ส่งกระเป๋าไปเชียงใหม่ วันเดียวถึง! แบบไม่โกหก 2024

เมื่อการมาเที่ยวประเทศไทยของคุณไม่เหมือนอย่างที่วางแพลนไว้ เมื่อต้องพกกระเป๋าหนักและสัมภาระที่เยอะ ทั้งพะรุงพะรังจะไปเที่ยวไหนก็ลำบากต้องนำกระเป๋าตามติดตัวไปทุกที่และมีปัญหาตลอดทั้งทริป

เชียงใหม่
ประตูเมือง เชียงใหม่

ทำให้การท่องเที่ยวหมดสนุกอีกต่อไป แต่ไม่ต้องกังวล ในบทความนี้เราจะมาแจกทริคท่องเที่ยวแบบสบายใจ ไร้ความกังวัลเรื่องสัมภาระ ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาการเดินทางที่ต้องแบกกระเป๋าไปด้วยทุกที่อย่างแน่นอน

วันนี้เราเลยจะมาแนะนำบริการขนส่งกระเป๋าไปเชียงใหม่ มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

AIPORTELS Guide

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบอกข้อมูลเกี่ยวกับบริการฝากกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิ หากเพื่อนๆ ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการส่งกระเป๋าสามารถตรวจสอบได้จาก กับบริการส่งกระเป๋าเชียงใหม่

แม้ในวันสุดท้ายของทริป เพื่อนๆ สามารถฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่โรงแรมที่พัก แล้วออกไปเที่ยวมือเปล่า ไม่ต้องหิ้วกระเป๋าไปให้ลำบาก เพียงแค่ใช้บริการส่งกระเป๋าที่เชียงใหม่ กระเป๋าของคุณจะถูกส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่เลือกไว้ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพียงแค่คุณระบุปลายทางให้ถูกต้อง

  • เคาน์เตอร์สนามบินเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 ใกล้ Gate 7 (ตรงข้ามไปรษณีย์ไทย)
  • เวลาทำการของเราจะเปิดให้บริการ เวลา 06:00 น. – 24:00 น.

บริการส่งสัมภาระภายในเชียงใหม่

  • กระเป๋าเดินทาง เริ่มต้นที่ 349 บาทต่อชิ้น
  • กระเป๋ากอล์ฟ 399 บาทต่อชิ้น
  • สัมภาระชนิดพิเศษ 599 บาทต่อชิ้น

จุดหมายปลายทาง

  • บริการจัดส่งสัมภาระ จากสนามบินไปยังโรงแรม
  • บริการจัดส่งสัมภาระ จากโรงแรมไปยังสนามบิน
  • บริการจัดส่งสัมภาระ จากโรงแรมไปยังโรงแรม

บริการจัดส่งสัมภาระไปกรุงเทพฯ

  • กระเป๋าเดินทางปกติเริ่มต้นที่ 599 บาทต่อชิ้น

บริการส่งไปต่างจังหวัดถึงวันถัดไป ระหว่าง เชียงใหม่-ภูเก็ต

  • เริ่มต้นใบละ 599 บาท/ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม

ส่งไปต่างจังหวัด ระหว่าง กรุงเทพ-เชียงใหม่-ภูเก็ต (วันเดียวถึง)

  • เริ่มต้นใบละ 599 บาท/ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 15 kg.

ส่งภายในกรุงเทพและปริมณฑล

  • เริ่มต้นใบละ 399 บาท/ชิ้น

ส่งจากเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ (วันเดียวถึง)

  • เริ่มต้นใบละ 599 บาท/ชิ้น

ส่งจากภูเก็ต – กรุงเทพฯ (วันเดียวถึง)

  • เริ่มต้นใบละ 599 บาท/ชิ้น
  • หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โปรดแจ้งให้ AIRPORTELs ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทางเดิม
  • หากต้องนำสัมภาระไปส่งที่สนามบิน โปรดรับสัมภาระล่วงหน้า 2 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง
  • เราไม่รับวัตถุต้องห้าม เช่น พลุ ยาเสพติด อาวุธ อาหาร สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ
  • AIRPORTELs จะไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดจากบุคคลที่สามหรือสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ลูกค้ามาช้า ลูกค้าไม่ตอบสนอง ภัยธรรมชาติ การประท้วง เป็นต้น
  • AIRPORTELs จะไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดจากบุคคลที่สามหรือสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ลูกค้ามาช้า ลูกค้าไม่ตอบสนอง ภัยธรรมชาติ การประท้วง เป็นต้น
  • หากลูกค้าไม่สามารถรับสัมภาระได้ AIRPORTELs จะเก็บสัมภาระไว้ แต่จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือสูญหายใดๆ หากลูกค้าไม่ติดต่อ AIRPORTELs ภายใน 30 วัน AIRPORTELs มีสิทธิ์ทำลายทรัพย์สินดังกล่าว
  • สำหรับลูกค้าที่ต้องการให้นำสัมภาระไปส่งที่โรงแรม ลูกค้าจะต้องแจ้งให้โรงแรมทราบล่วงหน้าก่อนทำการจัดส่ง
  • สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการรับฝากสัมภาระจาก Airbnb หรือเกสต์เฮ้าส์ โปรดแจ้ง AIRPORTELs ก่อนดำเนินการรับฝาก
  • สำหรับลูกค้าที่พักในโรงแรม พนักงานของเราจะมารับสัมภาระของคุณหลังจากฝากสัมภาระไว้กับโรงแรมแล้ว

ถ้าใช้บริการของ AIRPORTELs คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกระเป๋าหนักอีกต่อไป เพียงคุณ ส่งกระเป๋า ไปเชียงใหม่โดยการจองบริการผ่านเว็บไซต์ AIRPORTELs หรือนำกระเป๋ามาดรอปไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนขึ้นเครื่องที่สนามบินก็ได้

บริการของแอร์พอเทลล์ จะเปรียบเสมือนเลขาฯของเพื่อน ๆ ที่ช่วยส่งกระเป๋าสัมภาระระหว่างสนามบินดอนเมือง, สนามบินสุวรรณภูมิ, ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมต่าง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งมีจุดเด่นดังนี้

  • รับประกันค่าเสียหายสูงสุดถึง 50,000 บาท
  • การันตีเรื่องเวลาว่ากระเป๋าของเพื่อนๆจะถึงปลายทางในเวลาที่กำหนด
  • เพื่อนๆ สามารถตรวจสอบสถานะการขนส่งกระเป๋าผ่านอีเมล, เว็บไซต์ของแอร์พอเทลล์, Facebook, Line และ WeChat

หากใช้บริการ ส่งกระเป๋าไปเชียงใหม่โดยการจองผ่านเว็บไซต์ app.airportels.asia/ จะมีรถไปรับกระเป๋าถึงหน้าบ้านพร้อมบริการ Wrap กระเป๋าให้เป็นอย่างดี หรือจะนำกระเป๋าไปดรอปไว้ที่เค้าน์เตอร์ในสนามบินก่อนขึ้นเครื่องก็ได้

อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยวทะเลไทยช่วงไหนปังสุด ด้วยปฏิทินเที่ยวทะเลไทย 12 เดือน

แน่นอนว่าประเทศไทยนั้น มีจุดเด่นเรื่องการท่องเที่ยว โดยเฉพาะทะเลไทยที่สวยงามไม่แพ้ชาติใดในโลก ทำให้ทะเลของไทยเป็นที่นิยมตลอดทั้งปี เนื่องจากมีน้ำทะเลสีฟ้าสดใส สภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้คุณพร้อมออกเดินทางศึกษาโลกใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด  

ปฏิทินเที่ยวทะเล 12 เดือน เที่ยวยังไงให้เจอทะเลสวย

ปฏิทินเที่ยวทะเล 12 เดือน เที่ยวยังไงให้เจอทะเลสวย 

เที่ยวทะเลช่วงไหนดี? หลายคนกว่าจะได้ไปเที่ยวในแต่ละครั้ง ต้องทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อมีโอกาสเที่ยวเลยต้องการผ่อนคลายด้วยบรรยากาศริมทะเล แน่นอนว่าทะเลไทยสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่ต้องเลือกฝั่งทะเลที่จะไปให้เหมาะสมในแต่ละเดือนก่อน เพราะช่วงมรสุมของทะเลแต่ละฝั่งนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน 

ดังนั้นควรเช็กดูสภาพอากาศของทะเลที่จะไปว่าเป็นอย่างไร มีลม พายุ ฝนฟ้าคะนองหรือไม่? เพื่อให้เที่ยวทะเลได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้ ทาง Airpostels ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้เรียบร้อยแล้วว่าในแต่ละเดือนควรเที่ยวทะเลที่ไหนดี

ทะเลไทยแบ่งออกเป็นกี่โซน

ทะเลไทยแบ่งออกเป็นกี่โซน 

ทะเลของไทย เป็นที่นิยมทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อนที่มีแดดส่องตลอดทั้งวัน อีกทั้งมีหาดทรายเม็ดละเอียดสีขาวจนถึงสีเหลืองอร่าม น้ำทะเลของไทยก็มีสีสว่างเป็นประกาย ทำให้ทะเลไทยติดอันดับทะเลที่สวยอันดับต้นๆ ของโลก โดยทะเลของไทยนั้น แบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆ ได้แก่ 

  1. ทะเลฝั่งอันดามัน เช่น เกาะพีพี เกาะหลีเป๊ะ เกาะราชา
  2. ทะเลฝั่งอ่าวไทย เช่น เกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย
  3. ทะเลฝั่งตะวันออก เช่น พัทยา เกาะล้าน เกาะเสม็ด เกาะช้าง เกาะกูด
  4. ทะเลฝั่งตะวันตก หรือฝั่งอ่าวไทยตอนบน เช่น  ทะเลชะอำ หัวหิน

ซึ่งทะเลทั้ง 4 โซนของไทยนั้น จะมีช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามา โดยลมมรสุมตัวนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ลมฝน’ เมื่อลมฝนพัดผ่านเข้ามาบริเวณทะเลไทย ทำให้ ทะเลบริเวณนั้นมีฝนตก ฟ้าคะนอง ลมแรง ถือเป็นช่วงมรสุม จึงควรศึกษาสภาพอากาศให้ดีก่อน 

1.ทะเลอ่าวไทย

ทะเลอ่าวไทย

เที่ยวทะเลอ่าวไทยช่วงไหนดี? ทะเลอ่าวไทย เป็นทะเลที่มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำทะเลใสไม่แพ้กับโซนอันดามัน แต่แตกต่างกันตรงที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยจะเป็นทรงแบบยกตัว ทำให้ชายฝั่งจะค่อนข้างเรียบตรงมากกว่า แต่เนื้อทรายยังคงมีความละเอียด อีกทั้งน้ำทะเลสีฟ้า มองลงไปก็เห็นฝูงปลา และปะการังชัดเจน 

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

ช่วงเดือนที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวทะเลอ่าวไทย คือ ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายน

  • จังหวัดที่ติดทะเล

จังหวัดของไทยที่ติดอยู่กับทะเลอ่าวไทย มีทั้งหมด 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช

  • ที่เที่ยวแนะนำ

ที่ทะเลอ่าวไทย อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกับ ‘เกาะพะงัน’ กันดู เพราะเกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากกับงานฟูลมูนปาร์ตี้ (Full Moon Party) ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแวะมา นอกจากงานฟูลมูนปาร์ตี้แล้ว เกาะพะงันยังมีชายหาดสวยๆ อีกมากมายทั้งหาดยาว หาดแม่หาด หาดริ้น ให้คุณได้สัมผัสน้ำทะเลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

2.ทะเลอันดามัน 

จังหวัดพังงา ทะเลอันดามัน

เที่ยวทะเลอันดามันช่วงไหนดี? ทะเลอันดามันมีชื่อเสียงอย่างมาก เนื่องจากเกาะหลายๆ เกาะนั้น เกิดการยุบตัวของชายฝั่ง เกิดเป็นอ่าวใหญ่น้อยและเกาะต่างๆ มากมาย มีหาดทรายขาวสะอาด พร้อมน้ำทะเลสีฟ้าเข้มแต่ดูใสเป็นประกาย ทำให้เห็นฝูงปลา สีของปะการังชัดเจน จึงทำให้ทะเลอันดามันเลื่องชื่อไปไกลถึงต่างประเทศ

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

ช่วงเดือนที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวทะเลอันดามัน คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ขอบอกก่อนเลยว่าใครที่จะไปช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน หรือปลายเดือนเมษายนให้ระวังฝนตก

  • จังหวัดที่ติดทะเล

ทะเลอันดามัน ประกอบด้วยจังหวัดโดยรอบทั้งหมด 6 จังหวัดด้วยกัน คือ จังหวัดสตูล จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดระนอง และจังหวัดตรัง

  • ที่เที่ยวแนะนำ

ที่เที่ยวแนะนำของทะเลอันดามันมีมากมาย สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย แนะนำให้เลือกไปเที่ยวที่ ‘เกาะไข่’ เนื่องจากเกาะไข่เป็นเกาะขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับเกาะยาวน้อย โดยเกาะไข่สามารถแบ่งย่อยๆ ออกได้อีก 3 เกาะ คือ เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน และเกาะไข่นุ้ย (ไม่ได้เปิดให้เข้าชม) และใครที่ได้แวะมาเกาะไข่ต้องอย่าลืมแวะออกแรงด้วยการเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวเกาะไข่นอก ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศวิวทะเลแสนสวยได้จากมุมสูง 

3.ทะเลตะวันออก 

koh samaesarn

ทะเลตะวันออก เป็นโซนที่ใกล้กับกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก ใช้เวลาขับรถเพียงเล็กน้อยก็สามารถถึงที่หมายได้ง่าย โดยทะเลตะวันออกนั้น มีจุดเด่นในเรื่องของการเดินทาง ให้คุณได้พักชมวิวทะเล ว่ายน้ำเพื่อความผ่อนคลาย ทานอาหารแสนอร่อย เติมแรงก่อนกลับไปทำงาน

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

เที่ยวทะเลตะวันออกช่วงไหนดี? เดือนที่เหมาะสมที่จะไปทะเลตะวันตก คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน 

  • จังหวัดที่ติดทะเล

ทะเลตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดโดยรอบ คือ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี

  • ที่เที่ยวแนะนำ

สำหรับที่เที่ยวทะเลตะวันออกนั้น ขอแนะนำเกาะแสมสาร ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ‘เกาะแสมสาร’ เป็นเกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่จะมีเวลาเปิด-ปิดเกาะชัดเจน ทำให้เกาะมีสภาพดี หาดสวย น้ำใส อีกทั้งมีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำดูปะการัง, การนั่งเรือท้องกระจก, พายเรือคายัก ฯลฯ ให้คุณสามารถเห็นธรรมชาติและความสวยงามจากโลกใต้ท้องทะเล

4.ทะเลตะวันตก

หัวหิน ประเทศไทย

ทะเลตะวันตก เป็นทะเลที่อาจจะไม่ได้สวยเท่าทะเลอันดามัน หรือโซนอื่นๆ แต่มีข้อดีที่การเดินทางไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก เพียงขับรถ 2-3 ชั่วโมง สามารถชมทะเลสวยๆ ได้แล้ว สำหรับใครที่มีแพลนไปทะเลตะวันตก แนะนำให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเลย

  • ช่วงเดือนที่เหมาะสม 

เดือนที่เหมาะสมที่จะไปทะเลตะวันตก คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม โดยแนะนำให้เริ่มไปทะเลตะวันตกในช่วงต้นเมษายน ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะมีโอกาสที่ฝนตกค่อนข้างน้อย

  • จังหวัดที่ติดทะเล

จังหวัดที่ติดทะเลฝั่งตะวันตกนั้น ประกอบด้วย 2 จังหวัด คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี

  • ที่เที่ยวแนะนำ

ที่เที่ยวแนะนำของทะเลฝั่งตะวันตก คงหนีไม่พ้นจุดยอดฮิตอย่าง ‘หัวหิน’ ไม่ได้เลย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตอบโจทย์ทั้งสายชอบไปเที่ยว สายชอปปิง สายคาเฟ่ เดินรับบรรยากาศริมทะเล ชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น นับว่าหัวหินเป็นเมืองที่มีความเจริญไม่แพ้กับกรุงเทพเลยทีเดียว! 

พามาดูไปเที่ยวทะเลเดือนไหนดี

เที่ยวทะเลเดือนมกราคมที่ไหนดี ?

เที่ยวทะเลเดือนมกราคมที่ไหนดี ? 

มกราคมเที่ยวทะเลไหนดี? ในเดือนแรกของปีนั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีแพลนไปทะเล เพราะสภาพอากาศดีเกือบทุกที่ ยกเว้นฝั่งอ่าวไทย ขอแนะนำให้เลือกไปทะเลฝั่งอันดามันที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวย น้ำใส หาดทรายสีขาว รีบกางแผนที่แล้วเลือกทะเลที่สนใจได้เลย! 

  • เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ถือเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด เพราะช่วงเดือนมกราคมเป็นช่วงที่น้ำทะเลสีสวยมาก อีกทั้งอากาศกำลังดี ให้คุณได้ดำน้ำดูปะการัง นั่งชมวิวทะเลสวยๆ พร้อมชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น เพียงเท่านี้แล้วเรียกว่าคุ้มในคุ้ม

  • เกาะราชา จังหวัดภูเก็ต

เกาะราชา มีทรายเม็ดละเอียดสีขาวสะอาด พร้อมน้ำทะเลสีฟ้า-ฟ้าเข้มที่มีความใสสะอาด เหมาะกับผู้ที่ต้องการดำน้ำดูปะการัง เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมของปะการังหายาก รวมถึงสัตว์น้ำหายากอีกด้วย ให้คุณได้เห็นปะการังเขากวาง ปลาไหลทะเล ปลาปักเป้า ปลากระเบนด้วยสายตาตนเอง

  • เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต 

ห่างจากเกาะราชาไปไม่ไกล จะเจอกับเกาะไม้ท่อน โดยเกาะไม้ท่อนเป็นเกาะส่วนตัว เลยทำให้นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่มาก เหมาะกับผู้ที่อยากสัมผัสบรรยากาศความสงบของทะเล แถมยังสามารถดำน้ำดูปะการังที่หน้าเกาะได้เลย ไม่ต้องนั่งเรือต่อ

เที่ยวทะเลเดือนกุมภาพันธ์ที่ไหนดี ?

มกราผ่านไป แล้วกุมภาพันธ์เที่ยวทะเลไหนดี? ด้วยสภาพอากาศของเดือนนี้ ต้องบอกว่าสามารถไปเที่ยวทะเลได้ทุกที่ โดยให้ระวังฝั่งอ่าวไทยเหมือนเดิม เพราะฝั่งอ่าวไทยอาจมีมรสุมในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

  • เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะเต่า ถือว่าเป็นเกาะยอดนิยมสำหรับนักดำน้ำ สามารถฝึกดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้น น้ำลึก และแบบฟรีไดฟ์ เนื่องจากมีจุดดำน้ำมากกว่า 20 จุดรอบเกาะ โดยเกาะเต่าเป็นเกาะที่มีลักษณ์โค้งเว้าคล้ายเมล็ดถั่ว ตั้งอยู่ห่างจากเกาะพะงันออกไปประมาณ 45 กิโลเมตร มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด พร้อมสูดอากาศดีๆ จากธรรมชาติโดยตรง

  • เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี

เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี เดินทางง่ายๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพ พร้อมชมหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสวยๆ จากหาดตาแหวน หาดเทียน หาดนวล และหาดอื่นๆ ได้ตามต้องการ

  • หาดเขาตะเกียบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หาดเขาตะเกียบ เป็นชายหาดหัวหินที่มีแลนมาร์กอันโดดเด่น ชัดเจน ด้วยองค์พระพุทธรูปปางสมุทรที่ตั้งอยู่บนเขาริมชายหาด หันหน้าออกสู่ทะเล เป็นหาดกว้างให้ทุกท่านได้เดินริมทะเลอย่างเพลิดเพลิน

เที่ยวทะเลเดือนมีนาคมที่ไหนดี ?

มีนาคมเที่ยวทะเลไหนดี? เดือนมีนาคมเป็นเดือนที่ควรหลีกเลี่ยงทะเลฝั่งอ่าวไทย เพราะถือเป็นช่วงที่กำลังจะมีมรสุม แนะนำให้เลือกเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน ฝั่งตะวันออก หรือฝั่งตะวันตกก็ยังได้เห็นวิวทะเลสวยๆ อยู่

เที่ยวทะเลเดือนเมษายนที่ไหนดี ?
  • หาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

หาดชะอำเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว หลายๆ คนคงชินตาไปกับเตียงผ้าใบจำนวนมากที่ตั้งอยู่ริมทะเล อีกทั้งหาดชะอำมีกิจกรรมให้ทำมากมายทั้งขี่ม้า เล่นเจ็ตสกี ให้คุณได้ใช้เวลากับทะเลให้เต็มที่

  • หาดหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หาดหัวหิน ตั้งอยู่ในอำเภอหัวหิน เป็นหาดชื่อดังที่ทุกคนต้องเคยได้ยิน มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำทั้งการขี่ม้า เล่นน้ำทะเล แต่ที่หาดนี้จะไม่มีการเล่นกีฬาทางน้ำที่เสียงดัง เช่น เจ็ตสกี ทำให้บรรยากาศของหาดนี้จะค่อนข้างเงียบสงบ ได้ยินเสียงลมทะเลได้ชัดเจน

  • เกาะกูด จังหวัดตราด

เกาะกูดเป็นเกาะที่มีความเงียบสงบ มีชายหาดที่สวยงามพร้อมกับน้ำใสสะอาด เป็นศูนย์รวมธรรมชาติมากมายทั้งน้ำตก ลำธาร ให้คุณสามารถผ่อนคลายความเครียดไปกับเกาะแห่งนี้

เที่ยวทะเลเดือนเมษายนที่ไหนดี ?

ในช่วงเมษายนเที่ยวทะเลไหนดี? เดือนนี้ถือเป็นช่วงหน้าร้อนที่หลายๆ คนอยากเดินทางไปสัมผัสน้ำทะเล ขอแนะนำให้ไปทะเลฝั่งตะวันออก และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปทะเลฝั่งอ่าวไทย เพราะช่วงนี้อ่าวไทยกำลังมีมรสุมอยู่

phuket
  • เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต

เกาะเฮเป็นเกาะเล็กๆ ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีชื่อเสียงเรื่องหาดทรายขาว น้ำใส สามารถเห็นฝูงปลาได้จากผิวน้ำ อีกทั้งยังสามารถทำกิจกรรมทางน้ำได้หลากหลาย เช่น ขี่เจ็ตสกี ดำน้ำชมปะการัง เล่นเรือลากร่ม เป็นต้น

  • หาดเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับใครที่อยากหลบหนีความวุ่นวาย มาเน้นความสงบจากธรรมชาติต้องมาที่หาดเขาเต่าเลย เพราะหาดแห่งนี้มีน้ำทะเลที่ไม่ลึกมาก เหมาะกับการว่ายน้ำเล่น หรือเดินเล่นริมชายหาดเพื่อสูดบรรยากาศริมทะเล

  • หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี

ผลัดเปลี่ยนบรรยากาศจากความสงบอย่างเขาเต่า มาสู่บรรยากาศริมทะเล แต่ใกล้กรุงเทพกันบ้าง หาดบางแสนเป็นสถานที่ยอดนิยมของคนไทยเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเดือนไหนๆ หาดบางแสนก็จะเต็มไปด้วยผู้คนเสมอ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ เดือนเมษายน จะมีงานสงกรานต์ให้ผู้คนได้มาเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน

เที่ยวทะเลเดือนพฤษภาคมที่ไหนดี ?

เดือนพฤษภาคมเริ่มมีฝนตก ไปเที่ยวทะเลไหนดี? เดือนนี้ถือเป็นเดือนที่ประเทศไทยนั้น เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ จะมีฝนฟ้าคะนองจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณริมทะเล คลื่นจะขึ้นสูง ลมพัดแรง ทำให้ทะเลที่พอจะไปเที่ยวได้อยู่ คือ ทะเลฝั่งตะวันตก นั่นเอง

หาดเจ้าสำราญ
  • หาดหว้าขาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

คำว่า ‘หาดสวย น้ำใส ได้ชมวาฬ’ ถือเป็นสโลแกนของหาดแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นหาดเล็กๆ ในหมู่บ้านชาวประมงที่หลายๆ คนอาจยังไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่ขอบอกว่าทะเลที่นี่มักพบวาฬบรูด้าบ่อยๆ ด้วย

  • หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี

หาดเจ้าสำราญเป็นชายหาดที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีร่มมาตั้งบังวิวทะเล อีกทั้งหาดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการมาพักผ่อนหย่อนใจ ให้คุณได้นั่งเล่นน้ำชิลๆ พร้อมกับแวะทานอาหารทะเลอร่อยๆ ก่อนกลับ

  • หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี

ใครที่เคยอ่านวรรณคดีไทยต้องรู้จักกับรูปปั้นที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ด้วยการนำรูปตัวละครจากเรื่องพระอภัยมณีที่มีทั้งนางผีเสื้อสมุทร พระอภัยมณี นางเงือก และสินสมุทรมาวางที่หาดปึกเตียน ให้ทุกคนได้กลับสู่โลกแห่งวรรณคดีไทย พร้อมชมวิวทะเลอันกว้างใหญ่

เที่ยวทะเลเดือนมิถุนายนที่ไหนดี ?

อยากไปเที่ยวเดือนมิถุนายนเที่ยวทะเลไหนดี? ในช่วงนี้ถือว่าเป็นฤดูฝนของไทย ทะเลฝั่งอันดามัน ฝั่งตะวันออก และตะวันตกโดยส่วนใหญ่จะมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นหลัก แนะนำให้เลือกไปทะเลฝั่งอ่าวไทยจะดีกว่า

เกาะพะงัน Full Monn Party
  • หาดยาว เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

ใครที่อยากจะแวะเกาะพะงันต้องมาที่นี่เลย หาดยาว ซึ่งเป็นหาดที่มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเกาะ ให้คุณได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ราวกับว่าหายไปที่ผืนน้ำได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง

  • เกาะกุลา จังหวัดชุมพร

ขึ้นชื่อในเรื่องน้ำใสสะอาดของทะเลฝั่งอ่าวไทย ต้องเคยได้ยินชื่อ ‘เกาะกุลา’ ที่เกาะแห่งนี้สามารถมองเห็นปะการังและฝูงปลาจากผิวน้ำเลย เพราะตัวน้ำมีความใสมาก สามารถดำน้ำดูปะการังได้ตั้งแต่หน้าหาดเลยทีเดียว

  • เกาะนุัยนอก จังหวัดนครศรีธรรมราช

เกาะนุ้ยนอก เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เกาะแห่งนี้มีจุดไฮไลต์ที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย ก็คือ บ่อน้ำจืดที่มีรูปเท้าขนาดประมาณ 30 นิ้ว ซึ่งจะมองเห็นรอยเท้านี้ได้ในช่วงที่น้ำทะเลลดลงเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดกำเนิดของ ‘หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด’ อีกทั้งตัวเกาะนุ้ยนอกเองมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สามารถนั่งเรือชมปลาโลมาสีชมพูรอบเกาะได้เลย

เที่ยวทะเลเดือนกรกฏาคมที่ไหนดี ?

เดือนกรกฎาคมเที่ยวทะเลไหนดี? นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับการวางแผนไปเที่ยวทะเล ขอแนะนำให้เลือกทะเลฝั่งอ่าวไทยไปก่อน เพื่อลดโอกาสการเจอลมมรสุม

เที่ยวทะเลเดือนสิงหาคมที่ไหนดี ?
  • เกาะพิทักษ์ จังหวัดชุมพร

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะของชุมชนชาวประมงขนาดเล็ก แต่มีกิจกรรมให้ทำแบบไม่เหมือนใคร ให้ทุกท่านได้ลองศึกษาชีวิตแบบชาวประมง ด้วยการรับประทานอาหารทะเลแบบสดๆ พร้อมกับปั่นจักรยานชมเกาะ หรือล่องเรือชมปะการัง ก็สามารถเลือกได้ตามสะดวก

  • เกาะมัดสุม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะมัดสุมหรือเกาะหมู เป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวสะอาด พร้อมกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใส ให้คุณได้ใช้เวลาภายในเกาะได้อย่างเต็มที่ เพราะมีทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

  • เกาะง่าม จังหวัดชุมพร

เกาะง่ามแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เกาะเดียว ยังมีทั้งเกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย เกาะหลักง่ามให้คุณได้ดำน้ำชมปะการัง ซึ่งเกาะแห่งนี้ปะการังจะไม่ได้มีสีสันสวยงามมากแต่มีการพบปะการังสีดำ ซึ่งถือว่าเป็นปะการังที่หาเจอได้ยาก

เที่ยวทะเลเดือนสิงหาคมที่ไหนดี ?

เดือนสิงหาคมเที่ยวทะเลไหนดี? สภาพอากาศเดือนสิงหาคมยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงมรสุม จึงควรวางแผนเที่ยวทะเลโซนอ่าวไทยไปก่อน

เกาะมะพร้าว จังหวัดชุมพร
  • เกาะหลักแรด จังหวัดชุมพร

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะหินปูนที่มีลักษณะคล้ายกับตัวแรด ไม่มีชายหาด แต่นิยมมาดำน้ำชมปะการัง เพื่อชมสีสันของโลกใต้ท้องทะเล ทั้งดอกไม้ทะเล สัตว์ทะเลนานาชนิด โดยเฉพาะปลิงทะเลสร้อยไข่มุก หรืองูทะเลก็มักพบที่บริเวณนี้

  • เกาะมะพร้าว จังหวัดชุมพร

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะสัมปทานรังนก จะต้องมีการขออนุญาตก่อนเข้าชม ซึ่งบนเกาะแห่งนี้มีหาดทรายสีขาวนวล พร้อมทรัพยากรธรรมชาติอย่างครบครัน เนื่องจากมีต้องขออนุญาตก่อนถึงจะเข้าได้ ทำให้พื้นน้ำตรงนี้เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์

  • เกาะมาตรา จังหวัดชุมพร

เกาะมาตราหรือมัตรา เป็นเกาะที่มีทรายขาวสะอาดสลับกับกองโขดหิน มีจุดเด่นในเรื่องของปะการัง ให้คุณได้ดำน้ำชมปะการังสวยๆ พร้อมกับชมความงามของกลุ่มฝูงปลา

เที่ยวทะเลเดือนมกันยายนที่ไหนดี ?

เดือนกันยายนเที่ยวทะเลไหนดี? เข้าสู่เดือนที่ 9 ของปีกันแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้ทะเลโซนอื่นๆ ยังคงอยู่ในช่วงมรสุม แต่โซนอ่าวไทยยังถือว่าสภาพอากาศดีกว่าโซนอื่นๆ  

  • เกาะทะลุ จังหวัดชุมพร

เกาะทะลุ ตัวเกาะแห่งนี้เป็นเกาะหินปูนที่มีโพรงถ้ำขนาดใหญ่คร่อมอยู่ที่ผิวน้ำ มีทั้งจุดดำน้ำตื้นและน้ำลึกให้คุณได้ชมบรรยากาศใต้ทะเล ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และสัตว์น้ำอีกมากมาย

  • เกาะกะโหลก จังหวัดชุมพร

เกาะกะโหลก เป็นเกาะหินปูนขนาดใหญ่ คล้ายกับเกาะทะลุ เพียงแต่เกาะกะโหลกจะมีรูปร่างเป็นก้อนใหญ่ๆ โดดเด่นในเรื่องของกิจกรรมดำน้ำชมปะการัง ให้คุณได้พบปะกับฝูงปลามากมาย โดยเฉพาะฝูงปลาโทงเทงร่มตัวโตที่ถือเป็นไฮไลต์ของเกาะแห่งนี้เลยก็ว่าได้

  • เกาะลังกาจิว จังหวัดชุมพร

เกาะลังกาจิว เป็นเกาะที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ ทั้งหาดทรายสีขาวเม็ดละเอียด น้ำทะเลสีฟ้า พร้อมกับพื้นที่แนวปะการังที่สมบูรณ์กว่า 0.025 ตารางกิโลเมตร

เที่ยวทะเลเดือนตุลาคมที่ไหนดี ?

ตุลาคมเที่ยวทะเลไหนดี? ในเดือนนี้ยังคงเป็นฤดูฝนอยู่ แนะนำให้ไปเที่ยวทะเลฝั่งอ่าวไทย จะมีโอกาสเจอฝนน้อยกว่าทะเลอื่น หรือสามารถเลือกไปทะเลฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ก็กำลังเข้าสู่ช่วงปลายมรสุม

เกาะช้าง เที่ยวทะเลภาคใต้
  • หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับหาดวนกร เป็นชายหาดที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติวนกร ทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีหาดสวย น้ำใส พร้อมเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้มาเล่นน้ำ และนอนเต็นท์ค้างแรม

  • เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะนางยวน เป็นเกาะเล็กๆ จำนวน 3 เกาะเชื่อมต่อกัน โดยที่สามารถเห็นหาดทรายเชื่อมถึงกันในช่วงที่เวลาน้ำลง เกาะนางยวนโดดเด่นเรื่องการดำน้ำดูปะการังเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเกาะขนาดเล็ก ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นสมบัติจากธรรมชาติที่แท้จริง

  • เกาะช้าง จังหวัดตราด

ขึ้นชื่อว่า ‘เกาะช้าง’ ก็จะต้องเป็นเกาะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในจังหวัดตราด ภายในเกาะมีทั้งหาดทรายขาว หาดคลองพร้าว ให้คุณได้เล่นน้ำทะเลอย่างจุใจ พร้อมทำกิจกรรมมากมาย ทั้งการดำน้ำดูปะการัง  นั่งเรือชมธรรมชาติ พายเรือคายัก ฯลฯ 

เที่ยวทะเลเดือนพฤศจิกายนที่ไหนดี ?

เที่ยวทะเลช่วงไหนดี? ต้องบอกเลยว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่มีสภาพอากาศที่ดีขึ้นชัดเจน ท้องฟ้าโปร่งขึ้น มีฝนน้อยลงมาก แต่ทะเลบางแห่งยังคงเป็นช่วงมรสุมหรือยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง แนะนำให้เลือกทะเลฝั่งอ่าวไทย หรือฝั่งทะเลอันดามันจะปลอดภัยมากกว่า

เที่ยวทะเลเดือนธันวาคมที่ไหนดี ?
  • เกาะห้อง จังหวัดกระบี่

เกาะห้อง หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า เกาะเหลาบิเละ ซึ่งเกาะห้องแห่งนี้ เป็นอ่าวรูปทรงโค้ง 2 อ่าวและหันหน้าเข้าหากัน เมื่อมองดูจากด้านบนจะเห็นเหมือนรูปปีกนก ถือเป็นธรรมชาติที่หาดูได้ยาก อีกทั้งมีแนวปะการังอยู่รอบเกาะห้องอีกด้วย

  • เกาะรอกนอก จังหวัดกระบี่

เกาะรอกจะประกอบไปด้วยเกาะรอกนอก และเกาะรอกใน โดยเกาะรอกนอกจะมีจุดเด่นในเรื่องของหาดทรายสีขาวละเอียด และสัตว์น้ำนานาชนิด ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับสัตว์โลกใต้ท้องทะเล

  • เกาะพะลวย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ที่นี่คือเกาะพลังงานสะอาดต้นแบบของประเทศไทย โดยจะเห็นกังหันลมจำนวนกว่า 68 ต้น กำลังทำงานอยู่ ขอบอกว่าที่นี่หาดสวย น้ำใส อีกทั้งยังใช้พลังงานทดแทนแบบครบ 100% เต็ม

เที่ยวทะเลเดือนธันวาคมที่ไหนดี ?

เดือนสุดท้ายของปีมาแล้ว ใครที่มีแพลนไปทะเลช่วงสิ้นปี สามารถเลือกได้เลย เพราะสภาพอากาศในเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่เหมาะกับการไปทะเลทั่วไทย ให้คุณได้เตรียมแพ็กกระเป๋าแล้วไปรับลมทะเลกันเลย 

  • หมู่เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล

หมู่เกาะตะรุเตา เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว อีกทั้งมีหาดเล็กหาดน้อยอยู่เพียบ สำหรับใครที่ชอบการผจญภัยคงพลาดไม่ได้ เพราะที่นี่มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ ถือว่าได้เล่นน้ำทะเลด้วย แล้วยังได้รู้ความเป็นมาของเกาะแห่งนี้อีกด้วย

  • หาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี

หาดเจ้าหลาว เป็นหาดขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรี มีน้ำทะเลใสสะอาด พร้อมกับหาดทรายสีเหลืองที่มีเม็ดละเอียด อีกทั้งมีร้านค้าค่อนข้างน้อย ทำให้สามารถชมความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

  • หาดสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หลายๆ คนอาจยังไม่รู้จักหาดสามร้อยยอดแต่จะคุ้นเคยกับเขาสามร้อยยอดมากกว่า หาดสามร้อยยอดแห่งนี้เป็นหาดที่เงียบสงบ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำทะเลใสสะอาด เมื่อลงไปเดินริมชายหาดจะเห็นเปลือกหอยและปลาดาวมากมาย

ไปเที่ยวทะเลอย่าลืมเตรียมอะไรไปบ้าง

ไปเที่ยวทะเลต้องเตรียมอะไรไปบ้าง มัดรวมสิ่งของที่จำเป็นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลย!

ไปเที่ยวทะเลอย่าลืมเตรียมอะไรไปบ้าง
  • กระเป๋าเดินทาง สำหรับใส่เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ต้องการนำไปด้วย
  • ชุดว่ายน้ำ แน่นอนว่าเป็นการไปเที่ยวทะเล จะขาดไม่ได้เลยกับชุดว่ายน้ำ
  • รองเท้าแตะ ควรเลือกรองเท้าแตะที่สามารถโดนน้ำได้ ไม่ลื่นจนเกินไป แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีพื้นยึดเกาะกับพื้นพอสมควร เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม
  • ครีมกันแดด ไอเทมหลักสำหรับทริปทะเล ออกไปรับแสงแดด ต้องดูแลผิวให้ดีด้วย ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันรังสียูวี
  • ผ้าเช็ดตัว ถึงแม้ว่าโรงแรมส่วนใหญ่จะมีเตรียมผ้าขนหนูผืนใหญ่และผืนเล็กไว้ให้แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ชอบว่ายน้ำ หรือมีแพลนจะเดินทางไปเกาะต่างๆ ควรมีผ้าเช็ดตัวอีกผืนติดเผื่อไปด้วย
  • โทรศัพท์มือถือหรือกล้อง ใช้สำหรับถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ 
  • ถุงซิปกันน้ำ สำหรับใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จ แบตเตอรี่สำรอง โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ

สรุป

เที่ยวทะเลช่วงไหนดี? แล้วหากอยากไปเที่ยวทะเลอันดามันช่วงไหนดี? เชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ คงมีทะเลที่เล็งไว้ในใจแล้วแน่ๆ และสำหรับใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวทะเลเร็วๆ นี้ แนะนำให้ดูปฏิทินเที่ยวทะเลที่ทาง Airportels รวมรวมไว้ให้แบบจบครบทั้ง 12 เดือน เพื่อให้ทุกคนได้ไปเที่ยวทะเลอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสภาพอากาศดี ทะเลสวย น้ำใส อีกทั้งอย่าลืมเช็กสิ่งที่ควรเตรียมก่อนไปเที่ยวด้วย เมื่อทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ก็ออกเดินทางสู่ชายหาดสวย เกาะอันงดงาม และโลกใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่กันได้เลย!

9 คาเฟ่และบาร์ลับ ที่ไม่ลับอีกต่อไปย่านเยาวราช 2023

หากนึกถึงเยาวราชภาพแรกที่ผุดขึ้นก็คงไม่พ้นแหล่งท่องเที่ยวที่มี Street Food และของกินแบบละลานตา แต่จริง ๆ แล้วที่เยาวราชยังมีคาเฟ่และบาร์ลับซุกซ่อนตัวตามตรอกซอกซอยอีกเพียบ

วันนี้เราเลยจะแอบมาบอกพิกัดคาเฟ่และบาร์ลับในเยาวราชให้คุณได้ไปแวะเช็กอินตามกันดู จะมีที่ไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลย

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

9 พิกัดคาเฟ่เยาวราชบรรยากาศดีมุมถ่ายรูปสวย

Wallflowers Cafe

ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่และบาร์ บรรยากาศตกแต่งไปด้วยหมู่มวลของแมกไม้และดอกไม้นานาพรรณบรรยากาศดีมาก ๆ มุมสวย ๆ ชิค ๆ เพียบ

  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน Cafe 11.00 – 18.00 น. และ Bar 17.30 – 24.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/wallflowerscafe.th
  • ที่อยู่ : 31-33 ซอยนานา (วงเวียน 22 กรกฎาคม) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ : 094 671 4433

 Wanderlust BKK

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอล เมนูกาแฟของที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย พร้อมกับเมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ให้คุณเลือกสั่งได้ตามความชอบ ด้านบนของร้านก็เปิดเป็นโฮสเทลสุดชิคไว้รองรับนักท่องเที่ยว

  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/wanderlustbkk.th
  • ที่อยู่ :  149-151 ถนนพระรามที่ 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  089 757 7770

 Akirart Cafe

Akirart
Image : Akirart

ร้านกาแฟที่ตกแต่งแนวออฟฟิศสุดวินเทจ ให้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบกาแฟอยู่ในออฟฟิศยุค 80-90 ที่รายล้อมด้วยอุปกรณ์สำนักงานที่ชวนย้อนความทรงจำ น่าไปถ่ายรูปเช็กอินสุด ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 18.00 น. หยุดทุกวันอังคาร
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/AkirartCafe
  • ที่อยู่ :  138 ซอยประดู่ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ : 086 814 3834

Woodbrookbkk

Woodbrookbkk
Image : Woodbrookbkk

คาเฟ่ลับติดริมน้ำเจ้าพระยา มีทั้งโซน in door และโซน out door ที่เป็นระเบียงมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและรับลมเย็น ๆ บรรยากาศดีสุด ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด :  ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/woodbrookbkk/
  • ที่อยู่ :  1222/1 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  064 424 2929

Jadeoldtown

Jadeoldtown
Image : Jadeoldtown

คาเฟ่ในตึกแถวสไตล์จีนโมเดิร์น ผสมความลอฟท์และความวินเทจ ให้ความรู้สึกเหมือนโรงน้ำชาสมัยก่อน น่าไปนั่งชิลล์ถ่ายรูปเช็กอินสุด ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด :  ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/profile.php?id=100031961816461
  • ที่อยู่ :  86 ถนนพระรามสี่ แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   065 549 4924

NAHIM CAFE

NAHIM CAFE
Image : NAHIM CAFE

คาเฟ่สุดคิวท์สไตล์โฮมเมดเหมาะกับสายหวานสุด ๆ ที่นี่ตกแต่งสไตล์บ้านให้ฟีลอบอุ่น ๆ แถมเขายังโรงเรียนสอนทำขนมมีกิจกรรม workshop ให้ร่วมด้วย

  • เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – พุธ 12.00 – 20.00 น. พฤหัสบดี – อาทิตย์ 11.00 – 19.00 น.
  • เว็บไซต์ www.facebook.com/nahimcafe.handncraft/
  • ที่อยู่ : 78 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   095 989 9839

CHATA Specialty Coffee

ใครที่เป็นสายกาแฟดริปต้องห้ามพลาดที่นี่ เขาคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพ อีกทั้งยังใช้ Dripper แบบแก้ว และ Grinder บดกาแฟใช้มือหมุน ให้ความรู้สึกโฮมเมดและดึงเสน่ห์กาแฟออกมาได้เป็นเอกลักษณ์

  • เวลาเปิด-ปิด 09.00-18.00 น. (หยุดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/chataspecialtycoffee/
  • ที่อยู่ :   98 ถนนพาดสาย แขวง/ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  084 625 2324

Ti Bangkok

ร้านคาเฟ่บรรยากาศสุดมินิมอล นอกจากเครื่องดื่มแล้วที่ร้านยังขึ้นชื่อเรื่องพุดดิ้ง มีให้เลือกชิมกันหลายรสชาติเลย

  • เวลาเปิด-ปิด :   09.00 – 16.30 น. (หยุดวันพุธ)
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/ti.bangkok.thailand
  • ที่อยู่ :  768 ถนนมังกร เขตป้อมปราบ แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  094 452 5649

La Cabra

ร้านกาแฟสัญชาติเดนมาร์กสาขาแรกของไทย เมล็ดกาแฟคัดสรรและส่งตรงจาก Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก ใครที่อยากลองห้ามพลาด

  • เวลาเปิด-ปิด :   09.00 – 18.00 น. (หยุดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/lacabra.thailand
  • ที่อยู่ :   813 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  084 149 6495
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

9 พิกัดบาร์ลับเยาวราชบรรยากาศสุดชิลล์

Widdershins

Widdershins
Image : Widdershins

บาร์ลับที่ตั้งอยู่ในร้านอาหารจีน บรรยากาศคลาสสิกที่แฝงความหรูหรา เหมาะกับการไปนั่งชิล ๆ ปล่อยใจในวันสบาย ๆ

  • เวลาเปิด-ปิด :   18.00-01.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/widdershinsyaowarat/
  • ที่อยู่ :  ชั้น 3 ของร้าน Laoteng ปากซอยเยาวราช 9 ถนนเยาวราช สัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   095 987 9239

 TEP BAR

TEP BAR
Image : TEP BAR

บาร์ที่ตกแต่งด้วยการผสานความเป็นไทยประยุกต์ บรรยากาศสลัว ๆ เครื่องดื่มของที่นี่ก็เน้นค็อกเทลที่ผสมผสานความเป็นไทยเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ต้องไปลอง

  • เวลาเปิด-ปิด : 18.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/TEPBARBKK/
  • ที่อยู่ :   69/71 ซอยยี่สิบสองกรกฎาคม 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   098 467 2944

 Rabbit Hill

Rabbit Hill
Image : Rabbit Hill

บาร์สไตล์จีนร่วมสมัยให้ความรู้สึกเหมือนโรงเตี๊ยมโรงน้ำชาสุด ๆ เครื่องดื่มก็ดีกับแกล้มก็เด็ด เหมาะกับการไปนั่งแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ๆ 

  • เวลาเปิด-ปิด :  17.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/rabbithillbangkok
  • ที่อยู่ :  1 ถนนสันติภาพ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   061 663 9565

Melts

Melts
Image : Melts

บาร์ลับที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของโฮสเทล บรรยากาศดี ที่ร้านมีอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาด้วย ก่อนไปต้อง inbox หน้าเพจเพื่อขอรหัสเข้าร้าน

  • เวลาเปิด-ปิด :   18.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   https://www.facebook.com/meltschinatownbkk
  • ที่อยู่ :   135/9 ถนนเยาวพานิช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   099 332 0049

Pijiu Bar

Píjiǔ Bar
Image : Píjiǔ Bar

ที่นี่เด่นเรื่องคราฟต์เบียร์มาก บรรยากาศร้านก็ชิค ใครที่เป็นสายคราฟต์เบียร์ต้องห้ามพลาด

  • เวลาเปิด-ปิด :   18.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   https://www.facebook.com/pijiubar
  • ที่อยู่ :  16 ซอยนานา ถนนเยาวราช แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   095 660 2636

 Ba Hao

บาร์แนวจีนโมเดิร์นให้ความรู้สึกคล้ายโรงน้ำชา เครื่องดื่มและอาหารที่นี่เป็นสไตล์จีน แถมยังมีห้องพักไว้บริการด้วย

  • เวลาเปิด-ปิด :   17.00 – 24.00 น. (ปิดวันจันทร์)
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/8bahao
  • ที่อยู่ :   8 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  062 464 5468

 Teens of Thailand

บาร์ลับบรรยากาศแบบดิบ ๆ ตกแต่งด้วยสติกเกอร์สเกตบอร์ดเท่ ๆ เมนูของที่หลายก็หลากหลายรับรองถูกใจสายแฮงเอาต์แน่นอน

  • เวลาเปิด-ปิด :  18.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :  www.facebook.com/teensofthailand
  • ที่อยู่ :  76 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   097 003 1173

Charoenkrung Bar & Bistro

บาร์กึ่งร้านอาหารสไตล์จีนร่วมสมัย อาหารและเครื่องดื่มครบ เหมาะกับการไปนั่งชิล ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ ร่วมกับกลุ่มเพื่อน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า
  • เวลาเปิด-ปิด :   16.00-24.00 น.
  • เว็บไซต์ :   www.facebook.com/Charoenkrungbarandbistro
  • ที่อยู่ :  609 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :   099 448 5646

El Chiringuito

ที่นี่เป็นร้านอาหารสเปนและมีบาร์ตกแต่งสวยงามสวยถูกใจสายวินเทจ ให้ฟีลย้อนยุคหน่อย ๆ เครื่องดื่มและอาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย เป็นอีกหนึ่งร้านที่เหมาะไปนั่งชิลล์

  • เวลาเปิด-ปิด :  18.00 – 23.00 น. (ปิดวันจันทร์-พุธ)
  • เว็บไซต์ : www.facebook.com/elchiringuitobangkok
  • ที่อยู่ :   221 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ
  • เบอร์ติดต่อ :  098 996 5479

จบไปแล้วกับ 9 พิกัดคาเฟ่และบาร์ลับย่านเยาวราช อย่าพลาดรีบตามไปเช็คอินกัน แต่ละร้านอาหารและเครื่องดื่มเด็ด ๆ ทั้งนั้น แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ รับรองเลยว่าจะติดใจจนอยากกลับไปซ้ำอีกแน่นอน 

ที่มาข้อมูล

รู้ไว้กันพลาด!! ขนาดกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่องพร้อมค่าโหลด 2023

เมื่อจำเป็นต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน ไม่ว่าเป็น เที่ยวบินภายในประเทศหรือเที่ยวบินระหว่างประเทศ “กระเป๋าสัมภาระ” ถือเป็นอีกหนึ่งเพื่อนร่วมทางที่ทุกคนต้องนำไปด้วยเสมอ แม้เคยเดินทางบ่อยหรือเพิ่งขึ้นเครื่องบินครั้งแรก หลายๆ คนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักกระเป๋า ค่าใช้จ่ายในการโหลดกระเป๋าหรือแม้แต่ขนาดของกระเป๋า

บทความนี้ ได้รวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการนำกระเป๋าขึ้นเครื่องและการโหลดกระเป๋าไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขนาดกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวนกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง และอัตราค่าโหลดกระเป๋าแต่ละสายการบิน เช่น การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย ไทยเวียตเจ็ท และไลอ้อนแอร์

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ขนาดไซส์ทั่วไปของกระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก 

แม้ว่าสายการบินต่างๆ มีรายละเอียดของข้อกำหนดหรือนโยบายเกี่ยวกับการสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องและโหลดขึ้นเครื่องที่แตกต่างกันอยู่บ้าง

แต่กระเป๋าล้อลากบางขนาดสามารถโหลดขึ้นเครื่องได้เพียงอย่างเดียว เพราะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของช่องสัมภาระเหนือศีรษะในห้องโดยสาร ทั้งนี้ ในท้องตลาดยังมีกระเป๋าให้เลือกซื้อหลายขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องจึงมีดังนี้  

ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่อง

1. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 16 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 16 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×41 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 43 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 1-2 วัน 

2. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 18 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 18 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×46 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 46 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิด จึงเหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 2-3 วัน

3. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 22 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 22 นิ้ว ถือเป็นขนาดของกระเป๋าที่ใหญ่ที่สุด ที่สายการบินต่างๆ ยังอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องและใส่ในช่องสัมภาระเหนือศีรษะในห้องโดยสารได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 23×40 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 55 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 2-4 วัน 

4. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 24 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 24 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่องแทนการถือ เพราะมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่นโยบายของสายการบินส่วนใหญ่อนุญาต โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×45 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 61 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 5 วัน – 1 สัปดาห์ 
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

5. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 26 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 26 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่องแทนการถือ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 27×40 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 67 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางตั้งแต่ 1 สัปดาห์ – 10 วัน 

6. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 28 นิ้ว

กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 28 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่อง โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 30×46 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 78 เซนติเมตร

  • เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางไม่เกิน 2 สัปดาห์

กระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องแบบไหนได้บ้าง

โดยทั่วไป สัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางที่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง หรือกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง สามารถใช้ได้ทั้งกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋ามีล้อลาก 

นอกจากเรื่องนโยบายในส่วนของน้ำหนักและขนาดกระเป๋าแล้ว บางสายการบินอาจมีการกำหนดจำนวนของสัมภาระร่วมด้วย ซึ่งรายละเอียดของการถือกระเป๋าขึ้นเครื่องและการโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้ 

กระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง

1. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง คือ สัมภาระที่ผู้โดยสารสามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ เช่น กระเป๋าถือหรือกระเป๋าเดินทางที่มีล้อลากไซส์ 12-22 นิ้ว ซึ่งต้องเก็บไว้บนช่องใส่กระเป๋าเหนือศีรษะหรือช่องใส่ของด้านหน้าเก้าอี้

โดยมักกำหนดน้ำหนักไว้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน นอกจากนี้ ต้องไม่มีของต้องห้ามต่างๆ เช่น

  • ของเหลวปริมาณเกิน 50 มิลลิลิตร
  • ของมีคมหรืออาวุธต่างๆ เช่น มีด ปืน หรือกรรไกร
  • สัตว์ที่มีชีวิตหรือซากของสัตว์
  • อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ทุเรียน ปลาร้า หรือขนุน
  • เพาว์เวอร์แบงก์ความจุต้องไม่เกิน 20,000 mAh

2. กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage) 

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง คือ กระเป๋าเดินทางที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 24 นิ้วขึ้นไป โดยส่วนใหญ่ การเดินทางภายในประเทศ ไม่เกิน 15 กิโลกรัม ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศ ไม่เกิน 20 กิโลกรัม ซึ่งของที่ไม่ควรใส่หรือต้องห้าม มีดังนี้

  • ของต้องห้ามตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ เช่น ของผิดกฎหมาย หรือยารักษาโรคบางชนิด
  • ของมีค่า เช่น แล็ปท็อป เงินสด หรือเครื่องประดับ
  • อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี เช่น บุหรี่ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี หรือเพาว์เวอร์แบงก์
  • อาวุธและวัตถุไวไฟ

ทั้งนี้ ของมีค่าและอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยเพาว์เวอร์แบงก์ความจุต้องไม่เกิน 32,000 mAh และบุหรี่ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรีความจุไม่เกิน 100Wh ซึ่งไม่อนุญาตให้ชาร์จบนเครื่องบิน

ขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดของแต่ละสายการบิน

แต่ละสายการบินมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่อง ไปจนถึงมีค่าบริการในการโหลดกระเป๋าที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งผู้ที่ต้องการเดินทางด้วยการโดยสารเครื่องบิน ควรศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อให้ง่ายต่อการเตรียมตัว หมดปัญหาการต้องแกะสัมภาระมาแพ็กใหม่ที่สนามบินหรือต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 

สำหรับใครที่กำลังจะบินหรือกำลังเปรียบเทียบสายการบินที่ใช้บริการ แต่ละสายการบินมีนโยบายเกี่ยวกับขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดสัมภาระ ดังนี้

ขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง

1. การบินไทย (Thai Airway)

การบินไทย (Thai Airway) เป็นสายการบินสัญชาติไทยที่ให้บริการทั้งจุดหมายปลายทางภายในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 35 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมันนี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าการบินไทย

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทย กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 25x45x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้

นอกจากนี้ยังสามารถพกสิ่งของเหล่านี้ขึ้นเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

  • กระเป๋าใส่ของมีค่า เช่น กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าใส่เงิน โดยมีขนาดกระเป๋าไม่เกิน 12.5x25x37.5 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือแล็ปท็อป
  • ไม้ค้ำยัน ในกรณีที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือผู้ที่ทุพพลภาพ
  • กล้องหรือกล้องส่องทางไกลขนาดเล็ก
  • อาหารเด็กเล็ก

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทย กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ 

  • ชั้นหนึ่ง ระหว่างประเทศ 50 กิโลกรัม
  • ชั้นธุรกิจ ในประเทศ 40 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัดพิเศษ  ในประเทศ 30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัด  ในประเทศ 20-30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 20-35 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยบาท โดยคิดเป็น 1.5% ของค่าบัตรโดยสารชั้นประหยัด แบบบินตรงเที่ยวเดียว ปกติสูงสุด หรือประมาณ 55-125 บาทต่อ 1 กิโลกรัม 
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามโซนของประเทศจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 12-70 ดอลลาร์สหรัฐ การแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้ออย่างน้อย 5 กิโลกรัม และไม่เกิน 50 กิโลกรัม โดยต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยบาท อยู่ระหว่าง 50-60 บาท
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ อยู่ระหว่าง 8-56 ดอลลาร์สหรัฐ การแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ

2. ไทยสมายล์ (Thai Smile)

ไทยสมายล์ (Thai Smile) เป็นสายการบินสัญชาติไทยที่มีเส้นทางการบินภายในประเทศและจุดหมายปลายทางต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น อินเดีย เวียดนาม ศรีลังกา จีน และมาเลเซีย

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าไทยสมายล์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยสมายล์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 25x45x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้ 

นอกจากนี้ยังสามารถพกสิ่งของเหล่านี้ขึ้นเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

  • กระเป๋าใส่ของมีค่า เช่น กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าใส่เงิน โดยมีขนาดกระเป๋าไม่เกิน 12.5x25x37.5 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือแล็ปท็อป
  • ผ้าคลุมไหล่ หรือผ้าห่ม จำนวนไม่เกิน 1 ผืน
  • ร่ม จำนวนไม่เกิน 1 ด้าม
  • กล้องถ่ายภาพหรือกล้องส่องทางไกลขนาดเล็ก จำนวน 1 ตัว
  • หนังสือจำนวนที่เหมาะสม
  • อาหารของเด็กทารกในปริมาณที่เหมาะสม
  • อุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อนไหวหรือการเดิน เช่น ไม้ค้ำยัน เก้าอี้วีลแชร์ หรือกายอุปกรณ์เทียม สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้
  • สุนัขนำทางสำหรับคนตาบอดหรือหูหนวก
  • สินค้าปลอดภาษี ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของประเทศ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือบุหรี่

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยสมายล์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ

  • ชั้นพรีเมียม  ในประเทศ 30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัด  ในประเทศ 20 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 30 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 180 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ บาทไทย หรือรูปีอินเดีย ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางหรือจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 12-15 ดอลลาร์สหรัฐ 405-540 บาทไทย และ 1400 รูปีอินเดีย

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมีอัตราค่าใช้จ่ายเท่ากันทั้งในกรณีบินภายในประเทศและบินระหว่างประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้

  • 5 กิโลกรัม = 600 บาท
  • 10 กิโลกรัม = 900 บาท
  • 15 กิโลกรัม = 1,350 บาท
  • 20 กิโลกรัม = 1,800 บาท
  • 25 กิโลกรัม = 2,250 บาท
  • 30 กิโลกรัม = 2,700 บาท
  • 40 กิโลกรัม = 3,600 บาท 

3. สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways)

บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) เป็นสายการบินเชิงพาณิชย์ของไทยที่ให้บริการครอบคลุมหลายจังหวัดในประเทศไทย เช่น สุโขทัย ภูเก็ต เชียงใหม่ และตราด

โดยมีท่าอากาศยานหลักในประเทศหลายแห่ง ไม่ว่าเป็น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และท่าอากาศยานสมุย นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางการบินต่างประเทศ เช่น ลาว ฮ่องกง และมัลดีฟส์ อีกด้วย สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าบางกอกแอร์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องบินที่โดยสาร มีรายละเอียดดังนี้ 

  • ประเภทเครื่องบิน ATR72 ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องไม่เกิน 23x36x50 เซนติเมตร
  • ประเภทเครื่องบิน Airbus 319 และ Airbus 320 ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ

  • ชั้นธุรกิจบลูริบบิน  น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง 40 กิโลกรัม
  • ชั้นประหยัด  น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง 20 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 180 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 11-60 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

  • กรณีที่บินภายในประเทศ
    • 5 กิโลกรัม = 600 บาท
    • 10 กิโลกรัม = 900 บาท
    • 15 กิโลกรัม = 1,350 บาท
    • 20 กิโลกรัม = 1,800 บาท
    • 25 กิโลกรัม = 2,250 บาท
    • 30 กิโลกรัม = 2,700 บาท
    • 40 กิโลกรัม = 3,600 บาท 
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ อยู่ระหว่าง 8-48 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราคามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางและจุดหมายปลายทาง โดยต้องซื้อน้ำหนักอย่างน้อย 5 กิโลกรัม

4. นกแอร์ (Nok Air)

นกแอร์ (Nok Air) เป็นสายการบินราคาประหยัดของไทย ให้บริการพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศไทยและภายในทวีปเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน อินเดีย และญี่ปุ่น

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋านกแอร์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินนกแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม  โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้ 

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินนกแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ แบ่งตามประเภทของบัตรโดยสาร คือ

  • บินเบาๆ (Nok Lite) ไม่มี
  • บินสบาย (Nok X-tra) ในประเทศ 15 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 20 กิโลกรัม
  • บินเพลิดเพลิน (Nok MAX) ในประเทศ 25 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 30 กิโลกรัม
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 400 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 500 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยมีอัตราแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรโดยสาร จุดหมายปลายทาง จำนวนน้ำหนักที่ซื้อเพิ่ม และช่วงเวลาที่ซื้อน้ำหนักเพิ่ม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • กรณีซื้อพร้อมบัตรโดยสาร ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท
  • กรณีซื้อเพิ่มหลังซื้อบัตรโดยสารแล้ว ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 250 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท

5. ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)

ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air) เป็นสายการบินในเครือเวียตเจ็ทแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำจากประเทศเวียดนาม โดยเป็นสายการบินที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในประเทศไทยและเมืองสำคัญของประเทศเวียดนาม เช่น เกิ่นเทอ และดานัง นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางบินระหว่างประเทศในแถบเอเชีย อาทิ กัมพูชา สิงคโปร์ และไต้หวัน อีกด้วย

โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าเวียตเจ็ทแอร์

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่ง 

นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าถือใบเล็กหรือกระเป๋าแล็ปท็อปอีก 1 ใบขึ้นเครื่องได้

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์  กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 32 กิโลกรัม และแต่ละชิ้นต้องมีขนาดไม่เกิน 81x119x119 เซนติเมตร 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน

  • กรณีที่บินภายในประเทศ  ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 320 บาท 
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ  ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 450-650 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการเดินทาง

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 

  • น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ภายในประเทศ 355 บาท และบินระหว่างประเทศ 540-1050 บาท
  • น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ภายในประเทศ 395 บาท และบินระหว่างประเทศ 715-1,400 บาท
  • น้ำหนัก 25 กิโลกรัม ภายในประเทศ 495 บาท และบินระหว่างประเทศ 923-1,650 บาท
  • น้ำหนัก 30 กิโลกรัม ภายในประเทศ 795 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,260-1,980บาท
  • น้ำหนัก 35 กิโลกรัม ภายในประเทศ 955 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,512-2,310 บาท
  • น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ภายในประเทศ 1,195 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,875-2,800 บาท

6. แอร์เอเชีย (Air Asia)

แอร์เอเชีย (Air Asia) เป็นสายการบินข้ามชาติต้นทุนต่ำระหว่างไทยกับมาเลเซีย ให้บริการเส้นทางการบินในหลายจังหวัดของประเทศไทย เช่น ขอนแก่น ตรัง และเชียงใหม่ รวมถึง จุดหมายปลายทางในภูมิภาคเอเชียอีกหลายแห่ง เช่น จีน ฮ่องกง และอินเดีย

โดยมีฐานการบินอยู่ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

โหลดกระเป๋าแอร์เอเชีย

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้จำนวน 2 ใบ โดยต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

  • กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ใบ ต้องมีขนาดไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร และต้องสามารถเก็บในช่องใส่สัมภาษณ์เหนือศีรษะได้
  • กระเป๋าใส่ทรัพย์สินจำนวน 1 ใบ โดยอาจเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าขนาดเล็ก หรือกระเป๋าใส่แล็ปท็อป ที่มีขนาดไม่เกิน 10x30x40 เซนติเมตร และต้องสามารถจัดเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าได้

ในกรณีของเที่ยวการบินแอร์เอเชียอินเดีย จากจัมมู หรือ ศรีนาการ์ ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง เนื่องจากข้อกำหนดการรักษาความปลอดภัยของสนามบิน

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่น้ำหนักรวมของกระเป๋าสัมภาระต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด โดยแบ่งตามประเภทของบัตรโดยสาร คือ

  • Low Fare ไม่มี
  • Value Pack และ Premium Flex น้ำหนัก 20 กิโลกรัม
  • Premium Flatbed น้ำหนัก 40 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน 

  • กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ในกรณีที่น้ำหนักของกระเป๋าเกิน ค่าใช้จ่ายในส่วนของ 15 กิโลกรัมแรก คิดเป็น 1,300 บาท และในกิโลกรัมต่อไปกิโลกรัมละ 455 บาท รวมถึง หากกระเป๋าสัมภาระมีขนาดใบใหญ่กว่าช่องเก็บของเหนือศีรษะ มีค่าใช้จ่าย 2,210 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยซื้อได้ไม่เกิน 40 กิโลกรัม

  • กรณีซื้อพร้อมบัตรโดยสาร ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 468 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,368 บาท
  • กรณีซื้อเพิ่มหลังซื้อบัตรโดยสารแล้ว ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 520 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,533 บาท

7. ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air)

ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) เป็นสายการบินต้นทุนต่ำระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั้งภายในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน เนปาล ไต้หวัน และเวียดนาม

โดยมีฐานการบินอยู่ทั้งท่าอากาศยานดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 20x30x40 เซนติเมตร

กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)

ตามนโยบายของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ

  • กรณีบินภายในประเทศ  จำนวน 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม
  • กรณีบินระหว่างประเทศ  จำนวนไม่เกิน 2 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน 

  • กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 300 บาท  
  • กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 500 บาท แต่ถ้าเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ ราคา 400 บาทต่อ 1 กิโลกรัม 

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ซึ่งซื้อได้ไม่เกิน 45 กิโลกรัม และน้ำหนักสัมภาระแต่ละชิ้นต้องไม่เกิน 32 กิโลกรัม มีอัตราค่าใช้จ่ายเท่ากันทั้งในกรณีบินภายในประเทศและบินระหว่างประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้

  • เพิ่ม 5 กิโลกรัม ภายในประเทศ 200 บาท และระหว่างประเทศ 325 บาท
  • เพิ่ม 10 กิโลกรัม ภายในประเทศ 275 บาท และระหว่างประเทศ 475 บาท
  • เพิ่ม 15 กิโลกรัม ภายในประเทศ 375 บาท และระหว่างประเทศ 625 บาท
  • เพิ่ม 20 กิโลกรัม ภายในประเทศ 405 บาท และระหว่างประเทศ 775 บาท
  • เพิ่ม 25 กิโลกรัม ภายในประเทศ 495 บาท และระหว่างประเทศ 1,000 บาท
  • เพิ่ม 30 กิโลกรัม ภายในประเทศ 645 บาท 
  • เพิ่ม 35 กิโลกรัม ภายในประเทศ 795 บาท 

ขึ้นเครื่อง แบบไม่ต้องสนใจเรื่องขนาด น้ำหนัก ทำได้ไหม?

หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับข้อจำกัดของน้ำหนักกระเป๋าที่ถือหรือโหลดขึ้นเครื่อง รวมถึง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการโหลดกระเป๋า ในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน หลายๆ คนอาจสงสัยว่า สามารถเดินทางโดยสารเครื่องบิน แบบไม่ต้องสนใจเรื่องขนาดหรือน้ำหนักของสัมภาระได้ไหม? 

คำตอบ คือ สามารถทำได้ เพราะ AIRPORTELs มีบริการรับฝากกระเป๋าตามจุดต่างๆ และบริการขนส่งสัมภาระไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าเป็น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ใช้บริการอะไรได้บ้าง

AIRPORTELs พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น โดยมีบริการหลักๆ ดังนี้

บริการขนส่งสัมภาระกระเป๋า

บริการขนส่งกระเป๋า

AIRPORTELs ให้บริการขนส่งสัมภาระ ทั้งภายในกรุงเทพฯ และการขนส่งข้ามจังหวัด ไม่ว่าเป็น ท่าอากาศยาน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่พัก

โดยไม่จำกัดทั้งขนาดและน้ำหนักของสัมภาระ รวมถึง ระยะทางการขนส่ง มีอัตราค่าบริการขนส่งสัมภาระกระเป๋าเริ่มต้นที่ 299 บาท พร้อมระบบติดตามสถานะของสัมภาระ 

บริการฝากของ ฝากกระเป๋า 

บริการฝากกระเป๋า

บริการรับฝากสัมภาระของแอร์พอเทลล์ นั้นครอบคลุมตั้งแต่ กระเป๋าสัมภาระ อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แล็ปท็อป จักรยาน หรือถุงกอล์ฟ มีอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 100 บาท ต่อสัมภาระ 1 ชิ้น

ซึ่งไม่มีการจำกัดน้ำหนักหรือขนาด โดยมีบริการจุดบริการที่สนามบิน และห้างสรรพสินค้า ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้แก่

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดให้บริการระหว่างเวลา 06.00 – 24.00 น.
  • เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • เทอร์มินอล 21 อโศก เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • เทอร์มินอล 21 พัทยา เปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 11.00 – 22.00 น. และวันศุกร์-วันอาทิตย์(วันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 11.00 – 2300 น.
  • เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • ไอคอนสยาม เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
  • มิกซ์จตุจักร เปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 10.00 – 20.00 น. และวันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 21.00 น.
  • เยาวราช เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น. และวันเสาร์ เวลา 10.00 – 14.00 น.

นอกจากนี้ ยังมีบริการรับฝากระยะยาว รับประกันมูลค่าของสูงสุดถึง 50,000 บาทอีกด้วย 

ส่งกระเป๋าดีกว่าการโหลดหรือนำขึ้นเครื่องเองอย่างไร

สำหรับข้อดีของบริการจาก Airportels ที่โดดเด่นกว่าการนำกระเป๋าถือหรือโหลดขึ้นเครื่อง มีด้วยกันมากมาย เช่น

  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับแผนการท่องเที่ยว หลายๆ คนจำเป็นต้องนำสัมภาระไปเก็บยังที่พักก่อน ถึงเริ่มการท่องเที่ยวได้ หรือหากบินไฟล์ตดึก หลังจากเช็กเอาต์แล้วไม่สามารถฝากกระเป๋าไว้กับที่พักได้ แต่บริการขนส่งกระเป๋าของ AIRPORTELs สามารถนำสัมภาระไปส่งให้ยังโรงแรม สนามบิน หรือห้างสรรพสินค้าใกล้รถไฟฟ้า BTS 
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดและน้ำหนักของกระเป๋า แม้ว่าสายการบินต่างๆ มีบริการโหลดกระเป๋าและการซื้อน้ำหนักเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ก็ยังจำกัดน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 40-50 กิโลกรัมต่อคน รวมถึงยังมีการจำกัดขนาดของกระเป๋าที่สามารถใช้ได้อีกด้วย
  • ไม่ต้องแกะและแพ็กสัมภาระใหม่ เนื่องจากสายการบินต่างๆ ได้กำหนดปริมาณของของเหลว เช่น แชมพู ครีมนวดผม หรือน้ำหอม รวมถึง ลิสต์รายการสัมภาระที่ไม่สามารถโหลดได้ แต่จำเป็นต้องถือขึ้นเครื่อง ซึ่งทำให้หลายๆ คนต้องประสบปัญหาการแกะและแพ็กสัมภาระใหม่
บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

ก่อนการโดยสารเครื่องบิน ไม่ว่าเป็น การเดินทางท่องเที่ยวภายในและระหว่างประเทศ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง และอัตราค่าบริการโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องก่อน เพราะแต่ละสายการบินมีนโยบายสัมภาระที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องแกะสัมภาระและแพ็กใหม่ที่สนามบิน หรือเสียเงินเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน แต่สำหรับใครที่อยากออกทริปภายในประเทศไทย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเกณฑ์สัมภาระและยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับแผนการท่องเที่ยว บริการฝากของและขนส่งสัมภาระของ AIRPORTELs คือคำตอบ

อ่านเพิ่มเติม

กลัวของหาย! ฝากกระเป๋าที่พัทยา กับ แอร์พอเทลล์ ผู้ให้บริการอันดับ 1 ด้านการให้บริการฝากและขนส่งกระเป๋า

Terminal 21 pattaya

ศูนย์การค้า Terminal 21 พัทยา ถือว่าเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีสินค้าแบรนด์ชั้นนำหลากหลายแบรนด์ ให้ช็อปปิ้งมากมาย อีกทั้งการเดินทางยังอยู่ไม่ห่างจากชายหาดพัทยา ทำให้คุณจะช็อปปิ้งหรือไปเที่ยวทะเลก็สะดวกสบายสุดๆ

หลายคนคงเคยเจอกับปัญหากระเป๋าเดินทาง ขัดขวางการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด จะไปไหนก็ลำบาก มาพัทยาจะช็อปปิ้ง ใน Terminal 21 ทั้งทีก็ไม่สนุก

AIPORTELS Guide

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบอกข้อมูลเกี่ยวกับบริการฝากกระเป๋าในพัทยา หากเพื่อนๆ ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการส่งกระเป๋าสามารถตรวจสอบได้จาก บริการส่งกระเป๋าพัทยา

บริการฝากกระเป๋า Terminal 21 พัทยา

Terminal 21 เป็นอีกหนึ่งจุดที่ที่มีเคาน์เตอร์แอร์พอเทลล์ให้บริการ โดยเรามีบริการฝากกระเป๋าเดินทางในพัทยาทั้งระยะสั้น และระยะยาว หรือจะส่งกระเป๋าให้ไปอยู่ที่สนามบินหรือที่บ้านก็ได้ โดยเคาน์เตอร์ของเราตั้งอยู่ใน Terminal 21 ชั้น G ข้าง EVEANDBOY

เคาน์เตอร์แอร์พอเทลล์พัทยา
เคาน์เตอร์แอร์พอเทลล์ที่ Terminal 21 พัทยา

เคาน์เตอร์ของเราเป็นเคาน์เตอร์สีดำทอง มีพื้นขนาดใหญ่สามารถเก็บกระเป๋าได้มากกว่า 1,000 ใบ ใครจะมาใช้บริการแน่นอนว่าจะเห็นสีเหลืองมาแต่ไกลเลย

AIRPORTELs Terminal 21 พัทยาอยู่ตรงไหน

  • เคาน์เตอร์ของเราตั้งอยู่ที่ชั้น G โซน Paris ติดกับร้าน EVEANDBOY
วิธีการเดินทางฝากกระเป๋าพัทยา
วิธีการเดินทางไปที่สาขา Terminal 21 พัทยา
  • วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี 11.00 น. – 22.00 น.
  • วันศุกร์ – อาทิตย์ 11.00 น. – 23.00 น.

AIPORTELS Guide

ดูวิธีการเดินทางได้เพิ่มเติมได้แล้ว จาก พี่ๆ AIRPORTELs จาก ที่นี่

ค่าบริการฝากกระเป๋า

เรามีบริการฝากระยะสั้น และระยะยาว โดยราคาค่าดังนี้

กระเป๋าเดินทางธรรมดา / กระเป๋าใส่ไม้กอล์ฟ

  • ชิ้นละ 30 บาท (ใบเล็ก) / 60 บาท (ใบใหญ่) (ชั่วโมง)
  • ชิ้นละ 150 บาท (วัน)
  • ชิ้นละ 750 บาท (สัปดาห์)
  • ชิ้นละ 3,000 บาท (เดือน)

สัมภาระพิเศษ

  • ชิ้นละ 200 บาท (วัน)
  • ชิ้นละ 1,000 บาท (สัปดาห์)
  • ชิ้นละ 4,000 บาท (เดือน)

ทำไมต้องใช้ AIRPORTELs

  • ช่วยให้คุณบริหารจัดการเวลาและแผนการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น
  • ประกันภัยสำหรับกระเป๋ามูลค่าสูงสุด 50,000 บาท
  • มีบริการฝากแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน
  • เราพร้อมให้บริการขนส่งกระเป๋า จากสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ไปยังโรงแรม บ้าน คอนโด หรือที่พักที่คุณกำหนด
AIRPORTELs-Luggage Service

การฝากกระเป๋ากับแอร์พอเทลล์นั้นไม่ยุ่งยาก ไม่ว่ากระเป๋าคุณจะขนาดจะใหญ่ หรือน้ำหนักจะมากขนาดไหนเราก็รับฝากในราคาเท่ากัน แอร์พอเทลล์เราคำนึงถึงความปลอดภัยของกระเป๋าทุกใบ กระเป๋าทุกใบจะถูกเก็บอย่างดีและปลอดภัย

มีบริการฝากที่อื่นๆ อีกไหม

AIRPORTELs “กระเป๋าไปไหน” กับบริการสุดล้ำที่คุณสามารถสัมผัสได้

การเดินทางของทุกคนจะยังคงเป็นเช่นเดิม แต่ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ ‘AIRPORTELs’ มอบให้ จะไม่ซ้ำเดิมอีกต่อไป เมื่อ ‘AIRPORTELs’ บริษัทผู้ให้บริการด้านการฝากกระเป๋าและขนส่งกระเป๋าเดินทางพร้อมให้บริการทุกท่านทั่วถึงกันทุกจังหวัดในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะอยากส่งกระเป๋าจากสนามบินมาถึงหน้าบ้าน หรืออยากจะส่งกระเป๋าจากหน้าบ้านสู่สนามบิน เราก็ให้บริการได้เช่นกัน

AIRPORTEL ผู้ให้บริการฝากและขนส่งกระเป๋าเดินทาง

ผู้ริเริ่มการให้บริการด้านการฝากกระเป๋าและส่งกระเป๋าเดินทางในประเทศไทยมากว่า 1 ศตวรรษ อย่างบริษัท AIRPORTELs ได้ผุดไอเดียชวนสงสัยให้แก่นักเดินทางที่มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองกันเป็นอย่างมาก เมื่อสิ่งที่จำเป็นต่อการเดินทางอย่าง ‘กระเป๋าเดินทาง’ ได้ถูกตั้งคำถามว่า ‘กระเป๋าไปไหน?’ อาจทำให้ผู้คนเกิดความตกใจ และต้องมองหากระเป๋าเดินทางว่าอยู่ข้างกายหรือไม่อย่างแน่นอน

บริการของ AIRPORTELs นั้นถูกนับเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการด้านการรับฝากและขนส่งกระเป๋าที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในประเทศไทย และเพื่อที่จะให้บริการของพวกเขาเป็นที่รู้จักต่อกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้นนั้น แคมเปญ ‘กระเป๋าไปไหน?’ จึงเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่อาจดึงจุดสนใจมาแก่บริษัท จนทำให้เกิดความตระหนักรู้ต่อตัวแบรนด์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักต่อกลุ่มลูกค้าคนไทยให้มากขึ้นได้

โดยแคมเปญนี้มีความตั้งใจที่จะให้ผู้เดินทางได้เล็งเห็นถึงบริการของ AIRPORTELs ซึ่งจะแบ่งเป็นสองบริการหลัก นั่นก็คือ ‘การรับฝากกระเป๋า’ และ ‘การขนส่งกระเป๋า’ โดยผู้ใช้บริการสามารถมองหาเคาน์เตอร์ของ AIRPORTELs ได้ในสนามบินหลักสองแห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และห้างสรรพสินค้าตามพื้นที่หลักๆในเมืองด้วยเช่นกัน

AIRPORTELs ดอนเมือง
AIRPORTELs สาขาดอนเมือง

หลายท่านคงทราบกันดีเกี่ยวกับปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะหากเป็นผู้เดินทางที่ต้องทำธุรกิจหรือมีธุระด่วนที่ต้องรีบไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว การเดินทางพร้อมกับการลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หรือหากต้องสะพายกระเป๋าเป้ที่มีน้ำหนักเยอะนั้นก็อาจะเป็นปัญหาที่ผู้เดินทางหลายคนไม่สามารถเลี่ยงได้ AIRPORTELs จึงถือโอกาสนี้ในการมาเป็นตัวช่วยในการดูแลกระเป๋าและสัมภาระของผู้เดินทาง อีกทั้งยังมาพร้อมกับค่าบริการที่เป็นมิตร และโปรโมชันดีๆที่ให้ทุกคนได้ลอง

แคมเปญนี้จึงถือเป็นการ Raise Awareness ให้กับผู้เดินทางชาวไทยที่ต้องทำธุรกิจหรือต้องเดินทางโดยเครื่องบินมายังกรุงเทพฯ อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความมีประสิทธิภาพในด้านการเดินทาง และการทำธุระต่างๆ ให้ง่ายดายขึ้น บริการจาก AIRPORTELs ก็เป็นตัวเลือกในการอำนวยความสะดวกให้ทุกท่านได้อย่างไร้ความกังวล ไม่ว่าจะเป็นการรับฝากกระเป๋าอย่างปลอดภัย หรือการขนส่งกระเป๋าที่รวดเร็ว และตรงต่อเวลา

ศึกษาวิธีการจองเข้ารับบริการหรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กระเป๋าไปไหน

17 ที่เที่ยวหน้าฝน สัมผัสกลิ่นไอดิน ละอองฝนชุ่มฉ่ำ อัปเดต 2023

หน้าฝนเที่ยวไหนดี? แจกที่เที่ยวหน้าฝน เอาใจนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ พร้อมรับบรรยากาศดีๆ เมื่อเอ่ยถึงหน้าฝน หลายๆ คน ก็คงจะนึกถึง ดอย อุทยาน น้ำตก เพราะฉะนั้นหากใครต้องการพักผ่อน ต้องตามไปปักหมุดกับ 17 ที่เที่ยวหน้าฝน สัมผัสกลิ่นไอดิน เลือกเที่ยวได้ตามสไตล์ เอาใจครอบครัว เพื่อน และคนรัก อัปเดตใหม่ปี 2023

เที่ยวดอยหน้าฝน ชมวิวทะเลหมอก

เที่ยวดอยหน้าฝน ชมวิวทะเลหมอก

เที่ยวดอยหน้าฝน สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ ชมวิวทะเลหมอกกันแบบเต็มอิ่ม ซึมซับบรรยากาศจัดเต็ม ไปดูกันเลย

1. ดอยหลวงเชียงดาว เชียงใหม่

หลวงเชียงดาว จุดชมวิวทะเลหมอกสูงสุดถึง 2,225 เมตร ชมวิวหลักล้าน นอนกางเต็นท์แบบชิลๆ กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก ก็ฟินไม่แพ้กัน

  • ที่อยู่: อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/DQq93hxYsXp9wDrQA
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00 – 16.00 น.
ดอยอ่างขาง เชียงใหม่

2. ดอยอ่างขาง เชียงใหม่

ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติสวยๆ เหมาะแก่การเที่ยวหน้าฝน เพราะจะได้พบกับทะเลหมอกที่มีลักษณะคล้ายปุยนุ่นล่องลอยไปมา แถมบรรยากาศเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว โรแมนติกสุดๆ 

  • ที่อยู่: ถนนเชียงใหม่ – ฝาง แม่งอน บ้านฝาง เชียงใหม่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/7dC7qKfH3hCFCtTVA
  • อัตราค่าเข้า: –
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00 – 18.00 น. 

3. ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่

ดอยอินทนนท์ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเชียงใหม่ที่ไม่ควรพลาด ดอยมีจุดชมวิวเยอะมาก ดูทะเลหมอกได้เต็มอิ่ม และมีพื้นที่กว้างสุดๆ เป็นที่เที่ยวหน้าฝน โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติเขียวขจี แบบจัดเต็มสุด ๆ

  • ที่อยู่: อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/dJxqyNHzLWE3BFqp8
  • อัตราค่าเข้า: เด็ก 30 บาท  ผู้ใหญ่ 60 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 06:00 น. – 18:00 น.
เดินอุทยานหน้าฝน ท่ามกลางธรรมชาติ เน้นกิจกรรม

เดินอุทยานหน้าฝน ท่ามกลางธรรมชาติ เน้นกิจกรรม

ที่เที่ยวหน้าฝน สำหรับสายเดินอุทยาน ชมธรรมชาติ สัมผัสอากาศชื้นฉ่ำๆ สูดกลิ่นไอดิน กลิ่นไอต้นไม้ใบหญ้าเข้าเต็มปอด และมีกิจกรรมอีกมากมายให้ได้ทำร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว จะมีที่ไหนกันบ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่า 

4. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม สัมผัสกับทะเลหมอก ผสมผสานธรรมชาติสีเขียวขจี และสัตว์ป่าอีกหลายชนิด พร้อมสถานที่กางเต็นท์ สำหรับสายแคมปิ้งอีกด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/pUJCaGbQ2hJQZT8e8
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 06.00 – 18.00 น.

5. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวฤดูฝน ที่สามารถเดินชมธรรมชาติ มองดูความเขียวขจี ฉ่ำๆ ต้นไม้และมอส ตัดกับแนวพื้นดินพื้นหิน รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวย ได้ลงโซเชียลอวดเพื่อนแน่นอน

  • ที่อยู่: 125 หมู่ 10 ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
  • พิกัด:  https://goo.gl/maps/zzmgQPuYJxVtMZ4c6
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 40 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00 – 16.00 น.
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เพชรบูรณ์

6. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เพชรบูรณ์

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีเทือกเขาสูง อุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์สวยงาม เหมาะแก่การไปเที่ยวหน้าฝน รับรองได้ว่าใครได้ไปเยือน จะต้องปลื้มใจอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/3kB2HFxiv7KQfAqw9
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 8:00 – 16:30 น.

7. อุทยานแห่งชาติปางสีดา สระแก้ว

อุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวมาดื่มด่ำกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แบบจัดเต็ม เข้าไปชมสัตว์ป่าได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กระทิง หมูป่า ช้างป่า กวาง เก้ง และกิจกรรมไฮไลต์ ที่ไม่ควรพลาด ก็คือ กิจกรรมดูผีเสื้อ ตอบโจทย์การเที่ยวหน้าฝนแบบสุดๆ มีผีเสื้อมารวมตัวกันมากกว่า 350 ชนิดกันเลยทีเดียว

  • ที่อยู่: ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/YCwiSfKpLbQoGMfb7
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 08.00-17.00 น.

8. อุทยานแห่งชาติแม่ยม แพร่

อุทยานแห่งชาติแม่ยม ที่เที่ยวหน้าฝนสุดยอดฮิตของจังหวัดแพร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยป่าสักที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งในภาคเหนือ  นักท่องเที่ยวมักแห่กันไปชมดอกสัก ที่ผลิบานในช่วงหน้าฝน แถมยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่ง ปีนเขา แคมป์ปิ้ง เป็นต้น

  • ที่อยู่: ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/iPhXPVsmvuEHoBmL6
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 09.00 – 17.00 น.

9. อุทยานแห่งชาติภูซาง พะเยา

อุทยานแห่งชาติภูซาง เต็มไปด้วยสัตว์ป่า และป่าไม้ พร้อมให้ฟีลพักผ่อนที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวขจี และไม่ควรพลาดไปเช็กอิน ที่น้ำตกภูซาง ยิ่งถ้าหากได้ลงไปแช่น้ำ รับรองว่าผ่อนคลาย ฟินสุดๆ 

  • ที่อยู่: ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/DZGRQRm8Rq8d7349A
  • อัตราค่าเข้า: 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 06.00 – 17.00 น.

10. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เพชรบูรณ์

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่า และพันธุ์ไม้ นานาชนิด เงียบสงบ ยิ่งช่วงหน้าฝนยิ่งบรรยากาศดี เหมาะแก่การพาครอบครัว แฟน และเพื่อน ไปท่องเที่ยวพักผ่อนสุดๆ 

  • ที่อยู่: หนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/rcd7pSmMXWKkjQmt6
  • อัตราค่าเข้า: 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 24 ชั่วโมง

11. อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ชัยภูมิ

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม นักท่องเที่ยวหรือคนท้องถิ่นมักจะไปชมทุ่งดอกกระเจียวที่กำลังผลิบาน สีโดดเด่นชมพูอมม่วง ตัดกับพื้นหญ้าสีเขียวได้ดี พร้อมกับสัมผัสพื้นป่า สบายตาสุดๆ สดชื่นไปกับไอหมอก และสายฝน แบบฟินๆ สายแชะต้องเตรียมกล้องถ่ายรูป รับรองว่าได้ภาพสวยๆ อัปลงโซเชียลแน่นอน

  • ที่อยู่: ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/y4FbGUcczRpL3PFs6
  • อัตราค่าเข้า: ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 6:00–18:00 น.
เล่นน้ำตกหน้าฝน ชุ่มฉ่ำ น้ำเย็นสะใจ

เล่นน้ำตกหน้าฝน ชุ่มฉ่ำ น้ำเย็นสะใจ

เมื่อถึงหน้าฝนแล้ว ที่เที่ยวฤดูฝนที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ น้ำตก เพราะน้ำตกในช่วงหน้าฝน จะมีปริมาณมากและอากาศเย็น เหมาะกับการเล่นน้ำในประเทศที่ร้อนเกือบจะทั้งปีอย่างประเทศไทย หรือจะนั่งชิลฟังเสียงน้ำไหล ปล่อยใจให้ผ่อนคลายในวันหยุด ให้ธรรมชาติบำบัดก็เป็นตัวเลือกที่ดี

12. น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี

น้ำตกเอราวัณ มีน้ำสีเขียวมรกต แบบไม่ปรุงแต่ง เป็นธรรมชาติสรรค์สร้าง โดยน้ำตกแต่ละชั้นเต็มไปด้วยความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป เหมาะแก่การไปเที่ยวช่วงหน้าฝนสุดๆ สัมผัสบรรยากาศเย็นสบายกับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น

  • ที่อยู่: อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/wd3aiPfdoi11b9Gq5
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 07.00 – 16.30 น.

13. น้ำตกปาโจ นราธิวาส

น้ำตกปาโจ ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว สัมผัสน้ำเย็นสบาย มีสัตว์ป่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น นกกาฝากท้องสีส้ม ค่างแว่นถิ่นใต้ และมีพันธุ์ไม้ที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกของโลก ก็คือ ใบไม้สีทอง หรือ ย่านดาโอ๊ะ

  • ที่อยู่: ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/AJua5p4gLwq46NEEA 
  • อัตราค่าเข้า: 9:00–16:30
  • เวลาปิด-เปิด: 09.00 – 16.30 น.
น้ำตกกรุงชิง นครศรีธรรมราช

14. น้ำตกกรุงชิง นครศรีธรรมราช

น้ำตกกรุงชิง มีความสูง 7 ชั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ป่าดิบชื้นแน่นทึบ มีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเล่นน้ำตกและกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น

  • ที่อยู่: อุทยานแห่งชาติเขาหลวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/KaFjK8GRRs3WCwYA8
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 08.30-16.30 น.

15. น้ำตกเปรโต๊ะลอซู น้ำตกรูปหัวใจ ตาก

น้ำตกเปรโต๊ะลอซู หัวใจแห่งขุนเขา รูปร่างน้ำตกมีความสวยงาม คล้ายกับรูปหัวใจ ความสูงเทียบเท่าตึกใบหยกกันเลยทีเดียว  ที่เที่ยวหน้าฝน ที่จะต้องถูกใจสายลุยแน่นอน เพราะต้องเดินเท้าเข้าป่า 4 – 5 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมากางเต็นท์ เพื่อสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติกลางป่า

  • ที่อยู่: ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/eJC79S9fVU1AwPsZ8
  • อัตราค่าเข้า: –
  • เวลาปิด – เปิด: –

น้ำตกวังตะไคร้ นครนายก

น้ำตกวังตะไคร้ ที่เที่ยวหน้าฝนที่สำคัญ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีสายน้ำไหลผ่าน เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมชมธรรมชาติ และการล่องแก่ง ยิ่งช่วงหน้าฝน กิจกรรมล่องแก่งจะสนุกมากๆ เนื่องจากจะมีน้ำไหลเชี่ยว รวมถึงมีบริการห้องพักอีกด้วย

  • ที่อยู่: ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/BipGVnXwZ5dgQPyU9
  • อัตราค่าเข้า: 150 / คัน หากเกิน 8 ท่าน เพิ่มท่านละ 10 บาท เดินเข้า 20 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: ทุกวัน 08.00 – 17.00 น.
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สระบุรี

17. น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สระบุรี

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกชื่อดังของสระบุรี แม้จะเป็นน้ำตกสายเล็กๆ แต่วิวหลักล้าน พร้อมพาไปสัมผัสบรรยากาศที่บริสุทธิ์ อุดมสมบูรณ์สีเขียวขจี น้ำสีเขียวใสไหลผ่านตลอดทั้งปี

  • ที่อยู่: ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/8YKhSKVY9QmW8MTTA
  • อัตราค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20 บาท / เด็ก 10 บาท
  • เวลาปิด – เปิด: 8:00 – 17:00 น.

ข้อระวังในการท่องเที่ยวธรรมชาติหน้าฝน

  • เที่ยวหน้าฝน ห้ามเล่นน้ำตกตอนฝนตก และน้ำไหลเชี่ยว ในบางบริเวณจะติดป้ายห้ามเล่นน้ำ เนื่องจากมีน้ำวน ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • การเดินป่าช่วงที่หินเยอะ ควรระมัดระวังหินที่ลื่นเป็นพิเศษ ควรใส่เสื้อผ้า และรองเท้าให้คล่องตัว 
  • การตั้งแคมป์กลางป่า ควรตั้งให้สูงจากลำน้ำ เพื่อป้องกันน้ำ จากการเกิดน้ำป่าไหลหลากแบบกะทันหัน
  • ควรปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสถานที่ เช่น กฎของอุทยานแห่งชาติ เป็นต้น

แอร์พอเทลล์บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด

AIRPORTELs พร้อมเปิดให้บริการขนส่งกระเป๋าไปต่างจังหวัด เพื่อช่วยทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาเดินทาง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกระเป๋า เนื่องจากทาง AIRPORTELs จะส่งกระเป๋าไปยังโรงแรมให้ เริ่มต้น 299 บาท และบริการฝากกระเป๋า เริ่มต้น 100 บาทต่อวัน สามารถเที่ยวได้อย่างอิสระ ทางเรามีกล้องวงจรปิดที่ห้องเก็บกระเป๋าตลอด 24 ชั่วโมง ไว้วางใจทุกความปลอดภัยได้ชัวร์ 100%

สรุปจบไปแล้วสำหรับ 17 ที่เที่ยวหน้าฝน ล้วนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดยอดฮิต ทั้งดอย อุทยาน น้ำตก ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติได้เต็มอิ่ม ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว คนรัก ก็ฟินสุดๆ แม้การเที่ยวช่วงหน้าฝนบรรยากาศดีก็จริง แต่ต้องระวังอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ที่สำคัญเมื่อเที่ยวจนจบทริป กลับกรุงเทพฯ สามารถใช้บริการของ AIRPORTELs ได้ หากเกิดอาการเหนื่อยล้าไม่อยากขนกระเป๋าสัมภาระของตนเองหรือครอบครัวในปริมาณเยอะๆ เพราะ  AIRPORTELs มีบริการส่งกระเป๋าให้ถึงที่พัก

รวม 15 สถานที่เที่ยวสุขุมวิท ย่านธุรกิจสุดฮิตของคนกรุงฯ

ถนนสุขุมวิทเป็นชื่อถนนที่หลายคนคุ้นหู นับเป็นถนนสำคัญอีกหนึ่งสายที่ทอดยาวที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครไปจนถึงชายแดนประเทศกัมพูชา นอกจากเป็นชื่อถนนแล้ว ยังเป็นชื่อย่านใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครอีกด้วย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารชื่อดัง สถานบันเทิงมากมาย แหล่งที่เที่ยวสุขุมวิทเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้คนมากิน เที่ยว เล่น พักผ่อนได้อย่างครบจบในที่เดียว 

นับเป็นย่านที่คึกคักอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ทำให้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จึงมักเลือกพักผ่อนและมาหาที่เที่ยวแถวสุขุมวิท ทั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และหลังเลิกงาน 

สำหรับใครที่กำลังหาที่เที่ยวสุขุมวิทที่สะดวกสบาย ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง บทความนี้ได้รวบรวมมาให้แล้ว ทั้งหมด 15 ที่เที่ยวสุขุมวิทที่น่าสนใจ 

ท้องฟ้าจำลอง

1. ท้องฟ้าจำลอง

ท้องฟ้าจำลองเป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่เดินทางไปได้สะดวกมากๆ โดยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ที่นี่เป็นแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ถูกอนุมัติจัดสร้างโดยกระทรวงศึกษาธิการ 

ภายในเต็มไปด้วยเครื่องมือการเรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ท้องฟ้าจำลอง ซึ่งเป็นไฮไลต์เด่นที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่ เป็นการจัดแสดงท้องฟ้าจำลองรอบละ 1 ชั่วโมง  ซึ่งมีทั้งการบรรยายความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์และมีการฉายภาพยนตร์เต็มเรื่องในตอนจบด้วย 

นอกจากนี้แล้วยังมี นิทรรศการวิทยาศาสตร์ โลกใต้น้ำ อาคารสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ อาคารตระหนักรู้พลังงาน และนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะพาน้องๆ หนูๆ มาเรียนรู้หรือผู้ใหญ่จะไปเที่ยวชมก็ได้ 

  • ที่อยู่: 928 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: ท้องฟ้าจำลอง  
  • เวลาทำการ: วันศุกร์ 11:00 น. – 15:00 น. /  วันเสาร์-อาทิตย์ 10:00 น. – 15:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัว จอดรถได้ที่พื้นที่จอดรถที่จัดไว้ของท้องฟ้าจำลอง
    • รถเมล์ประจำทาง สาย 149, 2, 25, 38, 40, 48, 501, 508, 511, 72
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 2
สวนเบญจสิริ

2. สวนเบญจสิริ

สวนเบญจสิริเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุขุมวิทแนวธรรมชาติที่น่าสนใจ ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ พื้นที่ธรรมชาติ เน้นการออกแบบให้เป็นสวนที่มีพื้นที่โล่ง โปร่ง สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้กว้างเต็มตา เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนหรือออกกำลังกาย ภายในสวนนอกจากจะมีต้นไม้ให้ร่มเงาแล้ว ยังมีประติมากรรมสวยๆ กลางสวนให้ได้ชมกันอีกด้วย 

สวนเบญจสิริเป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่คนกรุงนิยมมาพักผ่อนกันอย่างมาก ด้วยการเดินทางที่สะดวก ใกล้ถนนสายหลัก เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ได้ อยู่ใจกลางเมืองที่สามารถมาออกกำลังกายหลังเลิกงาน จึงตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวแนวธรรมชาติกลางกรุงขอแนะนำให้มาที่นี่เลย

  • ที่อยู่: อยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ 24 บนถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจสิริ 
  • เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 05:00 – 21:00 น.
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ 

3. หอศิลป์ศุภโชค (SAC Gallery)

หอศิลป์ศุภโชคเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่โดนใจสายอาร์ตที่รักศิลปะอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นตึกรวมผลงานศิลปะมากมายทั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

โดยตึกถูกออกแบบสไตล์โมเดิร์น ดูโดดเด่น มีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นมีงานศิลปะจัดแสดงเต็มทุกพื้นที่ ภายในมีทั้งการบรรยาย งานนิทรรศการศิลปะงานสาธิตต่างๆ รวมถึงงานเวิร์กช็อปอีกด้วย ใครที่มองหาที่เที่ยวแถวสุขุมวิทแนวนี้แวะมาได้เลยที่หอศิลป์ศุภโชค 

  • ที่อยู่: 160/3 ซอยสุขุมวิท 33 (แดงอุดม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110  
  • พิกัด: หอศิลป์ศุภโชค (SAC Gallery) 
  • เวลาทำการ: วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10:00 – 18:00 น. และ วันเสาร์เวลา 11:00 – 18:00 น.  (ปิดทุกวันอาทิตย์-วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 5 (ซอยสุขุมวิท 35) 
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 2 (อาคารอินเตอร์เช้นจ์ 21) 
    • รถเมล์โดยสารประจำทาง สาย 2, 25, 501, 508, 511, 513, 38, 40 และ 48
    • เรือด่วนคลองแสนแสบ ลงที่ท่าเรืออิตันไทย
Japanese Town

4. Japanese Town

Japanese Town เป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่น่าสนใจ สำหรับใครที่อยากเดินเล่น ชมบรรยากาศแบบญี่ปุ่น โดยไม่ต้องบินไปไกล ใจกลางกรุงเทพฯ ก็มี เดิมทีที่นี่เป็นชุมชนคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่เที่ยวสุดฮิตของนักท่องเที่ยวแทน เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มีเมนูให้เลือกมากมายหลายร้านเลยทีเดียว ทุกร้านทำโดยคนญี่ปุ่นแท้ๆ 

นอกจากนี้ยังมีร้านอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นร้านนวด สปา ร้านหนังสือ ร้านเช่า DVD โรงเรียนคาราเต้ และร้านขายทัวร์ ทำให้ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยบรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นมากๆ นับเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทสุดสัปดาห์ที่น่ามาไม่แพ้ที่อื่นเลย 

  • ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 33/1 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตพัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Japanese Town 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 5 เดินต่อไปที่ซอยสุขุมวิท 33/1 
Flow House Thailand (Bangkok)

5. Flow House Thailand (Bangkok)

เอาใจสายลุยกันบ้างกับที่เที่ยวสุขุมวิทอย่าง Flow House Thailand บีชคลับกลางใจเมือง ที่นี่คือศูนย์เล่นเซิร์ฟจำลองกลางกรุงเทพฯ ที่เดินทางสะดวก ไม่ต้องไปถึงทะเลก็เล่นเซิร์ฟได้ที่นี่ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีสปอร์ตบาร์ ห้องเล่นเกม ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหารและคาเฟ่อีกด้วย เป็นอีกที่เที่ยวแถวสุขุมวิทสำหรับสายกีฬาที่น่าสนใจอย่างมาก มาที่เดียวจบทั้งทำกิจกรรม ทานอาหาร พักผ่อน

  • ที่อยู่: 120/1 A-Square, ซอยสุขุมวิท 26 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด:  Flow House Thailand (Bangkok)  
  • เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันพุธ 11:00 – 21:00 น. / วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ 10:00 – 21:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีคลองเตย 
Whizdom Club

6. Whizdom Club

สำหรับใครที่มองหาพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือ ไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่ห้องสมุดอีกต่อไป เพราะที่เที่ยวสุขุมวิทสำหรับคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ได้แรงบันดาลใจมาจาก Knowledge Sharing Society ทำให้ที่นี่กลายเป็น Co-Working Space ที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซนด้วยกัน ทั้งโซนพื้นที่ทำงาน (Workspace Station) โซนพื้นที่ทำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน (Whiz Ground) และโซนพื้นที่จัดแสดง (Exhibition Room) ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าพื้นที่ทำงานร่วมกัน แต่เป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่เต็มไปด้วย Inspiration ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้สิ่งใหม่ที่น่าสนใจกลางกรุงเทพมหานคร 

  • ที่อยู่: โครงการ 101 True Digital Park ชั้น 4 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10260
  • พิกัด: Whizdom Club  
  • เวลาทำการ:  ทุกวัน 08:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี ทางออกที่ 6

7. Park Lane 

Park Lane เอกมัยเป็นอีกที่เที่ยวสุขุมวิทที่น่าสนใจ ที่นี่เป็นคอมมิวนิตีมอลล์สไตล์คนเมืองตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จุดเด่นคือที่นี่ถูกออกแบบให้ผู้ที่มาเยือนได้รับรู้สึกผ่อนคลายกลางใจเมืองสุดๆ ด้วยต้นไม้ สวน น้ำพุ การตกแต่งอาคารสุดชิคทำให้ที่นี่แตกต่างจากสถานที่ชอปปิงบนตึกสูงทั่วไป

ที่สำคัญเพียบพร้อมไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านเสริมสวย ร้านสปา ร้านแว่น ร้านอาหาร คาเฟ่ และที่สำคัญที่นี่ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหาที่เที่ยวสุขุมวิทที่มีพื้นที่รองรับเด็กๆ เพราะที่นี่มีร้าน Play Time สวนสนุกในร่มสำหรับเด็กไว้ให้บริการด้วย 

  • ที่อยู่: 18 ซอยสุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Park Lane 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 02:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย แล้วเข้าซอยสุขุมวิท 63 ต่อไปอีก 400 เมตร
The TwentySix 

8. The TwentySix 

The Twenty Six เป็น Shop House ที่เที่ยวสุขุมวิทใจกลางเมือง ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 26 เป็นพื้นที่ที่ได้รวมเอา 8 ร้านค้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน มาที่เดียวครบครันทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านขายของใช้น่ารักๆ คาเฟ่ ร้านทำเล็บ ร้านต่อขนตา สักคิ้ว ฝังสีปาก สตูดิโอสอนทอผ้า Golf Academy ร้านขายเสื้อผ้าและร้านแว็กซ์ ให้คุณได้มาพักผ่อนกับที่เที่ยวแถวสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ เพียบพร้อมด้วยบริการที่ครบครัน

  • ที่อยู่:  34/1 ซอยสุขุมวิท 26  แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด:  The TwentySix 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพษ์ แล้วเข้าซอยอารีย์ 650 เมตร 
RQ 49 Health & Lifestyle Mall

9. RQ 49 Health & Lifestyle Mall

มาต่อกันที่ที่เที่ยวสุขุมวิทเอาใจสายสุขภาพกันบ้าง ที่ RQ 49 Health & Lifestyle Mall ที่นี่เป็นมากกว่าคอมมิวนิตีมอลล์ทั่วไป เพราะเต็มไปด้วยการให้บริการด้านสุขภาพและความงามและร้านอาหารชั้นนำ โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นมีให้เลือกมากมาย พร้อมกับการตกแต่งสไตล์ Japan Modern ทำให้บรรยากาศที่นี่ นอกจากจะเป็นศูนย์รวมศูนย์สุขภาพแล้วยังได้รู้สึกเหมือนอยู่ใจกลางญี่ปุ่นอีกด้วย

  • ที่อยู่: 49/7 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 
  • พิกัด: RQ 49 Health & Lifestyle Mall 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 08:00. น. – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อหรือสถานีพร้อมพงษ์ แล้วเข้าซอยสุขุมวิท 49 ต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร
The EmQuartier

10. The EmQuartier

ที่เที่ยวสุขุมวิทที่สายชอปปิงจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ ศูนย์การค้า The EmQuartier ที่มีร้านค้าชั้นนำระดับโลกมากมายให้ได้เลือกชอป ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและยังมีร้านอาหารชื่อดังมากมาย

เป็นแหล่งการค้าใจกลางเมืองที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมากันเยอะมาก เพราะมีสินค้าให้เลือกครบครัน ไม่ว่าจะมาชอปปิงหรือพักผ่อนก็ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีโปรโมชั่นมากมายเอาใจนักชอปรออยู่อีกด้วย

และจุดที่พลาดไม่ได้สำหรับใครที่อยากชมวิวเมืองย่านสุขุมวิทจากมุมกว้าง ต้องไปที่สกายคลิฟ ชั้น 45 ของ The EmQuartier ที่นี่คุณจะได้เห็นกรุงเทพมหานครในแบบ 360 องศาเต็มๆ ตา รับรองว่าหาไม่ได้จากห้างสรรพสินค้าไหนอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่: 695 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 
  • พิกัด: The EmQuartier 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น. 
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท
Terminal 21 Asok

11. Terminal 21 Asok

ที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่เป็นทั้งแหล่งชอปปิงและรวมร้านอาหารชื่อดังรสเด็ด ที่เมื่อมาเที่ยวกรุงเทพฯ จะต้องมาเยือนให้ได้ ก็คือที่ Terminal 21 Asok (อโศก) นั่นเอง ที่นี่มีทั้งร้านค้าแบรนด์ชั้นนำให้คุณได้ชอปปิงมากมาย รวมถึงร้านอาหารเด็ดๆ อีกหลากหลายร้าน มีให้เลือกทั้งอาหารไทยและนานาชาติ ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่มีศูนย์อาหารที่ราคาถูกกลางใจเมือง อยู่ในห้างสรรพสินค้า Terminal 21 หลากหลายร้านด้วยกัน 

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่มาเที่ยวแล้วไม่อยากลากกระเป๋าเดินทางติดตัวให้วุ่นวาย หรือชอปปิงเยอะจนถือไม่ไหว ไม่อยากหิ้วถุงชอปปิงไปที่อื่นต่อ ที่ Terminal 21 มีให้บริการฝากกระเป๋าเดินทางและถุงชอปปิงของ Airportels ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชอปได้อย่างสบาย เที่ยวได้ไร้กังวล เพียงฝากกระเป๋าหรือฝากของไว้กับ Airportels 

  • ที่อยู่: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21 Asok 
  • เวลาทำการ:  ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.  
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท
Gateway Ekamai

12. Gateway Ekamai

หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุขุมวิท แหล่งชอปปิงกลางใจเมืองที่ส่วนใหญ่มีราคาไม่แพง ขอแนะนำ Gateway Ekamai ศูนย์การค้าที่รวมสินค้ามากมายในสไตล์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง โดยเฉพาะสินค้า IT ที่นี้ได้แบ่งโซน IT CITY ที่รวมอุปกรณ์ IT Gatget ไว้มากมายสำหรับสาย IT ต้องถูกใจอย่างแน่นอน รวมทั้งยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่ราคาดีให้เลือกสรรหลายร้านด้วยกัน เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้ครบทั้งชอปปิงของที่ชอบและได้ทานอาหารรสชาติที่ใช่ 

  • ที่อยู่: 982 ถนนสุขุมวิท 22  แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Gateway Ekamai 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถเมล์ รถประจำทาง สาย 2, 23, 25, 38, 40, 48, 71, 98, 501, 508, 511
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 4 
    • เรือโดยสาร คลองแสนแสบ เลือกลงท่าเรือ ร.ร. วิจิตรฯ ท่าเรือชาญอิสระ หรือท่าเรือทองหล่อ

13. Starbucks Sukhumvit 21

พลาดไม่ได้สำหรับที่เที่ยวสุขุมวิทเอาใจสายคาเฟนั่นคือ Starbucks Sukhumvit 21 สาขา Camp Davis ภายนอกร้านถูกออกแบบตกแต่งในสไตล์อังกฤษ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ทำให้ mood ภาพออกมาแล้วราวกับอยู่ที่อังกฤษจริงๆ เป็นอีกคาเฟที่ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนคาเฟอื่นๆ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทย คนต่างชาติ รวมถึงคนกรุงเทพฯ เองมักไปเที่ยวพักผ่อนนั่งรับประทานขนมและจิบเครื่องดื่ม รวมถึงถ่ายรูปสวยๆ กันเยอะมากๆ ใครที่อยากได้รูปสุดเก๋ มูดภาพชิคๆ ต้องมาที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่นี่เลย

  • ที่อยู่: 88 สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Starbucks Sukhumvit 21  
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออก 4 เดินต่อเข้าซอยสุขุมวิท 24 อีก 1.4 กิโลเมตร
Bo.lan

14. Bo.lan

ที่เที่ยวสุขุมวิทสำหรับสายกินที่อยากลิ้มลองอาหารไทยรสเลิศติดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย ต้องมาที่ร้าน Bo.lan (โบราณ) ที่นี่เป็นร้านอาหารไทยที่มีจุดเด่นคือ เลือกใช้วัตถุดิบจากเกษตรไทยเป็นหลักในการทำอาหาร โดยผ่านการคิดและพัฒนาจนเพิ่มมูลค่าของอาหารได้มากขึ้น จนได้พาอาหารไทยไปสร้างความรู้จักทั่วโลก 

สำหรับเมนูอาหารที่ร้านนี้จะแตกต่างกันออกไปตามช่วงฤดูของวัตถุดิบ นอกจากอาหารคาวที่รสชาติเป็นเลิศแล้ว ยังมีของหวานแสนอร่อยให้เลือกรับประทานตบท้ายของมื้อกันอีกด้วย ไม่ว่าจะมาแบบคนเดียว มากับคนรู้ใจ มากับเพื่อนหรือมาพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ร้าน Bo.lan ถือว่าเป็นอีกที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่ต้องลิสต์เอาไว้เลย 

  • ที่อยู่: 24 ซอยสุขุมวิท 53 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Bo.lan 
  • เวลาทำการ:
    • วันอาทิตย์ : เปิด 12:00 – 14:00 น.
    • วันจันทร์: ปิด
    • วันอังคาร:  ปิด
    • วันพุธ : 18:00 – 22:00 น.
    • วันพฤหัสบดี : 12:00 – 14:00 น. และ 18:00 – 22:00 น.
    • วันศุกร์ : 12:00 – 14:00 น. และ 18:00 – 22:00 น.
    • วันเสาร์:  12:00 – 14:00 น. และ 18:30 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • BTS ทองหล่อ แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 53 อีก 450 เมตร
Unbirthday Cafe

15. Unbirthday Cafe

ปิดท้ายที่เที่ยวสุขุมวิทที่สุดท้ายกับคาเฟ่บรรยากาศสุดชิลที่มีชื่อว่า Unbirthday Cafe ที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่มีคอนเซปต์ว่าการทานเค้กที่ดี อิ่มอกอิ่มใจ สามารถทานได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ในวันเกิด ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยเค้กที่หลากหลาย รสชาติดี น่าทานทุกชิ้น พร้อมเสิร์ฟให้คุณอิ่มเอมกับวันธรรมดาให้รู้สึกว่าพิเศษขึ้นมาได้ทุกวัน 

ซึ่งหากใครอยากทานเค้กอย่างเดียวก็สามารถไปซื้อได้ที่ Cake shelf ทั้ง 2 สาขา Emquartier ชั้น G และ Siam Paragon ชั้น G แต่ถ้าใครอยากทานเค้กอร่อยๆ พร้อมสัมผัสบรรยากาศ Cozy อบอุ่น สบายตา เหมือนอยู่บ้าน ต้องมาที่ Unbirthday Cafe Flagship Store ที่สุขุมวิท 31 

จุดเด่นของคาเฟ่นี้ หากมาตามทางที่บอกแล้วอาจมองหาร้านไม่เจอเพราะที่ตั้งของคาเฟ่จะอยู่บนชั้น 2 ของมาเปงเส็ง อพาร์ทเม้นท์ ให้เดินขึ้นมาเลยแล้วจะพบกับบรรยากาศสุดน่ารักและอบอุ่นของร้าน ในโทนสีขาวและสระว่ายน้ำ พร้อมกับมีส่วน Glasshouse ให้แสงเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย ไม่ว่าจะพักผ่อนด้วยการทานเค้กแสนอร่อยหรือถ่ายรูปสวยๆ Unbirthday Cafe ก็ตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง 

  • ที่อยู่: ชั้น 2 มาเปงเส็ง อพาร์ทเม้นท์ 14 สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/mCNPYdZWxWok3DMi8 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 09:00 – 19:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า สถานีพร้อมพงษ์ เดินตรงเข้าซอยสุขุมวิท 31 อีก 750 เมตร 

ย่านที่เที่ยวสุขุมวิทนอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมายที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงที่เที่ยวแถวสุขุมวิท ยังมีที่เที่ยวที่ให้เดินเล่น ชมธรรมชาติ พักผ่อน เที่ยวแบบชิลล์นอกจากการชอปปิงอีกหลายต่อหลายที่ที่น่าสนใจ หลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่าใจกลางเมือง ย่านเศรษฐกิจอย่างสุขุมวิทจะมีที่เที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่พักผ่อนสุดชิลล์อยู่ด้วย และจะเห็นได้ว่ากรุงเทพฯ ก็มีที่เที่ยวอีกหลายที่มากมายที่น่าสนโดยเฉพาะที่เที่ยวสุขุมวิทที่รอให้คุณไปลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ 

สามารถเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่กังวลเรื่องกระเป๋าเดินทาง แม้ชอปเยอะก็ไม่ต้องว่าจะกลัวแบกไม่ไหว เพียงฝากกระเป๋าให้ Airportels ดูแล ก็ทำให้คุณเที่ยวได้เต็มที่ ชอปได้จุใจ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปด้วย 

AIRPORTELs  ในห้างTerminal 21

บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋าเดินทางในประเทศไทย ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัย ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักสัมภาระ ให้คุณท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบไร้กระเป๋าเดินทาง ราคาขนส่งกระเป๋าเริ่มต้น 299 บาท ราคารับฝากกระเป๋าเริ่มต้น 30 บาท/ชั่วโมง เท่านั้น หรือจะเหมาทั้งวัน 150 บาท/ใบ 

  • AIRPORTELs  ในห้างTerminal 21 ชั้น1 โซนโตเกียว (ติดทางออกลานจอดรถ)
  • พิกัด: Terminal 21 Asok 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.

21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว

ในวันหยุดพักผ่อนทั้งทีแต่มีเวลาแสนน้อยนิด คุณลองมองหาที่เที่ยวที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลหลายกิโลก็สามารถเอนจอยได้ เป็นแพลนการเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว ไม่สะดวกเดินทางไปไหนมาไหนไกลแต่คุณสามารถไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ BTS ได้อย่างเพลิดเพลินกับ 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ต้องง้อรถส่วนตัว 

BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 

BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 

เริ่มต้นที่สถานีแรกก็ปังไม่ไหวกับสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดาย แต่คุณกลับได้พบกับสถานที่สุดพิเศษเสิร์ฟตรงหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดชิกอย่างหอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชวนเพื่อนมาถ่ายรูปแนวเก๋ ๆ แนวสวยก็มีหลายมุม หรือจะเป็นอุทยาน 100 ปี จุฬาจุดพักผ่อนชิลๆ รับลมเย็น ที่สำคัญใครที่อยากเดินเล่นด้วยความคล่องตัวที่นี่เขามีจุดฝากกระเป๋าด้วย 

  • บริการฝากสัมภาระ MBK CENTER : AIRPORTELs – ชั้น 6 , โซน บี
  • โปรโมชั่นฝากฟรี 2 ชั่วโมง

อุ่นใจเมื่อกระเป๋าสุดที่รักอยู่ในที่ปลอดภัย แล้วทีนี่ก็เดินเที่ยวอย่างไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะ       

1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

จุดเช็กอินแรกที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงสถานีนี้ก็คือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือเรียกสั้น ๆ ว่าหอศิลป์ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นที่หลงใหลในงานศิลป์ไปพร้อมๆ กับได้ถ่ายรูปเด็ดเก็บไว้ในอัลบั้มโปรดก็แจ่มเวอร์ โดยหอศิลป์จะเป็นสถานที่รวบรวมในการจัดแสดงงานศิลปะหลายแขนงเลย รับรองถูกใจสายอาร์ตแน่นอน สามารถเดินทางจาก BTS สนามกีฬาแห่งชาติเพียง 200 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึง

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/CyrHwyT7BfhydKQu8 
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น. 
  • เบอร์โทร : 02 – 2146630 

2. อุทยาน 100 ปี จุฬา 

อุทยาน 100 ปี จุฬา เป็นสวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวแสนโดดเด่นใจกลางเมือง โดยมีเนื้อที่กว่า 29 ไร่ สวนแห่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยนโยบายการสร้างเมือง Green & clean city ได้ทราบถึงที่มาที่ไปอันน่าทึ่งขนาดนี้แล้วจะพลาดได้ยังไงล่ะ ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัว อากาศดีปลอดโปร่ง และได้เห็นวิวธรรมชาติชิลๆ ซึ่งการเดินทางมาจาก BTS สนามกีฬาแห่งชาติห่างกัน 1.3 กิโลเมตร แนะนำให้เรียกวินจะได้ถึงที่หมายได้เร็วขึ้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/KaFm5ghSfiv9eyKy9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05:00 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : 022183590 
ที่เที่ยวใกล้ BTS หมอชิต

BTS หมอชิต 

สถานีต่อมาเป็นสถานี BTS ที่สร้างความตะลึงพรึงเพริดต่อคนเพิ่งมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งแรกได้ดี และเป็นหนึ่งสถานีที่แน่นไปด้วยผู้คน แต่ผู้คนเหล่านั้นล้วนตื่นเต้นที่จะไปต่อเพราะหนทางข้างหน้ามีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะมุมพักผ่อนอย่างสวนจตุจักร หรือสายชอปปิงก็ไปเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักรได้เลย แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับการลงจาก BTS หมอชิต แน่นอน 

3. สวนจตุจักร

ใครที่อยากปลีกความวุ่นวายชั่วครู่ แนะนำให้คุณมาเยือนสวนจตุจักรเลย ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางให้คุณได้มาเดินเล่นอย่างสบายใจ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับออกกำลังกายได้ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นเช้าหรือเย็นก็ดีทั้งนั้น จัดว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการความสงบ ร่มรื่น รายล้อมไปด้วยสีเขียวเย็นตา ซึ่งการเดินทางมาที่นี่จาก BTS หมอชิตก็ห่างกันเพียง 700 เมตรเท่านั้น 

  • บริการฝากสัมภาระ MIXT Chatuchak : AIRPORTELs – ชั้น 2 , โซน บี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/yfBKXx4VVzCEerFA9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 04:30 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : –

4. ตลาดนัดจตุจักร 

ใครที่ชื่นชอบการชอปปิงให้ลองมาเยือนตลาดนัดจตุจักรไม่มีผิดหวังแน่ ที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมการขายสินค้าขนาดใหญ่แบ่งเป็น 27 โครงการเลยทีเดียว สินค้ามีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ร้านอาหาร รวมไปถึงงานศิลป์งานฝีมือก็มีจัดแสดงและจำหน่ายด้วย  จัดว่าที่นี่เหมาะสำหรับสายเที่ยว กิน ชอป ครบจบในที่เดียว  ซึ่งการเดินทางจาก BTS หมอชิตห่างกันเพียง 450 เมตรเท่านั้น

  • บริการฝากสัมภาระ MIXT Chatuchak : AIRPORTELs – ชั้น 2 , โซน บี     
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/utjr1JpyNr7qfmXV7 
  • เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ 07:00 – 18:00 น.

                วันเสาร์ – อาทิตย์ 09:00 – 18:00 น.

  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS ชิดลม

BTS ชิดลม

มาต่อกันที่สถานี BTS ชิดลม สถานีใจกลางเมืองอีกหนึ่งแห่งที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร สามารถเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก นั่นคือ เซ็นทรัลชิดลม สำหรับใครที่ชอบเดินห้างเมื่อลงจากสถานีแล้วสามารถเดินต่อไปหน่อยหนึ่งก็ถึงศูนย์การค้าทันที

5. เซ็นทรัลชิดลม 

สำหรับเซ็นทรัลชิดลมถือเป็นห้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ใครที่ผ่านมาเห็นต่างก็สะดุดตากันทั้งนั้น ด้วยตัวห้างตั้งอยู่บริเวณแยกที่มีวิวของมุมตึกในรูปแบบสถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่น เรียกว่าเห็นปั๊ปอยากเอามือถือที่จับอยู่มาแชะรูปทันที ที่นี่เหมาะสำหรับสายเดินห้างรับลมเย็น เดินเล่นตากแอร์สบาย ๆ ที่สำคัญที่นี่ห่างจากตัว BTS ชิดลมเพียง 650 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/iQCjixS1yqKKWstp8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : 027937777  
ที่เที่ยวใกล้ BTS ศาลาแดง

BTS ศาลาแดง

ใครกำลังมองหาแหล่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟน่านั่งแล้วล่ะก็ลง BTS ศาลาแดงแล้วคุณจะเจอคำตอบที่ต้องการ สำหรับสถานีแห่งนี้มีคอมมอนส์ที่มีชื่อว่า the COMMONS จะเป็นยังไงนั้นตามไปดูกัน 

6. The Commons 

the COMMONS เป็นเซฟโซนสำหรับคนที่ต้องการหามุมทำงานสบายๆ แต่เดินทางได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เพราะที่นี่แห่งนี้มีทั้งโซนนั่งแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ รับรองเลยว่าจะสร้างความประทับใจในการมาเยือนให้กับคุณได้แน่ ภายในมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ ให้เลือกเยอะมาก แถมแอร์ก็เย็นฉ่ำเวอร์ เหมาะสำหรับคนอยากมาพักผ่อนสุด ๆ และที่นี่ห่างจาก BTS ศาลาแดงประมาณ 7 กิโล อาจจะไกลหน่อยแต่สามารถเรียกวินได้เลย ระยะทางแค่นี้ไม่แพงมาก

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/niMnPXmqDiCu5ZNn7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 08:00 – 01:00 น. 
  • เบอร์โทร : 0891522677 
ที่เที่ยวใกล้ BTS ช่องนนทรี

BTS ช่องนนทรี

หากกำลังมองหาแลนด์มาร์กที่มีความโดดเด่นในช่วงกลางคืนแล้วล่ะก็ที่ BTS ช่องนนทรีจัดว่าเป็นจุดเช็กอินที่จะทำให้คุณได้ร้องว้าวกับภาพตรงหน้าในยามค่ำคืนในมหานครได้ดี มีจุดไฮไลต์เป็นสะพานช่องนนทรี สะพานสีขาวชื่อดังที่ทั้งคนกรุงและคนต่างจังหวัดต่างก็คุ้นตาเป็นอย่างดี

7. สะพานช่องนนทรี 

สายถ่ายรูปต้องหลงรักที่แห่งนี้แน่ สะพานช่องนนทรี เป็นสกายวอล์กที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดปังที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหน ถ่ายยังไง ภาพที่ออกมาก็สวยเป๊ะปังทุกภาพแน่นอน ด้วยที่นี่มีตัวสะพานที่ขาวสุดโดดเด่นตั้งตระหง่านอย่างงดงาม เรียกว่าเห็นสิ่งนี้แต่ไกล ๆ ก็อยากรีบกระโจนเข้าไปใกล้ให้เร็วเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ชิดมากที่สุด การเดินทางจาก BTS ช่องนนทรีจากที่นี่ไม่ไกลมากห่างแค่  110 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/niMnPXmqDiCu5ZNn7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS ตลาดพลู

BTS ตลาดพลู

ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากกลางเมืองเท่าไรนัก และมีเสน่ห์ตรงมีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นไว้แต่กลับสามารถเดินทางสู่ CBD ได้ด้วยการเดินทางที่หลากหลาย และที่สำคัญ BTS ตลาดพลู มีแหล่งชอปปิงลับน่าสนใจที่ถูกซุกซ่อนในตลาดพลูหลายอย่าง อยากรู้แล้วตามมาเลย  

8. ตลาดพลู 

ที่ตลาดพลูแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของกินที่เยอะและดีที่สุดของย่านฝั่งธนแล้วล่ะ ใครที่เป็นสายกินอย่าได้พลาดเชียว เมื่อมาถึงนี่แล้วมีโลเคชั่นอยากให้มาเยือนกัน ที่นี่เหมาะสำหรับสายคูลๆ ที่สามารถลองได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของกินที่หลากหลายทั้งคาวและหวาน แอเรียใกล้เคียงก็เต็มไปด้วยวัดวามากมาย เรียกว่ากินอิ่มก็ไปทำบุญได้เลย ซึ่งการเดินทางจาก BTS ตลาดพลูห่างกัน 1.5 กิโล สามารถเรียกวินเพื่อไปตลาดได้เลย 

พิกัด : https://goo.gl/maps/ybnYfN17b9L4GFe59 

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
                วันพุธ – วันจันทร์เวลา 09:00 – 00:00 น.  

        วันอังคารเปิด 24 ชั่วโมง 

        เบอร์โทร : – 

ที่เที่ยวใกล้ BTS พร้อมพงษ์

BTS พร้อมพงษ์

สถานีถัดมา BTS พร้อมพงษ์ นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายแล้วยังมีสถานที่เดินเล่นชิลล์สุดพิเศษอยู่หนึ่งที่  จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจาก The Manor 39 เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็ก ๆ ที่บรรยากาศน่าเข้าไปหาสุด ๆ 

9. The Manor 39

ใครกำลังมองหาจุดแวะใกล้ BTS พร้อมพงษ์ กับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกวิเศษต้องลองได้แวะที่นี่คุณต้องถูกใจอย่างแน่นอน The Manor 39 เต็มไปด้วยความสนุก ความผ่อนคลายในที่เดียวกัน เปิดประสบการณ์มาคอมมูนิตี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 เป็นโครงการที่มีทั้งคาเฟ่ชิกๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดอร่อย ร้านเสริมสวย รวมไปถึงคาราโอเกะเร้าใจ เรียกว่าปาสุขปาใจได้ทั้งวัน อีกทั้งที่นี่หากจาก BTS พร้อมพงษ์เพียง 650 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/WAGvh6qv4ZPNobhh7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 11:30 – 00:00  น.
    เบอร์โทร : 026625541 
ที่เที่ยวใกล้ BTS สะพานตากสิน

BTS สะพานตากสิน

มาต่อกันด้วยสถานีที่จะทำให้คุณได้รับความสนุกสุดเหวี่ยงจัดเต็มไปทั้งวันอย่างที่คุณไม่เคยได้รับมหาศาลเท่านี้มาก่อน เพราะสถานีแห่งนี้พร้อมต้อนรับคุณด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตหลายที่ไม่ว่าจะเป็น ล้ง 1919, Warehouse 30, ตลาดน้อย, The Jam Factory, เอเชียทีค และไอคอนสยาม เป็นไงแต่ละที่มีแต่ปัง ๆ ใช่ไหมล่ะ รับรองงานนี้เที่ยวจนตัวแตกเพียงแค่ลงจาก BTS สะพานตากสิน ก็รับความสนุกได้เต็มแมกซ์ 

10. ล้ง 1919

ประเดิมด้วยสถานที่พักผ่อนสุดแนวเอาใจทุกเจน ที่นี่เดินทางมาได้ง่ายมากแค่ลง BTS ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อมาลงท่าเรือหวังหลีก็ถึงที่หมายแล้วล่ะ มาเยือนล้ง 1919 ทั้งทีคุณทำได้ทั้งเดินเล่นปล่อยใจ ทานอาหารอร่อยๆ กับร้านอาหารน่านั่ง ถ่ายรูปมุมสวยปังทุกช็อต พร้อมไหว้พระขอพรศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว เรียกว่าครบจบในที่เที่ยว ที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 2.5 กิโล แต่ระยะทางนี้เราเดินต่อกันด้วยเรือนะ แต่เดินหน่อยเดียวก็ถึงแล้วล่ะ 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/XFZvwf19PVQovJZW8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 18:00  น.
    เบอร์โทร : –

11. Warehouse 30

เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เที่ยววิวแม่น้ำมาต่อกันด้วยจุดเช็กอินที่เอาใจสายฮิปเปอร์ได้ดี เมื่อคุณลงจากสถานีแล้วเดินเท้าเปล่าอีกนิดไปทางไปรษณีย์กลางบางรัก เห็นเป็นโกดังเก่าติดกันยาวนั่นแหละถึงที่หมาย Warehouse 30 เรียบร้อย ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ หรือร้านเสื้อผ้าก็มีเหมือนกัน พร้อมมีโรงฉายหนังขนาดเล็กดูเพื่อผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสิน 1.3 กิโล ถือว่าไม่ไกลมากนั่งวินแป๊บเดียวถึง

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/pnoBuc1FZfyvYmQx5 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 18:00  น.
  • เบอร์โทร : 022375087 

12. ตลาดน้อย

สถานที่ต่อมาเป็นย่านจีนที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ลงมาจากสถานีเดินมาผ่านบางรักมาหน่อยนึงก็ถึงแล้ว หรือจะเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาก็ได้เหมือนกัน ที่นี่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่ตามแนวถนนเจริญกรุง ใครที่หลงใหลความคลาสสิคสไตล์จีนโบราณ หากได้มาเยือนที่ตลาดน้อยจะต้องชอบแน่ สายถ่ายรูปอย่าได้พลาด อีกทั้งยังห่างจาก BTS สะพานตากสิน 1.9 กิโล 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Snz396uah5qfSZiRA 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง 
  • เบอร์โทร : –

13. The Jam Factory

ที่ต่อมาจะพาทุกคนข้ามมาฝั่งธน เอาใจสายฮิปสเตอร์น ที่นี่ถูกเนรมิตจากโกดังเก่าให้กลายมาเป็นคาเฟ่สุดชิกที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น มีโคมไฟเท่ ๆ คลอด้วยเสียงเพลงน่าฟัง นั่งชิลล์ได้แฮปปี้สุดๆ สำหรับ The Jam Factory ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 1.7 กิโลก็ถึงที่หมาย 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/D3z61MxHJaHmSDb67 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 028610950 

14. เอเชียทีค

สถานที่ต่อมาเชื่อว่าเป็นจุดเช็กอินในใจที่หลายคนอยากมาเยือนให้ได้สักครั้ง เอเชียทีค เป็นแลนด์มาร์กสุดโรแมนติกในการมาเดตกับแฟน หรือมาเที่ยวกับผองเพื่อนก็สนุกได้เต็มที่ได้ทั้งนั้น ที่นี่ยืนหนึ่งในการเป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งยังมีโรงละครคาลิปโซ่ คุณสามารถดื่มด่ำกับการดูหนัง จิบกาแฟ กินอาหาร และชอปปิงพร้อมวิวแม่น้ำด้วยความเพลินตลอดค่ำคืน ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสิน 2.2 กิโล อาจไกลนิดนึงแต่คุ้มกับความฟิน 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/N1RqxnDS9iSttJ7N8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 11:00 – 00:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0922460812 

15. ไอคอนสยาม (Iconsiam)

ปิดที่เที่ยวจาก BTS สะพานตากสินด้วยศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ตระการตาใจกลางมหานคร มาที่นี่คุณจะได้พบกับคนเกือบทุกมุมโลกในที่เดียว ใครที่เข้ากรุงเทพ ฯ มาต่างก็อยากมาเยือนที่นี่ ไอคอนสยามสามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่น่ารัก ร้านค้าแบรนด์ดังครบ รับรองคุณจะตื่นตาตื่นใจทุกฝีก้าวที่ได้เดิน ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 1.3 กิโลเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/kFfTjxVSyn7MxrWK9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น.  
  • เบอร์โทร : 024957080 
ที่เที่ยวใกล้ BTS ราชเทวี

BTS ราชเทวี

สถานี BTS ราชเทวีเป็นทำเลที่รายล้อมด้วยศูนย์การค้ามากมาย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวแนวฮิปเอาใจวัยรุ่นได้ทุกยุค ด้วยตัวสถานีเชื่อมต่อกับย่าน BTS พญาไทและไม่ไกลจาก BTS อนุสาวรีย์เท่าไร อีกทั้งที่นี่ยังมี สวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี เป็นจุดที่เอาใจสายสตรีทอาร์ตได้ดี 

16. สวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี

สำหรับใครที่หลงใหลกับภาพวาดบนกำแพง ก็มาเยือนสวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี คุณจะสะกดคำว่าผิดหวังไม่เป็นแน่นอน ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพแนวภาพวาดฝาผนัง หรือสตรีทอาร์ต รูปภาพที่ถูกแต่งแต้มบนผนังมีความโดดเด่นสูง สีสันสวยสะดุดตา เรียกว่าถ่ายรูปยังไงก็ออกมาสวยหล่อทั้งนั้น และที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 180 เมตรเท่านั้น โหใกล้ ๆ เลยนะเนี่ย 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/qukQtB2igJUNgtdW7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05:30 – 19:00 น.  
  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS สยาม

BTS สยาม

ต่อเนื่องกันที่สถานี BTS ที่ฮิตฮอตเหล่าวัยรุ่นตั้งแต่ยุคก่อนจนถึงปัจจุบัน และดูทีท่าว่าเสน่ห์ความฮิตก็ไม่อาจลดละหายไปไหนได้ง่ายๆ ที่นี่เป็นทำเลของคนที่ชื่นชอบวิถีคนเมืองที่หรูหรา มองไปทางไหนก็มีแต่ความเจริญพุ่งเข้าใส่ ที่สำคัญมีอควาเรียมกลางมหานครอีกด้วย จะเป็นที่ไหนได้นอกจาก Sea Life Bangkok Ocean World เป็นโอเชี่ยนที่เหมาะสำหรับมากันทุกความสัมพันธ์จริงๆ 

17. Sea Life Bangkok Ocean World

มีเวลาว่างไปเที่ยวแค่นิดเดียวแต่กลับอยากไปเห็นทะเล มาที่นี่ Sea Life Bangkok Ocean World คุณก็สามารถสัมผัสของความทะเลได้แล้วล่ะ แนะนำให้คุณชมปลาใต้ท้องทะเลด้วยความเพลินจัดเต็ม พร้อมลอดอุโมงค์ทางเดินใต้น้ำสร้างความตื่นเต้นสุด ๆ มาแล้วไม่มีผิดหวัง ที่นี่ห่างจาก BTS สยามเพียง 100 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Kr2eUQ2Y56dEP6HB9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 026872000 
ที่เที่ยวใกล้ BTS อารีย์

BTS อารีย์

สำหรับสถานีนี้เป็นหนึ่งย่านที่เหมาะสำหรับการมาใช้ชีวิตมากๆ ไม่ได้เป็นย่านที่วุ่นวายจนเกินไป และสามารถพบความสงบได้ด้วย ถึงแม้ BTS อารีย์ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่รอบข้างก็ล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมที่เที่ยวเอาใจทั้งสายคาเฟ่และคอมมูนี้ตี้มอลล์  

18. Kid Mai Death Cafe

คาเฟ่แห่งนี้มาในคอนเซปต์ที่แปลกแหวกแนวกว่าหลายๆ ที่ แค่ชื่อก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของความตาย เมื่อมาถึงนี่สิ่งที่คุณต้องไม่พลาดนั่นคือ ทดลองตาย ก่อนตาย ในโลงศพที่ถูกปูด้วยผ้าผืนสีชมพู นอกจากคุณจะได้ดื่มรสชาติกาแฟแสนอร่อยก็ยังได้ดื่มด่ำกับสัจธรรมชีวิตอีกด้วย ที่นี่ห่างจาก BTS อารีย์ เพียง 77 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/cDWE2YSbvw7WQRYu8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 21:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0633244519  

19. GUMP’s Ari Community Space

ต่อเนื่องกันที่คาเฟ่สุดน่ารักที่เอาใจสาว ๆ ที่หลงใหลกับอะไรที่เห็นแล้วจะต้องตาแป๋วทนความน่ารักไม่ไหว เป็นคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์มินิมอลหวาน ๆ มุมถ่ายรูปเยอะมาก แถมกาแฟสดก็รสชาติดีมาก ห่างจาก BTS อารีย์เพียง 400 เมตรเท่านั้น

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/FwsT4uY5V4MgG8sX8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : –
BTS สุรศักดิ์ - วัดแขก

BTS สุรศักดิ์

มาต่อกันที่สถานีรองสุดท้ายด้วย BTS สุรศักดิ์ เป็นสถานีทำเลดี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่นี่มีเส้นคมนาคมหลายรูปแบบ ล้อมด้วยอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ร้านอาหาร คอนโด และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวเอาใจสายชิลล์เพียบ 

20. Roots BKK

ใครกำลังมองหากาแฟสดรสชาติดี คุณภาพเยี่ยม ให้คุณได้ลองก้าวมาร้านนี้แล้วคุณจะเจอคำตอบที่ใช่ สำหรับร้าน Roots BKK ไม่ได้เป็นแค่ร้านกาแฟธรรมดา ๆ แต่มันมากกว่านั้น มีเรื่องราวของกาแฟไทยเกรดดีคัดสรรทุกเมล็ดให้คุณได้ดื่มอย่างสุขใจ ภายในร้านหอมฟุ้งด้วยกลิ่นกาแฟ ร้านตกแต่งได้สวย สะอาด น่ามองน่านั่ง ที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS สุรศักดิ์เพียง 170 เมตรเท่านั้นเอง 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/5FkYqPqZLSudoo2p9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 07:00 – 19:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0820916175 

21. วัดแขก

ปิดท้ายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจสายมู ใครที่เลื่อมใสในพระแม่อุมาเทวี มาที่นี่คุณสามารถสักการะท่านแม่ได้โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงอินเดีย วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านสีลม ย่านชื่อดังใจกลางเมืองกรุง วัดนี้ตกแต่งได้สวยงามให้บรรยากาศเหมือนอยู่อินเดียได้ดีมาก ไปเหอะอย่าพลาดเลย และที่นี่ห่างจาก BTS สุรศักดิ์เพียง 800 เท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/ZBgDuB99zabdcho58 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0973159569 

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าที่มีสาขาในสนามบิน และห้างชั้นนำในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีบริการส่งสัมภาระไปยังโรงแรม-ห้าง-สนามบิน ราคาเริ่มต้น 299 บาท/ใบ รวมถึงบริการส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัด

สาขาของแอร์พอเทลล์

  • สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ 
  • สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 
  • MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)
  • Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)
  • Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)
  • MIXT Chatuchak ชั้น2, โซนบี
  • Terminal 21 Pattaya ชั้น 1 , โซนปารีส (บริเวณใกล้อีฟแอนด์บอย)

สรุป

จบกันไปแล้วสำหรับ 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับจุดเช็กอินที่ทางเราได้มาแนะนำให้กับทุกคน เรียกว่าถูกใจสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถเที่ยวได้หลากรูปแบบ หลายรสชาติได้จัดเต็มเลยใช่ไหมล่ะครับ BTS จะไม่ได้เป็นแค่การเดินทางเพื่อไปเรียนหรือไปที่ทำงานอีกต่อไป เพราะคุณสามารถเปลี่ยนทิศทางที่เคยเดินไปประสบกับที่ใหม่ ๆ ได้ง่ายแสนง่าย และห่างจากสถานีไม่ไกลมากเท่าไรก็ถึงที่เที่ยวได้เลย และสำหรับใครที่อยู่ต่างจังหวัดต้องการเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพแล้วล่ะก็ทางเราอยากแนะนำ Airportels  บริการส่งกระเป๋าจากสนามบินถึงที่พักได้ทันที เรียกว่ามาถึงกรุงเทพสามารถออกเดินทางไปเที่ยวทั้ง 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว รู้แบบนี้รีบ ๆ ตามรอยให้ได้เลย 

21 คาเฟ่ดอนเมือง ใกล้สนามบิน นั่งชิลรอเช็กอินไม่ตกเครื่องแน่นอน

สำหรับใครกำลังมีแพลนขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง และต้องเผื่อเวลาล่วงหน้ามาสนามบิน แล้วรู้สึกเบื่อที่ต้องไปนั่งคอยเหงาๆ ที่สนามบิน สามารถเลือกคาเฟ่ดอนเมือง เพื่อแวะถ่ายรูปพร้อมหาที่นั่งชิลๆ หรือจะแวะหาของกินดอนเมืองก่อน แล้วค่อยกลับไปสนามบินก็ยังได้ วันนี้ AIRPORTELs ได้รวบรวม 20 คาเฟ่ดอนเมือง ให้ทุกคนได้เลือกแวะจิบกาแฟ ถ่ายรูป และทานอาหารกันได้ตามอัธยาศัย

Makvid cafe & bistro

1. Makvid cafe & bistro

เริ่มกันที่ ‘Makvid cafe & bristo’ คาเฟ่ดอนเมืองสุดชิกที่เรียกว่ามีลูกเล่นไม่ธรรมดา ตอนกลางวันเป็นคาเฟ่ ส่วนกลางคืนผันตัวเป็นบาร์ได้ด้วย ภายในร้านตกแต่งด้วยตัวอาคารแบบเรือนกระจก ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศใกล้ชิดกับธรรมชาติ พร้อมถ่ายรูป ทานอาหาร เครื่องดื่ม หรือชิมเบเกอรีโฮมเมดได้ตลอดทั้งวัน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 435 ซอย 2 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20  นาที
  • พิกัด : Makvid cafe & bistro
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพุธถึงจันทร์ (หยุดทุกวันอังคาร) 11.00-21.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 089-662-6681

2. Foresta cafe

ห้ามพลาดกับ ‘Foresta cafe’ คาเฟ่ดอนเมืองที่เป็นทั้งคาเฟ่ และร้านอาหารภายในตัว ตกแต่งแบบเน้นธรรมชาติ และป่าเขาตามชื่อ Foresta cafe ให้คุณได้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ทานอาหารอร่อยๆ กับครอบครัว ขอแนะนำเมนูขึ้นชื่ออย่าง ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ปลากระพงทอดน้ำปลา ส้มตำ บิงซู ชีสเค้ก ฯลฯ พร้อมสัมผัสร่มเงาธรรมชาติ ฟังเสียงน้ำตกและชมความสวยงามฝูงปลาคาร์ฟหลากสี เรียกได้ว่าได้ทั้งทานอาหารอร่อยริมธรรมชาติ และยังได้แวะถ่ายรูปตามมุมยอดนิยมของทางร้านอีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 6 ซอย เดชะตุงคะ 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20  นาที
  • พิกัด : Foresta cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00-23.00 น. และพิเศษในวันศุกร์, เสาร์ เปิดถึง 00.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 088-254-4444
Butter UP Cafe

3. Butter UP Cafe

คาเฟ่ดอนเมืองที่เหมาะสำหรับสายของหวาน ต้องแวะมาที่นี่เลย ‘Butter UP Cafe’ คาเฟ่ที่โดดเด่นเรื่องนมและขนมปัง ตัวร้านถูกเปลี่ยนจากบ้านเก่าๆ เป็นคาเฟ่น่ารัก สไตล์อบอุ่นโทนสีขาว-น้ำตาล หากมาที่นี่ต้องลองทานเมนูหลักอย่าง Rich Cocoa โกโก้เข้มข้นที่คุณสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามใจ 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 59, 318 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 14 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • พิกัด : Butter UP Cafe
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 099-222-6144

4. Malinny Cafe

 คาเฟ่ดอนเมืองที่ถือว่าใกล้สนามบินดอนเมืองแบบสุดๆ ต้องมาที่ ‘Malinny Cafe’ เพราะที่นี่มีทั้งอาหาร และของหวานให้ทุกคนได้เลือกทานได้ตามสะดวก แนะนำให้ลองชิมเมนูขึ้นชื่อของทางร้านอย่าง ข้าวกะเพราไข่ข้น พร้อมตามด้วยเครื่องดื่มหวานๆ สีสดใสอย่าง นมเย็น 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 12 ซ. ช่างอากาศอุทิศ 5 แยก 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : Malinny Cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 086-383-2580
ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe

5. ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe

คาเฟ่แนวอบอุ่น น่ารักๆ ที่เนรมิตมาจากบ้านพักอาศัยให้กลายเป็นคาเฟ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เรียกว่าเป็นความธรรมดาที่แสนจะลงตัว ต้องแวะมาที่ลองที่ ‘ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe’ พร้อมทานเมนูขายดีประจำร้านอย่าง ขนมปังปิ้งสังขยาทูโทน ที่เสิร์ฟสังขยาทั้งสองสี สีน้ำตาลส้มและสีเขียว ให้คุณได้เลือกจิ้มทานกับขนมปังนึ่งหอมกรุ่น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 34 ซอยประชาอุทิศ 5 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : บ้าน 34 Home Cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันศุกร์-พุธ (หยุดทุกวันพฤหัสบดี) เวลา 07.30-18.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 095-657-4689

6. Manna craft fe’

สำหรับใครที่อยากทานกาแฟแล้วรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน ต้องห้ามพลาด! ‘แมนนาคราฟ แอนด์ คาเฟ่’ คาเฟ่ที่ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านด้วยโทนสีขาวสะอาด พร้อมประดับต้นไม้เขียวขจี ให้ความรู้สึกเบาสบาย พร้อมเลือกทานเครื่องดื่มสมูทที หรือเลือกทานกาแฟก็อร่อยทุกเมนู และสำหรับใครที่สายกาแฟเข้มๆ สามารถสั่งเพิ่มกาแฟได้อีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 36, 13 ซอยประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-20 นาที
  • พิกัด : Manna Craft fe’ แมนนาคราฟ แอนด์ คาเฟ่
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์-พุธ) เวลา 10.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 083-108-5999
โอชากาแฟ

7. โอชากาแฟ

อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นโทนคลาสสิก ได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ต้องแวะมาที่ ‘โอชากาแฟ’ คาเฟ่ดอนเมืองที่คงบรรยากาศภายในร้านแบบยุค 90s ให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต หากใครที่แต่งตัวแนววินเทจ แล้วอยากได้รูปสวยๆ กลับไป ขอบอกเลยว่าสามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมของร้าน เพราะมุมสวยๆ เยอะมาก อีกทั้งกาแฟก็รสชาติดี สามารถบอกระดับความหวานที่ต้องการได้อีกด้วย 

  • ที่อยู่ : ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : โอชากาแฟ | 噢 茶 咖 啡
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 08.00-16.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 098-552-3636

8. COK Cream of The Koff

คาเฟ่ที่มองเห็นโดดเด่นเป็นสง่าตั้งแต่หน้าร้าน เพราะร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวสว่าง ใครที่ชอบรูปขาวๆ คลีนๆ ต้องพลาดไม่ได้กับคาเฟ่ดอนเมืองชื่อดัง ‘COK Cream of the Koff’ คาเฟ่ที่จัดมาครบทั้งอาหารคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ขอแนะนำให้ลองทานเมนูติดดาวอย่าง เอสเพรสโซ่เย็น หวานน้อย เมนูแนะนำที่สายกาแฟจะรู้สึกหอมกลิ่นกาแฟ กลมกล่อมด้วยรสชาติ อย่าพลาดที่จะไปลองชิมด้วยตนเอง

  • ที่อยู่ : เลขที่ 50/042 ถนนเอกทักษิณ ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
  • ใกล้สนามบิน :  ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที
  • พิกัด : COK Cream of The Koff
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-00.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 084-141-8664
Long Dog Coffee and Bakery

9. Long Dog Coffee and Bakery

‘Long Dog Coffee and Bekery’ คาเฟ่ดอนเมืองน่ารัก สบายๆ ที่เป็นร้านเล็กๆ แต่ดูสงบ ตัวตึกทำจากปูนสีขาว พร้อมตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเงียบ อยากนั่งชิลๆ เพื่อผ่อนคลาย ขอแนะนำให้ลองทานขนมโฮมเมดที่เจ้าของร้านลงมือทำเอง หรือเลือกทานลาเต้เย็น เมนูเด็ดของทางร้านที่ให้รสชาติอร่อย กลมกล่อม พร้อมสูดกลิ่นกาแฟหอมๆ ระหว่างทาน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 52/454 หมู่บ้านเมืองเอก ถนนเอกทักษิณ 7 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • พิกัด : Long Dog Coffee and Bakery
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-วันพฤหัสบดี (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-17.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 083-303-1370

10. Koi Cafe DonMuang

คาเฟ่ดอนเมืองแนวเรียบๆ มินิมอล แต่ดูอบอุ่น เสิร์ฟพร้อมของหวานหลายชนิดให้คุณได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นโทสต์ วาฟเฟิล หรือชา กาแฟก็มีครบ ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบเป็นกันเอง เพราะเป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่เจ้าของร้านลงมาบริการด้วยตนเองเลยทีเดียว

  • ที่อยู่ : เลขที่ 22, 77 ซอยวิภาวดีรังสิต 35 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
  • พิกัด : Koi Cafe Don Mueang
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-20.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 061-659-2295
Sero Specialty Coffee

11. Sero Specialty Coffee

คาเฟ่ดอนเมืองลับๆ ที่หลายๆ คนยังไม่รู้จัก ‘Sero Speciality Coffee’ คาเฟ่คุมโทนสีเหลืองอ่อนตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีดำ พร้อมตัดแสงด้วยไฟโทนเหลืองส้ม ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูเท่  แต่ยังรู้สึกสบายตา พร้อมทานกาแฟที่ชงจากบาริสต้ามากประสบการณ์ ใครที่อยากชิมกาแฟแบบใหม่ๆ หรืออยากรู้เรื่องชนิดกาแฟ การเลือกเมล็ดกาแฟ ก็สามารถพูดคุยกับบาริสต้าได้เลย เพราะที่นี่เขารู้ลึก รู้จริง!

  • ที่อยู่ : เลขที่ 310 341 ซอยสรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : Sero Specialty Coffee
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-วันอังคาร (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 081-359-6149

12. Xten Cafe

‘Xten Cafe’ เป็นคาเฟ่ดอนเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณถนนสายไหม จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นคาเฟ่ที่รวมกาแฟหลายชนิดเอาไว้ ให้คุณได้เลือกทานกาแฟมากกว่า 10 ชนิด และสำหรับใครที่สนใจเมนูขายดีติดดาว ต้องลองชิม Dirty Espresso กาแฟเอสเปรสโซคั่วเข้มสูตรเฉพาะของทางร้านที่รับรองว่าโดนใจสายกาแฟแน่นอน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 390/1 โครงการวิลเลจสายไหม ห้อง A1 ถนนสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที
  • พิกัด : Xtencafeสายไหม
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 06.30-16.00 น. โดยในวันเสาร์-อาทิตย์จะเปิดเวลา 08.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 063-589-2561
The Leisurely House

13. The Leisurely House

เปลี่ยนบรรยากาศจากคาเฟ่ดอนเมืองชิกๆ เป็นคาเฟ่ดอนเมืองสไตล์บริติชแบบผู้ดีอังกฤษ ให้ความรู้สึกหรูหรา อลังการเหมือนอยู่ต่างประเทศ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์อังกฤษทั้งร้าน ให้คุณได้ถ่ายรูปแบบจัดเต็ม พร้อมทานเมนูชื่อดังของร้านอย่าง Signature Drink Cookie & Cream ให้คุณได้สัมผัสรสชาติหวานอร่อยที่บอกเลยว่าสายหวานจะต้องชอบแบบสุดๆ ทานคู่กับเค้กช็อกโกแลตลาวา หรือลองทานกับครัวซองต์ก็ยิ่งอร่อย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 109 ถนนประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที
  • พิกัด : The Leisurely House
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-553-0632

14. AS SOON AS POSSIBLE

ใครที่อยู่เขตสายไหมคงเคยสะดุดตากับคาเฟ่สุดเท่อย่าง ‘As soon as possible’ คาเฟ่ดอนเมืองสไตล์ลอฟท์ที่ตกแต่งแบบดิบๆ เน้นโทนสีดำ ภายในร้านเพิ่มความเป็นลอฟท์ด้วยการโชว์ผิวพื้นปูนเปลือยที่ปราศจากการตกแต่งใดๆ เรียกได้ว่าเป็นคาเฟ่สุดชิกที่ดีทั้งบรรยากาศ รสชาติของอาหาร และเครื่องดื่ม แนะนำให้ลองชิมเมนูสุดเก๋จากทางร้านอย่าง Es x Kiwi ที่นำน้ำกีวีมาผสมกับกาแฟเอสเปรสโซ ให้ความรู้สึกหอม หวานอมเปรี้ยว สดชื่นตั้งแต่ชิมครั้งแรก

  • ที่อยู่ : เลขที่ 147/17, อนุสาวรีย์, เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที
  • พิกัด : AS SOON AS POSSIBLE
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09.30-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 084-506-4565
A Hundred Kilo. - Brew & Bake

15. A Hundred Kilo. – Brew & Bake

คาเฟ่แนววินเทจที่เน้นตกแต่งด้วยสีน้ำตาลเป็นหลัก เป็นคาเฟ่ดอนเมืองขนาดเล็กแต่คุณภาพล้น เรียกได้ว่าเป็นร้านลับแต่รวมของดี ภายในร้านบรรยากาศอบอุ่น เครื่องดื่มก็อร่อย อีกทั้งเบเกอรีก็ยังรสชาติเยี่ยม ขอแนะนำให้ลองสั่งเค้กหน้าใดก็ได้มาลองชิมก็จะติดใจ เรียกได้ว่า คาเฟ่แห่งนี้ขนมอร่อยพิเศษใส่ไข่ไม่ธรรมดา และที่นี่ยังเป็นโรงเรียนสอนทำขนมอีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 5 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : A Hundred Kilo.—Brew&Bake
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-17.30น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-17.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-159-4651

16. eXcoffee

แค่ชื่อก็ไม่ธรรมดาแล้วอย่าง ‘eXcoffee’ คาเฟ่ดอนเมืองที่เน้นคอนเซปต์ ‘extraordinary coffee made my day :-)’ หรือสรุปง่ายๆ ว่าเป็นความแตกต่างที่แสนพิเศษ ให้ผู้ที่ได้แวะมาชิมเครื่องดื่มของทางร้าน รู้สึกประทับใจกับบริการ และรสชาติของเครื่องดื่ม จนทำให้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดีของคุณลูกค้าแน่นอน ขอบอกว่าเครื่องดื่มภายในร้านมีทั้งสูตรกาแฟ ไม่มีกาแฟ หรือใครที่ชอบสมูททีก็สามารถแวะมาลองชิมได้เช่นกัน  

  • ที่อยู่ : เลขที่ 222 5 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5.7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : eXcoffee ดอนเมือง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07.30-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 064-241-9559
20 Home cafe

17. 20 Home cafe

‘20 Home cafe’ ร้านคาเฟ่ดอนเมืองขนาดเล็กในซอยสรงประภา 28 เข้ามาไม่ลึกมากจะพบกับคาเฟ่น่ารักๆ แนวมินิมอลที่ตกแต่งด้วยผนังสีขาว ตัดด้วยประตูกระจกกรอบดำ ภายในจะมีโต๊ะเล็กๆ สีน้ำตาลตั้งอยู่ เรียกว่าคาเฟ่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องตกแต่งเยอะ หรือไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ดว้าง ก็สวยได้ แนะนำให้ลองสั่งเมนูเครื่องดื่มแบบปั่นของทางร้านอย่างโกโก้ภูเขาไฟ หรือจะชาแดงใส่นมก็ถือว่าอร่อยกลมกล่อมทั้งนั้น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 20 ซอยสรงประภา 28 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : 20 Home cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.00 น. ยกเว้นวันเสาร์-วันอาทิตย์ เปิดเวลา 09.00-16.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 081-813-4111

18. Damnlicious (Home Cafe)

คาเฟ่ดอนเมืองลับๆ ที่ตกแต่งแบบไม่ซ้ำใคร เน้นสีไม้ พร้อมตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ต่างประเทศ ขอแนะนำเครื่องดื่มชื่อดังของทางร้านอย่าง Sparkling Americano กาแฟอเมริกาโนสูตรพิเศษจากทางร้าน หรือลองทานเมนูยอดนิยมอย่างชาไทยที่ให้ความรู้สึกหอมหวาน กลมกล่อมไปกับชาเข้มข้นที่ตัดด้วยความมันของนม รับรองว่าถูกใจสาวกชากาแฟแน่นอน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 10 ซอย เทิดราชัน 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : Damnlicious (Home Cafe)
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 07.30-17.30 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)
  • เบอร์ติดต่อ : 065-695-9788

19. At ล้าน๑คอฟฟี่

สายกาแฟที่กำลังหาของกินดอนเมืองอร่อยๆ อยู่ต้องแวะมา ‘At ล้าน๑คอฟฟี่’ ซึ่งเป็นคาเฟ่เล็กๆ โทนสีขาวสะอาด ตกแต่งกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกสบายตา ที่คาเฟ่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟหอมมาก เพราะใช้กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ให้สายกาแฟได้แวะจิบกาแฟเข้มๆ พร้อมขนมหวานหลากหลายเมนูภายในร้าน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 349 ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : @ล้าน๑คอฟฟี่
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06.00-20.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-059-3182
นม ๖

20. นม ๖

ของกินดอนเมืองอร่อยๆ ที่สายหวานจะต้องรู้จักกับร้าน ‘นม ๖’  ร้านของหวานชื่อดังที่รวมเมนูของหวานไว้มากมาย ทั้งบิงซู โทสต์ ขนมปังปิ้งหน้าต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มปั่น พร้อมอาหารว่างอย่างเฟรนซ์ฟรายก็มีมาแล้ว เรียกได้ว่าร้านนี้มีทั้งพื้นที่กว้างขวาง เมนูหลากหลาย เป็นคาเฟ่ที่ยืนหนึ่งเรื่องของหวานย่านนี้เลย

  • ที่อยู่ : แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5.6 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : นม ๖ • ดอนเมือง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 13.00-21.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 02-086-8048

21. R KOO Cafe’

‘R KOO Cafe’ คาเฟ่ดอนเมืองบรรยากาศสบายๆ ที่เน้นโทนสีน้ำตาล เพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยการนำดอกไม้สวยๆ เข้ามาประดับภายในร้าน ขอบอกว่าคาเฟ่ดอนเมืองแห่งนี้ เป็นที่ที่รวมเมนูเครื่องดื่มไว้หลายแบบ ทั้งกาแฟ สมูทที ชา นม ฯลฯ มีให้เลือกทานตามต้องการ พร้อมของหวานเมนูเด็ดอย่างฮันนี่โทสต์ที่จะเติมความหวานให้กับทุกๆ คน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 570 สีกัน 306 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : RKOO COFFER & FLOWER
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 02-047-0304

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

เดินทางกลับมาจากทริป ต้องออกไปทำธุระทำงานต่อ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปมาให้เหนื่อย เพราะมีบริการรับฝากและขนส่งสัมภาระของ แอร์พอเทลล์ บริการรับฝากกระเป๋า จัดส่งกระเป๋าถึงโรงแรมหรือจะให้จัดส่งไปที่บ้าน หรือจะฝากกระเป๋าไว้ก่อน ก็สามารถไปรับกระเป๋าได้ตลอด 24 ชม. สะดวกสบายมากๆ สามารถออกไปทำธุระต่อไปได้แบบชิลๆ หรือจะไปรับตามจุดให้บริการต่างๆในกรุงเทพก็ได้เช่นกัน . 

  •  ฝากสัมภาระให้บริการทุกเค้าเตอร์ของแอร์พอเทลล์เริ่มต้นเพียง 20,40 บาท/ชั่วโมง (ใบเล็ก/ใบใหญ่) หรือ 100 บาท/วัน 
  • บริการขนส่งสัมภาระ ระหว่าง (สนามบิน – ห้าง – โรงแรม) เริ่มต้น 299บาท/ใบ (ไม่เกิน25KG) 
  • บริการขนส่งสัมภาระไปยังต่างจังหวัด เริ่มต้นที่ 349 บาท (น้ำหนักไม่เกิน 15KG)
  • พิกัด : สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

สรุป

ไม่ว่าคุณต้องเดินทางไป หรือกลับจากสนามบินดอนเมือง การเลือกแวะหาของกินดอนเมืองอร่อยๆ หรือแวะคาเฟ่ดอนเมือง ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้พักผ่อน คลายความเหนื่อยล้า ชมบรรยากาศสวยๆ จิบกาแฟแสนอร่อยจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายก่อนการเดินทางครั้งใหม่ ทั้งนี้ หากใครที่รอเวลาต่อเครื่อง หรือเพิ่งลงเครื่องเสร็จแล้วอยากแวะเที่ยวต่อเลย โดยไม่อยากแบกสัมภาระให้ลำบาก Airportels ขอแนะนำบริการฝากกระเป๋าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ให้คุณได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิน เที่ยว ชอป หรือหากใครที่ไม่สะดวกกลับมาที่สนามบิน สามารถเลือกใช้บริการส่งกระเป๋า กับทาง AIRPORTELs ที่เคาท์เตอร์บริเวณประตู 9 อาคารผู้โดยสาร 2 แล้วให้ไปส่งถึงโรงแรมได้เลย รับรองว่าปลอดภัย อีกทั้งยังอุ่นใจเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะทาง AIRPORTELs มีประกันการสูญหายอีกด้วย