ด้วยปัจจุบันธุรกิจ E-commerce มีการขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งทุกคนสามารถเริ่มธุรกิจเป็นผู้ค้านี้ได้ไม่ยากเพียงแค่มีสินค้าที่ผู้คนทั่วไปต้องการ อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญสิ่งหนึ่งนอกจากกรณีว่าจะเลือกนำสินค้าใดมาขายแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญคือ จะส่งสินค้านั้นอย่างไร แบบใดคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากการส่งสินค้า ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง หากมีราคาต่ำก็ยิ่งหมายถึงกำไรที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน มีผู้ประกอบธุรกิจรับขนส่งพัสดุสินค้าจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 10 ราย ซึ่งก็มีวิธีคิด คำนวณค่าขนส่ง บริการแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ขอนำเสนอหลักการ คำนวณค่าขนส่ง เฉพาะภายในประเทศของผู้ให้บริการ 2 รายสำคัญเบื้องต้นคือ 1. ไปรษณีย์ไทย เป็นที่รู้จักอย่างดีของคนไทย ประกอบธุรกิจมาอย่างยาวนาน และ 2. Kerry บริษัทสัญชาติมาเลเซีย (ผู้ก่อตั้ง) เข้ามาในประเทศไทยช่วงปี 2549
เรื่องค่าบริการของไปรษณีย์ไทย คิดตามอัตราน้ำหนักเป็นหลัก ยิ่งน้ำหนักมาก ค่าบริการยิ่งสูง ทั้งนี้แยกตามประเภทการขนส่งได้ 3 รูปแบบ ดังนี้
วิธี คำนวณค่าขนส่ง พัสดุแบบต่าง ๆ
1. พัสดุแบบธรรมดา เริ่มต้นน้ำหนักกิโลกรัมแรกที่ราคา 20 บาท กิโลกรัมต่อไป กิโลกรัมละ 15 บาท เช่น ไม่เกิน 1 กิโลกรัม ค่าบริการ 20 บาท, เกิน 1 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ค่าบริการ 35 บาท
ทั้งนี้สามารถส่งสูงสุดได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม หากเกินกว่านี้จะเป็นการส่งแบบ Logis post ซึ่งส่งได้ 20-200 กิโลกรัม กล่าวคือ ให้ผู้รับพัสดุมีหน้าที่ไปรับสินค้า ณ ที่ทำการไปรษณีย์นั้นแทน หากให้มาส่งต้องมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก และราคาแยกตามโซนพื้นที่การส่ง โดยการส่งไปพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป เช่น พัทลุง สงขลา อัตราค่าบริการจะสูงกว่าในกรุงเทพฯ เกือบ 2 เท่า
2. พัสดุแบบลงทะเบียน เริ่มต้นที่ราคา 18 บาท สูงสุดที่ 58 บาท โดยสามารถส่งได้สูงสุดไม่เกิน 2000 กรัม (2 กิโลกรัม) หากส่งไม่เกิน 100 กรัม ค่าบริการ 18 บาท, เกิน 100 กรัม แต่ไม่เกิน 250 กรัม ค่าบริการ 22 บาท
3. พัสดุแบบด่วนพิเศษ (EMS) เริ่มต้นที่ราคา 32 บาท สูงสุดที่ 612 บาท โดยสามารถส่งสินค้าหนักมากสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม หากส่งไม่เกิน 20 กรัม ค่าบริการ 32 บาท, เกิน 20 กรัม แต่ไม่เกิน 100 กรัม ราคา 37 บาท
อัตราค่าบริการ
อัตราค่าบริการซองจดหมายและกล่องพัสดุ เริ่มต้นที่ซองจดหมายแบบ C6 สีขาว ขนาด 114×162 มม. 3 ซอง 2 บาท จนถึงขนาดใหญ่สุด ซองขยายข้าง C4 ขนาด 229×324 มม. ราคาซองละ 5 บาท
ซองกันกระแทก C5 ขนาด 162×229 มม. ราคาซองละ 12 บาท
ซองกันกระแทก C4 ขนาด 249x 324 มม. ราคาซองละ 17 บาท
กล่องพัสดุแบบธรรมดาสีน้ำตาล หมายเลข 1 ขนาด 30x100x30 ซม. ราคากล่องละ 35 บาท จนถึงขนาดใหญ่สุด กล่องธรรมดาหมายเลข 6 ขนาด 45x55x40 ซม. ราคากล่องละ 55 บาท
กล่องพัสดุสำเร็จรูปแบบ ก. ขนาด 14x20x6 ซม. ราคา 9 บาท จนถึงขนาดใหญ่สุด กล่องสำเร็จรูปแบบ ฉ. ขนาด 30x45x20 ซม. ราคากล่องละ 32 บาท
สำหรับ Kerry นั้น การคิดอัตรา คำนวณค่าขนส่ง โดยหลักจะเป็นลักษณะเหมาไม่แยกย่อยเท่าของไปรษณีย์ไทย ดังนี้
ซองจดหมาย Envelope ขนาด 32×23 ซม. น้ำหนักรวมไม่เกิน 500 กรัม คิดอัตราในกรุงเทพฯ 30 บาท ต่างจังหวัด 50 บาท
ซองจดหมาย Seal Bag (A) ขนาด 32×23 ซม. น้ำหนักรวมไม่เกิน 1 กิโลกรัม คิดอัตราในกรุงเทพฯ 40บาท ต่างจังหวัด 60 บาท
กล่องพัสดุขนาดเล็กสุด (mini) ขนาด 40 ซม. น้ำหนักรวมไม่เกิน 2 กิโลกรัม คิดอัตราในกรุงเทพฯ 35บาท ต่างจังหวัด 55 บาท
กล่องพัสดุขนาดใหญ่สุด (xxl) ขนาด 200 ซม. น้ำหนักรวมไม่เกิน 25 กิโลกรัม คิดอัตราในกรุงเทพฯ 380 บาท ต่างจังหวัด 420บาท
จากที่กล่าวมาข้างต้น น่าจะพอเห็นภาพได้ว่า การคำนวณค่าขนส่ง โดยหลักนั้นพิจารณาจากน้ำหนักและขนาด โดยในแต่ละผู้ประกอบธุรกิจรับขนส่งอาจคิดอัตราแตกต่างไปบ้าง เช่น ไปรษณีย์ไทย คิดอัตราน้ำหนักถี่กว่าของ Kerry ส่วน Kerry จะคิดอัตราค่าขนส่งลักษณะเหมาเป็นหลัก อีกทั้งไปรษณีย์ไทยจะมีการขนส่งหลายประเภท ซึ่งราคามากน้อยแตกต่างกันไป ส่วน Kerry มีลักษณะ express ซึ่งเทียบได้กับ EMS ของไปรษณีย์ไทยเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ในการเลือกใช้บริการ ผู้ส่งอาจต้องพิจารณาเรื่องน้ำหนัก และขนาดสินค้า หากน้ำหนักน้อย การเลือกส่งของทางไปรษณีย์ไทยน่าจะคุ้มค่ากว่า ส่วนถ้าน้ำหนักพัสดุมาก การเลือกส่งโดย Kerry น่าจะคุ้มค่ามากกว่า เป็นต้น