เมื่อจำเป็นต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน ไม่ว่าเป็น เที่ยวบินภายในประเทศหรือเที่ยวบินระหว่างประเทศ “กระเป๋าสัมภาระ” ถือเป็นอีกหนึ่งเพื่อนร่วมทางที่ทุกคนต้องนำไปด้วยเสมอ แม้เคยเดินทางบ่อยหรือเพิ่งขึ้นเครื่องบินครั้งแรก หลายๆ คนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักกระเป๋า ค่าใช้จ่ายในการโหลดกระเป๋าหรือแม้แต่ขนาดของกระเป๋า
บทความนี้ ได้รวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการนำกระเป๋าขึ้นเครื่องและการโหลดกระเป๋าไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขนาดกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวนกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง และอัตราค่าโหลดกระเป๋าแต่ละสายการบิน เช่น การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย ไทยเวียตเจ็ท และไลอ้อนแอร์
ขนาดไซส์ทั่วไปของกระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก
แม้ว่าสายการบินต่างๆ มีรายละเอียดของข้อกำหนดหรือนโยบายเกี่ยวกับการสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องและโหลดขึ้นเครื่องที่แตกต่างกันอยู่บ้าง
แต่กระเป๋าล้อลากบางขนาดสามารถโหลดขึ้นเครื่องได้เพียงอย่างเดียว เพราะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของช่องสัมภาระเหนือศีรษะในห้องโดยสาร ทั้งนี้ ในท้องตลาดยังมีกระเป๋าให้เลือกซื้อหลายขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องจึงมีดังนี้
1. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 16 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 16 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×41 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 43 เซนติเมตร
- เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 1-2 วัน
2. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 18 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 18 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×46 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 46 เซนติเมตร
- เป็นไซส์กระเป๋าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิด จึงเหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 2-3 วัน
3. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 22 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 22 นิ้ว ถือเป็นขนาดของกระเป๋าที่ใหญ่ที่สุด ที่สายการบินต่างๆ ยังอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องและใส่ในช่องสัมภาระเหนือศีรษะในห้องโดยสารได้ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 23×40 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 55 เซนติเมตร
- เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 2-4 วัน
4. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 24 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 24 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่องแทนการถือ เพราะมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่นโยบายของสายการบินส่วนใหญ่อนุญาต โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 24×45 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 61 เซนติเมตร
- เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางประมาณ 5 วัน – 1 สัปดาห์
5. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 26 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 26 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่องแทนการถือ โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 27×40 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 67 เซนติเมตร
- เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางตั้งแต่ 1 สัปดาห์ – 10 วัน
6. กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 28 นิ้ว
กระเป๋าเดินทางมีล้อลากขนาด 28 นิ้ว เป็นขนาดกระเป๋าที่ต้องโหลดขึ้นเครื่อง โดยส่วนใหญ่มีขนาดความกว้างประมาณ 30×46 เซนติเมตร มีความสูงไม่รวมที่จับลากประมาณ 78 เซนติเมตร
- เป็นไซส์กระเป๋าที่เหมาะกับทริปเดินทางไม่เกิน 2 สัปดาห์
กระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องแบบไหนได้บ้าง
โดยทั่วไป สัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางที่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง หรือกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง สามารถใช้ได้ทั้งกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋ามีล้อลาก
นอกจากเรื่องนโยบายในส่วนของน้ำหนักและขนาดกระเป๋าแล้ว บางสายการบินอาจมีการกำหนดจำนวนของสัมภาระร่วมด้วย ซึ่งรายละเอียดของการถือกระเป๋าขึ้นเครื่องและการโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
1. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง คือ สัมภาระที่ผู้โดยสารสามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ เช่น กระเป๋าถือหรือกระเป๋าเดินทางที่มีล้อลากไซส์ 12-22 นิ้ว ซึ่งต้องเก็บไว้บนช่องใส่กระเป๋าเหนือศีรษะหรือช่องใส่ของด้านหน้าเก้าอี้
โดยมักกำหนดน้ำหนักไว้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน นอกจากนี้ ต้องไม่มีของต้องห้ามต่างๆ เช่น
- ของเหลวปริมาณเกิน 50 มิลลิลิตร
- ของมีคมหรืออาวุธต่างๆ เช่น มีด ปืน หรือกรรไกร
- สัตว์ที่มีชีวิตหรือซากของสัตว์
- อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ทุเรียน ปลาร้า หรือขนุน
- เพาว์เวอร์แบงก์ความจุต้องไม่เกิน 20,000 mAh
2. กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง คือ กระเป๋าเดินทางที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 24 นิ้วขึ้นไป โดยส่วนใหญ่ การเดินทางภายในประเทศ ไม่เกิน 15 กิโลกรัม ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศ ไม่เกิน 20 กิโลกรัม ซึ่งของที่ไม่ควรใส่หรือต้องห้าม มีดังนี้
- ของต้องห้ามตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ เช่น ของผิดกฎหมาย หรือยารักษาโรคบางชนิด
- ของมีค่า เช่น แล็ปท็อป เงินสด หรือเครื่องประดับ
- อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี เช่น บุหรี่ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี หรือเพาว์เวอร์แบงก์
- อาวุธและวัตถุไวไฟ
ทั้งนี้ ของมีค่าและอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี สามารถถือขึ้นเครื่องได้ โดยเพาว์เวอร์แบงก์ความจุต้องไม่เกิน 32,000 mAh และบุหรี่ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรีความจุไม่เกิน 100Wh ซึ่งไม่อนุญาตให้ชาร์จบนเครื่องบิน
ขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดของแต่ละสายการบิน
แต่ละสายการบินมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่อง ไปจนถึงมีค่าบริการในการโหลดกระเป๋าที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งผู้ที่ต้องการเดินทางด้วยการโดยสารเครื่องบิน ควรศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อให้ง่ายต่อการเตรียมตัว หมดปัญหาการต้องแกะสัมภาระมาแพ็กใหม่ที่สนามบินหรือต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม
สำหรับใครที่กำลังจะบินหรือกำลังเปรียบเทียบสายการบินที่ใช้บริการ แต่ละสายการบินมีนโยบายเกี่ยวกับขนาด น้ำหนัก และค่าโหลดสัมภาระ ดังนี้
1. การบินไทย (Thai Airway)
การบินไทย (Thai Airway) เป็นสายการบินสัญชาติไทยที่ให้บริการทั้งจุดหมายปลายทางภายในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 35 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมันนี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทย กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 25x45x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้
นอกจากนี้ยังสามารถพกสิ่งของเหล่านี้ขึ้นเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- กระเป๋าใส่ของมีค่า เช่น กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าใส่เงิน โดยมีขนาดกระเป๋าไม่เกิน 12.5x25x37.5 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือแล็ปท็อป
- ไม้ค้ำยัน ในกรณีที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือผู้ที่ทุพพลภาพ
- กล้องหรือกล้องส่องทางไกลขนาดเล็ก
- อาหารเด็กเล็ก
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทย กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ
- ชั้นหนึ่ง ระหว่างประเทศ 50 กิโลกรัม
- ชั้นธุรกิจ ในประเทศ 40 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
- ชั้นประหยัดพิเศษ ในประเทศ 30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
- ชั้นประหยัด ในประเทศ 20-30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 20-35 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยบาท โดยคิดเป็น 1.5% ของค่าบัตรโดยสารชั้นประหยัด แบบบินตรงเที่ยวเดียว ปกติสูงสุด หรือประมาณ 55-125 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามโซนของประเทศจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 12-70 ดอลลาร์สหรัฐ การแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้ออย่างน้อย 5 กิโลกรัม และไม่เกิน 50 กิโลกรัม โดยต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยบาท อยู่ระหว่าง 50-60 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ อยู่ระหว่าง 8-56 ดอลลาร์สหรัฐ การแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ
2. ไทยสมายล์ (Thai Smile)
ไทยสมายล์ (Thai Smile) เป็นสายการบินสัญชาติไทยที่มีเส้นทางการบินภายในประเทศและจุดหมายปลายทางต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น อินเดีย เวียดนาม ศรีลังกา จีน และมาเลเซีย
โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทยสมายล์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 25x45x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้
นอกจากนี้ยังสามารถพกสิ่งของเหล่านี้ขึ้นเครื่องโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- กระเป๋าใส่ของมีค่า เช่น กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าใส่เงิน โดยมีขนาดกระเป๋าไม่เกิน 12.5x25x37.5 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือแล็ปท็อป
- ผ้าคลุมไหล่ หรือผ้าห่ม จำนวนไม่เกิน 1 ผืน
- ร่ม จำนวนไม่เกิน 1 ด้าม
- กล้องถ่ายภาพหรือกล้องส่องทางไกลขนาดเล็ก จำนวน 1 ตัว
- หนังสือจำนวนที่เหมาะสม
- อาหารของเด็กทารกในปริมาณที่เหมาะสม
- อุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อนไหวหรือการเดิน เช่น ไม้ค้ำยัน เก้าอี้วีลแชร์ หรือกายอุปกรณ์เทียม สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้
- สุนัขนำทางสำหรับคนตาบอดหรือหูหนวก
- สินค้าปลอดภาษี ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของประเทศ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือบุหรี่
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทยสมายล์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ
- ชั้นพรีเมียม ในประเทศ 30 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 40 กิโลกรัม
- ชั้นประหยัด ในประเทศ 20 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 30 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 180 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ บาทไทย หรือรูปีอินเดีย ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางหรือจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 12-15 ดอลลาร์สหรัฐ 405-540 บาทไทย และ 1400 รูปีอินเดีย
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมีอัตราค่าใช้จ่ายเท่ากันทั้งในกรณีบินภายในประเทศและบินระหว่างประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้
- 5 กิโลกรัม = 600 บาท
- 10 กิโลกรัม = 900 บาท
- 15 กิโลกรัม = 1,350 บาท
- 20 กิโลกรัม = 1,800 บาท
- 25 กิโลกรัม = 2,250 บาท
- 30 กิโลกรัม = 2,700 บาท
- 40 กิโลกรัม = 3,600 บาท
3. สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways)
บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) เป็นสายการบินเชิงพาณิชย์ของไทยที่ให้บริการครอบคลุมหลายจังหวัดในประเทศไทย เช่น สุโขทัย ภูเก็ต เชียงใหม่ และตราด
โดยมีท่าอากาศยานหลักในประเทศหลายแห่ง ไม่ว่าเป็น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และท่าอากาศยานสมุย นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางการบินต่างประเทศ เช่น ลาว ฮ่องกง และมัลดีฟส์ อีกด้วย สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องบินที่โดยสาร มีรายละเอียดดังนี้
- ประเภทเครื่องบิน ATR72 ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องไม่เกิน 23x36x50 เซนติเมตร
- ประเภทเครื่องบิน Airbus 319 และ Airbus 320 ขนาดกระเป๋าขึ้นเครื่องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ
- ชั้นธุรกิจบลูริบบิน น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง 40 กิโลกรัม
- ชั้นประหยัด น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง 20 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 180 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 11-60 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- กรณีที่บินภายในประเทศ
- 5 กิโลกรัม = 600 บาท
- 10 กิโลกรัม = 900 บาท
- 15 กิโลกรัม = 1,350 บาท
- 20 กิโลกรัม = 1,800 บาท
- 25 กิโลกรัม = 2,250 บาท
- 30 กิโลกรัม = 2,700 บาท
- 40 กิโลกรัม = 3,600 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมคิดเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐ อยู่ระหว่าง 8-48 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราคามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางและจุดหมายปลายทาง โดยต้องซื้อน้ำหนักอย่างน้อย 5 กิโลกรัม
4. นกแอร์ (Nok Air)
นกแอร์ (Nok Air) เป็นสายการบินราคาประหยัดของไทย ให้บริการพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศไทยและภายในทวีปเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน อินเดีย และญี่ปุ่น
โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่สนามบินดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินนกแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร รวมความสูงจากล้อ และมือจับ ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่งได้
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินนกแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ แบ่งตามประเภทของบัตรโดยสาร คือ
- บินเบาๆ (Nok Lite) ไม่มี
- บินสบาย (Nok X-tra) ในประเทศ 15 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 20 กิโลกรัม
- บินเพลิดเพลิน (Nok MAX) ในประเทศ 25 กิโลกรัม และระหว่างประเทศ 30 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 400 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 500 บาท
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยมีอัตราแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรโดยสาร จุดหมายปลายทาง จำนวนน้ำหนักที่ซื้อเพิ่ม และช่วงเวลาที่ซื้อน้ำหนักเพิ่ม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- กรณีซื้อพร้อมบัตรโดยสาร ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท
- กรณีซื้อเพิ่มหลังซื้อบัตรโดยสารแล้ว ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 250 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 5 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท
5. ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air)
ไทยเวียตเจ็ทแอร์ (Thai Vietjet Air) เป็นสายการบินในเครือเวียตเจ็ทแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำจากประเทศเวียดนาม โดยเป็นสายการบินที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในประเทศไทยและเมืองสำคัญของประเทศเวียดนาม เช่น เกิ่นเทอ และดานัง นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางบินระหว่างประเทศในแถบเอเชีย อาทิ กัมพูชา สิงคโปร์ และไต้หวัน อีกด้วย
โดยมีท่าอากาศยานหลักอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร ซึ่งต้องเก็บไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะหรือใต้เบาะนั่ง
นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าถือใบเล็กหรือกระเป๋าแล็ปท็อปอีก 1 ใบขึ้นเครื่องได้
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 32 กิโลกรัม และแต่ละชิ้นต้องมีขนาดไม่เกิน 81x119x119 เซนติเมตร
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 320 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 450-650 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการเดินทาง
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม
- น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ภายในประเทศ 355 บาท และบินระหว่างประเทศ 540-1050 บาท
- น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ภายในประเทศ 395 บาท และบินระหว่างประเทศ 715-1,400 บาท
- น้ำหนัก 25 กิโลกรัม ภายในประเทศ 495 บาท และบินระหว่างประเทศ 923-1,650 บาท
- น้ำหนัก 30 กิโลกรัม ภายในประเทศ 795 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,260-1,980บาท
- น้ำหนัก 35 กิโลกรัม ภายในประเทศ 955 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,512-2,310 บาท
- น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ภายในประเทศ 1,195 บาท และบินระหว่างประเทศ 1,875-2,800 บาท
6. แอร์เอเชีย (Air Asia)
แอร์เอเชีย (Air Asia) เป็นสายการบินข้ามชาติต้นทุนต่ำระหว่างไทยกับมาเลเซีย ให้บริการเส้นทางการบินในหลายจังหวัดของประเทศไทย เช่น ขอนแก่น ตรัง และเชียงใหม่ รวมถึง จุดหมายปลายทางในภูมิภาคเอเชียอีกหลายแห่ง เช่น จีน ฮ่องกง และอินเดีย
โดยมีฐานการบินอยู่ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้จำนวน 2 ใบ โดยต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
- กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ใบ ต้องมีขนาดไม่เกิน 23x36x56 เซนติเมตร และต้องสามารถเก็บในช่องใส่สัมภาษณ์เหนือศีรษะได้
- กระเป๋าใส่ทรัพย์สินจำนวน 1 ใบ โดยอาจเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าขนาดเล็ก หรือกระเป๋าใส่แล็ปท็อป ที่มีขนาดไม่เกิน 10x30x40 เซนติเมตร และต้องสามารถจัดเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าได้
ในกรณีของเที่ยวการบินแอร์เอเชียอินเดีย จากจัมมู หรือ ศรีนาการ์ ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง เนื่องจากข้อกำหนดการรักษาความปลอดภัยของสนามบิน
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่น้ำหนักรวมของกระเป๋าสัมภาระต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด โดยแบ่งตามประเภทของบัตรโดยสาร คือ
- Low Fare ไม่มี
- Value Pack และ Premium Flex น้ำหนัก 20 กิโลกรัม
- Premium Flatbed น้ำหนัก 40 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ในกรณีที่น้ำหนักของกระเป๋าเกิน ค่าใช้จ่ายในส่วนของ 15 กิโลกรัมแรก คิดเป็น 1,300 บาท และในกิโลกรัมต่อไปกิโลกรัมละ 455 บาท รวมถึง หากกระเป๋าสัมภาระมีขนาดใบใหญ่กว่าช่องเก็บของเหนือศีรษะ มีค่าใช้จ่าย 2,210 บาท
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยซื้อได้ไม่เกิน 40 กิโลกรัม
- กรณีซื้อพร้อมบัตรโดยสาร ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 468 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,368 บาท
- กรณีซื้อเพิ่มหลังซื้อบัตรโดยสารแล้ว ภายในประเทศเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 520 บาท ส่วนระหว่างประเทศเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,533 บาท
7. ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air)
ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) เป็นสายการบินต้นทุนต่ำระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั้งภายในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน เนปาล ไต้หวัน และเวียดนาม
โดยมีฐานการบินอยู่ทั้งท่าอากาศยานดอนเมือง สำหรับนโยบายเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าที่อนุญาตให้ถือและโหลดขึ้นเครื่อง มีดังนี้
กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ คือ กระเป๋าสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยขนาดของกระเป๋าต้องไม่เกิน 20x30x40 เซนติเมตร
กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง (Checked baggage)
ตามนโยบายของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กระเป๋าสัมภาระที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ คือ
- กรณีบินภายในประเทศ จำนวน 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม
- กรณีบินระหว่างประเทศ จำนวนไม่เกิน 2 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักสัมภาระเกิน
- กรณีที่บินภายในประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 300 บาท
- กรณีที่บินระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลกรัมละ 500 บาท แต่ถ้าเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ ราคา 400 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม โดยจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ซึ่งซื้อได้ไม่เกิน 45 กิโลกรัม และน้ำหนักสัมภาระแต่ละชิ้นต้องไม่เกิน 32 กิโลกรัม มีอัตราค่าใช้จ่ายเท่ากันทั้งในกรณีบินภายในประเทศและบินระหว่างประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้
- เพิ่ม 5 กิโลกรัม ภายในประเทศ 200 บาท และระหว่างประเทศ 325 บาท
- เพิ่ม 10 กิโลกรัม ภายในประเทศ 275 บาท และระหว่างประเทศ 475 บาท
- เพิ่ม 15 กิโลกรัม ภายในประเทศ 375 บาท และระหว่างประเทศ 625 บาท
- เพิ่ม 20 กิโลกรัม ภายในประเทศ 405 บาท และระหว่างประเทศ 775 บาท
- เพิ่ม 25 กิโลกรัม ภายในประเทศ 495 บาท และระหว่างประเทศ 1,000 บาท
- เพิ่ม 30 กิโลกรัม ภายในประเทศ 645 บาท
- เพิ่ม 35 กิโลกรัม ภายในประเทศ 795 บาท
ขึ้นเครื่อง แบบไม่ต้องสนใจเรื่องขนาด น้ำหนัก ทำได้ไหม?
หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับข้อจำกัดของน้ำหนักกระเป๋าที่ถือหรือโหลดขึ้นเครื่อง รวมถึง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการโหลดกระเป๋า ในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน หลายๆ คนอาจสงสัยว่า สามารถเดินทางโดยสารเครื่องบิน แบบไม่ต้องสนใจเรื่องขนาดหรือน้ำหนักของสัมภาระได้ไหม?
คำตอบ คือ สามารถทำได้ เพราะ AIRPORTELs มีบริการรับฝากกระเป๋าตามจุดต่างๆ และบริการขนส่งสัมภาระไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าเป็น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ใช้บริการอะไรได้บ้าง
AIRPORTELs พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น โดยมีบริการหลักๆ ดังนี้
บริการขนส่งสัมภาระกระเป๋า
AIRPORTELs ให้บริการขนส่งสัมภาระ ทั้งภายในกรุงเทพฯ และการขนส่งข้ามจังหวัด ไม่ว่าเป็น ท่าอากาศยาน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่พัก
โดยไม่จำกัดทั้งขนาดและน้ำหนักของสัมภาระ รวมถึง ระยะทางการขนส่ง มีอัตราค่าบริการขนส่งสัมภาระกระเป๋าเริ่มต้นที่ 299 บาท พร้อมระบบติดตามสถานะของสัมภาระ
บริการฝากของ ฝากกระเป๋า
บริการรับฝากสัมภาระของแอร์พอเทลล์ นั้นครอบคลุมตั้งแต่ กระเป๋าสัมภาระ อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น แล็ปท็อป จักรยาน หรือถุงกอล์ฟ มีอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 100 บาท ต่อสัมภาระ 1 ชิ้น
ซึ่งไม่มีการจำกัดน้ำหนักหรือขนาด โดยมีบริการจุดบริการที่สนามบิน และห้างสรรพสินค้า ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้แก่
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดให้บริการระหว่างเวลา 06.00 – 24.00 น.
- เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
- เทอร์มินอล 21 อโศก เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
- เทอร์มินอล 21 พัทยา เปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 11.00 – 22.00 น. และวันศุกร์-วันอาทิตย์(วันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 11.00 – 2300 น.
- เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
- ไอคอนสยาม เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น.
- มิกซ์จตุจักร เปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 10.00 – 20.00 น. และวันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 21.00 น.
- เยาวราช เปิดให้บริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น. และวันเสาร์ เวลา 10.00 – 14.00 น.
นอกจากนี้ ยังมีบริการรับฝากระยะยาว รับประกันมูลค่าของสูงสุดถึง 50,000 บาทอีกด้วย
ส่งกระเป๋าดีกว่าการโหลดหรือนำขึ้นเครื่องเองอย่างไร
สำหรับข้อดีของบริการจาก Airportels ที่โดดเด่นกว่าการนำกระเป๋าถือหรือโหลดขึ้นเครื่อง มีด้วยกันมากมาย เช่น
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับแผนการท่องเที่ยว หลายๆ คนจำเป็นต้องนำสัมภาระไปเก็บยังที่พักก่อน ถึงเริ่มการท่องเที่ยวได้ หรือหากบินไฟล์ตดึก หลังจากเช็กเอาต์แล้วไม่สามารถฝากกระเป๋าไว้กับที่พักได้ แต่บริการขนส่งกระเป๋าของ AIRPORTELs สามารถนำสัมภาระไปส่งให้ยังโรงแรม สนามบิน หรือห้างสรรพสินค้าใกล้รถไฟฟ้า BTS
- ไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดและน้ำหนักของกระเป๋า แม้ว่าสายการบินต่างๆ มีบริการโหลดกระเป๋าและการซื้อน้ำหนักเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ก็ยังจำกัดน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 40-50 กิโลกรัมต่อคน รวมถึงยังมีการจำกัดขนาดของกระเป๋าที่สามารถใช้ได้อีกด้วย
- ไม่ต้องแกะและแพ็กสัมภาระใหม่ เนื่องจากสายการบินต่างๆ ได้กำหนดปริมาณของของเหลว เช่น แชมพู ครีมนวดผม หรือน้ำหอม รวมถึง ลิสต์รายการสัมภาระที่ไม่สามารถโหลดได้ แต่จำเป็นต้องถือขึ้นเครื่อง ซึ่งทำให้หลายๆ คนต้องประสบปัญหาการแกะและแพ็กสัมภาระใหม่
ก่อนการโดยสารเครื่องบิน ไม่ว่าเป็น การเดินทางท่องเที่ยวภายในและระหว่างประเทศ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง และอัตราค่าบริการโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องก่อน เพราะแต่ละสายการบินมีนโยบายสัมภาระที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องแกะสัมภาระและแพ็กใหม่ที่สนามบิน หรือเสียเงินเพิ่มเติมในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน แต่สำหรับใครที่อยากออกทริปภายในประเทศไทย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเกณฑ์สัมภาระและยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับแผนการท่องเที่ยว บริการฝากของและขนส่งสัมภาระของ AIRPORTELs คือคำตอบ
อ่านเพิ่มเติม