Siam Center ชิลล์ๆ : 7 คาเฟ่นั่งทำงาน จิบกาแฟ ฟินๆ

Siam Center

เทรนด์การทำงานในยุคนี้ต้องยกให้กับการทำงานแบบ Work from Anywhere หรือการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขอให้เพียงงานเสร็จ เข้าประชุมออนไลน์ตามนัดหมาย แต่จะให้ทำงานจากที่บ้านทุกวันก็กลัวว่าจะดูน่าเบื่อเกินไป หลายคนจึงเลือกทำงานจากนอกบ้าน โดยเฉพาะคาเฟ่บรรยากาศสวย ๆ เหมาะกับการทำงาน นอกจากได้ทำงานแล้วยังได้แฮงเอาท์กับเพื่อน ๆ และหาแรงบันดาลใจจากสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว หากใครเป็นคนทำงาน นักเรียน หรือนักศึกษา ที่กำลังมองหาคาเฟ่นั่งทำงานสุดชิลล์ ขอแนะนำคาเฟ่เหมาะกับการนั่งทำงานใน siam center นอกจากมีตัวเลือกหลายร้านแล้วยังเดินทางสะดวกมาก ๆ 

1.Maison Claris

ขอบคุณภาพจาก : Maison Claris 

ร้านเกิดจากการร่วมมือกันของคนรุ่นใหม่ที่รู้จักกันมานานและมีโอกาสเดินทางเที่ยวหลายประเทศ สั่งสมความรู้และประสบการณ์จนกลายมาเป็นคาเฟ่ขนมหวาน การจัดร้านโดดเด่นสะดุดตา เลือกใช้โทนสีหวานและดอกไม้สีสวยเหมาะกับการเป็นคาเฟ่เอาใจสายหวาน จุดเด่นคือเมนูต่าง ๆ ออกแบบอย่างพิถีพิถัน หน้าตาสวยงามแถมรสชาติอร่อย เมนูที่ห้ามพลาดคือ Claris Set ซิกเนเจอร์ของร้าน ได้แรงบันดาลใจจากทุ่งดอกไม้และโรงงานน้ำหอมจากฝรั่งเศส เหมาะกับสายคอนเทนต์ นักเรียน คนทำงาน ที่มองหาพื้นที่นั่งหาไอเดียคูล ๆ 

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 1 
  • ช่วงราคา 150 – 500 บาท

2.T (Bar) x The Summer House

คาเฟ่สำหรับสายฮิป โดดเด่นด้วยการตกแต่งร้านสีสันสะดุดตา หากมาถึงต้องได้คอนเทนต์แน่ ๆ เมนูแนะนำ คือ Matcha Latte with Bubble ชงสดแบบแก้วต่อแก้ว เสิร์ฟพร้อมไข่มุกสีทองเคี้ยวหนึบหนับ แถมยังมีกลิ่นหอมของน้ำตาลเคี่ยวและน้ำผึ้ง หากนั่งทำงานแล้วหิวทางร้านก็มีเมนูสุขภาพดีอย่างสลัดเตรียมไว้ให้รองท้อง นอกจากเป็นคาเฟ่สุดเก๋แล้วยังมีสินค้าแฟชั่นจำหน่าย นักเรียน นักศึกษา ที่ชอบแต่งตัวสไตล์คูล ๆ หรือมองหาที่นั่งทำงานสุดชิลห้ามพลาดเด็ดขาด

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 1 
  • ช่วงราคา : 90 – 300 บาท

3.Everyday Karmakamet

หากพูดถึง Everyday Karmakamet เชื่อว่าหลายคนคงคิดถึงร้านจำหน่ายเครื่องหอมและสินค้ามีสไตล์ แต่ทราบหรือไม่ว่าที่นี่มีคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟความหอมหวานละมุนของเครื่องดื่มอีกด้วย เมนูยอดฮิต ได้แก่ Rose with Milk Tea ที่จะได้ดื่มด่ำกับความหอมของชาและกลิ่นกุหลาบ เหมาะกับการนั่งทำการบ้านสุด ๆ การตกแต่งร้านเน้นความเรียบง่ายแต่มีสไตล์ หากมีโอกาสได้มานั่งทำงานอย่าลืมซื้อโปสการ์ดหรือเครื่องหอมติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะ

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 4
  • ช่วงราคา : 100 – 250 บาท

4.Mom & Sis The Smoothie Cafe’

ขอบคุณภาพจาก : Momandsiscafe 

ใครเป็นสายรักสุขภาพเชิญทางนี้ เพราะนี่คือคาเฟ่เอาใจสายสุขภาพ เครื่องดื่มส่วนใหญ่เป็นสมูธตี้เพื่อคนสุขภาพดี จุดเด่นคือเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงดีต่อสุขภาพสุด ๆ แถมบางแก้วยังใส่ Super Food อย่างธัญพืช ผลไม้ คอมพลีทการเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นอย่างดี เมนูแนะนำ ได้แก่ Avocado Bowl เมนูซิกเนเจอร์ แหล่งรวมไขมันชั้นดี ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ หรือ Berry Blast ที่มิกซ์ผลไม้ตระกูลเบอร์รีไว้ในแก้วเดียว สำหรับสไตล์การจัดร้านเน้นความโปร่งสบาย แต่งแต้มด้วยต้นไม้สีเขียว เหมาะกับคนทำงาน นักศึกษา ที่มองหาคาเฟ่สไตล์เรียบง่ายแต่ยังมีกลิ่นอายความสดชื่น

  • พิกัด : Siam Center ชั้น G
  • ช่วงราคา : 150 – 300 บาท

5.Fire Tiger by Seoulcial Club

ขอบคุณภาพจาก : Fire Tiger by Seoulcial Club 

ใครเป็นสายชานมไข่มุกเชื่อว่าต้องรู้จักร้านนี้ โดยร้านดังอย่างคาเฟ่เสือพ่นไฟได้มาเปิดคาเฟ่ใจกลางสยาม ตกแต่งร้านโทนสีทอง ขาดไม่ได้คือใบหน้าเสือขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน เมนูที่อยากบอกต่อ คือ Fire Tiger Milk Tea เมนูซิกเนเจอร์มาพร้อมไข่มุกบุกและไข่มุกธรรมดา หากอยากเติมความสดชื่นแนะนำ Fruit Tea ภายในร้านมีพื้นที่นั่งทำงานขนาดกะทัดรัด เหมาะอย่างยิ่งกับนักศึกษา นักเรียน ที่มองหาคาเฟ่ราคาเบา ๆ นั่งอ่านหนังสือ ดื่มเสร็จก็เดินชอปปิงต่อได้แบบสบาย ๆ 

  • พิกัด : Siam Center ชั้น M, Siam Square ซอย 3
  • ช่วงราคา : 100 – 250 บาท

6.Yenly Yours

ขอบคุณภาพจาก : Mike Lennore

คาเฟ่มะม่วงยืนหนึ่งเรื่องการออกแบบเมนูเครื่องดื่มที่ผสมผสานผลไม้ขึ้นชื่ออย่างมะม่วงไว้อย่างลงตัว แน่นอนว่าเมนูที่ต้องสั่งคือเมนูน้ำมะม่วงปั่น มีท็อปปิงให้เลือกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อมะม่วงสด ไข่มุก อย่าลืมสั่งโมจิมะม่วงมาพร้อมความอร่อยแบบกำลังดีแต่หอมมะม่วงสุด ๆ การตกแต่งร้านเน้นโทนสีเหลืองสะท้อนความหวานฉ่ำของมะม่วงตัดกับโทนสีดำ โดดเด่นและดูสดใส เหมาะมากกับนักศึกษาและคนทำงานที่มองหามุมนั่งทำงานแถมมีเครื่องดื่มอร่อย ๆ พร้อมเสิร์ฟ

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 2
  • ช่วงราคา 100 – 200 บาท

7.Coco Fresh Tea & Juice

คาเฟ่ชานมไข่มุกที่ไม่ธรรมดาเพราะนี่คือแบรนด์จากไต้หวัน ยกทัพความอร่อยมาที่ไทย จุดเด่นคือใบชาต้มสด รสชาติไม่หวานเกินไป และไข่มุกเหนียวหนึบกำลังดี เมนูไฮไลต์ คือ Lava Pearl Fresh Milk ที่ทั้งหอมหวานกลมกล่อม รวมถึงน้ำเยลลี่เสาวรส เหมาะกับคนชอบรสเปรี้ยว เติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ในร้านมีมุมทำงานเล็ก ๆ สำหรับคนอยากแวะนั่งชิลล์หรือคิดไอเดียงานอีกด้วย

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 2
  • ช่วงราคา : 90 – 150 บาท

ใครกำลังมองหาคาเฟ่นั่งทำงานใจกลางเมือง แนะนำให้เดินทางมาที่ siam center ห้างใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีสยามและเดินเชื่อมต่อเข้าห้างได้ทันที หรือจะมาโดยรถยนต์ส่วนตัวก็สะดวก นอกจากได้เปรียบด้านการเดินทางแล้วยังมีคาเฟ่สุดชิลล์บรรยากาศเหมาะกับการทำงานอีกเพียบ เลือกได้เลยว่าชอบคาเฟ่แบบไหนหรือพื้นที่ทำงานแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง ใครมีสไตล์ทำงานแบบ Work from Anywhere ห้ามพลาดมาใช้บริการเด็ดขาด

ที่มาข้อมูล

ฟินจัดเต็ม! 6 บุฟเฟ่ต์ไอคอนสยาม อร่อย คุ้มค่า อัพเดท 2024

ใครรู้ตัวว่าเป็นสายกิน ชอบกินเยอะ กินจุ และยังชอบกินแบบคุ้ม ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะเราได้เตรียม 6 ร้าน บุฟเฟ่ต์ ไอคอนสยาม ประจำปี 2024 มาให้ได้ลิ้มลอง แต่ละร้านคือปังมาก ขนความอร่อยมาให้รับประทานแบบคุ้มค่า เลือกได้แบบไม่อั้น ของอร่อย ๆ เพียบ โดยไอคอนสยามถือเป็นห้างใหญ่ห้างดังของไทยที่ทั้งคนไทยและคนต่างชาตินิยมไปเช็กอิน นอกจากทำเลริมแม่น้ำทำให้ได้ลิ้มลองบรรยากาศสวย ๆ แล้ว ยังรวบรวมร้านบุฟเฟ่ต์มากมายมาให้ลิ้มรส อิ่มแล้วยังชอปปิงต่อได้แบบเพลิน ๆ ใครเป็นสายกินแนะนำให้พุ่งตัวไปโดยด่วน

1.CP-HiLai Harbour Restaurant 

หากพูดถึงบุฟเฟ่ต์ดังในไอคอนสยามแน่นอนว่าต้องมีชื่อร้านนี้ เพราะเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งตรงมาจากไต้หวัน พร้อมเสิร์ฟอาหารนานาชาติ ยกมาครบทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น ยุโรป จัดเต็มทั้งของคาวและของหวาน เพื่อไม่ให้เสียชื่อคอนเซ็ปต์ร้าน “The Best of East and West” ซีฟู้ดคือสดเหมือนนั่งรับประทานอยู่ริมทะเล อาหารประเภทซาชิมิคือเนื้อใส สดใหม่ ไม่มีคาว ใครสายเนื้อก็ห้ามพลาดเพราะเนื้อดี มีให้เลือกหลากหลายเมนู เรื่องราคาบอกเลยว่าคุ้มค่า เพราะอาหารคุณภาพ สดใหม่ ไม่ว่าจะชอบอาหารชาติไหนก็มีให้เลือกแบบครบ ๆ 

  • ราคา : 799 – 1,099 บาท
  • พิกัด : ชั้น 6 ไอคอนสยาม

2.Mo Mo Paradise

Mo-Mo Paradise เป็นบุฟเฟ่ต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในหมู่คนไทย เพราะราคาเป็นมิตร มีงบประมาณไม่ถึงพันก็สามารถอิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ชาบูสไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของที่นี่คือการเสิร์ฟวัตถุดิบคุณภาพดี อาหารทุกอย่างสดใหม่ เมื่อนำมารับประทานเป็นชาบูจึงยิ่งอร่อย บวกกับน้ำจิ้มรสชาติถูกปากคนไทยแต่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์ญี่ปุ่นยิ่งทำให้สายกินติดใจ อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือเมนูตระกูลเนื้อ เลือกใช้เนื้อพรีเมียม ตอบโจทย์คนรักเนื้อเป็นอย่างยิ่ง พนักงานก็บริการอย่างเป็นมิตร รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน อาหารอร่อยแถมบริการเลิศ แนะนำเลย

  • ราคา : 599+ บาท
  • พิกัด : ชั้น 6 ไอคอนสยาม

3. Evaime Shabu Shabu

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนชอบรับประทานบุฟเฟ่ต์ชาบูสไตล์ญี่ปุ่น บอกเลยว่าบุฟเฟ่ต์เจ้านี้มาพร้อมราคาเบา ๆ แต่คุณภาพคับแน่น โดยเฉพาะเมนูเนื้อสไลด์ หมูสไลด์ รวมถึงเนื้อหมูทรงเครื่องที่หมักมาให้อย่างเข้าเนื้อ จิ้มกับน้ำจิ้มคือฟินสุด ๆ มีน้ำซุปให้เลือกมากถึง 9 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นซุปหมาล่า ซุปญี่ปุ่น หรือซุปต้นตำรับ มีบาร์ตักน้ำจิ้มให้เลือกแบบฟิน ๆ บริการรวดเร็ว พื้นที่โดยรอบสะอาด สำหรับราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า มีงบแค่ 1 แบงก์ม่วงก็สามารถรับประทานได้ รับรองอิ่มนาน คุ้มค่าเรื่องราคาแบบนี้ใครไปไอคอนสยามห้ามพลาดเด็ดขาด

  • ราคา : 389 บาท
  • พิกัด : ชั้น 4 ไอคอนสยาม

4.Tenjo Sushi & Yakiniku Premium Buffet

มากันที่ร้านบุฟเฟ่ต์ในไอคอนสยามที่เหมาะกับคนชอบปิ้งย่างและชอบเมนูซูชิ ซาชิมิ โดย Tenjo คือร้านอาหารบุฟเฟ่ต์สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟเมนูปิ้งย่างและซูชิระดับพรีเมียม เมนูที่อยากแนะนำคือ ซูชิและซาชิมิ การันตีว่าสดใหม่ เนื้อหวานทุกคำ รวมถึงเมนูเนื้อพรีเมียมวากิวริบอาย เนื้อนุ่มละลายในปาก อย่าลืมปิดท้ายด้วยขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นแบบฟิน ๆ ในบรรยากาศการตกแต่งแบบญี่ปุ่น เรื่องความคุ้มค่าแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะคุณจะได้รับประทานเนื้อพรีเมียมและซูชิสดใหม่ปั้นแบบคำต่อคำ รับรองว่าไม่มีผิดหวัง ใครชอบปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นบอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

  • ราคา : 399 – 1,799 บาท
  • พิกัด : ชั้น 4 ไอคอนสยาม

5.Katei Shabu

ขอบคุณภาพจาก : KATEI SHABU 

ร้านชาบูเจ้าดังที่ก่อนหน้านี้เปิดให้บริการที่พุทธมณฑลสาย 4 แต่ปัจจุบันได้ขยับเข้ามาในเมืองมากขึ้น เพราะได้มาเปิดที่ห้างไอคอนสยาม ชาบูสไตล์ญี่ปุ่นร้านนี้มีแนวคิดการออกแบบร้านต้องการให้ทุกคนรู้สึกสบาย ๆ เหมือนมาบ้านเพื่อน ทางร้านให้ความสำคัญเรื่องวัตถุดิบที่ต้องสะอาด สดใหม่ เพราะอาหารสดใหม่จะเพิ่มอรรถรสในการรับประทานมากขึ้น นอกจากพิถีพิถันเรื่องรสชาติแล้วยังให้ความสำคัญเรื่องการจัดจานที่ต้องสวยงาม เมนูแนะนำคือบรรดาเนื้อสไลด์ ซาชิมิสดใหม่ และไข่ดิบที่การันตีว่ารับประทานสดได้เลยเพราะนำเข้าจากฟาร์มที่เลี้ยงระบบปิด

  • ราคา : 699 – 1,699 บาท
  • พิกัด : ชั้น 4 ไอคอนสยาม

6.E – Sarn by Evaime

ขอบคุณภาพจาก : Evaime Shabu Shabu 

ใครว่าที่ไอคอนสยามจะมีแต่บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติหรืออาหารญี่ปุ่น ที่นี่ยังมีบุฟเฟ่ต์อาหารอีสาน ใครชอบชาบูสไตล์อีสานห้ามพลาด ปรุงรสน้ำซุปมาอย่างถึงใจ มีกลิ่นสมุนไพรทำให้หอมและน่ารับประทานในเวลาเดียวกัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บ มีให้เลือกทั้งชาบูชุดหมู ชุดเนื้อ หรือหากอยากสั่งเพิ่มเป็นอาหารจานเดียวก็ได้เช่นกัน ไหนจะการตกแต่งร้านด้วยสีสันสะดุดตาและราคาย่อมเยาที่พูดเลยว่าคุ้มค่ามาก ๆ แนะนำให้มาห้ามพลาดเด็ดขาด

  • ราคา : 299 – 399 บาท
  • พิกัด : ชั้น G ไอคอนสยาม

เมื่อสายกินรู้แล้วว่ามี บุฟเฟ่ต์ ไอคอนสยาม หลากหลายร้านมาให้เลือกรับประทานได้แบบไม่อั้น บอกเลยว่าต้องรีบพุ่งตัวไปโดยด่วน แต่ละร้านจัดหนักจัดเต็มอาหารคุณภาพ เตรียมมาให้เลือกแบบละลานตา อยากรับประทานอะไรเพียงแค่สั่ง รับรองว่าคุ้มค่า สำหรับการเดินทางก็ง่าย มีรถไฟฟ้าสายสีทองบริการ เพียงลงสถานีเจริญนครก็เดินเชื่อมต่อเข้าห้างได้อย่างสบาย ๆ เมื่อรับประทานเสร็จแล้วเดินชมวิวริมแม่น้ำหรือไม่ก็ชอปปิงต่อแบบชิล ๆ แต่หากเดินทางมาวันหยุดแนะนำให้จองคิวหรือเผื่อเวลาต่อคิวกันสักหน่อย เพราะเชื่อว่าสายกินเพียบ บุฟเฟ่ต์ดี ๆ แบบนี้ใครก็พลาดไม่ได้อยู่แล้ว

ที่มาข้อมูล

วิธีเดินทางไป ICONSIAM ด้วยรถไฟฟ้า BTS: แนะนำเส้นทางและเคล็ดลับการเดินทางที่ไม่ควรพลาด

ICONSIAM เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่กำลังได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เนื่องจากทุกพื้นที่ 750,000 ตารางเมตร อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโซน ICONLUXE แหล่งรวมแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก โซนสยามทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่มีแบรดน์สินค้าจำหน่ายมากกว่า 500 แบรนด์  โซนสุขสยาม ศูนย์รวมผลงานศิลปะและสุดยอดอาหารไทยจากแต่ละจังหวัด ส่วนโซนด้านนอกเป็น River Park สำหรับชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและระบำน้ำพุที่มีขนาดยาวที่สุดในภูมิภาคอาเซียน แต่หากใครยังไม่เคยไปเที่ยว ICONSIAM วันนี้เรามีวิธีการเดินทางง่าย ๆ มาฝาก 

วิธีการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

การเดินทางไป ICONSIAM ปัจจุบันสามารถเลือกเดินทางไปได้ทั้งทางเรือ รถโดยสารประจำทาง MRT และ BTS แต่ถึงอย่างนั้นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุดคือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS  

  • วิธีการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามายังไอคอนสยาม

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถเลือกเดินทางสายสีเขียวไปลงที่สถานีตากสิน ออกประตู 2 และขึ้นเรือ Shuttle Boat ฟรีไม่เสียค่าบริการ หรือใช้บริการสายสีทอง มาลงที่สถานีเจริญนครและเดินต่อไปตามทางเชื่อมเพื่อเข้าสู่ ICONSIAM ได้เช่นกัน

  • สถานีที่ใกล้ที่สุด

หากเทียบการเดินทางแล้วต้องยอมรับว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุด เพราะไม่ต้องต่อรถหรือเรือให้ยุ่งยาก ซึ่งสถานีที่ใกล้กับ ICONSIAM ที่สุดคือ สถานีเจริญนคร

สถานีเจริญนคร เป็นสถานีที่ 2 ของรถไฟฟ้าสายสีทอง อยู่บริเวณสะพานข้ามคลองวัดทองเพลง มุ่งไปทางแยกคลองสาร เข้าสู่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา โดยสถานีเจริญนครจะมีทางเข้าออกทั้งหมด 4 จุด ซึ่งมี 2 จุด ที่สามารถเดินไปยังศูนย์การค้า ICONSIAM ได้ โดยจุดแรกจะออกไปทางหน้าศูนย์การค้า ICONSIAM ใกล้กับประตูทางเข้าสยามทาคาชิมายะ ส่วนจุดที่สองออกไปทางหน้าศูนย์การค้า ICONSIAM ที่อยู่ใกล้กับซอยเจริญนคร

  • สถานีที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีทอง

เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นส่วนต่อขยายขนาดสั้นระยะทางเพียง 2.8 กิโลเมตร และบริการแค่ 4 สถานีเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลักถึงสามสาย ได้แก่

  • สายสีเขียว เชื่อมต่อกับ BTS สถานีกรุงธนบุรี
  • สายสีม่วง เชื่อมต่อกับ BTS สถานีประชาธิปก
  • สายสีแดง เชื่อมต่อกับ BTS สถานีคลองสาน
ภาพจาก : BTS SkyTrain

สำหรับ BTS สายสีทองขบวนแรกจากสถานีกรุงธนบุรีเริ่มที่เวลา 06.00 – 24.00 น. ราคาค่าโดยสารตลอดสาย 16 บาท

จากข้อมูลจะเห็นว่าการเดินทางไป ICONSIAM ด้วยรถไฟฟ้าไม่ยาก เพราะรถไฟฟ้าสายสีทองเชื่อมต่อกับสายหลักถึง 3 สาย  แต่ถึงอย่างนั้นเรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเดินทางมาแนะนำ 

  • เลือกเดินทางที่เหมาะกับตัวเอง

เพราะการเดินทางไป ICONSIAM สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี อีกทั้งอาจต้องต่อการเดินทางด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนั้นก่อนออกเดินทางควรศึกษาและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางมากขึ้น

  • ตรวจสอบเวลาการให้บริการ

หากต้องเดินทางไป ไอคอนสยาม รถไฟฟ้า หลายสายควรตรวจสอบเวลาให้บริการ เพราะรถไฟฟ้าแต่ละสายเปิดและปิดให้บริเวณไม่พร้อมกัน

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ ในการเดินทางไป ICONSIAM ด้วยรถไฟฟ้าที่เรานำมาฝาก ซึ่งจะเห็นว่า ICONSIAM เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่น่าสนใจ รับประกันว่ามาเที่ยวไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน

ที่มาข้อมูล 

รวม 8 Amenity ของโรงแรมที่สามารถนำกลับบ้านได้

บทนำ

ใครมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวบ่อย ๆ แน่นอนว่าต้องเข้าพักที่โรงแรมเป็นประจำ ซึ่งภายในโรงแรมมักเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับบริการนักเดินทาง นอกจากวัตถุประสงค์เรื่องความสะดวกสบายแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ยังจัดเตรียมเพื่อเพิ่มความประทับใจแก่ผู้เข้าพัก โดยเฉพาะสิ่งของภายในห้องพักที่เตรียมไว้หลายอย่าง เช่น สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ผ้าขนหนู ฯลฯ ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นบางคนกลับสงสัยว่าแล้ว Amenity หรือสิ่งของใดบ้างที่นำกลับบ้านได้ โดยโรงแรมไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย นำกลับบ้านได้แบบไม่ต้องกังวล

รวมสิ่งอำนวยความสะดวกที่นำกลับบ้านได้

1. สบู่และแชมพู

Amenity สบู่และแชมพูของโรงแรม

หากพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทุกโรงแรมต้องจัดเตรียมไว้ให้นักเดินทาง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือสบู่และแชมพู โดยไม่ว่าจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่จำเป็นต้องจัดเตรียมไว้ให้ เพราะนี่คือสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน โดยสบู่และแชมพูมักบรรจุในขวดขนาดมินิ เพียงพอต่อการใช้ 1 – 2 วัน หากเข้าพักหลายวันและไม่เพียงพอต่อการใช้สามารถขอเพิ่มได้ ในขณะเดียวกันหากไม่ได้ใช้และต้องการนำกลับบ้านก็สามารถทำได้เช่นกัน

2. โลชั่นและครีม

Amenity อุปกรณ์ดูแลผิวพรรณและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ

อีกหนึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกที่มักบรรจุอยู่ในขวดขนาดมินิ ตั้งอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับสบู่และแชมพู สำหรับเจ้าสิ่งนี้มีไว้อำนวยความสะดวกแก่นักเดินทางที่อาจไม่สะดวกนำติดตัวมา โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศเมืองหนาวที่มักมีโลชั่นหรือครีมเตรียมให้บริการเสมอ บางโรงแรมออกแบบกลิ่นโลชั่นของตัวเองเพื่อสร้างเอกลักษณ์ บางครั้งมีวางจำหน่ายในรูปแบบขวดขนาดใหญ่เพื่อเอาใจนักเดินทางที่อยากได้โลชั่นเป็นของที่ระลึก แต่สำหรับโลชั่นที่บรรจุในขวดเล็กสามารถหยิบกลับบ้านได้

3. แปรงสีฟัน ยาสีฟัน

Amenity แปรงสีฟัน

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเจอปัญหาลืมนำแปรงสีฟันและยาสีฟันไว้ที่บ้านทำให้หลายครั้งต้องเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อสิ่งเหล่านี้ยามวิกาล หากมีร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรมคงไม่น่าห่วงสักเท่าไร แต่หากไม่มีร้านสะดวกซื้อเชื่อว่าต้องเป็นปัญหาแน่ ดังนั้นโรงแรมส่วนใหญ่จึงจัดเตรียมแปรงสีฟันและยาสีฟันเอาไว้ เพราะนี่คือสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่ทุกคนต้องใช้งาน

4. ผ้าขนหนูและเสื้อผ้า

Amenity ผ้าขนหนู

สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่ทุกโรงแรมต้องมีคือผ้าขนหนู ส่วนใหญ่มักเตรียมไว้ 2 ผืน คือ ผืนเล็กสำหรับเช็ดหน้าหรือเช็ดผม และผืนใหญ่สำหรับเช็ดร่างกาย นอกจากนี้บางโรงแรมยังมีเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้ แม้จะไม่ได้มีจำนวนมากชิ้น แต่ตอบโจทย์นักเดินทางที่อาจเตรียมเสื้อผ้ามาไม่เพียงพอหรือนักท่องเที่ยวที่หลงลืมเสื้อผ้าบางชิ้นจะได้ไม่ต้องหาซื้อให้วุ่นวาย ที่สำคัญบางโรงแรมยังให้นำกลับบ้านได้อีกด้วย

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5. สครับและแปรงสำหรับผม

Amenity สครับและแปรงหวีผม

โรงแรมไหนที่จัดเต็มความสะดวกแก่ผู้เข้าพักมักมีสครับผิวใส่กระปุกเล็ก ๆ เตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้ เพราะโรงแรมเหล่านี้เข้าใจดีว่าการท่องเที่ยวคือช่วงเวลาพักผ่อนที่นักท่องเที่ยวต้องการตักตวงความสุขให้มากที่สุด การสครับผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในห้องน้ำก็ช่วยผ่อนคลายความเครียด กลิ่นหอมจากสครับและเนื้อสครับที่เนียนละเอียดทำให้ร่างกายและจิตใจสบาย นอกจากนี้บางโรงแรมเตรียมหวีไว้ให้ สิ่งเหล่านี้สามารถนำกลับบ้านได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

6. สลิปเปอร์ เสื้อคลุมอาบน้ำ

Amenity รองเท้าสลิปเปอร์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ

เรามักเห็นรองเท้าสลิปเปอร์วางเตรียมไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือบริเวณชั้นวางของ มีทั้งสลิปเปอร์แบบบาง ๆ และสลิปเปอร์แบบหนา แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหนทางโรงแรมได้จัดเตรียมไว้ให้เพื่อให้แขกที่เข้าพักเดินในห้องหรือในโรงแรมได้อย่างสบาย ๆ ที่สำคัญยังหยิบกลับบ้านได้ เช่นเดียวกับเสื้อคลุมอาบน้ำที่นอกจากเตรียมไว้ให้ใช้ในห้องพักแล้ว เมื่อใช้เสร็จยังนำกลับบ้านได้อีกด้วย เชื่อว่าน่าจะถูกใจนักเดินทางหลายคนเพราะเป็นสิ่งที่นำกลับไปใช้ได้จริง

7. อาหาร เครื่องดื่ม

Amenity ขนมและเครื่องดื่มในตู้เย็น

ภายในห้องพักมักมีมินิบาร์ ซึ่งในมินิบาร์ประกอบด้วยของคบเคี้ยว ของทานเล่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ จัดเตรียมไว้สำหรับแขกผู้เข้าพักที่อาจรู้สึกหิวกลางดึกหรือคนที่อยากรับประทานอาหารแต่ไม่สะดวกออกไปหาซื้ออาหารเอง อาจเพราะร้านสะดวกซื้ออยู่ไกลหรือเพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจจนไม่อยากเดินทางออกนอกโรงแรม โดยสิ่งเหล่านี้สามารถนำกลับบ้านได้ เพียงแต่ต้องเช็กให้ดีก่อนว่าไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากบางโรงแรมจัดเตรียมทั้งอาหารที่รับประทานฟรีและอาหารที่มีค่าใช้จ่ายไว้ด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเสียเงินภายหลัง

8. กาแฟและชา

Amenity กาแฟและชา

นอกจากบรรดาของทานเล่นแล้ว อีกหนึ่ง Amenity ประเภทของกินที่ทางโรงแรมมักเตรียมไว้ให้ นั่นคือกาแฟ และชา เรียกได้ว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่โรงแรมส่วนใหญ่ต้องมี โดยชาและกาแฟมาในรูปแบบซอง นอกจากนี้ยังเตรียมน้ำตาลและครีมเทียมให้ด้วย เพื่อความกลมกล่อมและอรรถรสในการดื่ม สิ่งเหล่านี้สามารถนำกลับบ้านได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

จะเห็นได้ว่าโรงแรมต่างเตรียมสิ่งของอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้เข้าพักหลายอย่างจึงไม่ต้องห่วงว่าจะลืมหยิบของใช้ส่วนตัวชิ้นใดมาจากบ้าน โดยสิ่งของบางชิ้นสามารถนำกลับบ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หยิบใส่กระเป๋าได้แบบไม่ต้องกังวล แม้ทางโรงแรมจะให้นำกลับบ้านแบบฟรี ๆ แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งของชิ้นไหนที่ไม่แน่ใจว่านำกลับบ้านได้หรือไม่ แนะนำให้สอบถามพนักงานโรงแรม เพราะแม้จะเป็นสิ่งของประเภทเดียวกัน แต่บางโรงแรมอาจอนุญาตให้นำกลับบ้านได้ ในขณะที่บางโรงแรมไม่อนุญาตให้นำกลับบ้าน ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย แนะนำให้สอบถามก่อนเสมอจะได้ไม่สิ้นเปลืองเงินในกระเป๋า

อ่านเพิ่มเติม

ที่มาข้อมูล

20 Staycation กรุงเทพฯ 2024 บรรยากาศดี เหมาะสำหรับพักผ่อน

ปัจจุบันการเดินทางท่องเที่ยวออกนอกตัวเมืองเริ่มมีความเสี่ยงและไม่สนุกเหมือนทุกครั้งในอดีต ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้หลายคนเลือกพักผ่อนอยู่บ้าน ประกอบกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองมีความน่าสนใจมากขึ้นและเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เทรนด์ของการท่องเที่ยวแบบนี้ถูกเรียกว่า “Staycation” หรือการพักผ่อนที่บ้านหรือในเมืองที่คุณอาศัยอยู่ ซึ่งในกรุงเทพฯ มีหลายสิ่งที่น่าสนใจ คอยท้าทายให้คุณได้ไปสำรวจพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการเดินทางที่ห่างไกลและเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอีกด้วย โดยในบทความนี้เราได้รวม 20 สถานที่พักในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจ รายละเอียดของแต่ละแห่ง พร้อมข้อมูล hotel facilities มี อะไร บ้าง

20 สถานที่พักในกรุงเทพ 2024 สไตล์เก๋ ๆ แบบฉบับคนเบื่อบ้าน

1. ลาฟ โฮเทล อารีย์ (LAF Hotel Aree)

Credit: LAF Hotel

ใครจะไปคาดคิดว่า โรงแรม staycation สไตล์แคปซูลกึ่งผับบาร์จะมีให้ใช้บริการแล้ว LAF Hotel Aree ไม่เพียงแต่เป็นที่พักสุดคูล แต่ยังเป็นผับบาร์ยามค่ำคืนให้คุณได้ดื่มกินตามอัธยาศัยอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าใครเมาแล้วไม่อยากกลับ ก็สามารถนอนพักค้างคืนได้อย่างสบาย ๆ ที่พักมีแยกโซนทั้งในแบบชายหญิง หรือหญิงล้วน แม้จะดูเหมือนเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่จดจำไม่น้อย สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศจากการนอนอยู่ที่บ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ มานอนที่พักสไตล์แคปซูลแบบชิลล์ ๆ กันได้

วิธีการเดินทาง

LAF Hotel Aree เป็น โรงแรมติด BTS อารีย์เพียง 340 ม. ทำให้การเดินทางมีความสะดวกและรวดเร็ว เหมาะสำหรับการสำรวจเมืองกรุงเทพฯ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้เคียง

สิ่งอำนวยความสะดวก

ในแต่ละแคปซูลจะมีโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือและชั้นวางของที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน นอกจากนี้ยังมี Free Wi-Fi ครัวขนาดเล็ก, พื้นที่เลานจ์บนชั้นสอง, บาร์, ร้านกาแฟ, อุปกรณ์ปิ้งย่างและห้องเล่นเกม

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่: 3 พหลโยธิน 5 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400

หมายเลขโทรศัพท์ : 090 902 1942

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 800 บาท

2. เดอะ ยาร์ด แบงคอก (THE YARD BANGKOK)

วันหยุดนี้หนีร้อนมานอนตู้คอนเทนเนอร์กัน ใครจะไปคาดคิดว่าท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย รถติด จะมีโรงแรมขนาดเล็กสไตล์เก๋ ๆ ซ่อนตัวอยู่แถมไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์ด้วย THE YARD BANGKOK โฮสเทล โดยห้องพักมีให้เลือกแบบห้องรวมและห้อง Private ภายในโฮสเทลตกแต่งเรียบง่าย พร้อมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แขกผู้มาเยือนได้สะดุดตา เช่น ภาพวาดบนทางเท้า, ห้องนั่งเล่นที่เป็นลักษณะของการ Share Space ภายในห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดูสะอาดตา แม้จะดูเล็กแต่ไม่รู้สึกอึดอัด ห้องน้ำเป็นแบบรวม ตั้งไม่ไกลจากห้องพักแยกชาย หญิง เป็นสัดส่วน สะอาด ปลอดภัย ให้อารมณ์เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน นอกจากนี้ยังมี hotel facilities เป็นมินิบาร์ขนาดเล็กไว้ให้เสวนากับเจ้าของโฮสเทลหรือแขกผู้มาพักได้ 

การเดินทาง

THE YARD BANGKOK อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอารีย์เพียง 300 ม. เท่านั้น เดินทางเข้าซอยราชครู 100 เมตร เลี้ยวซ้ายซอยแรกเข้าไปอีก 200 เมตร ที่พักอยู่ขวามือ สายแบ็กแพ็คเกอร์บอกเลย ห้ามพลาด!

สิ่งอำนวยความสะดวก

ภายในที่พักแบ่งที่พักออกเป็น 2 โซน ได้แก่โซนห้องพักรวมและห้องพักแบบส่วนตัว โดยห้องพักรวมจะเป็นแบบเตียง 2 ชั้น แต่ละชั้นจะมีโคมไฟติดตั้งบริเวณหัวนอน ห้องน้ำเป็นแบบห้องน้ำรวมแยกชายหญิง นอกจากนี้ยังมี Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, มินิบาร์ และมุมพักผ่อนสบาย ๆ ให้เลือก

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่: 51 พหลโยธินซอย 5, สามเสนใน, พญาไท, กรุงเทพมหานคร 10400

หมายเลขโทรศัพท์ : 065 328 5999

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,500 บาท

3. เดอะ มัสแตง บลู (The Mustang Blu)

ต้องบอกว่าใครที่ชอบ ความเก่า ความขลัง ของตึกในสมัยโบราณต้องไม่พลาดกับ โรงแรม staycation ห้องพักสุดแนว ที่ใครจะไปคาดคิดว่าภายนอกของตึกโบราณนี้ ภายในจะตกแต่งได้หรูหราและยังคงความเก่าของตึกได้เป็นอย่างดี เดอะ มัสแตง บลู เป็นโรงแรมตั้งอยู่ใกล้เยาวราช หากใครที่เคยดูละครไทยต้องรู้จักกับมุมนี้เป็นอย่างดี เพราะใช้ทำเลแห่งนี้ถ่ายหนังและละครอยู่บ่อยครั้ง เดินทางสะดวกอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีหัวลำโพง เพียง 5 นาทีเท่านั้น ข้างบนเป็นที่พัก ข้างล่างเปิดเป็นคาเฟ่ สุดชิค มีมุมเก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปหลายมุม โดยเฉพาะมุมที่มีคอยีราฟโผล่ออกมาจากผนังและมุมบันไดวน บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาด 

การเดินทาง

The Mustang Blu อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีหัวลำโพง ใช้ทางออก 4 เดินตามถนน ไมตรีจิตต์ เพียง 300 เมตร ก็ถึงที่หมายแล้ว หากใครจะนำรถยนต์ส่วนตัวมา ต้องดูวันคู่-วันคี่ให้ดีว่าจอดได้หรือไม่ เพราะการจราจรบริเวณนี้เข้มงวดมาก แนะนำขนส่งสาธารณะดีที่สุด

สิ่งอำนวยความสะดวก

ด้านล่างจัดเป็นคาเฟ่ มีอาหาร ขนมหวานและเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ไว้คอยบริการ ห้องพักจะอยู่ด้านบน ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟท์แต่เรียบหรู คงความเก่าแก่ไว้ มีห้องน้ำในตัว ฟรี Wi-Fi 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่: 721 ถนน ไมตรีจิตต์ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100

หมายเลขโทรศัพท์ : 062 293 6191

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 6,100 บาท

4. ศาลาอรุณ

หนีความวุ่นวาย มานอนชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณ ใครที่ต้องการชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยาในแบบสุด Exculsive ต้องไม่พลาดกับ ศาลาอรุณ บูทีคโฮเทล ขนาดเล็กแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น มีการตกแต่งที่ทันสมัย ห้องดีลักซ์สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและพระปรางค์ของวัดอรุณได้อย่างชัดเจน รับรองเลยว่าช่วงเช้าเวลาตื่นนอนจะทำให้คุณพบกับวิวที่สวยงาม

การเดินทาง

สามารถเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา มาลงที่ท่าเรือท่าเตียน จากนั้นเดินเท้ามาโรงแรม ใช้เวลาประมาณ 1 นาที หรือเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะลงซอยท่าเตียนมหาราช เดินเท้าเข้าซอยประมาณ 100 เมตรก็ถึงโรงแรมแล้ว

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พักมีห้องน้ำในตัว ฟรี Wi-Fi พร้อมอาหารเช้า ซึ่งจะมีโซนแยกสำหรับภายในตัวอาคารและโซน Terrace เพื่อให้ได้ชมบรรยากาศของวิวแม่น้ำเจ้าพระยากัน

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 47-49 ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช , แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

หมายเลขโทรศัพท์ : 02 622 2163

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 3,500 บาท

5. โยโล แบงค็อก (YOLO BANGKOK)

ใครไม่มาถือว่าพลาด กับโรงแรมโยโล แบงค็อก บูทิคโฮเทล ที่บอกได้เลยว่าภายในห้องพักสวยงามไม่แพ้โรงแรมตึกสูงในเมือง บรรยากาศเหมือนนอนอยู่ภายในบ้านของตัวเอง ภายในห้องพักมีอ่างอาบน้ำให้ทุกห้อง แต่การตกแต่งหรือรูปแบบขนาดของอ่างจะแตกต่างกันไปตามประเภทของห้องพัก ภายในโรงแรมมีมุมเล็ก ๆ สำหรับอ่านหนังสือให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอ่านหนังสือที่บ้าน โดยรอบตกแต่งสไตล์คาเฟ่ให้เหมือนนั่งสบาย ๆ พร้อมเครื่องดื่มร้อนเย็น 

การเดินทาง

ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 15 สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศกและ MRT สถานีสุขุมวิท สามารถเดินเท้าเข้ามาในซอยประมาณ 15 นาที หรือใช้บริการแท็กซี่ ตัวโรงแรมจะอยู่ใกล้กับคริสตจักรวัฒนา ด้านหน้าจะมีชื่อโรงแรม YOLO ตัวใหญ่ ๆ ติดตั้งอยู่

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่พักมีห้องน้ำและอ่างอาบน้ำสุดเก๋ให้ภายในตัว ฟรี Wi-Fi พร้อมอาหารเช้าสไตล์ตะวันตก 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 75/1 สุขุมวิท 15 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

หมายเลขโทรศัพท์ : 083 082 3148

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,400 บาท

*ราคาเป็นห้องธรรมดา ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ต่อคืน อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือลดลงได้ กรุณาโทรสอบถามฝ่ายขายของแต่ละสถานที่อีกครั้ง

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

6. รัชดา รีทรีต (Ratchada Retreat)

รัชดา รีทรีต เป็นที่พักมินิมอลสไตล์ญี่ปุ่น ที่ใครผ่านไปผ่านมามักจะคิดว่าเป็นคาเฟ่ ดูสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมาก ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ช่วยให้ดูสะอาด สดใส ภายในมีห้องพักด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะไม่เหมือนกันเลย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้ทุกได้นั่งเล่น พักผ่อนตามอัธยาศัย รวมไปถึงห้องครัวที่สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ในการทำครัวได้ทุกอย่าง ถือเป็นโฮสเทลลับใจกลางเมืองที่น่าสนใจไม่น้อย

การเดินทาง

รัชดา รีทรีต ตั้งอยู่กลางใจเมือง รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า, ผับ, บาร์ ร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงสถานีพระรามเก้า เดินเท้าอีกประมาณ 1 นาที ก็จะถึงที่พัก

สิ่งอำนวยความสะดวก

พื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำอาหาร, สระน้ำขนาดเล็ก, ฟรี Wi-Fi 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 322 ซอยอยู่เจริญ 10 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400

หมายเลขโทรศัพท์ : 090 909 7157

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 6,400 บาท

7. Monomer Hostel

สำหรับใครที่กำลังมองหาประสบการณ์การนอนโฮสเทล สไตล์วินเทจ ในราคาสบายกระเป๋า บอกเลยในกรุงเทพฯ ก็มีให้เลือกใช้บริการ มีทั้งแบบห้องส่วนรวม ห้องสวนตัวและห้องแยกเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ภายในเรียบง่าย บริเวณเตียงนอนของทุกคนจะมีโคมไฟและปลั๊กไฟ ไว้ให้ใช้งาน ด้านล่างจะมีมุมครัว, ชงชากาแฟเล็ก ๆ ไว้คอยบริการ ชั้นลอยจะเป็นห้องนั่งเล่นและมีคอมพิวเตอร์ไว้คอยบริการ

การเดินทาง

Monomer Hostel ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี สามารถเดินเท้าไปได้โดยใช้เวลาไม่นาน บริเวณโดยรอบ โรงแรม เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดัง 

สิ่งอำนวยความสะดวก

ครัวขนาดเล็กสำหรับทำอาหารง่าย ๆ , ห้องนั่งเล่นส่วนกลาง, ฟรี Wi-Fi 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 486/157 ซอยเพชรบุรี 16 ราชเทวี กรุงเทพฯ

หมายเลขโทรศัพท์ : 02-6110950

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,500 บาท

8. The Quarter Bangkok (Poshtel)

หากใครต้องการสัมผัสกับความเรียบหรู ท่ามกลางบรรยากาศเมืองกรุง The Quarter คือคำตอบ เพราะที่นี่ไม่ใช่มีแค่ที่พักเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี Co-work Space ไว้คอยบริการ เหมาะสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนสถานที่คุยงานหรือติดต่อลูกค้า ดาดฟ้ายังเป็นพื้นที่ให้จัดปาร์ตี้เบา ๆ อีกด้วย ด้านล่างเป็นคาเฟ่มีเคาน์เตอร์บาร์พร้อมเครื่องดื่มไว้คอยบริการ 

การเดินทาง

The Quarter Bangkok (Poshtel) โรงแรมติดBTS ราชเทวี ใช้ทางออกหมายเลข 4 เดินมา 50 เมตร ข้ามถนนก็จะถึงที่ตั้ง 

สิ่งอำนวยความสะดวก

ด้านล่างเป็นคาเฟ่, มีห้องประชุม, ห้องนั่งเล่นส่วนกลาง, ฟรี Wi-Fi 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 501/1 ถ. พญาไท แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400

หมายเลขโทรศัพท์ : 095-9572080, 082-0136999

ราคาต่อคืน*

โทรศัพท์สอบถาม

9. อุ่น โฮเทล

Credit: Oun Hotel

ข้ามมาทางฝั่งบางกะปิ เลียบทางด่วนรามอินทรากันบ้างกับโฮสเทลที่แสนอบอุ่น อุ่น โฮเทล ที่พักขนาดเล็ก ที่รายล้อมไปด้วยสถานบันเทิงและห้างสรรพสินค้า ภายในร่มรื่น เงียบสงบ มีด้วยกัน 3 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำ ห้องพักขนาดใหญ่มีให้เลือกทั้งเตียงเดียวและเตียงคู่ ตกแต่งสไตล์มินิมอล ดูสวยงาม

การเดินทาง

อุ่น โฮเทล สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยใช้เส้นทาง โยธินพัฒนา เข้าซอยโยธินพัฒนา 3 หรือใช้บริการรถแท็กซี่ 

สิ่งอำนวยความสะดวก

มีสระว่ายน้ำ, ที่จอดรถ, ฟรี Wi-Fi ส่วนกลาง, ภายในห้องพักมีตู้เย็นและทีวี

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 364 ซอย โยธินพัฒนา 3 ถนน โยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกระปิ กรุงเทพฯ 10240

หมายเลขโทรศัพท์ : 02 515 1080

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,000 บาท

10. Tiny Hostel

ที่พักสำหรับชาวแบ็คแพ็กเกอร์ Tiny Hostel เป็นโฮสเทลที่ได้รับการปรับเปลี่ยนจากทาวน์โฮม 3 ชั้น มาเป็นที่พักสุดชิค พร้อมการต้อนรับในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น ที่พักแบ่งออกเป็น 2 แบบ  ได้แก่ แบบ Private และแบบ Mix Room สามารถเลือกได้ว่าจะพักในรูปแบบใด 

การเดินทาง

มีบริการจัดหารถแท็กซี่ให้ไปรับและส่งได้ หรือจะนั่งแท็กซี่ไปเองได้โดยตรง

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi ส่วนกลาง, ที่เก็บสัมภาระ

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 74 ซอย จรัญสนิทวงศ์ 48 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ธนบุรี กรุงเทพฯ 10700

หมายเลขโทรศัพท์ : 092-8434433

ราคาต่อคืน*

โทรศัพท์สอบถาม

*ราคาเป็นห้องธรรมดา ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ต่อคืน อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือลดลงได้ กรุณาโทรสอบถามฝ่ายขายของแต่ละสถานที่อีกครั้ง

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

11. AMDAENG Bangkok riverside hotel

อำแดง แบงค็อก ริเวอร์ไซต์ ที่พักสุดคูลริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วยสีแดงทั้งหลัง สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ภายในสวยหรู สไตล์โมร็อกโก ไฮไลท์พิเศษสุดสำหรับที่นี่คือ อาหารไทยชาววัง ที่หาทานได้ยาก ใครอยากสัมผัสกับบรรยากาศคุ้งน้ำแห่งนี้ต้องไม่พลาด 

การเดินทาง

นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน นั่ง taxi หรือเรือเจ้าพระยาธงฟ้า มาลงที่ท่าเรือวัดทองธรรมชาติ จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 200 เมตร ก็จะถึงโรงแรม หากมาจากเยาวราช ให้ขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าเรือสวัสดี ไปยังท่าเรือวัดทองธรรมชาติ จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 200 เมตร

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi ส่วนกลาง, อาหารเช้า, ห้องอาหาร

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 12/1 ซอยเชียงใหม่ 1 ถนนเชียงใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองสาน กรุงเทพ 10600

หมายเลขโทรศัพท์ : 02-162-0138

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 3,200 บาท

12. Craftsman Bangkok

ที่พักใจกลางเมืองสไตล์คอนโดหรู ขนาด 4 ชั้น อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS บรรยากาศเงียบสงบ โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำส่วนกลางขั้นกลางระหว่างตึก 2 ตึก โดยชั้นล่างฝั่งหนึ่ง สามารถเปิดระเบียงออกมาเล่นน้ำได้ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น บาร์คาเฟ่, บริการนวดสปา ภายในตกแต่งสวยหรู ดูเรียบง่าย

การเดินทาง

สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือบริการรถ taxi, Grab ได้ เพราะซอยค่อนข้างลึก แม้ปากซอยจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi ส่วนกลาง, สระว่ายน้ำ, นวด สปา, ที่จอดรถ, มินิบาร์

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 34-36 ซ. พหลโยธิน 11 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400

หมายเลขโทรศัพท์ : 02-279-7299

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 3,400 บาท

13. Cacha Bed Heritage Hotel

จากตึกเก่าแก่ สู่โรงแรมและแกลลอรี่ เดิมทีเป็นอาคาร 4 ชั้น สไตล์วิกตอเรียน ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถูกใช้งานมาอย่างยาวนานและจะถูกปล่อยร้างในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก่อนได้รับการปรับปรุงจนกลายมาเป็น คชา เบด โดยที่พักมีทั้งแบบ Private และ แบบหอพัก ด้านล่างมีล็อบบี้ คาเฟ่ และแกลลอรี่ภาพส่วนบุคคลจัดแสดงให้ได้ดู 

การเดินทาง

แนะนำให้ใช้บริการรถสาธารณะหรือบริการรถรับส่ง เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ติดมุมถนน ไม่มีที่จอดรถส่วนตัว

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi ส่วนกลาง, มีร้านอาหาร

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 156 ถ. มหาไชย แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

หมายเลขโทรศัพท์ : 02 221 0257

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 2,200 บาท

14. YANH Ratchawat Hotel

โรงแรมน้องใหม่ ย่าน ราชวัตร เปิดให้บริการแล้ว ใครชอบเที่ยว อยากลองที่พักใหม่ ๆ จะต้องไม่พลาด โดยเฉพาะสายกินเพราะในย่านราชวัตรแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดังมากมายและที่สำคัญตัวโรงแรมใกล้ร้านสะดวกซื้อ ภายในตกแต่งสไตล์ working space ดูเงียบสงบ แม้ตัวโรงแรมจะอยู่ติดถนนก็ตาม 

การเดินทาง

สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวเพราะมีที่จอดรถให้ หรือบริการรถสาธารณะได้ ก็จะสะดวกและง่ายต่อการเดินทางมากกว่า 

สิ่งอำนวยความสะดวก 

มีที่จอดรถ, ฟรี Wi-Fi , มีร้านอาหาร,คาเฟ่, สระว่ายน้ำ, มีพื้นที่ให้ทำงานได้

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 1376/1 ถ. นครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

หมายเลขโทรศัพท์ : 02 180 6450

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,900 บาท

*ราคาเป็นห้องธรรมดา ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ต่อคืน อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือลดลงได้ กรุณาโทรสอบถามฝ่ายขายของแต่ละสถานที่อีกครั้ง

15. Riva Arun Bangkok

ที่พักหรูสไตล์วินเทจ ที่ทุกคนไม่ควรพลาดกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เห็นวิถีชีวิตของคนริมน้ำ สามารถมองเห็นวัดอรุณในฝั่งตรงข้ามได้ โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่มีการเปิดไฟไปยังพระปรางค์ ช่างสวยงามยิ่งนัก ตัวอาคารสีขาว มี 4 ชั้น ตกแต่งด้วยความพิถีพิถัน ไฮไลท์อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่เปิดให้ผู้เข้าพักได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดิน

การเดินทาง

สามารถใช้บริการรถ taxi หรือรถยนต์ส่วนตัวได้ แต่จะเป็นเจ้าหน้าที่เข้ามารับรถและนำไปจอดให้ เพราะด้านหน้าที่จอดค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าต้องการใช้รถสามารถแจ้งพนักงานได้

สิ่งอำนวยความสะดวก

มีที่จอดรถ, ฟรี Wi-Fi , ร้านอาหารและบาร์บนชั้นดาดฟ้า, สระว่ายน้ำ

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 392/25-26 ถนนมหาราช เขตพระนคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพ 10200

หมายเลขโทรศัพท์ : 02 2211188

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 6,700 บาท

*ราคาเป็นห้องธรรมดา ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ต่อคืน อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือลดลงได้ กรุณาโทรสอบถามฝ่ายขายของแต่ละสถานที่อีกครั้ง

16. Canale Hostel Khaosan

เปลี่ยนบรรยากาศมาลองสัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตดั้งเดิมกับที่พักริมคลองกันดูบ้าง Canale Hostel เป็นโฮสเทลเล็ก ๆ ริมคลองบางลำพู ที่ได้รับการรีโนเวทขึ้นมาใหม่ ห้องพักทุกห้องสามารถมองออกมาเห็นวิวแม่น้ำ ได้อารมณ์ย้อนยุคไปอีกแบบ

การเดินทาง

แนะนำให้ใช้บริการรถสาธารณะ, Taxi, หรือบริการรถจากแอปพลิเคชัน เพราะไม่มีที่จอดรถ หรือเดินเท้าจากข้าวสารเพียง 5 นาทีเท่านั้น

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 347, 349 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

หมายเลขโทรศัพท์ : 09 3951 5441

ราคาต่อคืน*

โทรศัพท์สอบถาม

17. Here Bangkok Hostel

Credit: Here Hostel

โฮสเทลขนาดย่อม ๆ ในซอยเล็ก ๆ ที่ทำเอาหลายคนไม่เชื่อว่าจะมีโรงแรมอยู่ข้างในนี้ได้ เดิมเป็นตึกแถวเก่า ก่อนนำมารีโนเวทเป็นโฮสเทลให้นักท่องเที่ยวและนักเดินทางได้เข้าพัก ตัวอาคารยังคงกลิ่นอายของความเก่าแฝงด้วยการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นและของเก่าจำนวนมาก พื้นที่ว่างด้านหน้าจัดเป็นมินิบาร์ให้แขกผู้มาพักได้ผ่อนคลายและสนทนากัน 

การเดินทาง

แนะนำให้ใช้บริการรถสาธารณะ, Taxi, หรือบริการรถจากแอปพลิเคชัน เพราะไม่มีที่จอดรถ หรือเดินเท้าจากข้าวสารเพียง 5 นาทีเท่านั้น

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi , มุมทำอาหารเช้าเล็ก ๆ

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 196/3-8 ถนน ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

หมายเลขโทรศัพท์ : 090 987 7438

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,100 บาท

18. Click Hostel Bangkok

โฮสเทลราคาประหยัด โซนสุขุมวิท ติดรถไฟฟ้า ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทางไปพักค้างคืนบ้านเพื่อน เช้ามาสามารถนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านได้ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีอโศก-พร้อมพงษ์ เดินทางสะดวก เอาใจคนมองหาที่พักกลางเมืองในราคาประหยัด หรือใครที่เข้าเมืองกรุงเพื่อสมัครงาน หางาน ภายในเรียบง่าย ลงตัว ตอบโจทย์นักเดินทางทั้งในแบบคนเดียวและหมู่คณะ 

การเดินทาง

สามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ ใช้เวลาประมาณ 7-8 นาที หรือใช้บริการรถสาธารณะ, Taxi, หรือบริการรถจากแอปพลิเคชัน เพราะไม่มีที่จอดรถ 

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi , ด้านล่างที่มีที่นั่งเล่นและมินิคาเฟ่ไว้คอยบริการ 

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 12/12 สุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

หมายเลขโทรศัพท์ : 082 540 5590

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 1,500 บาท

19. Cubic Bangkok Hostel

เป็นโฮสเทลขนาดเล็กที่แสนจะอบอุ่น เปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายหมดสิทธิ์! เพื่อเน้นในเรื่องของความปลอดภัยให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านหรือเดินทางเพื่อมาพักบ้านญาติ เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่เดินทางมาสมัครเรียนหรือรอสัมภาษณ์งาน เพราะอยู่ใกล้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั่นเอง

การเดินทาง

มีบริการ taxi หรือใช้บริการจากแอปพลิเคชัน, ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi , ดาดฟ้ามีบริการเครื่องดื่มร้อนเย็น และซักล้าง รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 1356-60 ถนนบรรทัดทอง ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10110

หมายเลขโทรศัพท์ : 090 213 1132

ราคาต่อคืน*

โทรศัพท์สอบถาม

20. VM 1 Hostel Bangkok

VM1 โฮสเทล ใจกลางเมือง เป็นโฮสเทลขนาดเล็ก ตกแต่งด้วยผนังปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์ ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน ห้องพักขนาดใหญ่ มีหลายแบบให้เลือกทั้งแบบ Private และ แบบห้องรวม สะอาด ประหยัด เหมาะกับนักเดินทางทุกประเภท โดยเฉพาะแบ็คแพ็กเกอร์ อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สนามเป้าเพียง 600 เมตร 

การเดินทาง

แนะนำใช้บริการรถสาธารณะ, taxi หรือรถไฟฟ้า BTS เพราะอยู่ห่างจากที่พักเพียง 600 เมตร

สิ่งอำนวยความสะดวก

ฟรี Wi-Fi , ห้องนวด, ห้องปิงปอง ด้านหน้ามีร้านอาหารและของกินจำนวนมาก

ข้อมูลติดต่อ

ที่อยู่ : 815 ถ. พหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

หมายเลขโทรศัพท์ : 090 950 0718

ราคาต่อคืน*

เริ่มต้น 780 บาท

*ราคาเป็นห้องธรรมดา ผู้ใหญ่ 2 ท่าน ต่อคืน อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มหรือลดลงได้ กรุณาโทรสอบถามฝ่ายขายของแต่ละสถานที่อีกครั้ง

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ที่พักในกรุงเทพ2024 สไตล์ Staycation ที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน สามารถใช้ช่วงเวลาวันหยุดเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ไม่ยาก อยากจะนั่งรถสาธารณะกลับบ้านเมื่อไรก็ได้ แถมราคาที่พักก็ค่อนข้างถูก ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อย จนไปถึงหลักพัน เหมาะกับนักเดินทางหรือใครที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศจากนอนที่บ้านมาหาประสบการณ์ที่ไม่ไกลมากนัก

ที่มาข้อมูล

อัพเดทปี 2024 กับ 10 ตลาดนัดกลางคืนยอดนิยมในกรุงเทพฯ

ไม่ว่าจะเป็นวันทำงาน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าได้ไปเดินเที่ยวหาของกิน ของใช้ หรือของสะสมในกรุงเทพฯ ที่ตลาดนัดกลางคืน ก็น่าจะเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายได้มากเลยเหมือนกันน้าา วันนี้ AIRPORTELs ขอมาแนะนำ 10 สถานที่ สำหรับสายเดินตลาดนัดกลางคืนได้มาดูกัน เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลยยย!

1. ตลาด JODD FAIRS (จ๊อดแฟร์ เซ็นทรัลพระรามเก้า)

JODD FAIRS เซ็นทรัลพระรามเก้า เป็นศูนย์รวมอาหาร ของกินแบบสตรีทฟู้ด มีคน รีวิวของกิน ลงในโซเชียลการันตีเรื่องของกินอร่อย ราคาหลักสิบ สายกินไม่ควรพลาดที่นี่เลย มีทั้งทะเลถัง ทะเลดอง ร้านขนมหวาน อย่างเมนูฮิตต้องลองคือ นมหมีปั่น แซนด์วิชไข่ ฮอตด็อกเกาหลี อีกทั้งยังเอาใจสายแฟชั่น ที่มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และอีกมากมาย เรื่องบรรยากาศดี ครึกครื้น ติดห้างเซ็นทรัลพระรามเก้า รับรองว่าถ้ามาเดินแล้วต้องได้ของกินติดไม้ติดมือไปเพียบ! 

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00 – 24.00 น.

2. ตลาด JODD FAIRS (จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิตร)

JODD FAIRS แดนเนรมิตร ตลาดนัดกลางคืนที่เพิ่งเปิดให้เดินเมื่อเมษายน 2023 ที่ผ่านมา ที่นี่มีความน่าสนใจ อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติให้ได้มาเยี่ยมชมได้เยอะมาก ๆ เพราะว่าเป็นโลเคชั่นที่เดินทางสะดวก มาได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์สาธารณะ และรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ส่วนตัวมาได้อง เพราะเค้ามีที่จอดกว้างมาก ๆ และที่นี่ก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนม และลานเบียร์ ให้เลือกเต็มไปหมดเลย ที่คำสัญคือมีปราสาทให้ขึ้นไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศดี ๆ ได้เจอฝูงฟลามิงโก้บนพื้นหญ้า และรถยนต์คลาสสิกสุดเท่ ที่ทุกคนสามารถถ่ายรูปกันได้ตามชอบเลยยย

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00 – 24.00 น.

3. ตลาดอินดี้ ปิ่นเกล้า

ตลาดนัดกลางคืนที่ไม่ควรพลาดเลยนั่นก็คือตลาดอินดี้ ปิ่นเกล้า เราขอการันตีว่าเด็ดเพราะว่ามีคนเดินทางมาเยอะมาก เป็นที่นิยมของคนชื่นชอบการเดินเที่ยวช่วงกลางคืนไม่น้อยเลย จุดเด่นของตลาดแห่งนี้คือ ร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งร้าน
อาหารสตรีทฟู้ดเกาหลี อาหารญี่ปุ่น และอาหารทะเลให้คุณได้อร่อยกับอาหารทะเลปรุงด้วยวัตถุดิบสด นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์ด้วย ตอบโจทย์สายกินเพลิน ๆ เดินชิลล์ ๆ 

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 – 24.00 น.

4. ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา

ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทราก็เป็นอีกหนึ่งในตลาดนัดที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ฮิตของคนกรุงเทพฯ เลย นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวช่วงค่ำ ๆ ก็ยังสามารถมาเดินเล่นหาของทานอร่อย ๆ ได้จากที่นี่ เพราะตลาดเลิกดึกมาก มีอาหารน่าทานเพียบ ใครพักอยู่เขตบางเขนไม่ควรพลาดเลย เช่น ร้านอาหารเกาหลี บุฟเฟต์ อาหารทะเล ปลาหมึกย่าง ทะเลดอง ขนมหวานก็มีหลากหลาย จะสไตล์อิตาเลี่ยน เกาหลี หรือจะไทย ครบทุกรสชาติ ถ้าหิวตอนดึก แวะมาฝากท้องสักหน่อยก็ได้

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 – 2.00 น.

5. ถนนเยาวราช

ถนนเยาวราช หรือไชน่าทาวน์ของกรุงเทพฯ

คงไม่มีใครไม่รู้จักที่นี่ ถนนเยาวราช ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและตลาดยามค่ำคืนที่มีความโด่งดังสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้ที่รักอาหารจีนก็ไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน มีร้านอาหารสตรีทฟู้ด ภัตตาคารจีนให้เพื่อนทานได้อย่างมากมาย เช่น ร้านข้าวมันไก่ ร้านข้าวหมูแดง ขนมจีบ ร้านก๋วยจั๊บ ไปจนถึงเมนูที่ระดับตำนานอย่างหูฉลามน้ำแดง ไปจนถึงขนมปังย่างถ่านที่มีความฮิตอย่างมากในหมู่วัยรุ่น แต่ถ้าใครจะทาน ก็อย่าลืมเตรียมทิชชู่เปียก หรือกระดาษเอาไว้เช็ดไส้เยิ้ม ๆ ของขนมปังกันด้วยล่ะ!

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 – 2.00 น.

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

6. ตลาดกรีนวินเทจ รัชดา Green vintage pop up

ตลาดกรีนวินเทจ รัชดา Green vintage pop up เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ครบครัน ที่มีทั้งของกินเล่น เสื้อผ้า อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และของใช้ให้นักช็อปได้ไปเดินเลือกสรรคกันได้อย่างสบายใจ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายเพราะอยู่กลางเมือง ซึ่งที่ตั้งของตลาดนั้นตั้งอยู่ด้านหน้าของห้าง The Street ที่เป็นจุดนัดพบที่ผู้คนสามารถไปเดินเล่น อีกทั้งยังมีสนามกีฬา และฮอลล์ตั้งอยู่ด้านบนอีกด้วย

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00 – 24.00 น.

7. ตลาดนัดจตุจักร

ชาว Bangkok คงจะรู้จักที่นี่ดีอยู่แล้ว เพราะตลาดนัดจตุจักรนั้นถือเป็นแหล่งสำหรับการเดินช็อป การเดินทางง่าย สะดวก ขึ้นรถไฟฟ้ามาได้ เป็นตลาดนัดกลางคืนที่รวบรวมสินค้าหลากหลาย แบ่งโซนให้คุณได้เลือกช้อป ทั้งโซนตลาดต้นไม้ ตลาดสัตว์เลี้ยง ตลาดเสื้อผ้า และอื่น ๆ รวมถึงโซนขายอาหาร มีอาหารน่าชิมเยอะมาก จะสไตล์ไทย ญี่ปุ่น ยุโรป มีครบถ้วน มาที่เดียวคุ้มช็อปของกิน ของใช้ ของสะสม

เปิดให้บริการวันและเวลาที่เปิดของทุกโซนต่างกัน

8. ช่างชุ่ย ChangChui

ตลาดนัดแห่งนี้มีความโดดเด่นตั้งแต่บริเวณทางเข้าที่มีป้ายขนาดใหญ่ สไตล์อาร์ต ๆ เท่ ๆ  เป็นอีกที่เที่ยวที่คุณสามารถเดินทางมาง่ายด้วยรถไฟฟ้า ในตลาดมีโซนที่น่าสนใจมาก ทั้งร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหารที่มีตั้งแต่สตรีทฟู้ด บุฟเฟต์ ไปจนถึงบาร์ นอกจากนี้ใครที่ชอบมาช่วงดึก ก็มีการเล่นดนตรีสด ใครสายปาร์ตี้ มากับแก๊งเพื่อนซี้ ก็สนุกได้ทั้งคืนเลย ใครมีไลฟ์สไตล์แบบไหน ก็มาจอยกันได้เลย

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 23.00 น.

9. ตลาดนัดรถไฟ : Train Night Market 

ปิดท้ายกันด้วยอีกหนึ่งตลาดนัดกลางคืนรวบรวมร้านค้าหลากหลายประเภท ทั้งร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้า รองเท้า ร้านตัดผม ร้านขายภาชนะ ร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย ช้อปได้เพลินจุใจแน่นอน ที่สำคัญจุดเด่นของที่นี่คือมีโซนที่นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้ อย่างโซนโกดังที่ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังสุดเท่ สายอาร์ตติสชื่นชอบ นอกจากนั้นแล้วใครที่อยากมาเดินเที่ยว ช็อปปิ้ง หรือหาอาหารอร่อย ๆ ทานช่วงหลังเลิกงาน รับรองว่าถูกใจแน่นอน ทั้งอิ่มท้องและได้ของสะสมกลับบ้าน

เปิดบริการทุกวันพฤหัสบดี – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 01.00 น.

10. หัวมุม Market & More

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบสะสมตุ๊กตา สินค้า หรืออุปกรณ์วินเทจ ตลาดหัวมุม ก็อาจจะเป็นตลาดในฝันที่เพื่อน ๆ ต้องชื่นชอบแน่ ๆ และไม่ใช่เพียงสินค้าวินเทจเท่านั้นที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ แต่เค้ายังมีอาหาร เสื้อผ้า ขนม และกิจกรรมอีกมากมายที่ถูกใจทั้งเด็กน้อย วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่กันได้อย่างแน่นอน

เปิดบริการทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16:00 – 24:00 น.
และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:00 – 24:30 น.

นักท่องเที่ยวกับวิวของตลาดนัดในยามค่ำคืน

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ 10 ตลาดนัดกลางคืน 2024 พื้นที่สำหรับการช้อปปิ้งของคนกรุงที่ไม่ควรพลาด ทั้งยังเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสูงในช่วงปีนี้อีกด้วย ซึ่งแต่ละตลาดนั้นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ใครชอบช็อปแบบไหน กำลังมองหาสินค้าหรือซื้ออะไร ก็ลองไปเยือนตลาดนัดกลางคืนทั้ง 10 แห่งที่ AIRPORTELs นำมาให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันได้เลย ขอให้มีความกับการเดินช็อปปิ้งในตลาดนัดกลางคืนกันนะทุกคนน! 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ที่มาข้อมูล

มาตรฐานโรงแรม 1-5 ดาว วัดกันที่ตรงไหน 

มาตรฐาน โรงแรม เรียกว่า “ระดับดาว” เป็นสัญลักษณ์รูปดาวตั้งแต่ 1-5 ดวง แทนค่ามาตรฐานบริการระดับต่าง ๆ ของโรงแรมตั้งแต่ระดับธรรมดาไปจนถึงระดับหรูหรา เพื่อให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ระดับดาวมีผลต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวในคุณภาพบริการ ความสะดวก ความสะอาด และความปลอดภัยว่าจะเลือกพักโรงแรมที่ไหนดี

Hotel Star
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ทำไมโรงแรมต้องมีมาตรฐานระดับดาว 1-5 

ทำไมโรงแรมต้องมีมาตรฐานระดับดาว 1-5 

ถ้าเลือกได้และไม่ติดขัดเรื่องค่าใช้จ่าย เป็นใครก็อยากเข้าพักโรงแรมหรู ๆ ดี ๆ ติดอันดับ 4-5 ดาวกันทั้งนั้น สัญลักษณ์ระดับดาวแตกต่างกันตรงไหน กำหนดอะไรไว้บ้าง มาติดตามกันได้เลย

อังกฤษและฝรั่งเศสเป็นประเทศที่บุกเบิกการใช้สัญลักษณ์รูปดาวเป็นครั้งแรก โดยใช้รูปดาว 1-5 ดวงเพื่อแยกประเภทมาตรฐานการบริการธุรกิจที่พักให้เห็นความแตกต่างชัดเจน เพื่อสร้างมาตรฐาน โรงแรมในกรุงเทพ ที่น่าเชื่อถือ และทำให้นักท่องเที่ยวมีความเข้าใจอย่างชัดเจนในระดับบริการที่ได้รับด้วย สำหรับมาตรฐานการวัดระดับโรงแรมในประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยเปิดประเทศ มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศ จึงมีการสร้างโรงแรมแบบสมัยใหม่เพื่อรับรองแขกที่เข้ามาติดต่อการทูต ค้าขาย และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โรงแรมเป็นทั้งที่พักแรม มีบริการอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ 

ในปี พ.ศ. 2549 “สมาคมโรงแรมไทยและสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว” (ATTA) ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดตั้งองค์กรกลางชื่อว่า “มูลนิธิพัฒนามาตรฐานและบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว” เพื่อตรวจสอบการจัดระเบียบโรงแรมไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีมาตรฐานระดับดาวที่เป็นระบบระเบียบและใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

การวัดระดับโรงแรมในประเทศไทยยึดตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับระดับสากล จากการให้คะแนน 1-5 ดาวซึ่งเรียงลำดับต่ำสุดไปถึงระดับยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งรวมถึงการพิจารณาให้เรื่องความต้องการของผู้เข้าพักด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ไปจนถึงคุณภาพของบริการที่มีความหลากหลายตั้งแต่ห้องพัก, ห้องอาหาร, บาร์หรือเลานจ์, สระว่ายน้ำ, ห้องประชุม ไปจนถึงบริการกีฬาอื่น ๆ 

สิ่งที่ใช้พิจารณาตัดสิน มาตรฐานโรงแรม ว่าระดับ 1-5 ดาว 

สิ่งที่ใช้พิจารณาตัดสิน มาตรฐานโรงแรม ว่าระดับ 1-5 ดาว 

เป็นที่ทราบกันดีว่าโรงแรมระดับ 1-5 เรียงลำดับจากน้อยคือ 1 หรือยอดเยี่ยมระดับต่ำสุด ไปมากหรือยอดเยี่ยมระดับสูงสุดคือ 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงแรมที่ได้รับการยอมรับระดับสากล สิ่งที่ใช้พิจารณาระดับดาวของโรงแรม มีดังนี้

  • ทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม และบรรยากาศโดยรอบ
  • โครงสร้างของโรงแรม และระบบความปลอดภัย
  • การตกแต่งและ สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม
  • คุณภาพของบริการ เช่น ความสะดวก ความปลอดภัย คุณภาพและขนาดห้องพัก ความคุ้มค่าด้านราคา รวมถึงชื่อเสียงของโรงแรม
  • การบำรุงรักษา และการทำความสะอาดห้องพักในโรงแรม

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนประกอบของการได้รับระดับมาตรฐาน 1-5 ดาว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมโรงแรมของประเทศไทยให้มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

โรงแรมระดับ 1 ดาว

โรงแรมระดับ 1 ดาว

“โรงแรมระดับ 1 ดาว” เป็นมาตรฐานเริ่มต้นของธุรกิจโรงแรม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัด โดยทั่วไปจะไม่ใช่โรงแรมเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่เป็นโรงแรมใหม่ราคาประหยัดที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวยุคใหม่ ค่าบริการถูกกว่าโรงแรมประเภทอื่น ๆ จัดอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานแบบไม่หรูหราไว้บริการลูกค้า ถือว่าบริการได้มาตรฐาน แต่ราคาประหยัดเพื่อให้ตรงกับนโยบายของหลักของโรงแรม เรียกว่าเป็นแนวทางการปรับตัวของธุรกิจโรงแรมเพื่อให้เหมาะกับคนงบน้อยโดยเฉพาะ 

ห้องพักตกแต่งเรียบง่าย บรรยากาศดูเป็นกันเอง ไม่เน้นการตกแต่งสวยงามหรือบรรยากาศหรูหราแต่อย่างใด พออาศัยอยู่ได้ไม่อึดอัดมากนัก ค่าห้องพักราคาประหยัด เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัด ห้องพักขนาด 10 ตารางเมตรขึ้นไป ภายในห้องพักของโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป เช่น เตียงขนาด 3 ฟุต กระจกแต่งหน้า โต๊ะ เก้าอี้ ถังขยะ ห้องน้ำ อ่างล้างหน้า ภายในห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัวและกระดาษชำระไว้บริการ สถานที่พักสะอาดและปลอดภัยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีร้านอาหารในโรงแรม และผู้เข้าพักอาจต้องกินข้าวข้างนอก

โรงแรมระดับ 2 ดาว

โรงแรมระดับ 2 ดาว

“โรงแรมระดับ 2 ดาว” มีประวัติความเป็นมาให้เห็นตามสื่อต่าง ๆ อยู่บ้าง โรงแรมมีบริการแบบจำกัดถือว่าอยู่ได้สะดวกสบายพอสมควร ห้องพักสะอาดเรียบง่าย สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไปเพียบพร้อมน่าพอใจ และบรรยากาศดีก็ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เรียกว่าเป็นโรงแรมระดับราคาประหยัดที่จ่ายคุ้มราคา เหมาะสำหรับผู้เดินทางที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน

สำหรับห้องพักขนาดใหญ่กว่า 14 ตารางเมตร พร้อมตาแมวไว้ให้ผู้พักอาศัยมองเห็นแขกที่มาเคาะหรือกดกริ่งประตูได้ โซ่คล้องประตูสำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย เตียงขนาด 3 ฟุตขึ้นไป มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในแต่ละห้อง เช่น กระจกแต่งหน้า, ชุดโต๊ะ-เก้าอี้, โทรทัศน์ และโทรศัพท์ติดต่อภายใน บางแห่งอาจมีบริการบางอย่างให้แก่แขก เช่น มีห้องน้ำแบบชักโครกภายในห้องพัก พร้อมผ้าเช็ดตัวและกระดาษชำระ บางแห่งมีร้านอาหารเปิดให้ภายในโรงแรมด้วย โรงแรมระดับ 2 ดาวยังคงคุ้มค่าและราคาประหยัด

โรงแรมระดับ 3 ดาว

โรงแรมระดับ 3 ดาว

“โรงแรมระดับ 3 ดาว” มีประวัติความเป็นมาที่เรียบง่าย ห้องพักตกแต่งสวยงามและ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรมหรือ Hotel Facility สะดวกสบายสำหรับแขกที่เข้าพัก ทั้งยังมีบรรยากาศความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การตกแต่งสวยงามมีคุณภาพและความสะดวกสบายที่ดีขึ้น บรรยากาศค่อนข้างเรียบง่ายแต่หรูหราชวนหลงใหล เป้าหมายลูกค้าคือนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวทั่วไป บริการของโรงแรมจัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน แต่ไม่หรูหราเมื่อเทียบกับโรงแรมที่รองรับนักธุรกิจที่มั่งคั่งหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง

ห้องมาตรฐานขนาดพื้นที่ใช้สอย 18 ตารางเมตรขึ้นไป มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในห้องพักมีเตียงนอนสุดนุ่ม เพิ่มไฟหัวเตียง, ตู้เสื้อผ้า, โทรทัศน์และเคเบิลทีวี, และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย Wi-Fi, เครื่องปรับอากาศ, โคมไฟ, มินิบาร์ ภายในห้องน้ำมีระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น, มีอุปกรณ์ครบครันทั้งผ้าเช็ดตัว กระดาษชำระ ไดร์เป่าผม ฝักบัว และหมวกอาบน้ำ มีบริการร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ ในโรงแรมมีบริการรูมเซอร์วิสในพื้นที่ส่วนตัว พร้อมเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มถึงห้องพัก อิ่มอร่อยกับเมนูหลากหลายได้ทุกเวลา พื้นที่ส่วนกลางมีห้องประชุมจัดเลี้ยงสำหรับจัดงานสัมมนา บางแห่งอาจให้บริการฟิตเนสด้วย

โรงแรมระดับ 4 ดาว 

โรงแรมระดับ 4 ดาว 

“โรงแรมระดับ 4 ดาว” เป็นโรงแรมทันสมัย พื้นที่กว้างขวาง มีบรรยากาศหรูหรา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นับเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกสบายและบริการที่สร้างความประทับใจตลอดการเข้าพัก ห้องพักโดยทั่วไปตกแต่งหรูระดับพรีเมียม เครื่องนอนที่หรูหรา ห้องน้ำขนาดใหญ่พร้อมด้วยอ่างอาบน้ำ ในส่วนของห้องอาหารที่ให้บริการเหนือระดับ บริการห้องพัก 24 ชั่วโมงพร้อมอาหารเช้า แม้จะยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แพงที่สุดเช่นกัน 

ห้องพักขนาดกว้างกว่า 24 ตารางเมตร เตียงขนาด 3.5 ฟุตขึ้นไป พร้อมด้วยโทรทัศน์, ตู้เย็น, มินิบาร์, กระติกน้ำร้อน พร้อมชา, กาแฟ ภายในห้องมีเสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะ ภายในห้องน้ำมีอุปกรณ์อาบน้ำให้ครบ พร้อมปลั๊กไฟสำหรับใช้ไดร์เป่าผมหรือโกนหนวด 

ระหว่างเข้าพักในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งในร่มและกลางแจ้ง เช่น ห้องอาหาร, ห้องฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สปา, โยคะ, นวดอโรมา, สระว่ายน้ำ, ห้องประชุม มีบาร์ที่บริการเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน อาจมีบาร์ริมสระว่ายน้ำด้วย ขนาดของโรงแรมค่อนข้างใหญ่ มีห้องพักให้เลือกใช้บริการหลายระดับ ทุกห้องมีโทรทัศน์, ห้องน้ำแบบโมเดิร์น, บริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ความเร็วสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเข้าพักเพื่อการติดต่อธุรกิจหรือการพักผ่อนหย่อนใจ ระบบการรักษาความปลอดภัยไว้ใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง คุณจะสัมผัสกับช่วงเวลาที่ผ่อนคลายอย่างแท้จริง

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า
  • โรมแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ในย่านรังสิต ใกล้สนามบินนานาชาติดอนเมือง หรือเดินเพียง 5 นาทีก็ถึงห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ในโรงแรมบริการห้องพักและห้องสวีทสุดหรูตอบโจทย์ผู้ที่มองหาโรงแรมใกล้อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ภายในห้องพักตกแต่งหรูหราทันสมัยแต่ให้ความอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและอินเตอร์เน็ต Wi-Fi ได้ลิ้มรสอาหารระดับนานาชาติ รวมถึงอิตาเลียนและบราซิลเลียน มีบริการจัดงานประชุม งานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานแต่งงานภายในห้องบอลรูมกว้างขวาง หรือจัดแบ่งพื้นที่จัดงานเลี้ยงหรืองานประชุมขนาดเล็ก เรียกว่าตอบสนองได้ทุกความต้องการ
  • เดอะควอเตอร์ หัวลำโพง บาย ยูเอชจี เรียกว่าเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวที่อยู่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เพราะขับรถไปใกล้ ๆ แค่ 5 นาทีก็พบกับสยามพารากอนและถนนข้าวสาร ห่างออกไปนิดเป็นตลาดประตูน้ำ ห้องพักไม่มากประมาณร้อยกว่าห้อง ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบเหมือนอยู่บ้าน ทั้งโทรศัพท์จอแบน, มินิบาร์, บริการ Wi-Fi,โทรศัพท์, โต๊ะทำงาน ตลอดจนตู้นิรภัยที่เก็บแล็ปท็อปได้ ในส่วนของบริการภายในที่พัก มีทั้งคอร์สสปา, ซาวน่า, ฟิตเนส และบริการอื่น ๆ อิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลายเมนูจากนานาชาติ สั่งอาหารส่งถึงห้องพักได้โดยตรง มีบริการเครื่องดื่มที่บาร์ด้วย

โรงแรมระดับ 5 ดาว 

โรงแรมระดับ 5 ดาว 

“โรงแรมระดับ 5 ดาว” มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและบรรยากาศหรูหรา การตกแต่งสถานที่สวยงามระดับ VIP ทั้งภายนอกและภายใน ยกระดับสถานที่และบรรยากาศ ที่พักกรุงเทพ ที่สะดวกสบายและหรูหรามีระดับที่สุด ห้องพักตกแต่งหรูหราและดีที่สุด พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง 30 ตารางเมตรขึ้นไป ห้องนอนมีเตียงนอนนุ่มชวนให้ทิ้งตัวนอนพักผ่อนขนาดไม่น้อยกว่า 4 ฟุต เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากขึ้น ในห้องมีโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, สัญญาณ Wi-Fi, เคเบิลทีวี, ตู้เย็น ภายในห้องน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่มีอ่างอาบน้ำพร้อมอุปกรณ์ของใช้ครบถ้วน 

บริเวณโรงแรมมีทั้งห้องประชุมใหญ่และห้องย่อยไว้บริการลูกค้า, มีห้องอบไอน้ำ, ห้องนวดสปา, ห้องฟิตเนส, สระว่ายน้ำ และบริการซัก-อบ-รีด โรงแรม 5 ดาวให้บริการที่รวดเร็วและเป็นมืออาชีพ อาจมีภัตตาคารหรู, สระว่ายน้ำ, สนามเทนนิส หรืออื่น ๆ ที่สำคัญคือทางโรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เพราะความปลอดภัยของผู้เข้าพักคือเรื่องสำคัญสำหรับโรงแรมระดับ 5 ดาว

  • โรงแรม Mandarin oriental Bangkok เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมานานและเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันสวยงามเรียบหรูดูดี สถานที่ตั้งอยู่บริเวณโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ถือว่ามีบรรยากาศที่ดี ห้องน้ำกว้างอ่างอาบน้ำใหญ่ตกแต่งหรูหรา พรั่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก มีห้องแต่งตัว ตู้เย็น และเครื่องชงกาแฟ 
  • Hilton Sukhumvit Bangkok โรงแรม 5 ดาวสุดหรูหราใจกลางกรุง ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท ติดกับศูนย์การค้าเอ็มโพเรียมเดินไปได้ภายใน 5 นาที มีพื้นที่กว้างขวาง บรรยากาศน่าประทับใจ ห้องพักกว้างใหญ่หรูหรามีให้เลือกหลายรูปแบบ พร้อมบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายในห้องพัก พร้อมทั้งร้านอาหารนานาชาติรสเลิศ ผู้เข้าพักสามารถใช้บริการศูนย์ออกกำลังกายและสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศของบาร์ริมสระ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงสปาและบริการอื่น ๆ 

โดยทั่วไปนั้น โรงแรมระดับ 1 ดาวคือความเรียบง่าย ไล่เรียงไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาวคือความหรูหรา บริการและบรรยากาศยอดเยี่ยมที่สุด เริ่มตั้งแต่โรงแรมระดับ 1-2 ดาวเป็นโรงแรมที่เจาะกลุ่มบริการนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัด บริการห้องพักสะอาด การตกแต่งเรียบง่าย หรือมีห้องน้ำภายในห้องพัก มีโทรทัศน์และโทรศัพท์ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว โรงแรมระดับ 3 ดาวจะมีความสะดวกสบายมากขึ้นมาอีกนิด พร้อมด้วยสาธารูปโภคอื่น ๆ เช่น ห้องอาหาร, สระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส หรือมีห้องประชุมด้วยก็จัดว่าสะดวกสบายเพียงพอแล้ว

สำหรับโรงแรมหรูหราระดับ 4-5 ดาวโดยมากมีทำเลที่ตั้งที่ดี มีบริการชั้นหนึ่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพิเศษ พนักงานได้รับการฝึกฝนให้บริการลูกค้าระดับมืออาชีพเพื่อให้ความสะดวกต่อแขก และมีความสามารถด้านภาษาด้วย รวมถึงบริการที่โดดเด่น เช่น บริการหนังสือพิมพ์รายวันในเวลาเช้า และบริการเรียกปลุก อาจมีบริการสนามเทนนิส, สระว่ายน้ำ, สปา, ภัตตาคารหรูหรา หรือบริการอื่น ๆ ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับหรูหรา อาหารนานาชาติรสชาติดี นับเป็นส่วนสำคัญทำให้ค่าห้องพักค่อนข้างสูงแต่ก็นับว่าสมราคาและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับได้รับบริการที่สร้างความประทับใจให้แขกที่เข้าพักอยากกลับไปเยือนอีกครั้งเมื่อมีโอกาส

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

กล่าวโดยสรุปว่า การให้คะแนนมาตรฐาน 1-5 ดาวว่าโรงแรมใดดีที่สุด โดยทั่วไปจะพิจารณาทั้งเรื่องสถานที่สวยงามหรูหรา สิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ไปจนถึงบริการที่ลูกค้าคาดหวังได้ว่าจะได้รับจากโรงแรม นับเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการเลือกเข้าพักอาศัยของแขกในแต่ละโรงแรม ทำให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมสักแห่งในอนาคตนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม

เช็ก 5 บริการสำคัญ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเลือกพักที่ โรงแรม ของคุณ

การเลือกที่พักในทริปการเดินทางไม่เพียงแค่เลือกห้องพักที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีบางส่วนที่สำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจอยู่อีกและส่งผลต่อประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวเดินทางทุกคน โรงแรมในกรุงเทพ ที่ดีไม่เพียงแค่มี สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม แต่ยังต้องมีการบริการที่ประทับใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของแขกผู้มาเยือนอย่างแท้จริง 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5 บริการสำคัญ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเลือกพักที่โรงแรมของคุณ

1. บริการรับส่งจากสนามบินถึงโรงแรม

แนะนำบริการในโรงแรม บริการรับส่งจากสนามบินถึงโรงแรมเป็นหนึ่งใน Hotel Facility ที่สามารถทำให้การเข้าพักของแขกผู้มาเยือนเป็นที่สะดวกและน่าพอใจมากขึ้น บริการนี้มีประโยชน์หลายประการทั้งต่อผู้มาเยือนและต่อโรงแรม ได้แก่

  • ความสะดวกสบายในการเดินทาง การมีบริการรับส่ง โรงแรมในกรุงเทพ จากสนามบินช่วยลดความยุ่งยากในการเดินทางของแขก ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่จอดรถหรือใช้บริการรถเมล์สาธารณะ
  • ประหยัดเวลา การมีบริการรับส่งจากสนามบินช่วยประหยัดเวลาของแขกได้ ทำให้พวกเขาสามารถมีเวลาหลาย ๆ ชั่วโมงในการนั่งพักหรือท่องเที่ยว
  • ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย บริการรับส่งจากสนามบินมักจะให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย พนักงานรับส่งมักเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการนำทางและมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่
  • ภาพลักษณ์ที่ดีของโรงแรม บริการรับส่งจากสนามบินเป็นหนึ่งในบริการที่ทำให้โรงแรมดูโปร่งใสและมีความเป็นระเบียบ การที่โรงแรมให้บริการรับส่งจากสนามบินอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้แขกเลือกที่นี่ในการพักผ่อน

เพิ่มมูลค่าในการเข้าพัก บริการรับส่งจากสนามบินมักเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจการเข้าพักที่โรงแรมนำเสนอ นอกจากการให้บริการที่มีคุณภาพแล้ว บริการนี้ยังเพิ่มมูลค่าให้กับการเข้าพักของแขกได้

2. บริการพนักงานต้อนรับที่เป็นมิตร

บริการพนักงานต้อนรับที่เป็นมิตรเป็นหนึ่งใน มาตรฐานโรงแรม ที่สำคัญและมีผลต่อประสบการณ์การเข้าพักของลูกค้า การมีทีมงานที่ยินดีต้อนรับและเป็นมิตรช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง มีผลทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกมีความสุขและประทับใจ นอกจากนี้ โรงแรม ยังได้รับประโยชน์จากบริการในด้านต่าง ๆ ดังนี้

  • การต้อนรับแบบเปิดเผย พนักงานที่ยินดีต้อนรับและเป็นมิตรช่วยทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของโรงแรม การต้อนรับแบบเปิดเผยทำให้แขกรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
  • การให้ข้อมูลและช่วยเหลือ พนักงานต้อนรับที่ดีควรให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับโรงแรม สิ่งแวดล้อมโดยรอบและกิจกรรมท่องเที่ยว พวกเขายังจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการช่วยเหลือผู้มาเยือนในกรณีที่มีคำถามหรือความต้องการอื่น ๆ 
  • มาตรฐานโรงแรม ในการแก้ไขปัญหา พนักงานต้อนรับที่มีความเป็นมิตรมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาหรือความไม่พอใจของลูกค้า การเสนอทางเลือกและการแก้ไขปัญหาอย่างทันทีจะช่วยให้แขกรู้สึกว่าโรงแรมใส่ใจและสนใจถึงความพอใจของพวกเขา
  • การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ บริการพนักงานต้อนรับที่เป็นมิตรมีบทบาทในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับลูกค้า ความอบอุ่นและความเป็นมิตรของพนักงานมีผลทำให้ผู้มาเยือนมีความประทับใจและมีความสุขในระหว่างการเข้าพัก

สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโรงแรม การบริการที่เป็นมิตรช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของโรงแรม แขกที่ได้รับการต้อนรับที่ดีมักจะมีความพึงพอใจและมีโอกาสกลับมาใช้บริการอีก

3. บริการการปริ้นท์เอกสาร

แนะนำบริการในโรงแรม การปริ้นท์เอกสารในโรงแรมเป็นบริการที่มีประโยชน์สำหรับแขกผู้มาเยือนที่ต้องการการช่วยเหลือในการพิมพ์หรือการจัดการเอกสาร นอกจากการตอบสนองต่อความต้องการของแขกแล้ว บริการนี้ยังมีประโยชน์ต่อโรงแรมได้ในลักษณะต่อไปนี้

  • ความสะดวกสบายในการทำธุระเกี่ยวกับเอกสาร บริการการปริ้นท์เอกสาร เป็น สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม ช่วยให้แขกผู้มาเยือนที่ไม่มีเครื่องพิมพ์หรือไม่สะดวกพิมพ์เอกสารมาก่อน ก็สามารถทำธุระนั้นได้ที่โรงแรม เพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาได้
  • ตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจ สำหรับผู้มาเยือนบางครั้ง อาจมาเพื่อธุรกิจส่วนตัว ติดต่องาน การบริการปริ้นท์เอกสาร ช่วยในเรื่องของเอกสารต่าง ๆ ได้ เช่น รายงานการประชุม, การสัมมนา, สเตทเม้นท์และอื่น ๆ โดยที่ไม่ต้องคอยหาที่พิมพ์
  • เสริมภาพลักษณ์ที่มีการให้บริการครบวงจร การมีบริการการปริ้นท์เอกสารช่วยในการเสริมภาพลักษณ์ของ ที่พักกรุงเทพ ในด้านการให้บริการครบวงจร แขกที่พบว่าโรงแรมมีบริการต่าง ๆ ที่พร้อมให้บริการจะมีความพึงพอใจและเพิ่มโอกาสกลับมาใช้บริการอีกในอนาคต
  • เพิ่มมูลค่าในการเข้าพักและบริการ การบริการปริ้นท์เอกสารอาจเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจการเข้าพักที่โรงแรมนำเสนอ หรือมีการคิดราคาของเอกสารที่ปริ้นท์ออกมาลงในค่าบริการเพิ่มเติมได้

การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล โรงแรมที่มีบริการการปริ้นท์เอกสารควรมีมาตรการเพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกพิมพ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการเชื่อมั่นของแขกในการให้บริการ

4. บริการรับฝากกระเป๋าหรือส่งกระเป๋าไปยังสนามบิน

บริการรับฝากหรือส่งกระเป๋าไปยังสนามบินเป็น Hotel Facility ที่มีประโยชน์สำหรับแขกผู้มาเยือนที่ต้องการความสะดวกสบายในการจัดการกระเป๋าของตน นอกจากนี้โรงแรมก็สามารถได้รับประโยชน์จากบริการดังนี้

  • ความสะดวกสบายในการเดินทาง บริการรับฝากหรือส่งกระเป๋าไปยังสนามบินช่วยลดภาระของแขกในการดูแลพกพากระเป๋าของตน แขกไม่ต้องกังวลเรื่องการพกพากระเป๋าในระหว่างการเดินทาง
  • การจัดการเวลา การรับฝากหรือส่งกระเป๋าไปยังสนามบินช่วยลดเวลาที่แขกต้องใช้ในการเดินทาง ซึ่งมีประโยชน์มากในกรณีที่แขกมีนัดหมายหรือต้องไปถึงเที่ยวบินในเวลาที่กำหนด
  • การตอบสนองต่อความต้องการของแขก บริการนี้มีประโยชน์สำหรับแขกที่มีความต้องการพิเศษ เช่น การจัดการกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก
  • การบริการลูกค้าที่ดี การบริการรับฝากหรือส่งกระเป๋า ที่พักกรุงเทพ ไปยังสนามบินช่วยสร้างภาพลักษณ์ของโรงแรมที่ใส่ใจถึงความสะดวกสบายของแขก

เพิ่มมูลค่าในการเข้าพัก บริการนี้อาจถูกนำเข้าไปรวมในแพ็กเกจการเข้าพักที่โรงแรมนำเสนอ การให้บริการนี้อาจเพิ่มมูลค่าให้กับแขกและช่วยให้โรงแรมกลายเป็นที่พักที่น่าสนใจมากขึ้น

5. บริการนวดผ่อนคลาย

บริการนวดผ่อนคลายเป็นหนึ่งในบริการที่ทำให้แขกผู้มาเยือนสามารถพักผ่อนและปลดล็อกความตึงเครียดในระหว่างการเดินทาง ซึ่งการบริการนวดผ่อนคลายเป็นบริการที่ควรมีอย่างยิ่ง เพราะมีประโยชน์ต่อตัวโรงแรมและที่พักได้ดังนี้ 

  • การสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่เพิ่มคุณค่า บริการนวดผ่อนคลายช่วยเพิ่มคุณค่าในประสบการณ์การเข้าพักของลูกค้า เป็นบริการเสริมที่ทำให้แขกรู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างดี
  • สร้างภาพลักษณ์ของ โรงแรม โรงแรมที่มีบริการนวดผ่อนคลายมีภาพลักษณ์ของการให้บริการครบวงจรและใส่ใจถึงความผ่อนคลายของแขก
  • การเพิ่มรายได้ บริการนวดผ่อนคลายอาจเสริมเข้าไปในแพ็กเกจหรือโปรโมชันการเข้าพัก ทำให้โรงแรมมีโอกาสเพิ่มรายได้

จะเห็นว่าการที่โรงแรมมีบริการเหล่านี้ มีส่วนช่วยสร้างประสบการณ์การเข้าพักที่ดีของแขกผู้มาเยือนได้ ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกสบาย ลดความยุ่งยากในการเดินทาง และเพิ่มมูลค่าในการเข้าพักของแขก นอกจากนี้ การบริการดังกล่าวยังเสริมความสามารถในการแข่งขัน การตลาด และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโรงแรมได้ 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ที่มาข้อมูล

  • https://smartfinder.asia/attract-new-gen-travelers/
  • https://blog.pointspot.co/17951514/10-กลยุทธ์-เพิ่มยอดจองห้องพักโรงแรม-ได้ทั้งลูกค้าใหม่-และลูกค้าประจำ
  • https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Travel-Thai-FB-301020.aspx
  • https://www.leathermine.com/knowledge/hotel-how-to-choose-accommodation.html

ยกระดับการพักผ่อนในโรงแรม ด้วย 5 บริการสุดน่าประทับใจ

ใครเป็นสายชีพจรลงเท้าชอบเดินทางเป็นชีวิตจิตใจเชื่อว่าต้องมีโอกาสได้ใช้บริการโรงแรมบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรมในกรุงเทพ โรงแรมต่างจังหวัด หรือโรงแรมต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมหลากหลายรูปแบบพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมรูปแบบใด

สิ่งหนึ่งที่ทุกโรงแรมต้องให้ความสำคัญคือการบริการที่ยอดเยี่ยม เพราะบริการที่น่าประทับใจคือตัวแปรสำคัญทำให้แขกผู้มาเยือนตัดสินใจกลับมาพักที่โรงแรมอีกครั้ง มากไปกว่านั้นคือการบอกต่อให้คนใกล้ตัวมาใช้บริการ และนอกจากบริการและการต้อนรับที่เป็นมิตรแล้ว บริการเสริมอื่น ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5 บริการสุดประทับใจ ทำให้แขกไม่ลืมเลือน

1. บริการไกด์นำเที่ยวท้องถิ่น

แม้คนจำนวนมากจะนิยมท่องเที่ยวด้วยตัวเอง แต่บอกเลยว่าการเที่ยวไปกับไกด์ท้องถิ่นนั้นมีข้อดีไม่แพ้กัน โดยไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นคือบุคคลนำทางเรื่องท่องเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ อาจเป็นคนที่เกิดและเติบโตที่นั่นหรือคนที่พำนักอยู่ในพื้นที่นั้นมาเป็นเวลานานจนสามารถอธิบายประวัติเรื่องราวของสถานที่นั้น ๆ แก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

ข้อดีของการมีบริการไกด์ท้องถิ่นอันดับแรกคือการได้รับข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะในเชิงประวัติศาสตร์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งการเที่ยวด้วยตัวเองอาจไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้ และอีกหนึ่งข้อดีคือเที่ยวแบบไม่โดนหลอก เพราะต้องยอมรับว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ถูกโกงหรือถูกบวกราคาจนเกินเหตุ นี่จึงเป็นคุณค่าอย่างหนึ่งของไกด์ท้องถิ่น หากที่พักหรือ โรงแรม มีบริการไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นจะทำให้แขกประทับใจ เที่ยวอย่างสบายใจมากขึ้น และยังได้ข้อมูลแน่นตลอดทริป

2. บริการรับส่งจากสนามบินถึงโรงแรม

แนะนำบริการในโรงแรม ที่บอกเลยว่าจำเป็นสุด ๆ นั่นคือ บริการรถรับส่งสนามบิน หากเป็นนักท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญพื้นที่นั้น ๆ คงไม่น่าห่วงเท่าไร แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างถิ่นมักไม่คุ้นชินกับการใช้รถโดยสารสาธารณะหรือบางคนไม่สะดวกหาข้อมูลการเดินทาง มองหาความสะดวกสบาย บริการรถรับส่งจากสนามบินถึงโรงแรมจึงเป็นบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ โดยบริการนี้จะเป็นการจองรถเพื่อให้รถมารับตามเวลาและตามจุดที่ตกลงกันไว้ จากนั้นก็เดินทางสู่โรงแรมทันที ไม่ต้องเสียเวลาเรียกรถและไม่ต้องห่วงว่าจะหลง

จุดเด่นของบริการนี้ที่ทำให้คนจำนวนมากเลือกใช้บริการคือความสะดวกสบาย เพราะไม่ต้องหาเรียกรถให้เหนื่อย มีรถให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เลือกให้เหมาะสมกับจำนวนผู้เดินทางได้ ที่สำคัญยังประหยัดเวลา มีเวลาเหลือเพื่อไปท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมอื่น เหมาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาค่อนข้างจำกัด นี่จึงเป็น Hotel Facility ที่ไม่ควรมองข้าม

3. บริการซักรีดเสื้อผ้า

บริการซักรีดเสื้อผ้าเป็นบริการที่เชื่อว่าคนไม่ได้เดินทางบ่อย ๆ ก็คุ้นชิน เพราะเป็นบริการที่มักพบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะย่านชุมชน หอพัก หรือบ้านจัดสรร โดยบริการนี้เมื่อเรามีเสื้อผ้าที่ต้องซักหรือรีด เราจะไปฝากร้านซักรีดไว้ จากนั้นไปรับตามเวลาที่กำหนด ซึ่งบริการนี้ถูกใจนักเดินทางเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักเดินทางที่ต้องพักอาศัยในโรงแรมหลายวัน เพราะสามารถส่งเสื้อผ้าซักและรีดได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องขนเสื้อผ้าไปครั้งละมาก ๆ

4. พนักงานบริการ 24 ชั่วโมง

การมีพนักงานคอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าแขกสามารถเช็กอินได้ตลอด ไม่ว่าจะเดินทางมาถึงโรงแรมกี่โมงก็สามารถรับกุญแจเพื่อเข้าห้องได้ คุณค่าของบริการนี้คือแขกไม่ต้องห่วงว่าเมื่อมาถึงโรงแรมแล้วจะไม่สามารถเข้าห้องพักได้ เพราะมีพนักงานคอยต้อนรับตลอด ทั้งยังไม่ต้องกังวลเมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือต้องการความช่วยเหลือเพราะอย่างน้อยก็ติดต่อพนักงานได้ บริการนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่ง มาตรฐานโรงแรม ที่ต้องมี แขกประทับใจแน่นอน

5. บริการรับฝากกระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระ

อีกหนึ่งบริการ สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมที่เชื่อว่านักเดินทางต่างมองหา นั่นคือบริการรับฝากกระเป๋าเดินทางและสัมภาระ โดยบริการนี้ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเสียเวลาเดินทางไปโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋าจากนั้นจึงค่อยออกมาเที่ยว เพราะจะทำให้เสียเวลา ยิ่งหากเป็น ที่พักกรุงเทพ ยิ่งต้องจัดการเวลาให้ดีเป็นพิเศษ เพราะการเดินทางในเมืองค่อนข้างรถติด แต่บริการนี้จะช่วยให้นักเดินทางจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น สามารถเลือกได้เลยว่าจะให้กระเป๋าเดินทางไปรออยู่ที่จุดไหน เช่น โรงแรม สนามบิน จากนั้นเมื่อไปถึงก็สามารถรับกระเป๋าได้อย่างง่าย ๆ 

จุดเด่นที่เห็นได้ชัดจากบริการนี้แน่นอนว่าคือความสะดวกสบายเพราะไม่ต้องแบกกระเป๋าไปเที่ยวทุกที่ ประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องรีบนำกระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม เมื่อเช็กเอาท์จากโรงแรมก็สามารถเก็บแลนด์มาร์กที่อยากไปได้อีก โดยให้รถรับส่งนำกระเป๋าไปรอที่สนามบินก่อน เพียงเท่านี้ก็เที่ยวอย่างสบายใจหายห่วง

แม้ว่าการให้บริการอันยอดเยี่ยมของพนักงาน โรงแรมจะมีความสำคัญมากเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่แขกให้ความสำคัญไม่แพ้กันในการตัดสินใจเลือกโรงแรมหรือที่พักคือบริการสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นบริการไกด์นำเที่ยว บริการรถรับส่ง บริการซักรีด บริการพนักงานตลอด 24 ชั่วโมง และบริการรับฝากกระเป๋า สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เพิ่มคุณค่าของโรงแรม มีส่วนอย่างยิ่งในการทำให้นักเดินทางตัดสินใจง่ายขึ้นในการเข้าพักโรงแรมนั้น ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มักมองหาความสะดวกสบาย มีเวลาค่อนข้างจำกัด และต้องการตักตวงความสุขจากการท่องเที่ยวแบบเต็มอิ่ม 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ที่มาข้อมูล

10 Facility ของ โรงแรม ที่สร้างความสุขให้แก่แขกผู้มาพัก

ทุกครั้งที่ตัดสินใจเข้าพักใน โรงแรม สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม หรือ Hotel Facilities เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเข้าพัก เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักและบริเวณโรงแรมเป็นสิ่งสำคัญให้การดึงดูดผู้เข้าพัก ทำให้ได้รับความสะดวกสบายเสมือนอยู่กับบ้านของตัวเอง สร้างบรรยากาศดี ๆ ทำให้ผู้เข้าพักมีความประทับใจกับประสบการณ์ที่่น่าจดจำ รู้สึกถึงความอบอุ่นและเป็นมิตร ซึ่งเป็นเหตุผลที่เลือกจะกลับมาใช้บริการสถานที่นั้นในครั้งต่อไป

เวลาค้นหาสถานที่พัก โรงแรมในกรุงเทพ หลาย ๆ คนไม่ได้เจาะจงทำเลเท่านั้น แต่สิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องการยังเป็นตัวเลือกสำคัญที่ช่วยให้แขกผ่อนคลายและได้รับความสะดวกสบายระหว่างเข้าพักด้วย แนะนำบริการในโรงแรม ที่ผู้เข้าพักนิยม มีอะไรบ้างมาติดตามกัน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

1.ห้องซาวน่า

ผู้เข้าพักหลายคนอยากให้โรงแรมมีห้องซาวน่าสารพัดประโยชน์ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตดียิ่งขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย พร้อมผ่อนคลายกล้ามเนื้อและคลายความเครียด อบซาวน่าเป็นการอบแห้งโดยใช้ความอุณหภูมิความร้อนที่สูงประมาณ 60-80 องศาเซลเซียสช่วยให้รูขุมขนกระชับและหน้าใสปิ๊ง อบร้อนแล้ว ไปนวดคลายเส้นต่อ อบร้อน 10-15 นาที แล้วสลับน้ำเย็น 3 นาที ผิวหนังอ่อนนุ่มและชุ่มชื้น ทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายจากความเครียดด้วย ถือว่าได้ผลดีมากทีเดียว

2.ห้องนวด

ร้านนวดสปาในโรงแรมเป็นบริการ มาตรฐานโรงแรม ระดับหรู ให้บริการบำบัดทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งปรนนิบัติฟื้้นฟูร่างกายทำให้การไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกายดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่งและผิวอ่อนเยาว์มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังกระชับเต่งตึงมากขึ้น นอกจากนี้การนวดสปายังรีเฟรชระบบประสาท ผ่อนคลายความเครียดและคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตึง ผ่อนคลายได้ทั้งทุกส่วนตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า การทำสปาจึงเป็นวิธีที่ช่วยให้รู้สึกดี นอนหลับสบาย และสดชื่นขึ้นด้วย

3.โรงหนัง

โรงแรมสไตล์โรงหนังคือมีโรงหนังให้ดูด้วย เป็นคาแรกเตอร์ของโรงแรมยุคใหม่ที่ถูกใจผู้เข้าพัก เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ของที่พักรูปแบบใหม่ที่โรงหนังระดับไฮเอนด์ให้รับชม ถือเป็นบริการที่ได้รับความนิยมในจีนและกำลังขยายความแพร่หลายออกไปในหลายประเทศ ทำให้มีกิจกรรมทำสำหรับคนที่ไม่ชอบเข้าฟิตเนส, สปา หรือกิจกรรมกีฬาอื่น ๆ นับเป็นอีกกลวิธีการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้อุตสาหกรรมโรงแรมที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้เข้าพักที่มากขึ้น

4.ฟิตเนส

โรงแรมระดับหรูหลายต่อหลายแห่งในกรุงเทพฯ มีบริการฟิตเนสภายในโรงแรม นับเป็น Hotel Facilityหรือสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่จัดเตรียมไว้บริการลูกค้า มีทั้งอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อ หรืออุปกรณ์โยคะ ได้ออกกำลังกายในบรรยากาศที่ผ่อนคลายอารมณ์ พร้อมเทรนเนอร์มืออาชีพที่เข้ามาช่วยเหลือแขกผู้เข้าพักโดยไม่ต้องเสียค่าจ่ายเพิ่มเติม เรียกว่าฟรีตลอดการเข้าพัก และตลอดช่วงเวลาที่ฟิตเนสภายในโรงแรมเปิดให้บริการ

5.สระว่ายน้ำ

โรงแรมที่พักหรูหรามีระดับมักจะมีสระว่ายน้ำ ตอบโจทย์ผู้เข้าพักที่ชื่นชอบการว่ายน้ำ ได้ผ่อนคลายจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ใจกลางกรุง บริเวณสระว่ายน้ำจะมีโซฟานั่งเล่นและเก้าอี้อาบแดดด้วย บริการเครื่องดื่มจากบาร์และอาหารว่าง สระว่ายน้ำบางแห่งออกแบบอย่างสวยงามกลายเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมหรือรีสอร์ทแห่งนั้นด้วย ไม่เพียงถูกใจคนชอบว่ายน้ำเท่านั้้น แต่ยังสร้างความพอใจให้คนที่ชอบฝึกโยคะ นั่งสมาธิ หรือผ่อนคลายนั่ง ๆ นอน ๆ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ริมสระว่ายน้ำอีกด้วย

6.บาร์ดาดฟ้า

รูฟท็อปบาร์ในกรุงเทพมีอยู่หลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารกลางแจ้งและสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมหรู เรียกว่าเป็นสถานบันเทิงระดับรูฟท็อปก็ได้ นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ อาหารและค็อกเทลแสนอร่อย พร้อมกับชมทิวทัศน์ท้องฟ้าในกรุงเทพฯ ไปพร้อมกัน โรมแรมหรูบางแห่งเป็นตึกสูง ถ้ามองจากรูปท็อปบาร์ลงมาจะเป็นวิวเมือง หรือถ้าโรงแรมติดแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าในเวลาเย็นด้วย

7.Coffee shop

สำหรับคอกาแฟที่มองหากาแฟดี ๆ นั่งจิบชากินขนมอร่อย ๆ ใน โรงแรมร้านประเภท Coffee shop หรือคาเฟ่บรรยากาศสบายในโรงแรม จะมีบริการในโรงแรมระดับหรูหรา เหมาะกับการจิบชา, กาแฟ นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศและอร่อยกับอาหารว่างที่นำมาเสิร์ฟด้วย

8.บริการอินเทอร์เน็ต Wi-fi 

นตัวโรงแรมเพียบพร้อมด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม ระดับมาตรฐาน บริการฟรีระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สาย (Wi-Fi) ทั่วบริเวณห้องนอนและพื้นที่โรงแรมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เข้าพักเพื่อการพักผ่อนและติดต่อธุรกิจไปด้วย เรียกว่าเป็นตัวเลือกแรกในการจองที่พักเลยก็ว่าได้ ทั้งยังเหมาะสำหรับคนทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศเช่นกัน

9.สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กและรองรับสัตว์เลี้ยง

ทุกวันนี้มีผู้เข้าพักแบบเที่ยวทั้งครอบครัวมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมถึงเด็กและสัตว์เลี้ยงด้วย มีที่พักหลายแห่งอำนวยความสะดวกให้ครอบครัวเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ภายในห้องพักจึงเสนอทางเลือกเป็นเตียงเด็กอ่อนหรือเก้าอี้สูงสำหรับเด็ก มีผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ทำความสะอาดสำรอง ที่พักใกล้กรุงเทพฯ หลายแห่งยินยอมให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ วันหยุดนี้จะได้ไปเที่ยวพร้อมหน้ากันทั้งบ้านโดยมีเพื่อนรักสี่ขาร่วมทริปเที่ยวด้วยกัน เพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์แสนวิเศษและใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดได้อย่างเต็มที่

10.บริการรับฝากและส่งกระเป๋าเดินทาง

การฝากและจัดส่งกระเป๋าเดินทางให้ผู้เข้าพักช่วยให้ทริปท่องเที่ยวสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงแรม ที่พักกรุงเทพ กับบริษัทบริการส่งกระเป๋าและขนส่งสัมภาระทั่วไทย เพื่อไม่ให้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกะกะทำลายความสนุกของการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งยังเสี่ยงกระเป๋าเดินทางหาย ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง หากมีบริการส่งกระเป๋าและสัมภาระจะช่วยให้ท่องเที่ยวได้อย่างสนุกและสะดวกสบาย

สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของบริการ Hotel Facilityช่วยให้แขกที่มาพักเพลิดเพลินใจไปกับบริการของโรงแรมในวันพักผ่อน ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์และดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ที่มาข้อมูล

  • https://th.airbnb.com/resources/hosting-homes/a/the-amenities-guests-want-25
  • https://hotelknowledges.blogspot.com/2017/01/facilities.html
  • https://www.hotelsup.co/blog/facilities_inhotel/#:~:text=ในส่วนนี้จะเป็น,ว่ายน้ำ%20ห้องอาหาร-
  • https://www.checkinchill.com/content/โรงแรมหรู-กรุงเทพ/