบริการถ่ายรูปในร้านหรือจะเช่าชุดสวมไปเดินเที่ยวถ่ายรูปในวัด ตลอดจนงานถ่ายรูปพรีเวดดิ้งก็มีให้บริการเช่นกัน

ที่ตั้ง : ร้านตั้งอยู่หน้าวัดไชยวัฒนาราม สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม, วัดพุทไธศวรรย์, อุทยานประวัติศาสตร์, วัดบรมพุทธาราม, วัดพระราม, วัดพระศรีสรรเพชญ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา, วังช้างอยุธยา

 

7.ร้านชื่นชีวา ชุดไทยย้อนยุค

บริการให้เช่าชุดผ้าไทยสวยเกินราคา รีวิวลูกค้ามากมายประทับใจในความพิถีพิถันจัดแต่งตัวให้อย่างสวยเป๊ะ ภายในร้านจัดแต่งร้านเป็นสตูดิโอถ่ายรูปสวยแบบโบราณมีทั้งฉากมีทั้งบัลลังก์สุดอลังการ สวยทั้งชุดเก๋ทั้งเครื่องประทับครบจบในที่เดียว บริการถ่ายรูปทั้งในและนอกสถานที่เก็บไว้เป็นเมมโมรี

ที่ตั้ง : ทำเลร้านใกล้วัดไชยวัฒนาราม สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม, วัดพุทไธศวรรย์, อุทยานประวัติศาสตร์, วัดบรมพุทธาราม, วัดพระราม, วัดพระศรีสรรเพชญ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา, วังช้างอยุธยา

 

8. Sense Of Thai : Thai Costume Rental

ร้านเช่าชุดไทยร่วมสมัยที่โดดเด่นในกรุงเทพคงหนีไม่พ้นร้านนี้และอีกหลายร้านที่มีพิกัดใกล้วัดพระแก้วและวัดอรุณซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนุ่งโจงห่มสไบที่ควรไปเยือนสักครั้ง ร้าน Sense Of Thai เปิดให้บริการไม่นานแต่คัดสรรชุดไทยมาให้เลือกอย่างครบครัน ตั้งแต่ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว และงานมงคลต่างๆ เลือกชุดสวยไปสวมได้ทุกโอกาสพร้อมเครื่องประดับเข้าเซตกัน มีพนักงานผู้เชี่ยวชาญบริการแต่งชุดให้พร้อมกับแนะนำวิธีเลือกชุดสวมให้เหมาะกับโอกาส และเดินเที่ยวถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ใกล้เคียงอย่างวัดและวังหลวง

ที่ตั้ง : พิกัดร้านอยู่แถวมหาราช-ท่าเตียน แขวงพระบรมมหาราชวัง สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดพระแก้ว, วัดอรุณราชวราม, วัดเบญจมบพิตร และพระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท

 

9.ร้านเช่าชุดไทย by NuchaRin

เป็นร้านเช่าชุดแบบครบวงจร มีทั้งชุดไทยสไบเฉียง ชุดเพื่อนเจ้าสาสว ชุดผ้าไทยสำหรับงานอีเวนท์ งานบริษัท งานประกวด งานเกษียณ ชุดลอยกระทง และเดินเที่ยวถ่ายรูปเล่น ใครมีแพลนงานไหนแจ้งแบบที่ต้องการจองคิวได้ทางออนไลน์สะดวกง่ายดาย พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ

ที่ตั้ง : ร้านนี้อยู่ปากซอยอาภาสิริ ถนนสุทธิสาร แขวงสามเสนนอก สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ วัดพระแก้ว, วัดอรุณราชวราม, วัดเบญจมบพิตร, พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท-พระราชวังสราญรมย์ และสถานที่อื่นๆ รอบกรุงเทพฯ

 

10.ร้านมิสซูริ

บริการให้เช่าชุดไทยและแต่งหน้าแบบครบวงจร มีชุดออกงานสวยงามประณีต ให้เลือกสวมเหมาะกับหลายโอกาส ตั้งแต่ชุดไทยออกงาน ชุดราตรี ชุดงานแต่งงาน ชุดถ่ายพรีเวดดิ้ง งานบวช หรือเที่ยวถ่ายรูปในวัดและสถานที่ท่องเที่ยว ราคาไม่เกินเอื้อม บริการทั้งแบบเช่าชุด ตัดเช่า และตัดซื้อตามออเดอร์ของลูกค้า พร้อมปรับแก้ไซซ์ให้เหมาะสมกับรูปร่าง จัดเต็มทั้งรองเท้าและเครื่องประดับครบเซ็ต ลูกค้าเข้าเว็บไซต์ไปกดเลือกรูป ดูว่าชุดไหนพร้อมเช่าจองคิวได้เลยไม่เสียเวลา

ที่ตั้ง : ทำเลร้านอยู่ใจกลางเมืองแถวถนนเกษตร-นวมินทร์  ช่วงตอม่อที่ 27 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร เลือกเช่าชุดไปออกงานหรือไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้ตามต้องการ

จากงานอุ่นไอรักมาถึงกระแสละครดัง ผ้าไทยเป็นแฟชั่นสวยๆ ที่นักท่องเที่ยวสวมเที่ยวชมวัดและเดินเล่นตามสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างน่ารักและดีงาม ชุดผ้าไทยสไบเฉียง ชุดไทยประยุกต์ ไปจนถึงชุดไทยแฟนซีมีเสน่ห์แตกต่างกันไป สวมใส่ได้ไม่ซ้ำแบบ ไม่แปลกใจที่หลายคนแต่งชุดไทยแล้วมั่นใจไม่ขวยเขิน ใครอ่านแล้วสนใจอยาก เช่าชุดไทย ตามสไตล์ที่ตนชื่นชอบใส่ไปเที่ยวถ่ายรูปเก๋ๆ ลองเข้าไปใช้บริการพิกัดที่ปักหมุดให้ต้อง มีช่างภาพมืออาชีพ และราคาที่เอื้อมถึง จะได้ความประทับใจกลับไปแน่นอน

 

ที่มาข้อมูล : 

7ที่”แคมป์ปิ้ง”ใกล้กรุงเทพฯ ไม่ต้องเดินทางไกลก็ได้ฟีล

วันหยุดพักผ่อนอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเที่ยวห้าง เดินช้อปปิ้ง ไปหาที่ตั้งแคมป์ใจกลางกรุงแต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี วันนี้ชวนมาคนอยากไป แคมป์ปิ้ง ใจกลางกรุงและสายแคมป์มาหาที่พักแรมค้างคืนสุดชิล เดินทางง่ายอยู่ใจกลางกรุงแต่ได้ฟีลดี เป็นส่วนตัว ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้วันหยุดของคุณไม่น่าเบื่อและได้พักร่างชาร์จแบตพร้อมสำหรับการกลับไปทำงาน มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้างน่าไป

1.Bangkok Backyard 

เริ่มต้นกันที่ลานกางเต็นท์ ใจกลางกรุงเทพ ตั้งอยู่เส้นถนนไมตรีจิต ถูกใจสายแคมป์ปิ้งสุด ๆ เพราะมีลานให้คุณได้ตั้งแคมป์นอนชิลท่ามกลางธรรมชาติริมบึงไมตรีจิต ทำเลดีลานตั้งแคมป์อยู่บนพื้นที่สนามหญ้าเขียวขจีล้อมรอบด้วยบึงน้ำเหมือนเกาะที่อยู่กลางน้ำเพราะมีลักษณะพื้นที่ตั้งแคมป์ยื่นออกไปกลางบึงไมตรีจิต จุดเด่นนอกจากจะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติวิวริมน้ำแล้ว ที่นี่จำกัดคนเข้ามาตั้งแคมป์จึงรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การพักผ่อนดีทีเดียว เรื่องไฟฟ้ามีปลั๊กไฟพร้อมใช้งานหมดห่วงตั้งแคมป์สบายใจมีไฟฟ้าใช้สะดวก แต่งดการก่อไฟทำอาหาร ปิ้งย่าง ที่นี่จึงไม่เหมาะกับสายกินหมูกระทะ เน้นตั้งแคมป์นอนชิลมากกว่า  

ที่ตั้ง : ถนนไมตรีจิต เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 

 

2.ช่างสุข คาเฟ่ ปากเกร็ด

มาต่อกันที่ช่างสุข คาเฟ่ ที่บอกเลยว่าตอบโจทย์ของสายแคมป์ปิ้งสายคาเฟ่ เพราะที่นี่ในตอนเช้าจะมีร้านขายเบเกอรี่รสชาติอร่อย เรื่องทำเลได้ใจคนชอบฟีลธรรมชาติ กับลานกว้างแวดล้อมด้วยต้นไม้ ไฮไลท์ของที่นี่คือความเรียบง่าย บรรยากาศดีเหมาะกับการมานั่ง นอนชิล ส่วนความสะดวกมีไฟฟ้าและห้องน้ำให้บริการ ที่สำคัญราคาไม่แพงคนละ 100 บาท 

พิกัด : ซอยหลังโรงพยาบาลปากเกร็ด2 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 

ติดต่อ FB: ช่างสุข คาเฟ่ – Camping Café 

 

3. One cc. ราชพฤกษ์ 

สำหรับที่ตั้งแคมป์ปิ้ง จุดนี้จัดว่าเด็ดเพราะบรรยากาศดีใกล้ชิดธรรมชาติไม่แพ้ที่อื่น ที่สำคัญมาที่นี่ไม่ต้องกลัวอดเพราะในพื้นที่เดียวกันก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ให้บริการเมนูอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆ ที่หลายคนต่างไปแล้วลงความเห็นว่าแต่ละเมนูรสชาติดีมาก เป็นที่สถานที่เหมาะสำหรับการกางเต็นท์พักผ่อนในวันหยุด เดินทางง่ายอยู่ใจกลางกรุง ส่วนบรรยากาศให้ฟิลบ้านสวน กลางเต็นท์กลางสวนหย่อม 

พิกัด : 121 21 หมู่ 5 ถนนราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี. 11130 

ติดต่อ FB: One cc. 

 

4. 54 Camp เป็นเกียรติ สตูดิโอ ลาดกระบัง 54

เหล่าคนเมืองกรุงไม่ต้องหาเวลาหลายวันหรือเหนื่อยกับการเดินทางเพื่อหาที่ แคมป์ปิ้งเพราะที่นี่เป็นหนึ่งในจุดกางเต็นท์ใจกลางกรุง เดินทางสะดวก ตั้งอยู่หลังเลนปั่นจักรยานสุวรรณภูมิ ใครไปแถวนั้นจะทราบดีว่าบรรยากาศที่นี่ดีมาก เพราะโล่ง ปลอดโปร่ง จุดเด่นที่น่าสนใจของที่นี่ไม่เพียงเป็นเรื่องบรรยากาศเท่านั้น แต่ยังสะดวกสบาบเพราะมีทั้งบริการ WiFi ฟรี ห้องน้ำ ไฟฟ้าพร้อมใช้ และยังมีร้านสะดวกซื้อให้ได้ซื้อของไปตุนกันในช่วงพักผ่อนที่แคมป์แล้วไม่อยากเดินทางออกไปข้างนอกบ่อย ๆ 

พิกัด : 26/1 ถ.ลาดกระบัง 54 แขวงลาดกระบัง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 10520 

ติดต่อ : คุณอาร์ต โทร 081-869-9111

 

5. James 500 City Camp & City Farm รามคำแหง 

เป็นอีกหนึ่งแห่งที่สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด นอกจากไม่ต้องเดินทางไกลแล้วที่นี่ยังเป็นทั้งจุดแคมป์ปิ้ง ปิกนิกในวันพักผ่อนสุดชิล จุดเด่นคืออยู่ติดทะเลสาบ อากาศดี ลมเย็นสบาย ที่น่าสนใจคือสายกินปิ้งย่างหายห่วงเพราะที่นี่อนุญาตให้ปิ้งย่างได้ แถมสะดวกสบายอีกต่างหากเพราะมีบริการอุปกรณ์ เช่น เตาปิ้ง เก้าอี้ เครื่องดื่ม ครบครัน 

ปากซอย 53 หมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง112 แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240

ติดต่อ FB: James 500 City Camp & City Farm, Line: @James500organic 

 

6. Camp Safari 

สำหรับที่ตั้งแคมป์ปิ้งแห่งนี้มาพร้อมกับบรรยากาศได้ฟิลกลางป่าไม่น้อย เพราะคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติทั้งต้นไม้ และได้เห็นนกนานาชนิด โอบล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริงเหมือนไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองกรุง ชอบและอยากตั้งแคมป์ริมน้ำกลางป่าสนต้องที่นี่เลย สะอาด สะดวกสบาย บรรยาการดีได้ฟิลสุด ๆ 

พิกัดแขวง สามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510

ติดต่อ : https://www.facebook.com/Campsafaribkk/

 

7. Yaks Park บางปะอิน 

จ่ายหลักร้อยได้วิวเกินราคาเพราะที่นี่มีลานตั้งแคมป์ที่ทำให้คุณได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเด่นคือเป็นลานแคมป์ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มาพร้อมบริการให้คุณได้เช่าอุปกรณ์อย่างเตาปิ้งย่าง อุปกรณ์สำหรับสายแคมป์ แถมด้วยกิจกรรมตกปลาอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งที่แคมป์ปิ้งใจกลางกรุงที่น่าไปเยือนสุด ๆ ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของที่นี่คือคุณจะได้ชมพระอาทิตย์ตกฟีลดีมาก แวดล้อมด้วยธรรมชาติทั้งยังอากาศดี เหมาะสำหรับการพักผ่อนทั้งกลุ่มเพื่อน ครอบครัว คนโสดหรือจะมาเป็นคู่ก็ได้ฟีล

ต.บ้านโพธิ์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 13160

ติดต่อ FB: Yaks Park, โทร 085-238-0736

 

อยากเที่ยวพักผ่อนไม่ว่าจะไปแบบคนโสด มีคู่หรือกับเพื่อนฝูง สไตล์สายแคมป์ได้นอนพักผ่อนชิล ๆ ท่ามกลางบรรยากาศดี ห่างไกลความวุ่นวายของเมืองใหญ่ วันนี้ 7 ที่แคมป์ปิ้ง ใจกลางกรุงเทพ ที่เรารวบรวมมาให้น่าไป การันตีจากเหล่าสายแคมป์ปิ้งว่าต้องไปลองตั้งแคมป์ นั่ง นอนชิลกันสักครั้ง ลองปักหมุดไปสักที่ เชื่อว่าคุณจะประทับใจเพราะแต่ละแห่งไม่เพียงอยู่ใจกลางกรุง เดินทางง่าย ยังมาพร้อมกับ  

 

ที่มาข้อมูล

แจกพิพัดร้านนวดสปา นวดไทยแนะนำ ในกรุงเทพฯ

กรุงเทพเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งนวัตกรรมทั้งหลายล้วนถูกนำไปใช้ในการทำสปาให้มีความครบวงจร ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าคนที่รักการนวดสปา ใครที่ชื่นชอบการผ่อนคลายด้วยวิธีนี้จะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม สปาในกรุงเทพฯ ที่จัดว่าเด็ด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการ บรรยากาศ เทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ แต่ละที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน ทั้งหมดล้วนสร้างความประทับใจ ไปดูกันว่าแต่ละที่มีจุดเด่นและความน่าสนใจอย่างไร

  

1.บริสุทธิ์ เพียว สปา (Borisud Pure Spa)

เริ่มต้นกันด้วยที่แรกสปาสำหรับคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะได้นำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือออแกร์นิกมาใช้ในการทำทรีตเมนต์ทุกตัว ถือเป็นความใส่ใจในเรื่องของสุขภาพร่างกายของลูกค้าที่มาใช้บริการ ทำให้ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ถือเป็นจุดเด่นที่ไม่ว่าใครเมื่อมาสัมผัสก็ต้องเกิดความประทับใจ  อีกทั้งบรรยากาศมีความทันสมัย สะอาดตา ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความงามมากมาย อาทิ ห้องซาวน่าระบบอินฟราเรด (Infrared Sauna) ให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายกับแสงแดดของพระอาทิตย์ อ่างน้ำจากุซซี่ (Jacuzzi) มีระบบนวดตัวขณะแช่น้ำและห้องอบไอน้ำ (Steam Bath) สำหรับฟื้นฟูสภาพผิว เป็นต้น

พิกัด : Borisud Pure Spa (Mode Sathorn Hotel, ชั้น 11)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 23:00

 

2.Kashikiri Onsen and Spa

ใครที่ชื่นชอบการแช่ตัวแบบออนเซ็นฟิลเหมือนอยู่ญี่ปุ่นต้องที่ Kashikiri Onsen and Spa สปาที่แรกของเมืองไทยย่านสุขุมวิท ที่จะมามอบความเป็นส่วนตัวแก่คุณหรือที่เรียกว่า ไพรเวทออนเซ็น พร้อมทั้งชุดคลุมยูกาตะให้สวมใส่ขณะใช้บริการ เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ เพราะตกแต่งออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่ง สปาในกรุงเทพฯ แห่งนี้ได้รับความนิยมจากคนเมืองไม่น้อย ต่างหนีความวุ่นวายมาอาบน้ำแร่ แช่น้ำนมให้ร่างกายได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ในส่วนของบริการภายในลูกค้าสามารถเลือกกลิ่นอโรม่าเองได้และน้ำแร่ออนเซ็นก็เช่นกันมีถึง 3 แบบ คุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายต่างกัน พร้อมนวัตกรรมสปาออนเซ็นฟองอากาศจะทำให้ทั้งผิวและเส้นผมมีสุขภาพที่ดี

พิกัด : อุดมสุข (วชิรธรรมสาธิต ซ.32) และ สุขุมวิท 49 (BTS ทองหล่อ)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00

 

3.Pañpuri Wellness

ต้องยกให้สปาปัญญ์ปุริ เวลเนส (Pañpuri Wellness) เป็น สุดยอดสปา ออแกนิคและทรีตเม้นต์เสริมความงาม เพราะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ เหมาะอย่างมากกับคนที่รักสุขภาพจริงจัง หากได้มาใช้บริการคุณจะลืมความเครียด บรรยากาศภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ท่ามกลางวิวทิวทัศ 360 องศาของกรุงเทพฯ มาพร้อมบริการที่หลากหลาย เช่น การแช่ออนเซ็น ออร์แกนิกสปา ขัดผิว นวดไทย นวดบำบัด แบบนี้แม้ว่าคุณจะเหนื่อยมาแค่ไหน บริการของที่นี่จะทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอน

พิกัด : Gaysorn Urban Retreat, ชั้น 12

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00

 

4.Erb Spa (Warehouse 30)

หลังจากที่ไปสัมผัสบริการของร้านสปาใน 3 อันดับแรกที่ให้ฟิลความเป็นสมัยใหม่และญี่ปุ่นแล้ว เราลองไปทำความรู้จักกับบริการที่ เอิบ สปา (Erb Spa) ได้นำเสนอการให้บริการในรูปแบบไทย ๆ แต่มีความทันสมัย เพราะตกแต่งภายในร้านแบบทรอปิคอล เน้นเฉดสีเขียว เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งทางสปาแห่งนี้ได้พิถีพิถันคัดสรรค์ผลิตภัณฑ์ในการปรนนิบัติผิวนั้นคือเกสรดอกไม้ไทยโบราณ 7 ชนิด ถือเป็นภูมิปัญญาตามตำรับชาววังอันควรค่าแก่การรักษาไว้ ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อให้สปาเป็นหนึ่งตัวช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ จึงได้มีการผสมสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะมาให้บริการ ผสานรวมกับศาสตร์แห่งวิทยาการสมัยใหม่ จึงทำให้สปาแห่งนี้มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการดูแลผิวหน้าที่ไม่เหมือนใคร 

พิกัด : Erb Spa (เจริญกรุง ซ.30) และ Erb Bliss Room (Gaysorn Village, ชั้น 2)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00

 

5.De Rest Spa

หากคุณกำลังเครียดจากการทำงานอย่างหนักลองให้ เดอะเรส สปา (De Rest Spa) เป็นคนดูแลปรนนิบัติคุณด้วยบริการ นวดไทย ตั้งแต่บริเวณฝ่าเท้า คอและไหล่ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยนวดน้ำมันสปา ในส่วนของบริการดูแลผิวจะเป็นการทำทรีตเม้นต์อโรม่าหรือการใช้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหย ขณะได้รับบริการคุณจะรู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการสครับผิวกายเพื่อฟื้นฟูให้แลดูผิวพรรณดีขึ้น อย่างไรก็ตามคุณสามารถมั่นใจในบริการของทางร้านได้เลย เพราะผู้ให้บริการทั้งหมดได้รับใบรับรองการนวดมาแล้วและมีประสบการณ์

พิกัด : De Rest Spa (Maneeya Center, BTS ชิดลม)

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 23:45

 

6.Chi The Spa, Shangri-la Hotel

การให้รางวัลตอบแทนตัวเองไม่เพียงเป็นการให้ของมีค่า ราคาแพงอย่างเดียว แต่การได้พาร่างกายไปผ่อนคลายเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยตรง เพราะบริการที่ Chi The Spa ศูนย์บริการนวดสปาที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแชงกรีล่า จะทำหน้าที่สลัดความเมื่อยล้าออกไปจากคุณ อีกทั้งในส่วนของการดูแลผิวมีสครับให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ Pink Salt, Coconut, green Tea, Sesame และอีกหนึ่งความพิเศษคือสปาแห่งนี้เป็นบริการสปาต้นตำหรับจากวัฒนธรรมเอเชียหลากหลายประเทศ ด้วยนักบำบัดมืออาชีพที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรง

พิกัด : Chi The Spa (Shangri-la Hotel)

 

เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00 ในวันหยุดพักผ่อนนี้หากคุณรู้สึกเมื่อยล้าและมองผิวพรรณแล้วช่างแห้งเหี่ยวขาดการดูแลบำรุง ลองเลือกใช้บริการร้านสปาที่เราแนะนำในวันนี้ รับรองว่าร่างกายของคุณจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่และคุณเองก็จะต้องหลงใหลในการถูกสัมผัสตัวด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพมากมาย ที่ปรนนิบัติผิวอย่างล้ำลึก ถือเป็น สุดยอดสปา ในกรุงเทพที่คนรักสุขภาพเช่นคุณไม่ควรพลาด

 

ที่มาข้อมูล