19 โรงแรมใกล้เยาวราชระดับตำนาน ห้ามพลาด

เยาวราช เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพซึ่งเป็นที่รู้จักทั้งในกลุ่มคนไทยและต่างชาติ มีชื่อเสียงในเรื่องสตรีทฟู้ด รวมถึงยังมีเขตเมืองเก่าซึ่งคุณจะได้สัมผัสวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม ความคึกคักของเยาวราชจะเริ่มในช่วงเย็น

ซึ่งเมื่อมาเที่ยวแล้วก็อาจไม่จบในวันเดียว เพราะมีร้านอาหารมากมายรอให้คุณลิ้มลอง ยิ่งไปกว่านั้นช่วงระหว่างวันก็ยังเที่ยวบริเวณใกล้เคียงอย่างเช่นเกาะรัตนโกสินทร์ได้ ถ้ามีโรงแรมในโซนเยาวราชให้พักก่อนเที่ยวในวันรุ่งขึ้นก็คงดี

ถ้าคุณกำลังมองหาที่พักในโซนเยาวราช วันนี้เราจัดมาให้ถึง 19 โรงแรม โดยเป็นที่พักระดับตำนาน ไปดูกันได้เลยครับ!

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

1. Grand China Hotel Bangkok

ขอเริ่มด้วยโรงแรมเก่าแก่บนถนนเยาวราช และเป็นโรงแรมที่นักท่องเที่ยวต่างยกให้เป็นโรงแรมที่ให้บริการระดับ First Class จุดเด่นของที่นี่คือห้องพักที่ให้คุณได้เห็นวิวแบบ 360 องศา มีอ่างอาบน้ำอยู่ติดริมระเบียงซึ่งกั้นไว้ด้วยกระจกสีใสทำให้คุณได้เห็นวิวเยาวราชอย่างชัดเจน

2. Shanghai Mansion Bangkok

จุดเด่นของที่นี่คือการตกแต่งด้วยผ้าไหมพร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใส ภายในโรงแรมมีบริการสปา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในห้องพักก็พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และยังมีสวนในร่มขนาดใหญ่ รวมถึงการเดินทางก็สะดวกด้วย เพราะอยู่ใกล้ MRT วัดมังกรในระยะที่เดินถึงได้สบาย

3. Ago Hotel Chinatown

อีกหนึ่งโรงแรมที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องพักตกแต่งสไตล์เรียบง่าย และบางห้องยังมีวิวสวนให้รับชมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารบุฟเฟต์นานาชาติให้ผู้เข้าพักด้วย

4. Hotel Royal Bangkok @ Chinatown

โรงแรมที่เปิดมานานหลายปี เป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่มาเยาวราช ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น และมีห้องพักให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ห้องแบบ Superior ไปจนถึงห้องแบบ Suite ซึ่งมีห้องนั่งเล่น จัดเป็นโรงแรมระดับ 4.5 ดาว จึงขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราอยู่สบาย และยังมีบริการห้องจัดเลี้ยงด้วย

5. The Quarter Hualamphong by UHG

รู้จักกันอีกในชื่อโรงแรม Prime Hotel Central Station Bangkok ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นผสมกับสไตล์มินิมอล เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งในเรื่องการเดินทางและการพักผ่อน ตัวโรงแรมตั้งอยู่ตรงข้าม MRT หัวลำโพง โดดเด่นด้วยห้องพักที่สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพแบบ 360 องศาได้จากภายในห้อง 

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

6. Villa De Pranakorn – Relais & Chateaux

โรงแรมที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าของกรุงเทพฯ รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ตัวโรงแรมตกแต่งสไตล์โมเดิร์น จัดว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว จึงการันตีได้เลยในเรื่องความหรูหราสะดวกสบาย พูดถึงการเดินทางจากที่นี่ไปเที่ยวเยาวราช ก็จัดว่าไม่ไกล

7. Miramar Hotel Bangkok

จุดเด่นของที่นี่คือตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ รายล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และไม่ไกลจากแหล่งของกินรวมถึงที่เที่ยวซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของเยาวราช ตัวโรงแรมตกแต่งในรูปแบบซึ่งเน้นความเป็นไทยโดยผสานให้เข้ากับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบโมเดิร์นได้อย่างลงตัว

8. The Krungkasem Srikrung Hotel

โรงแรมสไตล์คลาสสิกซึ่งอยู่คู่กับสถานีรถไฟหัวลำโพงมาอย่างยาวนาน ตกแต่งด้วยเครื่องกระเบื้อง มีลิฟต์แบบเก่าซึ่งยังคงใช้งานได้จริงและไม่ค่อยเห็นตามสถานที่ต่าง ๆ ในทุกวันนี้แล้ว Coffee Shop ของโรงแรมตกแต่งสไตล์ Retro ใครต้องการที่พักแบบคลาสสิก ต้องที่นี่เลย

9. The Spades Private Residence

ตัวโรงแรมตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เน้นตกแต่งด้วยโทนสีที่ดูสบายตา พร้อมวิวเมืองและวิวพื้นที่สีเขียวจากห้องพัก จึงเหมาะกับการพักผ่อนหลังจากเที่ยวมาทั้งวัน

10. Room Quest 2499 Heritage Hotel Chinatown

ตัวโรงแรมตั้งอยู่ตรงซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน ตกแต่งภายนอกด้วยสไตล์สถาปัตยกรรมจีน ผสานเข้ากับการแต่งห้องพักสไตล์มินิมอลได้อย่างลงตัว

11. Lhong Yaowarat Boutique Hotel & Cafe

ที่พักซึ่งได้รับการปรับปรุงจากอาคารเก่าอายุ 80 ปี ชั้นล่างเปิดเป็นคาเฟ่ ส่วนชั้นบนเป็นที่พักแบบโฮสเทล คาเฟ่ตกแต่งสไตล์วินเทจไม่ว่าจะเป็นโทนสีและเครื่องกระเบื้องเพนต์มือ มีห้องพักให้เลือกสามแบบ เหมาะทั้งมาพักผ่อนคนเดียวและกับครอบครัว

12. The Mustang Blu

ตัวโรงแรมรีโนเวตจากอาคารแบบโคโลเนียลอายุกว่า 100 ปีโดดเด่นด้วยพื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ชั้นล่างของโรงแรมเปิดเป็นคาเฟ่ มาพร้อมกับห้องพักให้เลือกสองรูปแบบโดยตกแต่งในสไตล์วินเทจ

13. Live Local Yaowarat

LIVE LOCAL
Image : LIVE LOCAL

ที่พักสไตล์วินเทจ ตัวอาคารเป็นสไตล์ห้องแถวโบราณ มีคาเฟ่ให้บริการบริเวณชั้นล่าง ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงสองชั้น สำหรับการเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ใกล้ MRT สถานีวัดมังกร

14. Luk Hostel

อีกหนึ่งโรงแรมที่ได้รับการปรับปรุงจากอาคารเก่า ผสานสไตล์โมเดิร์นเข้ากับสถาปัตยกรรมจีนดั้งเดิมได้อย่างลงตัว มีให้เลือกทั้งห้องพักรวมแบบโฮสเทลและห้องพักแบบส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีบาร์และพื้นที่ส่วนกลางของแต่ละชั้นให้พักผ่อน

15. Old Thai Heng Hotel

ตัวโรงแรมรีโนเวตจากอาคารเก่าอายุกว่า 60 ปีโดยคงโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิมไว้และผสานเข้ากับความโมเดิร์นได้แบบลงตัว ช่วยให้คุณได้สัมผัสความอบอุ่นของวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม

16. Cacha Bed Heritage Hotel

เดินทางสะดวกสบายเพียงแค่ลง MRT สถานีสามยอด ตัวโรงแรมรีโนเวตจากอาคารเก่าทรงวิคตอเรียนซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1900 ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้เก่าแก่ ซึ่งบางชิ้นมีอายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ซึ่งไม่ซ้ำแบบใคร

17. China Town Hotel

โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช ตกแต่งสไตล์จีนผสมกับสไตล์โมเดิร์น เน้นโทนสีสว่างทำให้รู้สึกสบายตา เหมาะกับการพักผ่อนเพราะในห้องพักแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน

บริการขนส่งและฝากกระเป๋า

18. ASAI Bangkok Chinatown

asaihotels
Image : asaihotels

ตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่าย ผสานการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีอ่อนทำให้ดูแล้วสบายตา เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนด้วยความสงบ

19. The Orientale

ปิดท้ายกับบูติคโฮสเทลสุดหรู อยู่ในทำเลที่ดี ห่างจาก MRT สถานีหัวลำโพงในระยะที่เดินได้ ด้วยทำเลแบบนี้ทำให้สามารถเดินไปทุกจุดในเยาวราชได้แบบสบาย ๆ 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ 19 โรงแรมที่เราจัดมาให้ มีตั้งแต่บูติคโฮเทลไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว หลายที่ได้รับการปรับปรุงจากอาคารเก่าโดยยังคงเอกลักษณ์โครงสร้างเดิมเอาไว้ ทำให้มีสไตล์ไม่เหมือนใคร

มาเยาวราชครั้งต่อไป ไม่จำเป็นต้องรีบกลับอีกแล้ว เลือกโรงแรมจากลิสต์ของเรา และพักผ่อนให้สบายก่อนเริ่มวันใหม่ดีกว่า ไม่ว่าจะมาเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจ ก็มีที่พักถูกใจสำหรับคุณอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม

ที่มาข้อมูล

เปิดประสบการณ์การนอนในสนามบิน อัพเดตที่พักในสุวรรณภูมิ 2023

ห้องพักรายวันแถว สนามบินสุวรรณภูมิ มีอยู่หลายสิบแห่ง เดินทางเพียง 5 นาทีถึง ราคาหลักร้อย ประหยัดและพักสบายเหมาะสำหรับคนที่รอขึ้นเครื่องข้ามวัน ส่วนคนที่ต้องการแค่ที่พักเอนหลังสักสองสามชั่วโมง ไม่อยากตกเครื่อง และไม่อยากนอนรอตามเก้าอี้สนามบิน ไม่ควรพลาดเช็คอินโรงแรมลับในสนามบิน เช็คอินเวลาไหนก็ได้ จ่ายค่าห้องรายชั่วโมงหรือรายวัน สะดวกมากและราคาไม่แพง รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็กเกอร์โดยเฉพาะ มาดูกันว่าพักที่ไหนได้บ้าง

 

1.Boxtel Suvarnabhumi Airport

โรงแรมในสนามบินที่ว่ากันว่าเป็นโรงแรมลับแห่งนั้นคือ “Boxtel” โรงแรมรายชั่วโมงที่อยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมินั่นเอง ไฮไลท์ของโรงแรมแคปซูลคือห้องพักส่วนตัวขนาดเล็กสำหรับนอนพักผ่อนช่วงสั้น ๆ ระหว่างรอขึ้นเครื่องหรือเปลี่ยนเครื่องเนื่องจากเที่ยวบินมีปัญหา ได้นอนพักในห้องสะอาดสักงีบประหยัดแรงหายเหนื่อยดีกว่านอนตามเก้าอี้เหนื่อย ๆ ง่วง ๆ โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกสนามบิน ไม่ต้องเสี่ยงกับรถติดกลับมาขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา สามารถเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้โดยไม่ต้องต่อรถใดๆ ไม่ต้องเสี่ยงกับรถติดกลับมาขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา สามารถเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้โดยไม่ต้องต่อรถใด ๆ 

 
 

โรงแรม Boxtel สำหรับนักท่องเที่ยวเป็นห้องเตียงเดี่ยวสำหรับนอนคนเดียว มีระบบปรับอากาศ คำนวณราคาค่าห้องเป็นรายชั่วโมง จ่ายสบายกระเป๋าราคาถูกกว่าอัตราค้างคืนโรงแรมทั่วไป พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี ค่าบริการ 925-972 บาท/ห้อง/คืน จองโปรโมชั่นพักนาน 12 ช.ม. เหมาจ่าย 2,100 บาท สามารถจองห้องพักทางออนไลน์หรือโทรสอบถามข้อมูลโปรโมชั่นได้ตลอดเวลา นอกจากบริการห้องพักแล้วยังมีบริการรับฝากกระเป๋า ค่าบริการเริ่มต้นที่ 80 บาท/วัน หรือนำกระเป๋ามาฝากกับเราAIRPORTELs ในราคา 100บาท/วัน สามารถจองห้องพักผ่านอินเทอร์เน็ต รวมถึงในเว็บไซต์ Traveloka.com

 

รีวิวห้องพักที่ Boxtel 

ใครสนใจใช้บริการห้องพักรายชั่วโมงของโรงแรม BOXTEL ในสนามบินสุวรรณภูมิ เดินหาไม่ยาก เพราะตั้งอยู่บริเวณชั้น B หรือชั้นใต้ดินตรงโซนแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีสุวรรณภูมิ เหมาะแก่การเดินทางรถสาธารณะอย่างมาก รีวิวห้องพักจากนักเดินทางหลายคนที่ลองไปบริการกันมาแล้ว ห้องพักมีลักษณะเป็นห้องไม้ทรงกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดประมาณ 4 ตารางเมตร มีความเป็นส่วนตัว พื้นที่ไม่กว้างใหญ่แต่ไม่คับแคบเกินไป ภายในห้องพักมีเตียงเดี่ยวและเครื่องนอนคุณภาพเยี่ยมเทียบเท่ามาตรฐานโรงแรม 5 ดาว มีกระจกเงาด้วย ผู้ใหญ่นอนคนเดียวสบายหรือมีเด็กเล็กนอนด้วยได้อีกคน (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร) แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ต้องนอนแยกเดี่ยวเท่านั้น ประตูห้องพักเป็นระบบสมาร์ทคีย์ ในห้องมีปลั๊กไฟ และรหัส Wi-Fi ให้ใช้ฟรี มีโต๊ะพับเอาไว้เขียน นั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือก็ได้

ในห้องพักแบบ BOXTEL ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ด้วยขนาดพื้นที่จำกัด ห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนออกไปก็เป็นเรื่องดี เดินไปไม่ไกลใช้ห้องน้ำส่วนกลางของแอร์พอร์ตลิงก์ได้ มีปุ่มกดเรียกพนักงานเมื่อ ต้องการความช่วยเหลือและบริการโทรปลุกแขกที่อยู่ในห้องพัก (Wake Up Call) ไม่ต้องกังวลว่าจะนอนหลับเพลินจนตื่นมาขึ้นเครื่องไม่ทัน บริเวณใกล้เคียงห้องพักมีตู้ ATM และบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ห้องพักของ BOXTEL เปิดบริการมานานกว่า 6 ปีแล้ว มั่นใจในบริการที่มีคุณภาพได้แน่นอน

 

2. Avagard Capsule Hotel

อวกาศ แคปซูล โฮเทล เป็น โรงแรมในสนามบิน อีกแห่งที่หลายคนสนใจเข้ามาเช็คอิน สัมผัสประสบการณ์นอนชิล ๆ ในโรงแรมแคปซูลสักครั้ง ให้บริการห้องพักส่วนตัวสุดชิค บรรยากาศห้องพักสะอาดมากและเรียบง่าย ห้องพักของที่นี่มีล็อกเกอร์ให้เก็บกระเป๋าสัมภาระ 1 ช่องด้วย โรงแรมอวกาศ แคปซูลตั้งอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิสะดวกมาก ๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อนระยะสั้นรอต่อเครื่อง ค่าบริการ 589-1,439 บาท/ห้อง/คืน ปัจจุบันโรงแรมแคปซูลได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ไม่ได้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น คนไทยที่เดินทางขึ้นเครื่องตอนเช้ามืดหรือลงเครื่องกลางดึกสำรองห้องพักเข้าใช้บริการพักค้างคืนได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่เสี่ยงอันตรายตอนกลางคืน

  

รีวิวห้องพักที่ Avagard Capsule Hotel

โรงแรมแคปซูลสำหรับนอนหลับพักผ่อนมีลักษณะเป็นห้องเล็กกะทัดรัดดีไซน์ล้ำสมัยเหมือนยุคอวกาศ มีเครื่องใช้บริการในแคปซูลสำหรับ 1 คน เป็นเตียงควีนไซส์และชุดเครื่องนอนสะอาดคุณภาพดี ในห้องแคปซูลมีที่เก็บกระเป๋าเดินทาง ช่องชาร์จ USB พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี และไฟอ่านหนังสือ ด้านในยังมีกล้องวงจรปิดคอยรักษาความปลอดภัยไว้ให้ด้วย แต่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ใช้ห้องน้ำส่วนกลางของแอร์พอร์ตลิงก์ได้ ใกล้ ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ร้านอาหารและคาเฟ่หลายแห่งใกล้ที่พักเพียงไม่กี่ก้าว ใครอยากรู้จักโรงแรมแคปซูล อย่าพลาดเข้าไปสำรองห้องพักกัน

  

บริการโรงแรมในสนามบินสุวรรณภูมิเหมาะกับใครบ้าง

ถ้าบ้านไกลต้องบินเช้ามืด ไม่คิดจะเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ แต่ก็ไม่อยากพลาดเที่ยวบิน เพียงจองห้องพักแบบส่วนตัวเข้ามาเอนหลังรอก่อนขึ้นเครื่องได้ที่ Boxtel และ Avagard Capsuleไม่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ รอเครื่องตามเก้าอี้สนามบินเป็นเวลานาน ๆ ไปนอนรอที่สนามบินเลยทั้งสะดวกและประหยัดเงินกว่าค่าห้องพักของโรงแรมใกล้สนามบิน เนื่องจากแอร์พอร์ตลิงก์สุวรรณภูมิเปิดเที่ยวแรกเวลา 05.30 น. และเที่ยวสุดท้ายเวลาประมาณเที่ยงคืน หากกลับไฟล์ทดึก รถไฟฟ้าหมดและเรียกแท็กซี่ยาก แต่ลงเครื่องดึกแค่ไหนก็เข้าเช็คอินห้องพักที่นี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งต้องแบกสัมภาระเดินทางด้วย การพักโรงแรมใน สนามบินสุวรรณภูมิเป็นทางเลือกที่สะดวกมากเพราะไม่ต้องแบกกระเป๋าเดินทางออกนอกอาคารสนามบิน

เปรียบเทียบกับโรงแรมทั่วไปแล้ว โรงแรมในสนามบินทั้งสองแห่งให้ความสะดวกสบายสำหรับคนที่มีเที่ยวบินเช้าหรือรอต่อเครื่องนานหลายชั่วโมง ห้องพักสะอาดตาราคาหลักร้อยอาจดูย่อมเยากว่าค่าห้องนอนส่วนตัวในโรงแรมอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้สนามบินที่ให้ความสะดวกสบายและกว้างขวางกว่ามาก แต่ชดเชยกับความสบายใจว่าจะไม่พลาดเที่ยวบินสำคัญแน่นอน

 

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ชิ้น/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299 บาท/ชิ้น ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯ

จุดเด่น

  • เป็นวิธีจัดการเวลาที่ดี สามารถทำให้คุณวางแผนธุรกิจและการท่องเที่ยวของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีบริการรับฝากระยะยาว ทั้งรายสัปดาห์ และรายเดือน
  • ใช้งานง่าย ผ่านการจองออนไลน์ และรูปแบบอื่นๆ
  • ยืนยัน 100% ว่ากระเป๋าเดินทางของคุณจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • ประกันความเสียหายสูงสุดจำนวน 100,000 บาท
  • สามารถตรวจสอบสถานะหรือสอบถาม ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Facebook, Line, หรือ WeChat พร้อมกับการแจ้งเตือนอัพเดทสถานะผ่าน E-mail
  • บริการขนส่งกระเป๋า ระหว่างสนามบิน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือเกสต์เฮาส์ในกรุงเทพมหานคร

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่สนามบิน

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

สาขาของแอร์พอเทลล์ที่ห้างสรรพสินค้า

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

โปรโมชั่นพิเศษ

ฝากกระเป๋าฟรี 4 ชั่วโมงแรก ที่MBK CENTER

ติดต่อเรา

หมายเลขโทรศัพท์ : +66 02 026 6927

Website: Luggage Delivery Bangkok

E-mail: [email protected]

Line: @AIRPORTELs

ที่มาข้อมูล : 

รวม 15 สถานที่เที่ยวสุขุมวิท ย่านธุรกิจสุดฮิตของคนกรุงฯ

ถนนสุขุมวิทเป็นชื่อถนนที่หลายคนคุ้นหู นับเป็นถนนสำคัญอีกหนึ่งสายที่ทอดยาวที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครไปจนถึงชายแดนประเทศกัมพูชา นอกจากเป็นชื่อถนนแล้ว ยังเป็นชื่อย่านใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครอีกด้วย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารชื่อดัง สถานบันเทิงมากมาย แหล่งที่เที่ยวสุขุมวิทเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้คนมากิน เที่ยว เล่น พักผ่อนได้อย่างครบจบในที่เดียว 

นับเป็นย่านที่คึกคักอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ทำให้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จึงมักเลือกพักผ่อนและมาหาที่เที่ยวแถวสุขุมวิท ทั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และหลังเลิกงาน 

สำหรับใครที่กำลังหาที่เที่ยวสุขุมวิทที่สะดวกสบาย ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง บทความนี้ได้รวบรวมมาให้แล้ว ทั้งหมด 15 ที่เที่ยวสุขุมวิทที่น่าสนใจ 

ท้องฟ้าจำลอง

1. ท้องฟ้าจำลอง

ท้องฟ้าจำลองเป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่เดินทางไปได้สะดวกมากๆ โดยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ที่นี่เป็นแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ถูกอนุมัติจัดสร้างโดยกระทรวงศึกษาธิการ 

ภายในเต็มไปด้วยเครื่องมือการเรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ท้องฟ้าจำลอง ซึ่งเป็นไฮไลต์เด่นที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่ เป็นการจัดแสดงท้องฟ้าจำลองรอบละ 1 ชั่วโมง  ซึ่งมีทั้งการบรรยายความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์และมีการฉายภาพยนตร์เต็มเรื่องในตอนจบด้วย 

นอกจากนี้แล้วยังมี นิทรรศการวิทยาศาสตร์ โลกใต้น้ำ อาคารสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ อาคารตระหนักรู้พลังงาน และนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะพาน้องๆ หนูๆ มาเรียนรู้หรือผู้ใหญ่จะไปเที่ยวชมก็ได้ 

  • ที่อยู่: 928 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: ท้องฟ้าจำลอง  
  • เวลาทำการ: วันศุกร์ 11:00 น. – 15:00 น. /  วันเสาร์-อาทิตย์ 10:00 น. – 15:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัว จอดรถได้ที่พื้นที่จอดรถที่จัดไว้ของท้องฟ้าจำลอง
    • รถเมล์ประจำทาง สาย 149, 2, 25, 38, 40, 48, 501, 508, 511, 72
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 2
สวนเบญจสิริ

2. สวนเบญจสิริ

สวนเบญจสิริเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุขุมวิทแนวธรรมชาติที่น่าสนใจ ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ พื้นที่ธรรมชาติ เน้นการออกแบบให้เป็นสวนที่มีพื้นที่โล่ง โปร่ง สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้กว้างเต็มตา เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนหรือออกกำลังกาย ภายในสวนนอกจากจะมีต้นไม้ให้ร่มเงาแล้ว ยังมีประติมากรรมสวยๆ กลางสวนให้ได้ชมกันอีกด้วย 

สวนเบญจสิริเป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่คนกรุงนิยมมาพักผ่อนกันอย่างมาก ด้วยการเดินทางที่สะดวก ใกล้ถนนสายหลัก เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ได้ อยู่ใจกลางเมืองที่สามารถมาออกกำลังกายหลังเลิกงาน จึงตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวแนวธรรมชาติกลางกรุงขอแนะนำให้มาที่นี่เลย

  • ที่อยู่: อยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ 24 บนถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจสิริ 
  • เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 05:00 – 21:00 น.
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ 

3. หอศิลป์ศุภโชค (SAC Gallery)

หอศิลป์ศุภโชคเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่โดนใจสายอาร์ตที่รักศิลปะอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นตึกรวมผลงานศิลปะมากมายทั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

โดยตึกถูกออกแบบสไตล์โมเดิร์น ดูโดดเด่น มีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นมีงานศิลปะจัดแสดงเต็มทุกพื้นที่ ภายในมีทั้งการบรรยาย งานนิทรรศการศิลปะงานสาธิตต่างๆ รวมถึงงานเวิร์กช็อปอีกด้วย ใครที่มองหาที่เที่ยวแถวสุขุมวิทแนวนี้แวะมาได้เลยที่หอศิลป์ศุภโชค 

  • ที่อยู่: 160/3 ซอยสุขุมวิท 33 (แดงอุดม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110  
  • พิกัด: หอศิลป์ศุภโชค (SAC Gallery) 
  • เวลาทำการ: วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10:00 – 18:00 น. และ วันเสาร์เวลา 11:00 – 18:00 น.  (ปิดทุกวันอาทิตย์-วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 5 (ซอยสุขุมวิท 35) 
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท ทางออกที่ 2 (อาคารอินเตอร์เช้นจ์ 21) 
    • รถเมล์โดยสารประจำทาง สาย 2, 25, 501, 508, 511, 513, 38, 40 และ 48
    • เรือด่วนคลองแสนแสบ ลงที่ท่าเรืออิตันไทย
Japanese Town

4. Japanese Town

Japanese Town เป็นที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่น่าสนใจ สำหรับใครที่อยากเดินเล่น ชมบรรยากาศแบบญี่ปุ่น โดยไม่ต้องบินไปไกล ใจกลางกรุงเทพฯ ก็มี เดิมทีที่นี่เป็นชุมชนคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่เที่ยวสุดฮิตของนักท่องเที่ยวแทน เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มีเมนูให้เลือกมากมายหลายร้านเลยทีเดียว ทุกร้านทำโดยคนญี่ปุ่นแท้ๆ 

นอกจากนี้ยังมีร้านอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นร้านนวด สปา ร้านหนังสือ ร้านเช่า DVD โรงเรียนคาราเต้ และร้านขายทัวร์ ทำให้ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยบรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นมากๆ นับเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทสุดสัปดาห์ที่น่ามาไม่แพ้ที่อื่นเลย 

  • ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 33/1 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตพัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Japanese Town 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 5 เดินต่อไปที่ซอยสุขุมวิท 33/1 
Flow House Thailand (Bangkok)

5. Flow House Thailand (Bangkok)

เอาใจสายลุยกันบ้างกับที่เที่ยวสุขุมวิทอย่าง Flow House Thailand บีชคลับกลางใจเมือง ที่นี่คือศูนย์เล่นเซิร์ฟจำลองกลางกรุงเทพฯ ที่เดินทางสะดวก ไม่ต้องไปถึงทะเลก็เล่นเซิร์ฟได้ที่นี่ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีสปอร์ตบาร์ ห้องเล่นเกม ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหารและคาเฟ่อีกด้วย เป็นอีกที่เที่ยวแถวสุขุมวิทสำหรับสายกีฬาที่น่าสนใจอย่างมาก มาที่เดียวจบทั้งทำกิจกรรม ทานอาหาร พักผ่อน

  • ที่อยู่: 120/1 A-Square, ซอยสุขุมวิท 26 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด:  Flow House Thailand (Bangkok)  
  • เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันพุธ 11:00 – 21:00 น. / วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ 10:00 – 21:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีคลองเตย 
Whizdom Club

6. Whizdom Club

สำหรับใครที่มองหาพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือ ไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่ห้องสมุดอีกต่อไป เพราะที่เที่ยวสุขุมวิทสำหรับคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ได้แรงบันดาลใจมาจาก Knowledge Sharing Society ทำให้ที่นี่กลายเป็น Co-Working Space ที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซนด้วยกัน ทั้งโซนพื้นที่ทำงาน (Workspace Station) โซนพื้นที่ทำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน (Whiz Ground) และโซนพื้นที่จัดแสดง (Exhibition Room) ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าพื้นที่ทำงานร่วมกัน แต่เป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่เต็มไปด้วย Inspiration ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้สิ่งใหม่ที่น่าสนใจกลางกรุงเทพมหานคร 

  • ที่อยู่: โครงการ 101 True Digital Park ชั้น 4 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10260
  • พิกัด: Whizdom Club  
  • เวลาทำการ:  ทุกวัน 08:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี ทางออกที่ 6

7. Park Lane 

Park Lane เอกมัยเป็นอีกที่เที่ยวสุขุมวิทที่น่าสนใจ ที่นี่เป็นคอมมิวนิตีมอลล์สไตล์คนเมืองตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จุดเด่นคือที่นี่ถูกออกแบบให้ผู้ที่มาเยือนได้รับรู้สึกผ่อนคลายกลางใจเมืองสุดๆ ด้วยต้นไม้ สวน น้ำพุ การตกแต่งอาคารสุดชิคทำให้ที่นี่แตกต่างจากสถานที่ชอปปิงบนตึกสูงทั่วไป

ที่สำคัญเพียบพร้อมไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอาง ร้านเสริมสวย ร้านสปา ร้านแว่น ร้านอาหาร คาเฟ่ และที่สำคัญที่นี่ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหาที่เที่ยวสุขุมวิทที่มีพื้นที่รองรับเด็กๆ เพราะที่นี่มีร้าน Play Time สวนสนุกในร่มสำหรับเด็กไว้ให้บริการด้วย 

  • ที่อยู่: 18 ซอยสุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Park Lane 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 02:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย แล้วเข้าซอยสุขุมวิท 63 ต่อไปอีก 400 เมตร
The TwentySix 

8. The TwentySix 

The Twenty Six เป็น Shop House ที่เที่ยวสุขุมวิทใจกลางเมือง ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 26 เป็นพื้นที่ที่ได้รวมเอา 8 ร้านค้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน มาที่เดียวครบครันทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านขายของใช้น่ารักๆ คาเฟ่ ร้านทำเล็บ ร้านต่อขนตา สักคิ้ว ฝังสีปาก สตูดิโอสอนทอผ้า Golf Academy ร้านขายเสื้อผ้าและร้านแว็กซ์ ให้คุณได้มาพักผ่อนกับที่เที่ยวแถวสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ เพียบพร้อมด้วยบริการที่ครบครัน

  • ที่อยู่:  34/1 ซอยสุขุมวิท 26  แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด:  The TwentySix 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพษ์ แล้วเข้าซอยอารีย์ 650 เมตร 
RQ 49 Health & Lifestyle Mall

9. RQ 49 Health & Lifestyle Mall

มาต่อกันที่ที่เที่ยวสุขุมวิทเอาใจสายสุขภาพกันบ้าง ที่ RQ 49 Health & Lifestyle Mall ที่นี่เป็นมากกว่าคอมมิวนิตีมอลล์ทั่วไป เพราะเต็มไปด้วยการให้บริการด้านสุขภาพและความงามและร้านอาหารชั้นนำ โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นมีให้เลือกมากมาย พร้อมกับการตกแต่งสไตล์ Japan Modern ทำให้บรรยากาศที่นี่ นอกจากจะเป็นศูนย์รวมศูนย์สุขภาพแล้วยังได้รู้สึกเหมือนอยู่ใจกลางญี่ปุ่นอีกด้วย

  • ที่อยู่: 49/7 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 
  • พิกัด: RQ 49 Health & Lifestyle Mall 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 08:00. น. – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อหรือสถานีพร้อมพงษ์ แล้วเข้าซอยสุขุมวิท 49 ต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร
The EmQuartier

10. The EmQuartier

ที่เที่ยวสุขุมวิทที่สายชอปปิงจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ ศูนย์การค้า The EmQuartier ที่มีร้านค้าชั้นนำระดับโลกมากมายให้ได้เลือกชอป ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและยังมีร้านอาหารชื่อดังมากมาย

เป็นแหล่งการค้าใจกลางเมืองที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมากันเยอะมาก เพราะมีสินค้าให้เลือกครบครัน ไม่ว่าจะมาชอปปิงหรือพักผ่อนก็ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีโปรโมชั่นมากมายเอาใจนักชอปรออยู่อีกด้วย

และจุดที่พลาดไม่ได้สำหรับใครที่อยากชมวิวเมืองย่านสุขุมวิทจากมุมกว้าง ต้องไปที่สกายคลิฟ ชั้น 45 ของ The EmQuartier ที่นี่คุณจะได้เห็นกรุงเทพมหานครในแบบ 360 องศาเต็มๆ ตา รับรองว่าหาไม่ได้จากห้างสรรพสินค้าไหนอย่างแน่นอน

  • ที่อยู่: 695 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110 
  • พิกัด: The EmQuartier 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น. 
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท
Terminal 21 Asok

11. Terminal 21 Asok

ที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่เป็นทั้งแหล่งชอปปิงและรวมร้านอาหารชื่อดังรสเด็ด ที่เมื่อมาเที่ยวกรุงเทพฯ จะต้องมาเยือนให้ได้ ก็คือที่ Terminal 21 Asok (อโศก) นั่นเอง ที่นี่มีทั้งร้านค้าแบรนด์ชั้นนำให้คุณได้ชอปปิงมากมาย รวมถึงร้านอาหารเด็ดๆ อีกหลากหลายร้าน มีให้เลือกทั้งอาหารไทยและนานาชาติ ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นที่เที่ยวสุขุมวิทที่มีศูนย์อาหารที่ราคาถูกกลางใจเมือง อยู่ในห้างสรรพสินค้า Terminal 21 หลากหลายร้านด้วยกัน 

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่มาเที่ยวแล้วไม่อยากลากกระเป๋าเดินทางติดตัวให้วุ่นวาย หรือชอปปิงเยอะจนถือไม่ไหว ไม่อยากหิ้วถุงชอปปิงไปที่อื่นต่อ ที่ Terminal 21 มีให้บริการฝากกระเป๋าเดินทางและถุงชอปปิงของ Airportels ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชอปได้อย่างสบาย เที่ยวได้ไร้กังวล เพียงฝากกระเป๋าหรือฝากของไว้กับ Airportels 

  • ที่อยู่: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21 Asok 
  • เวลาทำการ:  ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.  
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
    • รถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท
Gateway Ekamai

12. Gateway Ekamai

หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุขุมวิท แหล่งชอปปิงกลางใจเมืองที่ส่วนใหญ่มีราคาไม่แพง ขอแนะนำ Gateway Ekamai ศูนย์การค้าที่รวมสินค้ามากมายในสไตล์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง โดยเฉพาะสินค้า IT ที่นี้ได้แบ่งโซน IT CITY ที่รวมอุปกรณ์ IT Gatget ไว้มากมายสำหรับสาย IT ต้องถูกใจอย่างแน่นอน รวมทั้งยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่ราคาดีให้เลือกสรรหลายร้านด้วยกัน เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้ครบทั้งชอปปิงของที่ชอบและได้ทานอาหารรสชาติที่ใช่ 

  • ที่อยู่: 982 ถนนสุขุมวิท 22  แขวงพระโขนง เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Gateway Ekamai 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถเมล์ รถประจำทาง สาย 2, 23, 25, 38, 40, 48, 71, 98, 501, 508, 511
    • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย ทางออก 4 
    • เรือโดยสาร คลองแสนแสบ เลือกลงท่าเรือ ร.ร. วิจิตรฯ ท่าเรือชาญอิสระ หรือท่าเรือทองหล่อ

13. Starbucks Sukhumvit 21

พลาดไม่ได้สำหรับที่เที่ยวสุขุมวิทเอาใจสายคาเฟนั่นคือ Starbucks Sukhumvit 21 สาขา Camp Davis ภายนอกร้านถูกออกแบบตกแต่งในสไตล์อังกฤษ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ทำให้ mood ภาพออกมาแล้วราวกับอยู่ที่อังกฤษจริงๆ เป็นอีกคาเฟที่ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนคาเฟอื่นๆ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทย คนต่างชาติ รวมถึงคนกรุงเทพฯ เองมักไปเที่ยวพักผ่อนนั่งรับประทานขนมและจิบเครื่องดื่ม รวมถึงถ่ายรูปสวยๆ กันเยอะมากๆ ใครที่อยากได้รูปสุดเก๋ มูดภาพชิคๆ ต้องมาที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่นี่เลย

  • ที่อยู่: 88 สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Starbucks Sukhumvit 21  
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออก 4 เดินต่อเข้าซอยสุขุมวิท 24 อีก 1.4 กิโลเมตร
Bo.lan

14. Bo.lan

ที่เที่ยวสุขุมวิทสำหรับสายกินที่อยากลิ้มลองอาหารไทยรสเลิศติดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย ต้องมาที่ร้าน Bo.lan (โบราณ) ที่นี่เป็นร้านอาหารไทยที่มีจุดเด่นคือ เลือกใช้วัตถุดิบจากเกษตรไทยเป็นหลักในการทำอาหาร โดยผ่านการคิดและพัฒนาจนเพิ่มมูลค่าของอาหารได้มากขึ้น จนได้พาอาหารไทยไปสร้างความรู้จักทั่วโลก 

สำหรับเมนูอาหารที่ร้านนี้จะแตกต่างกันออกไปตามช่วงฤดูของวัตถุดิบ นอกจากอาหารคาวที่รสชาติเป็นเลิศแล้ว ยังมีของหวานแสนอร่อยให้เลือกรับประทานตบท้ายของมื้อกันอีกด้วย ไม่ว่าจะมาแบบคนเดียว มากับคนรู้ใจ มากับเพื่อนหรือมาพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ร้าน Bo.lan ถือว่าเป็นอีกที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่ต้องลิสต์เอาไว้เลย 

  • ที่อยู่: 24 ซอยสุขุมวิท 53 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Bo.lan 
  • เวลาทำการ:
    • วันอาทิตย์ : เปิด 12:00 – 14:00 น.
    • วันจันทร์: ปิด
    • วันอังคาร:  ปิด
    • วันพุธ : 18:00 – 22:00 น.
    • วันพฤหัสบดี : 12:00 – 14:00 น. และ 18:00 – 22:00 น.
    • วันศุกร์ : 12:00 – 14:00 น. และ 18:00 – 22:00 น.
    • วันเสาร์:  12:00 – 14:00 น. และ 18:30 – 22:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • BTS ทองหล่อ แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 53 อีก 450 เมตร
Unbirthday Cafe

15. Unbirthday Cafe

ปิดท้ายที่เที่ยวสุขุมวิทที่สุดท้ายกับคาเฟ่บรรยากาศสุดชิลที่มีชื่อว่า Unbirthday Cafe ที่เที่ยวแถวสุขุมวิทที่มีคอนเซปต์ว่าการทานเค้กที่ดี อิ่มอกอิ่มใจ สามารถทานได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ในวันเกิด ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยเค้กที่หลากหลาย รสชาติดี น่าทานทุกชิ้น พร้อมเสิร์ฟให้คุณอิ่มเอมกับวันธรรมดาให้รู้สึกว่าพิเศษขึ้นมาได้ทุกวัน 

ซึ่งหากใครอยากทานเค้กอย่างเดียวก็สามารถไปซื้อได้ที่ Cake shelf ทั้ง 2 สาขา Emquartier ชั้น G และ Siam Paragon ชั้น G แต่ถ้าใครอยากทานเค้กอร่อยๆ พร้อมสัมผัสบรรยากาศ Cozy อบอุ่น สบายตา เหมือนอยู่บ้าน ต้องมาที่ Unbirthday Cafe Flagship Store ที่สุขุมวิท 31 

จุดเด่นของคาเฟ่นี้ หากมาตามทางที่บอกแล้วอาจมองหาร้านไม่เจอเพราะที่ตั้งของคาเฟ่จะอยู่บนชั้น 2 ของมาเปงเส็ง อพาร์ทเม้นท์ ให้เดินขึ้นมาเลยแล้วจะพบกับบรรยากาศสุดน่ารักและอบอุ่นของร้าน ในโทนสีขาวและสระว่ายน้ำ พร้อมกับมีส่วน Glasshouse ให้แสงเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย ไม่ว่าจะพักผ่อนด้วยการทานเค้กแสนอร่อยหรือถ่ายรูปสวยๆ Unbirthday Cafe ก็ตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง 

  • ที่อยู่: ชั้น 2 มาเปงเส็ง อพาร์ทเม้นท์ 14 สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/mCNPYdZWxWok3DMi8 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 09:00 – 19:00 น.
  • การเดินทาง:
    • รถยนต์ส่วนตัวหรือแท็กซี่
    • รถไฟฟ้า สถานีพร้อมพงษ์ เดินตรงเข้าซอยสุขุมวิท 31 อีก 750 เมตร 

ย่านที่เที่ยวสุขุมวิทนอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมายที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงที่เที่ยวแถวสุขุมวิท ยังมีที่เที่ยวที่ให้เดินเล่น ชมธรรมชาติ พักผ่อน เที่ยวแบบชิลล์นอกจากการชอปปิงอีกหลายต่อหลายที่ที่น่าสนใจ หลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่าใจกลางเมือง ย่านเศรษฐกิจอย่างสุขุมวิทจะมีที่เที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่พักผ่อนสุดชิลล์อยู่ด้วย และจะเห็นได้ว่ากรุงเทพฯ ก็มีที่เที่ยวอีกหลายที่มากมายที่น่าสนโดยเฉพาะที่เที่ยวสุขุมวิทที่รอให้คุณไปลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ 

สามารถเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่กังวลเรื่องกระเป๋าเดินทาง แม้ชอปเยอะก็ไม่ต้องว่าจะกลัวแบกไม่ไหว เพียงฝากกระเป๋าให้ Airportels ดูแล ก็ทำให้คุณเที่ยวได้เต็มที่ ชอปได้จุใจ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปด้วย 

AIRPORTELs  ในห้างTerminal 21

บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋าเดินทางในประเทศไทย ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัย ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักสัมภาระ ให้คุณท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบไร้กระเป๋าเดินทาง ราคาขนส่งกระเป๋าเริ่มต้น 299 บาท ราคารับฝากกระเป๋าเริ่มต้น 30 บาท/ชั่วโมง เท่านั้น หรือจะเหมาทั้งวัน 150 บาท/ใบ 

  • AIRPORTELs  ในห้างTerminal 21 ชั้น1 โซนโตเกียว (ติดทางออกลานจอดรถ)
  • พิกัด: Terminal 21 Asok 
  • เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น.

21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว

ในวันหยุดพักผ่อนทั้งทีแต่มีเวลาแสนน้อยนิด คุณลองมองหาที่เที่ยวที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลหลายกิโลก็สามารถเอนจอยได้ เป็นแพลนการเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว ไม่สะดวกเดินทางไปไหนมาไหนไกลแต่คุณสามารถไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ BTS ได้อย่างเพลิดเพลินกับ 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ต้องง้อรถส่วนตัว 

BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 

BTS สนามกีฬาแห่งชาติ 

เริ่มต้นที่สถานีแรกก็ปังไม่ไหวกับสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดาย แต่คุณกลับได้พบกับสถานที่สุดพิเศษเสิร์ฟตรงหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินสุดชิกอย่างหอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชวนเพื่อนมาถ่ายรูปแนวเก๋ ๆ แนวสวยก็มีหลายมุม หรือจะเป็นอุทยาน 100 ปี จุฬาจุดพักผ่อนชิลๆ รับลมเย็น ที่สำคัญใครที่อยากเดินเล่นด้วยความคล่องตัวที่นี่เขามีจุดฝากกระเป๋าด้วย 

  • บริการฝากสัมภาระ MBK CENTER : AIRPORTELs – ชั้น 6 , โซน บี
  • โปรโมชั่นฝากฟรี 2 ชั่วโมง

อุ่นใจเมื่อกระเป๋าสุดที่รักอยู่ในที่ปลอดภัย แล้วทีนี่ก็เดินเที่ยวอย่างไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะ       

1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

จุดเช็กอินแรกที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงสถานีนี้ก็คือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือเรียกสั้น ๆ ว่าหอศิลป์ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นที่หลงใหลในงานศิลป์ไปพร้อมๆ กับได้ถ่ายรูปเด็ดเก็บไว้ในอัลบั้มโปรดก็แจ่มเวอร์ โดยหอศิลป์จะเป็นสถานที่รวบรวมในการจัดแสดงงานศิลปะหลายแขนงเลย รับรองถูกใจสายอาร์ตแน่นอน สามารถเดินทางจาก BTS สนามกีฬาแห่งชาติเพียง 200 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึง

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/CyrHwyT7BfhydKQu8 
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น. 
  • เบอร์โทร : 02 – 2146630 

2. อุทยาน 100 ปี จุฬา 

อุทยาน 100 ปี จุฬา เป็นสวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวแสนโดดเด่นใจกลางเมือง โดยมีเนื้อที่กว่า 29 ไร่ สวนแห่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยนโยบายการสร้างเมือง Green & clean city ได้ทราบถึงที่มาที่ไปอันน่าทึ่งขนาดนี้แล้วจะพลาดได้ยังไงล่ะ ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัว อากาศดีปลอดโปร่ง และได้เห็นวิวธรรมชาติชิลๆ ซึ่งการเดินทางมาจาก BTS สนามกีฬาแห่งชาติห่างกัน 1.3 กิโลเมตร แนะนำให้เรียกวินจะได้ถึงที่หมายได้เร็วขึ้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/KaFm5ghSfiv9eyKy9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05:00 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : 022183590 
ที่เที่ยวใกล้ BTS หมอชิต

BTS หมอชิต 

สถานีต่อมาเป็นสถานี BTS ที่สร้างความตะลึงพรึงเพริดต่อคนเพิ่งมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งแรกได้ดี และเป็นหนึ่งสถานีที่แน่นไปด้วยผู้คน แต่ผู้คนเหล่านั้นล้วนตื่นเต้นที่จะไปต่อเพราะหนทางข้างหน้ามีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะมุมพักผ่อนอย่างสวนจตุจักร หรือสายชอปปิงก็ไปเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักรได้เลย แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับการลงจาก BTS หมอชิต แน่นอน 

3. สวนจตุจักร

ใครที่อยากปลีกความวุ่นวายชั่วครู่ แนะนำให้คุณมาเยือนสวนจตุจักรเลย ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางให้คุณได้มาเดินเล่นอย่างสบายใจ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับออกกำลังกายได้ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นเช้าหรือเย็นก็ดีทั้งนั้น จัดว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการความสงบ ร่มรื่น รายล้อมไปด้วยสีเขียวเย็นตา ซึ่งการเดินทางมาที่นี่จาก BTS หมอชิตก็ห่างกันเพียง 700 เมตรเท่านั้น 

  • บริการฝากสัมภาระ MIXT Chatuchak : AIRPORTELs – ชั้น 2 , โซน บี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/yfBKXx4VVzCEerFA9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 04:30 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : –

4. ตลาดนัดจตุจักร 

ใครที่ชื่นชอบการชอปปิงให้ลองมาเยือนตลาดนัดจตุจักรไม่มีผิดหวังแน่ ที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมการขายสินค้าขนาดใหญ่แบ่งเป็น 27 โครงการเลยทีเดียว สินค้ามีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ร้านอาหาร รวมไปถึงงานศิลป์งานฝีมือก็มีจัดแสดงและจำหน่ายด้วย  จัดว่าที่นี่เหมาะสำหรับสายเที่ยว กิน ชอป ครบจบในที่เดียว  ซึ่งการเดินทางจาก BTS หมอชิตห่างกันเพียง 450 เมตรเท่านั้น

  • บริการฝากสัมภาระ MIXT Chatuchak : AIRPORTELs – ชั้น 2 , โซน บี     
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/utjr1JpyNr7qfmXV7 
  • เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ 07:00 – 18:00 น.

                วันเสาร์ – อาทิตย์ 09:00 – 18:00 น.

  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS ชิดลม

BTS ชิดลม

มาต่อกันที่สถานี BTS ชิดลม สถานีใจกลางเมืองอีกหนึ่งแห่งที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร สามารถเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก นั่นคือ เซ็นทรัลชิดลม สำหรับใครที่ชอบเดินห้างเมื่อลงจากสถานีแล้วสามารถเดินต่อไปหน่อยหนึ่งก็ถึงศูนย์การค้าทันที

5. เซ็นทรัลชิดลม 

สำหรับเซ็นทรัลชิดลมถือเป็นห้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ใครที่ผ่านมาเห็นต่างก็สะดุดตากันทั้งนั้น ด้วยตัวห้างตั้งอยู่บริเวณแยกที่มีวิวของมุมตึกในรูปแบบสถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่น เรียกว่าเห็นปั๊ปอยากเอามือถือที่จับอยู่มาแชะรูปทันที ที่นี่เหมาะสำหรับสายเดินห้างรับลมเย็น เดินเล่นตากแอร์สบาย ๆ ที่สำคัญที่นี่ห่างจากตัว BTS ชิดลมเพียง 650 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/iQCjixS1yqKKWstp8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น. 
  • เบอร์โทร : 027937777  
ที่เที่ยวใกล้ BTS ศาลาแดง

BTS ศาลาแดง

ใครกำลังมองหาแหล่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟน่านั่งแล้วล่ะก็ลง BTS ศาลาแดงแล้วคุณจะเจอคำตอบที่ต้องการ สำหรับสถานีแห่งนี้มีคอมมอนส์ที่มีชื่อว่า the COMMONS จะเป็นยังไงนั้นตามไปดูกัน 

6. The Commons 

the COMMONS เป็นเซฟโซนสำหรับคนที่ต้องการหามุมทำงานสบายๆ แต่เดินทางได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เพราะที่นี่แห่งนี้มีทั้งโซนนั่งแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ รับรองเลยว่าจะสร้างความประทับใจในการมาเยือนให้กับคุณได้แน่ ภายในมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ ให้เลือกเยอะมาก แถมแอร์ก็เย็นฉ่ำเวอร์ เหมาะสำหรับคนอยากมาพักผ่อนสุด ๆ และที่นี่ห่างจาก BTS ศาลาแดงประมาณ 7 กิโล อาจจะไกลหน่อยแต่สามารถเรียกวินได้เลย ระยะทางแค่นี้ไม่แพงมาก

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/niMnPXmqDiCu5ZNn7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 08:00 – 01:00 น. 
  • เบอร์โทร : 0891522677 
ที่เที่ยวใกล้ BTS ช่องนนทรี

BTS ช่องนนทรี

หากกำลังมองหาแลนด์มาร์กที่มีความโดดเด่นในช่วงกลางคืนแล้วล่ะก็ที่ BTS ช่องนนทรีจัดว่าเป็นจุดเช็กอินที่จะทำให้คุณได้ร้องว้าวกับภาพตรงหน้าในยามค่ำคืนในมหานครได้ดี มีจุดไฮไลต์เป็นสะพานช่องนนทรี สะพานสีขาวชื่อดังที่ทั้งคนกรุงและคนต่างจังหวัดต่างก็คุ้นตาเป็นอย่างดี

7. สะพานช่องนนทรี 

สายถ่ายรูปต้องหลงรักที่แห่งนี้แน่ สะพานช่องนนทรี เป็นสกายวอล์กที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดปังที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหน ถ่ายยังไง ภาพที่ออกมาก็สวยเป๊ะปังทุกภาพแน่นอน ด้วยที่นี่มีตัวสะพานที่ขาวสุดโดดเด่นตั้งตระหง่านอย่างงดงาม เรียกว่าเห็นสิ่งนี้แต่ไกล ๆ ก็อยากรีบกระโจนเข้าไปใกล้ให้เร็วเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ชิดมากที่สุด การเดินทางจาก BTS ช่องนนทรีจากที่นี่ไม่ไกลมากห่างแค่  110 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/niMnPXmqDiCu5ZNn7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS ตลาดพลู

BTS ตลาดพลู

ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากกลางเมืองเท่าไรนัก และมีเสน่ห์ตรงมีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นไว้แต่กลับสามารถเดินทางสู่ CBD ได้ด้วยการเดินทางที่หลากหลาย และที่สำคัญ BTS ตลาดพลู มีแหล่งชอปปิงลับน่าสนใจที่ถูกซุกซ่อนในตลาดพลูหลายอย่าง อยากรู้แล้วตามมาเลย  

8. ตลาดพลู 

ที่ตลาดพลูแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของกินที่เยอะและดีที่สุดของย่านฝั่งธนแล้วล่ะ ใครที่เป็นสายกินอย่าได้พลาดเชียว เมื่อมาถึงนี่แล้วมีโลเคชั่นอยากให้มาเยือนกัน ที่นี่เหมาะสำหรับสายคูลๆ ที่สามารถลองได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของกินที่หลากหลายทั้งคาวและหวาน แอเรียใกล้เคียงก็เต็มไปด้วยวัดวามากมาย เรียกว่ากินอิ่มก็ไปทำบุญได้เลย ซึ่งการเดินทางจาก BTS ตลาดพลูห่างกัน 1.5 กิโล สามารถเรียกวินเพื่อไปตลาดได้เลย 

พิกัด : https://goo.gl/maps/ybnYfN17b9L4GFe59 

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
                วันพุธ – วันจันทร์เวลา 09:00 – 00:00 น.  

        วันอังคารเปิด 24 ชั่วโมง 

        เบอร์โทร : – 

ที่เที่ยวใกล้ BTS พร้อมพงษ์

BTS พร้อมพงษ์

สถานีถัดมา BTS พร้อมพงษ์ นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายแล้วยังมีสถานที่เดินเล่นชิลล์สุดพิเศษอยู่หนึ่งที่  จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจาก The Manor 39 เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็ก ๆ ที่บรรยากาศน่าเข้าไปหาสุด ๆ 

9. The Manor 39

ใครกำลังมองหาจุดแวะใกล้ BTS พร้อมพงษ์ กับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกวิเศษต้องลองได้แวะที่นี่คุณต้องถูกใจอย่างแน่นอน The Manor 39 เต็มไปด้วยความสนุก ความผ่อนคลายในที่เดียวกัน เปิดประสบการณ์มาคอมมูนิตี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 เป็นโครงการที่มีทั้งคาเฟ่ชิกๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดอร่อย ร้านเสริมสวย รวมไปถึงคาราโอเกะเร้าใจ เรียกว่าปาสุขปาใจได้ทั้งวัน อีกทั้งที่นี่หากจาก BTS พร้อมพงษ์เพียง 650 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/WAGvh6qv4ZPNobhh7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 11:30 – 00:00  น.
    เบอร์โทร : 026625541 
ที่เที่ยวใกล้ BTS สะพานตากสิน

BTS สะพานตากสิน

มาต่อกันด้วยสถานีที่จะทำให้คุณได้รับความสนุกสุดเหวี่ยงจัดเต็มไปทั้งวันอย่างที่คุณไม่เคยได้รับมหาศาลเท่านี้มาก่อน เพราะสถานีแห่งนี้พร้อมต้อนรับคุณด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตหลายที่ไม่ว่าจะเป็น ล้ง 1919, Warehouse 30, ตลาดน้อย, The Jam Factory, เอเชียทีค และไอคอนสยาม เป็นไงแต่ละที่มีแต่ปัง ๆ ใช่ไหมล่ะ รับรองงานนี้เที่ยวจนตัวแตกเพียงแค่ลงจาก BTS สะพานตากสิน ก็รับความสนุกได้เต็มแมกซ์ 

10. ล้ง 1919

ประเดิมด้วยสถานที่พักผ่อนสุดแนวเอาใจทุกเจน ที่นี่เดินทางมาได้ง่ายมากแค่ลง BTS ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อมาลงท่าเรือหวังหลีก็ถึงที่หมายแล้วล่ะ มาเยือนล้ง 1919 ทั้งทีคุณทำได้ทั้งเดินเล่นปล่อยใจ ทานอาหารอร่อยๆ กับร้านอาหารน่านั่ง ถ่ายรูปมุมสวยปังทุกช็อต พร้อมไหว้พระขอพรศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว เรียกว่าครบจบในที่เที่ยว ที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 2.5 กิโล แต่ระยะทางนี้เราเดินต่อกันด้วยเรือนะ แต่เดินหน่อยเดียวก็ถึงแล้วล่ะ 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/XFZvwf19PVQovJZW8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 18:00  น.
    เบอร์โทร : –

11. Warehouse 30

เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เที่ยววิวแม่น้ำมาต่อกันด้วยจุดเช็กอินที่เอาใจสายฮิปเปอร์ได้ดี เมื่อคุณลงจากสถานีแล้วเดินเท้าเปล่าอีกนิดไปทางไปรษณีย์กลางบางรัก เห็นเป็นโกดังเก่าติดกันยาวนั่นแหละถึงที่หมาย Warehouse 30 เรียบร้อย ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ หรือร้านเสื้อผ้าก็มีเหมือนกัน พร้อมมีโรงฉายหนังขนาดเล็กดูเพื่อผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสิน 1.3 กิโล ถือว่าไม่ไกลมากนั่งวินแป๊บเดียวถึง

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/pnoBuc1FZfyvYmQx5 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 18:00  น.
  • เบอร์โทร : 022375087 

12. ตลาดน้อย

สถานที่ต่อมาเป็นย่านจีนที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ลงมาจากสถานีเดินมาผ่านบางรักมาหน่อยนึงก็ถึงแล้ว หรือจะเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาก็ได้เหมือนกัน ที่นี่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่ตามแนวถนนเจริญกรุง ใครที่หลงใหลความคลาสสิคสไตล์จีนโบราณ หากได้มาเยือนที่ตลาดน้อยจะต้องชอบแน่ สายถ่ายรูปอย่าได้พลาด อีกทั้งยังห่างจาก BTS สะพานตากสิน 1.9 กิโล 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Snz396uah5qfSZiRA 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง 
  • เบอร์โทร : –

13. The Jam Factory

ที่ต่อมาจะพาทุกคนข้ามมาฝั่งธน เอาใจสายฮิปสเตอร์น ที่นี่ถูกเนรมิตจากโกดังเก่าให้กลายมาเป็นคาเฟ่สุดชิกที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น มีโคมไฟเท่ ๆ คลอด้วยเสียงเพลงน่าฟัง นั่งชิลล์ได้แฮปปี้สุดๆ สำหรับ The Jam Factory ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 1.7 กิโลก็ถึงที่หมาย 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/D3z61MxHJaHmSDb67 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 028610950 

14. เอเชียทีค

สถานที่ต่อมาเชื่อว่าเป็นจุดเช็กอินในใจที่หลายคนอยากมาเยือนให้ได้สักครั้ง เอเชียทีค เป็นแลนด์มาร์กสุดโรแมนติกในการมาเดตกับแฟน หรือมาเที่ยวกับผองเพื่อนก็สนุกได้เต็มที่ได้ทั้งนั้น ที่นี่ยืนหนึ่งในการเป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งยังมีโรงละครคาลิปโซ่ คุณสามารถดื่มด่ำกับการดูหนัง จิบกาแฟ กินอาหาร และชอปปิงพร้อมวิวแม่น้ำด้วยความเพลินตลอดค่ำคืน ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสิน 2.2 กิโล อาจไกลนิดนึงแต่คุ้มกับความฟิน 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/N1RqxnDS9iSttJ7N8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 11:00 – 00:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0922460812 

15. ไอคอนสยาม (Iconsiam)

ปิดที่เที่ยวจาก BTS สะพานตากสินด้วยศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่ตระการตาใจกลางมหานคร มาที่นี่คุณจะได้พบกับคนเกือบทุกมุมโลกในที่เดียว ใครที่เข้ากรุงเทพ ฯ มาต่างก็อยากมาเยือนที่นี่ ไอคอนสยามสามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่มีเบื่อ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่น่ารัก ร้านค้าแบรนด์ดังครบ รับรองคุณจะตื่นตาตื่นใจทุกฝีก้าวที่ได้เดิน ที่นี่ห่างจาก BTS สะพานตากสินเพียง 1.3 กิโลเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/kFfTjxVSyn7MxrWK9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น.  
  • เบอร์โทร : 024957080 
ที่เที่ยวใกล้ BTS ราชเทวี

BTS ราชเทวี

สถานี BTS ราชเทวีเป็นทำเลที่รายล้อมด้วยศูนย์การค้ามากมาย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวแนวฮิปเอาใจวัยรุ่นได้ทุกยุค ด้วยตัวสถานีเชื่อมต่อกับย่าน BTS พญาไทและไม่ไกลจาก BTS อนุสาวรีย์เท่าไร อีกทั้งที่นี่ยังมี สวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี เป็นจุดที่เอาใจสายสตรีทอาร์ตได้ดี 

16. สวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี

สำหรับใครที่หลงใหลกับภาพวาดบนกำแพง ก็มาเยือนสวนเฉลิมหล้า Street Art ราชเทวี คุณจะสะกดคำว่าผิดหวังไม่เป็นแน่นอน ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพแนวภาพวาดฝาผนัง หรือสตรีทอาร์ต รูปภาพที่ถูกแต่งแต้มบนผนังมีความโดดเด่นสูง สีสันสวยสะดุดตา เรียกว่าถ่ายรูปยังไงก็ออกมาสวยหล่อทั้งนั้น และที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 180 เมตรเท่านั้น โหใกล้ ๆ เลยนะเนี่ย 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/qukQtB2igJUNgtdW7 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05:30 – 19:00 น.  
  • เบอร์โทร : –
ที่เที่ยวใกล้ BTS สยาม

BTS สยาม

ต่อเนื่องกันที่สถานี BTS ที่ฮิตฮอตเหล่าวัยรุ่นตั้งแต่ยุคก่อนจนถึงปัจจุบัน และดูทีท่าว่าเสน่ห์ความฮิตก็ไม่อาจลดละหายไปไหนได้ง่ายๆ ที่นี่เป็นทำเลของคนที่ชื่นชอบวิถีคนเมืองที่หรูหรา มองไปทางไหนก็มีแต่ความเจริญพุ่งเข้าใส่ ที่สำคัญมีอควาเรียมกลางมหานครอีกด้วย จะเป็นที่ไหนได้นอกจาก Sea Life Bangkok Ocean World เป็นโอเชี่ยนที่เหมาะสำหรับมากันทุกความสัมพันธ์จริงๆ 

17. Sea Life Bangkok Ocean World

มีเวลาว่างไปเที่ยวแค่นิดเดียวแต่กลับอยากไปเห็นทะเล มาที่นี่ Sea Life Bangkok Ocean World คุณก็สามารถสัมผัสของความทะเลได้แล้วล่ะ แนะนำให้คุณชมปลาใต้ท้องทะเลด้วยความเพลินจัดเต็ม พร้อมลอดอุโมงค์ทางเดินใต้น้ำสร้างความตื่นเต้นสุด ๆ มาแล้วไม่มีผิดหวัง ที่นี่ห่างจาก BTS สยามเพียง 100 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/Kr2eUQ2Y56dEP6HB9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 026872000 
ที่เที่ยวใกล้ BTS อารีย์

BTS อารีย์

สำหรับสถานีนี้เป็นหนึ่งย่านที่เหมาะสำหรับการมาใช้ชีวิตมากๆ ไม่ได้เป็นย่านที่วุ่นวายจนเกินไป และสามารถพบความสงบได้ด้วย ถึงแม้ BTS อารีย์ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่รอบข้างก็ล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมที่เที่ยวเอาใจทั้งสายคาเฟ่และคอมมูนี้ตี้มอลล์  

18. Kid Mai Death Cafe

คาเฟ่แห่งนี้มาในคอนเซปต์ที่แปลกแหวกแนวกว่าหลายๆ ที่ แค่ชื่อก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของความตาย เมื่อมาถึงนี่สิ่งที่คุณต้องไม่พลาดนั่นคือ ทดลองตาย ก่อนตาย ในโลงศพที่ถูกปูด้วยผ้าผืนสีชมพู นอกจากคุณจะได้ดื่มรสชาติกาแฟแสนอร่อยก็ยังได้ดื่มด่ำกับสัจธรรมชีวิตอีกด้วย ที่นี่ห่างจาก BTS อารีย์ เพียง 77 เมตรเท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/cDWE2YSbvw7WQRYu8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 21:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0633244519  

19. GUMP’s Ari Community Space

ต่อเนื่องกันที่คาเฟ่สุดน่ารักที่เอาใจสาว ๆ ที่หลงใหลกับอะไรที่เห็นแล้วจะต้องตาแป๋วทนความน่ารักไม่ไหว เป็นคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์มินิมอลหวาน ๆ มุมถ่ายรูปเยอะมาก แถมกาแฟสดก็รสชาติดีมาก ห่างจาก BTS อารีย์เพียง 400 เมตรเท่านั้น

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/FwsT4uY5V4MgG8sX8 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : –
BTS สุรศักดิ์ - วัดแขก

BTS สุรศักดิ์

มาต่อกันที่สถานีรองสุดท้ายด้วย BTS สุรศักดิ์ เป็นสถานีทำเลดี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่นี่มีเส้นคมนาคมหลายรูปแบบ ล้อมด้วยอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ร้านอาหาร คอนโด และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวเอาใจสายชิลล์เพียบ 

20. Roots BKK

ใครกำลังมองหากาแฟสดรสชาติดี คุณภาพเยี่ยม ให้คุณได้ลองก้าวมาร้านนี้แล้วคุณจะเจอคำตอบที่ใช่ สำหรับร้าน Roots BKK ไม่ได้เป็นแค่ร้านกาแฟธรรมดา ๆ แต่มันมากกว่านั้น มีเรื่องราวของกาแฟไทยเกรดดีคัดสรรทุกเมล็ดให้คุณได้ดื่มอย่างสุขใจ ภายในร้านหอมฟุ้งด้วยกลิ่นกาแฟ ร้านตกแต่งได้สวย สะอาด น่ามองน่านั่ง ที่สำคัญที่นี่ห่างจาก BTS สุรศักดิ์เพียง 170 เมตรเท่านั้นเอง 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/5FkYqPqZLSudoo2p9 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 07:00 – 19:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0820916175 

21. วัดแขก

ปิดท้ายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจสายมู ใครที่เลื่อมใสในพระแม่อุมาเทวี มาที่นี่คุณสามารถสักการะท่านแม่ได้โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงอินเดีย วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านสีลม ย่านชื่อดังใจกลางเมืองกรุง วัดนี้ตกแต่งได้สวยงามให้บรรยากาศเหมือนอยู่อินเดียได้ดีมาก ไปเหอะอย่าพลาดเลย และที่นี่ห่างจาก BTS สุรศักดิ์เพียง 800 เท่านั้น 

  • พิกัด : https://goo.gl/maps/ZBgDuB99zabdcho58 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06:00 – 20:00 น.  
  • เบอร์โทร : 0973159569 

แอร์พอเทลล์บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระ

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าที่มีสาขาในสนามบิน และห้างชั้นนำในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีบริการส่งสัมภาระไปยังโรงแรม-ห้าง-สนามบิน ราคาเริ่มต้น 299 บาท/ใบ รวมถึงบริการส่งกระเป๋าไปยังต่างจังหวัด

สาขาของแอร์พอเทลล์

  • สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ 
  • สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 
  • MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)
  • Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)
  • Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)
  • MIXT Chatuchak ชั้น2, โซนบี
  • Terminal 21 Pattaya ชั้น 1 , โซนปารีส (บริเวณใกล้อีฟแอนด์บอย)

สรุป

จบกันไปแล้วสำหรับ 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับจุดเช็กอินที่ทางเราได้มาแนะนำให้กับทุกคน เรียกว่าถูกใจสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถเที่ยวได้หลากรูปแบบ หลายรสชาติได้จัดเต็มเลยใช่ไหมล่ะครับ BTS จะไม่ได้เป็นแค่การเดินทางเพื่อไปเรียนหรือไปที่ทำงานอีกต่อไป เพราะคุณสามารถเปลี่ยนทิศทางที่เคยเดินไปประสบกับที่ใหม่ ๆ ได้ง่ายแสนง่าย และห่างจากสถานีไม่ไกลมากเท่าไรก็ถึงที่เที่ยวได้เลย และสำหรับใครที่อยู่ต่างจังหวัดต้องการเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพแล้วล่ะก็ทางเราอยากแนะนำ Airportels  บริการส่งกระเป๋าจากสนามบินถึงที่พักได้ทันที เรียกว่ามาถึงกรุงเทพสามารถออกเดินทางไปเที่ยวทั้ง 21 จุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวใกล้รถไฟฟ้า BTS เที่ยวได้ไม่ง้อรถส่วนตัว รู้แบบนี้รีบ ๆ ตามรอยให้ได้เลย 

21 คาเฟ่ดอนเมือง ใกล้สนามบิน นั่งชิลรอเช็กอินไม่ตกเครื่องแน่นอน

สำหรับใครกำลังมีแพลนขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง และต้องเผื่อเวลาล่วงหน้ามาสนามบิน แล้วรู้สึกเบื่อที่ต้องไปนั่งคอยเหงาๆ ที่สนามบิน สามารถเลือกคาเฟ่ดอนเมือง เพื่อแวะถ่ายรูปพร้อมหาที่นั่งชิลๆ หรือจะแวะหาของกินดอนเมืองก่อน แล้วค่อยกลับไปสนามบินก็ยังได้ วันนี้ AIRPORTELs ได้รวบรวม 20 คาเฟ่ดอนเมือง ให้ทุกคนได้เลือกแวะจิบกาแฟ ถ่ายรูป และทานอาหารกันได้ตามอัธยาศัย

Makvid cafe & bistro

1. Makvid cafe & bistro

เริ่มกันที่ ‘Makvid cafe & bristo’ คาเฟ่ดอนเมืองสุดชิกที่เรียกว่ามีลูกเล่นไม่ธรรมดา ตอนกลางวันเป็นคาเฟ่ ส่วนกลางคืนผันตัวเป็นบาร์ได้ด้วย ภายในร้านตกแต่งด้วยตัวอาคารแบบเรือนกระจก ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศใกล้ชิดกับธรรมชาติ พร้อมถ่ายรูป ทานอาหาร เครื่องดื่ม หรือชิมเบเกอรีโฮมเมดได้ตลอดทั้งวัน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 435 ซอย 2 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20  นาที
  • พิกัด : Makvid cafe & bistro
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพุธถึงจันทร์ (หยุดทุกวันอังคาร) 11.00-21.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 089-662-6681

2. Foresta cafe

ห้ามพลาดกับ ‘Foresta cafe’ คาเฟ่ดอนเมืองที่เป็นทั้งคาเฟ่ และร้านอาหารภายในตัว ตกแต่งแบบเน้นธรรมชาติ และป่าเขาตามชื่อ Foresta cafe ให้คุณได้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ทานอาหารอร่อยๆ กับครอบครัว ขอแนะนำเมนูขึ้นชื่ออย่าง ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ปลากระพงทอดน้ำปลา ส้มตำ บิงซู ชีสเค้ก ฯลฯ พร้อมสัมผัสร่มเงาธรรมชาติ ฟังเสียงน้ำตกและชมความสวยงามฝูงปลาคาร์ฟหลากสี เรียกได้ว่าได้ทั้งทานอาหารอร่อยริมธรรมชาติ และยังได้แวะถ่ายรูปตามมุมยอดนิยมของทางร้านอีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 6 ซอย เดชะตุงคะ 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20  นาที
  • พิกัด : Foresta cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00-23.00 น. และพิเศษในวันศุกร์, เสาร์ เปิดถึง 00.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 088-254-4444
Butter UP Cafe

3. Butter UP Cafe

คาเฟ่ดอนเมืองที่เหมาะสำหรับสายของหวาน ต้องแวะมาที่นี่เลย ‘Butter UP Cafe’ คาเฟ่ที่โดดเด่นเรื่องนมและขนมปัง ตัวร้านถูกเปลี่ยนจากบ้านเก่าๆ เป็นคาเฟ่น่ารัก สไตล์อบอุ่นโทนสีขาว-น้ำตาล หากมาที่นี่ต้องลองทานเมนูหลักอย่าง Rich Cocoa โกโก้เข้มข้นที่คุณสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามใจ 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 59, 318 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 14 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • พิกัด : Butter UP Cafe
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 099-222-6144

4. Malinny Cafe

 คาเฟ่ดอนเมืองที่ถือว่าใกล้สนามบินดอนเมืองแบบสุดๆ ต้องมาที่ ‘Malinny Cafe’ เพราะที่นี่มีทั้งอาหาร และของหวานให้ทุกคนได้เลือกทานได้ตามสะดวก แนะนำให้ลองชิมเมนูขึ้นชื่อของทางร้านอย่าง ข้าวกะเพราไข่ข้น พร้อมตามด้วยเครื่องดื่มหวานๆ สีสดใสอย่าง นมเย็น 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 12 ซ. ช่างอากาศอุทิศ 5 แยก 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : Malinny Cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 086-383-2580
ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe

5. ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe

คาเฟ่แนวอบอุ่น น่ารักๆ ที่เนรมิตมาจากบ้านพักอาศัยให้กลายเป็นคาเฟ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เรียกว่าเป็นความธรรมดาที่แสนจะลงตัว ต้องแวะมาที่ลองที่ ‘ร้านบ้าน บ้าน 34 Home Cafe’ พร้อมทานเมนูขายดีประจำร้านอย่าง ขนมปังปิ้งสังขยาทูโทน ที่เสิร์ฟสังขยาทั้งสองสี สีน้ำตาลส้มและสีเขียว ให้คุณได้เลือกจิ้มทานกับขนมปังนึ่งหอมกรุ่น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 34 ซอยประชาอุทิศ 5 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : บ้าน 34 Home Cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันศุกร์-พุธ (หยุดทุกวันพฤหัสบดี) เวลา 07.30-18.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 095-657-4689

6. Manna craft fe’

สำหรับใครที่อยากทานกาแฟแล้วรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน ต้องห้ามพลาด! ‘แมนนาคราฟ แอนด์ คาเฟ่’ คาเฟ่ที่ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านด้วยโทนสีขาวสะอาด พร้อมประดับต้นไม้เขียวขจี ให้ความรู้สึกเบาสบาย พร้อมเลือกทานเครื่องดื่มสมูทที หรือเลือกทานกาแฟก็อร่อยทุกเมนู และสำหรับใครที่สายกาแฟเข้มๆ สามารถสั่งเพิ่มกาแฟได้อีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 36, 13 ซอยประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-20 นาที
  • พิกัด : Manna Craft fe’ แมนนาคราฟ แอนด์ คาเฟ่
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์-พุธ) เวลา 10.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 083-108-5999
โอชากาแฟ

7. โอชากาแฟ

อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นโทนคลาสสิก ได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ต้องแวะมาที่ ‘โอชากาแฟ’ คาเฟ่ดอนเมืองที่คงบรรยากาศภายในร้านแบบยุค 90s ให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต หากใครที่แต่งตัวแนววินเทจ แล้วอยากได้รูปสวยๆ กลับไป ขอบอกเลยว่าสามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมของร้าน เพราะมุมสวยๆ เยอะมาก อีกทั้งกาแฟก็รสชาติดี สามารถบอกระดับความหวานที่ต้องการได้อีกด้วย 

  • ที่อยู่ : ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : โอชากาแฟ | 噢 茶 咖 啡
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) เวลา 08.00-16.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 098-552-3636

8. COK Cream of The Koff

คาเฟ่ที่มองเห็นโดดเด่นเป็นสง่าตั้งแต่หน้าร้าน เพราะร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวสว่าง ใครที่ชอบรูปขาวๆ คลีนๆ ต้องพลาดไม่ได้กับคาเฟ่ดอนเมืองชื่อดัง ‘COK Cream of the Koff’ คาเฟ่ที่จัดมาครบทั้งอาหารคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ขอแนะนำให้ลองทานเมนูติดดาวอย่าง เอสเพรสโซ่เย็น หวานน้อย เมนูแนะนำที่สายกาแฟจะรู้สึกหอมกลิ่นกาแฟ กลมกล่อมด้วยรสชาติ อย่าพลาดที่จะไปลองชิมด้วยตนเอง

  • ที่อยู่ : เลขที่ 50/042 ถนนเอกทักษิณ ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
  • ใกล้สนามบิน :  ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที
  • พิกัด : COK Cream of The Koff
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-00.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 084-141-8664
Long Dog Coffee and Bakery

9. Long Dog Coffee and Bakery

‘Long Dog Coffee and Bekery’ คาเฟ่ดอนเมืองน่ารัก สบายๆ ที่เป็นร้านเล็กๆ แต่ดูสงบ ตัวตึกทำจากปูนสีขาว พร้อมตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเงียบ อยากนั่งชิลๆ เพื่อผ่อนคลาย ขอแนะนำให้ลองทานขนมโฮมเมดที่เจ้าของร้านลงมือทำเอง หรือเลือกทานลาเต้เย็น เมนูเด็ดของทางร้านที่ให้รสชาติอร่อย กลมกล่อม พร้อมสูดกลิ่นกาแฟหอมๆ ระหว่างทาน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 52/454 หมู่บ้านเมืองเอก ถนนเอกทักษิณ 7 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
  • พิกัด : Long Dog Coffee and Bakery
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันอังคาร-วันพฤหัสบดี (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-17.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 083-303-1370

10. Koi Cafe DonMuang

คาเฟ่ดอนเมืองแนวเรียบๆ มินิมอล แต่ดูอบอุ่น เสิร์ฟพร้อมของหวานหลายชนิดให้คุณได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นโทสต์ วาฟเฟิล หรือชา กาแฟก็มีครบ ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบเป็นกันเอง เพราะเป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่เจ้าของร้านลงมาบริการด้วยตนเองเลยทีเดียว

  • ที่อยู่ : เลขที่ 22, 77 ซอยวิภาวดีรังสิต 35 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
  • พิกัด : Koi Cafe Don Mueang
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-20.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 061-659-2295
Sero Specialty Coffee

11. Sero Specialty Coffee

คาเฟ่ดอนเมืองลับๆ ที่หลายๆ คนยังไม่รู้จัก ‘Sero Speciality Coffee’ คาเฟ่คุมโทนสีเหลืองอ่อนตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีดำ พร้อมตัดแสงด้วยไฟโทนเหลืองส้ม ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูเท่  แต่ยังรู้สึกสบายตา พร้อมทานกาแฟที่ชงจากบาริสต้ามากประสบการณ์ ใครที่อยากชิมกาแฟแบบใหม่ๆ หรืออยากรู้เรื่องชนิดกาแฟ การเลือกเมล็ดกาแฟ ก็สามารถพูดคุยกับบาริสต้าได้เลย เพราะที่นี่เขารู้ลึก รู้จริง!

  • ที่อยู่ : เลขที่ 310 341 ซอยสรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : Sero Specialty Coffee
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี-วันอังคาร (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 081-359-6149

12. Xten Cafe

‘Xten Cafe’ เป็นคาเฟ่ดอนเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณถนนสายไหม จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นคาเฟ่ที่รวมกาแฟหลายชนิดเอาไว้ ให้คุณได้เลือกทานกาแฟมากกว่า 10 ชนิด และสำหรับใครที่สนใจเมนูขายดีติดดาว ต้องลองชิม Dirty Espresso กาแฟเอสเปรสโซคั่วเข้มสูตรเฉพาะของทางร้านที่รับรองว่าโดนใจสายกาแฟแน่นอน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 390/1 โครงการวิลเลจสายไหม ห้อง A1 ถนนสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที
  • พิกัด : Xtencafeสายไหม
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 06.30-16.00 น. โดยในวันเสาร์-อาทิตย์จะเปิดเวลา 08.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 063-589-2561
The Leisurely House

13. The Leisurely House

เปลี่ยนบรรยากาศจากคาเฟ่ดอนเมืองชิกๆ เป็นคาเฟ่ดอนเมืองสไตล์บริติชแบบผู้ดีอังกฤษ ให้ความรู้สึกหรูหรา อลังการเหมือนอยู่ต่างประเทศ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์อังกฤษทั้งร้าน ให้คุณได้ถ่ายรูปแบบจัดเต็ม พร้อมทานเมนูชื่อดังของร้านอย่าง Signature Drink Cookie & Cream ให้คุณได้สัมผัสรสชาติหวานอร่อยที่บอกเลยว่าสายหวานจะต้องชอบแบบสุดๆ ทานคู่กับเค้กช็อกโกแลตลาวา หรือลองทานกับครัวซองต์ก็ยิ่งอร่อย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 109 ถนนประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที
  • พิกัด : The Leisurely House
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-553-0632

14. AS SOON AS POSSIBLE

ใครที่อยู่เขตสายไหมคงเคยสะดุดตากับคาเฟ่สุดเท่อย่าง ‘As soon as possible’ คาเฟ่ดอนเมืองสไตล์ลอฟท์ที่ตกแต่งแบบดิบๆ เน้นโทนสีดำ ภายในร้านเพิ่มความเป็นลอฟท์ด้วยการโชว์ผิวพื้นปูนเปลือยที่ปราศจากการตกแต่งใดๆ เรียกได้ว่าเป็นคาเฟ่สุดชิกที่ดีทั้งบรรยากาศ รสชาติของอาหาร และเครื่องดื่ม แนะนำให้ลองชิมเมนูสุดเก๋จากทางร้านอย่าง Es x Kiwi ที่นำน้ำกีวีมาผสมกับกาแฟเอสเปรสโซ ให้ความรู้สึกหอม หวานอมเปรี้ยว สดชื่นตั้งแต่ชิมครั้งแรก

  • ที่อยู่ : เลขที่ 147/17, อนุสาวรีย์, เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที
  • พิกัด : AS SOON AS POSSIBLE
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 09.30-18.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 084-506-4565
A Hundred Kilo. - Brew & Bake

15. A Hundred Kilo. – Brew & Bake

คาเฟ่แนววินเทจที่เน้นตกแต่งด้วยสีน้ำตาลเป็นหลัก เป็นคาเฟ่ดอนเมืองขนาดเล็กแต่คุณภาพล้น เรียกได้ว่าเป็นร้านลับแต่รวมของดี ภายในร้านบรรยากาศอบอุ่น เครื่องดื่มก็อร่อย อีกทั้งเบเกอรีก็ยังรสชาติเยี่ยม ขอแนะนำให้ลองสั่งเค้กหน้าใดก็ได้มาลองชิมก็จะติดใจ เรียกได้ว่า คาเฟ่แห่งนี้ขนมอร่อยพิเศษใส่ไข่ไม่ธรรมดา และที่นี่ยังเป็นโรงเรียนสอนทำขนมอีกด้วย

  • ที่อยู่ : เลขที่ 5 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : A Hundred Kilo.—Brew&Bake
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-17.30น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-17.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-159-4651

16. eXcoffee

แค่ชื่อก็ไม่ธรรมดาแล้วอย่าง ‘eXcoffee’ คาเฟ่ดอนเมืองที่เน้นคอนเซปต์ ‘extraordinary coffee made my day :-)’ หรือสรุปง่ายๆ ว่าเป็นความแตกต่างที่แสนพิเศษ ให้ผู้ที่ได้แวะมาชิมเครื่องดื่มของทางร้าน รู้สึกประทับใจกับบริการ และรสชาติของเครื่องดื่ม จนทำให้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดีของคุณลูกค้าแน่นอน ขอบอกว่าเครื่องดื่มภายในร้านมีทั้งสูตรกาแฟ ไม่มีกาแฟ หรือใครที่ชอบสมูททีก็สามารถแวะมาลองชิมได้เช่นกัน  

  • ที่อยู่ : เลขที่ 222 5 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5.7 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : eXcoffee ดอนเมือง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07.30-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 064-241-9559
20 Home cafe

17. 20 Home cafe

‘20 Home cafe’ ร้านคาเฟ่ดอนเมืองขนาดเล็กในซอยสรงประภา 28 เข้ามาไม่ลึกมากจะพบกับคาเฟ่น่ารักๆ แนวมินิมอลที่ตกแต่งด้วยผนังสีขาว ตัดด้วยประตูกระจกกรอบดำ ภายในจะมีโต๊ะเล็กๆ สีน้ำตาลตั้งอยู่ เรียกว่าคาเฟ่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องตกแต่งเยอะ หรือไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ดว้าง ก็สวยได้ แนะนำให้ลองสั่งเมนูเครื่องดื่มแบบปั่นของทางร้านอย่างโกโก้ภูเขาไฟ หรือจะชาแดงใส่นมก็ถือว่าอร่อยกลมกล่อมทั้งนั้น

  • ที่อยู่ : เลขที่ 20 ซอยสรงประภา 28 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : 20 Home cafe
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.00 น. ยกเว้นวันเสาร์-วันอาทิตย์ เปิดเวลา 09.00-16.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 081-813-4111

18. Damnlicious (Home Cafe)

คาเฟ่ดอนเมืองลับๆ ที่ตกแต่งแบบไม่ซ้ำใคร เน้นสีไม้ พร้อมตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ต่างประเทศ ขอแนะนำเครื่องดื่มชื่อดังของทางร้านอย่าง Sparkling Americano กาแฟอเมริกาโนสูตรพิเศษจากทางร้าน หรือลองทานเมนูยอดนิยมอย่างชาไทยที่ให้ความรู้สึกหอมหวาน กลมกล่อมไปกับชาเข้มข้นที่ตัดด้วยความมันของนม รับรองว่าถูกใจสาวกชากาแฟแน่นอน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 10 ซอย เทิดราชัน 1 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : Damnlicious (Home Cafe)
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 07.30-17.30 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)
  • เบอร์ติดต่อ : 065-695-9788

19. At ล้าน๑คอฟฟี่

สายกาแฟที่กำลังหาของกินดอนเมืองอร่อยๆ อยู่ต้องแวะมา ‘At ล้าน๑คอฟฟี่’ ซึ่งเป็นคาเฟ่เล็กๆ โทนสีขาวสะอาด ตกแต่งกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความรู้สึกสบายตา ที่คาเฟ่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟหอมมาก เพราะใช้กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ให้สายกาแฟได้แวะจิบกาแฟเข้มๆ พร้อมขนมหวานหลากหลายเมนูภายในร้าน 

  • ที่อยู่ : เลขที่ 349 ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
  • พิกัด : @ล้าน๑คอฟฟี่
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 06.00-20.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 094-059-3182
นม ๖

20. นม ๖

ของกินดอนเมืองอร่อยๆ ที่สายหวานจะต้องรู้จักกับร้าน ‘นม ๖’  ร้านของหวานชื่อดังที่รวมเมนูของหวานไว้มากมาย ทั้งบิงซู โทสต์ ขนมปังปิ้งหน้าต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มปั่น พร้อมอาหารว่างอย่างเฟรนซ์ฟรายก็มีมาแล้ว เรียกได้ว่าร้านนี้มีทั้งพื้นที่กว้างขวาง เมนูหลากหลาย เป็นคาเฟ่ที่ยืนหนึ่งเรื่องของหวานย่านนี้เลย

  • ที่อยู่ : แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 5.6 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : นม ๖ • ดอนเมือง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 13.00-21.30 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 02-086-8048

21. R KOO Cafe’

‘R KOO Cafe’ คาเฟ่ดอนเมืองบรรยากาศสบายๆ ที่เน้นโทนสีน้ำตาล เพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยการนำดอกไม้สวยๆ เข้ามาประดับภายในร้าน ขอบอกว่าคาเฟ่ดอนเมืองแห่งนี้ เป็นที่ที่รวมเมนูเครื่องดื่มไว้หลายแบบ ทั้งกาแฟ สมูทที ชา นม ฯลฯ มีให้เลือกทานตามต้องการ พร้อมของหวานเมนูเด็ดอย่างฮันนี่โทสต์ที่จะเติมความหวานให้กับทุกๆ คน

  • ที่อยู่ : เลขที่ 570 สีกัน 306 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
  • ใกล้สนามบิน : ห่างจากสนามบินดอนเมืองเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
  • พิกัด : RKOO COFFER & FLOWER
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น.
  • เบอร์ติดต่อ : 02-047-0304

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

บริการรับฝากและขนส่งสัมภาระสนามบินดอนเมือง

เดินทางกลับมาจากทริป ต้องออกไปทำธุระทำงานต่อ ไม่ต้องลากกระเป๋าไปมาให้เหนื่อย เพราะมีบริการรับฝากและขนส่งสัมภาระของ แอร์พอเทลล์ บริการรับฝากกระเป๋า จัดส่งกระเป๋าถึงโรงแรมหรือจะให้จัดส่งไปที่บ้าน หรือจะฝากกระเป๋าไว้ก่อน ก็สามารถไปรับกระเป๋าได้ตลอด 24 ชม. สะดวกสบายมากๆ สามารถออกไปทำธุระต่อไปได้แบบชิลๆ หรือจะไปรับตามจุดให้บริการต่างๆในกรุงเทพก็ได้เช่นกัน . 

  •  ฝากสัมภาระให้บริการทุกเค้าเตอร์ของแอร์พอเทลล์เริ่มต้นเพียง 20,40 บาท/ชั่วโมง (ใบเล็ก/ใบใหญ่) หรือ 100 บาท/วัน 
  • บริการขนส่งสัมภาระ ระหว่าง (สนามบิน – ห้าง – โรงแรม) เริ่มต้น 299บาท/ใบ (ไม่เกิน25KG) 
  • บริการขนส่งสัมภาระไปยังต่างจังหวัด เริ่มต้นที่ 349 บาท (น้ำหนักไม่เกิน 15KG)
  • พิกัด : สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

สรุป

ไม่ว่าคุณต้องเดินทางไป หรือกลับจากสนามบินดอนเมือง การเลือกแวะหาของกินดอนเมืองอร่อยๆ หรือแวะคาเฟ่ดอนเมือง ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้พักผ่อน คลายความเหนื่อยล้า ชมบรรยากาศสวยๆ จิบกาแฟแสนอร่อยจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายก่อนการเดินทางครั้งใหม่ ทั้งนี้ หากใครที่รอเวลาต่อเครื่อง หรือเพิ่งลงเครื่องเสร็จแล้วอยากแวะเที่ยวต่อเลย โดยไม่อยากแบกสัมภาระให้ลำบาก Airportels ขอแนะนำบริการฝากกระเป๋าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ให้คุณได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิน เที่ยว ชอป หรือหากใครที่ไม่สะดวกกลับมาที่สนามบิน สามารถเลือกใช้บริการส่งกระเป๋า กับทาง AIRPORTELs ที่เคาท์เตอร์บริเวณประตู 9 อาคารผู้โดยสาร 2 แล้วให้ไปส่งถึงโรงแรมได้เลย รับรองว่าปลอดภัย อีกทั้งยังอุ่นใจเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะทาง AIRPORTELs มีประกันการสูญหายอีกด้วย

17 ร้านอาหารยอดนิยมที่ MBK Center มีอะไรกิน อัปเดตล่าสุด 2023

MBK Center หรือ ศูนย์การค้ามาบุญครอง เป็นย่านการค้าที่มีขนาดใหญ่ในกรุงเทพ มา mbk ทีไรก็มักจะมี อะไร ใหม่ๆ มาให้ลองกิน เพราะร้านอาหาร mbk นั้นมีให้เลือกหลากหลาย โดยบทความนี้ได้รวบรวมร้านอาหารยอดนิยมให้เลือกกัน ว่าจะพาแฟน พาเพื่อนไปกินร้านไหนจนเลือกไม่ถูกว่ามา mbk แล้วจะกินอะไรดี แถมยังเดินตัวปลิวเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ได้สบายๆ เพราะตอนนี้ MBK มีบริการรับฝากกระเป๋าของ Airportels ที่สามารถฝากกระเป๋าได้ฟรี 2 ชั่วโมงเรียกได้ว่าจะกินจะชอป ก็เดินกันเพลินแบบตัวเบาหวิวไปเลยทีเดียว ว่าแต่ มีใครอยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ mbk มีอะไรให้กินบ้าง? ตามมาดูกันเลย

สุกี้ตี๋น้อย

1. สุกี้ตี๋น้อย

สุกี้ตี๋น้อย ร้านสุกี้สัญชาติไทยอร่อยไม่อั้น เที่ยงวันยันเช้า กินได้เพลินๆ เหมาะที่จะพาเพื่อนมาทานเพราะคิวยาวมาก แจกบัตรคิวกันตั้งแต่ 11 โมง ก็ยังมีคนมารอแล้ว ถ้าพาแฟนมารอแฟนคงนอยด์ แต่ถ้าพาเพื่อนมา คงมีเวลาเม้าท์มอยกันให้สนุก ก่อนมาเติมพลังด้วยสุกี้กันต่อ 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251 – 500 บาท
  • พิกัด : ชั้น 2 ของ MBK
  • เวลาเปิด-ปิด : 12.00-5.00
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/sukiteenoithailand/?locale=th_TH
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0634760217 

2. Senju Shabu&Sushi Premium Buffet

ร้านอาหารmbk ร้านต่อไปที่เราอยากชวนคุณไปชิมก็คือ Senju Shabu&Sushi Premium Buffet ร้านชาบูและซูชิแบบบุฟเฟต์สุดหรู มีที่นั่งมากถึง 41 – 80 ที่นั่ง เหมาะที่จะพาแฟนมากินข้าวสวยๆ เพราะแสงดีมาก ถ่ายรูปก็ดี อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายโดนใจ เพราะชาบูเองก็มีน้ำซุปให้เลือกมากถึง 4 แบบ ส่วนซูชิและอาหารญี่ปุ่นเองก็มีเมนูให้เลือกเยอะ ตอบโจทย์คนไทยหัวใจญี่ปุ่น 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 501 – 1,000 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 7 หน้า Bowling Zone 
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ – ศุกร์ 11:00 – 21:30

                   เสาร์         10:00 – 21:30

                   อาทิตย์ 10:00 – 21:00 

นักล่าหมูกระทะ

3. นักล่าหมูกระทะ

นักล่าหมูกระทะเป็นร้านหมูกระทะติดแอร์ อยู่ในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง รสชาติดี ราคาไม่แรง เป็นร้านอาหารที่เหมาะจะมาทานกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว เด็กๆ ก็สามารถทานได้ มีทั้งกุ้ง หมูหมัก หมูสามชั้น และน้ำจิ้มรสเด็ดเตรียมพร้อมไว้รอบริการ หมดปัญหามา mbk กินอะไรดี 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251 – 500 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 2 โซน D ติดกับร้านสุกี้ตี๋น้อย เจ้าของเดียวกันกับร้านซูชิชินคันเซ็น 
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 22:00 
  • เบอร์โทรติดต่อ :  095 586 2465

4. Ramenga

มาmbk มีอะไรกินเสมอ อย่าง Ramenga ราเมงอะ ラーメン ร้านราเมงสายบุญที่มักจะออกมาทำดีเพื่อสังคม เช่น แจกราเมงให้เด็กยากไร้ แจกราเมงฟรีให้คิดในช่วงโควิด 1,000 ชาม โดดเด่นด้วยน้ำซุปโชยุที่มีเอกลักษณ์ และไข่ต้มสูตรพิเศษ ที่ใครกินแล้วก็น่าคิดเหมือนกันว่าอร่อย ราคาไม่แรง อาหารเสิร์ฟเร็ว ไม่ต้องรอนาน จะมากินกับเพื่อนก็ได้ กินกับแฟนก็ดี ร้านอาหารแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ดูดี สบายตา 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้านต่ำกว่า 100 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 5 ถัดจาก Fotofile 
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์: 10:00 – 19:30

                         อังคาร – อาทิตย์: 10:00 – 20:30 

Oppa Daek

5. Oppa Daek

mbk มีอะไรกินหลายอย่าง แต่เราอยากแนะนำร้านอาหาร Oppa Daek มาเป็นพิเศษ เพราะเป็นร้านไก่ทอดเกาหลี สไตล์ครอบครัว ให้บริการอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนมีพี่ชายมาคอยทำอาหารให้ทาน นอกจากไก่ทอดเกาหลีแล้ว ยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ทั้งบาร์บีคิว ซุปกิมจิ ข้าวยำเกาหลี ต๊อกบกกิชีส คิมมาริ คิมบับ ข้าวผัดกิมจิ ออมุก ข้าวหน้ามันปู กุ้งดองสไลต์เกาหลี จาจังเมียนแบบผัดแห้งสูตรพิเศษ เหมาะที่จะมาสวีทกับแฟนเป็นที่สุด แต่ถ้าจะชวนเพื่อนมาแฮงค์เอาท์ก็สามารถมาได้เช่นกัน 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 2
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 22:30 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/oppadaek?locale=th_TH
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0971504565 

6. Nova Kitchen

Nova Kitchen ร้านอาหารไทยและอาหารจีนสไตล์สิงคโปร์ ร้านเล็กๆ รสชาติอร่อย หนึ่งในร้านอาหาร เก่าแก่ของ mbk  มีอาหารให้เลือกหลากหลาย คนจะเยอะมากในช่วงเทศกาลกินเจ เพราะร้าน Nova Kitchen มีอาหารมังสวิรัติขายด้วย เหมาะที่จะมาทานกับเพื่อนและครอบครัว กินด้วยกันได้ในทุกๆ เทศกาล

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 1 ข้างๆ Tops supermarket
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:30 – 20:00 
  • เบอร์โทรติดต่อ : 084 639 0033
ป้อน Ponn Café

7. ป้อน Ponn Café

Ponn Café ร้านอาหารไทยแนวใหม่ ที่มาในคอนเซปต์ว่า ฉันจะป้อนสิ่งดีๆ ให้กับคนที่ฉันรัก แน่นอนว่าพามาได้หมดทั้งเพื่อนฝูง ครอบครัว คนรัก แต่ถ้าพาแฟนมาก็จะมีโมเมนต์คิวท์ๆ เอาไว้เติมความหวานให้กินได้ อารมณ์กินไปมา ก็ป้อนกันบ้าง คนละคำสองคำ ตามคอนเซปต์ของร้าน แถมยังมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารนั้นล้วนแล้วมีแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น แบบใครกันจะไม่อยากพาแฟนมากินร้าน ป้อน Ponn Café แถมร้านยังตกแต่งแนวครอบครัวอบอุ่น ดูสะอาด เห็นแล้วอยากสร้างครอบครัว

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251-500 บาท
  • พิกัด : อยู่ชั้นล่างตรงกลางมาบุญครองเลย 
  • เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 19:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/ponncafe?locale=th_TH
  • เบอร์โทรติดต่อ :  0645875628

8. ชาวเลซีฟู้ดส์

ชาวเลซีฟู้ดส์อาหารไทย อาหารมุสลิม/ฮาลาล อาหารทะเลสดๆ ส่งตรงจากท้องทะเลสุราษฎร์ธานี ร้านอาหารซีฟู้ดที่เหมาะจะมากินกันครั้งละหลายๆ คน เช่น พาครอบครัวมากินเวลารวมญาติ หรือชวนเพื่อนที่ทำงานมาพูดคุยประชุมงาน และเลี้ยงสังสรรค์กันที่นี่ อาหารซีฟู้ดสด สะอาด จากท้องทะเลใต้ของไทย เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ mbk ที่ใครก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด :  ชั้น 1 โซน B
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน: 10:00 – 21:00 
  • แฟนเพจ :  https://www.facebook.com/Chaolayhalal
  • เบอร์โทรติดต่อ :  098 880 9065
Shinkanzen sushi

9. Shinkanzen sushi

Shinkanzen sushi ร้านอาหาร mbk เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดกลางที่ใครก็ไม่ควรพลาด ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ มีอาหารให้เลือกทานทั้งแบบ A la carte และบุฟเฟต์มีราคา 329+ 549 + 879+ มีอาหารให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นซาซิมิแซลมอน ทูน่า ปลาหมึก ซูชิเนื้อวากิว แซลมอนสไปซี่ ซูชิปลาไหล อาหารทานเล่นมากมาย ข้าวหน้าเนื้อก็อร่อย กุ้งตัวโต หอยนางรม หนังปลาจิ้มซีฟู้ด เหมาะที่จะมาทานมื้อใหญ่ๆ ร่วมกับเพื่อนและครอบครัว

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 501 – 1,000 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 2
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10:00 – 22:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/shinkanzensushi
  • เบอร์โทรติดต่อ : 065-859-9865 

10. CoCo ICHIBANYA

รู้กันรึเปล่าว่า CoCo ICHIBANYA คือร้านแกงกะหรี่จากญี่ปุ่นสุดว้าว ที่มีออปชั่นให้เลือกมากมาย สามารถเลือกได้ว่าจะใส่ท็อปปิ้งอะไรบ้าง ที่สำคัญคือ เลือกความเผ็ดของแกงกะหรี่ได้ด้วยนะว่าจะเอาแบบเผ็ดมากน้อยแค่ไหน ใครๆ ก็กินได้ หรือถ้าอยากเพิ่มความนัว จะขอเพิ่มชีสออนท็อปไปอีกก็ทำได้เหมือนกัน ทำให้ข้าวแกงกะหรี่ของ CoCo ICHIBANYA มีความโดดเด่น มากี่ทีก็มีให้เลือกกินแบบไม่รู้จักเบื่อ แถมยังให้ปริมาณที่เยอะมากๆ ชนิดว่ากินคนเดียวมีจุกแน่ๆ อีกด้วย ร้านตกแต่งแนวญี่ปุ่น ใสๆ ดูสะอาด สบายตา เหมาะที่จะไปทานอาหารร่วมกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว แต่ก็เป็นอีกร้าน ที่ชวนแฟนไปกินข้าวด้วยกันได้ ร้านนี้เสียงไม่ดัง มีบรรยากาศที่อบอุ่น แฟนใครเป็นคนใสๆ น่าจะหลงรัก CoCo ICHIBANYA 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 251 – 500 บาท  
  • พิกัด : ชั้น 7
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10:00 – 21:00
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/cocoichibanyathailand
  • เบอร์โทรติดต่อ : 085-884-5496 
ฮองมิน ภัตตาคารจีน - Hongmin

11. ฮองมิน ภัตตาคารจีน – Hongmin

ฮองมิน ภัตตาคารจีน – Hongmin ร้านอาหาร mbk ที่มีอาหารจีนให้ทานได้ไม่อั้นในราคาหลักร้อย ชวนเพื่อน แฟน และครอบครัวมากินด้วยกันได้หมด

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน  501 – 1,000 บาท
  • พิกัด :  ชั้น 2 โซน A ห้อง A00500
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ 10:00 – 22:00

                 อังคาร 10:00 – 20:00

                 พุธ – อาทิตย์ 10:00 – 22:00 

12. Santa Fe’ Steak

ร้านอาหาร mbk ร้านถัดไปเป็นร้าน Santa Fe’ Steak ร้านสเต๊กจานด่วนสุดประหยัด เหมาะที่จะมาทานกับเพื่อนและครอบครัวก็ได้ ร้านอาหารตกแต่งแนวโมเดิร์นแบบง่ายๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด :  ชั้นที่ 5 ห้องเลขที่ เอฟ05 เอ003000
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10:00 – 21:00
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/santafesteak.th
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0922258716 
Sultana Indian Cuisine MBK

13. Sultana Indian Cuisine MBK

Sultana Indian Cuisine เป็นร้านอาหาร ร้านขายอาหารอินเดียใน food court ของ mbk มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพง รออาหารประมาณ 15 นาที เพราะทางร้านทำให้ใหม่ทุกจาน 

  • ราคา : ต่ำกว่า 100 บาท 
  • พิกัด : Food court ชั้น 6
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 11:00 – 19:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100079898360502
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-084-8888 

14. Yayoi Japanese Restaurant

Yayoi Japanese Restaurant ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ครอบครัว มีเมนูอาหารแบบข้าวกล่องและราเมงให้เลือกหลากหลาย ในราคากลางๆ เหมาะที่จะมาทานกับเพื่อนหลังเลิกงานในวันสบายๆ 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท
  • พิกัด :  ชั้น 7
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน: 10:00 – 20:30 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/YayoiRestaurantThailand
  • เบอร์โทรติดต่อ : 083-099-6807 
Cinecafe.th

15. Cinecafe.th

Cinecafe.th เป็นร้านกาแฟของทาง​ SF cinema ตกแต่ง​สไตล์​โมเดิร์นสีสันสดใส​ มีเครื่องดื่ม​ทั้งกาแฟและไม่ใช่กาแฟ ถ้าซื้อตั๋ว​หนัง VIP สามารถรับข้าวโพดคั่วหรือเครื่องดื่ม 1 แก้ว บอกแล้วว่ามา mbk ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มี อะไร กิน 

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท
  • พิกัด : ชั้น 7 หน้าโรง VIP 
  • เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 18.00น. 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/Cinecafe.th
  • เบอร์โทรติดต่อ : –

16. Maidreamin

มา mbkมีอะไรให้กิน แน่นอน อย่างร้าน Maidreamin ร้านอาหารสไตล์ลูกคุณหนู เหมาะที่จะชวนแฟนแต่งตัวสวยๆ มาถ่ายรูปมากที่สุด หรือจะให้เด็กๆ แต่งคอสเพลย์มาเล่นที่ร้านก็เหมาะสุดๆ เลยล่ะ

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน 101 – 250 บาท 
  • พิกัด : ชั้น 7 ติดกับร้าน KFC
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 14:00 – 19:00 
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/MaidreaminThailand/
  • เบอร์โทรติดต่อ : 02-003-1616 
ขนมเบื้องหวานคำ ร้านกันเอง

17. ขนมเบื้องหวานคำ ร้านกันเอง 

อีกหนึ่งร้านอาหาร mbk ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ร้านขนมเบื้องหวานคำ ร้านกันเอง ร้านขนมเบื้องเก่าแก่แป้งบางกรอบ หอม อร่อย ทางร้านผสมแป้งเอง ไม่ได้ใช้แป้งสำเร็จรูป ร้านเปิดมานานมากๆ เด็กนักเรียนใครแวะมาสยามก็ต้องแวะร้านนี้

  • ราคา : ราคาโดยรวมทุกเมนูทั้งร้าน ต่ำกว่า 100 บาท
  • พิกัด : ชั้น 4 โซน B อยู่ใกล้บันไดเลื่อนขึ้นลง 
  • เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 11:00 – 19:30
  • แฟนเพจ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100064028914217
  • เบอร์โทรติดต่อ : 0626368787 

สรุป

MBK มีทั้งอาหารคาว หวาน ทุกประเภท ทุกเชื้อชาติ มีครบที่นี่ หากนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร ลองอ่านบทความและส่งให้เพื่อหรือแฟนตัดสินใจ รับรองได้ว่ามา mbk แล้วมีอะไรกิน หมดปัญหา “กินอะไรดี” แน่นอน ร้านอาหาร mbk มีให้เลือกเยอะขนาดนี้ ต้องมีสักร้านที่โดนใจล่ะน่า และหากใครที่เดินทาง พึ่งลงเครื่อง ไม่อยากแวะเข้าที่พักเพื่อนำสัมภาระไปเก็บ และจึงค่อยออกมาหาอาหารกินที่ร้านอาหาร mbk  

แนะนำ Airportels ที่มีบริการรับส่งกระเป๋าจากสนามบิน-ถึงที่พัก ตัดความกังวล ไม่ต้องขับรถวนไปมา เหมาะมากหากไปเป็นแก๊งใหญ่ๆ ลดความวุ่นวายไปได้เยอะ ที่สำคัญตอนนี้มีบริการฝากฟรี 2 ชั่วโมง หรือเหมาทั้งวัน 100 บาท/ใบ เท่านั้น

Airportels-MBK

ที่สำคัญคือใช้งานง่าย จองผ่านเว็บไซต์ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังประหยัดเวลา และเงิน ไม่ต้องกังวลว่าจะบินกี่โมงเพราะเราเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ประหยัดเวลาและค่าเดินทางกว่าฝากของ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ส่งสัมภาระกระเป๋าภายใน 6 ชั่วโมง หรือแบบด่วนภายใน 3 ชั่วโมง ไม่ต้องแบกกระเป๋าหนักๆ ไปด้วย

ปลอดภัยไว้ใจได้ ประกันค่าเสียหายสูงสุด 50,000 บาท ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สะดวกรวดเร็วขนาดนี้ ต้องลองใช้บริการ Airportels ดูแลแล้วล่ะหมายเหตุ ข้อมูลร้านอาหารอัปเดต ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ในอนาคตอาจมีร้านอาหารอร่อยๆมาเปิดใหม่ใน mbk เพิ่มเติมมากกว่านี้ก็ได้นะ

คัดมาแล้ว! 10 คาเฟ่แถวอโศก ร้านสวยๆ คูลๆ สายคอนเทนต์ห้ามพลาด

อโศกนับว่าเป็นย่านสุดฮอตที่เป็นแหล่งทำงานรวมถึงแหล่งสถานที่เที่ยวต่างๆ และที่โดดเด่นที่สุดคือ คาเฟ่ที่อโศก ที่ต้องบอกว่าแต่ละร้านมีการตกแต่งตามสไตล์ของตัวเอง และในส่วนของอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบเต็มรูปแบบ 

YEST WORKS

1. YEST WORKS

YEST WORKS เป็นร้านคาเฟ่ขนาดเล็ก เมื่อเข้ามาภายในร้านก็จะเห็นได้ว่าตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากร้านคาเฟ่ตรงชั้นวางกาแฟ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเชยชมเมล็ดกาแฟจากทางร้านได้ สำหรับร้านนี้เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกาแฟเป็นอย่างมาก

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านก็คือ “Find your best coffee” หรือก็คือทุกคนสามารถตามหากาแฟที่ดีที่สุดกับตัวเองได้ เพราะร้านกาแฟเหล่านี้เน้นคัดเลือกกาแฟมาจากหลายๆ แหล่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมกาแฟที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ 

เมนูซิกเนเจอร์

เมนูที่ทางร้านอยากจะแนะนำก็คือ “กาแฟดริป” ที่เน้นในเรื่องของความพิถีพิถันในการชง และจะขับคุณภาพของกาแฟได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเมล็ดกาแฟ ส่วนผสม การคั่ว และวิธีชง ทำให้กาแฟมีรสชาติที่แตกต่าง โดยเมนูเด่นๆ คือ Acaba , Dot mork และ Latte 

  • ที่ตั้งร้าน: 732 ถ. สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/Fs2oPD215BWtY1BfA
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 17:00 น.
Artis Coffee Bangkok

2. Artis Coffee Bangkok

Artis Coffee Bangkok เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยทางร้านเน้นการตกแต่งด้วยการใช้สีดำ สีขาว ไม้สีอ่อน เมื่อมารวมกันแล้วได้กลิ่นอายร้านกาแฟที่ทันสมัย เหมาะสำหรับการนั่งทำงานยาวๆ

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะเน้นในเรื่องบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญในการชงกาแฟ และกาแฟมีความสดใหม่ ที่พร้อมรังสรรค์กาแฟแต่ละเมนู คั่วและชง ได้รสชาติตามที่ลูกค้าต้องการ 

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูที่โดดเด่นทางร้านไม่ได้มีการบอกที่แน่ชัด แต่สิ่งที่แตกต่างจากร้านคาเฟ่ที่อื่นได้อย่างชัดเจนนั้นก็คือ การคั่วสดๆ ในระดับที่พอเหมาะจึงทำให้รสชาติของกาแฟนั้นดีเยี่ยม โดยคนที่ชอบมักจะสั่ง Dirty Coffe, Latte, แซนด์วิช, และของหวาน

  • ที่ตั้งร้าน: 390, 20 ซอย สุขุมวิท 18 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/KPnn2sFFfNTH5HkH8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 20:00 น.
28ml. Specialty Coffee & Tea Bar

3. 28ml Specialty Coffee & Tea Bar

28ml. Specialty Coffee & Tea Bar ถือว่าเป็นคาเฟ่ย่านอโศกยอดนิยม ไม่แพ้ร้านอื่น ๆ โดยคาเฟ่ของร้านนี้จะเน้นตกแต่งแนวสีส้ม ขาว น้ำตาล ที่จะใช้กระเบื้องเป็นการตกแต่งภายในร้าน

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านนับว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ เพราะมาจากชื่อร้าน “28ml” หรือก็คือสิ่งที่ตวงส่วนผสมของทางร้าน ให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ และสามารถมั่นใจว่ามากินทุกครั้งอร่อยเหมือนเดิมทุกครั้ง

เมนูซิกเนเจอร์

เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ “Dirty Coffee” ที่เน้นการสกัดกาแฟ 2AM ทำให้รสชาติของกาแฟมีความกลมกล่อม นุ่มละมุน ไม่ขม ไม่เข้มข้นจนเกินไป

  • ที่ตั้งร้าน: ที่อยู่ 155 10 ถนน อโศกมนตรี แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/Ffnb8Hiix4cxxnpPA
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: จันทร์ – อังคาร 07:00 – 15:00  น.

                             พุธ                   09:00 – 15:00  น.

                             พฤหัสบดี – ศุกร์ 07:00 – 15:00  น.

                             เสาร์                   08:00 – 15:30  น.

Size S Coffee & Bakery

4. Size S Coffee & Bakery

Size S Coffee & Bakery เป็นร้านที่มีขนาดเล็กตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอลมาในโทนสีขาวและเทา เน้นตกแต่งน้อยเพื่อให้เห็นพื้นที่กว้างๆ และสะอาดตา

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้าน จะเป็นไปตามชื่อร้านเลย Size S ซึ่งไซซ์ที่ว่านี้จะหมายถึงเมนูเบเกอรี่ที่จะทำออกมาชิ้นเล็กๆ  เพื่อที่ทุกคนจะสามารถเลือกทานเมนูได้หลากหลาย ทำให้เพลิดเพลินกับการกินมากยิ่งขึ้น

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นเมนู Coconut Cake ที่ทางร้านเน้นใส่ใจในเรื่องของรสชาติ มีความนุ่มละมุนลิ้นสุดๆ ในส่วนของกาแฟภายในร้านก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะทางร้านมีโรงคั่วกาแฟเป็นของตัวเอง จึงสามารถทำกาแฟที่หลากหลายรสชาติได้

  • ที่ตั้งร้าน: 5, 25 ซอย งามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/8mSHoMkB8dY2oDAs8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดจันทร์ – เสาร์ 7:30–17:00 น.
Cosmos Cafe Bangkok

5. Cosmos Cafe Bangkok

สำหรับ Cosmos Cafe Bangkok จะเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ เปิดกระจกโล่งเห็นภายในร้านชัดเจน โดยร้านจะมีนั่งแบบ in door และ out door ที่ชั้นสอง โดยทางร้านจะเน้นยกเพดานสูง ตกแต่งแบบคลีนๆ ทำให้เวลามานั่งชิลที่นี่แล้วรู้สึกโล่ง

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านคือประโยคที่ว่า “COFFEE IS UNIVERSAL” หรือก็คือ การสื่อสารด้วยกาแฟ ไม่จำเป็นต้องพูดจาอะไรกันมากมาย แต่ก็สามารถเข้าใจผ่านรสชาติกาแฟที่ได้สัมผัส

เมนูซิกเนเจอร์

Samui Iced Coffee เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ นอกจากจะใช้กาแฟในการชงแล้วยังมีการใส่น้ำมะพร้าวและน้ำอัญชันสร้างรสชาติที่แปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี

  • ที่ตั้งร้าน: 36/1, ซอยสุขุมวิท 23, ถนนสุขุมวิท, คลองเตย, วัฒนา
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/i8sZbT3qv6cv4atg7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน 07:30 – 17:30 น.
Chu Chocolate Bar & Cafe

6. Chu Chocolate Bar & Cafe

คาเฟ่แถวอโศก อีกหนึ่งร้านที่น่าค้นหาและลองแวะไปเยือนคือ Chu Chocolate Bar & Cafe ที่เน้นนั่งสบาย เมื่อเข้ามาในร้านจะให้ความรู้สึกอบอุ่น เพราะทางคาเฟ่เลือกใช้วัสดุของไม้ และเพิ่มความมีสีสันโดยการนำสีน้ำเงินมาตัด

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ทางร้านจะเน้นในเรื่อง “อาหารมื้อสาย” ที่ถือว่าเป็นเมนูทานง่ายๆ เบาๆ ไม่หนักเกินไป ซึ่งสามารถทานได้ทุกเวลา เหมาะกับการนั่งกินยาวๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบไปไหน

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูเด็ดของทางร้านจะเน้นในเรื่องของอาหารมื้อสาย หรือไม่ก็ของหวานมากกว่า ซึ่งจะมีการหมุนเวียนขายเฉพาะในแต่ละช่วง ในส่วนของกาแฟก็จะเป็น American Marshmallow ที่จะเป็นการนำดาร์กช็อกโกแลตมาผสมกับมาสเมลโล่ที่ให้สัมผัสแปลกใหม่

  • ที่ตั้งร้าน: 18/1 ซ. สุขุมวิท 31 เเขวง คลองตันเหนือ, เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/ouhaUKgXhiiUWrVR9
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 22:00 น.
Bake Brothers

7. Bake Brothers

สำหรับร้านกาแฟ Bake Brothers จะเป็นร้านที่อยู่ใน Terminal21 โดยตัวร้านเน้นโทนตกแต่งเทาๆ ชิลๆ  เหมาะสำหรับคนที่เดินห้างแล้วเหนื่อยอยากแวะมานั่งพัก แล้วไปชอปต่อเพลินๆ แบบหนำใจหากมีของชอปเยอะไม่ต้องกังวล เพราะสามารถฝากได้ที่ได้ Airportels เลย

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

ความอร่อยพร้อมเสิร์ฟทั้งเมนูเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่ได้ฟีลแบบพี่ชาย คุยง่าย นั่งชิล สบายๆ กับเมนูที่ใส่ใจเหมือนมีพี่ชายมาดูแล

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับเมนูทางร้าน จะชูเรื่องของเบเกอรี่รวมทั้งขนมต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย ในส่วนของกาแฟจะมีการแนะนำ กาแฟเบรค บราเธอร์ส ที่นับว่าเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านถ้าอยากรู้ว่าเป็นกาแฟอะไรต้องไปลอง

  • ที่ตั้งร้าน: 88 ซอย วัฒนา แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กทม.
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/B8LaXpYSdQAgGKbV9
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: วันจันทร์ – วันเสาร์ 10.00 – 22.00 น. , วันอาทิตย์ 10.00 – 20.00 น.
Hario Cafe Bangkok 

8. Hario Cafe Bangkok 

Hario Cafe Bangkok เป็นร้านคาเฟ่ที่มีขนาดใหญ่เน้นการตกแต่งแบบมินิมอลโดยใช้สีขาวเป็นส่วนใหญ่ และสร้างร้านให้ดูกว้าง สูง มีการเล่นมิติด้วยการตกแต่งโค้งเว้าทำให้ดูไม่อึดอัด

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะมาสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นมินิมอล ใส่ใจละเอียดทุกกระบวนการ โดยเฉพาะบาริสต้าที่ต้องใช้มือโปรและมีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟชนิดต่างๆ เป็นอย่างมาก

เมนูซิกเนเจอร์

Syphon Slow Drip ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของคาเฟ่ เพราะสามารถเลือกวิธีชงกาแฟได้ และสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้เองอีกด้วย 

  • ที่ตั้งร้าน: 29 ซ. สุขุมวิท 33 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/FKaBMiz2B987mJyV7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 06.30 – 20.30 น.
SANT DE' NHUAD

9. SANT DE’ NHUAD

สำหรับร้าน SANT DE’ NHUAD จัดว่าเป็นคาเฟ่แถวอโศกที่มาในสไตล์ Factory จะเน้นตกแต่งด้วยโทนขาวหรือเลือกใช้วัสดุที่เป็นโทนสีเงิน เพื่อให้บรรยากาศดูเป็นโรงงาน แต่ว่ามีความทันสมัยและสะอาดเป็นอย่างมาก

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

คอนเซ็ปต์ของร้านจะเน้นฟีล Factory Homemade ที่จะให้เห็นบรรยากาศการทำครัวซองต์ ถือว่าเป็นจุดเด่นของแบรนด์ เพราะลูกค้าสามารถชมระหว่างการทำได้

เมนูซิกเนเจอร์

Plain Croissant นับว่าเป็นความอร่อยที่ท็อปฟอร์มที่สุดเพราะเป็นรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบนำเข้ามา ที่สามารถทำให้คุณได้สัมผัสถึงความเป็นครัวซองต์สไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ 

  • ที่ตั้งร้าน: BB Building, 54 ซอย สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/wcN4JQqe87MYw56F7
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 15.00 น.
Fika & Co

10. Fika & Co 

สำหรับร้านคาเฟ่ย่านอโศก ที่สุดท้ายที่อยากจะแนะนำก็คือ  Fika & Co เป็นคาเฟ่ที่มาในสไตล์ลอฟท์ ทุกคนสามารถมานั่งชิล นั่งทำงาน หรือนั่งเพลินๆ กับการทานของอร่อยกันได้

คอนเซ็ปต์ของร้าน 

ทางร้านจะเป็นการที่คนรักกาแฟมารวมตัวกัน เพื่อเปิดร้านกาแฟในคอนเซ็ปต์ “ช่วงเวลาดีๆ ที่จะทำให้คุณดื่มด่ำอาหารอร่อยๆ ได้เต็ม” 

เมนูซิกเนเจอร์

สำหรับทางร้านมีการคัดเลือกกาแฟชั้นดี ในการทำ  Matcha Espresso หรือก็คือ ช็อตเอสเพรสโซที่นำมาผสมผสานกับมัทฉะกลายเป็นความอร่อยที่แตกต่างอย่างลงตัว

  • ที่ตั้งร้าน: 1788 Singha Complex แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด: https://goo.gl/maps/yNTY8YJM4xs4FG5j8
  • เวลาเปิด-ปิดร้าน: เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 18.00 น.

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการของแอร์พอเทลล์

บริการรับและส่งกระเป๋าและสัมภาระ

แอร์พอเทลล์ให้บริการฝากกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 บาท/ใบ/วัน เพื่อให้คุณทำธุระหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ เรามีห้องเก็บกระเป๋าและระบบกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง และให้บริการส่งกระเป๋า ราคาเริ่มต้นที่ 299บาท/ใบ ปลายทางทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

สาขาของแอร์พอเทลล์

สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นบี,โซนแอร์พอร์ตลิงก์ 

สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2, ชั้น 1, ประตู 9 

MBK Center ชั้น 6, โซนบี (ติดกับร้าน S&P ทางออกลานจอดรถ)

Terminal 21 Asok ชั้น 1, โซนโตเกียว (ทางออกลานจอดรถ)

Central World ชั้น 1, โซนกรูฟ (ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ)

MIXT Chatuchak ชั้น 2, โซนบี (เลขห้อง2055)

Terminal 21 Pattaya ชั้น1, โซนปารีส (ติดกับร้านอีฟแอนด์บอย)

สรุปสำหรับคาเฟ่แถวอโศก  ทั้ง 10 ที่ นับว่าเป็นร้านที่ผ่านการรีวิวมามากมาย ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของบรรยากาศ โดดเด่นเรื่องของหวานและเครื่องดื่ม ที่สำคัญแต่ละร้านยังมีซิกเนเจอร์และสไตล์เป็นของตัวเอง เพื่อที่ทุกคนสามารถมาเปิดบรรยายแปลกใหม่เหล่านี้ได้ รับประกันเลยว่าเหมาะกับการนั่งชิลๆ หรือจะทำงานเพลินๆ ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่งและไม่ควรพลาดเป็นอันขาด

23 จุดเช็คอิน แลนด์มาร์คในกรุงเทพ ที่นักสร้างคอนเทนต์ห้ามพลาด

กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่สามารถตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกเพศ และทุกวัยได้ อีกทั้งยังมีจุดท่องเที่ยวสุดโดดเด่นที่ห้ามพลาดอีกด้วย โดยบทความนี้ได้รวบรวมแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ต้องไปให้ได้ พร้อมทั้งบอกพิกัดสถานที่เพื่อให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย จะมีสถานที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

1. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถและระเบียงรอบวัดจะมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่งดงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ อีกมากมาย ทั้งพระศรีรัตนเจดีย์ นครวัดจำลอง ฯลฯ ให้ได้มาเก็บภาพความสวยงามและความประทับใจกัน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องมาเยี่ยมชม โดยวัดเปิดให้ชาวไทยเข้าชมฟรี และชาวต่างชาติซื้อบัตรเข้าชม 500 บาท

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดพระแก้ว
  • การเดินทาง:
    • โดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน ต่อด้วยขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง (N9) 
    • โดยเรือ ขึ้นที่ท่าเรือท่าเตียน (N8)
    • โดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 43, 44, 47, 53, 59, 64, 80, 82, 91, 203, 503, 508, 512
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 15:30 น.

2. วัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ และเยี่ยมชมความสวยงามของพระปรางค์สีขาว สูง 82 เมตร ใครที่มายังวัดอรุณ เป็นต้องยืนโพสถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ หน้าพระปรางค์ที่ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องสีสันต่างๆ 

โดยที่วัดก็มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ที่สวยงาม นอกจากนี้วิวในยามค่ำคืนยังสวยสะดุดตา ด้วยภาพของพระปรางค์องค์ใหญ่ติดริมแม่น้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็พากันชื่นชมในความงามของวัดอรุณแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยชาวไทยสามารถเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชม 50 บาท

  • ที่ตั้ง: 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: วัดอรุณราชวราราม
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น
วัดสุทัศน์

3. วัดสุทัศน์

ถ้าพูดถึงวัดที่เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพ แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของวัดสุทัศนเทพวรารามอยู่ด้วยแน่นอน เพราะจุดเด่นของวัดนี้ก็คือเสาชิงช้าสูงสีแดงที่ตั้งอยู่หน้าวัดนั่นเอง นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมของวัดยังสะท้อนให้เห็นศิลปะสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีกด้วย ใครที่สนใจทำบุญก็สามารถมากันแต่เช้าได้ พร้อมกับเก็บภาพความสวยงามของเสาชิงช้าที่หน้าวัดสุทัศน์นี้ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 146 ถนนบำรุงเมือง วัดราชบพิธ พระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: วัดสุทัศน์
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสามยอด ทางออกที่ 3
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:30 – 21:00 น. หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

4. วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

มาดูอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยวัดนี้มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังคงอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยนั้นไว้อย่างดี โดยจุดเด่นของวัดนี้คือ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์และล้านนา และพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีความสูง 69 เมตร จึงทำให้มองเห็นได้แต่ไกลลิบ ไม่ว่าจะมาวัดนี้ในช่วงกลางวันให้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับพระพุทธรูปหรือมาช่วงเย็นที่มีแสงรำไร ก็สามารถได้ภาพถ่ายที่สวยงามทั้งหมด นับว่าวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ให้ทั้งความสงบและความสวยงามเหมาะแก่การมาเยือนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160
  • พิกัด: วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.
เอเชียทีค

5. เอเชียทีค

ใครอยากเที่ยวแบบชิลๆ ลองมาที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์กันได้เลย เพราะที่นี่นับว่าเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินชิล ชิม ชอป และถ่ายรูปสวย ๆ กับชิงช้าสวรรค์อันเป็นจุดเด่นของที่นี่ รายล้อมไปด้วยการตกแต่งสไตล์เมืองท่า เป็นสถานที่ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน 

นอกจากนี้ในช่วงนี้ยังมีงานแสดง Disney 100 Village ที่ให้แฟนดิสนีย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาพบปะคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่ชื่นชอบกันอีกด้วย โดยงานเริ่มตั้งแต่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 นี้

  • ที่ตั้ง: 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
  • พิกัด: เอเชียทีค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นขึ้นเรือโดยสารของเอเชียทีคโดยตรง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 00:00 น.
มหานคร สกายวอล์ค

6. มหานคร สกายวอล์ค

ที่มหานคร สกายวอล์ค เป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพสำหรับคนที่ต้องการความท้าทายและความเร้าใจด้วยการยืนชมวิวบนพื้นกระจกลอยฟ้าที่ความสูง 310 เมตร พร้อมทั้งมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ สามารถชมวิวเมืองหลวงอันสวยงามในเวลากลางวันและกลางคืนได้ 360 องศาเลยทีเดียว ใครที่อยากได้ความตื่นเต้นพร้อมเก็บภาพบรรยากาศเมืองกรุงเทพสวย ๆ ก็สามารถซื้อบัตรเยี่ยมชมที่นี่ได้เลย

  • ที่ตั้ง: 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: มหานคร สกายวอล์ค
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.
ท่ามหาราช

7. ท่ามหาราช

มาต่อกันที่จุดเช็คอินในกรุงเทพสุดชิคอย่างท่ามหาราช ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงให้กลิ่นอายของเมืองเก่าดั้งเดิมของไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครัน ไม่ว่าจะกิน ชอปปิง เดินชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือถ่ายรูปตามมุมสวยๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น มาตอนกลางวันก็ได้บรรยากาศแบบหนึ่ง มาตอนกลางคืนก็จะได้บรรยากาศอีกแบบ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญอีกมากมาย ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

  • ที่ตั้ง: 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่ามหาราช
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าช้าง (N9) หรือนั่งรถโดยสารประจำทาง ลงหน้าท่ามหาราช สาย 32, 53, 124, 203, 201, ปอ.32, ปอ.524
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 21:00 น.

8. สวนรถไฟ

ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศพื้นที่สีเขียวแบบสบาย ๆ ขอแนะนำให้มาที่สวนรถไฟ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและออกกำลังกายกัน ด้วยพื้นที่กว่า 375 ไร่ มีกิจกรรมให้ทำมากมายได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งปั่นจักรยาน เข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลง เมืองจราจรจำลองสำหรับเด็กๆ เป็นต้น ใครที่ชอบบรรยากาศร่มรื่นหรือหาพื้นที่สำหรับปิกนิก ก็แวะมาที่สวนรถไฟได้เลย

  • ที่ตั้ง: ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10900
  • พิกัด: สวนรถไฟ
  • การเดินทาง: รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต หรือรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนจตุจักร
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สวนลุมพินี

9. สวนลุมพินี

สวนลุมพินี เป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เปิดให้คนทั่วไปได้พักผ่อนและทำกิจกรรมกันได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถมาปิกนิก ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือถ่ายรูปสวย ๆ โดยมีพื้นหลังเป็นสวนกว้างสีเขียวก็ทำได้ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สวนลุมพินี 
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 04:30 – 22:00 น.
สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

10. สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ

สวนเบญจกิติได้เปิดพื้นที่แลนด์มาร์คในกรุงเทพใหม่อย่างสวนป่าเบญจกิติขึ้น เพื่อรองรับทุกกิจกรรมและทุกช่วงเวลาทั้งยามเช้าหรือยามเย็น สำหรับคนเมืองทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นปั่นจักรยาน พื้นที่เล่นกีฬา พื้นที่ศิลปะ และพื้นที่ทางวัฒนธรรม นอกจากนั้นยังเป็นต้นแบบของสวนสาธารณะเชิงนิเวศเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็มีแต่ความร่มรื่นแน่นอน

  • ที่ตั้ง: ถนนรัชดา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: สวนเบญจกิติและสวนป่าเบญจกิติ
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือ MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
สะพานเขียว

11. สะพานเขียว

สะพานเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างสวนเบญจกิติและสวนลุมพินีนั้น กลายเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินในกรุงเทพและจุดถ่ายรูปยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างมาก เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนเย็นที่แสงแดดสาดส่องลงที่สะพานเขียวนั้น เมื่อถ่ายรูปแล้วจะทำให้ได้บรรยากาศของภาพที่ดูอบอุ่นชวนให้นึกถึงญี่ปุ่นสุด ๆ

  • ที่ตั้ง: ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สะพานเขียว
  • การเดินทาง: ขิ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีศาลาแดง หรือขึ้น MRT ลงสถานีสีลม
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06:00 – 21:00 น.
หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

12. หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เหล่าคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะจะต้องรู้จักแลนด์มาร์คในกรุงเทพอย่างหอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะต่างๆ และเป็นศูนย์รวมของคนรักงานศิลปะ ให้ได้มาแสดงออกกัน จึงกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ช่วงบ่ายจะเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่น ซึ่งมักจะมาถ่ายรูปตามมุมศิลปะสวย ๆ และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมนั่นเอง

นอกจากนี้หากใครไปเดินเล่นที่ MBK Center ซึ่งสามารถเดินเข้าทางเชื่อมBTS สนามกีฬาแห่งชาติ สามารถนำสัมภาระไปฝากฟรี 2 ชั่วโมง  เดินเที่ยวดูงานศิลป์ ช้อปปิ้งเพลินๆเดินตัวปลิวกับ AIRPORTELs

ที่ตั้ง: 939 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330

MOCA Museum

13. MOCA Museum

MOCA Museum เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพที่เหล่าคนรักในงานศิลป์ต่างก็มาเพื่อชมงานศิลปะจากศิลปินชั้นครู และหามุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่บ่อยๆ จนทำให้เป็นที่โด่งดังในโลกโซเชียลถึงความสวยงามของสถานที่ในสไตล์มินิมอล 

โดยเฉพาะมุมบันไดสีขาวที่ดูโล่งและกว้างใหญ่แต่ก็ดูสวยในเวลาเดียวกัน หากใครกำลังมองหาโลเคชันถ่ายรูปแบบมินิมอลอยู่ ต้องลองไปในวันธรรมดาที่มีคนน้อย บอกเลยว่าที่นี่ถือว่าตอบโจทย์และได้รูปสวยดั่งใจแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
  • พิกัด: MOCA Museum 
  • การเดินทาง: รถโดยสารประจำทาง สาย 29, 69,134, 187, 191, 504, 510, 555 ลงป้ายสถานีปรมณู 1
  • เปิด-ปิด: วันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น.

14. Terminal 21

ศูนย์การค้า Terminal 21 ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ครบครันและตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ ด้วยแนวคิดการชอปปิงแบบ Market Street ราวกับยกย่านการค้าชื่อดังของโลกมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะสายชิล สายกิน หรือสายชอป ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับที่นี่ได้แน่นอน ตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด 

นอกจากนี้ที่ Terminal 21 ยังมีที่รับฝากสัมภาระของ Airportels อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวให้เดินชอปปิงต่อได้อย่างสบายใจ 

  • ที่ตั้ง: 88 ซอยสุขุมวิท 19 แขวงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
  • พิกัด: Terminal 21
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก หรือขึ้น MRT ลงสถานีสุขุมวิท
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

15. Siam Scape

แลนด์มาร์คในกรุงเทพแห่งใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์  “LIFELONG LEARNING” การเรียนรู้ที่ต่อยอดอย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาบันการศึกษา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เปิดตั้งแต่สายจนถึงดึก ทั้งร้านอาหาร สินค้าต่างๆ คลินิกเสริมความงาม และสเปซสำหรับนัดพบ อีกทั้งยังมี 

Installation Art อย่าง “ILLUSCAPE” ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินสุดเท่อย่างยิ่ง

  • ที่ตั้ง: 215 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: Siam Scape
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม หรือลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

16. อาคารไปรษณีย์กลาง

หนึ่งในแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับอาคารที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศแถบตะวันตกเลยทีเดียว 

ทำให้ที่นี่จึงเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินยอดนิยม โดยเฉพาะลานกว้างหน้าอาคารไปรษณีย์กลางที่มักจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนในยามกลางวันหรือยามที่พระอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว

  • ที่ตั้ง: 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: อาคารไปรษณีย์กลาง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หรือ MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด: วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09:30 – 17:30 น.
Iconsiam

17. ICONSIAM

ICONSAM แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดอลังการที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติต่างก็อยากมาเยี่ยมชม โดยในศูนย์การค้านี้ครบครันทุกความบันเทิง ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ และยังประดับไปด้วยศิลปะไทยในรูปแบบหรูหราอย่างลงตัว จุดถ่ายรูปสวยๆ มีให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำพุ น้ำตก ลานชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะมีการเล่นแสงสี ทำให้ยิ่งสวยมากขึ้น จะถ่ายมุมไหนก็ได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน

  • ที่ตั้ง: 299 ซอยเจริญนคร 5 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10600
  • พิกัด: ICONSIAM
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานกรุงธน ออกประตูทางออก 3 ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีทอง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

18. บ้านบางเขน

ใครเป็นสายถ่ายรูปฮิปๆ แนะนำอีกหนึ่งจุดเช็คอินในกรุงเทพอย่าง บ้านบางเขน เพราะที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ตกแต่งด้วยธีมวันวานยุค 90 และยังสะสมของโบราณหาดูได้ยากอีกมากมาย ทำให้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดชิคสไตล์โบราณ รวมทั้งยังมีอาหารพื้นเมืองให้ทานอีกอีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินเล่นถ่ายรูปชิล ๆ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน

  • ที่ตั้ง: 17 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220
  • พิกัด: บ้านบางเขน
  • การเดินทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 26, 34, 39, 59, 107, 114, 129, 185, 503, 512, 522, 543
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 02:00 น.
ช่างชุ่ย

19. ช่างชุ่ย

สายอาร์ตพลาดไม่ได้เลยกับแลนด์มาร์คในกรุงเทพชื่อดังอย่าง ช่างชุ่ย ที่เนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าให้เป็นอาณาจักรแห่งความสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ บูธขายของ สินค้า ต่างก็ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และยังมีจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่าง “นาโอ” ร้านอาหารที่อยู่ในเครื่องบินลำใหญ่ใจกลางช่างชุ่ย ที่ใครเห็นเป็นสะดุดตาแน่นอน ไม่ว่าจะเดินทางมาเที่ยวตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศของช่างชุ่ยที่สวยงามไม่แพ้กันเลย

  • ที่ตั้ง: 462 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10700
  • พิกัด: ช่างชุ่ย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 515, 539
  • เปิด-ปิด: โซน Creative​ Park ​เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 23:00 น. และโซน Plane Night Market เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 16:00 – 23:00 น.

20. ตลาดน้อย

อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่อยากแนะนำ คือ ตลาดน้อย ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 22 ซึ่งเป็นย่านเก่าของชาวจีน ทำให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย – จีน จึงเห็นภาพบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟสไตล์จีนเก่าอยู่มากมาย อีกทั้งมีสตรีตอาร์ตที่บอกเล่าชีวิตของคนในชุมชนนี้ ให้นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปได้เก็บภาพกันอย่างจุใจ ตั้งแต่เช้ายันเย็น 

  • ที่ตั้ง: ถนนเจริญกรุง แขวงสุริยวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10500
  • พิกัด: ตลาดน้อย
  • การเดินทาง: โดยรถโดยสารประจำทาง สาย 1, 35, 36, 75, 93
  • เปิด-ปิด: –
เยาวราช

21. เยาวราช

เยาวราช แลนด์มาร์คในกรุงเทพสุดฮิตที่จะเห็นคนเช็คอินในโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยป้ายไฟสีแดงจากร้านทองที่เนืองแน่น ยิ่งในช่วงกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและสตรีตฟู้ด ถือเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปและสายกิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมในโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ

  • ที่ตั้ง: ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10100
  • พิกัด: เยาวราช
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานี
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานีรถไฟหัวลำโพง

22. สถานีรถไฟหัวลำโพง

สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในกรุงเทพที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง เพราะเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยปลายรัชกาลที่ 5 โดยตัวอาคารก่อสร้างเป็นโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะเรอเนซองส์ ทำให้มีความโดดเด่นราวกับสถาปัตยกรรมในยุโรป เพียงหาเวลาเหมาะ ๆ มาเดินชิล นั่งเล่น หรือถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งในและนอกสถานีก็ได้ทั้งหมด

  • ที่ตั้ง: ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330
  • พิกัด: สถานีรถไฟหัวลำโพง
  • การเดินทาง: ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำโพง
  • เปิด-ปิด:

23. ท่าช้าง

มาถึงจุดเช็คอินในกรุงเทพที่สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือ ท่าช้าง ซึ่งในย่านนี้ได้มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทำให้มีสีสันมากขึ้น แถมโปร่งโล่ง ดูสะอาดตาอีกด้วย โดยไฮไลต์ของที่นี่ คือ ตึกแถวแห่งท่าช้างสไตล์นีโอคลาสสิก ที่ได้รับการฟื้นฟูจนสวยงามและมีสีเหลืองสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปชิคๆ ยิ่งในช่วงเย็นที่มีแสงพระอาทิตย์ตกดินคู่กับตึกแถวสีเหลือง จะยิ่งทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สีสวยมากทีเดียว

  • ที่ตั้ง: ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
  • พิกัด: ท่าช้าง
  • การเดินทาง: นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นที่ท่าเรือท่าช้าง
  • เปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 18:00 น.

แลนด์มาร์คในกรุงเทพต่างก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ลองออกไปเที่ยวแล้วค้นหาตัวเองดูว่าชอบสถานที่แบบไหน แล้วอย่าลืมถ่ายภาพสวยๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว

31 ร้านเด็ด ที่ห้ามพลาด ของกิน ม.เกษตร (บางเขน) อัปเดต 2023

ปัจจุบันมีร้านอาหารมากมายให้ได้เลือกทานตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูปิ้งย่าง ชาบู เครื่องดื่ม และอื่นๆ ซึ่งความต้องการที่ทุกคนมีเหมือนกันเมื่อรับประทานอาหาร คือ ความอร่อย แต่บางครั้งอาจไม่รู้ว่าต้องเข้าร้านอาหารแบบไหนดี หรือมีร้านอาหารไหนบ้างที่รสชาติอร่อย ดังนั้น บทความนี้จะพาผู้ที่ชื่นชอบการกิน ไปรู้จักกับ 31 ร้านเด็ด ของกิน ม. เกษตร ที่อร่อยจนต้องบอกต่อ เอาใจนักศึกษา และคนทั่วไปที่มีใจรักในการกิน จัดเต็ม อิ่มเพลิน จะมีร้านไหนบ้างไปดูกันเลย

ปิ้งย่าง ชาบู ร้านอาหารของคาวสุดฮิต

ปิ้งย่าง ชาบู ร้านอาหารของคาวสุดฮิต

ที่ ม.เกษตรมีร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่าง ชาบู และของคาวมากมายหลายเชื้อชาติที่รอให้ทุกคนได้แวะมาชิม มาพร้อมกับความอร่อยที่ลงตัว ราคาประหยัด เหมาะสำหรับนักศึกษา และทุกๆ คน ดังนี้

1. Sam Steak and More

Sam Steak and More  เป็นร้านอาหารประเภทสเต็ก สัญชาติฝรั่งเศส เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสเป็นต้นกำเนิดของอาหารชนิดนี้ เรื่องราวจัดเต็มแบบนี้ จึงทำให้ Sam Steak and More เป็นร้านเด็ดของกิน ม.เกษตรที่น่าสนใจ

จุดเด่นของร้าน คือ สเต็กที่มีความอร่อย ราคาประหยัด ให้ปริมาณเยอะสุดคุ้ม มีเมนูให้เลือกมากมาย หากใครอยากรับประทานอาหารอร่อยๆ พร้อมกับเครื่องดื่มที่เย็นชื่นใจ หรือของทานเล่น บอกได้เลยว่าร้านเด็ด ม.เกษตรแห่งนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยที่ควรลอง คือ เมนูสเต็ก ซึ่งเมนูสเต็กเป็นเมนูหลักยอดฮิต ที่มาพร้อมซอสสุดพิเศษของทางร้าน เมื่อรับประทานไปพร้อมกับสเต็กแล้ว ทำให้ได้รสชาติอร่อยมากขึ้นไปอีก

  • สเต็กไก่พริกไทยดำ (ราคาเริ่มต้น 79 บาท) เป็นเมนูที่มาพร้อมกับความหอมของเครื่องเทศ และพริกไทยดำ คลุกเคล้าเข้ากับเนื้อสเต็กไก่ร้อนๆ ชิ้นใหญ่จุใจ
  • สเต็กไก่สไปซี่ (ราคาเริ่มต้น 79 บาท) มาพร้อมรสชาติความอร่อยลงตัวของไก่ย่างชุ่มช่ำ ชวนน่ารับประทาน บวกกับซอสรสชาติเผ็ดซี๊ด ที่ทุกคนต้องลอง

ร้าน Sam Steak and More ยังมีเมนูยอดฮิตอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้สเต็ก ได้แก่

  • มันบดอบชีส (ราคาเริ่มต้น 29 บาท) เนื้อมันบดเนียนละเอียด ผสมกับความหอมของชีส กินเป็นเครื่องเคียงกับเมนูอื่นๆ เพิ่มความอร่อยในราคาประหยัด
  • ผักโขมอบชีส (ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 100 บาท) เมนูผักโขมสารพัดประโยชน์  ที่เสิร์ฟพร้อมกับชีสยืดฟินๆ นุ่มละมุน ถือเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด
  • ซีซาร์สลัด (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เมนูยอดฮิตสำหรับคนที่รักสุขภาพ หากใครที่ไม่อยากอ้วน หรืออยากมีสุขภาพดี เลือกทานเมนูนี้ได้เลย 

ร้าน Sam Steak and More ไม่ได้มีแค่เพียงสาขาเดียวในย่าน ม. เกษตร (บางเขน) เท่านั้น แต่ยังมีอยู่หลายสาขาด้วยกัน หากใครอยู่ในบริเวณสาขาที่ใกล้เคียง ก็แวะไปลองชิมรสชาติความอร่อยกันได้เลย

  • ที่อยู่ : ถนนงามวงศ์วาน ลาดยาว กรุงเทพมหานคร 10900 (ปากซอยงามวงศ์วาน 60) 
Gorilla Grill

2. Gorilla Grill

Gorilla Grill ร้านอาหารประเภทสเต็ก ร้านเด็ดของกิน ม.เกษตรที่น่าลอง จุดเด่นของร้านแห่งนี้ คือ ความอร่อยพร้อมกับเมนูที่หลากหลายให้ได้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูสเต็ก และของทานเล่น ซึ่งสเต็กของร้านเด็ดแห่งนี้มีวัตถุดิบมาจาก ไก่ หมู เนื้อวัว ปลา เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกรับประทานอาหารได้ตามใจชอบ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อย ได้แก่

  • อกไก่สมุนไพร (ราคาเริ่มต้น 35 บาท ต่อ 1 ชิ้น) มาพร้อมรสชาติความอร่อยจากไก่ย่างหมักพริกไทยดำ และสมุนไพรไทย ทำให้มีกลิ่นหอมน่าทาน
  • ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (ราคาเริ่มต้น 145 บาท) ซี่โครงสไตล์หมูหัน 4 ชิ้น มีการตุ๋นจนนุ่ม ทำให้มีรสชาติอร่อย เคี้ยวง่าย และมีกลิ่นหอมจากการทาซอสบาร์บีคิวลงบนซี่โครงหมู 
  • หนังไก่ทอดปรุงรสฮอตแอนด์สไปซี่ (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เป็นเมนูหนังไก่ทอดกรุบกรอบแสนอร่อย คลุกเคล้าด้วยผงปรุงรสที่มีความเผ็ดปนหวาน
  • มาม่าชีสหม้อไฟ (ราคาเริ่มต้น 169-249) มาม่าชีสเข้มข้น ปรุงด้วยวัตถุดิบ และส่วนผสมที่หลากหลาย ทำให้มีรสชาติจัดจ้าน 

นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆให้ได้ลิ้มลอง หากใครมีความชื่นชอบเมนูที่หลากหลายสไตล์ เช่น ปิ้ง ย่าง ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมา Gorilla Grill ที่เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร แห่งนี้

  • ที่อยู่ :  2137/9  ซอยงามวงศ์วาน 64 ลาดยาว กรุงเทพมหานคร  10900 (อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตร (ซ.งามวงศ์วาน 64)
  • เบอร์โทร : 093-0088083
  • พิกัด : Gorilla Grill
  • เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 11:00-22:00 น.

3. ชาบูอินดี้ ม.เกษตร

ชาบูอินดี้ ม.เกษตร ร้านอาหารประเภทสุกี้ ชาบู และอาหารทะเล และยังเป็นร้านของกินม.เกษตรที่มีราคาประหยัดสุดคุ้ม จุดเด่นของร้าน คือ การตกแต่งร้านที่เน้นสไตล์ธรรมชาติ แลมีการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ปลาหมึก กุ้ง เบคอน หรือหอยแมลงภู่ พร้อมมีน้ำจิ้ม 2 แบบให้เลือก คือ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด และน้ำจิ้มแบบสุกี้ สูตรพิเศษจากทางร้าน

เมนูของร้านมีให้เลือกถึง 39 เมนู ได้แก่ ชาบูบุพเฟ่ต์จากเนื้อหมู สันคอหมูสไลด์ เนื้อวัว อาหารทะเล ผักสดที่หลากหลาย และวัตถุดิบอื่นๆ สามารถตักได้เรื่อยๆ จนอิ่มเพลินใจ และยังมีเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น พร้อมกับไอศกรีมแสนอร่อยอีกด้วย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 259 บาท ต่อคน และนั่งทานได้แบบไม่จำกัดเวลา

  • ที่อยู่ : 89 Home Village ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร ซ.งามวงศ์วาน 52 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร   

กรุงเทพมหานคร  10900

4. ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน

ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน เป็นร้านอาหารประเภทผัดกะเพรา และอาหารจานเดียว จุดเด่นของร้าน คือ เป็นร้านของกิน ม.เกษตรที่ให้ปริมาณเยอะ อร่อยแบบคุ้มจุใจ วัตถุดิบมีคุณภาพ และมีเมนูผัดกะเพราที่อร่อยๆ ให้เลือก เช่น กะเพราไก่ กะเพราหมู กะเพราปลาหมึก ฯลฯ แถมราคายังเป็นมิตรกับนักศึกษา และคนทั่วไปอีกด้วย

เมนูยอดฮิตที่ควรลอง ได้แก่

  • ข้าวกะเพราไก่ทอด เป็นเมนูที่ใครหลายคนชอบ เนื่องจากเมนูนี้มีรสชาติเผ็ดพอดี มีกลิ่นหอมของใบกะเพราสดบวกกับเนื้อไก่นุ่มๆ เมื่อได้รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ แล้ว บอกเลยว่าอร่อยเข้ากันสุดๆ
  • ข้าวกะเพราหมูกรอบ เป็นเมนูยอดฮิตที่นักศึกษา และคนทั่วไปชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความกรอบอร่อยของเนื้อหมู และมีรสชาติที่กลมกล่อม
  • ข้าวหมูทอดผัดพริกเกลือ เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อยแบบหวานนำ พร้อมกับมีกลิ่นหอมของใบมะกรูดชวนน่ารับประทาน
  • ข้าวกะเพราปลาหมึก เป็นเมนูที่มีความอร่อยมากเลยทีเดียว เนื่องจากมีความนุ่มอร่อยจากปลาหมึก ที่ผัดเข้ากันกับเครื่องปรุง พร้อมกลิ่นหอมของใบกะเพรา

หากใครที่ชื่นชอบเมนูอร่อยเผ็ดๆ แบบไทย หรืออยากอิ่มอร่อยแบบคุ้มค่า ก็ไม่ควรพลาดในการมาเช็กอิน แวะรับประทานอาหารที่ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน เพราะเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่รอเสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกๆ คน

  • ที่อยู่ : 8/49, ซอยงามวงศ์วาน 54 แยก 5 ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพมหานคร 
  • เบอร์โทร : 091-2217088
  • พิกัด : ร้านพี่กร ม.เกษตร บางเขน 
  • เวลาเปิด-ปิด :  วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09:00-18:00 น.
Hotto Bun

5. Hotto Bun

Hotto Bun เป็นร้านอาหารประเภทกึ่งคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ถูกใจนักศึกษา และใครหลายๆ คน จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูอร่อยๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่หลากหลายให้ได้เลือกทาน มีการเลือกสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สะอาด และภายในร้านมีบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง ดูร่มรื่น สบายตา

เมนูยอดฮิตแสนอร่อย ได้แก่

  • เบอร์เกอร์สไตล์ญี่ปุ่น (ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 100 บาท) เป็นเบอร์เกอร์ที่มีความอร่อยไม่เหมือนใคร เพราะทำจากแป้งบันที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ไม่มีการใส่ผงฟู
  • บันไก่กรอบ (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เป็นเมนูไก่กรอบที่เต็มไปด้วยเนื้ออกไก่ และมีความนุ่มจากแป้งบันที่ห่ออกไก่ มีรสชาติความอร่อยที่ลงตัวแบบกรอบนอกนุ่มใน บวกกับซอสสูตรเข้มข้นของทางร้าน
  • บันหมูตุ๋น (ราคาเริ่มต้น 65 บาท) เป็นเมนูที่มีความนุ่มอร่อยจากหมูตุ๋น มีรสชาติที่หวาน มัน เข้ม เคี้ยวง่าย น่ารับประทาน
  • ซาลาเปาชีสยืด (มีราคาเริ่มต้น 39 บาท) เป็นซาลาเปาที่มีความนุ่มละมุน และมีชีสยืดยาวแบบร้อนๆ บอกได้คำเดียวว่าอร่อย
  • สลัดปูนิ่ม (ราคาเริ่มต้น 100 บาทขึ้นไป) เป็นเมนูยอดฮิตที่มีความอร่อยสไตล์คนที่รักสุขภาพ ใช้ผักสลัดที่สะอาด ปลอดภัย มาพร้อมมีความกรอบอร่อยของปูนิ่ม กับน้ำซอสรสชาติเปรี้ยวหวาน
  • ไก่ทอดดังโงะซอสเผ็ด (ราคาเริ่มต้น 100 บาทขึ้นไป) เป็นเมนูที่มีความอร่อยแบบกรอบนอกนุ่มในจากแป้งบัน เมื่อรับประทานควบคู่กับซอสสูตรเฉพาะของทางร้านแล้ว บอกได้เลยว่าลงตัวสุดๆ

นอกจากนี้ Hotto Bun  ยังมีเมนูของทานเล่นเครื่องดื่ม ของหวาน และมีอยู่อีกหลายสาขา หากใครที่อยู่ใกล้บริเวณสาขานั้นๆ ก็สามารถแวะรับประทานอาหารความอร่อยแบบสไตล์ญี่ปุ่นได้เลย

  • ที่อยู่ : 50 ซอย สุวรรณวาวกสิกิจ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 096-7171608, 086-3270271 
  • พิกัด : Hotto Bun ม.เกษตร
  • เวลาเปิด-ปิด :เปิดทุกวัน เวลา 09:00 -20:00 น.

6. Bar B.Q. Terrace

Bar B.Q. Terrace เป็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์หมูกระทะสัญชาติไทย ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่มีราคาประหยัดสุดคุ้ม และไม่ควรพลาดที่จะมาแวะรับประทาน จุดเด่นของร้านแห่งนี้ คือ มีวัตถุดิบหลากหลายให้เลือกตักได้ตามความพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ลูกชิ้น ไส้กรอก อาหารทะเล หอยแมลงภู่ กุ้ง พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดให้เลือกถึง 2 แบบ ได้แก่ น้ำจิ้มรสหวานนิดๆ ทั่วไป และน้ำจิ้มซีฟู้ด อีกทั้งมีเมนูยำ ของทอด ขนมจีน ของหวาน ไอติม เครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหายความร้อน รวมถึงบรรยากาศร้านที่ดูสวย สะอาด ไม่แออัด อากาศถ่ายเทได้สะดวก 

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อย ได้แก่

  • บุฟเฟ่ต์หมูกระทะ (ราคาเริ่มต้น 239 บาท) ลูกค้าสามารถเลือกน้ำจิ้มรสเด็ดได้ถึง 2 แบบ และเลือกตักวัตถุดิบตามใจชอบ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ
  • ของหวาน เช่น น้ำแข็งใส สาคู ลอดช่อง ไอติม ขนมโตเกียว และผลไม้ 
  • เครื่องดื่ม น้ำอัดลม ให้ได้ดื่มเพื่อดับกระหาย 
  • ยำ ส้มตำแซ่บๆ รับประทานควบคู่กับบุฟเฟต์

หากใครรักการกินหมูกระทะมากๆ ควรแวะมาที่ร้าน Bar B.Q. Terrace สักครั้ง เพราะเป็นร้านบุฟเฟต์หมูกระทะราคาประหยัดสุดคุ้ม มีของว่าง และอาหารทานเล่นอื่นๆ ให้ได้รับประทานมากมาย ถ้าคุณมาทานกับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว รับรองว่าคุ้ม อิ่ม อร่อยจนต้องบอกต่อ 

  • ที่อยู่ : ซอย พหลโยธิน 41 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (ร้านอยู่ในซอยพหลโยธิน 41 เข้าในซอยเพียง 20 เมตร) 
  • เบอร์โทร : 082-855-6644 
  • พิกัด : Bar B.Q. Terrace
  • เวลาเปิด-ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 16:00-23:00 น.
Shinkanzen Sushi

7. Shinkanzen Sushi

Shinkanzen Sushi เป็นร้านอาหารประเภทซูชิ แซลมอน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรสไตล์ญี่ปุ่นที่มีรสชาติอร่อย จุดเด่นของร้าน Shinkanzen Sushi คือ มีราคาประหยัดถูกใจใครหลายๆ คน เพียงแค่คุณมีเงิน 11 บาท ก็เริ่มรับประทานอาหารที่ร้านนี้ได้ทันที แถมยังมีเมนูให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นซูชิปูอัด ราเมน ซูชิโรล ยำแซลมอนซีฟู้ด สลัดแซลมอน เป็นต้น

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อย ได้แก่

  • ซูชิแบบคำ (ราคาเริ่มต้นคำละ 11 บาท) เป็นเมนูที่ประหยัดมากๆ สามารถเลือกจำนวนชิ้นได้ตามใจชอบ เช่น ซูชิไข่กุ้ง ซูชิเต้าหู้ทอด ซูชิสลัดทูน่า ซูชิมายองเนสปูอัด ซูชิแมงกะพรุนปรุงรส ซูชิปูอัด ซูชิไข่หวาน  ซูชิยำสาหร่าย ซูชิครีมหอยเชลล์ปรุงรส และซูชิสลัดไข่หวาน
  • ซาชิมิแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) แซลมอนชิ้นโต 6 ชิ้น รสชาติอร่อย กลมกล่อม มาพร้อมขิงดองและซอสโชยุ เหมาะกับคนที่ชอบทานซาซิมิในราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไป
  • ซาชิมิปูอัด (ราคาเริ่มต้น 55 บาท) เมนูอร่อยกำลังดี และมีราคาประหยัด
  • แซลมอนสไปซี่โรล (ราคาเริ่มต้น 149 บาท) เมนูยอดฮิตของทางร้าน มาพร้อมรสชาติอร่อยแบบแซ่บคำโต อิ่มจุใจ

นอกจากนี้ Shinkanzen Sushi มีอยู่ถึง 30 สาขา หากใครอยู่ใกล้สาขาไหน อย่าลืมไปลิ้มลองรสชาติความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกติดใจ อร่อยจนต้องบอกต่อ

  • ที่อยู่ : 85 ถนน งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 097-1314634
  • พิกัด : Shinkanzen Sushi
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

8. MaxBeef Yakiniku

MAXBeef Yakiniku ร้านอาหาร ของกินม.เกษตรประเภทชาบู และปิ้งย่าง จุดเด่นของร้าน คือ เป็นร้านสไตล์ชาบู ปิ้งย่างที่มีวัตถุดิบหลากหลาย และมีคุณภาพระดับพรีเมียม เช่น เนื้อหมู สันคอหมู เนื้อวัว เนื้อสะโพกนอกไทยวากิว ไส้กรอก ผักต่างๆ เป็นต้น อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มรสเด็ด และน้ำซุปจากทางร้านที่อร่อยถูกใจ

เมนูยอดฮิตของทางร้านเป็นประเภทของเนื้อ ลูกค้าสามารถเลือกตามความชอบ โดยทางร้านจะบริการเนื้อเป็นแพ็ก ทำให้ราคาจะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำหนักของเนื้อ ได้แก่

  • เนื้อสะโพกนอกไทยวากิว (170 กรัม ราคา 119 บาท )
  • ซี่โครงวากิว (130 กรัม ราคา 286 บาท)
  • เนื้อหมู (100 กรัม มีราคา 100 บาท)
  • ริบอาย (250 กรัม มีราคา 238 บาท)
  • สันสะโพก( 180 กรัม มีราคา 126 บาท

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีบริการเนื้อให้เลือกแบบบุฟเฟต์ ซึ่งเน้นเนื้อโคขุนเป็นหลัก โดยมีราคาอยู่ที่ 369 บาท/ 699 บาท/ และ 1,299 บาท และยังมีขนมหวานให้ได้รับประทาน หากใครอยากมาสัมผัสรสชาติความอร่อย ก็อย่าพลาดที่จะมาร้าน MaxBeef Yakiniku เพราะถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ควรลอง

  • ที่อยู่ : 50 ถนนงามวงษ์วาน, KU Avenue มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร  
  • เบอร์โทร : 088-2492322
  • พิกัด : MaxBeef Yakiniku
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-21:00 น.

9. Salmon King Sushi Bar

Salmon King Sushi Bar เป็นร้านอาหารประเภทแซลมอน และซูชิ สไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของร้านเด็ด ม.เกษตรแห่งนี้ คือ มีเมนูให้เลือกมากมาย วัตถุดิบคุณภาพดี แซลมอนเนื้อแน่นราคาประหยัด และไม่แพงจนเกินไป เริ่มต้นเพียงแค่ 12 บาท เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาสุดๆ

เมนูยอดฮิตของร้านอาหารแห่งนี้ได้แก่

  • ซูชิแบบคำ (ราคาเริ่มต้น 12 บาท) เป็นเมนูที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นอย่างมาก สามารถเลือกจำนวนชิ้นได้ตามความพอใจ เช่น ซูชิไข่หวาน ซูชิไข่กุ้ง ซูชิปลาแซลมอน เป็นต้น
  • แซลมอนโรล อโวคาโดครีมชีส (ราคาเริ่มต้น 140 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากแตงกวา อะโวคาโด แซลมอน ไข่ปลา ไข่หวาน พร้อมเพิ่มความอร่อยด้วยครีมซอส
  • แซลมอนคิงสไปซี่สลัด (ราคาเริ่มต้น 180 บาท ) เมนูสลัดแซลมอนแบบหั่นเต๋า บวกกับอะโวคาโด มะม่วงสุกอมเปรี้ยว ราดด้วยน้ำยำทำให้มีรสชาติเปรี้ยวหวาน น่ารับประทาน
  • แซลมอนโรลซอสสไปซี่ (ราคาเริ่มต้น 120 บาท) ข้างในโรลมีแตงกวา ไข่หวาน และแซลมอนห่ออยู่ด้านนอก 5 ชิ้นใหญ่ พร้อมเพิ่มความอร่อยด้วยซอสสไปซี่

หากใครชื่นชอบเมนูอร่อยๆ สไตล์ญี่ปุ่น ไม่ควรพลาดมาลิ้มลองแซลมอน และซูชิที่ร้าน Salmon King Sushi Bar ซึ่งเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ

  • ที่อยู่ : อาคารจอดรถงามวงศ์วาน 1 มหาลัยเกษตรศาสตร์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 083-2508715
  • พิกัด : Salmon King Sushi Bar 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-20:00 น.
ย่างเนย

10. ย่างเนย

ย่างเนยเป็นร้านอาหารของกิน ม.เกษตรประเภทชาบู บุฟเฟต์ จุดเด่นของร้าน คือ มีความอร่อย ราคาไม่แพงมาก ประหยัดเงินในกระเป๋า มีวัตถุดิบให้เลือกตามใจชอบ เช่น เบคอน เนื้อโคขุน อาหารทะเล เนื้อหมูสไลด์ ผักสด และมีน้ำจิ้มรสเด็ดให้เลือกถึง 4 รส พร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆ บรรยากาศภายในร้านมีความเย็นสบาย ลูกค้าสามารถเติมวัตถุดิบได้ตลอดจนอิ่ม หากรับประทานเหลือทางร้านก็ไม่มีการปรับอีกด้วย

เมนูยอดฮิตของร้านจะเป็นการที่ลูกค้าเลือกประทานอาหารในชุดบุฟเฟต์ ราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาท ซึ่งวัตถุดิบที่ลูกค้าเลือกได้ คือ

  • เนื้อหมูสไลด์ หมูสามชั้น หมูเด้ง เนื้อโคขุน เนื้อของทางร้านที่มีความนุ่ม และมีความอร่อย
  • เครื่องใน เพิ่มความอิ่มในบุฟเฟต์
  • ปลาหมึก กุ้ง ปูอัด อาหารทะเลของทางร้านสำหรับคนที่ชอบรับประทาน
  • เบคอน ไส้กรอก เต้าหู้ เพิ่มความหลากหลายให้กับบุพเฟต์
  • กะหล่ำปลี แครอท คะน้า ผักบุ้ง เห็ดเข็มทอง ผักสดที่ขาดไม่ได้ในการทานบุฟเฟต์
  • ไข่ไก่ เสริมความอร่อยในน้ำซุป
  • เนย เพิ่มความหอมอร่อย

นอกจากนี้ทางร้านยังมีของหวาน ไอศครีม ยำบะหมี่ เฟรนช์ฟรายส์ ให้ลูกค้ารับประทานเพื่อดับความเผ็ดร้อนอีกด้วย ทำให้ร้านย่างเนยเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่น่ามาลิ้มลอง

  • ที่อยู่ : 1979/2 ตลาดมดแดง ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 089-3542566
  • พิกัด : ย่างเนย ม.เกษตรบางเขน
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 15:00-23:30 น.
โอยั๊วะ Homemade

11. โอยั๊วะ Homemade

โอยั๊วะเป็นร้านอาหารประเภทข้าวแกงแบบไทยๆ ที่น่าสนใจ และเป็นร้านเด็ดม.เกษตร ที่น่าทานสุดๆ จุดเด่นของร้าน โอยั๊วะ Homemade คือ มีเมนูอร่อยให้ได้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้มยำ ลาบ ข้าวแกง ข้าวผัด ข้าวต้ม น้ำพริก และมีเมนูเครื่องดื่ม ของหวานให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าอิ่มอร่อย ครบครัน ในที่เดียว อีกทั้งบรรยากาศภายในร้านก็เย็นสบาย ปลอดโปร่ง มีความสวยงามสไตล์ย้อนยุค

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อย ได้แก่

  • แกงเลียงกุ้งสด (ราคาเริ่มต้น 159 บาท) เมนูที่มีความหอมอร่อยจากเครื่องสมุนไพรไทย บวกกับกุ้งชิ้นโตๆ เต็มคำ และความเข้มข้นของน้ำแกง รับประกันความอร่อยแบบเผ็ดนัวไม่ควรพลาด
  • น้ำพริกแจ๋วโอยั๊วะ (ราคาเริ่มต้น 159 บาท ) เป็นน้ำพริกสูตรเฉพาะจากทางร้าน เสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม ผักสด และผักลวกปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพสุดๆ
  • ข้าวราดกะเพราหมูคั่วแห้งไข่ข้น (ราคาเริ่มต้น 129 บาท ) เมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อหมูคั่ว บวกกับมีความหอมจากใบกะเพรา และไข่ข้นวางอยู่ข้างบนข้าวสวยร้อนๆ
  • เมี่ยงคำ (ราคาเริ่มต้น 159 บาท) เมนูความอร่อยจากเครื่องสมุนไทย ถั่วลิสง กุ้งแห้ง หมี่ขาว มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด หวาน มัน เมื่อรับประทานควบคู่กับใบชะพลูแล้วยิ่งดีต่อร่างกาย เพราะช่วยขับลม
  • ไข่พะโล้คุณยาย (ราคาเริ่มต้น 129 บาท) เมนูหอมหวานอร่อยจากเครื่องปรุงเข้มข้น และเนื้อหมูนุ่มๆ พร้อมกับไข่ต้มลูกโตเต็มคำ

เห็นเมนูกันไปแล้วคงเรียกได้ว่า โอยั๊วะ Homemade เป็นร้านเด็ดม.เกษตรที่มีความอร่อยไม่เหมือนใคร และทุกคนควรแวะมาลองกันสักครั้ง

  • ที่อยู่ : 47/1 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 
  • เบอร์โทร : 083-9425888
  • พิกัด : โอยั๊วะ Homemade 
  • เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 08:30-23:00 น.

12. ข้าวมันไก่เจ้อ้วน

ข้าวมันไก่เจ้อ้วน เป็นร้านอาหารประเภทจานเดียว และอาหารตามสั่ง จุดเด่นของร้านข้าวมันไก่เจ้อ้วน คือ มีเมนูให้เลือกรับประทานหลากหลาย ราคาประหยัด ข้าวมีความหอมมัน เนื้อไก่มีความสดใหม่ เนื้อแน่น และนุ่ม น้ำซุปของทางร้านก็อร่อย กลมกล่อม น้ำจิ้มมีรสชาติดี รวมทั้งเป็นร้านที่ได้รับความนิยมจากนักศึกษาม.เกษตร ถูกใจใครหลายๆคน  และที่สำคัญทางร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ถ้ารู้สึกหิวตอนไหน ก็สามารถแวะไปได้ตลอด

เมนูยอดฮิตที่แสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ข้าวมันไก่ธรรมดา (ราคาเริ่มต้น 35-50 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยแบบไม่ธรรมดา เนื่องจากเนื้อไก่มีความนุ่ม บวกกับข้าวหอมมันพอดี จึงทำให้มีรสชาติที่ลงตัว อร่อยเกินคุ้ม
  • ข้าวมันไก่ทอด (มีราคาเริ่มต้น 35-50 บาท) เป็นเมนูมีความอร่อยจากเนื้อไก่แน่นๆ กรอบนอกนุ่มใน ยิ่งราดน้ำจิ้มลงไป ยิ่งทำให้รู้สึกกรอบอร่อย

ข้าวมันไก่เจ้อ้วนเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่ทุกคนควรมารับประทาน เนื่องจากให้ปริมาณคุ้มราคา อร่อย มีคุณภาพดี จึงเป็นร้านถูกใจสำหรับนักศึกษานั่นเอง

  • ที่อยู่ : ซอย พหลโยธิน 32/1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 089-7712145, 094-9595956 
  • พิกัด : ข้ามมันไก่ เจ้อ้วน
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

13. Kuma Shabu

Kuma Shabu เป็นร้านอาหารประเภทสุกี้ ชาบู และบุฟเฟต์ จุดเด่นของร้าน คือ ความอร่อย ราคาไม่แพง มีวัตถุดิบให้เลือกรับประทานได้ตามใจชอบ มีน้ำซุปรสชาติอร่อยให้เลือกถึง 2 แบบ คือ ซุปน้ำดำ และซุปน้ำใส อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มรสชาติกำลังดี เป็นร้านที่นิยมสำหรับใครหลายๆ คน เรียกได้ว่าเป็นร้านชาบูของกิน ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด

เมนูยอดฮิตของทางร้านเป็นชุดบุฟเฟต์ชาบูในราคา 199 บาท และ 299 บาท โดยสามารถเลือกวัตถุดิบได้ ดังนี้

  • หมูสามชั้น เป็นเนื้อหมูที่มีความอร่อยแบบติดมัน
  • เนื้อหมูสไลด์ เป็นเนื้อหมูแผ่นบาง แต่มีความอร่อยนุ่มละมุนลิ้น
  • สันคอหมู เป็นชิ้นเนื้อที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับบุฟเฟต์ 
  • หมูเด้ง เป็นเนื้อหมูที่มีความนุ่ม เด้ง เคี้ยวง่าย
  • ตับหมู เครื่องในหมูสำหรับคนที่ชอบทาน
  • ไก่นุ่ม เนื้อไก่เน้นๆ เต็มคุณภาพ
  • ปลาหมึก กุ้ง วัตถุดิบอาหารทะเลที่มีความอร่อย และขาดไม่ได้ในชุดบุฟเฟต์ชาบู 
  • วุ้นเส้น อร่อยแบบนุ่มๆ เคี้ยวง่าย เมื่อราดกับน้ำจิ้มรสเด็ดของทางร้านก็ยิ่งอร่อย
  • ลูกชิ้นปลา ไส้กรอก วัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มความอิ่มอร่อย
  • ผักต่างๆ เช่น แครอท ผักบุ้ง คะน้า กะหล่ำปลี เห็ด ช่วยเพิ่มความอร่อย และสีสันของบุฟเฟต์ให้น่าทาน

นอกจากนี้ ทางร้าน Kuma Shabu ยังมีเมนูของทานเล่น เช่น ไอศกรีม ทาโกะยากิ ที่มาช่วยให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่สายบุฟเฟต์ชาบูต้องลอง

  • ที่อยู่  :  2137/10-11 64 ซอยงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 065-6038066
  • พิกัด : Kuma Shabu 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:30-22:00 น.
FitB - Fuel in the Blank

14. FitB – Fuel in the Blank

FitB – Fuel in the Blank เป็นร้านอาหารประเภทคาเฟ่ เบเกอรี ขนมหวาน จุดเด่นของร้าน คือ การใช้วัตถุดิบคุณภาพในการทำเครื่องดื่ม และเบเกอรี จึงทำให้เมนูต่างๆ ของทางร้านมีรสชาติที่อร่อย ชวนน่ารับประทาน ถูกใจนักศึกษา และใครอีกหลายคน รวมถึงบรรยากาศของร้านที่เงียบสงบ ร่มรื่น ภายในร้านมีการดีไซน์ตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์ธรรมชาติ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • Caramel Macchiato – คาราเมล มัคคิอาโต (ราคาเริ่มต้น 115 บาท) เครื่องดื่มกาแฟรสชาติอร่อยเข้มข้น มีส่วนผสมของนมสด น้ำเชื่อมวานิลลา ซอสคาราเมล และเอสเปรสโซ่ เมื่อผสมเข้ากันแล้วทำให้มีรสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่หวานจนเกินไป แถมยังมีกลิ่นหอมจากคาราเมล
  • Strawberry Smoothies – สตรอเบอร์รี่ สมูทตี้ (ราคาเริ่มต้น 95 บาท) เครื่องดื่มผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยว หวาน จากเนื้อสตรอเบอร์รี่ ปั่นเย็นแบบฉ่ำๆ ด้านบนตกแต่งด้วยลูกสตรอเบอร์รี่สีแดงสด
  • Cappuccino – คาปูชิโน่ (ราคาเริ่มต้น 75 บาท) เครื่องดื่มกาแฟรสชาติอร่อยหวานมัน เข้มข้น มีกลิ่นหอมกรุ่น บวกกับฟองนมสีขาวอุ่นๆ ถือเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตถูกใจใครหลายๆ คน
  • Mocha – มอคค่า (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เครื่องดื่มกลิ่นหอมช็อกโกแลต รสชาติกลมกล่อม หวานละมุนจากส่วนผสมของนมสด และช็อกโกแลต
  • Latte – ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เครื่องดื่มที่มีความขมเพียงเล็กน้อยจากกาแฟ แต่มีความอร่อยแบบหวานมัน กลมกล่อม และเข้มข้น มีฟองนมด้านบนชวนให้น่าดื่ม

FitB – Fuel in the Blank เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่มีเครื่องดื่ม และเบเกอรีสุดอร่อยไม่เหมือนใคร ใครที่เป็นสายคาเฟ่ต้องไม่พลาดแวะมาลิ้มลอง

  • ที่อยู่ : 8, 88 ถนน งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 02-9413341, 086-6565169 
  • พิกัด : FitB – Fuel in the Blank
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-20:00 น.

15. Kumaden Sushi

Kumaden  Sushi เป็นร้านอาหารประเภทซูชิ แซลมอน จุดเด่นของร้าน Kumaden Shshi คือ มีวัตถุดิบระดับคุณภาพดีเยี่ยม มีเมนูหลากหลายให้เลือก ราคาประหยัด อิ่มเกินคุ้ม สมราคา อีกทั้งยังมีบรรยากาศภายในร้านที่สะอาด โล่งสบาย จึงเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่ถูกใจนักศึกษา

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ซูชิแบบคำ (ราคาเริ่มต้น 12 บาท) เมนูที่มีราคาประหยัด และอิ่มเกินคุ้ม เช่น ซูชิไข่กุ้ง ซูชิปูอัด ซูชิแมงกะพรุน ซูชิหอยเซลล์ 
  • แซลมอนซาชิมิ (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) เมนูที่มีความนุ่ม หวาน อร่อยของแซลมอน เมื่อรับประทานกับซอสโซยุก็ยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น
  • ข้าวหน้าแซลมอนอิคุระ (ราคาเริ่มต้น 159) เป็นเมนูที่มีความอร่อย กลมกล่อม
  • ข้าวหน้าแซลมอนไข่กุ้ง  (ราคาเริ่มต้น 139 บาท) เมนูที่มีความอร่อย หวาน นุ่มลิ้น
  • โรลแซลมอนครีมชีส (ราคาเริ่มต้น 159 บาท) มีความอร่อยของเกล็ดเทมปุระ บวกกับรสชาติของชีส ที่ละมุนเข้ากันดีมากๆ

ร้าน Kumaden Sushi เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่เหมาะกับคนที่รักการทานซูชิ เพราะมาตรฐานของทางร้านมีความสดใหม่ และสะอาด หากใครที่อยากลองซูชิอร่อยๆ ก็อย่าลืมแวะมาที่ Kumaden Sushi กัน เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด

  • ที่อยู่  : 89 ซอยงามวงศ์วาน 52 แยก 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 096-7375249
  • พิกัด : Kumaden  Sushi
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:30-21:30 น.
Nori Sushi Bar

16. Nori Sushi Bar

Nori Sushi Bar เป็นร้านอาหารประเภทซูชิ แซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของร้านอยู่ที่วัตุดิบคุณภาพดี มีความสดอร่อยราคาประหยัด และมีเมนูให้เลือกหลากหลาย อร่อยถูกใจใครหลายคน ส่วนบรรยากาศภายในร้านมีความสวยงามสไตล์ญี่ปุ่น ถือเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ต้องไปลอง

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • สลัดหนังปลาแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 200-300 บาท ) เมนูอร่อยจากหนังปลาคลุกน้ำมันงา ตัวหนังปลาอร่อยกำลังดี น้ำสลัดมีรสชาติเปรี้ยวหวาน ยิ่งทานได้ทานกับแซลมอน บวกกับผักสด และราดด้วยน้ำสลัด ยิ่งอร่อยเข้ากันสุดๆ
  • ข้าวผัดแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 130 บาท) เมนูข้าวญี่ปุ่นผัดกับแซลมอน ทำให้มีรสชาติอร่อยแบบกลมกล่อม มีความหอมไปด้วยเครื่องปรุง ชวนน่ารับประทาน
  • ข้าวหน้าไก่ย่างซีอิ๊ว (มีราคาเริ่มต้น 130 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยข้าวญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความหอมจากงาคั่ว และเนื้อไก่ย่างสุกเกรียม พร้อมอร่อยขึ้นด้วยการราดซอสเทริยากิ

Nori Sushi Bar เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความอร่อย ทุกคนควรแวะมาทานสักครั้ง รับรองว่าต้องติดใจ

  • ที่อยู่ : 50, ซอยสุวรรณวาจกกสิกิจ ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพมหานคร
  • เบอร์โทร : 085-0616633
  • พิกัด : Nori Sushi Bar
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

17. Yuujou Ramen Kaset

Yuujou Ramen Kaset เป็นร้านอาหารประเภทราเมนสไตล์ญี่ปุ่น จุดเด่นของร้าน คือ มีวัตถุดิบคุณภาพดี มีเมนูที่หลากหลายให้เลือกรับประทาน จนคุณอาจเลือกไม่ถูก แถมยังมีราคาที่ย่อมเยาว์ อีกทั้งน้ำซุปของทางร้านมีรสชาติกำลังดี รับรองได้ว่าอิ่มอร่อยเกินคุ้ม

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ราเมนปลาแซลมอน (ราคาเริ่มต้น 100 บาท) มีความอร่อยด้วยเนื้อปลาแซลมอน และเส้นราเมนนุ่มๆ  ราดด้วยน้ำซอสเข้าไป ทำให้มีความอร่อยกลมกล่อม
  • ราเมนหมูเกาหลี (ราคาเริ่มต้น 72 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อหมูบวกกับเส้นราเมนนุ่มๆ มีกลิ่นหอมจากงา และผักทำให้มีรสชาติ และสีสันน่ารับประทาน
  • ราเมนหมูตุ๋น (ราคาเริ่มต้น 85บาท) รสชาติหวานมัน หอมอร่อยจากหมูตุ๋น และเส้นนุ่มๆ ของราเมน
  • เทริยากิรสเมน (ราคาเริ่มต้น 82 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเส้นราเมนนุ่มๆ บวกกับผักแครอท กะหล่ำปลี ราดด้วยน้ำซอส เพิ่มความอร่อยได้อย่างลงตัว
  • ราเมนแกงกะหรี่กุ้งเทมปุระ (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) มาพร้อมความอร่อยของกุ้งทอดกรอบคำโต บวกกับน้ำซุปจากเครื่องปรุงรสเน้นๆ อร่อยจนติดใจ

หากใครอยากมารับประทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่นน่ารักๆ และราคาประหยัดเงินในกระเป๋า ก็แวะมาที่ร้าน Youujou Ramen Kaset ยกให้เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่พร้อมมอบความอร่อยให้คุณ

  • ที่อยู่ : 177 ถนน งามวงศ์วาน (ปากซอยงามวงศ์วาน 58), ลาดยาว, จตุจักร 10900
  • เบอร์โทร : 095-2922565
  • พิกัด : Youujou Ramen Kaset 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-20:00 น.
ชาบู ชาบู นางใน

18. ชาบู ชาบู นางใน

ชาบู ชาบู นางใน เป็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ชาบู จุดเด่นของร้าน คือ มีความอร่อย น่ารับประทาน มีวัตถุดิบหลากหลายให้เลือก พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด และน้ำซุป 3 รส ได้แก่ ซุปน้ำดำ น้ำใส และน้ำข้น แถมราคาสบายกระเป๋า ทานได้จนรู้สึกอิ่มแบบไม่จำกัดเวลา

เมนูยอดฮิตของทางร้านเป็นชุดบุฟเฟต์ชาบูในราคาเริ่มต้น 299 บาท โดยสามารถเลือกวัตถุดิบในทานได้ ดังนี้

  • ชีส เพิ่มความอร่อยฟิน แบบยืดๆ ให้กับชาบู
  • หมูสามชั้นสไลด์ เนื้อบางๆ ที่มีความนุ่ม เคี้ยวเพลิน
  • สันคอหมู ชิ้นเนื้อแน่นๆ อร่อย น่ารับประทาน
  • หมูเด้ง เนื้อหมูที่มีความนุ่ม เด้ง ทานง่าย อร่อยมากๆ เมื่อทานกับน้ำจิ้ม
  • เนื้อลาย เป็นเนื้อที่มีความอร่อย ยิ่งได้ทานกับน้ำจิ้มของทางร้านก็ยิ่งอร่อย
  • เบคอน เนื้อมีความนุ่ม อร่อยติดมัน 
  • กุ้งสด กุ้งคำโตๆ อร่อยเน้นๆ เป็นวัตถุดิบที่ต้องมีในชุดบุฟเฟต์
  • วุ้นเส้น มีความเหนียว นุ่ม
  • เต้าหู้ เพิ่มรสชาติความอร่อย และความกลมกล่อมให้กับน้ำซุป
  • ลูกชิ้น เพิ่มความอิ่มอร่อย
  • ไข่ไก่ ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับน้ำซุปมากยิ่งขึ้น
  • ผักสด ช่วยเพิ่มสีสันความอร่อย ให้กับบุฟเฟต์

ร้านชาบู ชาบู นางใน เป็นอีกหนึ่งร้านของกิน ม.เกษตร ที่มีความอร่อยแตกต่างจากที่อื่น และควรแวะมาลิ้มลองความอร่อยที่อาจทำให้คุณติดใจสักครั้ง

  • ที่อยู่ : ถนน วิภาวดี-รังสิต กรุงเทพมหานคร (เข้าจากซอยวิภาวดี 42 ประมาณ 300 เมตร ร้านอยู่ขวามือ)
  • เบอร์โทร : 096-1921328, 094-8595155 
  • พิกัด : ชาบู ชาบู นางใน 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

19. ข้าวผัดปูเมืองทอง 

ข้าวผัดปูเมืองทอง เป็นร้านอาหารประเภทข้าวผัด หมูย่าง อาหารจานเดียว จุดเด่นของร้าน คือ มีสูตรความอร่อยเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร มีเมนูที่อร่อยๆ ให้เลือกจากทางร้านมากมายในราคาประหยัดเกินคุ้ม บรรยากาศภายในร้านโล่ง สบาย และสะอาดตา 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ข้าวผัดปู (ราคาเริ่มต้น 55-75 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อปูแน่นๆ เนื้อปูมีความสดใหม่
  • กระเพาะปลาน้ำแดง (ราคาเริ่มต้น 45-75 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยน้ำแดงหนืดสูตรของทางร้าน มีรสชาติหวานกำลังดี กลมกล่อมอย่างลงตัว
  • กุ้งอบวุ้นเส้น (ราคาเริ่มต้น 130 บาท ) เป็นเมนูที่มีความหอม อร่อย เส้นนุ่มอบร้อนๆ ทานง่าย  
  • สุกี้แห้ง (มีราคาเริ่มต้น 55-75 บาท ) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเส้นนุ่มๆ บวกกับน้ำจิ้มสุกี้ที่มีรสชาติอร่อย เข้มข้น ทานแล้วต้องติดใจ
  • หมูสะเต๊ะ 10 ไม้ (มีราคาเริ่มต้น 55 บาท ) เมนูเนื้อหมูหมักด้วยเครื่องปรุงรสสูตรของทางร้าน ปิ้งจนเหลืองสุก ทำให้มีกลิ่นหอม รสชาติหวานมัน อร่อยน่ารับประทาน

ร้านข้าวผัดปูเมืองทอง เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตรที่มีสูตรความอร่อยแบบราคาประหยัด อิ่มเกินคุ้ม และเป็นร้านที่ได้รับความนิยมของใครหลายๆคน เเพราะมีความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

  • ที่อยู่ : 369 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
  • เบอร์โทร : 082-9720880 
  • พิกัด : ข้าวผัดปูเมืองทอง
  • เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:30-22:00 น. 

20. T&N Steak P’โหน่ง

T&N Steak P’โหน่ง เป็นร้านอาหารประเภทสเต็ก จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูหลากหลายให้ได้เลือกรับประทานจนคุณรู้สึกอิ่ม ราคาไม่แพง อีกทั้งวัตถุดิบทางร้านสด สะอาด คุณภาพดี ถูกใจนักศึกษาและใครอีกหลายๆคน

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • มันบด (ราคาเริ่มต้น 50 บาท) มันบดละเอียด เนื้อเนียนนุ่ม เพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้นด้วยการราดน้ำเกรวี่ลงไป
  • สเต็กหมู (ราคาเริ่มต้น 100 บาท) เป็นเมนูสเต็กหมูเนื้อนุ่ม และมีความหอมอร่อยสุกกำลังพอดี 
  • สเต็กไก่ (ราคาเริ่มต้น 100 บาท) เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม ด้วยเนื้อไก่หมักนุ่ม 
  • สเต็กไก่แซนด์คิง (ราคาเริ่มต้น 140 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากสเต็กไก่ย่างหอมๆ บวกกับชีส และเบคอนที่ช่วยเพิ่มความอร่อยแบบควบคู่กัน
  • ไก่บาร์บีคิว (ราคาเริ่มต้น 100บาท ) อิ่มอร่อยด้วยสะโพกไก่ชิ้นโต เนื้อไก่มีความนุ่มละมุน สุกกำลังดี อร่อยชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสบาร์บีคิว
  • มิกซ์กริล (ราคาเริ่มต้น 135 บาท) สเต็กไก่ทอดแบบกรอบนอกนุ่มใน บวกกับไส้กรอก แฮม ราดด้วยน้ำซอสเข้มข้นอร่อยเข้ากัน
  • ผักโขมอบชีส (มีราคาเริ่มต้น 100 บาท) เมนูชีสยืดฟินๆ เนื้อชีสนุ่ม บวกกับครีมซอสที่หวานละมุน และกลิ่นหอมจากเนย

T&N Steak P’โหน่ง เป็นร้านอาหารที่มีอร่อย เกินคุ้ม และมีเมนูของทานเล่นฟรีให้กับลูกค้า จึงไม่แปลกที่เป็นร้านยอดฮิตถูกใจนักศึกษา และคนทั่วไป

  • ที่อยู่ : 19/36, ซอยงามวงศ์วาน 62 แขวงลาดยาว กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 02-5797500 
  • พิกัด : T&N Steak P’โหน่ง
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) เวลา 11:30-21:30 น.

21. Seoul zaab

Seoul Zaab เป็นร้านอาหารเกาหลี จุดเด่นของร้าน คือ มีความอร่อยสไตล์เกาหลีแบบโฮมเมด วัตถุดิบของทางร้านสดใหม่ สะอาด มีเมนูที่หลากหลายให้เลือก อร่อยถูกปาก แถมยังประหยัดคุ้มค่า

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่ 

  • ซุปกิมจิ (ราคาเริ่มต้น 89-99 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยน้ำซุปเข้มข้น มีรสชาติ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็มแบบครบเครื่อง
  • ข้าวหน้าหมูสามชั้นโคชูจัง (ราคาเริ่มต้น 89-99 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อหมูนุ่มละมุน รสชาติของเมนูมีความหวาน เผ็ด เค็ม
  • มาม่าเกาหลีหม้อไฟ (ราคาเริ่มต้น 199 บาท) เมนูที่มีความอร่อยด้วยรสชาติของน้ำซุปที่ เผ็ด เข้มข้น เส้นมาม่าในหม้อไฟมีความนุ่ม บวกกับสีสันของผักที่น่ารับประทาน อร่อยจนต้องติดใจ
  • ต๊อกโบกิ (ราคาเริ่มต้น 89-99 )เมนูที่มีรสชาติเผ็ดนิด หวานหน่อย เนื้อแป้งมีความเหนียวนุ่ม 
  • ข้าวยำเกาหลี (ราคาเริ่มต้น 89-99 บาท) มาพร้อมความอร่อยด้วยเครื่องปรุงรส และวัตถุดิบแน่นๆ  ไม่ว่าจะเป็นความหอมจากน้ำมันงา รสชาติที่เข้มข้นจากโคชูจัง เต็มอิ่มด้วยเนื้อหมู ผักต่างๆ และไข่ไก่ เมื่อคลุกเคล้าเข้ากัน ทำให้มีสีสัน และรสชาติกำลังดี

หากใครที่ชอบรับประทานอาหารสไตล์เกาหลี อย่าลืมแวะมาที่ร้าน Seoul Zaap ที่ถือเป็นอีกหนึ่งร้านเด็ด ม.เกษตร ที่รอเสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกคน

  • ที่อยู่ : ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร (ข้างร้านตัดผม tommy hair ถนนงามวงศ์วาน หน้า ม.เกษตรศาสตร์)
  • เบอร์โทร : 098-1054922 
  • พิกัด : Seoul Zaab
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-22:00 น.

22. Daily Steak

Daily Steak เป็นร้านอาหารประเภทสเต็กสัญชาติไทย และเป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด จุดเด่นของร้านอยู่ที่ราคาประหยัดสุดคุ้ม มีวัตถุดิบคุณภาพดี และมีเมนูให้เลือกตามใจชอบ อร่อยถูกใจใครหลายๆคน 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • สเต็กหมู (ราคาเริ่มต้น 59 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อหมูนุ่ม ชุ่มฉ่ำ หอมน่ารับประทาน
  • สเต็กไก่สอดไส้แฮมชีส (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) อิ่มอร่อยด้วยเนื้อไก่นุ่มแน่นๆ บวกกับชีส และแฮม พร้อมราดน้ำซอสเพิ่มความอร่อย 
  • สปาเก็ตตี้ซอสเห็ดเบคอน (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้นุ่มๆ บวกกับความหอมของเบคอน เมื่อราดด้วยซอสเห็ดแล้ว ยิ่งทำให้มีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม
  • มิกซ์กริล (ราคาเริ่มต้น 89บาท) เนื้อหมูชิ้นหนานุ่ม และมีความอร่อยจากไก่ชุบเกล็ดขนมปังทอดที่กรอบนอก นุ่มใน อร่อยฟินๆ

Daily Steak เป็นร้านอาหารที่เหมาะสำหรับคนรักการทานสเต็ก ถือเป็นร้านอาหารของกิน ม.เกษตรที่มีความอร่อยเฉพาะตัว และควรแวะมาชิมสักครั้ง

  • ที่อยู่ : ซอยผาสุข กรุงเทพมหานคร (ปากซอยงามวงศ์วาน 62 ตรงข้าม ม.เกษตร) 
  • เบอร์โทร : 02-5797927
  • พิกัด : Daily Steak
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-22:00 น.
Daily Steak

คาเฟ่ และร้านขนมของหวานสุดฮอต

ในย่าน ม.เกษตรมีร้านกาแฟของหวานมากมายที่ชวนน่ารับประทาน แต่จะมีร้านไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย

23. Too Fast Too Sleep

Too fast Too sleep เป็นร้านคาเฟ่ขนมหวานประเภทเครื่องดื่ม เบเกอรีที่มีจุดเด่น คือ มีวัตถุดิบคุณภาพดี รสชาติอร่อยกลมกล่อม และเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะอยากแวะมาในช่วงไหน ก็สามารถแวะมาที่ร้านได้ตลอด อีกทั้งเมนูทางร้านมีราคาประหยัด ทุกเมนูราคา 80 บาท บรรยากาศในร้านโล่ง สบาย มีหลายโซนให้เลือกนั่ง เหมาะสำหรับนั่งทำงาน นั่งพักผ่อน หรืออ่านหนังสือในยามว่างได้เป็นเวลานาน แบบไม่จำกัดเวลา และมีฟรี Wifi ทำให้เป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่ไม่ควรพลาด

เมนูยอดฮิตของทางร้านที่ควรลอง ได้แก่

  • อเมริกาโน่ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย เข้มข้น กลมกล่อม มีกลิ่นหอมละมุนจากกาแฟ
  • ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานละมุนกำลังดี บวกกับฟองนมด้านบนลาเต้ที่ชวนดื่ม
  • เอสเพรสโซ่ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมกาแฟ รสชาติเข้มข้นมาก ขมนิดหน่อย แต่อร่อยกลมกล่อม
  • นมสดช็อกโกแลตชิพ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสหวาน หอม กลมกล่อมด้วยกลิ่นช็อกโกแลต ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
  • กระเจี๊ยบรูทเบียร์ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อยแบบเปรี้ยวนิด หวานหน่อย 
  • เสาวรสปั่น (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย เปรี้ยวอมหวาน ดีต่อสุขภาพ
  • ช็อกโกแลตบราวนี่ (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อช็อกโกแลตนุ่มหนึบ รสชาติหวานกำลังดี 
  • เครปเค้ก (ราคาเริ่มต้น 80 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี เนื้อเค้กมีความนุ่ม ละมุนลิ้น หวานอร่อย
  • ที่อยู่ : KU VILLE โซนอาคารหอพักนิสิตและบุคลากร ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน
  • เบอร์โทร : 097-1589000
  • พิกัด : Too fast Too sleep
  • เวลาเปิด- ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

24. Box & Brew Café and Board Games

Box & Brew Café and Board Games เป็นร้านคาเฟ่ ประเภทเครื่องดื่ม ขนมหวาน และเกมส์ จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูเครื่องดื่มขนมให้เลือกมากมาย ราคาประหยัด อีกทั้งเป็นร้านคาเฟ่สมัยใหม่ที่มีเกมส์ให้ลูกค้าได้เลือกเล่นหลายแนวเพื่อความเพลิดเพลิน พร้อมกับสั่งเมนูอร่อยๆ ของทางร้านทานไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่มาแล้วจะได้รับทั้งความอิ่ม และความสนุกแน่นอน

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ชานมสตรอว์เบอร์รี (ราคาเริ่มต้น 40 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยจากสตรอเบอร์รี บวกกับนมสดที่มีความหวานละมุน ทำให้รสชาติของเมนูนี้ออกเปรี้ยวหวาน และเย็นชื่นใจ
  • ชานมแคนตาลูป (ราคาเริ่มต้น 40 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยจากส่วนผสมของนมที่มีรสหวาน ละมุน และมีความหอมจากแคนตาลูป 
  • ชานมเผือก (ราคาเริ่มต้น 40) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความหอม หวานอร่อย
  • ชานม (ราคาเริ่มต้น 40 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่หวานนำ แต่รสชาติอร่อยละมุน
  • ชากล้วย (ราคาเริ่มต้น 40 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยด้วยกลิ่นหอมจากกล้วย บวกกับนมสด ทำให้มีรสชาติหวาน กลมกล่อม

Box & Brew Café and Board Games เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่ชอบอะไรแปลกใหม่ บวกกับมีเครื่องดื่มที่รสชาติ อร่อย เย็นชื่นใจ หากใครที่ชอบเล่นเกมส์ก็ชวนเพื่อนไปที่ร้านแห่งนี้กันได้เลย

  • ที่อยู่ : 1/29 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ฝั่งพหลโยธิน ซอยพหลโยธิน 40 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
  • เบอร์โทร : 081-1731590
  • พิกัด : Box & Brew Café and Board Games
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00 -22:00 น.
Nanana Cafe

25. Nanana Cafe

Nanana Cafe เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่ม และอาหาร จุดเด่นของร้าน คือ มีทั้งเครื่องดื่ม และอาหารที่อร่อย น่ารับประทาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากทางร้าน แถมยังราคาประหยัดสุดๆ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงามชวนน่าเข้า มีความโล่ง สบาย สไตล์ชาวนา  

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • กาแฟไรซ์เบอร์รี (ราคาเริ่มต้น 55 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมระหว่างกาแฟกับส่วนผสมของข้าวไรซ์เบอร์รีเข้าด้วยกัน ทำให้มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • กาแฟร้อนข้าวสังข์หยด (ราคาเริ่มต้น 35 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ มีรสชาติความอร่อยด้วยเนื้อข้าวที่ผสมเข้าไปกับกาแฟ ทำให้มีกลิ่นหอม อร่อย กลมกล่อม
  • น้ำมะนาวอัญชัน (ราคาเริ่มต้น 30 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นชื่นใจ
  • ใบเตยฝาง (ราคาเริ่มต้น 30 บาท) เป็นเครื่องดื่มที่มีความหอมจากใบเตย รสชาติไม่หวานมาก 
  • นมสดคาราเมล (ราคาเริ่มต้น 45 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความหอมจากคาราเมล มีรสชาติหวาน ละมุนกำลังดี 
  • ไข่กระทะ (ราคาเริ่มต้น 59 บาท) เป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีเครื่องแน่นๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อม
  • ข้าวไก่กรอบ (ราคาเริ่มต้น 59 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยด้วยเนื้อไก่กรอบนอกนุ่มใน เมื่อราดด้วยน้ำซอสก็ยิ่งอร่อย

Nanana cafe เป็นร้านเด็ด ม.เกษตรที่มีรสชาติความอร่อยที่คุ้มค่า และสไตล์การตกแต่งร้านที่ดูชิลล์ สบายตา จึงเป็นร้านที่ทุกคนไม่ควรพลาด

  • ที่อยู่ : 50 สำนักงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าวเกษตรกลางบางเขน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 063-6536291
  • พิกัด : Nanana Cafe 
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:00-17:00 น.

26. TREAT Cafe & Hangout

Treat Cafe & Hangout เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่ม เบเกอรี จุดเด่นของร้าน คือ มีการตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจ มีกลิ่นอายความอินดี้ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้กับลูกค้า บรรยากาศภายในร้านดูสะอาดตา น่าเข้า อาหารรสชาติอร่อย และเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • มอคค่า (ราคาเริ่มต้น 80-95 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมแบบช็อกโกแลต รสชาติหวานมัน กลมกล่อม
  • ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 80-95 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยหวานละมุน รสชาติเข้ม กลมกล่อม 
  • น้ำแตงโมโซดา (ราคาเริ่มต้น 70-95 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความซ่าจากโซดา และมีความหวานจากแตงโม ทำให้อร่อยลงตัว ช่วยเพิ่มความสดชื่น
  • เค้กมะพร้าว (ราคาเริ่มต้น 80-100 บาท) เป็นเค้กที่มีความอร่อยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน รสชาติหอม หวานละมุน 
  • บลูเบอร์รีชีสพาย (ราคาเริ่มต้น 90 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยด้วยเนื้อเค้กนุ่มละมุน รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
  • ซอฟต์ช็อกโกแลต (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากครีมช็อกโกแลต มีรสหวานหวานละมุน นุ่มลิ้น
  • สปาเก็ตตี้กุ้งพริกขี้หนู (ราคาเริ่มต้น 120 บาท) เป็นเมนูที่มีรสอร่อยด้วยเส้นสปาเก็ตตี้นุ่มๆ เต็มไปด้วยกุ้งคำโตๆ
  • ที่อยู่ :  563 ถนน พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร : 085-5515333, 093-2649292 
  • พิกัด : Treat Cafe & Hangout
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 11:00-23:00 น.
Cafe To All (Cafe 2 All)

27. Cafe To All (Cafe 2 All)

Cafe To All (Cafe 2 All) เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่ม และเบเกอรี จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูเครื่องดื่ม และเบเกอรีให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพงเกินไป อีกทั้งกาแฟของทางร้านมีรสชาติกำลังดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มกาแฟ และชอบทานเบเกอรีเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ Cafe To All (Cafe 2 All) เป็นร้านเด็ด ม.เกษตร ที่คุณไม่ควรพลาดแวะมาลิ้มลอง

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • มัทฉะ ลาเต้ (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมชาเขียวกับมันนม รสชาติอร่อย กลมกล่อม หวานละมุนกำลังดี 
  • เลมอนที (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมมะนาว รสชาติเปรี้ยวหวาน ให้ความรู้สึกสดชื่น
  • คาปูชิโน่ (ราคาเริ่มต้น 45- 60 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมละมุนจากกาแฟ รสชาติหวานมันเล็กน้อย อร่อยเข้มข้น กลมกล่อม มีฟองนมชวนน่าดื่ม
  • เอสเพรสโซ่ (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูที่มีกลิ่นหอมจากกาแฟ รสชาติอร่อยแบบเข้มข้นเต็มๆด้วยกาแฟ หนักแน่น และกลมกล่อม 
  • อเมริกาโน่ (ราคาเริ่มต้น 45- 60บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมกาแฟ รสชาติอร่อยกลมกล่อม 
  • มะม่วงผสมเสาวรสโซดา (ราคาเริ่มต้น 45-60 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมจากมะม่วงอกร่อง รสชาติหวานอมเปรี้ยวตัดกันระหว่างมะม่วง กับเสาวรสได้อย่างลงตัว บวกกับความซ่าของโซดาที่ทำให้รู้สึกสดชื่น
  • เค้กบราวนี่ (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยจากช็อกโกแลตเข้มข้น เนื้อเค้กนุ่มอร่อย หนึบหนับ 
  • เค้กบลูเบอร์รี (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยจากส่วนผสมของบลูเบอร์รี เนื้อเค้กนุ่มละมุน รสชาติเปรี้ยวหวาน
  • เค้กส้ม (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อย และมีกลิ่นหอมเนื้อส้ม เนื้อเค้กนุ่ม แถมยังมีวิตามินซี ดีต่อร่างกาย
  • บลูเบอร์รีชีสพาย (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท ) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยจากบลูเบอร์รี รสชาติมีความอร่อยเปรี้ยวหวานกำลังดี มีความหอมของชีสพาย 
  • โอริโอ้พาย (ราคาเริ่มต้น 35-60 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากโอริโอ้ รสชาติหวานละมุน หอมด้วยครีมชีส เคี้ยวง่าย อร่อยแบบกรุบกรับ
  • ที่อยู่  : 83 ถนนเสนานิคม 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
  • เบอร์โทร :  085-551 5333 
  • พิกัด : Cafe To All ( Cafe 2 All)
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:30-20:00 น.

28. Vistacafé

Vistacafé เป็นร้านคาเฟ่ ขนมหวาน ประเภทเครื่องดื่ม เบเกอรี จุดเด่นของร้าน Vistacafé คือ มีการใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สดใหม่ สะอาด มีเมนูที่หลากหลายให้เลือกรับประทาน เครื่องดื่มมีรสชาติอร่อย อีกทั้งเบเกอรีของทางร้านก็ปราศจากไขมัน เป็นร้านคาเฟ่เพื่อสุขภาพ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งสวยงามสไตล์น่ารักๆ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้าน ได้แก่

  • ช็อกโกแลตเย็น (ราคาเริ่มต้น 90 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยด้วยส่วนผสมของช็อกโกแลตเข้มข้น บวกกับนมสดหวานมัน ทำให้มีรสชาติที่อร่อยเข้ากัน
  • ปังเย็นชาไทย (ราคาเริ่มต้น 80บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมชาไทย รสชาติหวานมันอร่อย เข้มข้นกำลังดี
  • ปังเย็นนมชมพู (ราคาเริ่มต้น 70 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยแบบหวานนม กลิ่นหอมละมุน บวกกับความอร่อยของขนมปังออร์แกนิก
  • ลาเต้เย็น (ราคาเริ่มต้น 90 บาท ) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยด้วยกาแฟที่เข้มกำลังดี บวกกับรสชาตินมที่กลมกล่อม ทำให้มีรสชาติที่หอมละมุนเต็มๆ
  • เค้กแครอท (ราคาเริ่มต้น 90 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยแบบนุ่ม ละมุนจากเนื้อแครอท รสชาติของเค้กมีรสเปรี้ยวหวาน ดีต่อสุขภาพ
  • คริสปี้ม็อคค่าพิสตารีโอ (ราคาเริ่มต้น 110 บาท) เป็นเมนูเบเกอรีที่มีความอร่อยด้วยกาแฟผสมกับพิสตารีโอ ทำให้มีรสชาติที่หอมหวานด้วยมอคค่า และเนื้อเค้กนุ่ม น่าทานสุดๆ

Vistacafé เป็นร้านคาเฟ่ ของกิน ม.เกษตรที่มีความอร่อย คุ้มค่าเกินราคา และเหมาะกับคนรักสุขภาพ ทำให้เป็นร้านที่ถูกใจใครหลายๆ คน 

  • ที่อยู่ : 39 ซอยหมู่บ้านปิ่นเกล้า แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 
  • เบอร์โทร : 093-8140097, 095-8509273 
  • พิกัด : Vistacafé
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:00-19:30 น.
Dressage Horse Cafe Bangkok

29. Dressage Horse Cafe Bangkok

Dressage Horse Cafe Bangkok เป็นร้านคาเฟ่ประเภทเครื่องดื่มและอาหาร จุดเด่นของร้าน คือ มีเมนูสไตล์อิตาเลียนหลากหลายให้เลือกตามใจชอบ แต่ละเมนูมีรสชาติอร่อย และน่ารับประทาน บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น มีความสวยงามเฉพาะตัว เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ 

เมนูยอดฮิตแสนอร่อยของทางร้านที่เป็นเครื่องดื่ม ได้แก่

  • Dressage Cappuccino (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความอร่อยเข้มข้นจากกาแฟ บวกกับฟองนมที่มีความนุ่มละมุน จึงทำให้เมนูนี้มีรสชาติที่หอมอร่อย กลมกล่อม
  • Strawberry Italian Soda (ราคาเริ่มต้น 85 บาท) เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีความซ่าสดชื่นจากโซดา บวกกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวด้วยสตรอว์เบอร์รี ทำให้มีรสชาติที่อร่อยแบบเปรี้ยว หวาน ซ่า และสดชื่นในแก้วเดียว

อีกทั้งยังมีเมนูยอดฮิตที่แสนอร่อยของทางร้านที่ขาดไม่ได้ คือ เมนูพิซซ่าสไตล์อิตาเลี่ยนที่มีให้เลือกถึง 14 หน้า สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า และเฟรนช์ฟรายส์

  • Pizza Prosciutto Cotto e Funghi (ราคาเริ่มต้น 340 บาท) เป็นเมนูพิซซ่าแฮมเห็ดที่มีความอร่อยเข้มข้นจากซอสมะเขือเทศ เนื้อแป้งพิซซ่ามีความยืดยาวด้วยชีสมอสซาเรล่าที่น่ารับประทาน
  • Pizza Garlic Sausage (ราคาเริ่มต้น 350 บาท) เป็นเมนูพิซซ่าไส้กรอกกระเทียม มีความอร่อยด้วยกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม และตัวเนื้อแป้งพิซซ่ามีความยืดนุ่มอร่อย น่ารับประทาน จากส่วนผสมของมอสซาเรลล่าชีสบวกกับไส้กรอกแน่นๆ ที่ทำให้เมนูพิซซ่ามีความอร่อยลงตัว ยิ่งราดด้วยซอสมะเขือเทศบนแผ่นพิซซ่า ก็ยิ่งแต่มีความอร่อยฟินๆ
  • Spaghetti Carbonara (ราคาเริ่มต้น 199 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเส้นสปาเก็ตตี้นุ่มๆ บวกกับเนื้อเบคอนเต็มคำ และชีสหอมๆ จึงทำให้เมนูนี้ชวนน่ารับประทาน
  • เฟรนช์ฟรายส์ (ราคาเริ่มต้น 99 บาท) เป็นเมนูที่มีความอร่อยจากเนื้อมันฝรั่งทอด กรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวเพลิน ยิ่งราดด้วยซอสมะเขือเทศ หรือซอสมายองเนสก็ยิ่งช่วยเพิ่มความอร่อยเป็นหลายเท่า
  • ที่อยู่ : 100/633 หมู่บ้านนักกีฬา ซอย 12 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10250
  • เบอร์โทร : 062-3944624
  • พิกัด : Dressage Horse Cafe Bangkok
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:00-20:00 น.

ปิดท้ายด้วยตลาดนัดของกิน สุดฮิต

ในย่าน ม.เกษตรยังมีตลาดนัดสุดฮิตอีก 2 แห่ง ที่ให้คุณได้เลือกชอปปิงสินค้าต่างๆ ได้ตามใจชอบ ได้แก่

30. ตลาดนัดเจเจกรีน 2

ตลาดนัดเจเจกรีน 2 เป็นตลาดนัดที่รวบรวมสินค้าเบ็ดเตล็ดหลากหลายชนิดที่รอให้ได้มาแวะชม แวะเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องประดับ เป็นต้น 

จุดเด่นของตลาดเจเจกรีน 2 เป็นตลาดนัดที่มีพื้นที่กว้าง สามารถรองรับผู้คนจำนวนมากให้ได้มาเดินชม ซื้อสินค้า หรือพักผ่อนหย่อนใจ เรียกได้ว่ามีสินค้าที่ให้ชอปปิงแบบครบ จบ สะดวก ในที่เดียว เพราะมีร้านขายสินค้าต่างๆ เช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัย ร้านรองเท้า ร้านแว่นตา ร้านน้ำหอม ร้านต้นไม้ ร้านเสริมสวย และอื่นๆ

อีกทั้งมีร้านอาหารมากกว่า 100 ร้าน ให้ได้มาลิ้มลอง นอกจากนี้ร้านอาหารในตลาดนัดเจเจกรีน 2 ยังได้รับความนิยม เพราะสินค้า อาหารราคาไม่แพง วัตถุดิบสะอาด และบริการดี ร้านอาหารที่ไม่ควรพลาด มีดังนี้

  • ร้าน บะหมี่ ปะ หล่ะ ? เป็นร้านที่ขายบะหมี่หมูแดง บะหมี่หมูกรอบ บะหมี่เกี๊ยว บะหมี่ไก่ตุ๋น 
  • ร้าน ชอบเนื้อโคขุน เป็นร้านที่ขายเนื้อโคขุนปิ้งร้อนๆ 
  • ร้าน ผู้พันหมึก เป็นร้านที่ขายปลาหมึกปิ้ง พร้อมกับรสชาติน้ำจิ้มที่อร่อยเผ็ดๆ แซ่บๆ 
  • ราดหน้า เจ้าเก่า สามย่าน เป็นร้านที่ขายราดหน้าอร่อยๆ 

หากใครที่ยังไม่เคยแวะมาตลาดนัดเจเจกรีน 2 ก็อย่าลืมแวะมากันนะ 

  • ที่อยู่ : 61 16 ถนนประชาชื่น แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
  • เบอร์โทร : 092-2161555
  • พิกัด : ตลาดนัดเจเจกรีน 2
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันพฤหัสบดี ถึงวันอาทิตย์ เวลา 18:00-24:00 น.
ตลาดนัดจ๊อดแฟร์

31. ตลาดนัดจ๊อดแฟร์

ตลาดนัดจ๊อดแฟร์ เป็นตลาดนัดอีกแห่งที่มีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมายให้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้มาชอปปิง เช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านต้นไม้ ร้านผักผลไม้ ร้านกระเป๋า ร้านเครื่องประดับ ร้านขนมหวาน เป็นต้น 

จุดเด่นของตลาดนัดจ๊อดแฟร์ คือ มีพื้นที่กว้างใหญ่ให้ลูกค้าได้มาเดินชอปปิงกันอย่างสบายๆ มีโซนถ่ายรูปที่สวยงามจากปราสาทจ๊อดแฟร์ แดนเนรมิต มีพื้นที่สำหรับจัดงานอีเวนต์ และมีร้านค้าต่างๆ ถึง 700 ร้านด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบอาหารหลากหลายประเภทให้ได้ลองทาน ซึ่งร้านอาหารที่รอเสิร์ฟความอร่อย และไม่ควรพลาดไปลิ้มลอง ได้แก่ 

  • ร้าน Oppa เกาหลี เป็นร้านอาหารเกาหลี ที่มีเมนูความอร่อยสไตล์เกาหลี แบบรสชาติเผ็ดอร่อย เช่น เมนูกิมจิ ต็อกโบกี และอื่นๆ
  • ร้าน ปัง 3 แมว เป็นร้านขนมปังเนยสดอร่อยๆ ที่ต้องทานคู่กับไอศกรีม 1 สคูป
  • ร้าน อา เฟง ลี่ เป็นร้านอาหารที่มีเมนูกุยช่ายสติ๊ก หน้าตาน่ารับประทาน และรสชาติอร่อย 
  • ร้าน Mango Me เป็นร้านที่มีเมนูน้ำปั่นผลไม้จากมะม่วง ไอศกรีมมะม่วง ข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งเป็นร้านที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานมะม่วง
  • ร้าน Farm Fresh เป็นร้านน้ำปั่นผลไม้บุฟเฟต์ที่สามารถตักผลไม้ได้ไม่อั้น 
  • ที่อยู่ : ถ. พระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
  • เบอร์โทร : 092-7135599
  • พิกัด : ตลาดนัดจ๊อดแฟร์
  • เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 16:00-24:00 น.

สรุป

ย่าน ม.เกษตร บางเขน มีของอร่อย ๆ ร้านเด็ด ร้านดังให้ได้ชิมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านของกินม.เกษตร ที่อร่อยๆ มากมาย หากคุณลงจากเครื่องที่ดอนเมือง และอยากไปแวะหาร้านทานข้าว หรืออยากไปคาเฟ่เพื่อนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ แถว ม.เกษตร โดยไม่อยากแวะเข้าที่พักหรือโรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระ สามารถใช้บริการของ AIRPORTELs ที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้วยการส่งสัมภาระจากสนามบินไปยังที่โรงแรมได้เลย อีกทั้งคุณจะได้ไม่พลาดในการแวะรับประทานอาหาร 1 ใน 31 ร้านอร่อยที่ห้ามพลาด อร่อยจนต้องบอกต่อ ย่านม.เกษตร (บางเขน) นั่นเอง

17 ร้านเด็ดบรรทัดทอง กินหวาน ทานคาว มัดรวมที่นี่ไว้แล้ว

สำหรับสายกินแล้ว ถนนบรรทัดทองเป็นย่านที่มีร้านอาหารเด็ดเยอะมากย่านหนึ่ง อีกทั้งยังมีผู้คนพากันรีวิวจนแน่นโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นของคาว หรือของหวาน มาที่นี่รับรองว่าตอบโจทย์ เพราะเดินทางง่ายไม่ไกลจากสยามมากนัก 

MBK บริการรับฝากและขนส่งกระเป๋า

ความน่าสนใจ และอีกจุดขายที่ทำให้ถนนบรรทัดทองกลายเป็นแลนด์มาร์คของใครหลายคนคือ ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต หากคุณชอปปิงจนของล้นมือ และต้องการหาสถานที่ฝากของ MBK ก็มี Airportels ให้ไป

ใช้บริการฝากของกันได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะที่นี่นั้นรับฝากของฟรี 2 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว หรือเหมาทั้งวัน 100บาท/ใบ เท่านั้น เดินกินจนอิ่มค่อยมารับสัมภาระกับ Airportels

อี้จาสุกี้หม่าล่า

1. อี้จาสุกี้หม่าล่า

ถูกใจคนชอบกินอะไรแซ่บๆ กับร้านหม่าล่าสายพาน ที่เริ่มต้นเพียงไม้ละ 5 บาท เท่านั้น จุดเด่นของร้านนี้คือเป็นหม่าล่าต้นตำรับจากเสฉวน เผ็ดชาที่ถูกต้อง อร่อยกลมกล่อมด้วยน้ำซุปหลากหลายสูตรให้คุณเลือกทานกันได้ตามความชอบ มีหมดทั้งน้ำซุปหม่าล่าเผ็ดชา, น้ำซุปกระดูกหมู, น้ำซุปมะเขือเทศ หรือจะเป็นน้ำซุปเห็ดหอมที่จะได้กลิ่นอ่อนๆ ของเห็ดหลากหลายชนิด

เหตุผลที่ทำให้ร้านอี้จาสุกี้หม่าล่าติดอันดับร้านเด็ดประจำย่านบรรทัดทอง เพราะที่นี่มีเมนูที่ไม่ควรพลาด และทำให้หลายคนที่ชื่นชอบหม่าล่าต้องกลับมาใช้ซ้ำกันอีกอย่างต่อเนื่อง อย่างตัวน้ำซุปกระดูกหมูที่มีรสชาติหวานมัน กลมกล่อมรู้สึกถึงความเป็นครีมมี่นุ่มละมุนลิ้น น้ำซุปหม่าล่าเผ็ดชา ที่สมชื่อรสชาติน้ำซุป เพราะเพียงแค่ได้ซดเข้าปากไปเป็นเพียงน้อยก็ทำให้รู้สึกชาลิ้น และยังให้รสชาติเผ็ดที่ค่อนไปทางเค็มด้วยเล็กน้อย และที่พลาดไม่ได้คือ ฟองเต้าหู้ทอด ที่ราคาน่ารัก รสชาติดี เคี้ยวกรุบกรอบ

ร้านเจ๊โอว

2. ร้านเจ๊โอว

ตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดก็มีคนมารอต่อคิวกันจนแน่นกับร้านเจ๊โอว ที่จะเรียกว่าอร่อยระดับสากลก็คงไม่ผิด เพราะได้รับเลือกเป็นหนึ่งในร้านมิชลินไกด์ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าความอร่อยที่จะได้รับจากร้านนี้คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน ยิ่งถ้าคุณเป็นคนนอนดึก และอยากหาอะไรตอนกลางดึกอย่างข้าวต้ม หรือมาม่า ต้องร้านนี้เท่านั้น 

เมนูขึ้นชื่อที่ไปถึงต้องสั่งให้ได้สำหรับร้านเจ๊โอวคือ มาม่าโอ้โหววว แค่ชื่อก็อร่อยจนต้องร้องตะโกน เผ็ด หวาน มัน เค็ม กลมกล่อมทุกรสชาติเป็นเมนูที่คนบอกต่อมากที่สุด โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกทานแบบหมูสับล้วน หรือแบบมีทะเลผสม ราคาเข้าถึงได้ ไม่แพงเริ่มต้นเพียง 250 บาทเท่านั้น แต่ข้อควรรู้ในการทาเมนูนี้คือ จะขายหลัง 5 ทุ่มเท่านั้น ควรไปถึงร้านเพื่อเตรียมตัวสั่งกันตั้งแต่ 4 ทุ่ม 

ร้านเจ๊เกียง

3. ร้านเจ๊เกียง

ถ้าคุณชอบร้านอาหารสไตล์จีน ตักใส่จานมาแบบไม่เกรงใจใคร ในราคาย่อมเยา คุณจะต้องหลงรักในร้านของเจ๊เกียงแน่นอน เพราะที่นี่มีสไตล์การตกแต่งร้านที่ชัดเจน ภายในร้านตกแต่งสไตล์จีนแบบจัดเต็ม และเมนูขึ้นชื่อมากมายให้คนที่อยากสั่งอาหารจานเดียว แต่ก็กินได้อิ่มแบบไม่ต้องเบิ้ล

เมนูที่ไม่ว่าใครมา ก็ต้องขอลองกันสักครั้ง ได้แก่ เป็ดพะโล้ที่จัดเป็ดทั้งตัวมาเสิร์ฟให้กับคุณ เนื้อสัมผัสของเป็ดนุ่มละมุนลิ้น ถึงเครื่องแกงพะโล้จะไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็ทำแต้มกับเนื้อเป็ดได้เป็นอย่างดี จานนี้เพียงราคา 200 บาท หรือจะเป็นกุ้ยช่ายข้าวผัดหมูกรอบที่ได้เยอะจนล้นจาน รสชาติเค็มนำตามด้วยเนื้อหมูกรอบๆ ยิ่งได้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ นี่เป็นเหมือนสวรรค์ของคนรักหมูกรอบก็ไม่ผิด 

เสน่ห์ ลาบก้อย

4. เสน่ห์ ลาบก้อย

เสน่ห์อาหารอีสานที่พร้อมจะมัดใจทุกคนไปกับเมนูสุดคลาสสิกที่กินเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อกับร้าน เสน่ห์ ลาบก้อย ใครที่เดินเตร็ดเตร่ไปมา อยากทานของแซ่บอาหารรสนัว ต้องลองโดนมนต์เสน่ห์ ลาบก้อยกันสักครั้ง ที่นี่อาจจะไม่ได้มีการตกแต่งเวอร์วัง เหมือนร้านอาหารทั่วไป แต่รสชาติอาหารใครมาก็ต้องยกนิ้วให้ 

เมนูต้องสั่ง มาแล้วต้องลองคือ คอหมูย่าง ที่หากได้ลองเอาเข้าปากความฉ่ำของคอหมูย่างที่กระตุ้นต่อมน้ำลายได้เป็นอย่างดี ยิ่งเคี้ยว ยิ่งนุ่ม ทานจานแรกหมด แทบจะอดสั่งจานสองต่อไม่ได้ และอีกเมนูที่พลาดแล้วจะต้องเสียใจคือ เสือร้องไห้ ความนุ่มพอดี ไม่เหนียว ไม่แห้ง ทุกครั้งที่ได้เคี้ยวเสือร้องไห้ไว้ในปาก คุณแทบจะร้องไห้ตาม เพราะกลิ่นหอม และรสชาติที่อบอวลในปากเข้าที่เข้าทางถูกปรุงมาได้แบบไร้ที่ติ ทำให้นี่เป็นอีกร้านเด็ดบรรทัดทองไปโดยปริยาย 

สมบูรณ์โภชนา

5. สมบูรณ์โภชนา

ใครที่กำลังท้องร้อง และอยากรับประทานปูผัดผงกะหรี่ ร้านอาหารอย่าง สมบูรณ์โภชนา จะต้องเด้งเข้ามาเป็นไอเดียแรกๆ แน่นอน เพราะที่นี่เป็นต้นตำรับปูผัดผงกะหรี่ก็คงจะไม่ผิด ด้วยอายุร้านที่อยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ พ.ศ. 2512 และแนวทางในการนำเสนอเมนูอาหารที่มีการผสมผสานระหว่างไทย และจีน ทำให้ที่นี่เป็นร้านที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน พร้อมกับเมนูที่หลากหลาย อร่อยกลมกล่อมรสชาติเยี่ยม โดยเฉพาะปูผัดผงกะหรี่ที่ใครมาเยียนที่นี่ก็ต้องสั่งกันทุกครั้งไป 

ตุ้งแฉ่เตาถ่าน

6. ตุ้งแฉ่เตาถ่าน

หนึ่งในร้านอาหารที่เก่าแก่ และกำลังมีอายุเหยียบปีที่ 60 ของย่านบรรทัดทองคือร้านตุ้งแฉ่เตาถ่าน ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของร้านสไตล์วินเทจไว้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ร้านเปิดขายไว้ได้จนกลายเป็นจุดขาย สีภายนอกของร้านเป็นสีเขียว สไตล์การตกแต่งแนวจีนโบราณ ทำให้รู้สึกขลัง และเหมือนโดนต้องมนตร์ชวนให้ต้องเข้าไปลองรับประทานอาหารกันสักมื้อจากที่นี่ 

เมนูยอดฮิตที่ได้รับกระแสอย่างล้นหลาม ต้องเป็น เหลาะหนี ที่จุดขายของเมนูนี้คือรสชาติ และกลิ่นหอมของเตาถ่านที่ช่วยสร้างบรรยากาศในการรับประทานได้แบบหลายเท่าตัว และที่สำคัญที่นี่ จะไม่ใส่ผงชูรส ทำให้มั่นใจได้ว่าทานเยอะเท่าไหร่ ก็ปลอดภัยต่อสุขภาพ อร่อยจริงด้วยวิธีการ และการปรุงอาหารแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ 

ร้านคุณนายทะเลดอง บุฟเฟ่ต์พรีเมียม (สาขาบรรทัดทอง)

7. ร้านคุณนายทะเลดอง บุฟเฟ่ต์พรีเมียม (สาขาบรรทัดทอง)

คนรักอาหารทะเล หรือเมนูทะเลดองถูกใจ แชร์คอนเทนต์ร้านนี้จนกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างล้นหลาม เนื่องจากที่นี่มีจุดขายชัดเจนคือ อาหารทะเลดองที่รวบรวมไว้ทุกอย่างในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยความชอบในการรับประทานอาหารดองของเจ้าของร้าน และอยากเปิดร้านอาหารทะเลดองเป็นของตัวเอง ทำให้มีเครือข่ายกับชาวประมงโดยตรง มั่นใจเรื่องความสดใหม่ ไม่ใช้สารเคมีได้เลย 

เมนูยั่วใจที่ใครก็ห้ามใจไม่อยู่คือ กุ้งมังกร ที่มีพร้อมเสิร์ฟทั้งแบบซาชิมิสดหวาน และแบบเบิร์นไฟ ที่แค่เห็นขนาดไซซ์ ก็แอบรู้สึกคุ้มตั้งแต่ยังไม่ได้ทาน หรือจะเป็นอาหารทะเลอื่นๆ ก็มีให้ทานเช่นเดียวกันแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้ง ปลาหมึก, แซลมอน, ปูไข่นึ่ง, กั้งดอง หรือปูทะเลดองก็มีที่ร้านคุณนายทะเลดอง บุฟเฟ่ต์พรีเมียม (สาขาบรรทัดทอง)

ดง หมู กรอบ 

8. ดง หมู กรอบ 

ไม่มีใครปฏิเสธความกรุบกรอบ หอม อร่อยกลมกล่อมของหมูกรอบไปได้ แค่พูดชื่อก็ทำให้หลายคนได้กลิ่นหอม และกลืนน้ำลายกันแบบรัว ๆ แต่ถ้าจะถามว่าหมูกรอบในย่านบรรทัดทองที่ไม่ควรพลาดคือเจ้าไหน ก็ต้องขอตอบดง หมู กรอบ ถึงภายนอกร้านจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ด้านเมนูที่พร้อมให้บริการรับรองได้ว่าถูกใจคนรักหมูกรอบร้อยเปอร์เซ็นต์ 

เมนูของทางร้านครอบคลุมทุกเมนูหมูกรอบ ไม่ว่าจะเป็น กะเพราหมูกรอบ, ข้าวผัดหมูกรอบ, ยำหมูกรอบ หรือหมูกรอบคั่วพริกเกลือ ที่แต่ละเมนูนำเสนอความฉ่ำ กลิ่นหอมชวนรับประทานได้ไร้ที่ติ ยิ่งด้านความหนานุ่มของหมูกรอบก็ทำออกมาได้โดนใจประชากรคนรักหมูกรอบได้แบบสุด ๆ 

Fishmonger

9. Fishmonger

ร้านเด็ดย่านบรรทัดทองที่เพิ่งได้รับรางวัล LINE MAN Wongnai Users choice 2023 และรางวัลสุดยอดร้านอาหารของคนไทยเพื่อคนไทยตลอด 10 ปีไป นั้นคือร้าน Fishmonger ที่มีเมนูเลื่องชื่ออย่าง ฟิชแอนด์ชิป ที่ไม่ว่าใครได้ชิม ต่างก็ต้องยกนิ้ว และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย และให้เป็นเมนูในดวงใจประจำร้านนี้ไปตามๆ กัน 

ทางร้านมีเมนูไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ครอบคลุมความต้องการเมนูคนรักปลาได้ดี เพราะที่นี่มีเมนูปลาพร้อมเสิร์ฟมากมายทั้ง เบอร์เกอร์ปลา, ฟิชแอนด์ชิปส์ รวมถึงสลัดปลาย่าง พร้อมกับ Snacks อื่น ๆ ให้เลือกรับประทานกันอีกมากมาย

โจ๊กสามย่าน

10. โจ๊กสามย่าน

อร่อยจริง การันตีด้วยอายุที่อยู่มายาวนานมากกว่า 70 ปี และยอดขายมากกว่าพันชามกับร้านโจ๊กสามย่าน จุดขายของทางร้านที่มัดใจทุกคนที่ได้ทานครั้งแรก และจะต้องกลับมาเป็นลูกค้าประจำคือ การนำหมูไปต้มกับโจ๊ก ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้นั้นมีความนุ่มเด้ง และฉ่ำสะใจทุกคนที่ได้ลองชิม 

ด้านตัวโจ๊กของทางร้านไม่เหลวเกิน และมีกลิ่นหอมของข้าว สะอาด เนื้อหมูที่ให้มาก็ใหญ่ แค่เมนูเดียวก็การันตีว่าอิ่มแน่ ใครชอบเครื่องในยิ่งแล้วใหญ่ เพราะที่นี่มีเทคนิคพิเศษในการเสิร์ฟเครื่องในที่ไม่มีกลิ่นคาว อร่อยเนื้อแน่นอิ่มชัวร์ต้องโจ๊กสามย่าน

แหลกไม่แหลก

11. แหลกไม่แหลก

อยากทานอะไรนัว ๆ เมนูตำ ขอแนะนำอีกหนึ่งร้านขึ้นชื่อแถวบรรทัดทองอย่าง แหลกไม่แหลก มีครบให้คุณได้อิ่มจุใจไปกับเมนูตำที่หลากหลาย ทั้งตำไทย, ตำปูไข่ดอง, ตำลาว และตำอีกมากมายที่รอพร้อมเสิร์ฟ ที่สำคัญเลยก็คือราคาที่ไม่แพงเลย เพราะช่วงราคาของร้านแหลกไม่แหลกอยู่ราว ๆ 80-250 บาทเท่านั้นเอง ด้านความสะดวกสบายในการเดินทาง ก็หายห่วง เพราะคุณสามารถที่จะจอดรถฟรี 1 ชั่วโมง โล่งใจนั่งนานได้ไม่ต้องจ่ายค่าจอดรถเพิ่ม 

มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำ 

12. มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำ 

มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำไม่ใช่ร้านสะเต๊ะธรรมดา เพราะที่นี่เปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 55 ปี และเนื้อหมูที่ทางร้านใช้ทำหมูสะเต๊ะก็เป็นถึงเนื้อที่ผ่านการคัดเลือกจาก “เบทาโกร” ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการเลี้ยงดู ให้คุณหายห่วงเรื่องของเนื้อหมูที่ไม่ได้คุณภาพ หรือมีสารเคมีเจือปน อีกจุดเด่นที่ต้องพูดถึงคือน้ำจิ้มที่ทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง ทำให้ได้รสชาติหวาน เค็ม กลมกล่อมแบบกำลังดี อยากลองเนื้อสะเต๊ะอร่อย ปลอดภัย ราคาดีที่เริ่มต้นเพียงไม้ละ 10 บาท มิ้งโภชนา สะเต๊ะซีอิ๊วดำที่นี่ที่เดียว พลาดไม่ได้ 

เต้าฮวยเจ๊หน่อย

13. เต้าฮวยเจ๊หน่อย

เกินครึ่งทางกันไปแล้วสำหรับรายชื่อร้านเด็ดบรรทัดทอง สำหรับร้านนี้เป็นร้านของหวานชื่อดังที่มีอายุอยู่ในย่านแห่งนี้มามากกว่า 20 ปี ภายในร้านมีของหวานมากมาย ตั้งแต่เฉาก๊วย, เต้าฮวย, บัวลอยใส่ไส้ครบทั้งแบบร้อน และแบบเย็น ให้คุณได้เลือกแบบเต็มที่ ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ที่อยากลองประเดิมกับร้านนี้ แนะนำว่าถ้าไปเป็นกลุ่ม รวบรวมเมนูแล้วส่งให้ทางร้านทีเดียว เพราะคิวร้านนี้แน่นตลอด ไม่มีแผ่ว 

เล็กใหญ่ นมสด

14. เล็กใหญ่ นมสด

ต่อเนื่องกับหมวดของหวานที่ไม่ได้มีดีแค่ของหวาน และเครื่องดื่มภายในร้านเพียงเท่านั้น เพราะที่ร้านเล็กใหญ่ นมสดแห่งนี้มีวงดนตรีสดที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงระหว่างรับประทานของหวานกันด้วย ด้านเมนูของที่นี่ก็มีดีไม่แพ้กัน เพราะทุกเมนูของที่นี่จะพาคุณย้อนวันวานไปในสมัยเรียน ด้วยเมนูเครื่องดื่มชงปั่น, ขนมปังปิ้ง หรือปังเย็นหน้านิ่ม ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ ได้เติมน้ำตาล และของหวานเย็น ๆ เข้าร่างกาย รับรองว่าฟินแน่นอน 

ถ้วยถังไอติม

15. ถ้วยถังไอติม

ถ้าพูดถึงของหวานสุดคลาสสิกเป็นไปไม่ได้ที่จะขาดของหวานขึ้นชื่ออย่าง ไอติมถัง ใครที่คิดว่าหาทานยาก อยากแนะนำให้ลองไปที่ร้านถ้วยถังไอติม ที่มีเมนูประยุกต์ และสร้างสรรค์มากมาย ทั้งเกาลัด, ถั่วตัด, น้ำเต้าหู้งาดำ, นมชมพูถั่วแดง, ไมโลโรงเรียน หรือชานมไต้หวันก็มีหมดในที่เดียว สไตล์การตกแต่งร้านเองก็น่ารักแบบคาเฟ่ให้คุณได้หามุมถ่ายรูปเช็กอินกันได้อีกด้วย

ร้านน้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ

16. ร้านน้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ 

ร้านน้ำเต้าหู้ที่เคยเป็นกระแสทั่วโลกออนไลน์ เพราะมีนักร้องขวัญใจคนทั่วทั้งโลกอย่างลิซ่าได้แวะไปชิม ทำให้ผู้คนสนใจ และแห่ไปลองชิมตามกัน นอกจากรสชาติจะดีเยี่ยมแล้ว เครื่องใส่ให้แบบจัดหนักล้นถ้วยกันเลยทีเดียว ราคาประหยัด ได้อิ่มจนเกินคุ้ม ใครคอของหวานต้องตามไปตำด่วน เมนูขึ้นชื่อที่ทุกคนลงความเห็นว่าดีจริงต้องลองได้แก่ เฉาก๊วยนมสดภูเขาไฟ, บัวลอยน้ำขิง และเฉาก๊วยนมสดที่เนื้อเฉาก๋วยเด้งดึ้ง เคี้ยวมันปากสุด ๆ 

Black Sesame House by SWC

17. Black Sesame House by SWC  

ปิดท้ายไปกับร้านของหวานเลื่องชื่อของเด็กสยามคือ Black Sesame House by SWC ที่ของดีของเด็ดจากทางร้านคือ บัวลอยงาดำลาวา ที่เรียกลาวาก็สมชื่อ เพราะงาดำข้างในแน่นจนไหลเยิ้มออกมาทันทีที่ได้เคี้ยว ที่สำคัญมีพร้อมเสิร์ฟให้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะชอบแบบร้อน หรือรักแบบเย็น ที่ Black Sesame House by SWC ตอบโจทย์สำหรับคอบัวลอย

สรุป

ใครเป็นนักชิม หรือสายกินจะพลาดย่านบรรทัดทองนี้ไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ของคาวเท่านั้น จากเนื้อหาข้างต้นที่รวบรวม 17 ร้านเด็ดบรรทัดทอง จะเห็นได้ว่ามีหมดครบทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะของคาว หรือของหวาน เดินชิมแวะทานได้ตั้งแต่หัววันยันเที่ยงคืน ใครอยากจัดทริปเที่ยวกิน ไม่ต้องไปไกล แวะไปที่ย่านบรรทัดทองที่เดียวอิ่มจนจุก