เชียงใหม่มาแบบใหม่ สำรวจเมืองเก่าและสถานที่ท่องเที่ยวกับบริการจุดเจ๋ง!

การท่องเที่ยวเชียงใหม่สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงอาจจะเป็นวิวทิวทัศน์บนดอยที่สวยงาม ทุ่งดอกไม้​ไร่สตรอว์เบอร์รีและการสัมผัสวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ หรือจะเป็นแกลลอรี่​ คาเฟ่ศิลปะสุดอาร์ต​ ร้านกาแฟ​ และแหล่งช็อปปิง แต่ถ้าหาก​ใครอยากจะสัมผัสเชียงใหม่ในมุมมองของเมืองหลวงแห่งล้านนาในอดีต​ เชียงใหม่ก็ยังคงมีโบราณสถาน ร่องรอยอารยธรรมและศิลปะเก่าแก่ ที่ยังคงความสวยงามได้รับการบูรณะและรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี​ บทความนี้จึงอยากจะชวนสำรวจเชียงใหม่ในมุมมองแบบย้อนยุคล้านนา ไปเที่ยวชมเมืองเก่า พร้อมกับบริการสุดเจ๋งที่จะช่วยให้คุณท่องเที่ยวได้อย่างราบรื่นและสนุกยิ่งกว่าเดิม

สัมผัสเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมภาคเหนือไทย 

ภาคเหนือ​ “เชียงใหม่” เป็นหนึ่งในจังหวัดที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทุกยุคสมัย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของภาคเหนือเหล่านี้

หากนึกถึงโบราณสถานในแถบภาคเหนือ​  หลายคนอาจจะนึกเห็นภาพเกี่ยวกับศิลปะล้านนา เนื่องจากในอดีตแถบภาค​เหนือของไทยคืออาณาจักรล้านนา​ และจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นเมืองหลวงแห่งล้านนาในอดีต​ เราจึงสามารถพบร่องรอยของโบราณ​สถานโบราณวัตถุในหลาย ๆ​ พื้นที่​ อย่างเช่นที่​ กำแพงเมืองรอบเชียงใหม่​หรือประตูท่าแพ​ ที่จะก่อด้วยอิฐแดง​ เป็นกำแพงเมืองเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรูในอดีต​ หรือวัดวาอารามต่าง ๆ​ ที่มีศิลปะแบบเฉพาะของช่างชาวเหนือที่มีลวดลายอ่อนช้อยต่างจากภาคอื่น ๆ​ รวมถึงหลายพื้นที่ยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตเอาไว้​ เราจะได้เห็นทั้งการแต่งกาย​ของผู้คน​ บ้านเรือน​ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะท้อนออกมาทางศิลปะภาพเขียนฝาผนังในสถานที่สำคัญต่าง ๆ

อาหารเหนือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนวัฒนธรรมความเป็นอยู่ได้อย่างชัดเจน​ เนื่องด้วยภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจึงทำให้อาหารของทางภาคเหนือนั้นส่วนใหญ่มีไขมันมาก เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาว อีกทั้งอาหารเหนือนั้นจะเน้นไปทางผักพื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่​ ทั้งยังมีการผสมผสานรวมเอาวัฒนธรรมการกินของหลายกลุ่มชาติพันธุ์เอาไว้น​ ที่ยังคงเอกลักษณ์และรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ด้วย​ ซึ่งอาหารขึ้นชื่อของทางเหนือ​ อย่างเช่น​ ไส้อั่ว​ น้ำพริกอ่องน้ำพริกหนุ่ม​ ข้าวซอย​ และแกงฮังเล​ เป็นต้น

 เริ่มกันที่หมู่บ้านร่มบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง คือสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่เป็นสถาน​ที่​ที่ชาวบ้านจะได้โชว์ศักยภาพฝีมือในการเพ้นท์ลวดลายของร่มให้นักท่องเที่ยวได้เห็น เพื่อเป็นของฝากและที่ระลึกจากเชียงใหม่​ นอกจากนั้นยังมีศิลปหัตถกรรมอื่น ๆ​ ของทางภาคเหนือ อย่างเช่น​ เครื่องเงิน ผ้าทอ ถ้วยชามเซรามิก ซึ่งงานศิลปะและหัตถกรรมต่าง ๆ​ เหล่านี้ล้วนมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของทางภาคเหนือสอดแทรกเอาไว้อยู่เสมอ

เที่ยวเชียงใหม่ทั้งทีนั้นมีดีอยู่มากมาย แค่เดินเที่ยวในเมืองก็เที่ยวจนเพลิน​จุใจ​ และต้องใช้เวลาหลายวัน​ ซึ่งใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ต้องขอบอกว่าห้ามพลาดที่จะไปยังสถานที่เหล่านี้

วัดพระสิงห์วรมหาวิหารหรือหลายคนเรียกกันในชื่อวัดพระสิงห์​ สร้างขึ้น เมื่อราว ๆ​ พ.ศ 1888 โดยพญาผายู ซึ่งพระองค์ท่านเป็นกษัตริย์ของเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 5 ของราชวงศ์มังราย​ วัดพระสิงห์มีพระพุทธรูปสำคัญประดิษฐานอยู่นั่นก็คือ​ พระพุทธสิหิงค์  ถือเป็นพระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ลงรักปิดทอง เป็นศิลปะเชียงแสนในยุคแรก ๆ ลักษณะองค์พระงดงาม เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงใหม่ ​ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นขบวนแห่รอบเมืองเพื่อให้ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวได้สรงน้ำ​เพื่อ​เป็นสิริมงคล 

วัดพระธาตุดอยสุเทพ​ วัดคู่บ้านคู่เมืองที่เป็นสัญลักษณ์​ของเมืองเชียงใหม่  ถึงขนาดที่มีคำกล่าวว่า​ หากมาเที่ยวเชียงใหม่แล้วไม่ได้ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ​ ก็เปรียบเสมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่​ โดยความเชื่อเรื่องการสักการบูชาองค์พระธาตุดอยสุเทพนั้น เชื่อว่าหากใครได้ไปสักการะสักครั้งจะมีแต่ความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา​ รวมถึงช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างได้อย่างแคล้วคลาดปลอดภัย  ซึ่งในทุก ๆ​ ปีจะมีประเพณีเตียวขึ้นดอยเพื่อ​ สักการะองค์พระธาตุดอยสุเทพ โดยจะจัดขึ้นในช่วงก่อนหน้าวันวิสาขบูชา 1 คืน​ ภายในงานจะมีขบวนแห่สรงน้ำพระธาตุเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมขบวนแห่ขึ้นดอยมีความร่มเย็นในชีวิต

“ถนนท่าแพ” แหล่งรวมวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของความเป็นเชียงใหม่แท้ ๆ​ เอาไว้​  ที่นี่เป็นศูนย์รวมของย่านการค้าและธุรกิจ​ดึงดูดนักท่องเที่ยว​  เนื่องจากบริเวณนี้มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงามวัดวาอารามที่ยังคงเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี​ และเป็นที่รู้กันดีว่าบริเวณถนนท่าแพที่ประตูท่าแพในยามค่ำคืนนั้นถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นถนนคนเดิน สินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นถิ่นของเชียงใหม่จะมารวมกันอยู่ที่นี่ให้นักท่องเที่ยวได้เดินช็อปปิงชิล ๆ​ เพื่อลิ้มรสของอร่อยรวมถึงเลือกซื้อสินค้าพื้น​เมืองไว้เป็นที่ระลึกและกลับไปฝากคนที่บ้าน

บริการสุดเจ๋งที่จะเข้ามาช่วยการท่องเที่ยวเชียงใหม่ของคุณง่ายขึ้น 

เที่ยวเชียงใหม่ในยุค 4.0 เช่นนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะแบกกระเป๋าใบใหญ่หรือหิ้วสัมภาระรุงรังอีกต่อไป​เพราะทุกวันนี้มีบริการรับฝากของและบริการขนส่งกระเป๋าและสัมภาระส่งตรงถึงเชียงใหม่ไว้ให้บริการแล้ว​ ซึ่งบริการนี้เป็นของ​ AIRPORTELs​ ที่มีบริการด้วยกัน 2 แบบ​ คือ บริการรับฝากกระเป๋าสัมภาระและบริการขนส่งกระเป๋าและสัมภาระ

มีให้บริการแล้วที่เซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ประตู 3 เปิดให้บริการตั้งแต่ 11:00 น. ถึง 21:00 น.​ ของทุกวัน​ ซึ่งบริการรับฝากกระเป๋านี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมาก ๆ​ ที่จะช่วยให้คุณได้เดินชอปปิงและเลือกซื้อของฝากอย่างสบายใจไม่ต้องหอบหิ้วของหรือกระเป๋าใบใหญ่ ๆ

การเดินทางท่องเที่ยวในเชียงใหม่นั้นไม่ต้องกังวลแต่อย่างใดหากคุณไม่ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพราะการเดินทางในเชียงใหม่นั้นแสนสะดวกสบายมีบริการขนส่งสาธารณะให้เลือกหลากหลายดังต่อไปนี้

1. รถเมล์เชียงใหม่ หรือ RCT Chiang Mai City Bus เป็นรถประจำทางปรับอากาศ มีด้วยกันอยู่หลายเส้นทาง เป็นรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กแบบ 20 ที่นั่งมีจำนวนทั้งหมด 5 คัน​ อัตราค่าโดยสาร 30 บาทตลอดสาย

2. รถแดงแบบเหมา นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถแดงแบบเหมา ราคาตามแต่ตกลงกัน เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในเชียงใหม่ทั้งในตัวเมืองรวมถึงต่างอำเภอได้

3. รถแดงแบบโบกจอดตามจุด​ รถแดงจะวิ่งวนอยู่ภายในตัวเมืองเชียงใหม่​ หากนักท่องเที่ยวไม่ต้องการใช้บริการแบบเหมา​ ก็สามารถรอโบกเรียกรถตามจุดต่าง ๆ​ เพื่อไปลงตามจุดที่ต้องการได้เลย

เที่ยวเชียงใหม่เที่ยวได้ตลอดปีไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน​ ก็น่าเที่ยวและสวยงามได้บรรยากาศแตกต่างกันออกไป และการท่องเที่ยวในเชียงใหม่นั้นแสนสะดวกสบาย ทั้งการเดินทางที่สะดวกรวมถึงบริการฝากกระเป๋าและขนส่งกระเป๋า จาก AIRPORTELs​ ก็ได้ขยายสาขามาถึงเชียงใหม่แล้ว ถือเป็นหนึ่งในบริการทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของหลายคน เพื่อให้คุณได้เดินเที่ยวอย่างสบายใจไร้กังวลด้วยรูปแบบการรับฝากกระเป๋าที่ได้มาตรฐาน ให้คุณเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินไม่ต้องกังวลกับสัมภาระ​ใบใหญ่ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวของคุณให้มีความสุขมากยิ่งขึ้นได้

ที่มาของข้อมูล

เสน่ห์ของเชียงใหม่แต่ละฤดูเป็นไงบ้าง วางแผนเตรียมตัวเที่ยวล่วงหน้าไว้ได้เลย

“ตกหลุมรักเชียงใหม่” ประโยคนี้ไม่เกินจริง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ในครั้งแรก​ เพราะหลงเสน่ห์เมืองเหนือเมืองหลวงแห่งล้านนาในอดีต เพราะว่าเชียงใหม่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี​ ไม่ว่าจะเป็นใน​ ฤดูร้อน​ ฤดูฝน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวที่​จะมีนักท่อง​เที่ยวเดินทางไปเชียงใหม่มากเป็นพิเศษ​ เนื่องจากว่าที่นี่มีอากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนยอดดอยที่นัก​ท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นแบบเต็ม ๆ​ ชมวิวทิวทัศน์​ที่เขียวขจี​ ได้ทานอาหารอร่อยและซึมซับวัฒน​ธรรม​​ของที่นี่​  ที่หลายคนรับรองต้องติดใจอย่างแน่นอน​ บทความนี้จึงอยากจะชวนท่องเที่ยวเชียงใหม่ในฤดูต่าง ๆ​ ที่รับรองว่าไม่ซ้ำจำเจ​ ได้ความรู้สึกและรสชาติที่แตกต่างกันออกไปและจะทำให้คุณหลงรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่หลายคนจะได้หยุดพักผ่อนพักร้อน​ ว่างเว้นจากการทำงาน หลบหนีงานที่วุ่นวายเพื่อไปคลายร้อนเติมพลัง และหากคุณวางแผนจะไปเที่ยวเชียงใหม่ขอแนะนำสถานที่คลายร้อนเหล่านี้

1. ห้วยตึงเฒ่า​  

ต.ดอนแก้ว​ อ.แม่ริมอ่างเก็บน้ำกว้างใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติ​ ​ สามารถมาทำกิจกรรมคลายร้อน​ ไม่ว่าจะเป็น​ เรือพาย​ จักรยานน้ำหรือบริการเช่าห่วงยางลงเล่นน้ำให้หายร้อน​​ หรือจะมานั่งเล่นรับลมเย็น ๆ​ ชมพระอาทิตย์ตกเพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว

  • ที่ตั้ง : อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/HQw1xPTMtx3zu1Nk6

2. วนอุทยานน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี

ต.แม่หอพระ​ ​อ.แม่แตง ที่นี่มีภูมิประเทศสวยงามมีภูเขาสูงต่ำสลับกับหุบเขาและลำห้วย​ มีป่าอุดมสมบูรณ์​ สามารถคลายร้อนด้วยการเล่นน้ำตกบัวตอง​ และชมความสวย​งามของน้ำพุเจ็ดสีที่สวยงามเปล่งประกายเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์​ 

  • ที่ตั้ง​ :  หมู่​ 8  ต.แม่หอพระ​ ​อ.แม่แตง​ ​จ.เชียงใหม่
  • พิกัด : goo.gl/maps/MTgvbGHQPKx4FP5T7

3. ล่องแพปางช้างแม่วาง

ต.แม่วิน​ อ.แม่วางนักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมล่องแพไปตามไม้ไผ่ที่ลำน้ำแม่วางเพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถใกล้ชิดและทำกิจกรรมกับช้างได้อีกด้วย

ประสบการณ์การท่องเที่ยวฤดูฝน

เชียงใหม่ฤดูฝนก็เที่ยวได้​  คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ความเขียวขจีและสดชื่นของมวลแมกไม้และธรรมชาติของเชียงใหม่ จึงเราอยากจะแนะนำที่ท่องเที่ยวดังต่อไปนี้

1. บ้านป่าบงเปียง​

ต.ช่างเคิ่งอ.แม่แจ่ม​ มา​เที่ยวบ้านป่าบงเปียงในฤดูฝน​ จะได้สัมผัสความเขียวขจีของนาขั้นบันไดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย​ ยามเช้ายังสามารถชมทะเลหมอกที่สวยงามได้อีกด้วย

  • ที่ตั้ง : ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/ScmsRkN82HuEavWy5

2. ดอยอินทนนท์​

กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง​ 4 อำเภอ​  คือ​ จอมทอง,  แม่แจ่ม, แม่วาง และดอยหล่อ หน้าฝนก็เที่ยวดอยอินทนนท์ได้ นักท่องเที่ยวจะได้บรรยากาศการเดินป่าบนดอยอินทนนท์ในบรรยากาศที่เขียวขจีและชุ่มฉ่ำ​ แถมยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์อากาศเย็น ๆ​ ที่ไม่ร้อนมากเหมาะกับการเดินป่าอย่างมาก​ แต่อย่าลืมเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย

3. สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์​

ต.แม่แรม​ อ.แม่ริม​ สามารถหลบฝนเข้ามาเดินชมต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่อาคารเรือนกระจกที่มีไม้หายากให้เราเดินถ่ายรูปไม่มีเบื่อ หรืออาจจะออกไปเดินเล่นที่ canopy walkway ในระยะทางกว่า 400 เมตร ก็ได้บรรยากาศและได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามเช่นเดียวกัน

  • ที่ตั้ง : 100 หมู่ 9 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Vc7qcDZDph6UqRTa8

ประสบการณ์การท่องเที่ยวฤดูหนาว

เชียงใหม่​ คือตัวเลือกอันดับต้นๆ​ ในช่วงฤดูหนาวที่หลายคนนึกถึง​ เพราะมาที่นี่จะได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็นและวิวธรรมชาติที่สวยงามอย่างแน่นอน

1. กิ่วแม่ปาน

ต.บ้านหลวง​ อ.จอมทอง วิวหลักล้านสถานที่ยอดนิยมในหน้าหนาว​ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ไปเที่ยวที่นี่จะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงามปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา อากาศที่เย็นสบายและวิวพาโนรามา 360 องศาที่ทุกคนติดใจ

  • ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณกิโลเมตรที่ 43 ของถนนจอมทอง-ดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง สันป่าตอง และแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/T88F2Yvzw2CRxvFC6

2. ม่อนแจ่ม

ต.แม่แรม​ อ.แม่ริม อีกหนึ่งสถานที่น่าเที่ยวสำหรับฤดูหนาว​ หมู่บ้านที่ม่อนแจ่มทำเกษตรกรรมปลูกสตรอว์เบอร์รีผลไม้ฤดูหนาวรวมถึงดอกไม้ต่าง ๆ​ ไปที่นี่จะได้สัมผัสกับอากาศหนาวและชมสีสันของดอกไม้​ พร้อมทั้งรับลมหนาวได้อย่างเพลินใจ

3. แม่กำปอง​

ต.ห้วยแก้ว​ อ.แม่ออนหมู่บ้านเล็กๆ​ ที่มีมนต์เสน่ห์​ อยู่ในหุบเขาที่เงียบสงบของเชียงใหม่​ ดั้งเดิมหมู่บ้านนี้ปลูกชาและใช้ชีวิตแบบชนบท​ แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติจึงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปที่นี่ เพื่อที่จะไปสัมผัสกับวิถีชีวิตและอากาศเย็นๆ ท่ามกลางธรรมชาติ

เตรียมตัวล่วงหน้าได้ง่ายๆ สำหรับทริปเชียงใหม่ของคุณ

การไปเที่ยวแต่ละครั้ง นักท่องเที่ยวจะต้องวางแผนการเดินทางและอีกสารพัดอย่างให้ครอบคลุมเพื่อที่จะให้การเที่ยวของคุณไม่สะดุดและเติมเต็มความสุขได้อย่างต่ำเต็มที่ ซึ่งมีวิธีการดังนี้

วิธีการเตรียมตัว

  • วางแผนการเดินทาง​ การวางแผนการเดินทางจะทำให้คุณประหยัดเวลาและเที่ยวได้ตรงตามเป้าหมาย​ โดยการกำหนดสถานที่และเช็กเส้นทาง​ ระยะทางจากจุดต่าง ๆ จะช่วยให้คุณเที่ยวได้เต็มที่​ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาสถานที่เที่ยวให้ปวดหัว
  • เลือกที่พักที่เหมาะสม​ เชียงใหม่มีที่พักหลากหลาย​ หากเป็นไปได้ควรเลือกในโซนที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณในเมือง​ อย่างเช่น​ ย่านนิมมานเหมินท์ ก็จะทำให้คุณสะดวกสบายสามารถเดินท่องเที่ยวได้อย่างเต็มอิ่มโดยไม่ต้องเดินทางไกล ๆ​ ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย
  • เตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมตามฤดูกาลและสไตล์ทริปของคุณ​ การเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมตามฤดูกาล เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ​ เพราะจะทำให้คุณสะดวกสบายในการเดินทางเดินเหินได้อย่างคล่องตัว​ หากเป็นฤดูฝนอาจจะมีการเตรียมอุปกรณ์กันฝน​เพิ่มเติม​ หรือฤดูร้อนเตรียมเสื้อผ้าที่เบาสบาย​ ในฤดูหนาวก็ควรจะเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย​ เพราะอากาศหนาวของเชียงใหม่นั้นหนาวจริงแท้แน่นอน
  • หาข้อมูลการเดินทาง​ การหาข้อมูลการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในการท่องเที่ยวต่าง ๆ​ ข้อมูลพื้นฐานของเมืองก็เป็นสิ่งที่เราควรที่จะต้องศึกษาไว้ก่อนการเดินทาง​ รวมถึงสถานที่ให้บริการรับฝากกระเป๋า หรือบริการขนส่งกระเป๋าและสัมภาระต่าง ๆ​ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางก็เป็นสิ่งที่ควรทำข้อมูล​ไว้ก่อน​ อย่างเช่น​ บริการรับฝากกระเป๋าและสัมภาระ​ รวมถึงบริการขนส่งกระเป๋าและ​สัมภาระ​ ไปยังจังหวัด​เชียงใหม่​ของ​ AIRPORTELs​ ก็มีให้บริการ​ที่เชียงใหม่​แล้ว​ ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยอำนวยความสะดวกของคุณ​ให้ราบรื่นยิ่งขึ้น

เชียงใหม่คือเมืองในฝันของหลายคน​ บางคนเพียงแค่ไปท่องเที่ยวแล้วตกหลุมรักย้ายไปอยู่เชียงใหม่ก็มี​ เพราะเชียงใหม่นั้นมีความหลากหลาย และได้ครบรสทุกสไตล์​ ค่าครองชีพไม่สูงมาก​ การเดินทางภายในตัวเมืองสะดวกรวมถึงการเดินทางจากที่อื่นไปยังเมืองเชียงใหม่ยังสามารถทำได้หลายทางอีกด้วย​ เชียงใหม่ยังเที่ยวได้ทุกฤดูกาล แต่สิ่งสำคัญก็คือ หากคุณจะไปเที่ยวในฤดูไหนก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อที่จะได้ท่องเที่ยวอย่างไม่ติดขัดและมีความสุขให้เหมาะสมกับช่วงเวลานั่นเอง

ที่มาของข้อมูล

เชียงใหม่เฮ! รถเมล์เชียงใหม่ กลับมาแล้วเจ้า แจกจุด Check-in สุดปังพร้อมวิธีการเดินทางด้วยมือเปล่า

กลับมาให้บริการอีกครั้งสำหรับรถเมล์เชียงใหม่ หลังจากต้องหยุดให้บริการในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มีให้บริการถึง 2 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ รถเมล์ RTC Chiang Mai City Bus ที่ให้บริการเดินรถภายในตัวเมืองเชียงใหม่และ รถเมล์ Hop and Go ที่ให้บริการเดินรถไปตามจุดท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และ 3 อำเภอยอดนิยมได้แก่  แม่ริม แม่ออนและเวียงกุมกาม อำเภอสารภี 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเชียงใหม่ เมืองแห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม หากมิได้เช่ารถหรือขับรถส่วนตัวมาด้วยตนเอง สามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะได้แล้ว แม้จะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวแต่การเดินทางในเมืองนั้นสะดวกสบายยิ่งนักและมีหลากหลายตัวเลือกในการเดินทาง ทั้งแบบส่วนตัวและสาธารณะ ได้แก่

  • แท็กซี่หรือGrab

บริการรถแท็กซี่และรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน Grab เปิดให้บริการอย่างแพร่หลายในจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มความสะดวก สบายและความรวดเร็วให้แก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนมาก แต่อาจจะมีค่าบริการที่สูงกว่าตัวเลือกอื่น ๆ แต่ถ้าแลกมากับความสะดวก รวดเร็วก็ถือว่าคุ้มค่ามาก ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ

  • รถแดงสองแถว

รถแดงสองแถว ถือเป็นรถโดยสารสาธารณะประจำทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองเชียงใหม่ ค่าบริการไม่แพง แต่เส้นทางที่ใช้บริการอาจไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งหากคิดราคาเหมาอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง 

  • รถเมล์เชียงใหม่

รถเมล์เชียงใหม่ เป็นบริการที่เปิดตัวได้ไม่นานและปิดให้บริการในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งพร้อมเส้นทางที่มากขึ้นและครอบคลุมเกือบทุกแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่และบางอำเภอที่นักท่องเที่ยวนิยมไป จุดเด่นตรงที่ค่าบริการไม่แพง ไม่ต้องต่อรถหลายสาย สามารถนั่งชมวิวเมืองได้ตลอดทั้งวัน

ขอบคุณรูปภาพจาก : The New RTC Chiang Mai City Bus

ที่ให้บริการเส้นทางภายในตัวเชียงใหม่ มีด้วยกัน 6 สาย ประกอบไปด้วย

22 สายสีเหลือง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล-ขนส่งอาเขต-ขนส่งช้างเผือก-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

สายสีส้ม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิ่งเป็นวงกลมสลับสาย 22 สีส้ม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-ขนส่งช้างเผือก-ขนส่งอาเขต-ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล

24 สายสีแดง ท่าอากาศยานเชียงใหม่-เมืองเก่า-ตลาดวโรรส-ท่าอากาศยานเชียงใหม่

  • New Route 1 ท่าอากาศยานเชียงใหม่-เมืองเก่า-ขนส่งอาเขต-ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล
  • New Route 2 ประตูท่าแพ – วัดพระสิงห์
  • New Route 3 ประตูช้างเผือก – ประตูเชียงใหม่
  • New Route 4 คูเมืองชั้นใน

จะเห็นว่าแต่ละเส้นทางครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ ๆ ในตัวเชียงใหม่ โดยในส่วนของ New Route 1 – New Route 4 กำลังอยู่ในช่วงขอดำเนินการอนุญาตเดินรถ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในจุดเชื่อมต่อเมืองเชียงใหม่ให้เป็นหนึ่งเดียว

ขอบคุณรูปภาพจาก : Hop and Go 

Hop and Go เป็นรถเมล์ที่ให้บริการจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่และไปยัง 3 อำเภอยอดนิยมอย่าง แม่ริม แม่ออนและเวียงกุมกาม อำเภอสารภี ซึ่งที่สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย โดยแต่ละสายมีเส้นทางเดินรถดังนี้

  • HG1 สายสีชมพู เชียงใหม่-แม่ริม

เริ่มต้นจากเซนทรัลเชียงใหม่ (เซนเฟส) -วัดป่าดาราภิรมย์ -ไทเกอร์คิงดอม -สีมา การ์เดน-333 สนามยิงปืน / 333 shooting Ran-เอ็กซ์ เซ็นเตอร์ เชียงใหม่-สวนสัตว์แมลงสยาม-อารมณ์ออร์คิด-ปางช้างแม่สา-สวนพฤกษศาสตร์-ร้านอาหารโป่งแยงแอ่งดอย-7-11 ตำบลโป่งแยง

  • HG2 สายสีน้ำเงิน เชียงใหม่-แม่ออน

ศูนย์การค้าเมญ่า-วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง-พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่-เซนทรัลเชียงใหม่-อาร์ต อินพาราไดซ์-เชนู-เอ็ม สปอร์ต คอมเพล็กซ์-กระดาษคาเฟ่-ศูนย์หัตถกรรมบ่อสร้าง-พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม-นาซีจําปู / Nasi Jumpru Restaurant-โรสมาเนีย-ม่อนพญานาคราช-สคุกก้า ฟาร์ม-เซนส์ ฮ็อต สปริง แอนด์ เวลเนส-น้ำพุร้อนสันกำแพง-ม่อนกุเวร 

  • HG3 สายสีเขียว เชียงใหม่-เวียงกุมกาม

เริ่มต้นจากน้ำตกห้วยแก้ว/อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย-ร้านนมห้วยแก้ว-เดอะวอลล์ พลาซ่า-วันนิมมาน-สวนสุขภาพสมเด็จย่า-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี-อุทยานหลวงราชพฤกษ์-ลานจอดรถวัดพระธาตุดอยคำ-เดอะแคมป์มวยไทยรีสอร์ท-ร้านอาหาร ข้าวเม่า-ข้าวฟ่าง-เวียงกุมกาม-สถานธรรมไท่หลินฝอเอี้ย (ศาลเจ้าแม่กวนอิม) 

  • HG4 สายสีแดง เส้นทางรอบเมือง 

เริ่มต้นจาก เซนทรัลเชียงใหม่-สถานีขนส่งเชียงใหม่-สถานีรถไฟเชียงใหม่-อาคารอนุสาร-วัดราชมณเฑียร-โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่-สวนสุขภาพสมเด็จย่า-นิมมานพรอมินาด-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-สวนสัตว์เชียงใหม่-น้ำตกห้วยแก้ว-วัดเจ็ดยอดพระอารามหลวง-พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่และสิ้นสุดที่เซนทรัลเชียงใหม่ 

เดินทางง่ายยิ่งขึ้นด้วยบริการฝากกระเป๋าและสัมภาระเชียงใหม่

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางแบบตัวเบา ไม่ต้องแบกกระเป๋าเดินทางหรือมีสัมภาระเยอะเกินกว่าจะพกพาไปด้วยตลอดเวลา AIRPORTELs ยินดีให้บริการรับ-ส่งกระเป๋าเดินทางและสัมภาระไปยังโรงแรมที่พักหรือรับฝากกระเป๋าเพื่อให้คุณได้รับความสะดวก สบายในการเดินทาง โดยทาง AIRPORTELs เปิดให้บริการที่สนามบินเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถจองใช้งานผ่านเว็บไซต์ก่อนวันเดินทางได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความคล่องตัวในการเดินทางโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระที่พกพายากอีกต่อไป

ที่มาข้อมูล

เที่ยวเชียงใหม่ทั้งที แจกจุดฝากกระเป๋าง่ายๆ ใกล้สนามบิน

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาจึงทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง พร้อมเสน่ห์ของประเพณีและวัฒนธรรมที่สวยงามสามารถที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากเอาไว้ได้ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวและฤดูหนาวของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวจำนวนมาก แต่การที่จะเที่ยวเมืองเชียงใหม่ให้สะดวก ปลอดภัยและตอบโจทย์ที่สุดนั้น มีปัจจัยใดบ้างไปดูกัน 

วิธีการเดินทางท่องเที่ยวเชียงใหม่

การที่จะเดินทางไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้นั้นประกอบไปด้วย 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ใช้รถยนต์ส่วนตัวและบริการขนส่งสาธารณะ ในที่นี้จะกล่าวถึงการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ มีด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่ 

  •  การเดินทางด้วยเครื่องบิน เป็นวิธีการเดินทางที่ใช้เวลาสั้นที่สุด สะดวก รวดเร็ว แต่ราคาสูง ซึ่งสนามบินนานาชาติเชียงใหม่รองรับเที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศ  
  • การเดินทางด้วยรถไฟ เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างประหยัดกว่าการเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่ใช้เวลานาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศสองข้างทางระหว่างเดินทาง ซึ่งสถานีรถไฟเชียงใหม่จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง
  • รถโดยสารประจำทาง ราคาถูก มีหลายสายให้เลือก ใช้เวลาเดินทางนานอาจพอ ๆ กับรถไฟ 

วางแผนท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่

  • กำหนดจุดหมายปลายทาง ก่อนที่จะเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ ควรกำหนดจุดหมายปลายทางที่แน่ชัดเสียก่อนว่าต้องการจะไปเที่ยวชมสถานที่ใดบ้าง เช่น ดอยอินทนนท์ วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระสิงห์ ตลาดนัดคนเดิน ฯลฯ เพื่อวางแผนการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่คือช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) และช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น สงกรานต์ เป็นต้น
  • เลือกที่พัก จังหวัดเชียงใหม่มีที่พักหลายรูปแบบ ควรเลือกที่พักที่สะดวก ปลอดภัยและใกล้กับจุดหมายปลายทาง โดยเน้นที่พักที่ใกล้กับเส้นทางการเดินรถเมล์เชียงใหม่ เพราะจะทำให้คุณสะดวก สบายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงได้
  • หาที่บริการรับฝากกระเป๋า เป็นหนึ่งในคำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้เวลาในการเที่ยวชมเมืองเชียงใหม่ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่มาทริปสั้น ๆ ควรหาที่บริการรับฝากกระเป๋าและสัมภาระ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องหอบกระเป๋าพะรุงพะรังไปทั่วเมืองเชียงใหม่ 

หลังจากที่เดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เชื่อได้ว่าทุกคนจะต้องมีกระเป๋าและสัมภาระใบโต ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าใดนัก เพราะต้องแบกกระเป๋าเดินทางขึ้นรถขนส่งสาธารณะท้องถิ่นเพื่อไปเช็กอินยังโรงแรมหรือที่พักเพื่อฝากกระเป๋า จึงจะสามารถเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ ทำให้เสียเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน การหาที่ฝากกระเป๋าจึงเป็นหนึ่งหลาย ๆ ทางเลือก เพื่อความสะดวกสบายและประหยัดเวลาของคุณได้ 

AIRPORTELs หนึ่งในผู้ให้บริการที่ตอบโจทย์การเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ของคุณ เพราะไม่เพียงแต่ให้บริการรับฝากกระเป๋าและสัมภาระเท่านั้น แต่ยังให้บริการรับ-ส่งกระเป๋าของคุณจากสนามบินไปที่พักและจากที่พักมาสนามบิน โดยที่คุณไม่ต้องหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางอีกต่อไป สามารถที่จะเดินตัวปลิวไปเที่ยวต่อได้ในทันทีหลังจากลงเครื่อง ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการเดินทางและท่องเที่ยวไปได้เยอะ สะดวก รวดเร็ว แถมยังมีประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกระเป๋าและสัมภาระของคุณด้วย เพียงคุณลงจากเครื่องนำกระเป๋ามาดรอปไว้ที่เคาน์เตอร์ AIRPORTELs ที่สนามบิน หลังจากนั้นออกไปเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวได้เลย พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจเช็กสถานะการจัดส่งของกระเป๋าคุณผ่านทางเว็บไซต์ AIRPORTELs ได้ตลอดเวลาที่ใช้บริการอีกด้วย

บริการของ AIRPORTELs เป็นบริการที่รับฝากและช่วยส่งกระเป๋าสัมภาระระหว่างสนามบินดอนเมือง, สนามบินสุวรรณภูมิ, ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมต่าง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งมีจุดให้บริการดังนี้ สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมือง, สนามบินเชียงใหม่, สนามบินภูเก็ต, เทอร์มินอล 21 อโศก, เทอร์มินอล 21 พัทยา, เซนทรัลเวิร์ด, เซนทรัลพัทยา, เซนทรัลสมุย, MBK Center, MIXT Chatuchak, เยาวราช, Iconsiam, Siam-Chula 16, Ratchada-Rama 9 และ MeSpace LadPrao  หากใช้บริการ ฝากกระเป๋าหรือรับ-ส่งกระเป๋าที่สนามบินเชียงใหม่ สามารถจองผ่านเว็บไซต์ app.airportels.asia/ หรือ คลิกที่นี่  หรือจะนำกระเป๋าไปติดต่อด้วยตนเองที่หน้าเคาน์เตอร์ AIRPORTELs สนามบินเชียงใหม่ก็ได้ 

วันหยุดพักผ่อนทั้งทีเที่ยวให้เต็มที่ เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่วันนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องกระเป๋าและสัมภาระอีกต่อไป กับบริการรับฝากกระเป๋าและบริการรับ-ส่งกระเป๋าจาก AIRPORTELs ที่จะช่วยให้คุณได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็วในการเดินทางและใช้เวลาในการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่

ที่มาของข้อมูล

รวมวิธีเช็คเที่ยวบินด้วยตัวเองง่ายๆ กันพลาดก่อนเดินทาง

รวมวิธีเช็คเที่ยวบินด้วยตัวเองง่ายๆ กันพลาดก่อนเดินทาง

การเดินทางด้วยเครื่องบินในบางทริปอาจมีเรื่องให้ลุ้น ไม่ไฟลต์ดีเลย์ก็ยกเลิกเที่ยวบิน ดังนั้นก่อนวันเดินทางควร เช็คเที่ยวบิน ล่วงหน้า โดยดูจากอีเมลแจ้งเตือนหรือเข้าไปเช็กที่เว็บไซต์สนามบินที่จะไปขึ้นเครื่อง หรืออีกวิธีหนึ่งคือโหลดแอปพลิเคชันของสายการบินที่จองตั๋วไว้เพื่อเช็กไฟลต์บิน หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เตรียมตัวเดินทางได้ ใช้วิธีเช็กอินออนไลน์ง่ายมาก เรามาทำความรู้จักกับวิธีเช็กอินแบบนี้กันเพราะเป็นวิธีที่สะดวกกว่าเยอะเลย

ทำความรู้จักกับการเช็กอินออนไลน์

ทำความรู้จักกับการเช็กอินออนไลน์

ในปัจจุบันนี้สามารถเช็กอินล่วงหน้าได้จากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของสายการบิน โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำได้ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง หลังจากเช็กอินแล้วจะได้รับ Boarding Pass คุณสามารถปรินต์หรือโหลดไว้ในโทรศัพท์แล้วถือติดตัวไปขึ้นเครื่องได้เลย 

  • เช็กอินออนไลน์ต่างกับเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์อย่างไร?

สมัยก่อนต้องไปเข้าคิวรอเช็กอินกันที่หน้าเคาน์เตอร์สายการบินก่อนเวลาขึ้นเครื่อง อย่างน้อย 3 ชั่วโมงสำหรับทริปต่างประเทศ และ 1 – 2 ชั่วโมง สำหรับทริปในประเทศ ถ้าเช็กอินไม่ทันทริปนั้นคือพลาด ต่างจากยุคนี้ที่สายการบินต่าง ๆ ได้เปิดให้เช็กอินผ่านอินเทอร์เน็ตได้ก่อนวันเดินทาง ไม่ต้องกังวลกับการที่จะต้องออกจากบ้านตี 1 ตี 2 สำหรับไฟลต์เช้า และไม่ต้องเสียเวลาไปยืนเข้าคิวรอนานที่เคาน์เตอร์อีกด้วย  

  • ใครที่เหมาะกับการเช็กอินออนไลน์

การเช็กอินออนไลน์เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางในประเทศและผู้เดินทางที่ไม่มีกระเป๋าโหลด ส่วนผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของสายการบินว่าจะให้ทำได้หรือไม่ เพราะการไปต่างประเทศมีขั้นตอนในเรื่องการตรวจสอบเอกสารหลายอย่างจึงอาจไม่สะดวกในการใช้บริการเช็กอินออนไลน์ แต่บางสายการบินก็สามารถทำได้

  • ขั้นตอนการเช็กอินออนไลน์

ผู้เดินทางต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ในหน้า Check-in หรือแอปพลิเคชันของสายการบิน แล้วกรอกข้อมูลรายละเอียดของตัวเอง เช่น ชื่อ-นามสกุล ข้อมูล Passport เบอร์โทร และหมายเลขการจอง ข้อสำคัญคือต้องกรอกข้อมูลให้ถูกต้องก่อนกดยืนยัน เพียงเท่านี้ก็จะได้รับ Boarding Pass ทางอีเมลหรือโหลดในแอปพลิเคชันให้คุณนำไปแสดงตอนขึ้นเครื่อง 

  • สายการบินที่มีบริการเช็กอินออนไลน์
สายการบินที่มีบริการเช็กอินออนไลน์
  • การบินไทย 
  • บางกอกแอร์เวย์ 
  • เอมิเรตส์ 
  • แอร์ฟรานซ์ 
  • เอทิฮัดแอร์เวย์ 
  • ออลนิปปอนแอร์เวย์ 
  • คาเธ่ย์แปซิฟิก 
  • เคแอลเอ็ม 
  • โคเรียนแอร์ 
  • ไทยแอร์เอเชีย 
  • ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ 
  • ไทยไลอ้อนแอร์ 
  • ไทยสมายล์ 
  • นกแอร์ 
  • สกู๊ต 
  • เจ็ทสตาร์ 
  • เวียดเจ็ทแอร์ 

สำหรับการเดินทางครั้งใหม่ถ้าหากว่าไม่มีกระเป๋าโหลดหรือเป็นการเดินทางในประเทศ อย่าลืม เช็คเที่ยวบิน ให้ชัวร์แล้วเช็กอินออนไลน์ก่อนล่วงหน้า สะดวกกว่า ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องกลัวตกเครื่อง และหากต้องการใช้บริการรับฝากกระเป๋าหรือส่งกระเป๋า แนะนำ Airportels ช่วยลดภาระในการเดินทางให้คุณตัวเบาขึ้น เดินทางสบายทั้งไปและกลับ สนุกกับทุกทริปได้อย่างเต็มที่

ที่มาข้อมูล

แชร์เคล็ดลับ! เช็คเที่ยวบินง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องง้อเจ้าหน้าที่

แชร์เคล็ดลับ! เช็คเที่ยวบินง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องง้อเจ้าหน้าที่

ใครกำลังวางแผนเดินทางโดยเครื่องบิน โดยเฉพาะการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก แนะนำว่าควรทำความรู้จักคำศัพท์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทาง จะได้รู้ว่าควร เช็คเที่ยวบิน อย่างไร เช็คอินตรงไหน และยังอ่านตั๋วเครื่องบินได้อย่างถูกต้องแบบไม่ต้องกลัวตกเครื่อง

ทำความรู้จักกับคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ควรรู้ ก่อนเดินทางไปสนามบิน

ทำความรู้จักกับคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ควรรู้ ก่อนเดินทางไปสนามบิน
  • Departure วันและเวลาเดินทางที่ออกจากสนามบินต้นทาง
  • Arrival วันและเวลาเดินทางที่ไปถึงยังประเทศปลายทาง
  • Flight ชื่อเรียกเที่ยวบิน เช่น TG 213 หากได้ยินประกาศเลขที่ไฟลท์บินของตัวเองเมื่อไหร่ให้รีบตั้งใจฟังดี ๆ 
  • Transit เที่ยวบินที่มีการเปลี่ยนเครื่องระหว่างเดินทาง
  • Terminal อาคารผู้โดยสาร ซึ่งบางสนามบินมีอาคารผู้โดยสารมากกว่า 1 อาคาร
  • Booking Reference รหัสที่ได้จากการจองตั๋วเครื่องบินใช้อ้างอิงในเอกสารว่ามีการจองแล้ว
  • Row แถวที่นั่ง
  • Seat หมายเลขที่นั่งบนเครื่องบิน
คำศัพท์เกี่ยวกับการเช็กอิน
  • Check-in ขั้นตอนที่ผู้โดยสารต้องแสดงตัวโดยต้องแสดงพาสปอร์ตตัวจริงที่เคาน์เตอร์ของสายการบินที่เดินทาง บางสายการบินอนุญาตให้เช็กอินผ่านเว็บไซต์ได้ด้วย
  • Boarding Pass หลังจากเช็กอินจะได้รับ Boarding Pass หรือเอกสารอนุญาตให้ขึ้นเครื่อง ซึ่งใน Boarding Pass จะระบุประตูขึ้นเครื่อง ที่นั่ง และเวลาเดินทาง
  • Carry-on Luggage สัมภาระที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ ส่วนใหญ่จะถูกจำกัดน้ำหนักให้ไม่เกิน 7 – 10 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสายการบินนั้น ๆ 
  • Gate ประตูขึ้นเครื่อง ซึ่งผู้โดยสารควรเดินไปถึงประตูขึ้นเครื่องก่อนเครื่องออก 30 – 45 นาที
คำศัพท์เกี่ยวกับจุดตรวจกระเป๋าเดินทาง
  • Baggage Allowance จำนวนกระเป๋าเดินทางที่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องและโหลดใต้เครื่องบิน ซึ่งแต่ละสายการบินจำกัดจำนวนไม่เท่ากัน
  • X-Ray Machine เครื่องเอกซเรย์กระเป๋าเพื่อใช้ตรวจสอบการลักลอบขนของผิดกฎหมาย รวมถึงอาวุธอันตราย
  • Overweight น้ำหนักกระเป๋าเกิน ซึ่งหากพบปัญหานี้ต้องแก้ด้วยการนำสิ่งของบางส่วนโหลดใต้เครื่องบิน
คำศัพท์เกี่ยวกับจุดตรวจของและคนเข้าเมือง
  • Immigration จุดตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งการเดินทางเข้าประเทศอื่น ๆ จำเป็นต้องผ่านจุดนี้เสมอ
  • Passport Control จุดตรวจหนังสือเดินทาง
  • Arrival Card ใบตรวจเข้าเมือง 
  • Departure Card ใบตรวจคนเข้าเมืองขาออกสำหรับยื่นให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
  • Customs ด่านศุลกากร สำหรับแสดงสิ่งของ กรณีมีสิ่งของที่ต้องสำแดงตามเงื่อนไขของประเทศนั้น ๆ 

หากมีแพลนเดินทางด้วยเครื่องบินอย่าลืมทำความรู้จักคำศัพท์เหล่านี้เอาไว้ รับรองว่าจะช่วยคุณได้ ทำให้อ่านตั๋วเครื่องบิน เช็คเที่ยวบิน และเข้าใจคำเรียกต่าง ๆ ในสนามบินได้ดียิ่งขึ้น หมดห่วงว่าจะพลาดเที่ยวบินสำคัญ เพราะใครที่เดินทางโดยเครื่องบินเป็นประจำจะทราบดีว่าการตกเครื่องคือเรื่องใหญ่และยังเสียค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งพื้นที่ในสนามบินยังกว้างใหญ่ การเข้าใจคำศัพท์ต่าง ๆ จะทำให้เดินไปยังตำแหน่งที่ต้องการง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นควรทำความรู้จักคำศัพท์เหล่านี้ไว้ รับรองไม่มีพลาด

ที่มาข้อมูล

รวม 5 ผู้ให้บริการเช่ารถยนต์ สนามบินสุวรรณภูมิ 2024

บริการเช่ารถยนต์ สนามบินสุวรรณภูมิ 2024

สำหรับนักเดินทางที่กลับจากต่างประเทศหรือใครที่เข้ากรุงเทพฯ โดยนั่งเครื่องบินมาลงสุวรรณภูมิ หากยังนึกไม่ออกว่าจะไปต่อกันอย่างไร แนะนำให้ใช้บริการ เช่ารถ สนามบินสุวรรณภูมิ มีบริษัทเช่ารถให้เลือกมากมาย หลายคนคงจะเคยเห็นและคุ้นตากันมาบ้างแล้ว เช่น ECOCAR rent-a-car, Summer Carrent, Bizcar Rental การเช่ารถขับเองสะดวกกว่า ไม่ว่าจะไปที่ไหน ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ หรือเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ สามารถจอดทำธุระหรือแวะพักตามแพลนของตัวเอง ทุกภารกิจสามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปมาอย่างไร เพราะคุณสามารถเช่าขับได้ตลอดการเดินทาง บริษัทเช่ารถมีหลายแห่ง ถ้าใครกำลังมองหาบริการนี้ ดูจากลิสต์นี้ได้เลย

1. ECOCAR rent-a-car

ECOCAR rent-a-car
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: เช่ารถ ECO Car

ที่ทำการบริษัทสาขาสุวรรณภูมิตั้งอยู่ติดกับสนามบิน (ภายนอกสนามบิน) เปิดให้เช่ารถขับเองจากสนามบินสุวรรณภูมิหรือจะเช่าเป็นรถรับ-ส่งก็ได้ มีรถหลายรูปแบบให้เลือก ทั้ง SUV สำหรับผู้ที่เดินทางหลายคน, รถปิคอัพ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางต่างจังหวัดหรือมีการขนของจำนวนมาก, รถเก๋งทั่วไป สำหรับผู้เช่าที่เดินทางคนเดียวหรือ 2 คน ECOCAR มีรถเช่าหลายยี่ห้อเลือกได้หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Toyota Ativ, Toyota Yaris, Isuzu Space Cab, Honda Mobilio ฯลฯ สามารถโทรหรือติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลเพื่อเช่ารถและบริษัทจะนำรถมาส่งให้ที่อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 8 

นอกจากสาขาที่เปิดให้ เช่ารถ สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วยังมีสาขาในกรุงเทพฯ อีก 7 แห่ง และสาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ พัทยา เชียงใหม่ หาดใหญ่ และอุบลราชธานี

  • ค่าเช่ารถเริ่มต้นที่วันละ 1,000 บาทต้น ๆ  มีค่าเงินมัดจำ 5,000 บาท
  • ECOCAR เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 20.00 น.

ช่องทางติดต่อ:

  • Facebook : รถเช่าสุวรรณภูมิ By Ecocar
  • Line : @ecocar
  • E-mail : [email protected]  
  • ติดต่อเช่ารถโทร: Call Center 02-002-4604

2. SUMMERCARRENT

SUMMERCARRENT: เช่ารถกรุงเทพ กทม เริ่มวันละ 500 บาท

เปิดให้บริการเช่ารถ 2 สาขา คือ สาขาบางแคและสาขาบางนา ไม่มีเคาน์เตอร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่สามารถติดต่อเช่ารถโดยโทรจองหรือผ่านทางไลน์และนัดรับรถที่สนามบินได้เลย เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ให้เช่ารถสภาพดีในราคาที่ไม่แพง รูปแบบของรถเช่าทุกคันที่นี่จะเป็นรถขับเกียร์ออโต้ทั้งหมด สามารถเลือกยี่ห้อรถได้ตามความต้องการใช้งานและจำนวนผู้โดยสารในรถ ยี่ห้อรถที่พร้อมให้บริการคือ Toyota, Honda, Nissan, Mitsubishi, Suzuki ข้อดีของที่นี่คือบริการรับส่งรถถึงที่และมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินในระหว่างการเดินทางที่ติดต่อง่าย 

  • Summer Carrent เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30 – 18.00 น.
  • ค่าเช่าเริ่มต้นวันละ 500 บาท ราคารวมประกันแล้ว
  • ผู้เช่าต้องจ่ายเงินจองล่วงหน้า 1,000 บาท ระยะเวลาเช่าขั้นต่ำ 5 วัน

ช่องทางติดต่อ:

  • Line ID : @summercarrent
  • E-mail : [email protected]
  • ติดต่อเช่ารถโทร: 089-770-8822, 02-100-6365

3. Drive Car Rental

Drive Car Rental

มีบริการรถเช่าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า ช่วงระหว่าง Gate 7 และ 8 ข้อดีของที่นี่คือรถใหม่ มีบริการเช่ารถพรีเมียม อย่าง BMW, Mercedes Benz และรถไฟฟ้าให้เลือกอย่าง Tesla, BYD แต่หากต้องการประหยัดแนะนำเป็น Eco Car และ City Car เหมาะกับผู้เช่ากลุ่มเพื่อน จำนวนคนนั่งไม่เกิน 5 คน หากมาเป็นครอบครัวสามารถเลือกรถใหญ่ รถ SUV ส่วนกรณีเดินทางกลุ่มใหญ่มีรถตู้ให้บริการ

ในการจองรถสามารถติดต่อล่วงหน้าแล้วรอรับรถที่สนามบินหรือจะมาจองที่เคาน์เตอร์ Drive Car Rental สุวรรณภูมิก็ได้เช่นกัน  

  • Drive Car Rental เคาน์เตอร์สุวรรณภูมิเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สำนักงานใหญ่อยู่ที่ถนนศรีนครินทร์
  • ค่าเช่าเริ่มต้นวันละ 1,000 บาทต้น ๆ 
  • ลงทะเบียนเป็นสมาชิกทางเว็บไซต์มีส่วนลด 10%

ช่องทางติดต่อ:

4. Bizcar Rental

 Bizcar Rental

เคาน์เตอร์อยู่ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ ใครที่เดินทางมาลงเครื่องที่นี่ติดต่อเช่ารถได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีบริการรถเช่าหลายยี่ห้อ หลายประเภทตั้งแต่รถเก๋งซีดานสำหรับ 1 – 4 คน รถยนต์ขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง รถกระบะ หรือปิคอัพสำหรับผู้ที่ต้องการบรรทุกสิ่งของไปด้วย รถตู้ 11 ที่นั่ง ยี่ห้อยอดนิยมที่ให้บริการคือ Toyota, Nissan และสำหรับผู้ที่ต้องการรถพรีเมียมมียี่ห้อ Benz ไว้ให้บริการ ทุกคันเป็นรถใหม่ใช้งานไม่เกิน 3 ปี มีการเช็กระยะทุกปี 

นอกจากสาขาสุวรรณภูมิแล้ว Bizcar Rental ยังมีสาขาอื่นในกรุงเทพฯ และที่เชียงใหม่, ภูเก็ต, สนามบินอู่ตะเภา และอื่นๆ รวม 11 สาขา

  • ค่าเช่าเริ่มต้นวันละ 700 พร้อมประกัน
  • โปรพิเศษเริ่มต้น 650 บาท สำหรับจองรถล่วงหน้า (พ.ค. – ส.ค. 2567)

ช่องทางติดต่อ:

5. Hertz Thailand

Hertz Thailand

เคาน์เตอร์ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า ช่วงระหว่าง Gate 7 และ 8 เปิด 24 ชั่วโมง ให้บริการรถเช่าเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำธุระหรือไปสถานที่ท่องเที่ยว ผู้เช่าสามารถเลือกรถได้ทุกรูปแบบ และเลือกลักษณะรถได้ตามการใช้งาน จำนวนที่นั่งผู้โดยสาร พื้นที่บรรจุสิ่งของ และระยะทางรวมที่จะขับรถ รถที่พร้อมให้บริการส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อยอดนิยม เช่น Honda, Toyota และมีรถไฟฟ้าให้บริการ เช่น ORA Good Cat 

Hertz สาขาอื่นที่ให้บริการคือที่สนามบินดอนเมืองและสาขากรุงเทพฯ-สาทร ติดต่อเช่ารถโทร Call Center 02 266-4666 หรือที่

  • ค่าเช่าเริ่มต้นวันละ 700 บาท

ช่องทางติดต่อ:

บริษัทรถเช่าทุกแห่งล้วนแล้วแต่มีข้อดีและจุดเด่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะให้บริการที่คล้าย ๆ กัน ถูกชะตากับเคาน์เตอร์ไหน เดินเข้าไปติดต่อได้ตามความต้องการใช้งาน แต่สำหรับบริษัทที่ไม่มีเคาน์เตอร์ในสนามบินก็สามารถโทรติดต่อเพื่อขอรายละเอียดดูอีกครั้ง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่เหมาะกับคุณก็ได้

ที่มาข้อมูล

รวมวิธีเช็กเที่ยวบินด้วยตัวเองง่าย ๆ กันพลาดก่อนเดินทาง

วิธีเช็กเที่ยวบิน

การเดินทางด้วยเครื่องบินในบางทริปอาจมีเรื่องให้ลุ้น ไม่ไฟลต์ดีเลย์ก็ยกเลิกเที่ยวบิน ดังนั้นก่อนวันเดินทางควรเช็กเที่ยวบินล่วงหน้า โดยดูจากอีเมลแจ้งเตือนหรือเข้าไปเช็กที่เว็บไซต์สนามบินที่จะไปขึ้นเครื่อง หรืออีกวิธีหนึ่งคือโหลดแอปพลิเคชันของสายการบินที่จองตั๋วไว้เพื่อเช็กไฟลต์บิน หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เตรียมตัวเดินทางได้ ใช้วิธีเช็กอินออนไลน์ง่ายมาก เรามาทำความรู้จักกับวิธีเช็กอินแบบนี้กันเพราะเป็นวิธีที่สะดวกกว่าเยอะเลย

ทำความรู้จักกับการเช็กเที่ยวบินโดยการเช็กอินออนไลน์

วิธีการเช็กอินออนไลน์

ในปัจจุบันนี้สามารถเช็กอินล่วงหน้าได้จากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของสายการบิน โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำได้ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง หลังจากเช็กอินแล้วจะได้รับ Boarding Pass คุณสามารถปรินต์หรือโหลดไว้ในโทรศัพท์แล้วถือติดตัวไปขึ้นเครื่องได้เลย

  • เช็กอินออนไลน์ต่างกับเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์อย่างไร?

สมัยก่อนต้องไปเข้าคิวรอเช็กอินกันที่หน้าเคาน์เตอร์สายการบินก่อนเวลาขึ้นเครื่อง อย่างน้อย 3 ชั่วโมงสำหรับทริปต่างประเทศ และ 1 – 2 ชั่วโมง สำหรับทริปในประเทศ ถ้าเช็กอินไม่ทันทริปนั้นคือพลาด ต่างจากยุคนี้ที่สายการบินต่าง ๆ ได้เปิดให้เช็กอินผ่านอินเทอร์เน็ตได้ก่อนวันเดินทาง ไม่ต้องกังวลกับการที่จะต้องออกจากบ้านตี 1 ตี 2 สำหรับไฟลต์เช้า และไม่ต้องเสียเวลาไปยืนเข้าคิวรอนานที่เคาน์เตอร์อีกด้วย

  • ใครที่เหมาะกับการเช็กอินออนไลน์?

การเช็กอินออนไลน์เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางในประเทศและผู้เดินทางที่ไม่มีกระเป๋าโหลด ส่วนผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของสายการบินว่าจะให้ทำได้หรือไม่ เพราะการไปต่างประเทศมีขั้นตอนในเรื่องการตรวจสอบเอกสารหลายอย่างจึงอาจไม่สะดวกในการใช้บริการเช็กอินออนไลน์ แต่บางสายการบินก็สามารถทำได้

  • ขั้นตอนการเช็กอินออนไลน์

ผู้เดินทางต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ในหน้า Check-in หรือแอปพลิเคชันของสายการบิน แล้วกรอกข้อมูลรายละเอียดของตัวเอง เช่น ชื่อ-นามสกุล ข้อมูล Passport เบอร์โทร และหมายเลขการจอง ข้อสำคัญคือต้องกรอกข้อมูลให้ถูกต้องก่อนกดยืนยัน เพียงเท่านี้ก็จะได้รับ Boarding Pass ทางอีเมลหรือโหลดในแอปพลิเคชันให้คุณนำไปแสดงตอนขึ้นเครื่อง

สายการบินที่มีบริการเช็กอินออนไลน์

สายการบินบางกอกแอร์เวย์
  1. การบินไทย
  2. บางกอกแอร์เวย์
  3. เอมิเรตส์
  4. แอร์ฟรานซ์ 
  5. เอทิฮัดแอร์เวย์ 
  6. ออลนิปปอนแอร์เวย์ 
  7. คาเธ่ย์แปซิฟิก 
  8. เคแอลเอ็ม 
  9. โคเรียนแอร์ 
  10. ไทยแอร์เอเชีย 
  11. ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ 
  12. ไทยไลอ้อนแอร์ 
  13. ไทยสมายล์ 
  14. นกแอร์ 
  15. สกู๊ต 
  16. เจ็ทสตาร์ 
  17. เวียดเจ็ทแอร์

สำหรับการเดินทางครั้งใหม่ถ้าหากว่าไม่มีกระเป๋าโหลดหรือเป็นการเดินทางในประเทศ อย่าลืมเช็กเที่ยวบินให้ชัวร์แล้วเช็กอินออนไลน์ก่อนล่วงหน้า สะดวกกว่า ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องกลัวตกเครื่อง และหากต้องการใช้บริการรับฝากกระเป๋าหรือส่งกระเป๋า แนะนำ AIRPORTELs ช่วยลดภาระในการเดินทางให้คุณตัวเบาขึ้น เดินทางสบายทั้งไปและกลับ สนุกกับทุกทริปได้อย่างเต็มที่

ที่มาข้อมูล:

Siam Center ชิลล์ๆ : 7 คาเฟ่นั่งทำงาน จิบกาแฟ ฟินๆ

Siam Center

เทรนด์การทำงานในยุคนี้ต้องยกให้กับการทำงานแบบ Work from Anywhere หรือการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขอให้เพียงงานเสร็จ เข้าประชุมออนไลน์ตามนัดหมาย แต่จะให้ทำงานจากที่บ้านทุกวันก็กลัวว่าจะดูน่าเบื่อเกินไป หลายคนจึงเลือกทำงานจากนอกบ้าน โดยเฉพาะคาเฟ่บรรยากาศสวย ๆ เหมาะกับการทำงาน นอกจากได้ทำงานแล้วยังได้แฮงเอาท์กับเพื่อน ๆ และหาแรงบันดาลใจจากสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว หากใครเป็นคนทำงาน นักเรียน หรือนักศึกษา ที่กำลังมองหาคาเฟ่นั่งทำงานสุดชิลล์ ขอแนะนำคาเฟ่เหมาะกับการนั่งทำงานใน siam center นอกจากมีตัวเลือกหลายร้านแล้วยังเดินทางสะดวกมาก ๆ 

1.Maison Claris

ขอบคุณภาพจาก : Maison Claris 

ร้านเกิดจากการร่วมมือกันของคนรุ่นใหม่ที่รู้จักกันมานานและมีโอกาสเดินทางเที่ยวหลายประเทศ สั่งสมความรู้และประสบการณ์จนกลายมาเป็นคาเฟ่ขนมหวาน การจัดร้านโดดเด่นสะดุดตา เลือกใช้โทนสีหวานและดอกไม้สีสวยเหมาะกับการเป็นคาเฟ่เอาใจสายหวาน จุดเด่นคือเมนูต่าง ๆ ออกแบบอย่างพิถีพิถัน หน้าตาสวยงามแถมรสชาติอร่อย เมนูที่ห้ามพลาดคือ Claris Set ซิกเนเจอร์ของร้าน ได้แรงบันดาลใจจากทุ่งดอกไม้และโรงงานน้ำหอมจากฝรั่งเศส เหมาะกับสายคอนเทนต์ นักเรียน คนทำงาน ที่มองหาพื้นที่นั่งหาไอเดียคูล ๆ 

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 1 
  • ช่วงราคา 150 – 500 บาท

2.T (Bar) x The Summer House

คาเฟ่สำหรับสายฮิป โดดเด่นด้วยการตกแต่งร้านสีสันสะดุดตา หากมาถึงต้องได้คอนเทนต์แน่ ๆ เมนูแนะนำ คือ Matcha Latte with Bubble ชงสดแบบแก้วต่อแก้ว เสิร์ฟพร้อมไข่มุกสีทองเคี้ยวหนึบหนับ แถมยังมีกลิ่นหอมของน้ำตาลเคี่ยวและน้ำผึ้ง หากนั่งทำงานแล้วหิวทางร้านก็มีเมนูสุขภาพดีอย่างสลัดเตรียมไว้ให้รองท้อง นอกจากเป็นคาเฟ่สุดเก๋แล้วยังมีสินค้าแฟชั่นจำหน่าย นักเรียน นักศึกษา ที่ชอบแต่งตัวสไตล์คูล ๆ หรือมองหาที่นั่งทำงานสุดชิลห้ามพลาดเด็ดขาด

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 1 
  • ช่วงราคา : 90 – 300 บาท

3.Everyday Karmakamet

หากพูดถึง Everyday Karmakamet เชื่อว่าหลายคนคงคิดถึงร้านจำหน่ายเครื่องหอมและสินค้ามีสไตล์ แต่ทราบหรือไม่ว่าที่นี่มีคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟความหอมหวานละมุนของเครื่องดื่มอีกด้วย เมนูยอดฮิต ได้แก่ Rose with Milk Tea ที่จะได้ดื่มด่ำกับความหอมของชาและกลิ่นกุหลาบ เหมาะกับการนั่งทำการบ้านสุด ๆ การตกแต่งร้านเน้นความเรียบง่ายแต่มีสไตล์ หากมีโอกาสได้มานั่งทำงานอย่าลืมซื้อโปสการ์ดหรือเครื่องหอมติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะ

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 4
  • ช่วงราคา : 100 – 250 บาท

4.Mom & Sis The Smoothie Cafe’

ขอบคุณภาพจาก : Momandsiscafe 

ใครเป็นสายรักสุขภาพเชิญทางนี้ เพราะนี่คือคาเฟ่เอาใจสายสุขภาพ เครื่องดื่มส่วนใหญ่เป็นสมูธตี้เพื่อคนสุขภาพดี จุดเด่นคือเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงดีต่อสุขภาพสุด ๆ แถมบางแก้วยังใส่ Super Food อย่างธัญพืช ผลไม้ คอมพลีทการเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นอย่างดี เมนูแนะนำ ได้แก่ Avocado Bowl เมนูซิกเนเจอร์ แหล่งรวมไขมันชั้นดี ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ หรือ Berry Blast ที่มิกซ์ผลไม้ตระกูลเบอร์รีไว้ในแก้วเดียว สำหรับสไตล์การจัดร้านเน้นความโปร่งสบาย แต่งแต้มด้วยต้นไม้สีเขียว เหมาะกับคนทำงาน นักศึกษา ที่มองหาคาเฟ่สไตล์เรียบง่ายแต่ยังมีกลิ่นอายความสดชื่น

  • พิกัด : Siam Center ชั้น G
  • ช่วงราคา : 150 – 300 บาท

5.Fire Tiger by Seoulcial Club

ขอบคุณภาพจาก : Fire Tiger by Seoulcial Club 

ใครเป็นสายชานมไข่มุกเชื่อว่าต้องรู้จักร้านนี้ โดยร้านดังอย่างคาเฟ่เสือพ่นไฟได้มาเปิดคาเฟ่ใจกลางสยาม ตกแต่งร้านโทนสีทอง ขาดไม่ได้คือใบหน้าเสือขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน เมนูที่อยากบอกต่อ คือ Fire Tiger Milk Tea เมนูซิกเนเจอร์มาพร้อมไข่มุกบุกและไข่มุกธรรมดา หากอยากเติมความสดชื่นแนะนำ Fruit Tea ภายในร้านมีพื้นที่นั่งทำงานขนาดกะทัดรัด เหมาะอย่างยิ่งกับนักศึกษา นักเรียน ที่มองหาคาเฟ่ราคาเบา ๆ นั่งอ่านหนังสือ ดื่มเสร็จก็เดินชอปปิงต่อได้แบบสบาย ๆ 

  • พิกัด : Siam Center ชั้น M, Siam Square ซอย 3
  • ช่วงราคา : 100 – 250 บาท

6.Yenly Yours

ขอบคุณภาพจาก : Mike Lennore

คาเฟ่มะม่วงยืนหนึ่งเรื่องการออกแบบเมนูเครื่องดื่มที่ผสมผสานผลไม้ขึ้นชื่ออย่างมะม่วงไว้อย่างลงตัว แน่นอนว่าเมนูที่ต้องสั่งคือเมนูน้ำมะม่วงปั่น มีท็อปปิงให้เลือกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อมะม่วงสด ไข่มุก อย่าลืมสั่งโมจิมะม่วงมาพร้อมความอร่อยแบบกำลังดีแต่หอมมะม่วงสุด ๆ การตกแต่งร้านเน้นโทนสีเหลืองสะท้อนความหวานฉ่ำของมะม่วงตัดกับโทนสีดำ โดดเด่นและดูสดใส เหมาะมากกับนักศึกษาและคนทำงานที่มองหามุมนั่งทำงานแถมมีเครื่องดื่มอร่อย ๆ พร้อมเสิร์ฟ

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 2
  • ช่วงราคา 100 – 200 บาท

7.Coco Fresh Tea & Juice

คาเฟ่ชานมไข่มุกที่ไม่ธรรมดาเพราะนี่คือแบรนด์จากไต้หวัน ยกทัพความอร่อยมาที่ไทย จุดเด่นคือใบชาต้มสด รสชาติไม่หวานเกินไป และไข่มุกเหนียวหนึบกำลังดี เมนูไฮไลต์ คือ Lava Pearl Fresh Milk ที่ทั้งหอมหวานกลมกล่อม รวมถึงน้ำเยลลี่เสาวรส เหมาะกับคนชอบรสเปรี้ยว เติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ในร้านมีมุมทำงานเล็ก ๆ สำหรับคนอยากแวะนั่งชิลล์หรือคิดไอเดียงานอีกด้วย

  • พิกัด : Siam Center ชั้น 2
  • ช่วงราคา : 90 – 150 บาท

ใครกำลังมองหาคาเฟ่นั่งทำงานใจกลางเมือง แนะนำให้เดินทางมาที่ siam center ห้างใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีสยามและเดินเชื่อมต่อเข้าห้างได้ทันที หรือจะมาโดยรถยนต์ส่วนตัวก็สะดวก นอกจากได้เปรียบด้านการเดินทางแล้วยังมีคาเฟ่สุดชิลล์บรรยากาศเหมาะกับการทำงานอีกเพียบ เลือกได้เลยว่าชอบคาเฟ่แบบไหนหรือพื้นที่ทำงานแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง ใครมีสไตล์ทำงานแบบ Work from Anywhere ห้ามพลาดมาใช้บริการเด็ดขาด

ที่มาข้อมูล

วิธีเดินทางไป ICONSIAM ด้วยรถไฟฟ้า BTS: แนะนำเส้นทางและเคล็ดลับการเดินทางที่ไม่ควรพลาด

ICONSIAM เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่กำลังได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เนื่องจากทุกพื้นที่ 750,000 ตารางเมตร อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโซน ICONLUXE แหล่งรวมแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก โซนสยามทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่มีแบรดน์สินค้าจำหน่ายมากกว่า 500 แบรนด์  โซนสุขสยาม ศูนย์รวมผลงานศิลปะและสุดยอดอาหารไทยจากแต่ละจังหวัด ส่วนโซนด้านนอกเป็น River Park สำหรับชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและระบำน้ำพุที่มีขนาดยาวที่สุดในภูมิภาคอาเซียน แต่หากใครยังไม่เคยไปเที่ยว ICONSIAM วันนี้เรามีวิธีการเดินทางง่าย ๆ มาฝาก 

วิธีการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

การเดินทางไป ICONSIAM ปัจจุบันสามารถเลือกเดินทางไปได้ทั้งทางเรือ รถโดยสารประจำทาง MRT และ BTS แต่ถึงอย่างนั้นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุดคือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS  

  • วิธีการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามายังไอคอนสยาม

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถเลือกเดินทางสายสีเขียวไปลงที่สถานีตากสิน ออกประตู 2 และขึ้นเรือ Shuttle Boat ฟรีไม่เสียค่าบริการ หรือใช้บริการสายสีทอง มาลงที่สถานีเจริญนครและเดินต่อไปตามทางเชื่อมเพื่อเข้าสู่ ICONSIAM ได้เช่นกัน

  • สถานีที่ใกล้ที่สุด

หากเทียบการเดินทางแล้วต้องยอมรับว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุด เพราะไม่ต้องต่อรถหรือเรือให้ยุ่งยาก ซึ่งสถานีที่ใกล้กับ ICONSIAM ที่สุดคือ สถานีเจริญนคร

สถานีเจริญนคร เป็นสถานีที่ 2 ของรถไฟฟ้าสายสีทอง อยู่บริเวณสะพานข้ามคลองวัดทองเพลง มุ่งไปทางแยกคลองสาร เข้าสู่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา โดยสถานีเจริญนครจะมีทางเข้าออกทั้งหมด 4 จุด ซึ่งมี 2 จุด ที่สามารถเดินไปยังศูนย์การค้า ICONSIAM ได้ โดยจุดแรกจะออกไปทางหน้าศูนย์การค้า ICONSIAM ใกล้กับประตูทางเข้าสยามทาคาชิมายะ ส่วนจุดที่สองออกไปทางหน้าศูนย์การค้า ICONSIAM ที่อยู่ใกล้กับซอยเจริญนคร

  • สถานีที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีทอง

เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นส่วนต่อขยายขนาดสั้นระยะทางเพียง 2.8 กิโลเมตร และบริการแค่ 4 สถานีเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลักถึงสามสาย ได้แก่

  • สายสีเขียว เชื่อมต่อกับ BTS สถานีกรุงธนบุรี
  • สายสีม่วง เชื่อมต่อกับ BTS สถานีประชาธิปก
  • สายสีแดง เชื่อมต่อกับ BTS สถานีคลองสาน
ภาพจาก : BTS SkyTrain

สำหรับ BTS สายสีทองขบวนแรกจากสถานีกรุงธนบุรีเริ่มที่เวลา 06.00 – 24.00 น. ราคาค่าโดยสารตลอดสาย 16 บาท

จากข้อมูลจะเห็นว่าการเดินทางไป ICONSIAM ด้วยรถไฟฟ้าไม่ยาก เพราะรถไฟฟ้าสายสีทองเชื่อมต่อกับสายหลักถึง 3 สาย  แต่ถึงอย่างนั้นเรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเดินทางมาแนะนำ 

  • เลือกเดินทางที่เหมาะกับตัวเอง

เพราะการเดินทางไป ICONSIAM สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี อีกทั้งอาจต้องต่อการเดินทางด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนั้นก่อนออกเดินทางควรศึกษาและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางมากขึ้น

  • ตรวจสอบเวลาการให้บริการ

หากต้องเดินทางไป ไอคอนสยาม รถไฟฟ้า หลายสายควรตรวจสอบเวลาให้บริการ เพราะรถไฟฟ้าแต่ละสายเปิดและปิดให้บริเวณไม่พร้อมกัน

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ ในการเดินทางไป ICONSIAM ด้วยรถไฟฟ้าที่เรานำมาฝาก ซึ่งจะเห็นว่า ICONSIAM เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่น่าสนใจ รับประกันว่ามาเที่ยวไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน

ที่มาข้อมูล